• ทาสที่รัก • || ตอนที่ 6 • เรื่องเดียวที่ขอ || 16-10-62 หน้า 3
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: • ทาสที่รัก • || ตอนที่ 6 • เรื่องเดียวที่ขอ || 16-10-62 หน้า 3  (อ่าน 13790 ครั้ง)

ออฟไลน์ L@DYMELLOW

  • กำลังงงๆ เพราะหาทางลงจาก “คาน” ไม่เจอ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 356
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +826/-4
    • facebook
ตอนที่ 3
โลกคู่ขนาน



ในจักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาลประกอบไปด้วยดาวเคราะห์น้อยใหญ่มากมาย นักวิทยาศาสตร์ต่างเสาะหาสิ่งมีชีวิตจากดาวอื่นๆ เพื่อพิสูจน์ว่า ‘โลก’ ไม่ได้เป็นเพียงดาวเคราะห์ดวงเดียวที่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ การค้นพบอันยิ่งใหญ่เกิดขึ้นมากมาย ดาวดวงแล้วดวงเล่าถูกเราค้นพบแล้วถือสิทธิ์ในการตั้งชื่อให้มัน มีเพียงไม่กี่ดวงเท่านั้นที่เหล่ามนุษยชาติได้ลงไปเหยียบย่ำ แต่ก็ยังมีอีกมากมายนักที่เรามิอาจค้นเจอ

สิ่งแปลกประหลาดเกิดขึ้นได้เสมอแม้จะอยู่ในยุคที่วิทยาศาสตร์สามารถไขข้อสงสัยได้ทุกสิ่ง ทั้งเรื่องลี้ลับ เรื่องราวเขย่าขวัญ หรือแม้แต่โลกคู่ขนานที่ถูกกล่าวว่าเป็นความคิดของคนเพ้อฝัน แต่ใครเล่าจะพิสูจน์ได้อย่างชัดแจ้ง มนุษย์ผู้ใดจะชี้ชัดได้ว่าในโลกที่เราเกิดและเติบโตนี้จะไม่มีโลกใบอื่นทับซ้อนกัน


มีเพียงเหล่าผู้ล่วงรู้เท่านั้น...


และหนึ่งในผู้รู้เหล่านั้นก็กำลังนั่งรับลมท่ามกลางผืนหญ้าสีเขียวอ่อนนุ่มกำลังดี ลมโชยพัดอ่อนๆ ขับไล่ไอร้อน ขับเสียงเสียดสีของแมกไม้ให้เสนาะน่าฟัง ขนสีขาวนุ่มฟูพลิ้วไหวพาให้ร่างกายรู้สึกดี

ไม่รู้จริงๆ ว่าเป็นระยะเวลาแน่นอนเท่าไหร่แล้ว แต่จากการคำนวณคร่าวๆ ก็น่าจะกินเวลาร่วมเดือนเข้าไปแล้วที่ผู้สูงศักดิ์อย่างเขาต้องมาติดแหง่กอยู่ในโลกแห่งนี้ กินๆ นอนๆ อยู่ในพื้นที่จำกัดจำเขี่ย กับผู้ร่วมอาศัยแสนจะน่ารำคาญที่ทำเอาปวดหัวได้อยู่เรื่อย

‘มาเล่นกันเถอะๆๆ’

บรรยากาศอันแสนสงบจบลงเพียงเท่านี้สินะ

แมวหนุ่มเจ้าของขนสีขาวกระจ่างหันไปมองเจ้าของเสียงร่าเริงที่วิ่งพุ่งเข้ามาพร้อมกับลูกบอลสีส้มในปาก จากนั้นก็สะบัดของเล่นชิ้นโปรดเข้าใส่ -- อี๋~ น้ำลาย!!

‘สกปรกจริงเจ้าหมา!’ เขาจำต้องใช้อุ้งเท้าสีขาวสะอาดยกปัดลูกบอลนั้นไปให้พ้นทาง แล้วปล่อยให้เจ้าหมาแสนร่าเริงวิ่งตามไปคาบด้วยความสนุก ขนสีน้ำตาลทองดกหนาขยับไหวไปตามลม ผู้มองได้แต่ถอนหายใจเมื่อเจ้าก้อนขนนั้นวิ่งกลับมาโยนบอลใส่อีกเพื่อให้เขาเล่นด้วย

เขาปัดบอลไปไกลกว่าเดิมอีกครั้ง

‘เย่ๆๆ~’

เจ้าหมาน้อยเอ๊ย...

แมวหนุ่มทำใจรับสภาพพี่เลี้ยงเด็กมาได้หลายวันแล้ว มันก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่นักหรอกเพราะพอเจ้าตัวเหนื่อยก็จะไม่มาตอแยกันอีก แต่บางครั้งพลังงานอันล้นเหลือก็ทำเอาคนเล่นด้วยตั้งรับไม่ได้เหมือนกัน

‘ขอบใจนะโทนี่’

‘ไม่เป็นไรหรอกคุณต๋อมแต๋ม’  โทนี่หันไปบอกผู้มาใหม่อย่างเป็นกันเองพลางตบลูกบอลที่ลอยมาอีกครั้ง เจ้าของนามต๋อมแต๋มเดินมานั่งลงข้างๆ อวดขนสีน้ำตาลอ่อนสวยงามไม่ต่างจากของลูกชาย เท่าที่ทำความรู้จักกันมานั้นคุณต๋อมแต๋มอยู่กับเจ้าของบ้านมานานหลายปี และต๊อกแต๊กเจ้าหมาร่าเริงนั่นคือลูกคอกสุดท้ายก่อนที่เธอจะมีลูกอีกไม่ได้

‘แม่ๆๆ มาเล่นกัน’ เจ้าต๊อกแต๊กวิ่งมาหาแม่ตัวเอง แต่พอเห็นเขาปัดลูกบอลไปไกลอีกก็รีบวิ่งตามอย่างสนุกสนาน เสียงหัวเราะของความเป็นเด็กพลอยให้คนฟังยิ้มได้

‘เป็นอย่างไรบ้าง ติดต่อกับคนที่บ้านได้รึยัง’ คุณต่อมแต๋มเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงใจดี

‘อาจจะเป็นเรื่องลำบากสักหน่อย แต่คงอีกไม่นานคงกลับไปได้’ เจ้าของขนสีขาวฟูนุ่มบอกอย่างมีความหวัง เรื่องทั้งหมดต้องกล่าวโทษพวกมนุษย์ใจทรามกลุ่มนั้น! ทำร้ายร่างกายเราไม่พอยังบังอาจดึงหนวดเส้นสำคัญที่คอยนำทางไปยังประตูมิติ แม้ตอนนี้มันจะเริ่มขึ้นมาแล้วแต่กว่าจะยาวเต็มที่จนรับรู้ตำแหน่งได้ก็คงกินเวลาอีกเกือบสองเดือน

คิดแล้วก็ให้ถอนหายใจพลางทำหน้าที่ตบลูกบอลไปด้วย

‘เผ่าพันธุ์ของเราก็มีเรื่องเล่าถึงดินแดนที่เธอจากมาเหมือนกัน’  คุณต๋อมแต๋มมองลูกชายวิ่งเล่นด้วยสีหน้าเป็นสุขก่อนจะเงยหน้ารับลมที่โชยกลิ่นหญ้าหอม

‘เล่ากันว่าดินแดนนั้นไม่มีมนุษย์แม้แต่ผู้เดียว มีแต่เผ่าพันธุ์ของเราใช้ชีวิตกันอย่างเสรีและมีความสุข จนกระทั่งค้นพบห้วงมิติที่นำมาสู่โลกนี้ เหล่าสุนัขพากันข้ามมาสำรวจด้วยความอยากรู้ ทุกสิ่งดูแปลกใหม่น่าค้นหา แต่ใครจะรู้ว่านานวันเข้าโลกใบนี้จะทำให้พวกเราไร้ซึ่งความบริสุทธิ์จนไม่อาจกลับดินแดนได้อีกต่อไป’

เกิดความเงียบท่ามกลางเสียงแห่งความสุขของเด็กน้อย เราก้มหน้าลงด้วยความกังวลที่ไม่อาจปิดบัง ในหัวมีแต่ภาพของครอบครัวและเหล่าแมวที่รู้จักคุ้นเคย นึกถึงบรรดาสหายที่ผ่านประตู้มิติไปแล้วไม่เคยได้กลับมาอีกเลย เขา...เขาจะไม่อาจได้กลับไปบ้านเกิดเมืองนอนอีกแล้วใช่หรือไม่

‘อย่ากังวลไปเลย’ แมวหนุ่มเงยหน้ามองแม่หมาใจดีที่ส่งยิ้มให้กำลังใจ  ‘ขอเพียงเธอมีสิ่งนำทางไม่ว่าอย่างไรก็จะต้องได้กลับไปแน่’
อัลโทนีโอพยักหน้าอย่างเข้าใจ เขาเคยอ่านตำนานของอาณาจักรมาบ้างเหมือนกัน มีอยู่ข้อหนึ่งได้บันทึกไว้ว่า เด็กที่เกิดนอกดินแดนจะไร้ซึ่งความบริสุทธิ์แห่งสายเลือดจึงมิอาจนับเป็นส่วนหนึ่ง และผู้ที่มีสัมพันธ์กับสายเลือดไม่บริสุทธิ์จะมิอาจกลับมาได้อีก


เพราะฉะนั้นเขาจะต้องได้มีโอกาสกลับไปแน่นอน


แต๋ม! แต๊ก! เจ้าเหมียว!

‘คิก เจ้านายเรียกแน่ะ’ ร่างสูงใหญ่ของโกลเด้น รีทรีฟเวอร์ลุกขึ้น คุณต๋อมแต๋มเรียกลูกชายให้ตามไปต้อนรับเจ้าของบ้านที่กลับมาจากที่ทำงานที่อยู่ข้างๆ บ้าน

‘เราอยากจะบอกเขาเหลือเกินว่าเราไม่ได้ชื่อนั้น’ แมวเพียงหนึ่งเดียวในบ้านเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์

‘ฟังดูน่ารักดีจะตาย’ ว่าแล้วสองแม่ลูกก็พากันวิ่งไปยังทิศทางของเสียงเรียก

เขาคือหนึ่งในตระกูลขุนนางระดับสูงของราชวงศ์อันเกรียงไกรที่ปกครองอาณาจักรแคทเทอร์นิปมาช้านาน มีนามอันไพเราะว่า ‘อัลโทนีโอ บวารี่ คูเท่น เดอ มองฟรัวร์ ที่แปด’ ซึ่งตั้งตามชื่อท่านปู่ที่มีชื่อเดียวกับท่านปู่ทวด อันเป็นชื่อเดียวกับท่านทวดของท่านทวดของท่านปู่ทวดอีกที แต่เจ้ามนุษย์ผู้นี้กลับเรียกเขาว่าเจ้าเหมียวๆ อย่างไม่ให้เกียรติกันสักนิด อย่างน้อยถ้าไม่รู้ชื่อกันก็ควรตั้งชื่อให้เป็นกิจจะลักษณะสิ!

ตอนที่เดินเข้าไปถึงก็เห็นสองแม่ลูกกำลังกินของว่างกันอย่างเอร็ดอร่อย พอเจ้ามนุษย์เห็นเขาเดินไปถึงก็เผยยิ้มร่า บรรยากาศเฉพาะตัวของเจ้ามนุษย์ที่แผ่ออกมานั้นทำให้เขาอดใจที่จะเข้าไปอยู่ใกล้ไม่ได้เลย

“ม๊าว~”

“มาๆ กินขนมเร็วเจ้าเหมียว”

แม้จะขัดใจเรื่องชื่อ แต่กลิ่นหอมๆ ที่โชยออกมาจากซองในมือมนุษย์นี่จะทำเป็นลืมเรื่องนั้นไปก่อนแล้วกัน

“ม๊าว~”

‘อร่อยมากมนุษย์’

“ม๊าว~”

‘เจ้านี่ช่างหาของมากำนัลเราเก่งเสียจริง!’

“อร่อยใช่มั้ย?”

เอาเถอะ! ถึงมนุษย์ชั้นสามัญผู้นี้จะเรียกชื่อเขาอย่างขอไปทีก็ช่าง เขายกโทษให้เพื่อเห็นแก่การดูแลอย่างดีและขนมแสนอร่อยที่มีให้บ่อยๆ แถมตัวก็ยังมีกลิ่นที่ชวนให้สบายใจแผ่ออกมา ฝ่ามือก็อุ่นกำลังดี ตะกรุยมือปรนนิบัติเขาได้ถูกที่ถูกจุดอีกต่างหาก

เมื่อของดีหมด เขาก็เช็ดปากอย่างมีมารยาทรวมถึงถือโอกาสล้างหน้าล้างตาเสียหน่อย ขณะที่มนุษย์ลูบขนอันสวยงามของเขาแล้วค่อยลุงขึ้นไปเก็บถาดอาหารที่สุนัขแม่ลูกกินกันเสร็จแล้วเช่นกัน รอยยิ้มเต็มใบหน้ามนุษย์เจ้าของบ้านตลอดเวลาจนคุณต๋อมแต๋มต้องคอยมองตามด้วยความเป็นห่วง

“อยู่บ้านกันดีๆ นะเด็กๆ”  ว่าจบมนุษย์ตัวสูงเท่ายักษ์ก็เดินยิ้มแฉ่งเดินหายเข้าประตูที่เชื่อมต่อกับร้านไป

‘พักนี้เจ้านายดูอารมณ์ดีแปลกๆ นะ’  คุณต๋อมแต๋มเอ่ยเลื่อนลอยด้วยความไม่สบายใจ

แมวหนุ่มทิ้งตัวนอนกับพื้นพลางทำความสะอาดอุ้งมือไปด้วย เขาเองก็ไม่รู้จะไขข้อข้องใจของคุณต๋อมแต๋มได้อย่างไร แต่จากที่เห็นมนุษย์ผู้นั้นมาช่วงไม่กี่วันมานี้นั้นเรียกได้ว่ารื่นเริงเหมือนเจ้าต๊อกแต๊กได้ของเล่นเลยเชียว

‘สองสามวันนี้ก็ออกไปนอกบ้านตอนกลางคืนประจำด้วย’  ความกังวลของแม่หมายังมีไม่หยุด ‘กลับมาก็ยิ้มจนหน้าบาน แล้วก็ยังไปเอารถสองล้อของใครมาก็ไม่รู้’

‘แต๊กรู้ๆๆ เป็นตักกะยานของมนุษย์ลูกค้า’ เจ้าหมาอวดรู้เด้งตัวขึ้นนั่ง หันไปมองแม่ตัวเองด้วยท่าทางไร้เดียงสา ‘แต็กจำกลิ่นได้ แต๊กเจอที่ร้านเจ้านาย กลิ่นห๊อมหอมล่ะแม่ เขากลัวแต๊กด้วยนะ แต่กลิ่นใจดีมันโชยหึ่งๆ เลยล่ะ’


‘อา~ สงสัยเจ้านายจะใกล้ถึงฤดูผสมพันธุ์แล้วสินะ’ คุณต๋อมแต๋มพยักหน้าหงึกหงักให้ลูกชาย

‘ที่ออกไปกลางคืนก็ไปเจอมามนุษย์คนนั้นมาแน่เลย กลิ่นหอมๆ ติดเจ้านายฟุ้งเลยล่ะ’  เจ้าหมาช่างเจรจาเสริม เรียกเสียงถอนหายใจจากแม่ผู้มากประสบการณ์

‘เราใกล้จะมีเจ้านายน้อยกันแล้วสินะ’

‘แต่มนุษย์ลูกค้าเป็นผู้ชายนะแม่’ ต๊อกแต๊กบอกหน้าซื่อ

‘...........’

คุณต๋อมแต๋มหมดคำพูด อัลโทนีโอมองดูร่างใหญ่โตเคลื่อนตัวจากไปนอนเล่นตรงชานบ้านเงียบๆ ปล่อยให้ขนสีน้ำตาลทองสวยพลิ้วไหวไปกับสายลมคล้ายกับปล่อยใจไปสู่ความเวิ้งว้างอันไกลโพ้น เขาเลยต้องตกเป็นเป้าของเจ้าหมาน้อยไปโดยปริยาย

‘ไว้คืนนี้ไปแอบดูเจ้านายกันนะโทนี่’ ต๊อกแต๊กเคลื่อนร่างมานอนข้างๆ ใช้อุ้งเท้าหนาโกยร่างเราไปนอนซุกท้องนุ่ม

‘ทำไมเราต้องไปตามติดชีวิตมนุษย์ด้วยเจ้าหมา’ มนุษย์น่ะแค่มีหน้าที่หาของอร่อยๆ ให้พวกเรากินก็เท่านั้น เป็นข้าทาสสองขาที่ต้องคอยดูแลพวกเราอย่างดี แค่ยอมให้ลูบให้เกาก็ถือว่าเขาใจดีมากแล้ว

เจ้าหมาต๊อกแต๊กเอียงหัวไปมาคล้ายไม่เข้าใจ ฮึ! ก็แน่ล่ะ... สุนัขน่ะมีความสัตย์ซื่ออยู่ในสายเลือด แค่ถูกทำดีด้วยก็ยกให้เป็นมิตร แต่สายพันธุ์แมวอย่างเขาน่ะทั้งหยิ่งและผยองในศักดิ์ศรี ไม่ได้ยอมกระดิกหางไว้ใจใครไปทั่วหรอกนะ

‘แต่มนุษย์ลูกค้าเป็นคนช่วยโทนี่นะ’

สิ้นคำเจ้าหมา เขาถึงกับอดใจยกมือขึ้นตะปบหัวปุยเบาๆ ไม่ได้

‘โทนี่ตีแต๊กทำไม’

‘เรื่องนี้ต้องรีบบอกเราไม่ใช่รึไง’

‘ก็แต๊กไม่รู้นี่ ขอโทษนะโทนี่’ ลิ้นใหญ่ยาวสีชมพูของเจ้าหมาแลบเลียหน้าเขาทีเดียวก็เปียกไปครึ่งหน้า อัลโทนีโอพยายามหลีกหนีแต่อุ้งเท้าใหญ่ก็ตะปบตัวเขาให้อยู่กับที่เพื่อที่จะเลียขนเอาใจ เขาได้แต่ถอนหายใจปล่อยให้เจ้าหมาน้อยทำไปจนกว่าจะพอใจ

เขาหวนนึกถึงกลิ่นหอมๆ กับความอบอุ่นของอ้อมกอดแล้วให้พึงพอใจ มนุษย์ผู้นั้นช่างดียิ่ง! เขาจะตอบแทนความดีนั้นด้วยการกระดิกหางให้บางเวลาก็ได้ แล้วจะแถมเลียแต่งขนให้เป็นพิเศษด้วย ถึงแมวจะหยิ่งขนาดไหนแต่ก็รู้จักตอบแทนบุญคุณหรอกนะ!



•   •   •   •  •



สุทธิรักษ์ลงจากรถประจำทางด้วยความรู้สึกห่อเหี่ยวพิกล

วันนี้เป็นเวรวันสุดท้ายสำหรับสัปดาห์นี้แล้วกว่าจะขึ้นอีกทีก็เป็นช่วงปลายเดือน และจากที่หมอกวินส่งข้อความมาบอกว่าพรุ่งนี้ร้านซ่อมรถจะเปิดบริการหลังจากปิดไปเสียหลายวัน นั่นหมายความว่าเขาคงไม่มีโอกาสได้นั่งซ้อนท้ายจักรยานของคุณหมออีกแล้ว ทำไมเวลามันช่างผ่านไปรวดเร็วขนาดนี้นะ...

ร่างผอมบางระยะสุดท้ายเดินฝ่าความเงียบยามค่ำคืนจนมาถึงหน้าบ้านคุณหมอกวิน ฝ่ามือขาวผ่องล้วงหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าสะพายข้างขึ้นมา ปัดปลายนิ้วเปิดข้อความล่าสุดที่เจ้าของบ้านส่งมาอ่านทวนซ้ำไปซ้ำมา

WIN_KaWIN  [ลงจากรถแล้วรีบโทรหาผมเลยนะครับ]

หัวใจเนี่ยโบยบินไปเร็วกว่าสัญญาณโทรศัพท์เสียอีก แต่สมองมันคอยแต่จดๆ จ้องๆ ชั่งใจเอาไว้

เขากับคุณหมอก็ไม่ได้สนิทสนมเป็นเพื่อนกัน แค่ความสัมพันธ์ของคนรู้จักกันก็น่าจะเพียงพอแล้วสำหรับสามวันที่อีกฝ่ายปฏิบัติด้วย คุณหมอทั้งมารับถึงที่บ้านในตอนเช้าและไปส่งในตอนกลางคืนอีก มันทั้งรบกวนเวลาและแรงกาย แล้วถ้าวันนี้เขาโทรเรียกคุณหมอออกมาอีกจะดูเป็นคนไร้มารยาทไม่รู้จักความพอดีหรือเปล่า

แต่ถ้าปล่อยโอกาสวันนี้ให้หลุดลอยไป ก็คงหมดหวังจะได้ใกล้ชิดคุณหมออีกแล้ว คนไม่ชอบสัตว์อย่างเขาจะหาทางไปเป็นลูกค้าที่ร้านก็นับว่าเป็นไปไม่ได้ จากนี้คงมีสิทธิ์แค่ยิ้มทักทายกันเวลาบังเอิญเจอกันแน่ๆ

เอาไงดีเล่าไอ้รัก!!

คิ้วเรียวสวยเป็นระเบียบขมวดมุ่น ความต้องการกับจิตสำนึกตีกันให้วุ่นในหัว... แต่แล้วหัวใจก็เป็นฝ่ายชนะ

ปลายนิ้วกดเบอร์โทรออกที่บันทึกไว้ รอสายไม่กี่วินาทีก็ได้ยินเสียงนุ่มๆ จากปลายสาย

“เอ่อ...สวัสดีครับคุณหมอ”

“สวัสดีครับคุณรัก” เพียงแค่คำทักทายสั้นๆ ก็ทำเอาคนได้ยินเคลิ้มไปกับเสียงนุ่มหูเคล้าเสียงขบขัน

“คือ...ผมมาถึงแล้วครับ”

“รับทราบครับผม”

หลังอีกฝ่ายวางสายไป ภายในบ้านหลังตรงหน้าก็เกิดเสียงตึงตังแว่วออกมา เสียงเรียกชื่อสุนัขดังเป็นระยะจวบจนกระทั่งประตูไม้ระแนงบานใหญ่เลื่อนออกแทนที่จะเป็นประตูเล็กที่เจ้าของมักนำจักรยานจูงเดินออกมา คนมองเคลื่อนตัวไปมองด้วยความสงสัย แล้วก็พบว่าวันนี้คงไม่ใช่จักรยานหรอกที่เขาจะได้นั่งกลับบ้าน

รถยนต์คันใหญ่ห้าประตูสีเทาเปิดไฟหน้าสว่างวาบ มันค่อยๆ เคลื่อนตัวออกมาจากที่จอด สุทธิรักษ์ขยับหลบให้พ้นทางด้วยความฉงน แอบคิดไปว่าหรือเพราะน้ำหนักตัวเขาเลยทำให้จักรยานคุณหมอยางแบนไปแล้ว

“คุณรักขึ้นรถเลยครับ เดี๋ยวผมปิดบ้านก่อน”  ร่างสูงสมส่วนของคุณหมอคนเก่งเปิดประตูลงมาบอกับเขา ก่อนจะวิ่งอ้อมไปรูดประตูรั้วปิดด้วยความรวดเร็ว

สุทธิรักษ์เดินไปเปิดประตูข้างคนขับแล้วขยับขึ้นนั่งอย่างไม่อิดออด ได้มีโอกาสเป็นตุ๊กตาหน้ารถให้คุณหมอในเวลาสั้นๆ ก็นับว่าคุ้มอย่างที่สุดแล้ว เขาขยับตัวนั่งรอในท่าสบายพลางแอบชำเลืองมองความสะอาดสะอ้านของรถคันใหญ่

โฮ่ง!

บางเสียงดังขึ้นจากด้านหลังพาให้คนได้ยินตัวเกร็งขึ้นมาทันทีทันใด ตุ๊กตาหน้ารถชั่วคราวค่อยๆ หันไปยังเบาะหลังที่เขาไม่ได้สนใจจะมอง และบางอย่างที่เห็นทำให้คนมองร้องครางในใจเสียงดัง

“โฮ่ง!”  เจ้าหมาตัวใหญ่ขนสีน้ำตาลสวยคล้ายจะยิ้มหน้าเป็นใส่เขา

“ว...หวัดดี เอ่อ...ต๊อกแต๊กใช่ไหม”  เป็นอีกครั้งที่เจ้าหมาส่งเสียงประหนึ่งยินดีที่เขาจำชื่อมันได้ ใบหน้ายาวยื่นผ่านช่องกลางออกมา ส่งจมูกดุนดันแขนเขาไปมา ขาหน้าข้างหนึ่งยังอุกอาจยื่นขึ้นมาสะกิดเขาพลางแนบหัวลงสื่อสารบางอย่าง

“ไม่เอาแบบแตะเนื้อต้องตัวกันได้ไหม?”  สุทธิรักษ์งึมงำกับตัวเอง ร่างเครียดเกร็งด้วยต้องใกล้ชิดกับสัตว์โดยไม่มีหนทางให้หลบหนี เขาได้แต่อดทนกลืนน้ำลายก้อนแล้วก้อนเล่าลงคอยามเพื่อนร่วมทางยังไม่หยุดแสดงการมีตัวตน

เขาไม่ได้เกลียดกลัวสัตว์ แต่ก็ไม่ชอบที่มันจะเข้ามาคลุกคลีด้วย แต่การโวยวายไล่ส่งหรือทำร้ายร่างกายก็ไม่เคยเกิดขึ้นในหัว ไม่เกี่ยวกับว่าเป็นสุนัขของคุณหมอหรือไม่หรอก เพราะเขาเชื่อว่าสัตว์ทุกตัวมีความคิดและความรู้สึก มันเจ็บได้แล้วก็คงร้องไห้เป็น การลงมือทำร้ายสิ่งมีชีวิตที่โต้ตอบเราทางคำพูดไม่ได้ดูจะใจร้ายเกินไป

แต่เขาก็ไม่ใช่สายมังสวิรัติ แถมยังตบยุง ตีแมลงวัน รวมถึงดักแมลงสาปด้วย... ก็นับว่าเป็นความเห็นใจที่ดูย้อนแย้งเหลือเกิน

“ต๊อกแต๊ก!”  เสียงเปิดประตูดังขึ้นก่อนคำเรียกชื่อเจ้าหมาไม่กี่วิ ร่างสูงใหญ่ขมวดคิ้วฉับเมื่อเห็นเจ้าหมายังคงตีมึน มันยื่นขาออกมาเกาะผู้โดยสารซ้ำยังแนบหน้าซบไม่สนใจคำเรียกเชิงขู่ของเจ้านาย

สุทธิรักษ์ได้แต่ยิ้มแห้ง

“แต๊กคงชอบคุณ”  เจ้าของรถควบเจ้าของหมากล่าวสรุป สุทธิรักษ์ยิ้มแห้งเหือดกว่าเดิมเสียอีก  “ผมว่าคุณต้องลูบมันหน่อยแล้วล่ะครับ ไม่งั้นหมอนี่คงไม่พอใจ”

หา!!  สุทธิรักษ์เบิกตาโต หันไปมองคนพูดราวกับตัวเองฟังอะไรผิดไป แต่ขณะยังไม่ทันจะได้เตรียมใจก็ถูกฝ่ามือใหญ่ยื่นออกมาจับมือของเขาเอาไว้

“ไม่ต้องกลัวนะครับ”  หมอกวินเอ่ยเจือรอยยิ้มน่ารัก แต่ใจของสุทธิรักษ์ถูกฝ่ามือที่ถูกกุมไว้ตรึงความสนใจไปหมดแล้ว ไฉนเลยจะมาสนใจกับรอยยิ้มหวานนั่นได้

ฝ่ามือหนาเลื่อนพามือเขาไปหยุดลงที่หัวปุยขนของเจ้าหมาช่างตื๊อ ขนนุ่มนิ่มเสียดสีฝ่ามือให้รู้สึกจั้กจี้ ทว่าบนหลังมือของเขากลับถูกความอุ่นร้อนจากฝ่ามือคุณหมอแนบเนาอยู่กลับรู้สึกจั้กจี้ยิ่งกว่า ฝ่ามือคุณหมอไม่ได้นุ่มมากออกจะสากนิดๆ ด้วยซ้ำ แต่กลับอบอุ่นเหมือนรอยยิ้มบนใบหน้า

“เป็นไงครับ? ไม่น่ากลัวใช่ไหม”

เขาพยักหน้าอย่างเคอะเขิน สายตาจับจ้องเพียงแต่ฝ่ามือที่ประสานกันบนหัวสีน้ำตาลทองของสุนัข เขาพยายามเก็บรายละเอียดความโชคดีนี้ไว้ในความทรงจำให้มากที่สุด กระทั่งนิ้วโป้งของคุณหมอที่เผลอเกลี่ยผิวเนื้อเขาไปมาก็ยังทนข่มกลั้นความอายจดจำร่องรอยอุ่นร้อนนั้นเอาไว้

ไม่รู้ว่ามันจะกินเวลาไปสักกี่นาที หรือคุณหมอต้องการให้เขาชาชินกับสัตว์ได้ในครั้งเดียว

สุทธิรักษ์ลอบมองสีหน้าของคุณหมอก็เห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจดจ้องอยู่บนฝ่ามือทั้งสอง ดวงตาคมทอประกาย รอยยิ้มจุดขึ้นตรงมุมปาก
เขาไม่กล้าคิดเข้าข้างตัวเองเลยไม่อาจตีความหมายจากท่าทางของอีกฝ่ายได้ แต่ครั้นคนถูกจ้องรู้ตัว สายตาคู่สวยก็พลันมองตรงมาที่เขา ริมฝีปากรึก็ส่งยิ้มกว้างจนขึ้นร่องเสน่ห์ข้างแก้ม


ตาพร่าไปหมดแล้ว... 


มือของเรายังคงวางอยู่ตำแหน่งเดิมเป็นเหตุให้สุทธิรักษ์ว้าวุ่นใจเป็นอย่างมาก ถ้าเขาดึงมือออกมาตอนนี้ก็จะดูเหมือนรังเกียจคุณหมอใช่หรือไม่? แต่ถ้ายังคงปล่อยวางเอาไว้ก็จะดูเสนอตัวเกินไปใช่หรือเปล่า? ถ้าคุณหมอเขาไม่ชอบเกย์เล่า? หมอกวินจะหลีกหนีไหมยามเจอกันครั้งหน้า อาจจะคิดว่าเขาเป็นเกย์แล้วยังไม่เจียมเชื้อเชิญให้ท่าดอกฟ้า หรือ... โอ๊ย~ บ้าจริง!! จะหยุดยิ้มก่อนสักวิสองวิได้ไหม!

เมี๊ยว!”  หนึ่งเสียงดังขึ้น พร้อมร่างสีขาวกระโดดพุ่งขึ้นมาจากทางด้านหลังลงปุบลงบนฝ่ามือคนทั้งสองที่ถูกน้ำหนักตัวพาให้กระเจิดกระเจิงแยกกันไป น้ำหนักจากเจ้าก้อนขนสีสะอาดตากดหัวเจ้าต๊อกแต๊กลงไปก่อนใช้แรงดีดตัวลงมานั่งปุบลงบนตักของสุทธิรักษ์อย่างนุ่มนวลประหนึ่งจอมยุทธ์ผู้ใช้วิชาตัวเบา


อืม...ก็ไม่ได้เบานะ หนักอยู่เหมือนกัน


“ขอโทษด้วยนะครับ พอดีเจ้าพวกนี้เกิดคึกอะไรไม่รู้วอแวจนผมเกือบหน้าคะมำ เล่นเอาเข็นจักรยานออกมาไม่ได้เลย”  หมอกวินยิ้มแห้งให้เขา นี่คงเป็นต้นเหตุของเสียงโวยวายในบ้านก่อนหน้านี้สินะ

“ไม่เป็นไรครับ ผมต่างหากที่เป็นฝ่ายรบกวนคุณหมอ”  เขาตอบให้อีกคนคลายกังวลทั้งที่ตอนนี้ทั่วทั้งร่างเกร็งเขม็งยิ่งกว่าเดิม

“ผมเต็มใจต่างหากล่ะครับ”  หมอกวินเอ่ยพลางสตาร์ทเครื่อง ไม่กี่วินาทีต่อมาล้อรถจึงขับเคลื่อนไปตามทาง  “จำมันได้ไหมครับ เจ้าเหมียวนี่ที่คุณช่วยเอาไว้”

สุทธิรักษ์ก้มมองก้อนขนปุยบนตัก มันนั่งนิ่งประหนึ่งตุ๊กตาหากการหายใจทำให้ร่างเคลื่อนไหวไปมาทำให้รู้ว่ามันมีชีวิต เขาจำได้ว่าก่อนหน้าที่พามันอุ้มวิ่งคล้ายตัวมันจะไม่หนักเท่าตอนนี้ สงสัยว่าคุณหมอคงจะเลี้ยงมันอย่างดีถึงได้ตัวอวบอ้วนมากกว่าเก่า เขาทำใจกล้าส่งนิ้วชี้ลงไปลูบตรงหัวเพื่อพิสูจน์ความนิ่ม

“เมี๊ยว~”  เสียงร้องอย่างพึงใจของเจ้าแมวทำเอาคนใจกล้าหดมือกลับแทบไม่ทัน เป็นเหตุให้เจ้าของรถหัวเราะขึ้นมาเบาๆ

“ผมว่าเจ้าเหมียวมันยังจำคุณได้ เพราะขนาดผมยังไม่ได้รับเกียรติให้มันนั่งตักเลยนะครับ”

“ฮะๆ อย่างนั้นหรือครับ”  เสียงหัวเราะนั้นแหบแห้งยิ่งกว่าหน้าแล้งที่ไร้ฝน สุทธิรักษ์นั่งตัวเกร็งตามเดิม ไม่คิดยื่นมือไปทำสิ่งใดที่ไม่ควรอีก

“พรุ่งนี้คุณรักเลิกงานกี่โมงครับ”  คุณหมอเปลี่ยนหัวข้อสนทนา

“ปกติเลิกสี่โมงครึ่งครับ กลับมาถึงนี่คงไม่เกินห้าโมงครึ่ง”  สุทธิรักษ์ตอบ พลางคิดไปถึงจักรยานที่คุณหมอรับฝากเอาไว้  “คุณหมอฝากกุญแจไว้กับที่ร้านซ่อมเลยก็ได้นะครับผมไม่อยากรบกวนให้คอย พรุ่งนี้ผมกะว่าจะไปซื้อของที่ห้างอาจกลับช้าหน่อยแต่น่าจะมาทันร้านปิด”

“อืม~ พอดีเลยครับ! ผมก็ต้องไปซื้อของพอดีเลย ถ้าไงเราไปด้วยกันดีกว่านะครับ”

“หืม!!?”  สุทธิรักษ์หันขวับไปมองคนยิ้มกริ่ม คุณหมอหนุ่มหันมายิ้มรับให้เขาเพียงเสี้ยววิก่อนจะหันกลับไปมองถนนเมื่อรถเลี้ยวเข้าซอย ไร้การขยายความจนกระทั่งรถคันใหญ่จอดสนิทหน้าบ้านของเขา

“อาหารหมาแมวหมดครับ เจ้าพวกนี้กินจุมากซะด้วย ผมซื้อทีก็สองสามกระสอบใหญ่เลยครับเผื่อเป็นอาหารของคนไข้ด้วย”

“แต่...”  สุทธิรักษ์ชักปฏิเสธไม่ออก หรือคุณหมออยากให้เขาช่วยขนกระสอบอาหารหมาเพื่อตอบแทนบ้าง

“ผมจะไปรับคุณที่โรง’บาลนะครับ แล้วเราก็ไปกินข้าวกันก่อน ซื้อของเสร็จก็กลับบ้านกัน คุณรักจะได้ไม่ต้องเปลืองค่าแท็กซี่ พอถึงร้านซ่อมคุณรักก็เอาจักรยานแล้วปั่นกลับบ้านไป ส่วนผมก็ขับรถเอาของตามไปส่งให้ คุณรักจะได้ขี่สบายๆ ไม่พะรุงพะรัง”

สุทธิรักษ์ได้อ้าปากเตรียมคัดค้านแต่จนด้วยหาช่องแทรกไม่ได้ แถมยังถูกรอยยิ้มทำให้ไขว้เขวเสียอีก

“นะครับ...”

เพราะฉะนั้นตอนนี้คุณหมอรวบรัดแบบมัดมือชกสุทธิรักษ์จึงได้ตอบตกลงไปอย่างว่าง่าย

คุณหมอช้อนตัวแมวขนดกไปไว้ด้านหลังให้อย่างเอื้ออารี แม้จะขัดขืนเล็กน้อยแต่ครั้นถูกปรามด้วยเสียงก็ยอมสงบเสงี่ยมลงราวกับรู้ภาษา ชายหนุ่มบอกราตรีสวัสดิ์เขาเหมือนเคย แต่คราวนี้ยังอุตส่าห์ปัดขนแมวหมาที่ติดฝ่ามือเขาออกให้อยู่ตั้งนานสองนานกว่าจะยอมให้เขาลงจากรถ


รถสีเงินคันโตขับออกไปแล้ว


แต่สุทธิรักยังคงมองส่งด้วยหัวใจเต้นดั่งกลองรัว ชายหนุ่มยกมือข้างที่คุณหมอลูบปัดขนให้ขึ้นมอง มันไม่มีเส้นขนแปลกปลอมหลงเหลือให้เห็นสักเส้นแล้ว ...แต่สัมผัสร้อนๆ จากคุณหมอยังคงอยู่



•  •  •  •  •


[มีต่อ]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-09-2019 21:41:06 โดย L@DYMELLOW »

ออฟไลน์ L@DYMELLOW

  • กำลังงงๆ เพราะหาทางลงจาก “คาน” ไม่เจอ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 356
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +826/-4
    • facebook
ครึ่งวันเช้าสุทธิรักษ์ทำงานแทบไม่รู้เรื่อง แต่หลังจากถูกหัวหน้าเรียกไปตักเตือนเรื่องงบจัดซื้ออุปกรณ์ที่รวมตัวเลขผิดพลาด เขาพยายามตั้งสมาธิให้ดีอีกครั้งด้วยการปัดคุณหมอกวินออกไปจากความคิด แล้วการทำงานก็ลื่นไหลไปได้ดังที่ผ่านมาทุกวัน พอครึ่งวันบ่ายเขาก็ยุ่งหัวหัวหมุนจนไม่มีเวลาคิดเรื่องอื่นนอกจากงาน

หมอกวินโทรเข้ามาเมื่อใกล้เวลาเลิกงานเพื่อถามสถานที่นัดหมาย แต่เขาที่กำลังยุ่งหัวปั่นกับเอกสารด่วนของลูกจ้างที่ต้องส่งกระทรวงฯ ในวันพรุ่งนี้เช้าจึงออกปากปฏิเสธไปเพราะคิดว่าคงต้องเลิกงานช้าอย่างน้อยเกือบครึ่งชั่วโมง แต่คุณหมอก็ยังยืนยันที่จะอยู่รอ เขาไม่ได้คัดค้านอะไรเพียงคิดว่าพอถึงเวลาเข้าจริงๆ คุณหมออาจจะรอไม่ไหวแล้วไปก่อนเอง

ไม่คิดว่ายี่สิบนาทีต่อมาคุณหมอจะยังรออยู่จริงๆ

ชายหนุ่มในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวสวมพับแขนขึ้นดูสบายๆ ขับเน้นรูปร่างตึงแน่นกับแผงอกกว้างแบบคนออกกำลังกาย กางเกงผ้าสีน้ำเงินเข้มกับสลิปออนคู่สวยสีเดียวกับเสื้อ ช่วงขาวยาวนั่งไขว่ห้างด้วยท่วงท่าที่ราวกับหลุดออกมาจากนายแบบนิตยสาร สายตากำลังจดจ่ออยู่กับโทรศัพท์ราคาแพงในมือ ไม่ได้รับรู้ถึงสายตาของใครบางคนที่กำลังยืนจ้องอยู่แม้แต่น้อย

สุทธิรักษ์ยืนค้างกลางประตู สองตามองคุณหมอประจำใจด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งขัดเขินทั้งซึ้งใจในคราวเดียวกันจนปั้นสีหน้าตัวเองไม่ถูก เขาคิดจริงๆ ว่าคุณหมอคงกลับไปแล้วและเขาก็ไม่โกรธด้วยถ้าหากว่าเป็นเช่นนั้น แต่อีกฝ่ายกลับนั่งรอเขาเงียบๆ ไม่มีการส่งข้อความไปเร่งเร้าเขาสักประโยค และการที่ปวดหัวกับงานมาทั้งวันแล้วได้พบกับสิ่งที่ทำให้เจริญตาเจริญใจแบบนี้นับว่าเป็นการเหนื่อยที่คุ้มค่าทีเดียว

“ยืนขวางประตูเพื่อ”  เสียงคุ้นหูไล่หลังมา เรียกให้สายตาคนรอคอยเงียบๆ ละความสนใจจากมือถือได้ในที่สุด สุทธิรักยิ้มตอบคุณหมอรูปหล่อเล็กน้อยก่อนจะเดินออกมาให้พ้นทางรุ่นพี่ที่อยู่ทำงานเกินเวลาเหมือนกัน หากพออีกฝ่ายเดินออกมาแล้วเห็นคุณหมอเท่านั้น สองเท้าก็พลันชะงักงันรีบถอยกลับไปหารุ่นน้องที่ยังคงยืนเก้กังไม่ไปไหน

“หล่อบาดขั้วหัวใจเจ้ไปเลย”  สาวโสดวัยล่วงสามสิบต้นๆ นามนันทวรรณเอ่ยกระซิบกับรุ่นน้อง สองตาที่ถูกตกแต่งมาอย่างดีพราวระยับด้วยไม่ค่อยพบเจอของดีราคาแพงในโรงพยาบาลชั้นสองแบบนี้ บรรดาหนุ่มๆ ที่เห็นกันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันก็ไม่เรียกว่าหน้าตาด้อยแต่อย่างใด หากพอเห็นกันทุกวันจนชินตารู้นิสัยกันมากเข้าความหล่อมันก็ลดลงไปจนไม่น่าตื่นเต้นในที่สุด

“มาติดต่อเรื่องอะไรรึเปล่านะ”  สาวสวยพึมพำกับตัวเอง ไม่ได้สนใจรุ่นน้องที่กำลังอึกอักอยู่ข้างๆ แม้แต่น้อย

“เสร็จงานแล้วหรือครับ”  เป็นหมอกวินที่ลุกขึ้นทักทายทำลายความประดักประเดิด ร่างสูงเดินเข้ามาใกล้พร้อมกับรอยยิ้มพิฆาตที่ทำเอาคนมองทั้งสองตาพร่าไปชั่วขณะ เขาถือว่าตัวเองมีภูมิดีกว่าอีกคนตรงที่เห็นมาหลายครั้ง ผิดกับสาวคนข้างๆ ที่แอบเขย่าแขนเขาพร้อมกับส่งเสียงร้องเบาๆ อย่างอดไม่อยู่

นั่นคืออาการที่เขาอยากจะทำตอนที่เห็นรอยยิ้มของคุณหมอครั้งแรกเหมือนกัน

“เราไปกันเลยไหมครับคุณรัก”  สิ้นคำของแขกแปลกหน้า นันทวรรณถึงกับใช้สายตาหรี่เล็กหันมาจ้องเขา

“อะไรยังไง? เป็นเพื่อนกันก็ไม่บอก”  รุ่นพี่สาวส่งเสียงขัดใจหากสายตายังคงเหลือบมองคนตัวสูง

“คือว่า...”  สุทธิรักษ์เกิดอาการอึกอักอย่างแท้จริง เขาไม่รู้จะบอกความสัมพันธ์ที่เป็นอยู่ยังไงดีจริงๆ เป็นแค่คนรู้จัก? ก็ดูจะหยามน้ำใจคุณหมอเกินไป หรือจะให้บอกว่าเป็นเพื่อน? มันก็ยังไม่สนิทชิดเชื้อกันถึงขนาดนั้น

คิ้วเรียวขมวดมุ่นขณะใช้ความคิด แต่ดูท่าจะไม่จำเป็นต้องอีกแล้ว เพราะคนที่กำลังมองด้วยสายตาขบขันระคนเอ็นดูนั้นตัดสินใจเดินหมากหนึ่งตา แม้จะตั้งใจเก็บไว้ใช้ในโอกาสที่ดีกว่านี้ก็ตามที

“ผมกวินครับ เป็นเพื่อนกับคุณรัก”  กวินหันไปบอกหญิงสาวตรงหน้า หากสายตาก็ยังเอาแต่เหลือบมองชายหนุ่มอยู่ตลอด
 
“...และผมก็หวังว่าคุณรักจะยอมให้เราพัฒนาความสัมพันธ์มากขึ้นไปอีก”

ทันทีที่พูดจบ ปฏิกิริยาของคนฟังแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง หญิงสาวที่นับว่าหน้าตาสะสวยตรงหน้าหลิ่วตามองรุ่นน้องสลับกับเขาอย่างทราบถึงความนัยน์ ส่วนอีกคนนั้นบัดนี้ถูกความขาวพาให้สีแดงระเรื่อฉาบทับสองข้างแก้ม สีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มดูอดทนข่มกลั้นได้อย่างน่ามองเหลือเกิน หากเพียงครู่เดียวเท่านั้น ระบบความคิดก็คงเริ่มกลับมาทำงานอีกครั้งส่งผลให้คิ้วคู่งามขมวดผูกปม แสดงสีหน้าราวกับถูกเขากลั่นแกล้งเสียใหญ่โต

“พี่ไปก่อนนะรัก สาวโสดอย่างพี่ทนเหม็นกลิ่นความรักไม่ค่อยไหว”  กวินยิ้มขันกับท่าทางปัดอากาศไปมาของหญิงสาว ทำเอาคนข้างตัวออกอาการกินปูนร้อนท้องขึ้นมา

“พี่นัน!! มันไม่ใช่อย่างที่พี่คิดนะ!!”

“จ้าๆ ไปก่อนนะคะคุณกวิน”  เขาก้มศีรษะเล็กน้อยตอบกลับคำลา ต่อเมื่อหญิงสาวเดินจากไปแล้วก็เหลือเพียงชายหนุ่มตัวเล็กที่แสนจะมีน้ำมีนวล ท่าทางกระฟัดกระเฟียดที่เห็นนั้นไม่ได้ช่วยให้คนทำดูน่ากลัวเลยสักนิด แต่กลับดูน่ารักด้วยแก้มเต่งตึงที่คล้ายจะเป่งขึ้นกว่าเดิม ไหนจะริมฝีปากอิ่มสีชมพูธรรมชาติที่ขยับไปมาไม่หยุดราวกับสบถใส่เขาอีก


มันน่าดูน้อยเสียเมื่อไหร่


“คุณหมอล้อเล่นแบบนี้ผมก็แย่น่ะสิ!”

“แย่ยังไงครับ”  เขาถามกลับเสียงซื่อ ทั้งที่ริมฝีปากยังคงแย้มยิ้มกับท่าทางอีกมุมที่เพิ่งจะเคยได้เห็น

“ผมต้องโดนล้อไปอีกนานแน่เลย”  คนน่ารักโอดครวญ  “ไม่คิดเลยว่าคุณหมอจะขี้แกล้งแบบนี้”

กวินหัวเราะเบาๆ ไม่ต่อความยาวสาวความยืด เขาอุตส่าห์ยอมรุกเดินก่อนเวลาแล้วแท้ๆ แต่คนตัวเล็กกลับคิดว่าเป็นการหยอกเล่นเสียได้ ดูเอาด้วยสองตาก็พอจะรู้ว่าอีกฝ่ายมีใจให้กันแท้ๆ แต่กลับไม่ยอมเข้าข้างตัวเองเอาเสียบ้าง คอยแต่จะหนีห่างอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน คงจะคิดเองเออเองว่าเขามีไมตรีให้เพราะเป็นคนรู้จักกัน


ถ้าเขาอยากจะเป็นแค่นั้น คงไม่ลงทุนแอบปล่อยลมจักรยานจนแบนแต๊ดแต๋แบบนั้นหรอก!


“ไปกันเถอะครับ”  ฝ่ามือใหญ่แตะแผ่นหลังของอีกคนแผ่วเบาให้ออกเดินไปพร้อมกัน อมยิ้มยามสุทธิรักษ์ปล่อยลมหายใจออกมายาวเหยียดคล้ายกับยอมรับชะตากรรมในที่สุด  “คุณรักอยากกินอะไรเป็นพิเศษไหมครับ?”

“ตอนนี้ไม่มีครับ เลือกร้านที่คุณหมอชอบได้เลยครับผมกินง่ายสบายมาก”

“งั้นเป็นชาบูนะครับ ผมยังไม่ได้กินกลางวันมาด้วย ตอนนี้หิวจนเห็นคุณรักเป็นเนื้อชาชูไปแล้ว”

“คุณหมอ~ ล้อผมอีกแล้ว”  คนข้างกายโอดครวญเสียงสูงน่าฟัง หากครู่เดียวสีหน้าก็พลันรู้สึกผิด  “...ขอโทษนะครับ เพราะต้องมารอผมแท้ๆ”

“ผมเต็มใจครับ”

“..........”

อา...เมื่อไหร่เขาจะได้ฟัดแก้มแดงๆ นั่นจนหนำใจได้นะ

เมื่อมาถึงซูเปอร์สโตร์ขนาดใหญ่ละแวกบ้าน เราก็มุ่งลงชั้นใต้ดินอันมีร้านอาหารหลากหลาย เมื่อพบร้านเป้าหมายก็ตรงเข้าไปอย่างไม่ลังเล พนักงานพามานั่งโต๊ะพร้อมกับแจกเมนู ต่างคนต่างเปิดหน้าเลือกสรรสิ่งที่ต้องการชนิดที่ไม่มีการปรึกษากันให้เสียเวลาเล่นเอาพนักงานบันทึกออเดอร์ในเครื่องมือเป็นระวิง

“เท่านี้ก่อนครับ”  กวินปิดเมนูเล่มใหญ่หลังจากสั่งไปไม่ต่ำกว่าสิบรายการ

“รับเครื่องดื่มอะไรดีคะ?”  พนักงานถามเป็นอย่าสุดท้าย

“ผมขอน้ำแตงโมครับ”  สุทธิรักษ์ตอบด้วยความรวดเร็ว ก่อนจะหันมามองเขา  “คุณหมอเอาเหมือนกันไหม?”

ผมยิ้ม หากส่ายหน้าแล้วบอกพนักงาน  “ขอชามะนาวครับ”

“ผมนึกว่าคุณหมอชอบน้ำแตงโมซะอีก”  สุทธิรักษ์รอจนกระทั่งพนักงานเดินจากไปถึงได้ถามตามความสงสัย คำถามนั้นออกจะทำให้คนรับฟังขัดเขินได้ไม่น้อย อีกคนคงคิดเอาเองตามสิ่งที่เคยเห็นแต่คงต้องโทษตัวเขาเองที่ทำให้ถูกเข้าใจเป็นอย่างนั้น ก็เขาเห็นว่าสุทธิรักษ์ชอบน้ำแตงโมเสียเหลือเกิน มาซื้อน้ำหน้าคลินิกเขาทีไรก็สั่งแต่น้ำแตงโมปั่นสีหวานๆ สมหน้าตา ไอ้เขาก็อยากให้อีกฝ่ายสนใจบ้างก็เลยลองสั่งเหมือนกันไป

“ที่จริงผมชอบดื่มกาแฟครับ หรือไม่ก็ต้องเป็นน้ำที่มีรสเปรี้ยวสักหน่อยถึงจะถูกปาก”  กวินอมยิ้มพลางเอ่ยต่อ  “เห็นคุณรักชอบสั่งแต่น้ำแตงโมปั่น ผมอยากรู้ว่ารสชาติแบบไหนที่คุณรักชอบ วันนั้นก็เลยลองสั่งดูบ้าง”

“แล้วเป็นไงครับ?”

“อืม...ก็หวานชื่นใจดีครับ ดื่มแล้วคิดถึงคุณรักเลย”

“..........”

พนักงานนำอาหารมาเสิร์ฟได้เวลาถูกใจคนขี้อาย สุทธิรักษ์เลยได้โอกาสหาอะไรทำกลบเกลื่อนความขัดเขินที่กระจายบนใบหน้า ชายหนุ่มได้แต่อมยิ้ม เขาเองก็ไม่อยากรุกหนักให้อีกฝ่ายลำบากใจจนเกินไปเลยทำมองเมินเปลี่ยนมาให้ความสนใจกับอาหารแทน


และเขาก็ได้รู้...เนื้อตัวที่ช่างมีน้ำมีนวลน่าจับต้องนั้นไม่ได้มาเพราะความหนาของมวลกระดูกแน่ๆ


สุทธิรักษ์กินง่ายอย่างปากว่า แถมยังกินน่าอร่อยไปเสียทุกอย่าง ทำเอาเขามองเพลินจนกินเกินพอดีตามไปด้วย ดีแค่ไหนแล้วที่อีกฝ่ายกินดุขนาดนี้แล้วยังตัวไม่อวบอ้วน คงต้องขอบคุณระบบเผาผลาญอันดีเยี่ยมในร่างกายล่ะนะ เพราะสังเกตจากเนื้อนิ่มๆ ไร้กล้ามเนื้อแล้วนั้น สุทธิรักษ์คงไม่ใช่นักออกกำลังกายที่ดีแน่นอน

กวินรีบชิงออกค่าอาหารทั้งหมดเมื่ออิ่มหมีพีมันกันถ้วนหน้า แม้จะถูกคัดค้านอย่างหนักแต่เขาก็ยื่นคำขาดในการให้อีกคนเป็นเจ้ามือบ้างในครั้งหน้าเอาตัวรอดมาได้อย่างสบาย หลังจากนั้นก็พากันเดินไปเลือกรถเข็นคนละคันแล้วเข้าสโตร์เพื่อเลือกซื้อของ เพื่อเป็นการเว้นระยะให้ความเป็นส่วนตัวทั้งสองจึงตัดสินใจแยกกันเดินหลังจากนัดแนะจุดนัดพบในอีกสี่สิบนาทีข้างหน้า

ชายหนุ่มเข็นรถไปยังโซนอาหารสัตว์ก่อนเป็นอันดับแรก ออกแรงยกกระสอบใบเล็กสองลูกสำหรับอาหารสุนัข และหนึ่งลูกสำหรับอาหารแมว และยังมีถุงเล็กใหญ่อีกหลายถุงไว้ให้คุณๆ ที่บ้านได้ผลัดเปลี่ยนรสชาติบ้าง เขายังวนเวียนดูอาหารเสริมกับขนมสำหรับสัตว์อีกหลายนาทีก่อนจะโกยลงรถมาได้หลายกล่อง ถัดจากนั้นก็ไปหยิบอาหารปลาทองอีกสองถุงใหญ่ก็เป็นอันจบ

เหลือเวลาอีกตั้งยี่สิบกว่านาที แต่คนไม่ได้ตั้งใจมาซื้อของก็ไม่รู้จะเดินไปทางไหนต่อแล้ว กวินเข็นรถไปตามทางเรื่อยเปื่อยพลางสอดส่องมองหาของน่าสนใจ เดินไปจนถึงโซนอาหารก็ไปกวาดอาหารปรุงสำเร็จแช่แข็งมาได้อีกหลายถาด ได้ผักไว้แกล้ม กับผลไม้อีกสองสามชนิด รวมถึงนมและธัญพืชอีกเล็กน้อย

พอถึงเวลาไปจุดนัดพบ สุทธิรักษ์ที่ยืนรออยู่ก่อนแล้วกึงกับอมยิ้มออกมาเมื่อเห็นรถเข็นของเขาเต็มไปด้วยข้าวของมากมาย กวินออกจะขัดเขินตัวเองไม่น้อย คราแรกก็ตั้งใจหาเรื่องมากับสุทธิรักษ์จะได้เพิ่มความสนิทสนม ไปๆ มาๆ กลับได้ของกลับบ้านมากกว่าอีกคนซะอีก

“ทำไมอาหารแช่แข็งเยอะขนาดนี้ล่ะครับ”  คนตัวเล็กเอ่ยถามขณะรอต่อคิวชำระเงิน

“ก็ผมเป็นชายโสดที่ทำอาหารเลี้ยงดูปากท้องตัวเองไม่เป็นนี่ครับ”

“แต่ร้านอาหารตามสั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับคลินิกเองนะครับ”

“พอดีว่ารสมือไม่ค่อยถูกปากผมเท่าไหร่น่ะ”  กวินตอบ หากความจริงต้องบอกว่ารสมือของป้าคนนั้นนับว่าอร่อยใช้ได้เลยทีเดียว แต่เสียตรงที่ว่าไม่ค่อยดูแลสภาพร้านสักเท่าไหร่ สัตว์เลี้ยงไม่ได้รับเชิญเลยมากมายจนเห็นเดินผ่านไปมาต่อหน้า วันหนึ่งที่เขาไปนั่งรอสายตาเจ้ากรรมก็เหลือบไปเห็นแมลงสาปตัวโตกำลังเดินผ่านกองผักที่ล้างตั้งไว้บนลังน้ำแข็ง

เขาไม่ได้แพร่งพรายออกไปก็จริง แต่หลังจากนั้นเขาก็ไม่กินอาหารร้านนั้นอีกเลย

จ่ายเงินเสร็จเรียบร้อยก็ถึงคราวขนย้าย กวินรวบรวมทุกอย่างให้มาอยู่ในรถคันเดียวกันเพื่อเข็นไปยังลานจอดแล้วช่วยกันจัดวางลงบนหลังรถโดยมีถุงกระสอบของเขาปูรองเป็นฐานให้ทุกสิ่งอย่าง เขาวางกระสอบอาหารแมวของสุทธิรักษ์ไว้อีกมุมหนึ่ง อดประเมินน้ำใจของอีกฝ่ายด้วยความชุ่มชื่นใจไม่ได้ อาหารแมวยี่ห้อนี้ไม่นับว่าดีที่สุดก็จริง แต่ถือเป็นระดับกลางที่ดีเกินกว่าจะซื้อเลี้ยงแมวจรจัดหลายตัวได้

กวินรักสัตว์ถึงได้เลือกเรียนสัตวแพทย์และเลือกหากินกับสายอาชีพนี้ด้วยความรัก เขาเคยคบหากับคนที่ถูกใจแต่ไปกันไม่รอดเพราะความรักในสัตว์เลี้ยงมีไม่สมดุลกันก็มาก แต่ครั้งแรกที่เห็นผู้ชายคนหนึ่งนั่งมองแมวกินข้าวอยู่นานสองนานก็ให้ดึงดูดความสนใจ อาศัยที่บ้านของเพื่อนสนิทอยู่ฝั่งตรงข้ามเลยทำให้มีโอกาสเห็นภาพนั้นอีกหลายครั้ง

ภาพใบหน้าอิ่มเอิบมองฝูงแมวด้วยรอยยิ้ม ภาพขณะดูแลเปลี่ยนชามน้ำใหม่ทุกวันหลังฝูงแมวจากไป ภาพยามผ่อนคลายกับสายลมและต้นไม้ร่มรื่นในสวนสาธารนะกลางหมู่บ้าน วิถีชีวิตแสนจะเรียบง่ายที่เขาเห็นมาหลายเดือน กระทั่งคืนที่บังเอิญเห็นอีกฝ่ายวิ่งหอบเหนื่อยแทบขาดใจไปตามทางสลัว

หากเป็นคนอื่นเขาอาจจะปล่อยผ่านไป

แต่เมื่อเป็นแผ่นหลังที่คุ้นเคยกวินจึงไม่รีรอที่จะหยุดถาม และภาพที่เขาเห็นเบื้องหน้าคือใบหน้าซีดเผือดเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อโทรมกาย ลมหายใจกระแทกหนักหน่วงหวิดขาดใจ หางเสียงสั่นไหวด้วยความกลัวที่ส่งขึ้นไปถึงแววตา

ทั้งหมดเพียงเพราะแมวที่ถูกทำร้ายในอ้อมอก

วินาทีนั้นกวินได้ตัดสินใจ...เขาจะไม่ปล่อยคนๆ นี้หลุดมือไป

“คุณรักทำอาหารเป็นไหมครับ?”  คุณหมอหนุ่มชวนคุยขณะติดไฟแดงอยู่บนท้องถนน หากเป็นเมื่อก่อนคงได้หงุดหงิดเล็กน้อย แต่มาตอนนี้เขากลับอยากให้ไฟแดงยืดระยะเวลาออกไปเรื่อยๆ

“พอได้ครับ พอดีว่าครอบครัวผมเปิดร้านอาหารสืบต่อกันมาหลายรุ่นก็เลยได้เรียนรู้มาบ้าง”

“ร้านอะไรหรือครับ? คราวหน้าคราวหลังผมจะได้ตามไปชิม”

“ชื่อร้านหอมมะลิครับ มีทั้งอาหารไทย อาหารจีน ไว้ผมจะพาคุณหมอไปเลี้ยงตอบแทนนะครับ”

“อันนี้เข้าตำราเรือล่มในหนองทองจะไปไหนหรือเปล่าเนี่ย”  กวินหัวเราะพลอยให้อีกคนยู่ปากราวกับถูกจับได้ แต่เขาก็ทราบดีว่าค่าอาหารที่อีกคนว่าจะตอบแทนคงเทียบกันไม่ได้ ราคาที่เขาจ่ายไปมื้อนี้ไม่ถึงพันบาท หากไปกินร้านอาหารที่ว่าไม่แน่เงินสามพันจะเพียงพอหรือเปล่าด้วยซ้ำ

เขาเคยไปทานร้านหอมมะลิอยู่สองสามครั้ง มื้อหนึ่งแม้จะผ่านการหารกันมาแล้วก็ยังตกคนละพันนิดๆ แม้จะเป็นสวนอาหารที่ค่อนข้างราคาสูงแต่วัตถุดิบทุกอย่างก็สดใหม่จัดหนักทุกจาน ยิ่งตั้งอยู่ในย่านเศรษฐกิจด้วยแล้วนั้นไม่ต้องพูดถึงเลยว่าถ้าไม่ได้จองโต๊ะล่วงหน้าอาจไปเก้อก็ได้

รถยนต์คันใหญ่ขับล่วงหน้ามาจอดหน้าบ้านหลังประจำ ชายหนุ่มดับเครื่องก่อนจะลงมาเปิดประตูหลังเพื่อจัดการแยกถุงสินค้า ซึ่งไม่กี่นาทีต่อมาเจ้าของบ้านก็ปั่นจักรยานมาถึงด้วยรอยยิ้ม

“คุณรักเปิดบ้านเลยครับ เดี๋ยวผมช่วยขนเข้าไปให้” 

“...ขอบคุณครับ”  สุทธิรักเอ่ยเสียงแผ่ว ก่อนหันไปรีบเร่งไขกุญแจเปิดรั้วให้กว้าง

กวินตรงเข้าอุ้มกระสอบข้าวแมว ปล่อยให้คนตัวเล็กหิ้วถุงของใช้น้ำหนักเบาเดินนำเข้าบ้านไป กลับออกมายังช่วยเข็นจักรยานเข้าที่เก็บให้อีกต่างหาก

“ขอบคุณอีกครั้งนะครับ คุณหมอใจดีมากๆ เลย”

“ผมเต็มใจครับ”

“..........”

เป็นอีกครั้งที่เขาได้โลมเลียความน่ากินของผิวแก้มแดงระเรื่อผ่านทางสายตา

เมื่ออิ่มหนำทางใจเต็มที่ กวินก็เดินกลับไปที่รถ เปิดช่องเก็บของหยิบซองสีขาวที่เตรียมเอาไว้ออกมา แล้วล้วงหยิบธนบัตรสีม่วงหนึ่งใบจากในกระเป๋าเงินออกมารอท่า เขาเดินกลับไปหาเจ้าของบ้านแล้วยื่นทั้งหมดส่งให้

“อ...อะไรครับเนี่ย!?”  ใบหน้าชวนมองบัดนี้เหรอหราเช่นเดียวกับที่เขาคิดเอาไว้

กวินชี้ไปที่แบงค์สีม่วงเป็นอันดับแรก  “วันนั้นที่ร้านน้ำคุณให้เงินไว้แล้วก็เผ่นไปเลย ผมเลยอาสารับเงินทอนมาให้แต่ก็ลืมไปทุกที”

“แต่นี่?”  สุทธิรักษ์ชูเงินเต็มใบที่ไม่ใกล้เคียงกับคำว่าเงินทอน

“ไว้คุณรักเลี้ยงผมคืนแล้วกันนะ”  พูดจบก็จุดรอยยิ้มที่ทำให้อีกฝ่ายได้แต่พยักหน้าอย่างว่าง่าย คราวนี้เขาชี้ไปที่ซองสีขาวที่เหลือ  “ส่วนนี่เป็นเงินค่ารักษาเจ้าเหมียวครับ ผมบอกแล้วว่าคุณไม่ต้องจ่ายก็ยังแอบไปชำระเองอีก”

“แต่ว่าผมเป็นคนพาไปนะครับ ต้องออกค่ารักษาเองถึงจะถูก”  ครานี้รอยยิ้มของกวินไม่อาจจบเรื่องได้ง่ายๆ เช่นเคย  “มันไม่ใช่พันสองพันนะครับแต่ทั้งหมดตั้งหมื่นกว่าบาท แถมคุณหมอยังรับเลี้ยงเจ้าแมวต่ออีก เลี้ยงดีจนมันอ้วนกว่าเดิมด้วยซ้ำ”

“ผมเต็มใจนี่ครับ”

ไม่ครับ!!

กวินเกาหัวแกร่กๆ นัยน์ตาคมจับจ้องคนตีหน้าขึงขังอย่างอ่อนใจ ทุกครั้งเห็นว่าตามน้ำไปกับเขาตลอดไม่คิดว่าจะมีส่วนดื้อแบบนี้เหมือนกัน แต่อย่างน้อยก็พอให้รู้ได้ว่าอีกฝ่ายไม่ชอบเอาเปรียบใคร

“รับเงินไปเถอะนะครับคุณหมอ ไม่อย่างนั้นผมคงไม่กล้าสู้หน้าคุณได้หรอก”  สุทธิรักษ์ยังคะยั้นคะยอไม่เลิก พยายามยัดซองเงินให้เขาที่เอาแต่ปัดป้องท่าเดียว

“แต่ผมตั้งใจเอามาคืนคุณรักนะครับ ถ้าคุณไม่รับก็เท่ากับว่าความตั้งใจของผมไร้ความหมายแล้ว”  คำตัดพ้อได้ผล คนตัวเล็กนิ่งเงียบไปในทันใด ส่งเสียงอ้อมแอ้มตอบอย่างรู้สึกผิด

“ผมไม่ได้คิดอย่างนั้นนะครับ”

“อืม...เอางี้ไหมครับ”  กวินเสนอหนึ่งในความคิดที่แล่นเข้ามาในหัว  “ถ้าคุณรักไม่อยากรับเงินส่วนนี้จริงๆ ก็ถือว่าเป็นค่าจ้างผูกปิ่นโตกับคุณดีไหม”

“หืม?”  คนฟังเอียงคอมองอย่างไม่เข้าใจ น่ารักเสียจนคนมองต้องเผยยิ้มออกมา

“ผมเองก็ไม่อยากกินอาหารแช่แข็งบ่อยๆ หรอกนะครับ แต่ยังหาร้านข้าวใกล้ๆ ที่ถูกใจไม่เจอ ทีนี้คุณรักทำอาหารเป็น ผมก็เลยอยากฝากท้องไว้ด้วยคน ไม่ต้องทำทุกวันทุกมื้อหรอกครับ แค่ช่วงเวลาที่คุณรักว่างก็พอ จะได้ไม่รบกวนคุณรักมากไป”

“แต่...ถ้าผมทำไม่ถูกปากคุณหมอล่ะครับ?”

“คุณรักไม่มั่นใจตัวเองหรือครับ?”  คุณหมอหนุ่มย้อนถามด้วยรอยยิ้ม ปลุกความเชื่อมั่นของคนฟังเสียไฟลุกพลุ่งพล่าน  “ถ้ามื้อไหนคุณรักจะทำปิ่นโตมาก็ไลน์บอกผมก่อนผมจะได้หิ้วท้องรอ และเผื่อวันไหนไม่สะดวกจะได้รู้ล่วงหน้ากันก่อน ...ดีไหมครับ?”

“ดีครับ”  สุทธิรักษ์พยักหน้าเห็นชอบ ริมฝีปากอิ่มเม้มกลั้นรอยยิ้มจนสองแก้มเต่งใสอย่างกับแป้งฮะเก๋า

“คุณรักครับ...”  หมอกวินเอ่ยเรียกเสียงนุ่ม สองตาจ้องมองคนตรงหน้าด้วยแววปรารถนา อยู่มาตั้งหลายสิบปีเพิ่งจะมีครั้งนี้ที่ความรักจู่โจมเขาได้อย่างหนักหน่วงที่สุด

“เรื่องเมื่อเย็น...ผมไม่ได้ล้อเล่นนะครับ”

ใบหน้าขาวใสเงยขึ้นสบสายตาสับสน หากใช้เวลาเพียงชั่วครู่ก็คล้ายจะนึกถ้อยคำที่ผ่านมาของเขาออก แก้มขาวขึ้นสีระเรื่อยามประมวลข้อความเมื่อกี้เข้าไว้ด้วยกัน

“ผมอยากให้เราเป็นมากกว่าคำว่าเพื่อน...หวังว่าคุณรักจะให้โอกาสผมนะครับ”


คลับคล้ายจะมีบางอย่างระเบิดปุ้งในหัว


สุทธิรักษ์จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าได้ตอบอะไรออกไปหรือไม่ ในหัวสมองตอนนี้นั้นขาวโพลนจนคิดอะไรไม่ออก เขาถูกคนที่แอบชอบไปรับที่ทำงาน พาไปกินข้าว ไปซื้อของ พูดคุยกันมากมาย เขาถือว่าเป็นความสุขทิ้งทวนก่อนจากกันแท้ๆ แต่... แต่เขาไม่คิดเลย...
คุณหมอชอบเขาอย่างนั้นเหรอ!?

เรื่องที่เป็นไปไม่ได้จนไม่กล้าคิดเข้าข้างตัวเองแบบนั้น!

มันเกิดขึ้นจริงๆ เหรอ...

“เข้าบ้านเถอะครับ”  เขาถูกเสียงนุ่มชักจูงอย่างว่าง่าย

สุทธิรักษ์เดินกลับเข้าไปรูดรั้วเหล็กแล้วจัดการล็อกบ้าน เขาทำทุกอย่างราวกับราวกับอยู่ในความฝัน เดินล่องลอยเข้าบ้านไปโดยที่ลืมบอกลาคุณหมอเสียด้วยซ้ำ กระทั่งเปลี่ยนเสื้อผ้าอาบน้ำเรียบร้อยก็ยังมึนงงไม่หาย จนล้มตัวลงบนที่นอนก็ยังรู้สึกว่าทุกถ้อยคำเป็นเพียงจินตนาการ

ดวงตาเรียวกระพริบมองเพดานอย่างเลื่อนลอย เขาอยากจะหลับฝันไปทั้งแบบนี้เหลือเกิน...

สุทธิรักษ์จำใจกระชากตัวเองออกจากความฟุ้งซ่านชั่วครู่เพื่อคว้าโทรศัพท์มาตรวจเช็คข้อความอย่างที่ทำประจำ และบนหน้าจอนั้นก็ปรากฏข้อความเดียวจากคนที่ทำให้เขาเพ้อหนักขนาดนี้

WIN_KaWIN  [ผมจะรอคำตอบจากคุณนะครับ]
WIN_KaWIN [ราตรีสวัสดิ์]
WIN_KaWIN  [ฝันถึงผมบ้างนะครับ...ที่รัก]

ระเบิดอีกลูกพุ่งลงกลางสมอง

เขาเดาว่าวันรุ่งขึ้น ข้างบ้านคงจะมาสอบถามเรื่องเสียงกรีดร้องของเขาในคืนนี้อย่างแน่นอน



• • • • • • • • • • • • • โปรดติดตามต่อ•วันอังคารหน้า • • • • • • • • • • • • •



เปิดตัวแมวหนุ่มนาม ‘อัลโทนีโอ บวารี่ คูเท่น เดอ มองฟรัวร์ ที่แปด’ อย่างเป็นทางการ
ชื่อยาวจริ๊งงงง และโปรดอย่าถามหาความหมาย 555
เขาตัวนี้จะยืนในตำแหน่งไหนของความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์สองคน
โปรดติดตามนะจ๊ะ

เผื่อใครไม่รู้ว่าน้องแมวสายพันธุ์ RAGDOLL เป็นยังไง
นี่คือรูป ref.ของคุณโทนี่เขาล่ะค่ะ หล่อเหลาเอาการเลยใช่มั้ย  :-[


[รูปตัวอย่างจ้า ขออภัยเจ้าของภาพ หาเครดิตต้นทางไม่เจอจริงๆ]
 



ออฟไลน์ PandP

  • Déjame vivir esa fantasía.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1170
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-0
    • http://www.facebook.com/iAMpingPINGping
สงสารนุ้งอัลโทนีโอ โดนเด็กเวรดึงหนวด แงงง
คุณหมอก็รุกเก่งงงง รุกแบบเปิดเผย

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
คุณหมอจีบเก่งมาก
คนอ่านอ่านไปก็กรีดร้องไป
ดีอะไรขนาดนี้คะคุณ
ยิ่งรู้จักน้องรักผ่านมุมมองคุณหมอยิ่งรู้สึกว่าน้องน่ารักคูณสิบไปอีก

คุณอัลโทนีโอ(กราบขออนุญาตเรียกชื่อนายท่านสั้นๆนะคะ)จะเอาเรื่องวุ่นๆอะไรมาให้น้องรักหนอ..เห็นแววความอลเวงมาแต่ไกลคุณโทนีโอกับต๊อกแต๊กตัวป่วน

 :pig4:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
โอ้โห​ หมอเอาจริงเว้ย​ ไม่ยอกเล่นเจ้าชู้​  o13​ ให้คุณหมดคนจริง
 :man1: อยากฟัดหมาแมว

ออฟไลน์ Ti0590

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 455
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
คุณโทนี่ นายท่านต้องเป็น หนามยอกอก ของคุณหมอแน่ๆ

แต่ชอบน้องต๊อกแต๊ก กลิ่นใจดีโชยหึ่งๆเลยแม่

ออฟไลน์ may27

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 297
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
 :mew1: น้องรัก   ....   รีบคว้าคุณหมอไว้เลยนะคะ..... เดี๋ยวหลุดมือ..... เจ้าแมวหล่อนะเนี่ย

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ hembetaro

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1122
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1

คุณหมอออออ รุกเก่งไปไหนนนน   :o8: :-[

ปล. ถึงป้าต๋อมแต๋ม คุณหมอมีฤดูผสมพันธุ์ตลอดปีนะป้านะ  ตอนเค้าเป็นแฟนกัน ป้าจะได้ไม่ตกใจ  :impress2:  :impress2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ตาย อย่างสงบศพสีชมพู~

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
อ่านไปก็ร้องหมอๆ :o8: :o8:

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
อัลโทนีโอจะเป็นพ่อสื่อมั้ยน้าาาาาา
ทำให้หายกลัวสัตว์ดีมั้ย

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
อ่อยน้ออ!! รุกหนักมาก

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
โง้ยยยยยยยยยย

หมอน่าร้ากกกกกกกก ที่รักก็น่าร้ากกกกกกก

หมาเอย แมวเอย นกเอย

น่าร้าาาาาาาากกกกกทั้งหมดเลย

ออฟไลน์ L@DYMELLOW

  • กำลังงงๆ เพราะหาทางลงจาก “คาน” ไม่เจอ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 356
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +826/-4
    • facebook
ตอนที่ 4
อัลโทนีโอแห่งแคทเทอร์นิป



                                            อ่านแล้ว10.23 [วันนี้ผมจะทำมื้อเย็นไปให้นะครับ]
WIN_KaWIN [จริงเหรอครับ!!!] 11.01
WIN_KaWIN [ผมจะรอนะครับ] 11.01

สุทธิรักษ์เผลอกดโปรแกรมแชทเข้าไปอ่านข้อความโต้ตอบสั้นๆ อยู่หลายครั้ง อมยิ้มก็หลายทีให้กับสติ๊กเกอร์ต่อท้ายที่เป็นรูปหมาท่าทางดีใจที่ช่างน่ารักเหมาะกับรอยยิ้มหวานๆ ที่ปรากฏในความนึกคิด ถ้าจินตนาการแบบเข้าข้างตัวเองสักหน่อยก็ต้องบอกว่าความดีใจของอีกฝ่ายมันกระโดดออกมาจากตัวอักษรเลยทีเดียว


เนี่ย~ จะไม่ให้เปิดอ่านหลายครั้งได้ยังไง


พอรดน้ำหวานชโลมใจตัวเองเรียบร้อยชายหนุ่มก็หลับมาตั้งหน้าตั้งตาทำงานตามเดิม พิมพ์รายงาน เขียนเอกสาร ทบทวนความเรียบร้อยต่างๆ นานา ในเอกสารต่อสัญญาของลูกจ้างกระทรวงฯ แม้งานจะยืดเยื้อแต่ก็ถือว่าไม่เชื่องช้าท่าเทียบกับกำหนดส่ง ดังนั้นสุทธิรักษ์เลยสามารถเลิกงานตามเวลาปกติได้อย่างไม่ต้องเคร่งเครียด

“แฟนไม่มารับเหรอวันนี้”  เสียงกึ่งกระเซ้าของรุ่นพี่ดังขึ้นจากโต๊ะด้านข้าง เขาหันไปมองเจ้าของเสียงคนสวยที่กำลังเก็บของเตรียมกลับบ้านเช่นเดียวกัน แต่เขายังไม่ทันได้ตอบโต้อะไร เสียงจากคนอื่นๆ ก็พุ่งเข้าใส่พร้อมให้ความสนใจกันเต็มที่

“นันเล่าให้พี่ฟังว่าแฟนรักหล่อมาก” 

“เมื่อไหร่จะมารับอีก พี่อยากเห็นบ้าง”

“พวกแกจะต้องร้องกรี๊ดๆ สูง หล่อ ขาว มีเสน่ห์สุดๆ”  นันทวรรณผันตัวเองเป็นกระบอกเสียงโฆษณา เรียกกระแสความอยากพบคนหน้าตาดีของสาวๆ

“ล้อผมอีกแล้ว”  สุทธิรักษ์เอ่ยเสียงอ่อน  “ผมยังไม่มีแฟนครับ คุณหมอเปิดคลินิกรักษาสัตว์อยู่หน้าหมู่บ้านผม”  ยังไม่ได้ทันอธิบายถึงสาเหตุที่พบกัน เสียงของสามสาวก็ร้องวี๊ดว้ายชอบใจกันเสียงดัง

“อ๊าย~ เป็นหมอหมาด้วย!”

“ผู้ชายรักสัตว์เขาว่าอบอุ่น”

“ฮึ่มมม!!”  เสียงดังกันจนหัวหน้าที่นั่งเงียบมานานต้องออกเสียงขู่ เล่นเอาสามสาวหันไปยิ้มแห้งๆ ให้พลางยกมือไหว้กันถ้วนหน้า สุทธิรักษ์ก็อาศัยจังหวะนี้สวัสดีทุกคนแล้วรีบเผ่นออกมาจากห้อง

ตั้งแต่วันนั้นที่คุณหมอมารับแล้วถูกนันทวรรณเห็น วันรุ่งขึ้นข่าวลือเรื่องสุทธิรักษ์มีแฟนก็กระจายไปหลายส่วนงาน ยามเขาเดินติดต่อแผนกไหนก็มักได้ยินคำถามคำแซว ถึงเขาจะปฏิเสธแต่ก็ยังออกปากล้อกันอย่างสนุกสนาน แม้จะไม่มีถ้อยคำดูถูกหรือรังเกียจต่อหน้าแต่ลับหลังเขาก็สุดจะคาดเดาจริงๆ เพราะอย่างที่รู้กันว่าผู้คนส่วนมากก็ยังไม่ยอมรับเรื่องแบบนี้เท่าไหร่ หากชายหนุ่มก็แอบคิดอย่างแปลกใจเมื่อโดนคำแซวมาทั้งวัน เขาไม่อับอายอย่างที่เคยคิด อาจเพราะว่าคุณหมอบอกให้รู้ว่ามันไม่ใช่การตบมือเพียงข้างเดียวกระมัง


เขาห้ามรอยยิ้มของตัวเองไม่ได้เลยให้ตาย!


ก่อนกลับบ้าน ชายหนุ่มแวะตลาดสดตามความตั้งใจแต่แรกเริ่ม สองเท้าก้าวเดินด้วยความกระฉับกระเฉง สองตาสอดส่ายหาของที่ต้องการอย่างกระตือรือร้น หัวใจก็ช่างเบิกบานราวกับอยู่ในทุ่งดอกไม้ สุทธิรักษ์คัดสรรวัตถุดิบทุกอย่างตั้งใจ ต้องขอบคุณความชอบในการทำอาหารของครอบครัวที่ทำให้เขาต้องเป็นลูกมือซื้อของในตลาดบ่อยๆ

เขาเดินวนไปวนมาอยู่หลายรอบจนได้ของเต็มสองมือ จากที่ตั้งใจว่าจะนั่งรถประจำทางกลับก็ต้องเปลี่ยนเป็นแท็กซี่ คิดไว้ว่าเดินออกมาส่งข้าวให้คุณหมอแล้วค่อยปั่นจักรยานกลับ

ทันทีที่ถึงบ้านชายหนุ่มก็รีบผลัดเปลี่ยนชุด สวมผ้ากันเปื้อนแล้วจัดเตรียมวัตถุดิบทุกอย่างทันทีเพื่อให้ทันมื้อเย็นที่ใกล้เข้ามาทุกที วันนี้เขาซื้อของมาเยอะพอสมควรเผื่อสำหรับมื้อกลางวันและเย็นในวันพรุ่งนี้กับมะรืนที่เป็นวันหยุด ในหัวก็นึกถึงรายการอาหารอย่างสนุกสนาน จินตนาการถึงใบหน้าคุณหมอขณะกินข้าวที่เขาทำก็ให้เกิดลูกฮึดแปลกๆ อดที่จะขอบคุณคุณยายไม่ได้ที่จับลูกหลานทุกคนฝึกทำอาหารด้วยเหตุผลที่ว่าอาหารคือสิ่งที่เลี้ยงพวกเราทุกคนให้มีกิน อย่างน้อยต้องทำพอได้ไม่ให้อับอายครอบครัว...ซึ่งสุทธิรักษ์สอบผ่านในจุดนั้น

ชายหนุ่มเช็ดเหงื่อบนหน้าด้วยผ้าขนหนูสะอาดหลังกับข้าวทุกอย่างสำเร็จเรียบร้อย ผัดกะเพราะทะเลส่งกลิ่นหอมฉุยอวดความเต่งตึงของกุ้งตัวโตกับความอวบขาวของปลาหมึก และยังมีเนื้อปูชิ้นใหญ่เสริมความน่ากินอีกระดับ งานนี้สุทธิรักษ์จัดเต็มที่ทั้งวัตถุดิบละฝีมือ เขาอยากให้คุณหมอได้กินของดี นี่ถ้าเปลี่ยนจากกุ้งขาวเป็นกุ้งแม่น้ำให้ได้เขาก็จะทำ แต่กลัวคุณหมอจะคิดว่าเขาอยากจะปลดเปลื้องหนี้สินไวๆ เสียมากกว่า

นอกจากกะเพราโคตรทะเลแล้ว ก็ยังมีไข่เจียวผักสามสีชิ้นหนาอวบนุ่มกับข้าวหอมมะลิร้อนๆ จากหม้อ สุทธิรักษ์มองดูทุกอย่างที่เสร็จสิ้นบนโต๊ะแล้วให้ปาดเหงื่อทิ้งด้วยความปลื้มปริ่มใจ

เขาตักทุกอย่างลงปิ่นโตเถาเล็กขนาดสามชั้นที่เพิ่งไปถอยมาใหม่จากห้าง บรรจงเลือกสรรแบบที่สามารถนำไปอุ่นในไมโครเวฟได้และรูปลักษณ์ทันสมัยและสีไม่หวานแหววเกินไป จำนวนสองเถาไว้สำหรับสลับสับเปลี่ยนกันแล้วยังรวมถึงกล่องพลาสติกใส่อาหารแยกต่างหากอีกสองกล่องเผื่อไว้

เมื่อได้เวลาสมควร คนมีความสุขก็จัดการหิ้วของออกจากบ้านโดยมีเสียงทักทายจากหัวหน้าแก๊งแมวเจ้าประจำที่กำลังนอนเอกเขนกรอตัวอื่นๆ กินข้าวอยู่ สุทธิรักษ์เห็นว่ามีแมวหน้าใหม่เพิ่มขึ้นมา เป็นเจ้าตัวเล็กที่ค่อนข้างขี้กลัวไปสักหน่อยดูจากการที่เขาเดินผ่านแล้วถูกมันขู่ฟ่อเข้าให้ เจ้าแมวดำตัวหัวหน้าเห็นเขาจับจ้องสมาชิกใหม่ก็ลุกขึ้นเดินมายืนประกบข้างเจ้าตัวเล็กแล้วส่งเสียงร้อง

“เมี๊ยว~” 

สุทธิรักษ์เดาว่าเป็นการร้องแนะนำสมาชิกใหม่ หรือไม่ก็เป็นคำขออนุญาตกับเขาผู้เป็นอู่ข้าวอู่น้ำมาตลอด รึอะไรก็สุดจะเดาใจแมวเหมือนกัน แต่เขาเห็นแมวแก๊งนี้มาก็นานก็มักวนเวียนมากันแค่สี่ตัวไม่เคยเห็นพาแมวตัวอื่นเข้ามา ส่วนสมาชิกใหม่รายนี้ทั้งตัวเล็กแถมยังผอมแกร็นจนเห็นซี่โครง ดูแล้วคงพลัดหลงกับแม่จนเจ้าแก๊งนี้ไปเก็บตกมาได้เสียมากกว่า

เขาอยากจะบอกพวกมันว่าเชิญตามสบาย จะเพิ่มมาอีกสักตัวก็คงไม่หนักหนาไปกว่าเดิมสักเท่าไหร่ แต่ครั้นจะออกเสียงตามอย่างใจก็เห็นว่าพวกมันคงไม่รู้ความ เลยทำทีพยักหน้าให้เจ้าตัวหัวหน้าที่ยังจ้องมาอย่างกับรอคำตอบ มันร้องเสียงสูงอีกครั้งคล้ายตอบรับก่อนจะเดินกลับไปนอนแผ่บนสนามหญ้าตามเดิม ส่วนเจ้าตัวเล็กก็วิ่งไปหลบข้างสมาชิกที่กำลังสวาปามกันอย่างเอร็ดอร่อย

ชายหนุ่มอมยิ้มให้เหล่าแมวก่อนจะเดินออกจากบ้านไปด้วยความสุขที่เพิ่มขึ้นมา

.

.

.


‘ทำไมวันนี้เจ้านายดูระริกระรี้จัง’  เจ้าหมาโกลเด้นน้อยนั่งมองเจ้านายหนุ่มมาพักใหญ่ มนุษย์ร่างสูงใหญ่เดินวนไปวนมารอบบ้าน จัดตรงนู้น ขยับตรงนี้ ทั้งที่เป็นหน้าที่ของมนุษย์แม่บ้านที่มาทำความสะอาดทุกวัน

‘ไปได้ยินคำนั้นมาจากไหนกัน ลูกควรใช้คำว่ากระตือรือร้นหรือว่าตื่นเต้นสิ’  แม่หมาแย้งสีหน้าฉงน

‘แต๊กได้ยินจากมนุษย์แม่บ้านเวลาเห็นมนุษย์สาวๆ อยากผสมพันธุ์กับเจ้านาย’ เจ้าหมาน้อยอธิบาย เอียงหน้าไปมาอย่างน่ารักน่าหมั่นไส้ แต่ตัวไหนจะรู้สึกแบบนั้นได้เท่าแมวหนุ่มขนงามที่กำลังเอนกายพิงแม่หมาอย่างสบายตัว

‘แต่ว่านะคุณต๋อมแต๋ม มนุษย์หมอทำตัวเหมือนกำลังติดสัดเลย กลิ่นต้องการผสมพันธุ์งี้ลอยฟุ้งเชียว’ เจ้าแมวโทนี่ทำจมูกฟุดฟิดไปมา ‘เราอ่านมาบ้างนะว่ามนุษย์ไม่มีฤดูติดสัดที่แน่นอน ช่างเป็นเผ่าพันธุ์ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความต้องการเสียจริง’

‘เมื่อก่อนเจ้านายก็กลับมาพร้อมกับกลิ่นตัวผู้ตัวอื่น’  ต๊อกแต๊กพยักเพยิดไปทางเจ้านายหนุ่มที่เดินอมยิ้มไปมาไม่หยุด  ‘แต๊กไม่เคยได้กลิ่นตัวเมียจากเจ้านายเลยนะแม่ อย่างนี้เจ้านายก็ไม่เคยผสมพันธุ์น่ะสิ’

‘มนุษย์มีความชอบหลากหลายน่ะลูก’ คุณต๋อมแต๋มผู้อ่อนโยนตอบรับลูกชายแบบแบ่งรับแบ่งสู้ แต่เจ้าแมวที่ฟังอยู่น่ะเข้าใจแจ่มแจ้งเหมือนที่เคยอ่านมาจากบันทึกไม่ผิดเพี้ยน มนุษย์น่ะไม่ได้ต้องการผสมพันธุ์เพื่อการคงอยู่ของเผ่าพันธุ์เท่านั้น แต่ยังเพื่อความสนุกสนานรื่นเริงอีกด้วย ดังนั้นจึงไม่จำกัดเพศพันธุ์ในการหาความรื่นรมย์

‘เขาเรียกตุ๊ดตู่ใช่มั้ยคุณแต๋ม’ อัลโทนีโอกระซิบถามขณะที่เจ้าหมาน้อยละความสนใจจากการสนทนาไปแล้ว

‘ฉันก็ไม่เคยรู้ถึงคำเรียกที่แน่นอนเหมือนกันจ้ะโทนี่’  แม่หมาใจดีแลบเลียขนสีขาวนุ่มของแมวแปลกถิ่นจนขนลู่เป็นแผ่น

‘เมื่อไหร่มนุษย์หมอจะพาเราไปหามนุษย์ใจดีอีกนะ’

‘ฉันก็อยากเจอสักครั้ง แต๊กเล่าว่าหอมกลิ่นใจดีเอามากๆ’

‘มากจริงๆ คุณแต๋ม เราคิดว่าถ้ามนุษย์หมอเป็นตุ๊ดตู่ก็ควรหาพ่อพันธุ์แบบนั้นมาเป็นคู่’  ว่าจบก็ทิ้งร่างซุกกลุ่มขนสีน้ำตาลทองตามเดิม

แมวหนุ่มนอนมองมนุษย์ตัวโตตื่นเต้นไม่หยุด เดี๋ยวก็มองไปทางหน้าประตู เดี๋ยวก็หยิบเครื่องมือสี่เหลี่ยมขึ้นมาดู ทำไมมนุษย์ไม่รู้จักวางตัวให้สุขุมเสียบ้างนะ เพราะงี้ถึงได้เป็นสิ่งมีชีวิตที่สับสนวุ่นวายที่สุดในจักรวาล ไม่ว่าสัตว์ชนิดไหนก็บอกกันเป็นเสียงเดียวว่ามนุษย์มีหลากหลายอารมณ์ ซ้ำยังสลับซับซ้อนเกินกว่าจะคาดเดาได้


...แต่มีแมวที่ไหนจำเป็นต้องเข้าใจมนุษย์ด้วยรึ เฮอะ!!


สายลมเย็นๆ กับกลิ่นสดชื่นจากหมู่ไม้ ทำให้เขาผล็อยหลับไปกับท้องคุณต๋อมแต๋มบนระเบียงไม้ได้อย่างง่ายดาย ไม่รู้ว่าเนิ่นนานเท่าไหร่ แต่พอครั้นรู้สึกตัวขึ้นมาก็เป็นจังหวะที่คุณต๋อมเลียหัวให้คล้ายต้องการปลุก พร้อมกับที่เสียงเห่าของเจ้าต๊อกแต๊กดังมาให้ได้ยินด้วยความรื่นเริง

‘ดูเหมือนว่ามนุษย์ใจดีคนนั้นจะมาหาเจ้านายนะ’

เจ้าแมวขนปุยเด้งตัวลุกขึ้นในทันที สี่เท้าวิ่งปรี่ไปยังทิศทางของเสียงกระทั่งพบกับมนุษย์หมอตัวโตกำลังยืนจังก้าจับปลอกคอต็อกแต๊กเต็มกำลังเพื่อไม่ให้พุ่งเข้าใส่มนุษย์อีกคน อัลโทนีโอหยุดมองความวุ่นวายตรงหน้าด้วยกลัวว่าตัวเองจะโดนลูกหลงจากการร่าเริงเกินเหตุของเจ้าหมาเด็ก

‘ปล่อยแต๊กนะเจ้านาย!’

“หยุดนะต๊อกแต๊ก!! หยุด!!!

‘ปล่อยแต๊ก! ปล่อยแต๊กกกกก!’

“ไม่ต้องกลัวนะคุณรัก มันไม่กัดคุณแน่นอนผมรับประกัน”

‘คนใจดีๆ แต๊กคิดถึง! ปล่อยแต๊กนะเจ้านายยย!!’

เช่นเดียวกับแมวหนุ่ม มนุษย์ที่ถูกปกป้องอย่างเต็มที่ตรงหน้าก็ดูจะทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน อัลโทนีโอมองคนตรงหน้าด้วยสายตาประเมิน ดูท่าว่ามนุษย์คนนี้จะเป็นโรคกลัวสัตว์ในระดับหนึ่งเลยสินะ ทั้งที่มองก็รู้ว่าเจ้าต๊อกแต๊กยิ้มร่าเริงขนาดนี้ก็ยังจะมองมาด้วยแววตาสั่นระริก แค่มนุษย์หมอปล่อยเจ้าแต๊กให้ไปคลอเคลียจนพอใจก็จบแล้วแท้ๆ

โฮ่ง!”  เสียงเฮ่าเพียงครั้งเดียวก็สามารถหยุดความบ้าพลังของเจ้าหมาเด็ก ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าคุณต๋อมแต๋มจะโมโหกับกิริยาของลูกชายตัวเองขนาดไหน

“เฮ้อ! หยุดสักที”  มนุษย์หมอเอ่ยอย่างเหนื่อยอ่อนเมื่อเจ้าหมาน้อยหยุดดิ้นรนแถมยังหมอบลงแนบพื้นอย่างหงอยหงอ  “ขอบใจมากนะต๋อมแต๋ม วันนี้แต๊กดื้อจริงๆ”

อัลโทนีโอมองเจ้านายหนุ่มรุนหลังแขกกลิ่นหอมให้เดินไปพร้อมกันโดยไม่ลืมลูบหัวแม่หมาอย่างรักใคร่ ทีนี้กลับมาที่สองแม่ลูก... คุณต๋อมแต๋มเดินตรงไปหาลูกชายที่ยังหมอบอยู่ที่เดิมราวกับรู้ความผิด สีหน้านั้นเต็มไปด้วยความอ่อนใจยามมองเด็กน้อย

‘แม่สอนเสมอว่าไม่ให้ดื้อกับเจ้านายไง’

‘แต๊กขอโทษ’  เจ้าหมาน้อยครางหงิง

‘แม่ว่าต้องอบรมข้อปฏิบัติกับแต๊กใหม่แล้วล่ะ’

‘..........’

ฟังแค่เท่านั้นแมวหนุ่มแสนฉลาดที่วางตัวดีมาตลอดอย่างเขา ก็ขอหลบเลี่ยงการอบรมเพื่อเข้าไปหามนุษย์ใจดีคนนั้นก่อนแล้วกัน
ร่างอวบอัดขนปุยสีขาวสะอาดตาเดินส่ายก้นอาดๆ ไปตามพื้น ทำจมูกฟุดฟิดตามกลิ่นหอมเฉพาะตัวไปกระทั่งพบเจอสองคนที่โต๊ะทานอาหาร และตอนนั้นเองที่กลิ่นหอมของบางอย่างแตะจมูก

อัลโทนีโอเดินมายังเก้าอี้ว่าง เขาเลือกกระโดดขึ้นไปบนนั้นซึ่งเป็นฝั่งเดียวกับมนุษย์หมอ จากนั้นก็ร้องเรียกอย่างทุกที

“เมี้ยว~”  แล้วเจ้าหนุ่มคนนี้ก็ทำเหมือนเช่นเคยโดยการหันมามองด้วยรอยยิ้ม แล้วพูดกับเขาด้วยเสียงเล็กเสียงน้อย

“ว่าไงเจ้าเหมียว” 

อัลโทนีโอหันไปยกคิ้วใส่มนุษย์ใจดีที่นั่งฝั่งตรงข้ามแล้วเริ่มพูดกับเจ้าของกลิ่นใจดีที่กำลังตีกับกลิ่นหอมของอาหารอยู่ตอนนี้

‘เป็นอย่างไรล่ะ เขาว่ากันว่ามนุษย์รักสัตว์คือมนุษย์ดี ถ้าเจ้าอยากมาเป็นพ่อพันธุ์ให้มนุษย์หมอก็ยกก้นเลย!’

“มันเป็นอะไรเหรอครับคุณหมอ ร้องเมี้ยวๆ ไม่หยุดเลย”

“มันคงอยากทำความรู้จักคุณรักมั้งครับ”

แมวหนุ่มหาได้สนใจการสนทนาของมนุษย์ไม่ มันยังคงยืดอกมองตรงไปยังผู้ช่วยชีวิตเพื่อแนะนำสิ่งดีๆ ‘เราน่ะถึงจะอยู่ที่นี่ไม่นานแต่ขอยืนยันเลยว่ามนุษย์หมอเหมาะสมที่เจ้าจะผสมพันธุ์ด้วย ใช่ว่าเราจะรักชอบเพศผู้นะ เพียงแต่เราไม่ได้กลิ่นเพศเมียจากเจ้าเหมือนกัน หมายความว่าเจ้าก็เป็นตุ๊ดตู่เหมือนมนุษย์หมอ ยอดเยี่ยม! เรารู้สึกว่าตัวเองเหมือนเป็นกามเทพเลย’


เจ้าแมวตัวนี้ไปกินอะไรผิดปกติมากันนะ?

กวินขมวดคิ้วขบคิดพลางจ้องมองแมวขนปุยสีขาวสง่าบนตัก เขาออกจะแน่ใจว่าอาหารที่ให้สัตว์ในบ้านกินนั้นก็เหมือนกันทุกวัน ขนมก็เป็นยี่ห้อเดิมที่บรรดาเจ้าตัวเล็กตัวใหญ่ชื่นชอบ แต่ทำไมวันนี้เจ้าเหมียวถึงได้ร้องแง้วๆ อย่างกับพูดจ้อไม่หยุดแบบนี้กัน

“ไปเล่นกับแต๊กนะเจ้าเหมียว”  เจ้าของตักลูบขนนุ่มๆ หลังคอแมวพูดมากไปมา ก่อนจะกระตุ้นให้มันลงไปจากตัก แม้มันจะอิดออดในคราแรกแต่เมื่อเขาจัดการอุ้มมันลงด้วยตัวเองก็ดูว่ามันจะยอมอย่างเสียไม่ได้

“แม้วว!”  นั่น มีหันมาร้องว่าเขาเสียด้วย แต่เมื่อเห็นว่าเขาส่งสายตาดุโต้ตอบ เจ้าแมวแสนฉลาดก็สะบัดก้นเดินอวดหางเป็นพวงสวยจากไป

“มันเจ็บปวดตรงไหนรึเปล่าครับ?”  กวินยิ้มตอบน้ำเสียงเป็นห่วงจากคนที่ปากบอกว่าไม่ชอบสัตว์ เมื่อเขาบอกไปว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงก็ทำท่าโล่งอกได้อย่างน่าเอ็นดู

“เรามาสนใจอาหารตรงหน้าดีกว่า”  คุณหมอหนุ่มเอ่ยอย่างกระตือรือร้น สองตาจับจ้องปิ่นโตที่ถูกแยกชั้นวางไว้ตรงหน้า ทั้งกลิ่นทั้งหน้าตานั้นอย่างกับหลุดมาจากร้านอาหารมีราคา กวินจับอาวุธมั่นตักจ้วงผัดกระเพราที่เหมือนยกสัตว์มาทั้งทะเลก่อนเป็นอันดับแรก กุ้งตัวใหญ่ที่แม้แกะหางมาให้พร้อมสรรพแต่ก็ยังคงความอวบอ้วนนอนแผ่เต็มช้อน เขาอ้าปากรับเข้าไปลิ้มรสด้วยความคาดหวัง

แต่ดูท่าคนทำจะลุ้นเสียยิ่งกว่า

กวินอมยิ้มพลางเคี้ยวอาหารไปด้วยด้วยขณะสบสายตาสุทธิรักษ์ที่มองมาราวกับเป็นกังวลเสียหนักหนา ความไม่มั่นใจในตัวเองนั้นฉายชัดเสียจน เขาอยากจะป้องปากตะโกนให้ได้ยินไปสักสามบ้านแปดบ้านว่ามันอร่อยเกินกว่าที่คิดไว้เยอะมาก กุ้งในปากนั้นชุ่มฉ่ำสุกกำลังพอดีไม่แห้งแข็งเหมือนร้านตามสั่งทั่วไป

“อร่อยมากๆ เลยครับคุณรัก”  เขาหยอดคำชมให้คนมองคลายกังวล จากนั้นก็ขอหยุดการสนทนาชั่วคราวไปกับการทางอาหารทุกอย่างเสียจนไม่เหลือหลอ นอกจากผัดกะเพราจะเผ็ดสู้ลิ้นกำลังดีแล้วนั้น ไข่เจียวชิ้นหนานุ่มก็ตัดความเผ็ดร้อนได้เป็นอย่างดี
ต้องเรียกว่ากินเสียเต็มคราบ กวินอิ่มมากซะจนอยากขยับคลายเข็มขัดที่รัดท้องแน่นอยู่ตอนนี้แต่ก็กลัวคนที่แอบชอบจะตกใจจนพานให้คะแนนติดลบ แต่กระนั้นการขยับร่างกายไปมาเพื่อให้อยู่ในท่าสบายก็เรียกเสียงขบขันได้อยู่ดี

“ผมทำมาเยอะ เพราะไม่รู้ว่าปกติคุณหมอทานประมาณไหน”  สุทธิรักษ์บอกพร้อมรอยยิ้มที่ทำให้คนมองต้องยิ้มตาม  “คุณหมออิ่มรึเปล่าครับ?”

“มากเลยครับ”  กวินรู้สึกขัดเขินไม่น้อย  “ที่จริงคราวหน้าคุณรักทำมาน้อยกว่านี้ก็ได้นะครับ ปกติผมทานไม่เยอะขนาดนี้หรอก”  ว่าจบก็หัวเราะแก้เขิน แม้ปิ่นโตตรงหน้าจะไม่เหลือเศษซากอาหารเลยแม้แต่น้อย

“ได้ครับ ถ้าคุณหมออยากกินอะไรเป็นพิเศษก็บอกเลยนะครับ ถ้าผมทำได้จะทำให้หรือถ้ากินอาหารที่ผมพอแวะได้ก็จะซื้อมาให้”

“ผมชอบอาหารไทยครับ แล้วฝีมือที่สุดยอดกว่าคุณรักก็คงไม่มีอีกแล้ว”

“ผมไม่ตัวลอยเพราะคำชมคุณหมอหรอกครับ”

“งั้นเปลี่ยนเป็น ต่อไปนี้ผมคงทานอาหารที่ไม่ใช่ฝีมือคุณรักไม่ได้อีกแล้วล่ะครับ”

“...ก็เหมือนจะลอยขึ้นมานิดๆ แล้วครับ”  สุทธิรักษ์ก้มหน้างุดกับคำตอบของตัวเอง ทิ้งผิวแก้มระเรื่อให้ลอยล่อตาคนอยากสัมผัส

“ลอยสูงๆ ได้เลยนะครับ ยิ่งสูงยิ่งดี”  กวินฝืนเก็บมือตัวเองมาเท้าคางไว้ไม่ให้เอื้อมออกไปลูบแก้มที่ดูนิ่มนวลตรงหน้า

“ตอนตกลงมาคงเจ็บน่าดูนะนั่น”  คนฟังหัวเราะเบาๆ

“ผมจะรับไว้เองครับ ...ไม่ปล่อยให้คุณรักเจ็บตัวแน่นอน”

“..........”

อา...แก้มแดงได้น่ากินจริงๆ    



.

.

.



ออฟไลน์ L@DYMELLOW

  • กำลังงงๆ เพราะหาทางลงจาก “คาน” ไม่เจอ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 356
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +826/-4
    • facebook
ในที่สุดสุทธิรักษ์ก็มีงานอดิเรกใหม่เพิ่มขึ้นอีกหลายอย่างในชีวิตแสนธรรมดาเรียบง่ายนี้

เขาชอบไปจ่ายตลาดสดมากขึ้น เปิดเว็บไซต์ดูสูตรอาหารใหม่ๆ ทุกครั้งที่ว่าง เรียนรู้ประโยชน์ของวัตถุดิบต่างๆ ที่จะนำมาประกอบอาหาร ก็คนเขาอยากให้คุณหมอกินอาหารดีๆ เลยไม่รู้สึกว่าเรื่องมันน่าเสียเวลาสักนิด ทั้งยังช่วยประดับความรู้ในสมองเขา นับเป็นการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ที่แท้จริง

เมื่อวันก่อนคุณหมอกวินอยากกินทอดมัน แต่เมื่อวานเขาขึ้นเวรเลิกดึก วันนี้จึงตั้งใจเลิกงานตรงเวลาแล้วเผ่นไปตลาดเพื่อหาซื้อของโดยไม่ลืมส่งข้อความบอกคุณหมอว่าวันนี้จะไปส่งปิ่นโต พอกลับมาถึงบ้านเขาก็รีบเทอาหารแมวที่พร่องไปใส่เครื่องแล้วรีบทำความสะอาดร่างกายเบื้องต้นเพื่อเตรียมปรุงอาหาร

ใช้เวลาไม่น้อยกว่าที่สารพัดทอดมันจะเสร็จเรียบร้อย มีทั้งทอดมันปลากราย ทอดมันหมู ทอดมันปลาหมึกชิ้นอวบ และยังมีทอดมันกุ้งให้คุณหมอได้กินจุกๆ แบบสมใจ แต่เมื่อเสียเวลากับทอดมันไปมากเขาก็เลยได้ทำเพียงแกงจืดเต้าหู้อ่อนกับผักแบบธรรมดาเพิ่มอีกอย่างเท่านั้น

สุทธิรักษ์จัดทุกอย่างใส่ปิ่นโตแล้วรีบปั่นจักรยานไปยังบ้านคุณหมอกวินที่ติดกับคลินิก แต่พอกดออดไปไม่เท่าไหร่ก็พบว่าคนที่มาเปิดประตูให้นั้นเป็นผู้หญิงสาวคนหนึ่ง สุทธิรักษ์ยิ้มค้างไปเล็กน้อยแต่ก็ยังปรับสีหน้าได้ทัน

“หนูเปงลู่จ้างที่คลินิกค่ะ พอดีว่ามีเคสฉุเฉออยู่คูหมอปลี่ตัวออกมาไม่ได้เลยให้หนูมารอคู”  หญิงสาวอธิบายรวดเดียวราวกับถูกท่องจำมา น้ำเสียงที่เปล่งออกมานั้นไม่ชัดเจนพอที่จะเรียกว่าคนไทยแท้ได้ แถมยังเบี่ยงตัวออกผายมือเชื้อเชิญเขาเข้าไปในบ้านอีก  “คูหมอสั่งหนูมาว่าให้พู่ยังไงก็ได้ให้คูเข้าไปรอในบ้าน”

สุทธิรักษ์ถึงกับหลุดขำให้ประโยคซื่อๆ แต่เขาก็คงไม่อาจทำตามที่ว่าได้ในเมื่อเจ้าของบ้านกำลังยุ่งวุ่นวายกับการทำงานอยู่
เขาส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้มก่อนยื่นปิ่นโตให้หญิงตรงหน้า  “ฝากปิ่นโตไว้ก็พอ ผมไม่เข้าไปดีกว่า” 

“ถ้าง้าหนูโคต้อไปกับคูแล้ว”  สิ้นเสียงโต้ตอบแบบที่ต้องตั้งใจฟังแล้วนั้น สุทธิรักถึงกับกระพริบตาปริบๆ ด้วยยังประมวลผลการรับฟังไม่ถูก  “คูหมอบอกว่าถ้าหนูพู่ให้คูเข้าไปไม่ได้ ก็ให้หนูไปกับคูด้วยแล้วคูหมอจะไประเอง”


โอย~ ทำไมคุณหมอถึงได้ชอบแกล้งคนนักนะ!


สุทธิรักษ์ได้แต่ถอนใจกับแววตาจริงจังของลูกจ้างชาวต่างชาติคนนี้ เมื่อเห็นว่าในที่สุดเขาก็ยอมพยักหน้าตกลง ลูกจ้างคนดีก็ยิ้มกว้างออกมารีบส่งมือมารับปิ่นโตไปถือเอง

“คูหมอเก่งม่าเลย! บอกว่าพู่แบะนี้แล้วคูจะโตะโล”

มาตอนนี้สุทธิรักษ์ก็หัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก ขาก็ก้าวเข้ามาในบ้านคนอื่นตามคำล่อหลอกแล้วจะให้หันหลังกลับก็คงไม่ทัน สุดท้ายคุณหมอก็ไม่ได้ชอบแกล้งคนอื่นแต่ชอบแกล้ง ‘เขา’ ต่างหาก!

เขาเดินตามลูกจ้างสุดซื่อที่เดินปรี่เข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับเขาที่เดินตามไป แต่เสียงบางเสียงกลับทำให้ขาสองข้างหยุดชะงักอยู่กับที่

“โฮ่ง!!/ เมี๊ยว~”

สุนัขสีน้ำตาลทองวิ่งโร่มาแต่ไกล ข้างกันนั้นเป็นเจ้าแมวสีขาวขนฟูที่วิ่งตามติดกันมา สุทธิรักษ์ถอยหลังไปตามสัญชาตญาณแต่ก็ยังไม่วายถูกเจ้าของบ้านโผเข้ามาคลอเคลีย หมาหนึ่งแมวหนึ่งพากันพันแข้งพันขา เจ้าตัวใหญ่กระโดดโถมเข้าใส่ไปมา เจ้าตัวเล็กก็นัวเนียจนแทบจะรวมร่างเข้ากับขา

“หยุดก่อน! อย่าสิพวกแก”  สุทธิรักษ์พูดแทบไม่เป็นภาษา ความกลัวมีไม่เท่าไหร่นักเพราะเริ่มคุ้นหน้ากัน แต่เขาก็ไม่อยากได้รับความใกล้ชิดขนาดนี้! ขนทั้งตัวพร้อมกันลุกเกรียว สองขายิ่งพยายามถอยหลังอย่างไม่รู้จะต้องทำอย่างไร

“เมี๊ยว~ เมี๊ยว~”

“แฮ่ะๆ แฮ่ะๆ”

และในจังหวะที่เจ้าหมายิ้มหวานโถมร่างเข้าใส่เต็มแรงอีกครั้ง เจ้าแมวที่พันขาอยู่ก็กลายเป็นเครื่องขัดขาชั้นดี

สุทธิรักษ์ร้องออกมาด้วยความตกใจเมื่อร่างกายวูบหล่นไปด้านหลัง ไร้สิ่งยึดเกาะเพื่อช่วยต้านแรง ซ้ำยังถูกน้ำหนักของเจ้าหมาล้มเข้าใส่ซ้ำ สุทธิรักษ์เจ็บไปทั้งตัว แต่ที่มากกว่านั้นคือศีรษะกระแทกเข้ากับพื้นเต็มแรง เจ็บเสียจนหยดน้ำตาเล็ดออกมา

เขาได้ยินเสียงร้องอย่างตื่นตกใจจากที่ไหนสักที่ และในขณะที่ความนึกคิดเริ่มถดถอย บนใบหน้าก็รู้สึกถึงความเปียกชื้นจนทั่ว เสียงครางหงิงๆ กับเสียงร้องเหมียวๆ

สุทธิรักษ์พยายามจะหลบเลี่ยงบางสิ่งที่เหมือนจะเป็นลิ้นที่กำลังเลียใบหน้าเขาจนเปียกชื้น แต่นอกจากจะหลบไม่ได้แล้วนั้นยังถูกบางสิ่งเดินขึ้นมาบนอก เขารู้สึกได้ถึงฝ่าเท้าเล็กๆ สี่ข้างที่เหยียบย่ำลงน้ำหนักเต็มแรง จากนั้นริมฝีปากก็พลันรู้สึกถึงบางอย่างที่ผิดปกติ

เขารู้สึกว่ามีบางอยู่ไหลเข้ามาในปาก เป็นน้ำบางอย่างที่กลิ่นฉุนไม่เบาแต่เขาก็เผลอกลืนมันเข้าไป

ชายหนุ่มลืมตาด้วยความตกใจพร้อมๆ กับที่เสียงคุ้นหูดังขึ้นอย่างร้อนรน

คุณรัก!!”  เสียงของคุณหมอกวินดังใกล้เข้ามา เขาพยายามฝืนร่างกายให้ลุกขึ้นพลอยให้เจ้าก้อนขนบนอกหล่นตุ้บลงไปบนพื้น

“เป็นยังไงบ้างครับ”  เขาถูกวงแขนแข็งแรงช้อนขึ้นมา แต่ความมึนหัวทำให้เขาต้องหยุดความคิดที่จะผินหน้าไปมองเจ้าของเสียงห่วงใย

“ผมมึนหัวนิดหน่อยครับ เจ็บด้วย”  สุทธิรักษ์คิดจะสะบัดศีรษะไล่ความมึนงงออกไปแต่กลับถูกมือใหญ่จับให้อยู่กับที่โดยการยึดพิงไว้กับแผ่นอก


...เขินมาก เขินแบบมึนๆ


“วันนี้ได้โดนทำโทษแน่ต๊อกแต๊ก”  เจ้าของอ้อมออดบอกกับเจ้าหมาตัวโตที่นั่งหมอบหูลู่หางตกอย่างข่มเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างที่สุด มันครางหงิงอย่างรู้สึกผิด

‘แต๊กขอโทษนะเจ้านาย แต๊กแค่อยากเล่นกับมนุษย์ใจดี’

สุทธิรักษ์พยักหน้าเห็นด้วย ก็เป็นหมานี่นะยังไงก็คงนึกถึงเรื่องเล่นเป็นที่หนึ่งอยู่แล้ว

‘มนุษย์ใจดี นายเป็นอะไรมากหรือไม่’

“เจ็บหัวเท่านั้นเอง ไม่เป็นอะไรมากหรอก”  เขาตอบเสียงเล็กๆ ที่ดังขึ้น

“ผมว่าไปโรงพยาบาลให้หมอตรวจดีกว่าครับ”  คราวนี้เป็นเสียงของหมอกวิน

‘เจ้านายเป็นหมอนี่’

‘มนุษย์หมอรักษาคนได้เหรอ’

เขาอดขันกับสองเสียงที่แสดงความสงสัยไม่ได้  “หมอกวินเป็นสัตวแพทย์ จะมารักษาคนได้ยังไง”  เขายิ้มพลางมองไปยังต้นเสียง

“..........”

“อันที่จริงผมก็พอรักษาคนได้นะครับ แต่มันจะผิดจรรยาบรรณแพทย์ไปหน่อยผมเลยจะพาคุณไปโรงพยาบาลนี่ไง”  แล้วเขาก็หันไปมองคุณหมอที่ยิ้มเครียดส่งมาให้

“คุณหมอ?”

“ครับ?”

สุทธิรักษ์มองรอบตัวอีกครั้งแต่นอกจากคนงานต่างชาติที่ยืนให้กำลังใจอยู่ไกลๆ แล้วนั้นก็ไม่มีใคร

“คุณหมอได้ยินเสียงใครพูดไหมครับ?”

".........."

".........."

“...เผื่อคุณรักอยากจะหาข้อเสียจากผม ผมกลัวผีนะครับ”  ใบหน้าหล่อเหลาหันมองรอบตัวบ้าง ความหวาดกลัวพาดผ่านแววตาคมกล้าอย่างเห็นได้ชัด

‘อย่างนี้เจ้านายก็ไม่เก่งน่ะสิ มิน่าในร้านถึงมีแต่สัตว์เต็มไปหมด’ เสียงที่ติดจะทุ้มเล็กน้อยดังขึ้นอีก สำเนียงนั้นราวกับเจ้าของเสียงเป็นเด็กน้อยที่ยังอ่อนต่อโลก

‘เขาถึงเรียกสัตวแพทย์ไงล่ะแต๊ก เหมือนที่หมอคนก็ไม่รักษาสัตว์ไงล่ะ’  เสียงเล็กๆ ดังขึ้นโต้ตอบ
สุทธิรักษ์พุ่งสายตาไปยังต้นเสียงอีกครั้ง

ที่ตรงนั้นมีสุนัขตัวใหญ่ขนสีน้ำตาลทองเงางาม มันกำลังเอียงหน้าไปมาให้กับเจ้าแมวขนสีขาวฟูนุ่ม มองหน้ากันคล้ายกับสื่อสารกันเงียบๆ ผ่านสายตา กระทั่งทั้งสองตัวรู้สึกว่าถูกแอบมอง ดวงตาใสกระจ่างสองคู่จึงหันสบมา

‘แต๊กขอโทษนะมนุษย์ใจดี เดี๋ยวแต๊กให้กระดูกเป็นการขอโทษนะ’

‘สวัสดีมนุษย์ใจดี’

“บ...บ้าไปแล้ว...”  ภาพและเสียงตรงหน้าเหมือนจะทำสติของเขาเตลิดเปิดเปิง ยิ่งแมวตัวนั้นเดินเยื้องย่างเข้ามาใกล้ เขาก็ยิ่งรู้สึกกลัวเสียจนกระทั่งการเบียดตัวเข้าหาอ้อมกอดของคนที่แอบชอบก็ไม่มีการเขินอายอีกแล้ว

“คุณรัก?”

“ผ...ผมต้องหัวกระแทกแรงจนสมองเบลอไปแล้วแน่ๆ” 

อุ้งเท้าสองข้างยกวางลงบนหน้าขา เขาอยากจะกระเถิบตัวหนีแต่ก็ดูเหมือนร่างทั้งร่างจะแข็งทื่อไปหมด

‘เจ้าได้ยินเราพูดแล้วสินะ ยอดเยี่ยมจริงๆ เราไม่คิดว่าจะเป็นจริงตามคำบอกเล่านะเนี่ย’

“คุณหมอ...คุณหมอครับ!!

“คุณรักเป็นอะไรครับ”  เสียงคุณหมอกวินฟังดูร้อนรนไม่ต่างกัน หากแต่ตอนนี้สองตาเขาเอาแต่จ้องเป๋งไปยังเจ้าของเสียงเล็กๆ

‘เราชื่ออัลโทนีโอ บวารี่ คูเท่น เดอ มองฟรัวร์ ที่แปด เป็นขุนนางระดับสูงแห่งอาณาจักรแคทเทอร์นิปอันยิ่งใหญ่’

“ห๊า!”

‘เรียกเราสั้นๆ ว่าโทนี่ก็ได้ ...ว่าแต่เจ้าชื่ออะไรหรือมนุษย์?’

“..........”

คุณรัก!!!

ท่ามกลางสติที่กำลังดับวูบสุทธิรักษ์ได้ยินเสียงคุณหมอเรียกชื่อเขาเสียงดัง และจากนั้นเขาก็ไม่รับรู้อะไรอีกเลย



• • • • • • • • • • • • • โปรดติดตามต่อ•วันพุธหน้า • • • • • • • • • • • • •


เรียจ้านาย
ขอเลื่อโส่นิยายไปเปวาพุนะจ๊ะ (กรุณาอ่านสำเนียงต่างประเทศนะคะ 555)

วันอังคารทำงานเต็มวัน16ชม.เลยมาส่งนิยายไม่ได้ จะส่งวันจันทร์ก็ไม่ได้เพราะมันเร็วเกินไปไม่ใช่แนว 555

หลังจากนี้ชีวิตธรรมดาๆ ของสุทธิรักษ์จะไม่ธรรมดาอีกต่อไป
นอกจากจะมีคุณหมอขี้อ่อยแล้วนั้น ยังเพิ่มพี่โทนี่ผู้หล่อเหลาเข้าไปอีกตัว และจะมีตัวอื่นตามมาอีกในอนาคต

...ไว้อาลัยให้กับความสงบของนายที่รักเลยค่ะ  :call:

 

ออฟไลน์ PandP

  • Déjame vivir esa fantasía.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1170
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-0
    • http://www.facebook.com/iAMpingPINGping
น้ำที่สุทธิรักษ์กินเข้าไปคือน้ำอะไรน้อออ คิดดีไม่ได้เลย 55555

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
สวัสดีที่รัก นี่โทนี่ไง


หมอคะ หมอกลัวผีจนเสียอาการเลย ฮ่า ๆ ๆ ๆ

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
เป็นลมเลย 55555555555555555
แต่อัลโทนีโอให้กินอะไรก๊อนนนนนนน

ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
อ่านไปก็หิวไป อยากจะขอยืมตัวน้องรักมาทำอาหารให้กินบ้างจังค่ะ
เอ็นดูภาษาพูดน้องต๊อกแต๊ก ซื่อๆตรงๆ รอสงสารน้องรักเลยต้องมาฟังต๊อกแต๊กพูด ฮา

 :pig4:

ออฟไลน์ เก้าแต้ม

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1290
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-3
ดีใจกับคุณรักด้วยค่า :mew4:  ชีวิตคงมีบันเทิงเริงใจอีกเย๊อะ 555

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
สุทธิรักษ์จากนี้ไปมีเรื่องสนุกๆเข้ามาไม่หยุดแน่ๆ :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ Grey Twilight

  • Moderator
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 392
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +171/-17
บันเทิงล่ะทีนี้  :laugh: :laugh:

ทีนี้ ถ้าแค่สุทธิรักษ์คนเดียวที่ฟังภาษาสัตว์ออกนี่เดี๋ยวจะมีปัญหาไหมครับ เผื่อคุณหมอจะงงๆแล้วกลัว โทนเรื่องจะฉีกออกทำให้เป็นคอเมดี้โรแมนซ์ไม่ได้รึเปล่า อาจต้องระวังนิดนึง ถ้าให้ดีก็ให้คุณหมอกลืนน้ำลายอันโทนิโอด้วยก็ดีนะครับ คราวนี้ล่ะยิ่งบันเทิงแน่  :m20: :m20: ทั้งพระเอกนางเอกฟังภาษาสัตว์ออก น่าจะมีเรื่องดีๆเข้ามาให้ฟีลกู๊ดได้

ชอบน้องต๊อกแต๊กอะครับ น้องหมาน่าร้ากกกกกก น่าจับมาฟัดมากเลย

ออฟไลน์ L@DYMELLOW

  • กำลังงงๆ เพราะหาทางลงจาก “คาน” ไม่เจอ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 356
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +826/-4
    • facebook
ตอนที่ 5
เป็นทาสโดยไม่ตั้งใจ





เสียงจอแจปลุกสุทธิรักษ์ให้ฟื้นขึ้นมาจากการหลับใหล เอ๊ะ? หรือที่จริงแล้วเขาไม่ได้หลับ? ชายหนุ่มส่ายหัวสลัดความปวดหนึบที่อยู่ด้านหลังแต่กลับถูกฝ่ามือของใครสักคนประคองให้อยู่กับที่ สุทธิรักษ์เหลือบตามองเจ้าของความอบอุ่นที่แนบเนาอยู่ข้างแก้ม และพบว่าฝ่ามือที่ติดหยาบกร้านเล็กน้อยนั้นเป็นของคุณหมอกวินที่บัดนี้เผยสีหน้าโล่งอกอย่างเห็นได้ชัดเจน

“คุณทำผมเป็นห่วงแทบแย่”  หมอกวินพรูลมหายใจออกมาแต่ยังไม่คลายมือออกจากผิวแก้มของเขา

“ผมเป็นอะไรไป?”  คนเจ็บตัวเอ่ยถามอย่างสับสน สองตากวาดมองรอบด้านจึงพบบรรยากาศของโรงพยาบาลที่มีเจ้าหน้าที่เดินกันขวักไขว่ แน่นอนว่าบางคนนั้นคุ้นหน้าคุ้นตากันดี  “คุณพาผมมาโรง’บาลเหรอครับ?”

“ก็คุณเล่นเพ้อออกมาแล้วก็สลบไป”  ว่าถึงตรงนี้ คนพูดก็อดไม่ได้ที่จะลูบมือลงกับศีรษะคนป่วยย่างห่วงใย  “วันนี้นอนดูอาการกันสักคืนนะครับ”

สลบ? สุทธิรักษ์พยักหน้าเล็กน้อยอย่างเห็นเป็นเช่นนั้น หากพอนึกถึงสาเหตุก็ให้ขนแขนลุกพรึบไปตามๆ กัน อันที่จริงแล้วมันอาจจะเป็นอย่างที่คุณหมอบอกว่าเขาเพ้อเพราะหัวกระแทกพื้น คงต้องเป็นตามนั้นแน่! ก็ตั้งแต่เด็กจนโตเขาไม่เคยพบเจอเรื่องเหนือธรรมชาติมาก่อนคงไม่มาเกิดเอาช่วงเบญจเพสตามตำราหรอกน่า

“ไม่ต้องหรอกครับ ผมไม่เป็นอะไรแล้ว”  เขาพูดจริงตามความรู้สึก นอกเสียจากว่าหลังศีรษะเหมือนจะบวมตุ่ยขึ้นมาจากการกระแทก หากเมื่อสัมผัสดูก็ไม่พบกับผ้าก๊อซปกปิดเอาไว้จึงออกจะแน่ใจว่าไม่ได้หัวร้างค่างแตกเป็นแน่ จึงหวังแค่เพียงว่ามันจะไม่รุนแรงขนาดเลือดออกในสมอง

“น้องรักของหมอ”  คราวนี้เป็นเสียงคุ้นเคยที่ได้ยินเกือบทุกวัน สุทธิรักษ์หันไปมองผู้มาใหม่ที่เข้ายืนประชิดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม  “หกล้มมาหรือครับ ไม่มีแผลแตกใช่มั้ย? ไหนเอียงหัวให้หมอดูหน่อย”

สุทธิรักษ์เอียงด้านข้าง สูดปากเล็กน้อยยามแพทย์ผู้คุ้นหน้าลงน้ำหนักนิ้วบนก้อนมะกรูดบนหลังหัว
“ทีนี้หันหน้ามานะ ลืมตาไว้”  จากนั้นนายแพทย์พชรผู้เป็นมิตรกับเจ้าหน้าที่ทั้งโรงพยาบาลก็หยิบไฟฉายขนาดเล็กส่องเข้าที่ตาทั้งสองข้าง จากนั้นก็ตรวจสอบอากรต่อโดยให้เขายกแขนกับขาต้านกำลังมือของแพทย์  “ปวดหัว คลื่นไส้ไหม?”

“ไม่ครับหมอกบ แค่เจ็บหัวที่โนเท่านั้น”

“อืมๆ ไม่อาเจียน ไม่ปวดหัว แขนขาไม่อ่อนแรงไม่กระตุก ม่านตาก็ปกติ ญาติไม่ต้องกังวลนะครับ”  ว่าแล้วก็หันไปมอง ‘ญาติ’ ที่ยืนฟังการวินิจฉัยเงียบๆ  “แต่เพื่อความมั่นใจคงต้องแอดมิตดูอาการสักคืน เดี๋ยวญาติตามเจ้าหน้าที่ไปทำเรื่องเข้าพักรักษาตัวได้เลยนะครับ”

“ไม่ใช่นะครับ!”  คนเจ็บจำต้องรีบแย้งความเข้าใจผิดของคนกันเอง  “คุณกวินเป็น...เป็น...”


เป็นอะไรดีล่ะ!!


สุทธิรักษ์ขบคิดจนหัวหมุน เป็นคนร่วมหมู่บ้านงั้นหรอ? ตอนนี้ก็ชักจะก้าวหน้าไปมากกว่านั้นแล้วนี่! แต่จะให้เป็นเพื่อน เขาก็ยังไม่ได้สนิทคุ้นเคยกันมากพอ ร...หรือจะให้เป็นแฟน...ต...แต่เขาก็ยังไม่กล้าคิดไกลถึงขนาดนั้นนี่นา แล้วจะวางสถานะคุณหมอไว้แบบไหนดีล่ะ หรือว่า...ค...คนคุยๆ กันอยู่

มัน...มันจะน่าอายเกินไปหน่อยแล้ว!!

“ดูเหมือนความสัมพันธ์จะอธิบายยากนะครับ”  เสียงของหมอพชรที่หันไปเอ่ยกับ ‘ญาติ’ ด้วยรอยยิ้มทำให้คนฟังบนเปลนอนกลับเข้าสู่สถานการณ์ปัจจุบัน

“เขาแค่ขี้อายเท่านั้นล่ะครับ”  แล้วการตอบกลับของคุณหมอกวินก็ทำให้สองหนุ่มหัวเราะขึ้นเบาๆ อย่างเข้าอกเข้าใจ

แต่คนนอนมองเนี่ยสิ หน้าจะไหม้อยู่แล้ว...

ในท้ายที่สุด สุทธิรักษ์ก็ถูกจับรับตัวเข้ารักษาเพื่อประเมินอาการ โดยอาศัยความเป็นเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลทำให้ไม่ต้องยุ่งยากเรื่องเอกสารมากนักแค่มีบัตรประชาชนใบเดียวก็มีคนกันเองใจดีทำเรื่องให้หมด จะนับว่าใช้เส้นสายก็คงได้ล่ะนะ แต่เรื่องที่น่าหนักใจที่สุดกลับเป็นคนพามาส่งเสียได้

หมอกวินยัดเยียดตัวเองเป็นญาติเขาอย่างสมบูรณ์ ทั้งการกรอกเอกสารยินยอมให้การรักษา หรืออาสาที่จะนอนเฝ้าเป็นเพื่อน ห้ามเท่าไหร่ก็ไม่ฟังเอาแต่หาเหตุผลมาหักล้างความอายของเขาอยู่เรื่อย และในเมื่อทนความดื้อของคุณหมอไม่ไหว สุทธิรักษ์ก็ต้องยอมแพ้ไปโดยปริยาย

“ผมจัดการปิดบ้านให้เรียบร้อยแล้วนะครับ อาหารแมวก็มีเต็มถัง ผมเลยเติมน้ำเผื่อไว้พรุ่งนี้ซะเลย”

คนป่วยบอกขอบคุณ พลางมองคนตัวสูงที่เดินไปวางกระเป๋าเป้บนโซฟาแล้วนั่งลงข้างๆ จากนั้นก็เผยรอยยิ้มสว่างละลานตากับลักยิ้มข้างแก้มแสนมีเสน่ห์ให้กับเขา ไม่ได้มีร่องรอยความเบื่อหน่ายหรือความไม่พอใจสักนิดที่ต้องเทียวไปบ้านเขากับโรงพยาบาลเพื่อเอาเสื้อผ้ากับของใช้ส่วนตัว ซ้ำยังต้องตรวจตราความเรียบร้อยให้อีก

“ผมเกรงใจคุณหมอมากเลย ขอโทษจริงๆ นะครับ”  เขาเอ่ยอย่างรู้สึกผิด

“ผมต่างหากที่ต้องขอโทษ เป็นเพราะหมากับแมวบ้านผมที่ทำให้คุณต้องมาเจ็บตัวแบบนี้”  หมอกวินลุกขึ้นมานั่งเก้าอี้ข้างเตียง สีหน้ายิ้มกริ่มขณะเท้าคางมองผม  “ผมกำลังคิดว่าจะชดใช้ให้คุณรักยังไงดีนะ”

“ไม่ต้องครับ ไม่ต้อง!”  สุทธิรักษ์รีบร้อนปฏิเสธ  “แค่คุณมานอนเฝ้าก็ถือว่ามีน้ำใจกับผมมากแล้วครับ”

“อืม...คุณรักจะรวมความตั้งใจกับการแสดงน้ำใจไว้ด้วยกันก็ไม่ถูกนะครับ”

“ยังไงล่ะครับ?”  คนเจ็บลอบขยับตัวเล็กน้อยเพื่อถอยห่างจากใบหน้าของอีกคนที่ยื่นใกล้เข้ามา

“ก็ยกตัวอย่างเช่น แม้ต๊อกแต๊กไม่ได้ทำร้ายคุณ แต่เมื่อไหร่ที่คุณนอนโรงพยาบาลผมก็จะมานอนเฝ้าคุณแบบนี้เรื่อยๆ นี่คือความตั้งใจจริงครับ”  คุณหมอกวินแย้มรอยยิ้มหวาน  “แต่ถ้าเป็นแค่การแสดงน้ำใจ ผมก็จะแค่มาเยี่ยมคุณเท่าที่ทำได้ อาจจะซื้อกระเช้าใหญ่ๆ เพื่อมาขอโทษ รึให้เงินปลอบขวัญแล้วก็จบกัน”

“..........”  ชั่วขณะหนึ่ง สุทธิรักษ์เผลอกลืนน้ำลายก้อนโตลงคอด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก ทั้งที่ผู้ชายตรงหน้าพูดด้วยรอยยิ้มเช่นเดิมแต่กลับให้ความรู้สึกเหมือนหมาป่าที่หุ้มหนังสุนัขบ้านตัวใหญ่ยังก็ไม่รู้

“ทีนี้คุณรักเห็นถึงความแตกต่างรึยังครับ”

“ต...แต่ว่า”

“ถ้าคุณรักจะเกรงใจผมให้ได้ งั้นเราคงต้องเริ่มทำความสนิทสนมเพิ่มขึ้นอีกขั้นแล้วล่ะครับ”  คุณหมอกวินสรุป พลางเอื้อมมือข้างที่ว่างขึ้นมาเกี่ยวปอยผมเขาเล่น สุทธิรักษ์ตัวแข็งทื่อด้วยความตกใจแต่พยายามสยบร่างกายไม่ให้สะบัดหนี กลัวว่าท่าขืนดิ้นรนแม่แต่น้อยคุณหมอจะคิดว่าถูกรังเกียจ แต่มันก็ช่างยากเหลือเกิน! ตอนนี้ใบหน้าเขาร้อนวูบวาบไปหมด เสียงหัวใจก็ดังตุบๆๆ เสียจนอยากให้มันหยุดเต้นไปซะเลย 

หน้าไม่แดงใช่ไหม!? เสียงหัวใจมันเต้นดังมากไปรึเปล่า!?

กวินมองคนป่วยตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูกกับท่าทีข่มอารมณ์ที่แสนน่าเอ็นดู ริมฝีปากเม้มแน่นเสียจนสั่นระริก นัยน์ตาเบิกกว้างกึ่งตกใจกึ่งสุขสมอย่างประหลาด ไหนจะร่างกายที่ฝืนไม่ขยับหนีจนแข็งทื่อนั่นอีก แล้วยังมีแก้มแดงน่ากัดนั่นอีก


ดูท่าเขารุกหนักไปอีกแล้วสิเนี่ย


“เริ่มจากการเรียกชื่อก่อนดีไหมครับ?”  คุณหมอหนุ่มตัดใจเก็บมือเก็บนิ้วตัวเองเข้าที่  “คุณเอาแต่เรียกผมว่าคุณหมอๆ แล้วถ้าเกินอยู่กันหลายๆ หมอ คุณรักจะเรียกผมว่ายังไงครับ”

“ก็ ก็เรียกคุณหมอกวินไงครับ”

“ห่างเหินจัง”  ว่าจบ คนผ่านโลกมามากกว่าก็แสร้งถอนหายใจ  “ถึงว่าทำไมคุณถึงบอกใครไม่ได้ว่าผมเกี่ยวข้องกับคุณยังไง ที่แท้เราก็เหินห่างกันขนาดนี้”

“ไม่ใช่นะครับ! ไม่ใช่ๆ คือผม...” 

เมื่อเห็นสีหน้าร้อนรนของคนป่วยก็ทำใจร้ายไม่ลงจริงๆ กวินต้องคอยเตือนตัวเองเสมอว่าเด็กคนนี้ไม่เหมือนคนอื่นที่เคยเจอ ความขี้อายของคนนี้มีมากกว่าใครเป็นเท่าตัวโดยเฉพาะกับคนที่ยังไม่สนิทสนมกันนักแบบเขา

“ถ้าคุณรักยังทำตัวไม่ถูกเรื่องที่ผมอยากขยับความสัมพันธ์ งั้นก็อย่าเพิ่งไปคิดถึงมันเลยครับ”  กวินปลอบตัวเองให้ยอมก้าวถอยหลังหนึ่งก้าว แม้จะไม่เต็มใจนักแต่ก็ดีกว่าไปเพิ่มความกดดันให้อีกคน  “เราอยู่ในฐานะเพื่อนไปก่อนก็ได้ครับ แค่อย่าใจร้ายทิ้งผมให้อยู่ที่เดิมนานนักก็พอ”

“..........”

“เพียงแต่... ผมขอเป็นเพื่อนที่จับมือคุณรักได้ไหมครับ?”  มือหนาเลื่อนกอบกุมฝ่ามือที่ไม่ได้นุ่มนิ่มเท่าไหร่นักหากอุ่นพอดิบพอดีกับฝ่ามือที่ติดจะเย็นของเขา แม้อีกคนจะไม่ได้ขัดขืนแต่ก็เกร็งเสียจนคนจับนึกไปถึงก้อนหิน แต่เขาทำเพียงลอบยิ้มแล้วพูดขึ้นต่อราวไม่รับรู้  “เป็นเพื่อนที่กินข้าวด้วยกัน ไปเที่ยวกัน บางวันก็ไปรับไปส่งที่ทำงาน”


หรือขอแอบหอมแก้มบ้างบางครั้งที่คุณเผลอ...


“ผมขอเป็นเพื่อนแบบนั้นได้ไหมครับ?”

เนิ่นนานหลายวินาทีกว่าคนฟังจะมีปฏิกิริยาตอบรับ คนมองอดยิ้มไม่ได้กับสีหน้าเขินอายหากแววตานั้นเปล่งประกายระยิบระยับ เพียงแค่เห็นใบหน้าน่ารักกับแก้มสีแดงระเรื่องพยักหน้าตอบรับคนร้องขอก็คล้ายมีกำลังใจรอขึ้นมา

กวินต้องห้ามใจอย่างยิ่งยวดที่จะไม่โน้มตัวลงไปจรดริมฝีปากเข้ากับรอยยิ้มน้อยๆ ของคนตรงหน้า เขาไม่เคยแอบชอบใคร ไม่เคยต้องอดทนรอใครแบบนี้ แต่หากนับว่าตอนนี้มันดีหรือไม่ เขาก็คงยืดอกบอกได้เต็มปากว่าดีไม่น้อย แต่เขาเชื่อว่าอนาคตมันจะต้องดีเกินกว่าความอดทนรอของเขาในตอนนี้แน่นอน



•  •  •  •  •   •  •



สุทธิรักษ์ที่ถูกงดน้ำงดอาหารระหว่างรอประเมินอาการจึงไม่อิดออดต่อความหิวที่มีจนล้นตั้งแต่เมื่อเช้า ส่วนหมอกวินนั้นที่ยอมอดข้าวเป็นเพื่อนทั้งคืนทำเอาคนป่วยซึ้งใจจนน้ำตาเอ่อ ดังนั้นเมื่อแพทย์สั่งให้ออกจากโรงพยาบาลได้ คนหิวทั้งสองก็แบกเสียงท้องร้องไปหาของกินก่อนเป็นอันดับแรก

สุทธิรักษ์ก็ถูกญาติจำเป็นพาไปเลี้ยงรับขวัญ เป็นร้านติ่มซำที่มีหลายสิบชนิดและให้บังเอิญเป็นร้านโปรดของคนทั้งคู่ เพราะฉะนั้นแต่ละคนจึงมือคีบปากเคี้ยวไม่เป็นอันสนทนา เมื่ออิ่มหนำกันเต็มที่ก็พากันกลับบ้าน แต่ไม่ใช่บ้านของเขาน่ะสิ!

“ค้างกับผมสักคืนเถอะครับ ผมจะได้สบายใจว่าคุณไม่เป็นอะไร”

นั่นคือข้ออ้างต่อคำคัดค้านทั้งหลายทั้งปวงของเขา เมื่อทนแรงดึงดันไม่ไหวสุทธิรักษ์ก็จำต้องพยักหน้ายินยอม หมอกวินที่ยิ้มแก้มแทบปริจึงขับรถพาเขากลับมาเอาของที่บ้านก่อน แถมยังใจดีช่วยเปลี่ยนน้ำให้แมวอีกครั้งก่อนรับเขากลับไปบ้านตัวเอง

มันมีคำพูดที่ว่า ‘เมื่อไม่คิดถึง เราก็จะลืมมันไป’ หากทันทีที่คุณหมอเข้ามาจอดรถในบริเวณบ้านภาพเหตุการณ์ก่อนที่เขาจะสลบก็แวบเข้ามาในความคิด ทำให้คนที่ควรจะตามเจ้าของบ้านลงจากรถไปต้องนั่งนิ่งด้วยความไม่แน่ใจ ยิ่งพอเห็นเจ้าหมาขนเป็นเงากำลังตะกุยขาเจ้านายอย่างเป็นบ้าเป็นหลังก็ให้ขนทั้งร่างลุกเกรียว


เมื่อวาน... เมื่อวานคือเรื่องจริง หรือเป็นเพราะสมองเขาถูกกระเทือน


สุทธิรักษ์นิ่วหน้าขบคิด มันจะเป็นไปได้อย่างไรที่มนุษย์จะเข้าใจว่าสัตว์หน้าขนพูดอะไร เรื่องเหลือเชื่อแบบนี้มันมีแค่ในนิยายเท่านั้น ใช่! เขาคงมึนหัวมากจนสติสร้างภาพหลอนขึ้นมา

แต่มันมาทั้งภาพและเสียงเลยนะ?

ชายหนุ่มสะบัดหัวขับไล่ความคิดที่ว่าตัวเองอาจจะเข้าข่ายอาการทางจิต ได้แต่ปลอบใจตัวเองว่าทุกอย่างไม่มีอะไรผิดปกติ ต๊อกแต๊กก็ดูร่าเริงเหมือนเดิม ส่วน...ส่วนเจ้าแมวนั่นก็...ก...ก็นั่งมองมาทางนี้นิ่งๆ

สุทธิรักษ์สูดหายใจลึกเข้าปอดเรียกความกล้าอันน้อยนิด เอื้อมหยิบกระเป๋าเป้หลังรถมาสะพายแล้วลงจากรถ สองเท้าปรี่เข้าประชิดคนตัวสูงอย่างจงใจ

“โฮ่งๆๆ”  เสียงต๊อกแต๊กเห่ารับ ปากฉีกกว้างจนลิ้นสีชมพูห้อยตกลงมา สะบัดหางเป็นพวงจนน่ากลัวจะหลุดปลิว

“นั่งเลยนะ! ทำเรื่องไว้แสบมากนะเมื่อวาน”  คุณหมอดุเจ้าตัวใหญ่เสียงเข้มจนมันหมอบนอนเอาขาหน้าปิดตาอย่างรู้สำนึก

นี่ไง...ทุกอย่างเป็นแค่เรื่องของสมองถูกกระทบกระเทือนเท่านั้น

‘ขอโทษนะเจ้านาย แต๊กจะงดขนมสำนึกผิดแล้วกัน’

สองขาที่กำลังก้าวไปพร้อมเจ้าของบ้านพลันหยุดชะงัก

เขาไม่ได้หันไปมองทางต้นเสียง ไม่สิ! เขาไม่กล้าหันไปต่างหาก ก็เสียงนั้นน่ะ...เสียงนั้น...

“คุณรักครับ?”  สุทธิรักษ์เงยหน้ามองคนตัวสูงที่หยุดเท้ารอเขาด้วยความสงสัย นี่เป็นครั้งแรกเลยล่ะนะ ที่ความอายถูกความรู้สึกอื่นกดข่มไว้ได้ ชายหนุ่มเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้หลักพักพิง เอื้อมมือจับชายเสื้ออีกคนเอาไว้ราวกับเด็กกลัวหลงทาง หมอกวินมองการกระทำของเขาด้วยรอยยิ้มแปลกใจ แต่แล้วอีกฝ่ายก็ดึงมือของเขาไปกุมไว้แทน

“ต้องจับแบบนี้สิครับ”  ตามด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจกับลักยิ้มทรงเสน่ห์ที่เกือบจะทำให้สุทธิรักษ์ยิ้มตามได้

ถ้าไม่ติดว่ามีสายตากลมโตสีฟ้าจับจ้องอยู่น่ะนะ

“คุณหมอไม่ได้ยินอะไรเลยเหรอครับ”  สิ้นคำ เจ้าของฝ่ามือที่จับจูงอยู่หยุดกะทันหันจนใบหน้าเขาเกือบชนเข้ากับหัวไหล่อีกฝ่าย คุณหมอหันหน้ามามองด้วยความสงสัยกับรอยยิ้มที่...แข็งค้างไปสักหน่อย

“เสียงอะไรหรือครับคุณรัก?”

แค่ได้ฟังเสียงที่เจือความกลัวจากคนพยายามแข้งใจตรงหน้า หัวสมองสุทธิรักษ์ก็พลันนึกไปถึงเหตุการณ์เมื่อวานก่อนที่ตัวเองจะสลบไป ‘เผื่อคุณรักอยากจะหาข้อเสียจากผม ผมกลัวผีนะครับ’ คุณหมอพูดไว้ประมาณนั้น แล้วจะให้เขาใจดำลากคนกลัวเข้ามาร่วมรับรู้ได้ยังไง

เขาจำใจส่ายหน้าด้วยรอยยิ้ม  “เสียงลมแรงซะน่ากลัวจะมีพายุน่ะครับ เดินต่อเถอะครับ”

เขากระตุกมือหมอกวิน อีกฝ่ายทำหน้าโล่งอกชัดเจนเสียจนคนมองต้องอมยิ้ม แล้วผู้อาศัยชั่วคราวก็ก้มหน้าก้มตาเดินตามเจ้าของบ้านเข้าไปด้านใน แน่นอนว่าเบื้องหลังนั้นเขารู้สึกได้ถึงเสียงฝีเท้าหลายคู่ที่พากันกรีธาทัพเข้ามา พร้อมกับเสียงสองเสียงที่เขาได้ยินแจ่มชัดเมื่อวาน

‘เจ้านายมีกลิ่นมนุษย์ใจดีติดตัวด้วยล่ะโทนี่’ เสียงที่ติดจะทุ้มเล็กน้อยนี้เป็นเสียงเดียวกับที่เขาได้ยินเมื่อครู่

‘กลิ่นอยากผสมพันธุ์ก็แรงพอกันนะ’ ส่วนเสียงเล็กๆ ติดจะเย่อหยิ่งนี่ที่เขาได้ยินเมื่อวาน

สุทธิรักษ์กลืนน้ำลายก้อนโตลงคออย่างยากลำบาก อันที่จริงแล้วเขาอยากจะสะบัดมือคุณหมอทิ้งแล้ววิ่งกลับบ้าน แต่ทั้งขาทั้งมือมันอ่อนแรงเสียงจนยกสะบัดไม่ไหว

‘ว้า แสดงว่ายังไม่ได้ขี่กันน่ะสิ ทำไมเจ้านายไม่เป็นงานเลยน้า’

‘สงสัยมนุษย์ใจดีไม่กระดกก้นให้น่ะสิ หรือว่าจะไม่ชอบมนุษย์หมอ?’

‘ไม่ใช่สิ เจ้านายของแต็กใจดีจะตาย มนุษย์ผู้หญิงตั้งเยอะที่อยากได้เจ้านายเป็นพ่อพันธุ์’

‘แต่มนุษย์ใจดีเป็นผู้ชายนะแต๊ก’

‘...งั้นแต๊กไปแม่ถามก่อน’


จบเสียงติดทุ้มนี้ เจ้าหมาต๊อกแต๊กก็วิ่งพรวดไปอีกทางพร้อมกับเสียงที่ดังตามติดตัวไป ‘แม่จ๋า! แม่จ๋า!’

เหมือนเด็กเล็กๆ ที่ร้องเรียกหาแม่อย่างตื่นเต้น และมันก็ทำให้คนได้ยินลืมความกลัวจนเผลอหลุดขำออกมา ไหนจะกระแสเสียงนินทาที่เขาฟังเข้าใจบ้าง ไม่เข้าใจบ้างนั่นอีก มันก็...ทั้งน่ากลัว ทั้งน่าตลกล่ะนะ

แต่หมอกวินกลับกลายเป็นคนที่ทำให้เขาขำไม่ออก เพราะหลังจากพากันเดินขึ้นชั้นสองไป และประตูบานหนึ่งถูกเจ้าของบ้านเปิดเข้าไปด้วยสีหน้าแช่มชื่น สุทธิรักษ์ก็คลับคล้ายจะอยากสะบัดมือคุณหมอทิ้งอีกครั้ง หากเขายังคงเดินตามเข้าไปโดยไร้ปากเสียง แม้ว่าเบื้องหน้านั้นจะเป็นเตียงนอนหลังใหญ่ที่ดูนุ่มสบายน่านอน

สุทธิรักษ์ลอบสูดหายใจสงบสติอารมณ์อันเตลิดเปิดเปิงของตัวเอง มันก็แค่เตียง! แค่เตียงของคุณหมอเท่านั้นเอง!

“ทำตัวตามสบายนะครับ”  คุณหมอคนดีแย้มยิ้มบอก

ใช่! ทำตัวตามสบาย ผ่อนคลายสิไอ้รัก

...ใครมันจะไปทำได้กันเล่าครับคุณหมอ!!

เจ้าของบ้านมองร่างแข็งทื่อของผู้อาศัยชั่วคราวแล้วให้ขบขัน แต่กวินก็ยังมารยาทดีพอที่จะไม่เพิ่มความอายให้อีกคนโดยการเอ่ยกระเซ้า เขาทำเพียงแนะนำที่ทางคร่าวๆ และถือวิสาสะเอากระเป๋าเป้ของสุทธิรักษ์มารื้อของจัดเก็บเข้าที่ เขาปล่อยให้คนขี้อายยืนตามอัธยาศัยขณะที่ตัวเองแขวนเสื้อผ้าสำหรับผลัดเปลี่ยนที่ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ เข้าตู้เสื้อผ้า ตามด้วยของใช้ส่วนตัวที่ต้องเอาไปวางไว้ในห้องน้ำ

มันเป็นความรู้สึกคันยุบยิบที่หัวใจอย่างน่าประหลาด การที่มีเสื้อผ้าของคนอื่นในตู้ส่วนตัว มีแปรงสีฟันของใครอีกคนเพิ่มเข้ามา บ้านที่เคยมีเพียงเขากลับมีเงาร่างของบางคนทับซ้อน แม้จะแค่ชั่วข้ามคืนที่อาจจะได้รู้สึกแบบนั้นแต่ถ้ามันยืดยาวนานไปตลอดจะให้ความรู้สึกแบบไหนกันนะ

กวินส่ายหัวเล็กน้อยให้กับความคิดเกินตัว สุทธิรักษ์นั้นเหมือนผลไม้ดิบที่ต้องใช้เวลาเพาะบ่มความอร่อย ขืนเขาใจเร็วมากไปคงโดนอีกฝ่ายเขินอายจนหลบหน้าหลบตาเป็นแน่

ชายหนุ่มเดินกลับเข้ามาในห้องนอนแล้วพบว่าสุทธิรักษ์ยังคงยืนอยู่ที่เดิมอย่างทำตัวไม่ถูก เขาทั้งสงสารทั้งขำแต่ถ้าไม่พูดให้อีกฝ่ายคลายกังวลสักหน่อยก็ดูจะใจร้ายไปสักนิด คุณหมอหนุ่มเดินตรงเข้าไปหา เลือกที่จะเว้นระยะห่างเล็กน้อยให้อีกคนหายใจโล่ง

“ตอนนี้เราเป็นเพื่อนกันไงครับ คุณรักไม่ต้องกลัวว่าผมจะคิดมิดีมิร้ายนะ”  เมื่อเอ่ยอย่างรู้ทันก็พาให้คนฟังสะดุ้งออกมาเล็กน้อย แถมยังรีบร้อนปฏิเสธปากคอสั่น

“ไม่ใช่นะครับ ไม่ใช่! ผ...ผมแค่ทำตัวไม่ถูก”

“โล่งอกไปที ผมก็คิดว่าคุณรักจะกลัวถูกผมจับกิน”  กวินทำทีพ่นลมหายใจออกมา

“จับกิน? ค...คุณหมอ!! ล้อผมเล่นอีกแล้ว”  เขาหลุดหัวเราะออกมาเมื่อเห็นคนขี้อายยกมือขึ้นคล้ายตั้งการ์ดปกป้องตัวเอง คงไม่คิดว่าจะต้านเขาได้หรอกชะไหม? ต่อให้รูปร่างมีน้ำมีนวลขนาดไหนแต่กวินก็ยังเชื่อว่าตัวเองมีกำลังมากกว่าแน่นอน ดังนั้นเขาเลยแสดงออกเล็กๆ น้อยๆ โดยการง้างท่อนแขนสองข้างของสุทธิรักษ์ออกแล้วยื่นหน้าเข้าไปกระซิบหยอกล้อที่ข้างหู

“ผมคิดอยากกินคุณรักจริงๆ นะครับ”

ราวกับสัมผัสได้ถึงไอร้อนผะผ่าว กวินเหลือบมองซีกแก้มที่พลันแดงระเรื่อขึ้นมา มันใกล้กันถึงเพียงนี้แต่เขาก็จำต้องหักใจทำเพียงลอบให้แก้มแตะต้องกันอย่างไม่ตั้งใจ แม้จะอยากเปลี่ยนเป็นให้ริมฝีปากแนบเนาอยู่ก็ตามที
“แต่ผมจะรอวันที่คุณรักเต็มใจครับ ขืนวู่วามผมก็อกหักกันพอดีน่ะสิ”

“..........”

เฮ้อ~ เขาจะอดใจไม่ให้พุ่งเข้าไปหอมแก้มแดงๆ นั่นได้อีกนานแค่ไหนกันนะ 



•  •   •   •   •  •

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-10-2019 13:45:51 โดย L@DYMELLOW »

ออฟไลน์ L@DYMELLOW

  • กำลังงงๆ เพราะหาทางลงจาก “คาน” ไม่เจอ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 356
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +826/-4
    • facebook
หลังจากทำร้ายหัวใจเขาจนพอใจ หมอกวินก็ขอตัวไปทำงานพลอยให้สุทธิรักษ์หายใจโล่งปอดมากขึ้น ใบหน้าที่ร้อนวูบวาบก็ค่อยๆ กลับมาเป็นปกติ หัวใจที่เต้นถี่รัวก็คล้ายจะสงบลง คุณหมอช่างเป็นบุคคลที่อันตรายต่อการทำงานของร่างกายเหลือเกิน แค่ได้เห็นรอยยิ้ม ได้อยู่ใกล้ๆ ทุกอย่างก็ดูติดขัดไปเสียหมด

เฮ้อ~ บางที่สุทธิรักษ์ก็เบื่อตัวเองที่เป็นแบบนี้เหมือนกัน

ชายหนุ่มมองรอบห้องอย่างนึกสำรวจ ภายในห้องนี้ตกแต่งโทนสีขาวครีมโดยมีเฟอร์นิเจอร์ไม้สีอ่อนเป็นส่วนประกอบเช่นเดียวกับบริเวณชั้นล่าง แม้จะดูเรียบง่ายแต่ก็บ่งบอกรสนิยมที่ดี

จู่ๆ หัวใจที่สงบลงแล้วก็กลับเต้นตึกตักขึ้นมาอีกครั้ง สุทธิรักษ์ได้แต่ยืนเก้กังอยู่แบบนั้นอย่างเพิ่งนึกขึ้นได้ วันนี้...คืนนี้...เขาจะได้อยู่กับคุณหมอสองต่อสองสินะ ช่างเป็นเรื่องที่เกินความคาดฝันชะมัด กลิ่นหอมเดียวกับที่ติดตัวคุณหมอในห้องนี้ทำให้จิตใจไม่สงบเอาเสียเลย สุทธิรักษ์ยกมือขึ้นลูบหน้าลูบตาเรียกสติก่อนจะสำนึกรู้ถึงความจริง

อยู่กันเพียงสองต่อสองอะไรเล่าไอ้รักเอ๊ย! ยังมีหมากับแมวพวกนั้นอีกนี่

เรื่องพิลึกพิลั่นนั่นทำหัวใจเขาห่อเหี่ยวได้อย่างชะงัดนัก เขาได้ยินเสียงบ้าพวกนั้นมาจากหมากับแมวของคุณหมอขณะที่เจ้าของพวกมันกลับไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย อะไรทำให้เขาไม่ปกติแบบนี้ล่ะ? แล้วกับสัตว์ตัวอื่นล่ะ เขาจะได้ยินพวกมันพูดแบบนี้หรือเปล่า?

ในหัวคนครุ่นคิดมีแต่คำถามเต็มสมอง เขายืนนิ่งงันอยู่แบบนั้นกระทั่งได้ยินเสียงบางอย่างดังมาจากประตู ไม่ใช่เสียงเคาะ แต่เหมือนมีบางอย่างกำลังตะกรุยประตูอยู่จากเบื้องล่าง แน่นอนว่ามนุษย์ปกติไม่ทำแบบนั้นแน่

มาตึงตอนนี้มีข้อสรุปสองอย่างอยู่ในหัว อย่างแรกนั้น สุทธิรักษ์จะไม่รับรู้อะไรทั่งสิ้น เขาจะกระโจนขึ้นเตียงคุณหมอแล้วคลุมโปงให้มิด แต่เขาไม่มีทางที่จะหนีรอดไปได้แน่นอนนอกเสียจากว่าเขาจะเลิกยุ่งกับคุณหมอได้อย่างเด็ดขาด และในเมื่อทำไม่ได้จึงมีข้อสรุปที่สองตามมา


อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด!


สองเท้าคนกลัวสืบย่างไปยังประตูที่ยังมีเสียงตะกรุยไม่หยุด เขาสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ อยู่หลายครั้งถึงจะตัดใจหมุนลูกบิดเพื่อเปิดประตู

สองตามองตรงไปในระดับปกติ ...แน่นอนว่าไม่มีใคร

แต่ขณะเดียวกันกับการตัดสินใจว่าจะมองลงต่ำดีหรือไม่ มวลบางอย่างก็คล้ายเคลื่อนผ่านขาของเขาไป และแน่นอนว่าเมื่อสายตามองลงไปย่อมไม่มีสิ่งใดอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว

‘กว่าจะเปิดได้ เท้าเราเจ็บไปหมดเลยมนุษย์’

เสียงเล็กๆ เอ่ยกล่าวโทษมาจากเบื้องหลัง แม้จะพอรู้สึกได้แต่สุทธิรักษ์ก็ยังตัวเกร็งรับความผิดปกติอยู่ดี แต่ในเมื่อตัดสินใจที่จะลองเผชิญหน้าดูสักตั้งเขาจึงเลือกที่จะหมุนตัวกลับไปมองยังต้นเสียง

บนที่นอนที่ถูกคลุมทับด้วยผ้าห่มผืนหนาดูนุ่มนิ่มอย่างเรียบร้อย มีหนึ่งร่างนั่งเอกเขนกพลางยกเท้าขึ้นเลียอย่างรื่นรมย์ ขนสีขาวพลิ้วฟูไปตามแรงเคลื่อนไหว ใบหน้าที่มีสีน้ำตาลอ่อนปนเทาแปลกๆ ปกคลุมยิ่งขับเน้นให้ดวงตาสีน้ำเงินเด่นชัดขึ้น หางเป็นพวงสีเดียวกับแต้มบนใบหน้าสะบัดพลิ้วไปมา

เป็นแมวที่สวยและก็ตัวใหญ่มากจริงๆ

สุทธิรักษ์พูดไม่ออก เขาไม่รู้จะเริ่มอย่างไร การสนทนากับสัตว์คือหนึ่งในเรื่องที่เขาไม่คิดอยากจะทำเพราะในเมื่อมันโต้ตอบมนุษย์ไม่ได้เราก็ไม่ควรไปเสียเวลาด้วย แต่คงเพราะเขาไม่ชอบสัตว์ก็เลยมีความคิดเช่นนี้ เพราะดูจากเวลาคุณหมอพูดกับสัตว์นั้นดูมีความสุขจนเขาอมยิ้มให้กับเสียงเล็กเสียงน้อยที่ใช้สื่อสาร มันก็เป็นแค่เรื่องความชอบที่ไม่เหมือนกัน เขาเข้าใจ

แต่ตอนนี้เขากลับหวังให้เจ้าหน้าขนตรงหน้า ‘พูด’ อะไรขึ้นมาสักอย่าง

ร่างที่ใหญ่กว่าแมวทั่วไปถึงสามเท่าวางเท้าหน้าลงหลังจากการแลบเลียอย่างเมามันผ่านพ้นไป มันใช้สายตาสีน้ำเงินรูปไข่จ้องมองมาที่เขา หลายวินาทีของการประสานสายตาจนกระทั่ง...

‘ดูท่าเราคงต้องแนะนำตัวอีกครั้งสินะ’

สุทธิรักษ์แทบจะทรุดตัวลงเมื่อความเป็นจริงกระจ่างแจ้งอยู่เบื้องหน้า แมว...แมวพูดได้จริงๆ !!!

‘เราชื่ออัลโทนีโอ บวารี่ คูเท่น เดอ มองฟรัวร์ ที่แปด เป็นขุนนางระดับสูงแห่งอาณาจักรแคทเทอร์นิปอันยิ่งใหญ่’

ประโยคนี้เขาก็คุ้นว่าเคยได้ยินมาแล้วเมื่อวาน ไอ้ชื่อยาวเหยียดนั่น ไหนจะอาณาจักรชื่อประหลาดนั่นอีก

‘เราขอขอบคุณเจ้าที่ช่วยชีวิตเราไว้ ทั้งคำพูดปลอบโยนจากเจ้าและกลิ่นหอมที่ทำให้เราสงบใจได้มาก เจ้าคือมนุษย์ใจดีคนแรกที่เราได้พบ’

“..........”

‘เอาล่ะ บอกชื่อมาสิมนุษย์ใจดี เราจะได้ทำความรู้จักกัน’

“ส...สุทธิรักษ์”  กว่าจะคิดได้ ปากก็หลุดบอกชื่อไปเสียแล้ว เขากระพริบตาปริบๆ มองแมวตรงหน้าคลอนหัวรับรู้ แต่ไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่

‘เรียกยากจริง มีสั้นกว่านี้ไหม’

“ที่รัก”  ชื่อเล่นเต็มหลุดออกจากปากโดยไม่ผ่านกระบวนการไตร่ตรองอีกครั้ง แต่สุทธิรักษ์ก็หาใส่ใจไม่เพราะตอนนี้ทุกสิ่งมันอัศจรรย์มากเกินกว่าที่เขาเคยเจอมาตลอดชีวิตเสียอีก ทั้งในสมองยังมีแต่คำว่าทำไมอยู่เต็มไปหมด

‘สายตาดูมีความสงสัยนะมนุษย์’

สิ้นเสียงแมวขนฟูสุทธิรักษ์ก็พยักหน้ารัวเร็วอย่างเห็นพ้อง สองตามองเจ้าแมวที่เอนกายนอนด้วยท่วงท่าแสนสบาย แลบเลียเท้าหน้าสีขาวสะอาดราวกับเบื่อหน่ายมนุษย์ตัวโตที่เอาแต่ยืนจ้องมันอย่างกับไร้สติ

‘เมื่อวานเรากับต๊อกแต๊กทำเจ้าล้มไปใช่มั้ย’ ว่าแล้วมันก็วางขาไขว้กัน เชิดหน้าขึ้นมองสบเขาพลางอ้าปากอธิบายไปเรื่อย ‘เราก็ตกใจไม่น้อยแหละ แต่ต๊อกแต๊กนี่ตกใจวิ่งวนไปมาเสียจนเราปวดหัว’


แมว... แมวพูดไม่หยุดเลย


สุทธิรักษ์ร่ำร้องในใจ เขาเห็นมันอ้าปากส่งเสียงภาษาคน แต่เขาไม่ได้ยินเสียงร้องเหมียวๆ แบบที่แมวควรจะมีเลย แถมเจ้าแมวตัวนี้ยังบอกว่าตกใจ แถมยังปวดหัว! แมวปวดหัวได้ด้วย!! 

‘เราซึ่งเป็นขุนนางอันมีชื่อย่อมต้องทดแทนบุญคุณที่ช่วยเหลือ และเจ้าอาจไม่รู้ว่าน้ำลายของเรานั้นพิเศษมากนะมนุษย์ มันใช้รักษาแผลได้ทุกชนิดแถมยังเล่ากันว่ามีพลังวิเศษเล็กๆ น้อยๆ’

“..........”

‘เราคิดว่าอย่างไรเจ้าก็ต้องได้แผลบ้างก็เลยสั่งสมน้ำลายไว้เต็มที่ แต่นอกจากจะไม่มีแผลแล้ว เจ้ายังเผลออ้าปากร้องโอดโอย’

“ม...หมายความว่า...”  สุทธิรักษ์ใจสั่นขึ้นมาทันที 

‘เราเผลอทำน้ำลายหยดใส่ปากเจ้าน่ะ’

"อี๋!!!"  เสียงที่เต็มไปด้วยความรังเกียจของเขาลากยาวจนเจ้าแมวประหลาดหูกระดิกด้วยความไม่พอใจ เจ้าตัวใหญ่สีขาวลุกขึ้นยืนจับจ้องมา

‘อย่าได้ทำกิริยาอย่างนี้นะมนุษย์ เราให้เกียรติเจ้าขนาดไหน ต้องขอบคุณเราด้วยซ้ำที่ทำให้เจ้าได้มีโอกาสนั่งสนทนากับเราน่ะ’

แต่นั่นมันน้ำลายนะ!! ถ้าเป็นไปได้สุทธิรักษ์ก็อยากจะอาเจียนออกมาเสียด้วยซ้ำ น้ำลายของคนก็ว่าแย่แล้วนะ แต่นี่มันมาจากสัตว์หน้าขนเชียวนะเชื้อโรคต้องมีแน่นอน แล้วนี่ยังเป็นแมวไม่รู้จักมักจี่กันเขาที่ไม่แหวะออกมาให้เห็นต่างหากที่เป็นคนให้เกียรติมัน

‘ในเมื่อเจ้าได้ดื่มกินน้ำลายของเราแล้ว เจ้าก็ได้กลายเป็นทาสของเราอย่างสมบูรณ์แล้วล่ะ’

“ห๊า!!”

'ในเมื่อเจ้าสื่อสารกับเรารู้เรื่อง จึงเป็นเรื่องปกติที่เจ้าต้องสนองตอบความต้องการของเราไม่ใช่หรือ?'  เจ้าแมวขนปุยปัดความตกใจของเขาทิ้งด้วยท่าทางไม่ยี่หระ มันยกขาหน้าขึ้นแลบเลียไปมาแล้วทรุดตัวลงนั่งอีกครั้ง

“บ้าน่ะสิ! ฉันไม่ได้ร้องขอน้ำลายแกสักหน่อย”  ให้เป็นทาสคอยสนองความต้องการอะไรกัน แค่เข้าใกล้พวกสัตว์เขายังต้องทำใจแล้วทำใจอีกอยู่เลย

'โวยวายไปก็เท่านั้นน่า ปลายทางมันก็เหมือนเดิม' ว่าแล้วก็หดแข้งขาหายเข้าไปในกลุ่มก้อนขนของตัวเองแล้วปิดตาตัดการสื่อสารกับเขาอย่างสมบูรณ์


หลับ?...นี่มันหลับใส่เขาอย่างนั้นรึเนี่ย!


ท่าติดว่าใจกล้าสักหน่อย สุทธิรักษ์ก็อยากจะตรงเข้าไปเขย่าไอ้แมวตัวอวบตรงหน้าให้ตื่นมาคุยกันให้จบเรื่อง แต่เขาไม่บ้าพอแบบนั้นหรอก ทะเลาะกับสัตว์หน้าขนเนี่ยนะ! บ้าไปแล้ว

เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ เลย

สุทธิรักษ์ตัดสินใจเก็บข้าวของส่วนตัวใส่กระเป๋า เขาชอบคุณหมอ และไม่มีทางเลิกชอบเพียงเพราะคุณหมอเลี้ยงแมวประหลาดตัวนี้เอาไว้ แต่วันนี้เขาต้องขอกลับไปตั้งหลักให้มั่นคงซะก่อน

ไม่กี่นาทีต่อมาเขาก็สะพายเป้พร้อมออกจากห้อง สุทธิรักษ์เปิดประตูให้เบาที่สุดและปิดไว้ไม่สนิทเพื่อให้เจ้าแมวที่นอนหลับสนิทด้านในสามารถตะกรุยออกไปได้ เขาย่องลงบันไดมาชั้นล่างสอดส่ายสายตาหาเจ้าหมาต๊อกแต๊ก เมื่อพบว่าทางสะดวกเขาก็เผ่นผลิวออกจากบ้านไปด้วยความเร็วระดับนั่งย่องเบา

เมื่อพ้นจากอาณาเขตของเรื่องประหลาดมาได้สุทธิรักษ์ถึงกับปล่อยลมหายใจยาวเหยียดออกมา เขาเลือกที่จะโทรบอกหมอกวินในทันทีแต่ก็แอบดล่งใจที่อีกฝ่ายไม่รับสาย เขาจึงเลือกส่งข้อความทิ้งไว้แทน

[พอดีเพื่อนผมมีปัญหาเลยต้องขอตัวกลับก่อน ขอโทษจริงๆ นะครับ]

สุทธิรักษ์อ่านข้อความที่ไม่เชิงว่าโกหกก่อนจะกดส่งไป ที่จริงแล้วถ้าตัดคำว่าเพื่อนทิ้งไปก็ต้องถือว่าเขาพูดความจริงล่ะนะ ...แต่ตอนนี้เขาขอกลับไปตั้งหลักก่อนเถอะ!!


 

• • • • • • • • • • • • • โปรดติดตามต่อ•วันพุธหน้า • • • • • • • • • • • • •



ในที่สุดเจ้านายกับทาสก็ได้สนทนากันซะที
แต่ดันเป็นเจ้านายจอมหยิ่งที่อยากจะน้วยพุงให้ดิ้นแด่วๆ เหลือเกิน :-[



 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-10-2019 13:46:28 โดย L@DYMELLOW »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด