"วันนี้ไม่ไปเรียนหรอ""อือ โรมรู้สึกไม่ค่อยสบายน่ะพี่อาร์ม แค่กๆ"
สรรพนามที่เปลี่ยนไปตามสถานะที่เปลี่ยนแปลง แม้ในคราวแรกมันออกจะขัดเขิน แต่พอเนิ่นนานจนผ่านไปสามปีเราทั้งคู่ก็เริ่มคุ้นชิน
เงี่ยหูรอฟังคำถามต่อไปจากปลายสายโทรศัพท์ ทว่าคุณกลับเงียบไปทันทีที่ผมไอแห้งออกมา เงียบจนผมใจหาย
"พี่อาร์ม? ยังอยู่ในสายมั้ยครับ"
"อยู่""นึกว่าสายหลุด เห็นอยู่ๆ ก็เงียบไป"
คุณเงียบไปอีกครั้งราวครึ่งนาที จนผมเกือบจะเอ่ยเรียกชื่อคุณซ้ำ แต่คุณตอบกลับกันมาก่อน
"ไม่สบายบ่อยเลยนะช่วงนี้""อื้อครับ ช่วงนี้ฝนตก แล้วอีกอย่างโรมก็สุขภาพไม่ค่อยดีอยู่แล้วด้วย พี่ก็รู้"
"โรม…""ครับ?"
"เหนื่อยมั้ย ที่คบกับคนอย่างพี่แบบนี้""เหนื่อยอะไร พี่อาร์มคิดมากอะไรเนี่ย แค่กๆ"
"..."ดึงโทรศัพท์เครื่องบางออกห่างจากริมฝีปากทันทีที่เริ่มไอโขลก ด้วยกลัวว่าอาการขี้โรคของผมจะทำให้คุณเป็นห่วงมากเกินไปกว่านี้
"พี่ขอโทษนะ"“ขอโทษเรื่องอะไรครับ"
"ขอโทษที่เลิกบุหรี่ให้โรมไม่ได้""คิดมากเรื่องนี้เองหรอเนี่ย"
แอบได้ยินเสียงคุณถอนหายใจ เรื่องเล็กน้อยของผม มักเป็นเรื่องใหญ่สำหรับคุณเสมอ
"พี่อาร์ม อย่าถอนหายใจดิ เดี๋ยวแก่เร็วไม่รู้ด้วยนะ"
“โรม""ครับ"
"เข้าไปหาได้มั้ย""มาสิครับ ก็รอให้มาหาอยู่เนี่ย"
คุณเป็นดั่งเมฆหมอกขมุกขมัวกว้างใหญ่ที่ชื่นชอบการลอยตัวอย่างอิสระเหนือพื้นดินโดยไม่มีใครมาบังคับและครอบครองเอาไว้
แต่เป็นผมเองที่แสนโชคดี ที่ไม่เคยคาดคั้นเอาคำตอบว่าสถานะของเราคืออะไร โชคดีไม่เคยหึงหวงคิดกักขังคุณเอาไว้ในความสัมพันธ์ที่ไร้ชื่อเรียกนี้ คุณจึงเป็นฝ่ายหยิบยื่นเอาสถานะที่ไม่เคยมอบมันให้ใครแก่ผม
ผมแน่ใจว่าผมคือผู้ชายที่มีความสุขที่สุดในโลกใบนี้
"ตัวร้อนขึ้นรึเปล่าเนี่ย"
"ไม่รู้เหมือนกัน แต่โรมว่าโรมรู้สึกเพลียๆ"
"งั้นกินยานอนนะ ถ้าไม่ไหวจริงๆ พรุ่งนี้พี่จะพาไปหาหมอ"
"ครับ"
คุณกดจูบที่หน้าผากก่อนเอื้อมมือดับไฟที่หัวเตียง นั่งเฝ้าอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งคนป่วยผล็อยหลับไป
ผมลืมตาตื่นขึ้นมาเพราะลำคอที่แห้งผาก กระถดตัวลุกขึ้นมาพิงหมอนก่อนจะย่นจมูกทันทีเมื่อได้กลิ่นบุหรี่จางๆ ลอยมาจากประตูที่ถูกปิดไว้ไม่สนิทดีของระเบียง
ผมถอนหายใจให้กับแผ่นหลังกว้างที่คุ้นเคย
นับตั้งแต่คบกันมามีเพียงครั้งเดียวเท่านั้นที่เราทะเลาะกันถึงขั้นรุนแรง
ผมขอให้คุณเลิกบุหรี่
แต่คุณกลับบอกว่าเป็นอย่างเดียวที่ให้มันไม่ได้
ผมร้องไห้ ก่นด่าบุหรี่ร้ายที่ทำลายชีวิตพ่อของผม
พราะผมไม่ต้องการให้คุณเป็นแบบนั้น
และเป็นครั้งแรกที่ผมร้องไห้เช่นกัน
คุณถึงตกใจคว้าผมมากอดเอาไว้
ยืนยันหนักแน่นว่าเลิกมันไม่ได้ แต่จะสูบมันให้น้อยลงเพื่อให้ผมสบายใจ
"แค่กๆๆ"
"โรม ตื่นเพราะพี่หรอ"
"พี่อาร์ม โรมขอน้ำหน่อยได้มั้ยครับ แค่กๆ"
คุณดับไฟที่ปลายบุหรี่กับขอบกำแพง รุดเดินมาหยิบเหยือกน้ำที่วางไว้ปลายเตียงเทใส่แก้วแล้วส่งมาให้คนที่รู้สึกระคายคอ
ยังไม่ทันรับแก้วกระเบื้องมาถือไว้ด้วยซ้ำ ผมก็รู้สึกวิงเวียนที่ศีรษะ อีกทั้งยังแค่นไอออกมาจนปวดเสียดที่ช่องท้องไปหมด กระนั้นก็ยังยกมือขึ้นมาปิดปากไว้เพราะไม่ต้องการให้อาการไอส่งต่อไปยังคุณ รู้สึกปวดแสบที่ลำคอก่อนจะสัมผัสถึงอะไรบางอย่างที่ตีรื้นขึ้นมาจากช่วงอก แล้วไอออกมาอย่างรุนแรง
"แค่กๆๆ"
"โรม โรมไอเป็นเลือด"
ผมมองหน้าคุณที่มีสีหน้าแตกตื่นกระวนกระวายก็ให้รู้สึกผิดขึ้นมาจับใจ อยากจะเอ่ยออกมาว่าไม่เป็นไรแต่ก็พูดออกมาไม่ได้ เมื่ออาการหอบถี่หายใจไม่ทันแสดงอาการตามมาจนต้องเปลี่ยนมาหายใจทางปากยิ่งทำคุณตื่นตกใจ โลกทั้งใบเริ่มหยุดหมุน มีเพียงเสียงคุณเรียกชื่อผมซ้ำๆ กระทั่งสติทั้งหมดจะดับวูบ
ผมลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยสติที่ค่อนข้างไม่เต็มร้อยเท่าไรนัก แขนข้างขวาถูกโยงยางไปด้วยสายน้ำเกลือที่ภายในพร่องลงไปกว่าครึ่ง มองออกไปนอกประตูเห็นคุณและคุณแม่กำลังยืนคุยกันด้วยสีหน้าที่กังวลและเคร่งเครียดเป็นอย่างมาก
มากจนผมใจคอไม่ดีคุณเดินกลับเข้ามาสีหน้าตกใจแว่บนึงที่เห็นผมตื่นขึ้น ก่อนจะแย้มยิ้ม ยิ้มที่อบอุ่นยิ่งกว่าพระอาทิตย์ดวงไหน
“โรมฟื้นแล้ว"
“โรมเป็นอะไรไปหรอ อยู่ดีๆ ก็เหมือนภาพตัด"
"เราไอออกมาเป็นเลือด หอบเหมือนคนหายใจไม่ทัน แล้วก็หมดสติไปเลย พี่ตกใจมากรู้มั้ย"
"แต่โรมก็ไม่เป็นไรแล้วไงพี่อาร์ม"
"พี่ขอโทษนะ"
"ขอโทษเรื่องอะไรครับ"
คุณเงยหน้าขึ้นมองด้วยสีหน้าแววตาที่เจ็บปวดแว่บเดียว แล้วแปรเปลี่ยนเป็นสายตาที่ผมอ่านมันไม่ออกอีกครั้ง
"พี่ทำให้โรมต้องเป็นแบบนี้"
"เกี่ยวกับพี่ที่ไหนล่ะ โรมตากฝนเลยป่วยก็แค่นั้น"
"พี่ไม่เคยรู้เลยว่าโรมเป็นโรคหอบด้วย"
"...ก็โรมหายแล้ว"
"ถ้าโรมเป็นอะไรไปขึ้นมาแล้วพี่จะทำยังไง"
น้ำเสียงของคุณเจ็บปวดรวดร้าว สีหน้าราวแบกความทุกข์จากโลกทั้งใบเอาไว้ทำผมใจเสีย ไม่อยากให้โทษตัวเองว่าทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับผมนั้นต้นเหตุมาจากคุณ
"พี่อาร์ม โรมไม่เป็นอะไรแล้วจริงๆ อย่าทำหน้าแบบนั้นสิครับ โรมป่วยเพราะตากฝนไม่ได้เป็นเพราะพี่"
"เป็นเพราะพี่ต่างหาก เพราะพี่คนเดียว"
สองวันหลังจากนั้น คุณหมอก็อนุญาตให้กลับบ้านได้ ผมมั่นใจว่าร่างกายของผมแข็งแรงดีเยี่ยม ผิดกับคุณที่เป็นห่วงผมในทุกฝีเท้าที่ก้าวเดิน
"เดินดีๆ เดี๋ยวล้ม"
"พี่อาร์มโรมไม่ได้ท้อง"
"พี่แค่เป็นห่วง"
"ครับๆ โรมรู้"
คุณจูงมือผมพามาหยุดนั่งที่ปลายเตียง ก่อนจะนั่งตามลงมาข้างๆ กัน จับมือเอาไว้แล้วสอดประสาน จ้องมองเข้ามาในตาของผมด้วยสายตาที่แม้จะคบกันมานานนักก็ยังนึกขัดใจที่อ่านมันไม่ออก
"โรม"
"ครับ"
"พี่รักโรมนะ"
"อยู่ๆ มาทำซึ้งอะไรของพี่เนี่ย"
คุณยิ้มเบา ก่อนดึงผมไปกอดเอาไว้แน่น แน่น
ราวกับว่ามันจะเป็นครั้งสุดท้าย"พี่อาร์ม… พี่เป็นอะไร"
คุณไม่ตอบรับไม่ปฏิเสธ หากทว่ากอดผมแน่นขึ้น ใบหน้าที่ซบอยู่ตรงหัวไหล่ผละออกมาแล้วมองหน้า
"จูบนะ"
ผมก้มหน้าซ่อนแก้มสีแดงเรื่อ เพราะเหตุนั้นผมจึงไม่ทันได้เห็นแววตาอาลัยอาวรณ์ของคุณที่ส่งมันมา
"ปกติก็ไม่เห็นจะขอเลย"
คุณเชยคางของผมไปประทับจูบทันที จูบของเราเป็นรสเฝื่อนปนหวานเหมือนอย่างเคย ความอบอุ่นละมุนละไมยังคงทำให้ผมเคลิ้บเคลิ้มคลั่งไคล้มันได้ทุกครั้ง
คุณรุกหนักจาบจ้วงสัมผัสไปทั่วทั้งร่างกายจนผมอ่อนระทวยอยู่ภายในอ้อมแขน ยิ่งผมบิดเร่าคุณยิ่งมอบจูบร้อนแรงกลับมาให้ ทั้งที่จริงคุณเป็นคนใจเย็นแต่ครั้งนี้คุณดูเร่งร้อน ไม่นานหลังจากนั้นอาภรณ์ของเราทั้งคู่ก็ถูกถอดออกจากร่าง จนเราสองคนแนบชิดกันยิ่งกว่าเดิม
ครั้งแล้วครั้งเล่าที่เราบดเบียดร่างกาย สัมผัสทุกอนุอณูกันและกันจนไม่เหลือเว้นที่ว่าง สองกายคลอเคล้าเล้าโลมวาบหวาม แทรกลึกเข้าไปภายในเร่งเร้ารุนแรงถี่กระชั้น เสียงหอบกระเส่าดังขึ้นสลับกับเสียงเฉอะแฉะหยาบโลนกระทั่งถึงฝั่งฝัน
คุณทอดถอนร่างกายขณะที่ยังคร่อมทับกันในท่าทางที่หวาดเสียว หยาดเหงื่อหยาดย้อยหยดไหลไปตามขมับและสันกรามคมคร้าม คุณจ้องมองหยั่งลึกเข้ามาในดวงตาของผมก่อนกดจูบลงบนหน้าผาก สันจมูก และปรางแก้ม ผมอยากเอ่ยถามว่าแววตาเช่นนั้นที่มองกันมันหมายความว่าอะไร
ทว่าเปลือกตาอันหนักอึ้งกลับขัดขืนไม่ให้ทำอย่างนั้น และผล็อยหลับไปทันทีเมื่อสัมผัสได้ถึงไออุ่นของคุณที่โอบกอดเอาไว้ อ้อมกอดของคุณปลอดภัยจนผมเชื่ออย่างสนิทใจว่าจะมีคุณตลอดไปในชั่วชีวิตนี้
ผมไม่เคยคิดถึงโลกที่ไม่มีคุณข้างกายซักครั้ง...
"Next day, nothin' on my phone
But I can still smell you on my clothes"
ผมลืมตาตื่นขึ้นมาเพราะอากาศที่เย็นลงจากฝนตก ข้างกายว่างเปล่าจนนึกสงสัย ห้องครัว ห้องน้ำ ตู้เสื้อผ้า ไร้ร่องรอยของคุณจนผมคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นอาจเป็นเพียงแค่ความฝัน ผมนั่งพิงหัวเตียงอ่อนแรงอย่างคนไม่เข้าใจอะไรซักอย่างก่อนจะหันไปเจอกระดาษแผ่นเล็กที่ถูกเขียนไว้ด้วยลายมือหวัดแสนคุ้นตา
ชีวิตของโรมที่ไม่มีพี่
มันอาจจะดีกว่าตอนนี้ก็ได้
ขอโทษนะ… ลาก่อน
พี่รักโรมนะ
อาร์มผมเกลียดฤดูฝน
เพราะว่ามันไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะมาตอนไหน
เหมือนกับคุณ...
ที่ผมไม่เคยคาดเดาอะไรได้เลยเช่นกัน“Remember when you taught me fate
Said it'd all be worth the wait”
คุณเคยบอกผมว่าคุณเชื่อและรอคอยในโชคชะตา
เพราะมันทำให้เราสองคนได้มาพบกัน
แต่เป็นคุณเองที่ผลักไสผมออกจากชีวิตที่บอกว่าโชคชะตาลิขิตไว้ไม่ใช่หรือ
ผมไม่กลั้นน้ำตา ไม่ซ่อนความอ่อนแอ อย่างคนที่พยายามจะเข้มแข็งพึงทำอีกต่อไป
ม่านฝนที่เป็นกำแพงอยู่เบื้องหน้าก็ยังสาดเทลงมาไม่หนักเท่าม่านน้ำตาของคนที่กำลังแค่นยิ้มให้กับการเล่นตลกของคนบนฟ้า
"พี่จะกลับมาทำไม"1 ปีที่ไม่เจอกันคุณก็ยังเหมือนเดิม แม้จะผอมลงแต่ดูสูงขึ้น รอยยิ้มติดมุมปากยังคงประดับอยู่บนใบหน้าหล่อเหลา ดวงดาวใต้ตาสามดวงยังคงเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวคุณเหมือนเดิมเช่นก่อนนี้
"ผอมลงรึเปล่านะ พี่เคยบอกแล้วไงว่าต้องกินข้าวให้ครบสามมื้อ"
"ฮึก จะมาทำไม จะกลับมาให้โรมเจ็บอีกทำไม"
คุณยิ้มเบา นัยน์ตาทอประกายอ่อนแสง ก่อนขยับเข้ามายืนในกันสาดเดียวกันกับผม ให้กำแพงสายฝนกลายเป็นฉากหลัง
"พี่กลับมาเพราะรู้ว่าโรมยังรอ"
"โรมไม่เคยรอ"
เชิดหน้าขึ้นมองใบหน้าคนใจร้ายทั้งน้ำตานองหน้า รู้ตัวว่าดวงตาคงแดงก่ำ แต่ความรู้สึกที่อัดอั้นภายในใจมานานนับปีที่กำลังพรั่งพรูออกมาเป็นหยาดน้ำตานั้นคงจะหยุดไม่ไหว
คุณเอื้อมมือเย็นเฉียบมาประคองใบหน้าของคนฟูมฟายเอาไว้ ปาดคราบน้ำตาที่ไหลลงมาราวเขื่อนกั้นพังทลาย ผมสะอึกสะอื้นแต่ไม่ได้เบือนหน้าหนี
เป็นผมจริงๆ ที่โง่เง่ามาตลอด
แม้จะปฏิเสธเสียงแข็ง ก็รู้ดี... ว่าลึกๆ ยังเชื่อใจและรอคำอธิบายของคุณเสมอ
"ถ้าไม่รอแล้วจะพกไฟแช็คไว้ทำไม"
"โรมไม่สูบบุหรี่ แต่โรมพกมันไว้จุดไฟให้พี่ใช่มั้ย"
มองเข้าไปในตาที่ทอดความอาวรณ์ระคนเสียใจออกมาแล้วใจอ่อนวูบ ผมเมินหน้าไม่สบตาแถมไม่ตอบรับคำ ไม่อยากจะยอมรับด้วยว่าสิ่งที่คุณพูดนั้นมันถูกต้องหมดทุกอย่าง
"ไม่ใช่ซักหน่อย พี่พูดเองเออเองทั้งนั้น"
"แต่พี่พกมันเอาไว้ตลอดเวลาเลยนะ"
ผมไม่เข้าใจในสิ่งที่คุณพูดออกมา กระทั่งคุณล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อเชิ้ตรีดเรียบแล้วหยิบเอาลูกกวาดสีชมพูอ่อนรสชาติที่ผมชื่นชอบขึ้นมา
"พี่จำได้ว่าโรมชอบกินรสนี้"
เพราะผมเคยบอกคุณใช่มั้ยว่าผมแพ้ความใส่ใจเล็กน้อยเช่นนี้
ความทรงจำระหว่างเรามันมากมายเกินไป มากเสียจนผมแกล้งลืมและทำเมินเฉยไม่สนใจอีกต่อไปไม่ไหว เม้มปากกลั้นก้อนสะอึกก้อนใหญ่ที่จุกอยู่ลิ้นปี่พยายามบังคับตัวเองไม่ให้สะอื้นไห้
"พี่อาร์ม ฮึก ทำไมต้องทำแบบนี้ พี่ต้องการอะไรจากโรมอีก"
"โรมจำได้มั้ย วันนี้เป็นวันครบรอบสี่ปีที่เราคบกัน"
"เราเลิกกันแล้ว มันไม่มีวันครบรอบสี่ปีอะไรทั้งนั้น"
"พี่ไม่เคยขอเลิกกับโรม เราไม่เคยเลิกกัน"
"แต่ตอนนั้นพี่ทิ้งโรมไป ไม่พูดอะไรซักคำ"
ผมเหมือนคนงี่เง่าที่ถูกคุณปั่นหัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า ใบหน้าที่แดงก่ำอย่างคนร้องไห้หนักมองเข้าไปในดวงตาที่อ่านยากของคุณเพื่อหาคำตอบของคำถาม ก่อนจะพบว่าครั้งนี้ผมอ่านสายตาที่คุณส่งมันกลับมาได้อย่างง่ายดาย
คุณรู้สึกผิดจนหมดหัวใจและกล่าวขอโทษผมผ่านสายตา
"โรมป่วยง่าย ถ้าคุยกันตรงนี้นานๆ ไม่ดีแน่"
"ผมไม่ไปไหนทั้งนั้น ผมจะรอฝนซาอยู่ที่นี่"
"โรม"
"..."
"เชื่อพี่นะครับ"
ถ้าคุณจะทิ้งผมไป ก็ไม่ควรใส่น้ำเสียงห่วงใยลงไปในคำพูดแบบนี้
"ไปกับพี่นะ แล้วพี่จะตอบโรมทุกคำถามเลย"
ผมยื้อข้อมือเอาไว้เมื่อเห็นว่าสายฝนยังสาดกระหน่ำอย่างรุนแรงจนไม่น่าจะมีรถจักรยานยนต์คันใดฝ่าความมืดมิดและสายฝนไปจากตรงนี้ได้
"แต่โรมไม่อยากเปียกอีกแล้ว"แน่นอนว่าผมหมายถึงฝนจริงๆ
ไม่ใช่เมฆฝนในใจที่ก่อตัวครึ้มอยู่นานหลายปี
และผมแน่ใจว่าน้ำเสียงที่พูดออกไปไม่ได้สั่นเครือ
"พี่รู้ว่าโรมไม่ชอบฝน"
คุณเปลี่ยนจากฉุดดึงข้อมือเป็นกอบกุมนิ้วมือแล้วสอดประสาน แน่นอนว่าผมไม่ยอมโอนอ่อนทำตามในตอนแรก แต่พอโดนนัยน์ตาแสนอ่อนโยนของคุณวิงวอนเข้า ผมที่ดื้อเพ่งมาตลอดก็อ่อนไหว
ไม่ชอบเลย ที่พ่ายแพ้ซ้ำๆ แค่กับคุณ
ผิดคาดที่คุณไม่ได้จับจูงกันเดินข้ามถนนเพื่อมุ่งตรงไปยังบิ๊กไบค์คันโตที่เห็นก่อนหน้านี้ เราเดินลัดเลาะไปตามซอกแคบระหว่างตึกแล้วทะลุออกมายังอีกฝั่งของร้าน
ผมแอบแปลกใจนิดหน่อยเมื่อเห็นคุณหยุดยืนไขกุญแจรถโฟล์คเก่าคันนึงแล้วสอดตัวเองเข้าไปในนั้น
แอร์บนรถค่อนข้างเย็นจนถึงขั้นหนาว อาจเป็นเพราะอากาศชื้นที่ด้านนอก เราไม่ได้พูดคุยอะไรกันอีกและน้ำตาของผมได้แห้งเหือดไปหมดแล้ว ไม่มีแม้แต่เสียงดนตรีคลาสสิคที่คุณชื่นชอบ มีแต่เพียงเสียงคำรามของท้องฟ้าและหยาดน้ำตาของเมฆก้อนใหญ่ที่หล่นกระทบกระจกหน้าไม่หยุดพัก
การมองวิวทิวทัศน์ยามค่ำคืนผ่านกระจกใสของรถยนต์โดยมีคุณอยู่ข้างกันเช่นนี้ เป็นอะไรที่ไม่คุ้นชินเอาเสียเลย
"บิ๊กไบค์พี่หายไปไหน"
"ขายทิ้งไปแล้ว"
"ทำไม"
ผมแปลกใจมากจนต้องหันกลับไปมองคุณตอบคำถาม ก่อนจะเห็นแววตาที่สะท้อนความคิดถึงผ่านกระจกหน้ารถนั้น
"ก็ไม่มีคนซ้อนแล้ว"ผมกัดปากแน่นไม่เข้าใจ
คุณเป็นคนทิ้งผมไปแล้วทำไมต้องทำเหมือนยังอาวรณ์
รู้สึกว่าอากาศเริ่มเย็นขึ้น เมื่อตอนที่รถจอดนิ่งอยู่ตรงไฟแดงไม่ขยับเขยื้อน หนาวจนต้องยกมือขึ้นมากอดตัวเองไว้ แล้วมองลอดออกไปนอกหน้าต่าง เหม่อลอยใช้ความคิดว่าเส้นทางที่กำลังมุ่งหน้าไปคือที่ไหนกันแน่แทนที่จะครุ่นคิดถึงเหตุผลในสิ่งที่คุณกำลังทำ
หางตามองเห็นบางสิ่งบางอย่างกำลังเคลื่อนไหวอยู่ทางด้านขวา ไม่ต้องเดาให้ยากผมก็รู้ว่าคงเป็นคุณที่กำลังเอี้ยวตัวหันกลับไปหยิบอะไรบางอย่างที่ด้านหลังของรถ คุณคว้าเอาแจ๊คเก็ตยีนส์ที่ผมจำได้ดี ว่าเราซื้อมันมาไว้เพื่อใส่เป็นคู่กันในวันครบรอบปีที่สอง ก่อนหยิบยื่นมันมาให้ผม
ผมไม่รับ แล้วทำเฉยเมยต่อความหวังดีของคุณ
ผมเห็นคุณแอบถอนหายใจเบา กางเสื้อยีนส์ตัวหนาออกจนกว้างแล้วห่มมันลงไหล่สองข้างของผม ความอบอุ่นและกลิ่นกายของคุณยังคงติดอยู่บนเสื้อนอกตัวนั้น
มันเป็นความอบอุ่นที่แสนจะคุ้นเคยและโหยหามาเนิ่นนาน
มินิมาร์ทข้างทาง ป้ายรถเมล์ แม้กระทั่งเสาไฟดูคุ้นตา จนผมนึกสงสัยว่าคุณกำลังพาไปที่ไหน
แสงไฟข้างทางที่เริ่มน้อยลงจนเหลือแค่เสาไฟโง่ๆ และแสงสว่างจากหิ่งห้อยทำผมขมวดคิ้วมุ่น หันกลับไปมองคุณที่ยังคงตั้งใจขับรถและมองตรงไปข้างหน้า
"พี่อาร์ม…"
"ถึงแล้ว"
ผมจำได้ดีว่าที่นี่คือที่ไหน
ที่ที่เราดูดาวด้วยกันเป็นครั้งแรก
ที่ที่เราปาร์ตี้กันด้วยไซเดอร์และเบียร์กระป๋อง
และ
เป็นที่ที่เรามีจูบแรกของกันและกัน
ผมหันกลับไปมองคุณด้วยความไม่เข้าใจ คุณยิ้มมุมปากส่งกลับมาแล้วปลดสายนิรภัยออกจากตัวเอง ก่อนขยับเลื่อนมาปลดทางฝั่งของผม ใบหน้าของเราสองคนใกล้กันมาก ใกล้จนสัมผัสได้ถึงไออุ่นร้อนที่รินรดอยู่บนพวงแก้ม
เพียงแค่นั้นแล้วคุณก็ผละออกไป
ทิ้งให้ผมอยู่กับความสั่นไหวของหัวใจที่เต้นรัว
ปิดประตูรถโฟล์คคันเก่าก่อนเดินไปหยุดยืนอยู่ตรงด้านหน้า จุดเดียวกับที่เราเคยนั่งดูดาวด้วยกันบนรถมอเตอร์ไซค์คันเก่งของคุณเมื่อครั้งนั้น
"นั่งสิ"
คุณบอกให้ผมนั่งลงบนฝาหน้าของรถโฟล์คคันขาวหันหน้าไปทางกลุ่มดาวเหนือ
ในขณะที่คุณยืนตรงข้ามหันหน้ามาทางผม
"พี่พาโรมมาที่นี่ทำไม"
ผมก้มหน้าลงไม่สบตากับคนที่อยู่ตรงหน้า ยิ่งความรู้สึกแสบจมูกแล่นริ้วมาถึงหัวตายิ่งเม้มปากสะกดอารมณ์เอาไว้
"คิดถึง"สิ้นคำพูดของคุณ น้ำตาที่แห้งเหือดไปแล้วก็พรั่งพรูออกมาอีกครั้ง ดวงตาบวมช้ำแดงก่ำแหงนเงยขึ้นมองไปที่คุณด้วยความตัดพ้อ กำปั้นหนักๆ ทุบลงไปที่กลางอกของคนใจร้ายระบายความขุ่นข้องหมองในใจที่สั่งสมมานานจนแทบทนไม่ไหว
"พี่ทำแบบนี้ทำไม ฮึก พี่ไปแล้วจะกลับมาอีกเพื่ออะไร"
คุณไม่ได้ห้าม แต่กลับยืนนิ่งรอรับแรงกระทำอย่างสำนึกผิดจากใจ เป็นผมเองที่ทนทำร้ายคุณไม่ไหว ดึงมือตัวเองกลับมา แล้วซุกใบหน้าลงกับฝ่ามือ
"พี่ขอโทษ"
คุณโน้มตัวลงมากอดผมเอาไว้ มือใหญ่ลูบหลังปลอบประโลมคนที่กำลังสะอึกสะอื้น ผมไม่ได้ขืนตัวเองออกมาจากอ้อมแขน แต่ปล่อยน้ำตาให้รินไหลลงมาจนกว่าจะพอใจ
“ขอโทษนะ พี่ขอโทษ"
กอดของคุณปลอดภัยเช่นไรก็เป็นเช่นนั้น มันอบอุ่นจนเผลอไผลเอื้อมมือไปเกาะเกี่ยวเอาไว้ ปลอบประโลมกระทั่งคนสะอื้นไห้ค่อยๆ หยุดน้ำตา
คุณผละกอดออกมา เชยคางแล้วซับน้ำตาตั้งแต่ปรางแก้มจนถึงปลายคาง
"ให้โอกาสพี่อีกครั้งได้มั้ย"
"ไม่ครับ"
น้ำเสียงเด็ดขาดหนักแน่นของผม ทำเจ้าของมือที่ซับน้ำตาอยู่หยุดชะงักทันที คุณพยายามปรับสายตาให้ไม่แสดงอาการเสียใจแล้วแย้มยิ้ม
"เข้าใจแล้ว"
คุณถอยหลังห่างผมไปครึ่งก้าว พลิกตัวหันกลับไปมองกลุ่มดาวที่สุดปลายสายตานั้นแล้วยืนนิ่ง
"พี่เข้าใจดี ว่าโอกาสมันไม่ได้ให้กันง่ายขนาดนั้น..."
"โรมจะไม่ให้โอกาสพี่ ถ้าพี่ไม่ยอมบอกว่าที่ผ่านมาพี่หายไปไหน"คุณหันกลับมาแล้วส่งยิ้มเบาบาง เป็นยิ้มที่ดูอ่อนแรง เกือบจะสิ้นหวัง แต่ยังมีประกายความอ่อนโยนแฝงไว้ในนั้นเสมอ
"จะบอกได้รึยังว่าหายไปไหนมา"
คุณแย้มยิ้มกว้าง ขยับกลับเข้ามาใกล้กันกว่าเดิมถึงหนึ่งก้าว
"พี่ไปตามหาความฝัน"
"แล้วเจอมั้ย"
"เจอแล้ว"
"อยู่ที่ไหน"
"อยู่ตรงนี้"
คุณชี้มือมาที่ผมแล้วยิ้มอบอุ่น ส่งให้ใจที่เย็นวาบได้อุ่นเอม
ไม่ทันตั้งตัวคุณก็โน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ ใกล้เสียจนปลายจมูกของเราชนกัน แต่ไม่ใกล้ไปมากกว่านี้ ฝ่ามือใหญ่ทาบทับมือของผมที่วางอยู่บนกระโปรงรถเย็นเยียบ ผมสบดวงตาชั้นเดียวของคุณใกล้ชิดจนขัดเขิน
ด้วยระยะห่างเพียงเท่านี้ ผมถึงรับรู้ถึงกลิ่นประจำตัวของคุณได้อย่างชัดเจน หากแต่ในความชัดเจนนั้นผมรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ไม่คุ้นชินจนต้องผละใบหน้าถอยห่างออกมา แล้วมองคุณด้วยสายตาที่สงสัย
"พี่อาร์ม"
คุณขานรับในลำคอ ทั้งที่ยังไม่ละสายตาจากผมไปที่ไหน
"ผมไม่ได้กลิ่นบุหรี่ที่ตัวพี่เลย"
"ก็เลิกแล้ว"เป็นอีกครั้งที่ผมแปลกใจกับคำตอบของคุณ
ผมเกลียดกลิ่นบุหรี่
แต่พอมันมาจากลมหายใจของคุณผมกลับชอบมัน
พอรู้ว่าคุณเลิกมันได้ก็ทั้งดีใจและเสียดายในครั้งเดียวกัน
"แล้วที่บอกว่าออกไปตามหาความฝัน…"
"ฝันของพี่ก็คือโรม"
"โรมไม่เข้าใจ"
"คุณแม่ของโรมไม่เล่าอะไรให้ฟังบ้างเลยหรอ"
"แม่เกี่ยวอะไรด้วย"
คุณยิ้มละมุน วางฝ่ามือใหญ่ลงบนกลุ่มผมแล้วลูบเบา
"คุณแม่ท่านรักโรมมากนะ"
"...?"
"คงไม่มีแม่คนไหนอยากให้ลูกชายที่เป็นหอบหืดใช้ชีวิตอยู่กับคนที่ติดบุหรี่หรอกจริงมั้ย"
"หรือว่า…"
"พี่พยายามเป็นคนที่ดีขึ้นเพื่อเรานะ"
เป็นอีกครั้งที่ผมกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว ไม่ใช่เพราะเสียใจ แต่เป็นเพราะโล่งใจที่ระหว่างเราไม่ได้มีอะไรที่เปลี่ยนแปลง
“Lighters and candy, I've been a fool
But strawberries and cigarettes always taste like you”
จูบของคุณและผมยังคงเป็นรสเฝื่อนปนหวาน
แต่ครั้งนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นจูบที่แสนหวานและยาวนานกว่าครั้งไหน
เป็นเพราะผมโหยหาในขณะที่คุณก็คิดถึง
ฝนหยุดตกแล้ว...
หมอกครึ้มก็สูญสลายหายไปจนหมดแล้ว
ผมดีใจเมื่อในที่สุดคุณก็กลับมา
ในยามที่เมฆฝนสร่างซาจริงๆ---------------------------------------------------------------------------------------------- End
พึ่งเคยลงเล้าเป็ดเป็นครั้งแรก ผิดพลาดประการใด รบกวนตักเตือนด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ