(เรื่องสั้น) On Rainy Day [จบ] 17/08/62
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: (เรื่องสั้น) On Rainy Day [จบ] 17/08/62  (อ่าน 1428 ครั้ง)

ออฟไลน์ ChristmasEve24

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
(เรื่องสั้น) On Rainy Day [จบ] 17/08/62
« เมื่อ17-08-2019 20:50:28 »

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน 
ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว..
ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้
ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ.
ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที 
ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   
เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว
ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18
เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ
ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ
 โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
Share This Topic To FaceBook

ออฟไลน์ ChristmasEve24

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: (เรื่องสั้น) On Rainy Day [จบ] 17/08/62
«ตอบ #1 เมื่อ17-08-2019 21:30:27 »

ตะวันเลื่อนเคลื่อนคล้อยลอยลงต่ำกระทั่งราตรีกาลมาแทนที่
แสงสุดท้ายซ่อนตัวตามซอกหลืบของปุยเมฆหมอง
เมฆครึ้มก่อตัวเป็นเม็ดฝนสาดกระหน่ำกลบเกลื่อนรอยน้ำตา

ริบหรี่ชวนสิ้นหวังกระทั่งสูญสลาย...
คล้ายการจากไปของใครบางคน


เป็นผมเองที่โง่เง่ามาตลอด
ขลาดเขลาคิดว่าคุณจะกลับมาเมื่อเมฆฝนสร่างซาลงไป






"นั่งเหม่อแบบนี้ คิดถึงเค้าอีกแล้วอะดิ"

"เปล่า"

"แต่อาการมึงมันฟ้อง"


เสียงดนตรีบีทหนัก แสงไฟวับวาวหลากสี จังหวะเมโลดี้อึกทึกและผู้คนคราคร่ำกลายเป็นเพียงภาพพื้นหลัง เมื่อคอสโมในแก้วมาร์ตินี่สีใสที่ขอบแก้วถูกตกแต่งด้วยมะนาวหมุนวนเป็นจังหวะเชื่องช้าเช่นเดียวกับหัวใจของใครสักคน



"กูไม่ได้คิดถึงเขาอีกแล้วสักหน่อย
กูคิดถึงเขาตลอดเวลาเลยต่างหาก"



แอลกอฮอล์รสชาติแครนเบอรี่ผสมมะนาวไหลผ่านริมฝีปากและลำคอ ความเปรี้ยวอมหวานก็ยังไร้รสชาติเมื่อคนหัวใจสลายเป็นผู้ลิ้มรสมัน


"พอแล้วมั้ง ปกติมึงไม่ดื่มเยอะขนาดนี้"

"อืม ก็วันนี้เป็นวันครบรอบ 4 ปีพอดีนี่หว่า"

"พึ่งหายป่วยอย่าทำเป็นเก่ง"

"กูแข็งแรงจะตาย แค่นี้ไม่เป็นไรหรอก"


เพื่อนสนิทที่ดูจะรู้จักผมดียิ่งกว่าใครส่ายหน้าระอาใจ พลางกระดกมาการิต้าอึกเดียวหมดโดยไม่ได้สนใจว่าเกล็ดเกลือที่ถูกทาไว้ที่ขอบแก้วว่ามีรสชาติเช่นไรด้วยซ้ำ


ถ้าอาการของผมคือนั่งเหม่อคล้ายคนหมดอาลัยตายอยาก อาการของคนตรงหน้านี้ก็หงุดหงิดงุ่นง่านราวกับมีเรื่องขุ่นข้องหมองใจ


"โทรศัพท์เข้าไม่รับหน่อยหรอยิม"


ถือวิสาสะลอบมองหน้าจอโทรศัพท์สว่างวาบของคนตรงข้ามแล้วเอ่ยถาม เมื่อปรากฎภาพหญิงสาวใบหน้าคุ้นตาบนสกรีนโฟนเครื่องบางนั้นเป็นครั้งที่สาม


"ไม่ล่ะ รำคาญ"

"ยิม"



กดเสียงต่ำ มองใบหน้าคมคร้ามของเพื่อนสนิทด้วยสายตาวูบไหวผิดกับน้ำเสียงที่พยายามจะเข้มแข็ง


"อย่าอยู่ๆ ก็หายไปแบบนี้"

"โรมคือกู..."

“คนรอมันทรมานนะมึง"


สุ้มเสียงเบาหวิวไร้เรี่ยวแรงพึมพำออกมาราวคนเพ้อ ไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วเป็นถ้อยคำที่เอ่ยออกมาเพื่อตัดพ้อตัวเองหรือใคร

หางตามองเห็นเพื่อนรักอึกอักก่อนตัดสินใจรับสายโทรศัพท์ ก็หันเลี่ยงเปลี่ยนความสนใจมาที่แก้วมาร์ตินี่ทรงสวยในมือแทน


เสียงดนตรียังคงอึกทึก ทว่าบรรดาผีเสื้อราตรีทั้งหลายเริ่มร่อยหรอลงไปบ้างแล้ว บรรยากาศเบียดเสียดอึดอัดลดน้อยลงเมื่อล่วงเลยเข้าสู่วันใหม่ แต่ความเหงาและเดียวดายในใจของคนที่ยังคงเศร้าหมองไม่ได้จืดจางลงไปแม้แต่น้อย


"โรม"

"อือ"

"คือกูต้องกลับก่อนว่ะ"


ผมเลิกคิ้วกลับไปเป็นเชิงคำถาม


"โบว์รออยู่"


เมื่อได้ยินคำก็ยิ้มรับด้วยความยินดี


"ไปเหอะ ดีแล้ว มีอะไรก็ค่อยๆ คุยกัน"

"มึงกลับเองได้ใช่มั้ยวะ"

"ได้ดิ กูไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะ"

“เออๆ งั้นก็อย่ากลับให้มันดึกนักล่ะ"

"รู้แล้ว"

"งั้นกูไปก่อน"

"ขับรถดีๆ"


ยิมกลับไปแล้ว
ค็อกเทลในแก้วก็หมดแล้ว
แต่ก้อนความเสียใจที่อึดอัดจุกแน่นในอกยังคงค้างคาอยู่ไม่ไปไหน


เสียงเมโลดี้สุดท้ายในค่ำคืนนี้บรรเลงครบจนจบท่อน นักร้องนำผมดำหยักศกพาดกีต้าร์โปร่งตัวโปรดลงบนลาดไหล่ก่อนกล่าวอำลาและลงจากเวทีไป จังหวะเดียวกันกับเสียงครวญครางของเมฆฝนที่ดังขึ้นแทรกช่องว่างในม่านอากาศผ่านเข้ามา


...ครืน...


เพราะบนท้องฟ้าขมุกขมัวไร้แสงของดวงอาทิตย์ที่ถูกพระจันทร์ซึมซับมันเอาไว้ จึงไม่มีสัญญาณเตือนจากเมฆฝนที่จับกลุ่มตั้งเค้ากันมาก่อนหน้านี้


ละอองฝนขนาดเล็กเริ่มโปรยปราย กระเซ็นซ่านเกาะหน้าต่างกระจกใสบานใหญ่ ผมเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างบานนั้น มองดูใบไม้ปลิดปลิวเพราะพายุฝน


สายฝนเริ่มสาดกระหน่ำราวโกรธเกรี้ยว แสงขาวสว่างวาบเป็นรอยแยกบนท้องฟ้า ส่งเสียงกัมปนาถกึกก้องสะท้อนไปทั่ว


ทอดสายตามองออกไปนอกหน้าต่างบานเดิมอย่างคนโง่งันที่ไม่รู้สึกรู้สาอะไรก่อนหัวใจจะกระตุกวูบ เมื่อดวงตากลมบวมช้ำสังเกตเห็นมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ที่ทั้งรูปทรงและสีสันช่างละม้ายคล้ายกับยานพาหนะประจำตัวของใครบางคนที่เคยรู้จักกันเป็นอย่างดี ถูกจอดทิ้งไว้อยู่หน้าคลับเฮ้าส์ฝั่งตรงข้าม


ผมแค่นยิ้มออกมาให้กับความทรงจำที่ถูกตีรื้น
มันไม่บังเอิญขนาดนั้นหรอก...



บรรยากาศของสายฝนที่ยังคงโปรยปราย บวกกับความโดดเดี่ยวราวกับอยู่คนเดียวแม้จะถูกรายล้อมไปด้วยผู้คนกัดกินก้อนเนื้อขนาดเท่ากำปั้นนี้ ผมผุดลุกขึ้นยืนด้วยท่าทางที่ไม่มั่นคงนัก ก่อนเดินช้าๆ  ด้วยความระมัดระวังไปยังประตูทางออกที่ปิดสนิท


ผมหยุดยืนอยู่ใต้กันสาดยื่น

มองม่านฝนที่ยังร่วงหล่นลงมาขวางกั้นเป็นกำแพงหนาอยู่เบื้องหน้าจนไปต่อไม่ได้

ค่อยๆ ยื่นมืออันสั่นเทาออกไปรองรับสัมผัสอันเย็นเยียบก่อนจะรีบดึงมือข้างนั้นกลับมาเพื่อกอดตัวเอง

เสียงฝีเท้าหนักกระทบพื้นดังขึ้นสลับกับเสียงกระเซ็นของน้ำขังเจิ่งนอง เรียกให้สายตาที่ก้มต่ำอยู่แหงนเงยขึ้น


ดวงตาบวมช้ำไล่มองรองเท้าหนังคู่ใหญ่สีดำสนิทที่หยุดยืนอยู่ตรงหน้า
กางเกงสแลคขาตรงที่ด้านปลายเปียกชุ่มน้ำ
เสื้อเชื้ตสีเข้มที่ถูกรีดจับจีบเป็นอย่างดี
และดวงหน้าสมบูรณ์แบบของคนใจร้ายที่แม้จะเปียกหมาดก็ยังคงเป็นใบหน้าที่สลักลึกติดตรึงอยู่กลางใจมาเสมอ


ผมมองเข้าไปในดวงตาที่ยากจะเข้าใจคู่นั้นของคุณผ่านม่านน้ำตา...






บรรยากาศวันนี้ เหมือนเมื่อครั้งนั้น
ครั้งแรกที่ผมได้พบกันกับคุณ

“Remember when we first met?
You said light my cigarette”






"จุดบุหรี่ให้หน่อย"


ผมที่นั่งทอดอารมณ์อยู่ริมขอบสะพานแขวน หันมองไปตามเสียงชวนฝันที่ไม่คุ้นหู ไฟสีส้มอ่อนริมทางสะท้อนใบหน้าคมคายที่กำลังยุ่งเหยิง ในปากคาบบุหรี่เอาไว้


"ครับ?"


อาจเป็นเพราะใบหน้าที่คงจะมีเครื่องหมายคำถามติดอยู่ของผม คนแปลกหน้าที่กำลังหย่อนกายลงนั่งข้างๆ จึงพูดทวนซ้ำด้วยการปรายตาเข้าไปในกระเป๋าเสื้อเชิ้ตขาว


"อ๋อ นี่ครับ"


ยื่นไฟแช็คที่คงเผลอติดตัวมาตั้งแต่คาบคหกรรมส่งให้เขาอย่างเข้าใจความหมาย หากแต่ผู้ชายที่ดูจะอายุมากกว่ากันไม่กี่ปีกลับไม่รับในสิ่งที่ตัวเองเอ่ยขอ


"?"


เลิกคิ้วถาม แล้วจ้องมองเข้าไปในดวงตาพราวระยับทว่าไร้ก้นบึ้งราวหลุมอากาศคู่นั้นอย่างไม่เก็บอาการสงสัย กระทั่งชายผู้มาใหม่ตอบย้ำคำพูดเดิม


“จุดบุหรี่ให้หน่อย"


ย่นคิ้วพลางคิดในใจ ว่าไม่มีมือหรือไงทำไมไม่จุดเอง
แต่เหมือนคุณจะรู้ทันความคิดของผม คุณจึงส่งยิ้มเบาพลางส่งสายตาอ้อนวอนปนร้องขอ


คงมีแต่คนโง่เท่านั้นที่ตกหลุมพรางที่คุณขุดเอาไว้โดยง่าย หลุมพรางที่มีเพียงรอยยิ้มมุมปากและดวงดาวสุกสกาวในดวงตาคู่นั้นและทำตามใจคุณอย่างไร้ข้อกังขา


"ลองมั้ย"

"ไม่ล่ะครับ"


เมื่อแสงไฟริบหรี่ถูกจุดติดปลายมวน ชายแปลกหน้าก็แสดงน้ำใจที่ผมไม่ต้องการ


เขาคงไม่รู้ว่าผมเกลียดบุหรี่แค่ไหน


ไอโขลกเสียงแห้งเมื่อคุณพ่นกลุ่มมวลหมอกออกมาทางปากจนลอยฟุ้งไปในอากาศและเลือนหายไป


คุณปรายตามองดูคนที่กำลังสำลักควันไฟ แต่กระนั้นก็ยังคงหายใจเอาควันร้ายเข้าไปเต็มปอดกระทั่งปลายมวนเปลี่ยนเป็นสีแดงวาบ ก่อนปล่อยกลุ่มแก๊สจากการเผาไหม้ออกมาในจังหวะที่หายใจออก ทะเลหมอกควันโอบล้อมคุณและผมเอาไว้อีกครั้ง


คนมาใหม่บดขยี้แท่งนิโคตินนั้นลงกับขอบสะพานเมื่อตอนสูบมันเข้าปอดเป็นครั้งที่สาม โดยที่บุหรี่ยังเผาไหม้ลงไปไม่ถึงครึ่งมวนด้วยซ้ำ


ผมหยิบเอาลูกกวาดสีหวานที่มักพกติดตัวเอาไว้ในกระเป๋ากางเกงออกมา ยื่นให้คนข้างๆ ที่ดับบุหรี่ไปแล้วอย่างไร้เหตุผล พยักพเยิดเชิญชวนให้อีกคนทำตามด้วยการแกะเปลือกและโยนมันเข้าปากลิ้มรสความหวานซ่านที่แม้จะไม่มีประโยชน์แต่ก็ดีกว่าให้โทษอย่างบุหรี่เป็นไหนๆ


คุณแสดงอาการแปลกใจเล็กน้อย แต่ก็หยิบลูกอมกลิ่นสตรอเบอรี่เม็ดนั้นไปถือเอาไว้ จ้องมองมันราวกับเป็นของแสลง แล้วจึงตัดสินใจแกะห่อพลาสติกส่งมันเข้าปากด้วยท่าทีไม่แน่ใจในรสชาติ ก่อนจะพึมพำออกมาเหมือนคนไม่ถูกใจ



"หวานเกินไป"


ผมอารมณ์ดีขึ้นมาหน่อยๆ หลังจากได้เอาคืนที่ถูกควันดำของคุณแย่งอากาศดีไปจนหมด


เราทั้งคู่ไม่มีใครต่อบทสนทนาใดๆ หากแต่มองเหม่อออกไปยังท้องฟ้าเดียวกันตรงหน้าอย่างหาความหมาย ต่างฝ่ายต่างจมจ่อมอยู่ในโลกของตัวเอง ห้วงอากาศที่อยู่รายล้อมรอบตัวเย็นสบายจนต่างคนต่างก็ทิ้งทุกอย่างไว้เบื้องหลัง แล้วดื่มด่ำกับบรรยากาศเย็นชื้นในค่ำคื่นนี้


"ปกติคุณสูบบุหรี่แบบนี้เป็นประจำเลยเหรอ"


นอกจากเสียงเครื่องยนต์ที่นานๆ ครั้งจะแล่นผ่านมาทำลายความเงียบซักหน พวกเราก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกันอีก จนเป็นผมที่เอ่ยถาม ทว่าผู้รับสารกลับเมินเฉยไม่ตอบคำแถมยังถามคำถามกลับ


"อายุเท่าไหร่"

"17"

"เด็ก"

"แล้วคุณ?"

"24"

“แก่"

"หึ"


ลมหวนพัดพาเอาละอองไอและกลิ่นฝนไหลมาตามอากาศ เสียงเมฆครึ้มขู่คำรามทันทีในเวลาไล่เลี่ยกัน


ไม่ทันได้ใคร่ครวญคิด หยาดฝนเม็ดเล็กก็เริ่มโปรยปราย จากขนาดเท่าเมล็ดถั่วเขียวกลายเป็นผลถั่วแดง จากแค่บางเบาก็เริ่มสาดกระเซ็นจนคนที่นั่งนิ่งเมินเฉยในคราแรกต้องผุดลุกขึ้น


"อยู่ๆ ฝนก็ตกได้ไงเนี่ย"

"หาที่หลบฝนก่อน"

"ที่ไหนล่ะครับ"

"ทางนั้น"


เพราะความใจง่าย หัวอ่อน หรืออะไรก็ตามแต่ ที่ทำให้ผมยอมโอนอ่อนไม่ทักท้วงเมื่อคนแปลกหน้าที่ยังไม่รู้จักแม้แต่ชื่อดันหลังเร่งรุดให้ขึ้นแท็กซี่คันสีชมพูติดป้ายว่างที่ตบไฟซ้ายมาหยุดรอเทียบฟุตบาธได้ทันท่วงที


ขยี้ผมยาวระต้นคอเพื่อไล่ความเย็นชื้น แล้วเสยผมม้าปรกลูกตาขึ้นไปด้านหลัง จัดการยืดหลังพิงพนักให้สบายตัวแล้วหันกลับไปสบมองคนที่ไม่รู้ว่าลอบจ้องมองกันอยู่ตั้งแต่ตอนไหน


"คุณจะพาผมไปไหน"

"บ้าน"


และคงมีเครื่องหมายคำถามแปะอยู่บนหน้าผากของผมอีกครั้ง คุณถึงยิ้ม ก่อนจะรีบเฉลยไม่ให้ผมคิดผิดไปไกลมากกว่านี้


"เดี๋ยวกลับไปเอารถ แล้วจะไปส่งบ้าน"

“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมนั่งแท็กซี่กลับเองก็ได้"

"ชื่ออะไร"


เป็นอีกครั้งที่ชายแปลกหน้าเมินคำพูดแล้วตอบกลับมาเป็นคำถาม


"โรม แล้วคุณ?"

"พี่ชื่ออาร์ม"

"อ่า"

"บ้านพี่มีโกโก้ร้อน แวะไปกินก่อนเดี๋ยวมาส่ง"


ไม่เคยมีคนบอกคุณใช่ไหม ว่าอย่าส่งรอยยิ้มแบบนั้นให้ใครที่ไหน
เพราะมันทำให้ใครบางคนตกลงไปในหลุมพรางนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า
และใครบางคนที่ว่านั้น แน่นอนว่าคือผมเอง






โกโก้ร้อน ไอฝน และเสียงดนตรีคลาสสิค


ผมไม่เคยพิศมัยเครื่องดื่มอื่นใดนอกจากชาเขียว ไม่ชอบความเฉอะแฉะของฤดูฝน และที่สำคัญผมเป็นแฟนตัวยงของร็อคสตาร์อย่างเคิร์ธโคเบนต่างหาก


"อร่อยมั้ย"

“ก็ดีครับ"


คุณเท้าแขนกับพนักโซฟาจ้องมองดูผมอยู่อย่างนั้นจนต้องเลิกคิ้วถาม


"ครับ?"

"เราน่ะไว้ใจคนง่ายเกินไปหรือเปล่า"

“ก็… พี่ชวนผม"


รอยยิ้มที่ถูกส่งมาช่างแพรวพราวจนต้องบ่ายหน้าหนี มือเล็กกระชับแก้วโกโก้ร้อนในมือแล้วจดจ้องเครื่องดื่มสีเข้มในถ้วยอย่างเอาเป็นเอาตายแทนที่จะสบกับดวงตาวาวระยับคู่นั้นโดยตรง


"แย่แล้ว"

"?"

"อยากดูแล"

"อะไรนะครับ"


ผมรู้สึกถึงแรงยวบของโซฟาทางด้านขวา กลิ่นบุหรี่อ่อนๆ ที่ติดตามเสื้อผ้าของคนที่คงจะสูบมันเป็นประจำโชยออกมา ได้ยินเสียงทุ้มที่ฟังดูไม่ไกลหูเอ่ยเสียงชัด


"หัวอ่อนตามใครไม่ทันแบบนี้ต้องมีคนดูแลแล้วล่ะ"


ได้ยินเสียงหัวเราะแผ่วเบาค่อยๆ ถอยห่างออกไป จึงกล้าเงยหน้าขึ้นจากถ้วยเซรามิกอุ่นร้อนด้วยใจเต้นแรง หันกลับไปมองแผ่นหลังกว้างของคนที่พูดเองเออเองฝ่ายเดียวผลุบหายเข้าไปในประตูบานใหญ่ที่ดูเหมือนจะเป็นทางสำหรับขึ้นไปชั้นสอง


ไม่นานนักเจ้าของบ้านก็กลับมาพร้อมชุดใหม่ที่แห้งสนิทอยู่บนตัว  แถมทั้งในมือยังมีเสื้อยืดตัวหนึ่งที่ไม่ต้องถามก็รู้ว่าหยิบมันมาให้ใคร


"เปลี่ยนเสื้อก่อน เสร็จแล้วเดี๋ยวไปส่ง"

"แล้ว ห้องน้ำไปทางไหนหรอครับ"

"เปลี่ยนมันตรงนี้ก็ได้นี่"


อาการตกใจของผมคงจะแสดงออกมามากไปสักหน่อย คนที่แกล้งแหย่จึงยิ้มขำ ก่อนผายมือไปทางประตูเดียวกันกับที่พึ่งเข้ามา


หลังจากสวมชุดใหม่อันเป็นเสื้อยืดคอวีสีกรมท่า ผมก็ได้กลับบ้านตามคำสัญญาที่คุณให้ไว้ มอเตอร์ไซค์คันโตค่อนข้างแปลกใหม่สำหรับผม มันดูไม่เหมาะกับการซ้อนใครซักคนไว้ด้านหลัง แต่คุณก็ยืนยันว่ามันจะไม่อันตราย



ผมปลอดภัยดีและถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ
ผมหยุดยืนตรงประตูเพื่อรอส่งคุณกลับบ้านด้วยใจโหวงวูบ


อีกเหตุผลที่ผมไม่ชอบพายุฝน
เพราะมันมาเร็วและจากไปไวจนไม่ทันได้เตรียมใจเสมอ




"ขอบคุณครับที่มาส่ง"

"แล้วก็… ลาก่อนนะครับ"


ผมหันหลังกลับเมื่อความแสบจมูกตีรื้นขึ้นมาถึงหัวตาโดยไร้เหตุผล


"พรุ่งนี้…"

"?"


เพราะเสียงเพรียกเรียกขึ้นมาจากทางด้านหลัง คนถูกเรียกจึงหันกลับไปมองแล้วเลิกคิ้วถาม


“ไปดูดาวกันไหม"

"พี่รู้จักที่ดีๆ สำหรับดูดาวด้วย"


ผมยิ้มกว้างก่อนจะตอบรับทันทีโดยไม่ต้องคิดอะไรให้มากความ


“ไปสิครับ"


ผมดีใจที่คุณไม่เหมือนกับพายุลูกใดๆ ที่เข้ามาไว แล้วจากไปไกลเหมือนอย่างเคย






“So I lied to my mom and dad
I jumped the fence and I ran”




"ออกมาดึกๆ แบบนี้ที่บ้านไม่ว่าอะไรใช่มั้ย"

"ไม่ครับ"


คุณพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะบิดคันเร่งมอเตอร์ไซค์ให้ทะยานไปเบื้องหน้าทันที


นอกจากเสียงเร่งเครื่องยนต์ แรงลมที่พัดผ่านหู และล้อรถที่บดสีกับพื้นถนน บรรยากาศยามค่ำคืนก็สงัดเงียบ มีเพียงเสียงหิ่งห้อยและเหล่าแมลงเม่าที่บินล้อเล่นแสงตามเสาไฟรายทางที่เป็นเพื่อนบนท้องถนนเท่านั้น


แผ่นหลังกว้างที่ขะมักเขม้นดูตั้งใจและมีสมาธิอยู่กับการขับขี่ยานพาหนะคู่ใจ แค่มองดูจากทางด้านหลังก็สัมผัสได้ว่าอีกคนกำลังผ่อนคลายเป็นอย่างมาก


"คุณ"

"หืม'


ผมตะโกนแข่งเสียงสั่นสะเทือนของอากาศเพื่อถามข้อสงสัย


"ชอบความเร็วหรอ"


คุณหัวเราะในลำคอก่อนจะตอบคำถามที่ดูเหมือนจะไม่ตรงคำตอบนักกลับมาให้คนช่างสงสัย


"...เปล่า ชอบความอิสระต่างหาก…"






ผมไม่เคยคิดว่าทิวทัศน์ยามค่ำคืนที่มองลงมาจากที่สูงนั้นจะสวยงามขนาดนี้


แสงไฟส่องสว่างกลางเมืองที่ไม่เคยหลับไหล ตัดกับท้องฟ้าสีเข้มครึ้มเป็นภาพเบื้องหลัง บนแบล็คกราวด์นั้นเต็มไปด้วยดวงดาวพร่างพรายประกายสวย


แม้พื้นที่เหยียบยืนจะเย็นเยียบชื้นแฉะ เพราะช่วงหัวค่ำมีพายุฝนโหมกระหน่ำลงมาพักใหญ่แล้วจางหาย แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคในการดูดาวของคุณและผม



คุณบอกให้ผมนั่งลงบนมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ที่จอดสนิท
ในขณะที่คุณยืนหยัดแขนลงบนเบาะหนังอันเดียวกันกับผม



"สวยมั้ย"

"ครับ สวยมากเลย"

"แย่หน่อยนะ เพราะฝนตกเลยมองไม่ค่อยเห็นดาวเท่าไหร่"

"ไม่เป็นไรเลยครับ แค่นี้ก็สวยแล้ว"


คุณยิ้มอย่างพอใจ ก่อนจะคว้าถุงพลาสติกสีขุ่นเพื่อควานหาเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวมากมายที่เราซื้อมันไว้เป็นเสบียง


ไซเดอร์สำหรับผม
และเบียร์กระป๋องสำหรับคุณ



ความเงียบระหว่างเรามันไม่ได้น่าอึดอัด หากแต่เป็นความเงียบที่สบายใจ ผมกระดกโซดากลิ่นสตรอเบอรี่จนหมดกระป๋อง ยังไม่ทันได้กลืนมันลงคอด้วยซ้ำคุณก็ยื่นสิ่งหนึ่งมาให้


"ลูกอม?"

"จำได้ว่าครั้งก่อนกินรสนี้"


คุณคงไม่รู้หรอก ว่าความใส่ใจเล็กน้อยแค่นี้จะทำให้ก้อนเนื้อขนาดเท่ากำปั้นนี้สั่นไหว


ยิ่งตอนที่เงยหน้าขึ้นมาแล้วพบว่ารอยยิ้มที่มักประดับอยู่แค่มุมปากแย้มกว้างออก ผมถึงเข้าใจได้ชัดเจนถึงถ้อยคำที่ใครบางคนจำกัดความเอาไว้ว่าลมหายใจแทบสะดุด


ไม่ได้ต่อบทสนทนาอะไรแล้วหยิบลูกกวาดสีสวยนั้นเข้าปาก ลิ้มรสความหวานละมุนที่ซึมซาบไปทั่วทั้งโพรงปากแล้วกลั้นยิ้ม



ผมไม่ได้ดีใจที่คุณใส่ใจซักนิด
จริงๆ นะ




"ทำไมถึงชวนมาดูดาวล่ะครับ"

"ไม่ชอบหรอ"

"เปล่าครับ ชอบ แค่สงสัย"


ใบหน้าติดดุที่นัยน์ตาพราวประกายหาก้นบึ้งไม่ได้นั้นวูบไหว ทอดมองไปยังห้วงอากาศเบื้องหน้าสุดลูกหูลูกตาครู่หนึ่ง ก่อนจะหันกลับมาสบตาตอบคำถาม


"ก็แค่อยากให้มาดูด้วย"


ดวงดาวสุกสกาวพร่างพราวบนท้องฟ้าในคืนเดือนมืดที่ว่าส่องสว่างแล้ว ยังประกายงดงามน้อยกว่าดวงดาวในตาคมอันไร้ก้นบึ้งของคุณด้วยซ้ำ


แรงดึงดูดมหาศาลราวหลุมดำกลางห้วงอวกาศในดวงตาเรียวรีคู่นั้นติดตรึงผมไว้ไม่ให้ไปไหน แม่เหล็กขั้วบวกขั้วลบที่ดึงดูดกันและกันเข้าคงเป็นดังเช่นผมและคุณในเวลานี้






“So you sat and stared at my lips
And I could already feel your kiss”


คุณจ้องมองริมฝีปากของผมอยู่อย่างนั้นจนสงสัย
แต่ไม่ทันที่จะได้เอ่ยถามมันออกไป
ผมก็สัมผัสได้กับจูบรสเฝื่อนปนหวานของคุณ



หลับตารับสัมผัสที่คุณมอบให้ด้วยใจเต้นรัว หลงใหลไปกับความอ่อนโยนชวนฝันราวลอยอยู่บนปุยเมฆนิ่ม


แต่เพียงไม่นานสัมผัสหนักหน่วงก็เข้ามาแทนที่ คุณหลอกล่อให้ผมเดินเข้าไปในเขาวงกตที่ไม่มีทางออกแล้วปล่อยทิ้งให้เวิ้งว้าง ก่อนจะผลักผมให้ร่วงหล่นลงสู่มหาสมุทรอันไร้ก้นบึ้ง หายใจไม่ออกอย่างคนจมน้ำเมื่อจมดิ่งลงสู่ห้วงทะเลลึกลับอันตรายและหนาวเหน็บ


ผมแทบขาดใจจนต้องผละออกมา แม้ว่าลึกๆ จะยังคงต้องการ



คุณคือปีศาจร้ายในคราบเจ้าชายขี่ม้าขาว



ผมหอบหายใจถี่นัยน์ตาคลอเอ่อไปด้วยน้ำใส จ้องมองรอยยิ้มอุ่นๆ ที่ส่งมา


"คืนนี้ไปกินโกโก้ที่บ้านพี่อีกมั้ย"


เสียงนุ่มเอ่ยถาม นัยน์ตาวาววับดูอันตรายขัดกับน้ำเสียงอ่อนโยนชวนใจสั่นนั้นช่างน่าค้นหา


"ครับ"


และเป็นผมที่ยินดีก้าวข้ามเข้าไปสู่ความอันตรายเพื่อค้นหาความลึกลับในดวงตาคู่นั้นของคุณด้วยตัวเอง






“Like that night in the back of the cab
When your fingers walked in my hand”



"จอดรถไว้แบบนั้นจะไม่เป็นไรหรอครับ"

"ไม่เป็นไร แถวนั้นไม่มีใคร อีกอย่างฝนตกหนักขนาดนี้ จะให้พี่พาเราตากฝนกลับบ้านหรอ"


เหมือนฝนฟ้าจะไม่เป็นใจให้ใครได้นั่งมองดูดวงดาวนานกว่านี้ ลมฝนและพายุใหญ่พัดพาเอาละอองเล็กๆ ถูกผิวเนื้อเป็นคำเตือนแค่ครู่เดียวก็สาดเทลงมา โชคร้ายทีบริเวณนั้นไม่มีตึกรามหรือบ้านช่องพอให้อาศัยหลบเม็ดฝนได้ หากแต่ในความโชคร้ายก็ยังมีโชคดีเมื่อรถโดยสารสีเหลืองเขียวผ่านมาจอดรับพอดีในจังหวะที่เราสองคนทำอะไรไม่ถูกกัน


"ขอโทษนะ ถ้าพี่ไม่ชวนมา เราก็คงไม่เปียกแบบนี้"

"ไม่เป็นไรครับ เพราะถ้าคุณไม่ชวนมา ผมก็คงไม่ได้ดูดาวที่สวยขนาดนี้เหมือนกัน"


คุณลอบมองใบหน้าเสี้ยวข้างของผมด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก ก่อนขยับเข้ามาใกล้ ผมแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นทั้งที่หัวใจเต้นระส่ำ


“หนาวมั้ย"

"นิดหน่อยครับ"

"อดทนหน่อยนะ เดี๋ยวก็ถึงแล้ว"


คุณวางมือเย็นเยียบลงมาบนหลังมือของผม แอร์บนรถหนาวยะเยือกทว่าสัมผัสของคุณในทุกที่ที่ถูกผิวกายนั้นรุ่มร้อน นิ้วโป้งที่ไล้วนหลังมือแผ่วเบา อกแกร่งที่แนบชิดกับแผ่นหลัง แรงสั่นสะเทือนที่หัวใจของคุณส่งตรงมาถึงผมจนพาลทำให้หัวใจเต้นตึกตักตามไปด้วย


แม้ผมจะสูงมากกว่าคุณอยู่นิดหน่อยทว่ากลับผอมบาง แถมการถูกคุณโอบกอดซ้อนหลังอยู่แบบนี้ยิ่งทำให้ผมดูตัวเล็กลงยิ่งกว่าที่ตัวเองคิดเอาไว้


ก่อนคิดผิดที่ตัดสินใจหันกลับไปมอง สบเข้าไปในตาคู่คมที่เคยเป็นดั่งอวกาศอันเวิ้งว้างไร้ความหมาย แล้วจึงพบว่าเป็นครั้งแรกนับแต่รู้จักกันมาที่ผมอ่านสายตาหยาดเยิ้มของคุณได้ทันที






“Long nights, daydreams
Sugar and smoke rings, I've been a fool”



เป็นชั่วพริบตาที่ยาวนาน
เป็นความสุขที่ร่างกายแทบแหลกสลายเป็นผุยผง
เป็นความเจ็บปวดที่แสนงดงาม


คุณโอบกอดผมไว้เมื่อการเคลื่อนไหวร่างกายครั้งสุดท้ายของเราสิ้นสุดลง


ความทรงจำพร่าเลือน สมองขาวโพลน ทว่าความรู้สึกกลับชัดเจน คุณคว้าบุหรี่ที่หัวเตียงขึ้นมาคาบไว้แล้วจุดไฟติดปลายมวน กลิ่นเผาไหม้ลอยกรุ่นไปทั่วห้องจนต้องย่นจมูกหนี คุณหันกลับมามองเมื่อผมไอโขลกออกมาจนใบหน้าเหยเก


คุณดับก้นบุหรี่ลงกับที่เขี่ยบนโต๊ะข้างหัวเตียงทันที กระชับกอดผมแน่นขึ้น กดจูบที่หน้าผากบางเบาแล้วเอ่ยคำ


"ขอโทษนะ"






สะลึมสะลือลืมตาตื่นขึ้นมาก่อนจะพบเปลือกตาสีมุกที่ปิดสนิทและแพขนตายาวอยู่ตรงหน้า ผมยิ้มเมื่อเห็นริมฝีปากของคุณที่บวมเจ่อโดยที่มีสาเหตุมาจากผม ก่อนจะต้องหุบยิ้มฉับเมื่อพบว่าการเหยียดยิ้มทำให้เจ็บบริเวณรอยแตกที่ปากแค่ไหน


ไล่มองกรอบหน้าที่แทบจะไร้ที่ติของคุณด้วยความหลงใหล ใช้มือข้างนึงสัมผัสเบาลงไปแก้มสากของคุณด้วยความทะนุถนอม ผมขยับเขยื้อนใบหน้าเข้าไปใกล้คนที่ยังหลับไหล แล้วมอบจุมพิตสลักไว้ที่ปลายคาง


รีบผละออกมาเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอ ก่อนจะหันหนีซุกใบหน้าแดงก่ำลงไปที่อกเปล่าเปลือยของคุณโดยไม่ทันคิด


เสียงหัวใจที่ดังเป็นจังหวะเชื่องช้าของคุณยิ่งทำให้ขัดเขินยิ่งกว่าจ้องหน้ากันตรงๆ เป็นไหนๆ คุณกระฃับกอดแน่นเมินเฉยต่อความเขินอายของผม กดจูบลงบนเส้นผมที่ฟู่ฟ่องแผ่วเบา



ผมดีใจที่ความสัมพันธ์เหล่านั้นของเรา มันไม่ใช่แค่ชั่วข้ามคืน





------------------------------- To be continue

ออฟไลน์ ChristmasEve24

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: (เรื่องสั้น) On Rainy Day [จบ] 17/08/62
«ตอบ #2 เมื่อ17-08-2019 21:32:13 »

"วันนี้ไม่ไปเรียนหรอ"

"อือ โรมรู้สึกไม่ค่อยสบายน่ะพี่อาร์ม แค่กๆ"


สรรพนามที่เปลี่ยนไปตามสถานะที่เปลี่ยนแปลง แม้ในคราวแรกมันออกจะขัดเขิน แต่พอเนิ่นนานจนผ่านไปสามปีเราทั้งคู่ก็เริ่มคุ้นชิน


เงี่ยหูรอฟังคำถามต่อไปจากปลายสายโทรศัพท์ ทว่าคุณกลับเงียบไปทันทีที่ผมไอแห้งออกมา เงียบจนผมใจหาย


"พี่อาร์ม? ยังอยู่ในสายมั้ยครับ"

"อยู่"

"นึกว่าสายหลุด เห็นอยู่ๆ ก็เงียบไป"


คุณเงียบไปอีกครั้งราวครึ่งนาที จนผมเกือบจะเอ่ยเรียกชื่อคุณซ้ำ แต่คุณตอบกลับกันมาก่อน


"ไม่สบายบ่อยเลยนะช่วงนี้"

"อื้อครับ ช่วงนี้ฝนตก แล้วอีกอย่างโรมก็สุขภาพไม่ค่อยดีอยู่แล้วด้วย พี่ก็รู้"

"โรม…"

"ครับ?"

"เหนื่อยมั้ย ที่คบกับคนอย่างพี่แบบนี้"

"เหนื่อยอะไร พี่อาร์มคิดมากอะไรเนี่ย แค่กๆ"

"..."


ดึงโทรศัพท์เครื่องบางออกห่างจากริมฝีปากทันทีที่เริ่มไอโขลก ด้วยกลัวว่าอาการขี้โรคของผมจะทำให้คุณเป็นห่วงมากเกินไปกว่านี้


"พี่ขอโทษนะ"

“ขอโทษเรื่องอะไรครับ"

"ขอโทษที่เลิกบุหรี่ให้โรมไม่ได้"

"คิดมากเรื่องนี้เองหรอเนี่ย"


แอบได้ยินเสียงคุณถอนหายใจ เรื่องเล็กน้อยของผม มักเป็นเรื่องใหญ่สำหรับคุณเสมอ


"พี่อาร์ม อย่าถอนหายใจดิ เดี๋ยวแก่เร็วไม่รู้ด้วยนะ"

“โรม"

"ครับ"

"เข้าไปหาได้มั้ย"

"มาสิครับ ก็รอให้มาหาอยู่เนี่ย"



คุณเป็นดั่งเมฆหมอกขมุกขมัวกว้างใหญ่ที่ชื่นชอบการลอยตัวอย่างอิสระเหนือพื้นดินโดยไม่มีใครมาบังคับและครอบครองเอาไว้


แต่เป็นผมเองที่แสนโชคดี ที่ไม่เคยคาดคั้นเอาคำตอบว่าสถานะของเราคืออะไร โชคดีไม่เคยหึงหวงคิดกักขังคุณเอาไว้ในความสัมพันธ์ที่ไร้ชื่อเรียกนี้ คุณจึงเป็นฝ่ายหยิบยื่นเอาสถานะที่ไม่เคยมอบมันให้ใครแก่ผม


ผมแน่ใจว่าผมคือผู้ชายที่มีความสุขที่สุดในโลกใบนี้



"ตัวร้อนขึ้นรึเปล่าเนี่ย"

"ไม่รู้เหมือนกัน แต่โรมว่าโรมรู้สึกเพลียๆ"

"งั้นกินยานอนนะ ถ้าไม่ไหวจริงๆ พรุ่งนี้พี่จะพาไปหาหมอ"

"ครับ"


คุณกดจูบที่หน้าผากก่อนเอื้อมมือดับไฟที่หัวเตียง นั่งเฝ้าอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งคนป่วยผล็อยหลับไป


ผมลืมตาตื่นขึ้นมาเพราะลำคอที่แห้งผาก กระถดตัวลุกขึ้นมาพิงหมอนก่อนจะย่นจมูกทันทีเมื่อได้กลิ่นบุหรี่จางๆ ลอยมาจากประตูที่ถูกปิดไว้ไม่สนิทดีของระเบียง


ผมถอนหายใจให้กับแผ่นหลังกว้างที่คุ้นเคย


นับตั้งแต่คบกันมามีเพียงครั้งเดียวเท่านั้นที่เราทะเลาะกันถึงขั้นรุนแรง


ผมขอให้คุณเลิกบุหรี่
แต่คุณกลับบอกว่าเป็นอย่างเดียวที่ให้มันไม่ได้


ผมร้องไห้ ก่นด่าบุหรี่ร้ายที่ทำลายชีวิตพ่อของผม
พราะผมไม่ต้องการให้คุณเป็นแบบนั้น


และเป็นครั้งแรกที่ผมร้องไห้เช่นกัน
คุณถึงตกใจคว้าผมมากอดเอาไว้
ยืนยันหนักแน่นว่าเลิกมันไม่ได้ แต่จะสูบมันให้น้อยลงเพื่อให้ผมสบายใจ



"แค่กๆๆ"

"โรม ตื่นเพราะพี่หรอ"

"พี่อาร์ม โรมขอน้ำหน่อยได้มั้ยครับ แค่กๆ"


คุณดับไฟที่ปลายบุหรี่กับขอบกำแพง รุดเดินมาหยิบเหยือกน้ำที่วางไว้ปลายเตียงเทใส่แก้วแล้วส่งมาให้คนที่รู้สึกระคายคอ


ยังไม่ทันรับแก้วกระเบื้องมาถือไว้ด้วยซ้ำ ผมก็รู้สึกวิงเวียนที่ศีรษะ อีกทั้งยังแค่นไอออกมาจนปวดเสียดที่ช่องท้องไปหมด กระนั้นก็ยังยกมือขึ้นมาปิดปากไว้เพราะไม่ต้องการให้อาการไอส่งต่อไปยังคุณ รู้สึกปวดแสบที่ลำคอก่อนจะสัมผัสถึงอะไรบางอย่างที่ตีรื้นขึ้นมาจากช่วงอก แล้วไอออกมาอย่างรุนแรง


"แค่กๆๆ"

"โรม โรมไอเป็นเลือด"


ผมมองหน้าคุณที่มีสีหน้าแตกตื่นกระวนกระวายก็ให้รู้สึกผิดขึ้นมาจับใจ อยากจะเอ่ยออกมาว่าไม่เป็นไรแต่ก็พูดออกมาไม่ได้ เมื่ออาการหอบถี่หายใจไม่ทันแสดงอาการตามมาจนต้องเปลี่ยนมาหายใจทางปากยิ่งทำคุณตื่นตกใจ โลกทั้งใบเริ่มหยุดหมุน  มีเพียงเสียงคุณเรียกชื่อผมซ้ำๆ กระทั่งสติทั้งหมดจะดับวูบ






ผมลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยสติที่ค่อนข้างไม่เต็มร้อยเท่าไรนัก แขนข้างขวาถูกโยงยางไปด้วยสายน้ำเกลือที่ภายในพร่องลงไปกว่าครึ่ง มองออกไปนอกประตูเห็นคุณและคุณแม่กำลังยืนคุยกันด้วยสีหน้าที่กังวลและเคร่งเครียดเป็นอย่างมาก



มากจนผมใจคอไม่ดี



คุณเดินกลับเข้ามาสีหน้าตกใจแว่บนึงที่เห็นผมตื่นขึ้น ก่อนจะแย้มยิ้ม ยิ้มที่อบอุ่นยิ่งกว่าพระอาทิตย์ดวงไหน


“โรมฟื้นแล้ว"

“โรมเป็นอะไรไปหรอ อยู่ดีๆ ก็เหมือนภาพตัด"

"เราไอออกมาเป็นเลือด หอบเหมือนคนหายใจไม่ทัน แล้วก็หมดสติไปเลย พี่ตกใจมากรู้มั้ย"

"แต่โรมก็ไม่เป็นไรแล้วไงพี่อาร์ม"

"พี่ขอโทษนะ"

"ขอโทษเรื่องอะไรครับ"


คุณเงยหน้าขึ้นมองด้วยสีหน้าแววตาที่เจ็บปวดแว่บเดียว แล้วแปรเปลี่ยนเป็นสายตาที่ผมอ่านมันไม่ออกอีกครั้ง


"พี่ทำให้โรมต้องเป็นแบบนี้"

"เกี่ยวกับพี่ที่ไหนล่ะ โรมตากฝนเลยป่วยก็แค่นั้น"

"พี่ไม่เคยรู้เลยว่าโรมเป็นโรคหอบด้วย"

"...ก็โรมหายแล้ว"

"ถ้าโรมเป็นอะไรไปขึ้นมาแล้วพี่จะทำยังไง"


น้ำเสียงของคุณเจ็บปวดรวดร้าว สีหน้าราวแบกความทุกข์จากโลกทั้งใบเอาไว้ทำผมใจเสีย ไม่อยากให้โทษตัวเองว่าทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับผมนั้นต้นเหตุมาจากคุณ


"พี่อาร์ม โรมไม่เป็นอะไรแล้วจริงๆ อย่าทำหน้าแบบนั้นสิครับ โรมป่วยเพราะตากฝนไม่ได้เป็นเพราะพี่"

"เป็นเพราะพี่ต่างหาก เพราะพี่คนเดียว"






สองวันหลังจากนั้น คุณหมอก็อนุญาตให้กลับบ้านได้ ผมมั่นใจว่าร่างกายของผมแข็งแรงดีเยี่ยม ผิดกับคุณที่เป็นห่วงผมในทุกฝีเท้าที่ก้าวเดิน


"เดินดีๆ เดี๋ยวล้ม"

"พี่อาร์มโรมไม่ได้ท้อง"

"พี่แค่เป็นห่วง"

"ครับๆ โรมรู้"


คุณจูงมือผมพามาหยุดนั่งที่ปลายเตียง ก่อนจะนั่งตามลงมาข้างๆ กัน จับมือเอาไว้แล้วสอดประสาน จ้องมองเข้ามาในตาของผมด้วยสายตาที่แม้จะคบกันมานานนักก็ยังนึกขัดใจที่อ่านมันไม่ออก


"โรม"

"ครับ"

"พี่รักโรมนะ"

"อยู่ๆ มาทำซึ้งอะไรของพี่เนี่ย"


คุณยิ้มเบา ก่อนดึงผมไปกอดเอาไว้แน่น แน่นราวกับว่ามันจะเป็นครั้งสุดท้าย


"พี่อาร์ม… พี่เป็นอะไร"


คุณไม่ตอบรับไม่ปฏิเสธ หากทว่ากอดผมแน่นขึ้น ใบหน้าที่ซบอยู่ตรงหัวไหล่ผละออกมาแล้วมองหน้า


"จูบนะ"


ผมก้มหน้าซ่อนแก้มสีแดงเรื่อ เพราะเหตุนั้นผมจึงไม่ทันได้เห็นแววตาอาลัยอาวรณ์ของคุณที่ส่งมันมา


"ปกติก็ไม่เห็นจะขอเลย"


คุณเชยคางของผมไปประทับจูบทันที จูบของเราเป็นรสเฝื่อนปนหวานเหมือนอย่างเคย ความอบอุ่นละมุนละไมยังคงทำให้ผมเคลิ้บเคลิ้มคลั่งไคล้มันได้ทุกครั้ง


คุณรุกหนักจาบจ้วงสัมผัสไปทั่วทั้งร่างกายจนผมอ่อนระทวยอยู่ภายในอ้อมแขน ยิ่งผมบิดเร่าคุณยิ่งมอบจูบร้อนแรงกลับมาให้ ทั้งที่จริงคุณเป็นคนใจเย็นแต่ครั้งนี้คุณดูเร่งร้อน ไม่นานหลังจากนั้นอาภรณ์ของเราทั้งคู่ก็ถูกถอดออกจากร่าง จนเราสองคนแนบชิดกันยิ่งกว่าเดิม


ครั้งแล้วครั้งเล่าที่เราบดเบียดร่างกาย สัมผัสทุกอนุอณูกันและกันจนไม่เหลือเว้นที่ว่าง สองกายคลอเคล้าเล้าโลมวาบหวาม แทรกลึกเข้าไปภายในเร่งเร้ารุนแรงถี่กระชั้น เสียงหอบกระเส่าดังขึ้นสลับกับเสียงเฉอะแฉะหยาบโลนกระทั่งถึงฝั่งฝัน


คุณทอดถอนร่างกายขณะที่ยังคร่อมทับกันในท่าทางที่หวาดเสียว หยาดเหงื่อหยาดย้อยหยดไหลไปตามขมับและสันกรามคมคร้าม คุณจ้องมองหยั่งลึกเข้ามาในดวงตาของผมก่อนกดจูบลงบนหน้าผาก สันจมูก และปรางแก้ม ผมอยากเอ่ยถามว่าแววตาเช่นนั้นที่มองกันมันหมายความว่าอะไร


ทว่าเปลือกตาอันหนักอึ้งกลับขัดขืนไม่ให้ทำอย่างนั้น และผล็อยหลับไปทันทีเมื่อสัมผัสได้ถึงไออุ่นของคุณที่โอบกอดเอาไว้ อ้อมกอดของคุณปลอดภัยจนผมเชื่ออย่างสนิทใจว่าจะมีคุณตลอดไปในชั่วชีวิตนี้


ผมไม่เคยคิดถึงโลกที่ไม่มีคุณข้างกายซักครั้ง...






"Next day, nothin' on my phone
But I can still smell you on my clothes"



ผมลืมตาตื่นขึ้นมาเพราะอากาศที่เย็นลงจากฝนตก ข้างกายว่างเปล่าจนนึกสงสัย ห้องครัว ห้องน้ำ ตู้เสื้อผ้า ไร้ร่องรอยของคุณจนผมคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นอาจเป็นเพียงแค่ความฝัน ผมนั่งพิงหัวเตียงอ่อนแรงอย่างคนไม่เข้าใจอะไรซักอย่างก่อนจะหันไปเจอกระดาษแผ่นเล็กที่ถูกเขียนไว้ด้วยลายมือหวัดแสนคุ้นตา




ชีวิตของโรมที่ไม่มีพี่

มันอาจจะดีกว่าตอนนี้ก็ได้

ขอโทษนะ… ลาก่อน


               พี่รักโรมนะ

                   อาร์ม





ผมเกลียดฤดูฝน
เพราะว่ามันไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะมาตอนไหน


เหมือนกับคุณ...
ที่ผมไม่เคยคาดเดาอะไรได้เลยเช่นกัน








“Remember when you taught me fate
Said it'd all be worth the wait”



คุณเคยบอกผมว่าคุณเชื่อและรอคอยในโชคชะตา
เพราะมันทำให้เราสองคนได้มาพบกัน


แต่เป็นคุณเองที่ผลักไสผมออกจากชีวิตที่บอกว่าโชคชะตาลิขิตไว้ไม่ใช่หรือ


ผมไม่กลั้นน้ำตา ไม่ซ่อนความอ่อนแอ อย่างคนที่พยายามจะเข้มแข็งพึงทำอีกต่อไป


ม่านฝนที่เป็นกำแพงอยู่เบื้องหน้าก็ยังสาดเทลงมาไม่หนักเท่าม่านน้ำตาของคนที่กำลังแค่นยิ้มให้กับการเล่นตลกของคนบนฟ้า


"พี่จะกลับมาทำไม"


1 ปีที่ไม่เจอกันคุณก็ยังเหมือนเดิม แม้จะผอมลงแต่ดูสูงขึ้น รอยยิ้มติดมุมปากยังคงประดับอยู่บนใบหน้าหล่อเหลา ดวงดาวใต้ตาสามดวงยังคงเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวคุณเหมือนเดิมเช่นก่อนนี้


"ผอมลงรึเปล่านะ พี่เคยบอกแล้วไงว่าต้องกินข้าวให้ครบสามมื้อ"

"ฮึก จะมาทำไม จะกลับมาให้โรมเจ็บอีกทำไม"


คุณยิ้มเบา นัยน์ตาทอประกายอ่อนแสง ก่อนขยับเข้ามายืนในกันสาดเดียวกันกับผม ให้กำแพงสายฝนกลายเป็นฉากหลัง


"พี่กลับมาเพราะรู้ว่าโรมยังรอ"

"โรมไม่เคยรอ"


เชิดหน้าขึ้นมองใบหน้าคนใจร้ายทั้งน้ำตานองหน้า รู้ตัวว่าดวงตาคงแดงก่ำ แต่ความรู้สึกที่อัดอั้นภายในใจมานานนับปีที่กำลังพรั่งพรูออกมาเป็นหยาดน้ำตานั้นคงจะหยุดไม่ไหว


คุณเอื้อมมือเย็นเฉียบมาประคองใบหน้าของคนฟูมฟายเอาไว้ ปาดคราบน้ำตาที่ไหลลงมาราวเขื่อนกั้นพังทลาย ผมสะอึกสะอื้นแต่ไม่ได้เบือนหน้าหนี


เป็นผมจริงๆ ที่โง่เง่ามาตลอด
แม้จะปฏิเสธเสียงแข็ง ก็รู้ดี... ว่าลึกๆ ยังเชื่อใจและรอคำอธิบายของคุณเสมอ



"ถ้าไม่รอแล้วจะพกไฟแช็คไว้ทำไม"


"โรมไม่สูบบุหรี่ แต่โรมพกมันไว้จุดไฟให้พี่ใช่มั้ย"


มองเข้าไปในตาที่ทอดความอาวรณ์ระคนเสียใจออกมาแล้วใจอ่อนวูบ ผมเมินหน้าไม่สบตาแถมไม่ตอบรับคำ ไม่อยากจะยอมรับด้วยว่าสิ่งที่คุณพูดนั้นมันถูกต้องหมดทุกอย่าง


"ไม่ใช่ซักหน่อย พี่พูดเองเออเองทั้งนั้น"

"แต่พี่พกมันเอาไว้ตลอดเวลาเลยนะ"


ผมไม่เข้าใจในสิ่งที่คุณพูดออกมา กระทั่งคุณล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อเชิ้ตรีดเรียบแล้วหยิบเอาลูกกวาดสีชมพูอ่อนรสชาติที่ผมชื่นชอบขึ้นมา


"พี่จำได้ว่าโรมชอบกินรสนี้"


เพราะผมเคยบอกคุณใช่มั้ยว่าผมแพ้ความใส่ใจเล็กน้อยเช่นนี้


ความทรงจำระหว่างเรามันมากมายเกินไป มากเสียจนผมแกล้งลืมและทำเมินเฉยไม่สนใจอีกต่อไปไม่ไหว เม้มปากกลั้นก้อนสะอึกก้อนใหญ่ที่จุกอยู่ลิ้นปี่พยายามบังคับตัวเองไม่ให้สะอื้นไห้


"พี่อาร์ม ฮึก ทำไมต้องทำแบบนี้ พี่ต้องการอะไรจากโรมอีก"

"โรมจำได้มั้ย วันนี้เป็นวันครบรอบสี่ปีที่เราคบกัน"

"เราเลิกกันแล้ว มันไม่มีวันครบรอบสี่ปีอะไรทั้งนั้น"

"พี่ไม่เคยขอเลิกกับโรม เราไม่เคยเลิกกัน"

"แต่ตอนนั้นพี่ทิ้งโรมไป ไม่พูดอะไรซักคำ"


ผมเหมือนคนงี่เง่าที่ถูกคุณปั่นหัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า ใบหน้าที่แดงก่ำอย่างคนร้องไห้หนักมองเข้าไปในดวงตาที่อ่านยากของคุณเพื่อหาคำตอบของคำถาม ก่อนจะพบว่าครั้งนี้ผมอ่านสายตาที่คุณส่งมันกลับมาได้อย่างง่ายดาย


คุณรู้สึกผิดจนหมดหัวใจและกล่าวขอโทษผมผ่านสายตา


"โรมป่วยง่าย ถ้าคุยกันตรงนี้นานๆ ไม่ดีแน่"

"ผมไม่ไปไหนทั้งนั้น ผมจะรอฝนซาอยู่ที่นี่"

"โรม"

"..."

"เชื่อพี่นะครับ"


ถ้าคุณจะทิ้งผมไป ก็ไม่ควรใส่น้ำเสียงห่วงใยลงไปในคำพูดแบบนี้


"ไปกับพี่นะ แล้วพี่จะตอบโรมทุกคำถามเลย"


ผมยื้อข้อมือเอาไว้เมื่อเห็นว่าสายฝนยังสาดกระหน่ำอย่างรุนแรงจนไม่น่าจะมีรถจักรยานยนต์คันใดฝ่าความมืดมิดและสายฝนไปจากตรงนี้ได้


"แต่โรมไม่อยากเปียกอีกแล้ว"



แน่นอนว่าผมหมายถึงฝนจริงๆ
ไม่ใช่เมฆฝนในใจที่ก่อตัวครึ้มอยู่นานหลายปี
และผมแน่ใจว่าน้ำเสียงที่พูดออกไปไม่ได้สั่นเครือ



"พี่รู้ว่าโรมไม่ชอบฝน"


คุณเปลี่ยนจากฉุดดึงข้อมือเป็นกอบกุมนิ้วมือแล้วสอดประสาน แน่นอนว่าผมไม่ยอมโอนอ่อนทำตามในตอนแรก แต่พอโดนนัยน์ตาแสนอ่อนโยนของคุณวิงวอนเข้า ผมที่ดื้อเพ่งมาตลอดก็อ่อนไหว


ไม่ชอบเลย ที่พ่ายแพ้ซ้ำๆ แค่กับคุณ


ผิดคาดที่คุณไม่ได้จับจูงกันเดินข้ามถนนเพื่อมุ่งตรงไปยังบิ๊กไบค์คันโตที่เห็นก่อนหน้านี้ เราเดินลัดเลาะไปตามซอกแคบระหว่างตึกแล้วทะลุออกมายังอีกฝั่งของร้าน


ผมแอบแปลกใจนิดหน่อยเมื่อเห็นคุณหยุดยืนไขกุญแจรถโฟล์คเก่าคันนึงแล้วสอดตัวเองเข้าไปในนั้น


แอร์บนรถค่อนข้างเย็นจนถึงขั้นหนาว อาจเป็นเพราะอากาศชื้นที่ด้านนอก เราไม่ได้พูดคุยอะไรกันอีกและน้ำตาของผมได้แห้งเหือดไปหมดแล้ว ไม่มีแม้แต่เสียงดนตรีคลาสสิคที่คุณชื่นชอบ มีแต่เพียงเสียงคำรามของท้องฟ้าและหยาดน้ำตาของเมฆก้อนใหญ่ที่หล่นกระทบกระจกหน้าไม่หยุดพัก


การมองวิวทิวทัศน์ยามค่ำคืนผ่านกระจกใสของรถยนต์โดยมีคุณอยู่ข้างกันเช่นนี้ เป็นอะไรที่ไม่คุ้นชินเอาเสียเลย


"บิ๊กไบค์พี่หายไปไหน"

"ขายทิ้งไปแล้ว"

"ทำไม"


ผมแปลกใจมากจนต้องหันกลับไปมองคุณตอบคำถาม ก่อนจะเห็นแววตาที่สะท้อนความคิดถึงผ่านกระจกหน้ารถนั้น


"ก็ไม่มีคนซ้อนแล้ว"


ผมกัดปากแน่นไม่เข้าใจ
คุณเป็นคนทิ้งผมไปแล้วทำไมต้องทำเหมือนยังอาวรณ์


รู้สึกว่าอากาศเริ่มเย็นขึ้น เมื่อตอนที่รถจอดนิ่งอยู่ตรงไฟแดงไม่ขยับเขยื้อน หนาวจนต้องยกมือขึ้นมากอดตัวเองไว้ แล้วมองลอดออกไปนอกหน้าต่าง เหม่อลอยใช้ความคิดว่าเส้นทางที่กำลังมุ่งหน้าไปคือที่ไหนกันแน่แทนที่จะครุ่นคิดถึงเหตุผลในสิ่งที่คุณกำลังทำ


หางตามองเห็นบางสิ่งบางอย่างกำลังเคลื่อนไหวอยู่ทางด้านขวา ไม่ต้องเดาให้ยากผมก็รู้ว่าคงเป็นคุณที่กำลังเอี้ยวตัวหันกลับไปหยิบอะไรบางอย่างที่ด้านหลังของรถ คุณคว้าเอาแจ๊คเก็ตยีนส์ที่ผมจำได้ดี ว่าเราซื้อมันมาไว้เพื่อใส่เป็นคู่กันในวันครบรอบปีที่สอง ก่อนหยิบยื่นมันมาให้ผม


ผมไม่รับ แล้วทำเฉยเมยต่อความหวังดีของคุณ


ผมเห็นคุณแอบถอนหายใจเบา กางเสื้อยีนส์ตัวหนาออกจนกว้างแล้วห่มมันลงไหล่สองข้างของผม ความอบอุ่นและกลิ่นกายของคุณยังคงติดอยู่บนเสื้อนอกตัวนั้น


มันเป็นความอบอุ่นที่แสนจะคุ้นเคยและโหยหามาเนิ่นนาน



มินิมาร์ทข้างทาง ป้ายรถเมล์ แม้กระทั่งเสาไฟดูคุ้นตา จนผมนึกสงสัยว่าคุณกำลังพาไปที่ไหน


แสงไฟข้างทางที่เริ่มน้อยลงจนเหลือแค่เสาไฟโง่ๆ และแสงสว่างจากหิ่งห้อยทำผมขมวดคิ้วมุ่น หันกลับไปมองคุณที่ยังคงตั้งใจขับรถและมองตรงไปข้างหน้า


"พี่อาร์ม…"

"ถึงแล้ว"


ผมจำได้ดีว่าที่นี่คือที่ไหน


ที่ที่เราดูดาวด้วยกันเป็นครั้งแรก
ที่ที่เราปาร์ตี้กันด้วยไซเดอร์และเบียร์กระป๋อง
และ
เป็นที่ที่เรามีจูบแรกของกันและกัน


ผมหันกลับไปมองคุณด้วยความไม่เข้าใจ คุณยิ้มมุมปากส่งกลับมาแล้วปลดสายนิรภัยออกจากตัวเอง ก่อนขยับเลื่อนมาปลดทางฝั่งของผม ใบหน้าของเราสองคนใกล้กันมาก ใกล้จนสัมผัสได้ถึงไออุ่นร้อนที่รินรดอยู่บนพวงแก้ม


เพียงแค่นั้นแล้วคุณก็ผละออกไป

ทิ้งให้ผมอยู่กับความสั่นไหวของหัวใจที่เต้นรัว


ปิดประตูรถโฟล์คคันเก่าก่อนเดินไปหยุดยืนอยู่ตรงด้านหน้า จุดเดียวกับที่เราเคยนั่งดูดาวด้วยกันบนรถมอเตอร์ไซค์คันเก่งของคุณเมื่อครั้งนั้น


"นั่งสิ"


คุณบอกให้ผมนั่งลงบนฝาหน้าของรถโฟล์คคันขาวหันหน้าไปทางกลุ่มดาวเหนือ

ในขณะที่คุณยืนตรงข้ามหันหน้ามาทางผม


"พี่พาโรมมาที่นี่ทำไม"


ผมก้มหน้าลงไม่สบตากับคนที่อยู่ตรงหน้า ยิ่งความรู้สึกแสบจมูกแล่นริ้วมาถึงหัวตายิ่งเม้มปากสะกดอารมณ์เอาไว้


"คิดถึง"


สิ้นคำพูดของคุณ น้ำตาที่แห้งเหือดไปแล้วก็พรั่งพรูออกมาอีกครั้ง ดวงตาบวมช้ำแดงก่ำแหงนเงยขึ้นมองไปที่คุณด้วยความตัดพ้อ กำปั้นหนักๆ ทุบลงไปที่กลางอกของคนใจร้ายระบายความขุ่นข้องหมองในใจที่สั่งสมมานานจนแทบทนไม่ไหว


"พี่ทำแบบนี้ทำไม ฮึก พี่ไปแล้วจะกลับมาอีกเพื่ออะไร"


คุณไม่ได้ห้าม แต่กลับยืนนิ่งรอรับแรงกระทำอย่างสำนึกผิดจากใจ เป็นผมเองที่ทนทำร้ายคุณไม่ไหว ดึงมือตัวเองกลับมา แล้วซุกใบหน้าลงกับฝ่ามือ


"พี่ขอโทษ"


คุณโน้มตัวลงมากอดผมเอาไว้ มือใหญ่ลูบหลังปลอบประโลมคนที่กำลังสะอึกสะอื้น ผมไม่ได้ขืนตัวเองออกมาจากอ้อมแขน แต่ปล่อยน้ำตาให้รินไหลลงมาจนกว่าจะพอใจ


“ขอโทษนะ พี่ขอโทษ"


กอดของคุณปลอดภัยเช่นไรก็เป็นเช่นนั้น มันอบอุ่นจนเผลอไผลเอื้อมมือไปเกาะเกี่ยวเอาไว้ ปลอบประโลมกระทั่งคนสะอื้นไห้ค่อยๆ หยุดน้ำตา


คุณผละกอดออกมา เชยคางแล้วซับน้ำตาตั้งแต่ปรางแก้มจนถึงปลายคาง


"ให้โอกาสพี่อีกครั้งได้มั้ย"

"ไม่ครับ"


น้ำเสียงเด็ดขาดหนักแน่นของผม ทำเจ้าของมือที่ซับน้ำตาอยู่หยุดชะงักทันที คุณพยายามปรับสายตาให้ไม่แสดงอาการเสียใจแล้วแย้มยิ้ม


"เข้าใจแล้ว"


คุณถอยหลังห่างผมไปครึ่งก้าว พลิกตัวหันกลับไปมองกลุ่มดาวที่สุดปลายสายตานั้นแล้วยืนนิ่ง


"พี่เข้าใจดี ว่าโอกาสมันไม่ได้ให้กันง่ายขนาดนั้น..."

"โรมจะไม่ให้โอกาสพี่ ถ้าพี่ไม่ยอมบอกว่าที่ผ่านมาพี่หายไปไหน"


คุณหันกลับมาแล้วส่งยิ้มเบาบาง เป็นยิ้มที่ดูอ่อนแรง เกือบจะสิ้นหวัง แต่ยังมีประกายความอ่อนโยนแฝงไว้ในนั้นเสมอ


"จะบอกได้รึยังว่าหายไปไหนมา"


คุณแย้มยิ้มกว้าง ขยับกลับเข้ามาใกล้กันกว่าเดิมถึงหนึ่งก้าว


"พี่ไปตามหาความฝัน"

"แล้วเจอมั้ย"

"เจอแล้ว"

"อยู่ที่ไหน"

"อยู่ตรงนี้"


คุณชี้มือมาที่ผมแล้วยิ้มอบอุ่น ส่งให้ใจที่เย็นวาบได้อุ่นเอม


ไม่ทันตั้งตัวคุณก็โน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ ใกล้เสียจนปลายจมูกของเราชนกัน แต่ไม่ใกล้ไปมากกว่านี้ ฝ่ามือใหญ่ทาบทับมือของผมที่วางอยู่บนกระโปรงรถเย็นเยียบ ผมสบดวงตาชั้นเดียวของคุณใกล้ชิดจนขัดเขิน


ด้วยระยะห่างเพียงเท่านี้ ผมถึงรับรู้ถึงกลิ่นประจำตัวของคุณได้อย่างชัดเจน หากแต่ในความชัดเจนนั้นผมรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ไม่คุ้นชินจนต้องผละใบหน้าถอยห่างออกมา แล้วมองคุณด้วยสายตาที่สงสัย


"พี่อาร์ม"


คุณขานรับในลำคอ ทั้งที่ยังไม่ละสายตาจากผมไปที่ไหน


"ผมไม่ได้กลิ่นบุหรี่ที่ตัวพี่เลย"

"ก็เลิกแล้ว"


เป็นอีกครั้งที่ผมแปลกใจกับคำตอบของคุณ

   

ผมเกลียดกลิ่นบุหรี่
แต่พอมันมาจากลมหายใจของคุณผมกลับชอบมัน
พอรู้ว่าคุณเลิกมันได้ก็ทั้งดีใจและเสียดายในครั้งเดียวกัน


"แล้วที่บอกว่าออกไปตามหาความฝัน…"

"ฝันของพี่ก็คือโรม"

"โรมไม่เข้าใจ"

"คุณแม่ของโรมไม่เล่าอะไรให้ฟังบ้างเลยหรอ"

"แม่เกี่ยวอะไรด้วย"


คุณยิ้มละมุน วางฝ่ามือใหญ่ลงบนกลุ่มผมแล้วลูบเบา


"คุณแม่ท่านรักโรมมากนะ"

"...?"

"คงไม่มีแม่คนไหนอยากให้ลูกชายที่เป็นหอบหืดใช้ชีวิตอยู่กับคนที่ติดบุหรี่หรอกจริงมั้ย"

"หรือว่า…"

"พี่พยายามเป็นคนที่ดีขึ้นเพื่อเรานะ"


เป็นอีกครั้งที่ผมกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว ไม่ใช่เพราะเสียใจ แต่เป็นเพราะโล่งใจที่ระหว่างเราไม่ได้มีอะไรที่เปลี่ยนแปลง






“Lighters and candy, I've been a fool
But strawberries and cigarettes always taste like you”


จูบของคุณและผมยังคงเป็นรสเฝื่อนปนหวาน
แต่ครั้งนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นจูบที่แสนหวานและยาวนานกว่าครั้งไหน
เป็นเพราะผมโหยหาในขณะที่คุณก็คิดถึง



ฝนหยุดตกแล้ว...
หมอกครึ้มก็สูญสลายหายไปจนหมดแล้ว



ผมดีใจเมื่อในที่สุดคุณก็กลับมา
ในยามที่เมฆฝนสร่างซาจริงๆ








---------------------------------------------------------------------------------------------- End


พึ่งเคยลงเล้าเป็ดเป็นครั้งแรก ผิดพลาดประการใด รบกวนตักเตือนด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ :)



ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
Re: (เรื่องสั้น) On Rainy Day [จบ] 17/08/62
«ตอบ #3 เมื่อ18-08-2019 12:25:23 »

ดีใจที่พี่อาร์มกลับมา  :hao5:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: (เรื่องสั้น) On Rainy Day [จบ] 17/08/62
«ตอบ #4 เมื่อ20-08-2019 12:48:39 »

 :L2: :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด