จากหนัง The matrix สู่จริตในการอ่านนิยายของตัวเอง (แค่อยากเขียนเฉยๆ)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: จากหนัง The matrix สู่จริตในการอ่านนิยายของตัวเอง (แค่อยากเขียนเฉยๆ)  (อ่าน 1373 ครั้ง)

ออฟไลน์ เพลิงพิษ ธิดาซาตาน

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 23
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
จากหนัง The matrix สู่จริตในการอ่านนิยายของตัวเอง (แค่อยากเขียนเฉยๆ)
คนที่เคยดูหนัง The matrix คงเข้าใจสิ่งที่เราเขียน
เมื่อไม่กี่วันมานี้เราได้ดูหนังเรื่องนี้แล้วมีอยู่ฉากนึงในหนังที่ทำให้เราเอามาเปรียบเทียบกับจริตความชอบในการอ่านนิยายของเรา คือฉากที่ นีโอ ต้วเอกของเรื่องได้พบ สถาปนิคผู้สร้างThe matrix ได้บอกกับนีโอว่า นีโอไม่ใช่ผู้ปลดปล่อยคนแรก ก่อนหน้านี้มีผู้ปลดปล่อยมาแล้ว5คน the matrix ถูกสร้างมาแล้ว5เวอร์ชั่น โดยเวอร์ชั่นแรก 0.1 the matrix เปรียบเหมือนสรวงสวรรค์มีแต่ความสุขมีแต่ความอุดมณ์สมบูญ แต่มนุษย์กลับเคลือบแคลงสงสัยและหลุดจากการจองจำ the matrix เลยถูกพัฒนามาเป็นเวอร์ชั่น0.2 ซึ่งมีแต่ความทุกข์ลำบาก สงคราม ความอดยาก โรคโรคาพยาธิ มนุษย์ก็ยังเคลือบแคลงสงสัยและหลุดจากการจองจำอยู่ดี จุดนี้แหละที่ทำให้เราสงสัยหันมามองการอ่านนิยายของเราที่ไม่สามารถอ่านเรื่องที่ฟีลกูดมุ้งมิ้งหวานแหววได้ทั้งเรื่อง แต่กลับชอบเรื่องที่ดราม่าน้ำตานอง แต่ถึงกระนั้นก็รับไม่ได้อีกถ้าจะจบแบบ sad end ไม่มีอะไรแค่คิดว่าเราคงเหมือนมนุษย์ที่จองจำอยู่ในthe matrix ล่ะมั้ง นั่นเป็นสาเหตุเลยที่เราหาอ่านนิยายที่ตรงใจได้ยากมากๆ(ซึ่งหงุดหงิดตัวเองสุดๆ) เพราะปัจจัยองค์ประกอบที่จะทำให้เราอ่านนิยายเรื่องนี้จนวางไม่ลงนั้นภายในวันเด่ยว หายากมากๆ อาจจะลิสเป็นข้อได้ประมาณนี้
1.ดราม่า แน่แหละ แต่ต้องจบแฮปปี้เท่าน้านนน
2.สำนวนที่ตรงจริต ซึ่งก็บอกไม่ได้ว่าเป็นยังไง เพราะตัวเราเองยังไม่รู้เลย นิยายสำนวนที่เราชอบที่ผ่านมาก็แตกต่างกันออกไป (แต่ก็แอบเอนเอียงไปสำนวนที่บรรยายให้นึกภาพสีหน้าตัวละครความรู้สึกบรรยากาศได้แจ่มชัดล่ะมั้ง(แต่ถ้าบรรยายเยอะไปก็แอบง่วงอีก(เรื่องมากจ่งเลยวุ้ย-_-")...)...)
3.ความเรียล ความที่รู้สึกว่าอ่านไปทำไมสมจริงเอยอะไรเอย(นับถือคนที่แต่งเรื่องแต่งได้เรียลๆประหนึ่งว่าเป็นเรื่องเล่า แต่อยู่ในสำนวนนิยายได้อย่างน่าทึ่ง)
4.ภาษาสวย คำผิดมีน้อย ไม่ใส่อิโมจิแบ้วๆ หรือคำอะไรที่เราออกเสียงตามแล้วแบบ มันไม่ใช่อ่ะ มันไม่เข้าอารมณ์
5.พล็อตแปลกๆการวางปมบลาๆ
นิยายเรื่องไหนที่เราอ่านไปแล้วไม่ใช่ อ่านไปกลางทางแล้วเทเพราะรู้สึกว่ามันไม่ใช่ ไม่ได้หมายความว่าเขาแต่งไม่ดีนะ แต่แค่รู้สึกมันไม่ตรงจริตแค่นั้น แต่ขอนับถือคนที่แต่งนิยายออกมาได้สักเรื่องนึงจริงว่า เก่งมากๆ ถึงแม้ว่านิยายของคุณอาจจะไม่ตรงจริตของใครบางคน แต่มันก็คือผลงานและความภาคภูมิใจของคุณ เป็นศิลปะที่เราเองไม่สมารถทำได้ ได้แต่เป็นผู้อ่าน(แต่หน้าด้านเรื่องมากอีก ฮ่าาๆๆๆ) จึงขอชื่นชมแล้นับถือจริงๆ ถึงตอนนี้ก็ขอให้กำลังใจนักเขียนทุกคนนะ พวกคุณคือสิ่งมหัศจรรย์จริงๆ ที่สามารถทำให้คนร้องไห้ หรือ ยิ้มเขิน อินไปกับเรื่องเขียนของคุณได้ แล้วก็เขียนทุกคนที่ลงให้อ่านฟรีแบ่งปันเรื่องราวประสบการณ์ เหมือนแบ่งอาหารให้เราที่หิวโหยได้กินอิ่ม แล้วก็ขอบคุณเล้าแห่งนี้ด้วย เหมือนโรงทานขนาดใหญ่เลยแหละ อบอุ่นจริงๆ ไม่มีอะไรแค่อยากเขียนเฉยๆมันอยู่ในหัว เผื่อมีใครเข้ามาอ่านแล้วคิดเหมือนเรา


Share This Topic To FaceBook

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด