พัชรมนตรา จันทรานฤมิตร ตอนที่13 ่ภารกิจที่สามหริภุญชัย 25/09/62 อัพแล้วครับ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: พัชรมนตรา จันทรานฤมิตร ตอนที่13 ่ภารกิจที่สามหริภุญชัย 25/09/62 อัพแล้วครับ  (อ่าน 3838 ครั้ง)

ออฟไลน์ destiny_of_b

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
บริบทที่ 13 ภารกิจที่สามหริภุญชัย

หลังจากเสร็จงานพระราชพิธีอภิเษกสมรสของมหาอุปราชแห่งสุโขทัย กับ พระราชธิดาแห่งอีสานปุระเรียบร้อยแล้ว วันรุ่งขึ้นวังหลังของอีสานปุระก็ขอเข้าเฝ้าพระมหาธรรมราชาเพื่อลากลับไปยังอีสานปุระ ส่วนพวกเราจะกลับในวันมะรืน
มีม้าเร็วมาแจงข่าวจากหริภุญชัย มาแจ้งกับองค์อนันตราชว่า ว่าพระเจ้าศรีสุทโธทะราช กษัตราธิราชแห่งหริภุญชัยถูกรอบปลงพระชมม์ ระหว่างทางเสด็จไปสักการะพระบรมธาตุ บนภูหลวง แต่พระชะตายังไม่ถึงคาดจึงถูกช่วยเอาไว้ได้ทรงเรียกให้ พระองค์อนันตราชกลับขึ้นไปช่วยจัดการบ้านเมือง เพราะมีเหตุระส่ำระสายเกิดขึ้นที่เมือง เขลางค์นคร องค์อนันตราชจึงทูลเชิญอาจารย์ธเนศวรกับพวกเราขึ้นไปยังหริภุญชัยด้วย
เที่ยวนี้พวกเราขึ้นกันแค่ 19 คน ด้วยองค์ไตรแสนไทแห่งสิบสองจุไท ที่ได้รับข่าวด่วนจากม้าเร็วว่าพระพันปีหลวงทรงพระประชวรหนัก ให้รีบกลับ องค์ไตรแสนไทจึงมาขออนุญาตอาจารย์ธเนศวร เพราะจากสุโขทัย กลับไปสิบสองจุไท ใกล้กว่ามาก จากสุโขทัยใช้ม้าตัดเข้าเมืองสองแคว เมืองเอกชั้นลูกหลวงด้านตะวันออกของของแคว้นสุโขทัย จากนั้นตัดเข้าแคว้นบางยาง และมีเส้นทางใช้ม้าตัดเข้าไปยังแคว้นเชียงทอง แล้วก็ขึ้นไปที่สิบสองจุไทอีกที ใช้เวลาอีกเกือบ 1 เดือน
ส่วนองค์อโณทัย ที่เพิ่งอภิเษกอาจารย์ธเนศวรจึงเห็นว่าควรยั้งอยู่ที่สุโขทัยสัก 1 เดือนก่อน จึงควรกลับลงไปศึกษาต่อที่สำนักตักศิลา ต่อ พวกเราทั้ง 19 คนเดินทางโดยแฝงตัวเป็นคาราวานพ่อค้าจากสุโขทัยไปยังแขวงเมืองระแหง ชายแดนแคว้นสุโขทัยกับแคว้นฉอด จากนั้นจึงล่องเรือทวนลำน้ำปิงขึ้นไปยังหริภุญชัย
การเดินทางครั้งนี้คาดว่าจะต้องใช้เวลาในการเดินทางเกือบ 10 วัน ทว่าตลอดการเดินทาง เราพบร่องลอยของกลุ่มคนที่เดินทางไปก่อนหน้าเรา ตลอดการเดินทาง อาจารย์ธเนศวรเตือนให้พวกเราระวังตัว เพราะดูไม่ค่อยน่าไว้วางใจ อาจารย์แบ่งพวกเราออกเป็นสองกลุ่มย่อย กลุ่มแรกประกอบด้วยองค์ลวจักร องค์แสนคำหลวง และองค์มิ่งเกษ ล่วงหน้าขึ้นไปสืบข่าว เป็นกลุ่มที่เดินทางเป็นกองสอดแนมล่วงหน้าไปก่อนเรา

ไม่นานกลุ่มแรกก็ส่งองค์แสนคำหลวงกลับลงมารายงานอาจารย์ธเนศวร ว่าที่แท้กลุ่มที่เดินทางล่วงหน้าเราคือกลุ่มของวังหลังแห่งอีสานปุระ หรรษวรมัน
“พวกมันขึ้นมาทำอะไรกันถึงหริภุญชัย” เสียงองค์อนันตราชทรงร้อนรน เพราะเป็นห่วงบ้านเมือง
“เจ้ากลับขึ้นไปแล้วบอก ลวจักร กับ มิ่งเกษ ให้ตามไปคอยสังเกตการณ์ห่างๆ อย่าเพิ่งแหวกหญ้าให้งูตื่น ให้ระวังองค์กันให้มาก” เราจะรีบตามขึ้นไป” อาจารย์ธเนศวรออกคำสั่ง
“ขอรับ” องค์แสนคำหลวง รับคำ
“แก้วอินแถง กับ สิงหพล เจ้าอีกสองคนเข้าไปเสริมกับกลุ่มของลวจักร ตามแสนคำหลวงไปด้วย”
“ขอรับ” ทั้ง 2 องค์รับคำสั่งอาจารย์และ ลาอาจารย์กลับไปเสริมกลุ่มขององค์ลวจักร พร้อมกับองค์แสนคำหลวง รวมเป็น 5 องค์
“ทั้งหมดเร่งเดินทาง” อาจารย์ธเนศวรออกคำสั่ง
องค์ที่ดูเป็นทุกข์ที่สุดก็คงเป็นองค์อนันตราช อาจารย์ธเนศวร ระวังมาก เก็บองค์อนันตราชไว้กับตน ด้วยเกรงว่าด้วยความร้อนใจอาจจะทำให้เกิดความผิดพลาดขึ้นได้
“ผ่านไปอีกครึ่งวันหลังจากได้รับข่าว พวกเราก็พบล่องรอยที่องค์ลวจักรทิ้งไว้เป็นสัญญาลักษณ์ ว่าเข้าใกล้กลุ่มแรกแล้ว
“ทำไมกลุ่มแรกหยุดชะงัก” องค์ปุณณวัชรเห็นว่าผิดสังเกต
“เกิดอะไรขึ้นกับกลุ่มแรกหรือเปล่า”เสียงองค์รังสิพันธุ์ห่วงใย
ตรงขอบคุ้งแม่น้ำเห็น มีเรือล่องลงมาอย่างเร่งร้อนจนผิดสักเกตุ พวกเราเตรียมพร้อมที่จะเผชิญเหตุร้าย ทุกองค์ชักอาวุธออกมา เรือเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ
“พวกกระผมเองขอรับ” เสียงองค์มิ่งเกษตะโกนบอก
“องค์ลวจักร กับองค์มิ่งเกษ์ ได้รับบาดเจ็บขอรับ” เสียงองค์สิงหพลร้องบอกอาจารย์ธเนศวร
“รีบนำทั้งสององค์ข้ามมาที่เรือ” เสียงอาจารย์ธเนศวรออกคำสั่ง
สภาพของทั้งสององค์ สภาพบาดแผลจากการโดนสุ่มโจมตีของกองระวังหลังของขบวนของอีสานปุระ
องค์ลวจักรโดนลูกธนูบริเวรไหล่ข้างซ้าย ส่วนองค์มิ่งเกษ์โดนลูกธนูบริเวณขาซาย โชคดีที่องค์แสนคำหลวงใช้ยาของสำนักตักศิลาปฐมพยาบาลบ้างต้นมาแล้ว ทำให้เลือดหยุดไหลแล้ว
   “เตรียมมีด” เสียงอาจารย์ธเนศวรสั่งองค์ทิวากร
   “ขอรับ” เสียงขานรับจากองค์ทิวากร
   “ภานุพงศ์กับญาณวัตรจับตัวลวจักรไว้ เอาผ้าม้วนให้กัดเอาไว้ด้วย” อาจารย์ธเนศวรออกคำสั่งอย่างต่อเนื่อง
   “จุดไฟให้ที” องค์ทิวากรเอ่ยปากให้องค์รังสิพันธุ์ช่วยจุดเทียนไข
   “ขอรับ” พอเทียนไขจุดติด องค์ทิวากรก็เอามีดลนไฟแล้วส่งให้อาจารย์ธเนศวร อาจารย์ธเนศวรค่อยกรีดแผลเปิดแผลเพื่อเอาลูกธนูออก
   “อร๊ากกก” เสียงร้องด้วยความเจ็บขององค์ลวจักรเล็ดผ้าออกมา
   “ขอยาใส่แผล” อาจารย์ธเนศวรออกคำสั่ง องค์ปุณณวัชรเตรียมบี้ยาไว้รอท่าอยู่แล้ว
   “นี่ขอรับ” อาจารย์รับยาแล้วใส่ลงไปที่แผล
   “เอาผ้าพันห้ามเลือดไว้” เสียงอาจารย์ธเนศวรสั่งองค์ ภานุพงศ์และองค์ญาณวัตร แลวกหันไปทางองค์มิ่งเกษ
   “มหรรณพกับศรีวังสา จับมิ่งเกษไว้ให้มั่น” องค์มหรรณพกับองค์ศรีวังสาม้วนผ้าให้องค์มิ่งเกษกัดไว้รอแล้ว
   “ขอรับ” เสียงตอบรับของทั้ง 2 องค์
   “มีด” เสียงองค์ธเนศวรสั่งองค์ทิวากร แล้วก็ทำแผลเหมือนกับองค์ลวจักร
   เรือล่องทวนน้ำมาจนถึง ตำบลบ้านตาก ที่เป็นจุดบรรจบระหว่างแม่น้ำปิงกับแม่น้ำวัง ถ้าขึ้นไปตามแม่น้ำปิงก็จะถึงหริภุญชัย แต่ถ้าขึ้นไปตามแม่น้ำวังก็จะถึงเขลางค์นคร เมืองลูกหลวงของหริภุญชัย
   “พวกมันกำลังจะแยกเป็น 2 ทางขอรับ” เสียงองค์ลวจักรรายงานอาจารย์
   “กระผมตามมาจนถึงนี่ แล้วก็โดนสุ้มโจมตีโดยเราไม่ทันระวังตัวขอรับ” องค์ลวจักรรายงาน
   “แปลว่าพวกมันรู้ตัวแล้ว ว่ามีคนตามมา” รังสิพันธุ์คะเนเหตุการณ์
   “น่าจะขอรับ” เสียงองค์มิ่งเกษ์ตอบกลับ
   “แล้วตัวหรรษวรมันจะไปทางไหนล่ะทีนี้” องค์อนันตราชร้อนรน
   “จะขึ้นไปหริภุญชัย หรือจะไป เขลางค์นครที่กำลังเกิดจลาจล”
   “กระหม่อมว่า ด้วยเป็นคนรอบครอบอย่างหรรษวรมัน คงไปเขลางค์นครมากกว่าขอรับ” องค์ปุณณวัชรคาดการณ์
   “ทำไมหรือ “ องค์อนันตราชถามกลับ
   “ก็ถ้าเป็นคนมุทะลุอย่างศรีวีรวรมันวังหน้าของอีสานปุระ คงขึ้นไปหริภุญชัยเลย แต่หรรษวรมันไม่ใช่ขอรับ” องค์ปุณณวัชรคาดการณ์ต่อ
   “ด้วยการที่พระเจ้าศรีสุทโธทะราช แห่งหริภุญชัยเสด็จกลับถึงนครหริภุญชัยแล้ว ตัวเมืองคงต้องวางกำลังป้องกันเข้มแข็งแล้ว และด้วยอยู่ในสภาวะแบบนี้ คงไม่มีใครยอมให้วังหลังแห่งอีสานปุระเข้าเมือง แม้จะโดนข้อหากบฎก็ตามขอรับ” องค์ปุณณ์วัชรสรุป
   “ด้วยเหตุนี้ข้าคิดว่าเราควรขึ้นไปที่หริภุญชัยก่อน ขึ้นไปจัดการนครและวังหลวงก่อน เมื่อหัวใจกลับมาแข้งแรงแล้ว ค่อยไปจัดการที่อื่นต่อ” เสียงอาจารย์ธเนศวรสั่ง พวกเราจึงเลือกที่จะเข้าไปที่นครหริภุญชัยก่อน โดยล่องเรือทวนแม่น้ำปิงขึ้นไป



แคว้นหริภุญชัยถือกำเนิดขึ้นเมื่อ 600 ปีก่อนหน้า ราวปีพ.ศ 1200 ก่อตั้งเมืองโดยพระนางจามเทวีเป็นปฐมกษัตริย์แห่งหริภุญชัย พระนางเป็นพระราชธิดาแห่งลวปุระที่ สุกกทันตฤาษีได้เดินทางลงไปจากหริภุยชัยเพื่อเฝ้ากษัตริย์แห่งลวปุระ เพื่อทูลขอพระนางจามเทวีเป็นพระราชธิดาเพื่อไปเป็นกษัตริย์ปกครองเมืองใหม่ที่ถูกสร้างขึ้น ซึ่งก็คือนครหริภุญชัยนั่นเอง ขบวนของพระนางจามเทวีที่ออกจากลวปุระนั้นยิ่งใหญ่ประกอบไปด้วย พระเถระ ชีพราหมณ์ ช่องฝีมือ ช่างก่อสร้าง หมอ อย่างละ 500 คน ที่ร่วมเดินทางไปกับพระนางเพื่อสร้างบ้านแปงเมืองให้มั่นคงยิ่งขึ้น ราชวงศ์ไชยวงศ์จึงถือเป็นสายหนึ่งของราชวงศ์ลโวทัยวงศ์แห่งลวปุระ แต่ทั้งสองราชวงศ์ก็เป็นเอกเทศแก่กัน
   เมืองหริภุญชัยเป็นเมืองที่มีคูน้ำคันดินล้อมรอบ ลักษณ์เมืองเป็นรูปวงรี สถาปัตยกรรมบ้านเมืองเป็นแบบผสมผสานลวปุระกับพวกไทเขินทางเหนือ ตรงกลางเมืองมีพระเจดีย์องค์ใหญ่สีทองอร่าม เป็นที่บรรจุพระบรมสารีลิกธาตุอันมี ธาตุกระหม่อม ธาตุกระดูกพระอุระ ธาตุกระดูกข้อนิวมือของพระบรมศาสนา ถือเป็นเจดีย์สำคัญของนคร ที่ถูกสร้างขึ้นเมื่อ 3 รัชกาลก่อน
   เมื่อถึงประตูเมือง องค์อนันตราชมหาอุปราชแห่งหริภุญชัยทรงแสดงพระองค์ ทำให้พวกเราผ่านเข้าเมืองมาอย่างง่ายดาย สถานการณ์ตอนนี้ พระราชเทวีทรงสำเร็จราชการคุมเมือง คุมการเข้าอออกเมืองอย่างเข้มงวด เมื่อเข้ามาในเขตพระราชวังแห่งหริภุญชัย ด้วยที่เป็นนครหลวงมานานกว่า 600 ปีแล้ว พระราชวังโออ่า สง่างามสมเป็นเพชรยอดมงกุฎแห่งหริภุญชัย พวกเราถูกพักรอที่ท้องพระโรง มีเพียงองค์อนันตราชที่เข้าไปเฝ้า พระเจ้าศรีสุทโธทะราช เจ้าหลวงแห่งหริภุญชัยที่มีศักดิ์เป็นพี่ชายของอนันตราชที่กำลังพักรักษาพระองค์อยู่ในพระราชฐานชั้นใน

   “รายงานข่าวมาว่า หรรษวรมันยึดเมืองเขลางค์นครได้แล้วขอรับ  เจ้าพี่มอบสิทธิ์ขาดให้กระหม่อมจัดการปัญหาที่เขลางค์นครได้ขอรับ” องค์อนันตราชรายงานอาจารย์ธเนศวร
   “คงต้องยกกองทัพหลวงไปขอรับ” องค์ศศินธรเสนออาจารญ์ธเนศวร
   “เจ้าคิดอย่างไรปุณณวัชร” องค์ธเนศวรถามความเห็น
   “กระหม่อมว่าเรามีวิธีที่จะให้หรรษวรมันทิ้งเมืองขอรับ” องค์ปุณณวัชรเสนอ
   “เราต้องเตรียมกองทัพหลวงอย่างที่องค์ศศินธรเสนอขอรับ  เตรียมให้เอิกเกริก แล้วก็ต้องทำให้ข่าวที่องค์อุปราชอนันตราชเสด็จกลับถึงพระนครแล้วจะนำทัพออกไปเขลางค์นครด้วยองค์เองกระจายไปถึงเขลางค์นคร”
องค์ปุณณวัชรเสนออาจารย์เธเนศวร
“ประกอบกันนั้น ให้องค์สิงหพล เขียนพระราชสาสน์ถึง พระราชบิดา ให้ทำทีเตรียมกองทัพเพื่อที่จะยกมาช่วยหริภุญชัยโจมตีเขลางค์นคร แต่มิต้องยกออกมาจริงของรับๆ  แล้วทำกลอุบายให้พวกอีสานปุระจับได้ เมื่อวังหลังหรรษวรมันแป่งอีสานปุระรู้ ก็จะถอยทิ้งเมืองเขลางค์นครไปเองครับ
“ทำไมถึงยอมทิ้งเมืองไปง่ายๆล่ะ” องค์ศศินธรหันมาถาม
“คนฉลาดและหวาดระแวงอย่างหรรษวรมัน คงประเมินกำลังที่มีแค่นั้นและชาวเมืองส่วนใหญ่ไม่ได้ร่วมมือ หรรษวรมันคงดีดลูกคิดรางแก้วว่าได้ไม่คุ้มเสียขอรับ” เสียงองค์รังสิฑันธุ์เฉลยเหตุผล
“ครานี้เราได้เมืองคืนโดยมิต้องสูญเสียกำลัง เพียงใช้กลอุบายก็พอ” อาจารย์ธเนศวรสรุป
แล้วเหตุการณ์ก็เป็นไปดั่งคาด เมื่อวังหลังแห่งอีสานปุระ จับคนส่งสาสน์ได้ ก็รีบถอยกองกำลังของตนกลับลงไปอย่างรวดเร็ว  ทางหริภุญชัยไม่ได้สูญเสียเลือดเนื้อทหาร แต่กลับกันเหตุการณ์ครั้งนี้ ทำให้หริภุญชัยตื่นตัวและระวังภัยจากอีสานปุระมากขึ้น
เมื่อเหตุกาณณ์และสถานการณ์ดีขึ้น อาจารย์ธเนศวรก็พาพวกเราไปกราบพระธาตุคู่เมืองหริภุญชัย โชคดีที่ปลอดภัยกันทุกคน แม้ มิ่งเกษ กับ ลวจักร จะได้รับบาดเจ็บแต่ก็ไม่หนักหนามาก ตอนที่กำลังจะกลับจากวัดพรธาตุมายังวังหน้าของอนันตราชมีมหาดเล็กเข้ามารายงานข่าวกับองค์อนันตราช
“เห็นทีจะไม่ได้มีแต่อีสานปุระแล้วล่ะขอรับที่จะทำลายเรา” องค์อนันตราชบอกข่าวที่เพิ่งได้รับแก่อาจารย์ธเนศวร
“ทำไมฤา” อาจารย์ธเนศวรถามกลับ
“คนที่ไปสืบข่าวกลุ่มที่รอบสังหารเจ้าพี่กลับมารายงานว่าเป็นพวก หงสาวดีขอรับ” องค์อนันตราชตอบกลับอาจารย์ธเนศวร
“แปลว่า มอญกับขอม ร่วมมือกันหรือขอรับ” องค์ปุณณวัชรเอ่ยถามขึ้น
“ถ้างั้นอีสานปุระมาเพื่อเก็บเกี่ยวผมประโยชน์อย่างนั้นหรือขอรับ” องค์ศศินธรถามแทรกขึ้น
“คาดว่าอย่างนั้น” อาจารย์ธเนศวรตอบ..................







ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด