• ค ว ร คู่ กั น • ║ EP.10 - 03/03/20 ❤
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: • ค ว ร คู่ กั น • ║ EP.10 - 03/03/20 ❤  (อ่าน 8791 ครั้ง)

ออฟไลน์ CharmingAlisia

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 14
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: • ค ว ร คู่ กั น • ║ EP.7 - 27/08/19 ❤
«ตอบ #30 เมื่อ27-08-2019 02:04:05 »



CHAPTER 07 :: TURN BACK TIME





เสียงเครื่องยนต์ดับลงที่คอนโดผมยามตีสองเศษ ผมหันไปมองคนขับที่แม้จะแสดงสีหน้าเรียบเฉย แต่ผมก็มั่นใจได้ว่าเขาไม่ได้รู้สึกอย่างนั้น ก็แหงล่ะ พี่เขาเล่นขับรถจากสุราษร์ฏกลับมากรุงเทพฯ คนเดียวไม่ยอมให้เปลี่ยนมือทั้งที่ผมก็นั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้

เท่ห์ตายล่ะ

ขนาดผมที่นั่งเฉยๆ ยังโคตรล้าชนิดที่แค่บิดตัวกระดูกคงลั่น ส่งเสียงดังกร๊อบแกร๊บ  แล้วก็ไม่ใช่ว่าผมไม่พูดอะไรนะ ระหว่างทางผมอาสาออกตัวขอขับแทนอยู่หลายต่อหลายรอบ แต่พี่แกก็เอาแต่ทำหน้าดุ บอกปัดเสียงแข็ง

คนอะไรวะแม่ง โคตรดื้อด้าน

ใจจริงผมอยากขับไปส่งเขาก่อนมากกว่าด้วยซ้ำ เพราะนี่มันก็ดึกมากแล้ว กว่าจะส่งผมเสร็จ แล้วไหนจะต้องมานั่งรอแท๊กซี่กลับไปบ้านเขาอีกล่ะ ทำอะไรซ้ำซ้อน  แล้วใช่ว่าเวลานี้มันจะไปหาแท๊กซี่ได้ง่ายๆ หรอกนะ แต่พูดไปก็เท่านั้น เพราะเจ้าตัวไม่คิดจะฟัง ผมบอกให้ตายยังไงเขาก็ยังยืนยันจะมาที่คอนโดผมท่าเดียว

เฮ้อ งั้นก็เรื่องของเอ็งเลยครับไอ้คุณพี่!

อยากมาก็มา!

ไอ้เจ้าลูกรักจอมอึดถูกขับมาจอดสนิทที่ลานจอด พี่เกียรติเดินลงไปหยิบกระเป๋าเดินทางที่หลังรถให้ผมทั้งที่ผมไม่ได้เอ่ยขอ ผมก้มหัวขอบคุณแบบโคตรจะเกร็งใจเพราะรู้ว่าพี่เขาเหนื่อยมาก ผมเอื้อมมือหมายจะรับมันมาเข็นเองแต่พี่แกก็ยังไม่ยอมปล่อย เขาแค่หันไปกดล็อครถ ทำหน้ามึน จนเป็นผมเองที่เอ่ยปากถามขึ้นก่อน

“แท๊กซี่อยู่ตรงนู้น ให้ผมเดินไปส่งมั๊ย?”

“เดินนำไปที่ห้องสิ” พี่เขาไม่ตอบคำถาม แต่กลับออกคำสั่งแทน

“เห… พี่ว่าไงนะ”

“ฉันบอกให้เดินนำไปที่ห้อง” เขาทำเสียงดุ

“พี่จะไปห้องผมไมอ่ะ?”

“เดิน” สิ้นเสียงเขาก็ใช้มือข้างที่ว่างจากการเข็นกระเป๋าวางแหมะลงบนหัวผม มันไม่ได้น่ารักกุ๊กกิ๊งกิงก่องแก้วแบบที่คิดหรอกนะ ท่าทางมันเหมือนพวกนักกีฬาบาสเก็ตบอลหน้าโหดๆ ตอนหนีบลูกเอาไว้ด้วยมือเดียวนั่นแหละ เขาดันหัวผมไปด้านหน้าเป็นสัญญาณให้ออกเดิน

ผมทำปากคว่ำ ไม่ค่อยพอใจกับนิสัยเผด็จการนั่นเท่าไหร่ แต่ก็ยอมนำไปแต่โดยดี ผมเดินมายังอาคารเอที่ผมอาศัยอยู่ รปภ. โค้งทักทายตามปกติ  คอนโดของผมเป็นคอนโดภายใต้โครงการชื่อดังที่มีหลายสาขาในประเทศ ขึ้นชื่อเรื่องระบบที่ได้มาตรฐาน อยู่ในทำเลที่ดี เน้นทำห้องขนาดเล็ก ราคาเป็นมิตรกับคนเมืองที่อาศัยเพียงคนหรือสองคนต่อห้อง

 ผมกดลิฟท์มายังชั้นที่ 12 ก่อนจะเดินตรงไปที่ห้อง โดยข้างกายมีไอ้ผู้ชายตัวโตๆ ลากกระเป๋าเดินทางผมตามมาติดๆ

เราหยุดยืนที่หน้าห้อง 1208 ที่ผมอาศัยอยู่ ผมหันไปมองหน้าเขา ก่อนจะลอบถอนหายใจเมื่ออีกฝ่ายชี้นิ้วไปที่หน้าจอล็อคพาสเวิร์ด ผมยู่หน้า ขมวดคิ้วตึง  ก่อนจะเอามือป้อง แล้วรีบกดรหัสผ่านเร็วๆ ในท่าเดียวกับเวลาเบิกเงินที่ตู้เอทีเอ็มนั่นแหละ

ซึ่งไอ้พี่เกียรติคนดีก็มองตามหน้าสลอน ไม่ได้มีทีท่าเขินอาย หรือแสร้งทำเป็นหันหน้าหนีแต่อย่างใด หวังว่าพี่เขาคงมองตามไม่ทันหรอกนะ ไม่งั้นวันดีคืนดีผมโป๊อยู่ในห้องแล้วเขาทะเล่อทะล่าเปิดประตูมาเซอร์ไพรส์นี่ฉิบหายเลย

พอประตูเปิดออก ผมก็เดินเข้าไปในห้องโดยมีเขาตามเข้ามาด้วย ห้องแคบๆ ทำให้เรายืนชิดกัน ผมแอบเหล่มองเขา อยู่ดีๆ ก็รู้สึกใจไม่ดีขึ้นมานิดหน่อย

หรือว่าพี่มันตั้งใจจะค้างที่นี่วะ…

ถึงเราจะเคยนอนด้วยกันแล้วก็เถอะ…

แต่มึงก็ไม่ควรผิดผี ปล่อยเนื้อปล่อยตัวให้พี่เขานอนกอดอีกเป็นครั้งที่สองนะโว้ยไอ้เพน!

 

“รกเหมือนที่คิดไว้เลย”

หะ… ผมอ้าปากค้าง แล้วหันไปมองสภาพห้องตัวเองเพื่อเช็คให้แน่ใจ

สาบานได้เลยว่า ณ เวลานี้มันอยู่ในจุดที่ดูดีที่สุดในบรรดาห้องทั้งหมดในชีวิตผมแล้ว…

“รีบพักผ่อนซะ”

เขาพูดเสียงเรียบ แล้ววางกระเป๋าผมไว้ตรงหน้าทางเดิน ก่อนจะเดินหันหลังไปที่ประตู

เดี๋ยวนะ บทจะมาก็มา บทจะไป ก็ไปง่ายๆ งี้เลยเหรอวะ

พอเห็นว่าเขาจะไปจริงๆ และประตูบานนั้นกำลังจะถูกปิดลง ผมก็กำมือตัวเองแน่นเพื่อเรียกสติ สมองสั่งการให้ผมอ้าปากเร่งเค้นคำพูดออกมา “ขอบคุณมากนะครับพี่”

เขาหันหลังมามองผมก่อนจะพยักหน้า ถ้าผมตาไม่ฝาดไปดูเหมือน ตาจิกๆ ปากเบะๆ นั่นจะแอบยิ้มนิดนึงด้วยล่ะ “อื้อ”

สิ้นเสียงนั้นประตูห้องผมก็ปิดลง

รู้ตัวอีกทีก็รู้สึกโหวงเหวงแบบบอกไม่ถูก เหมือนมีอะไรบางอย่างมาจิ้มจึกๆ ในใจ คงเป็นเพราะปกติผมมักจะทำอะไรด้วยตัวเองมาตลอด พอมีคนมาช่วยเหลือเยอะๆ เลยรู้สึกเกรงใจแปลกๆ

น่าตลกที่ตอนแรกผมแอบกลัวเขาจะค้างด้วย แต่ตอนนี้กลับเป็นผมที่อยากจะเดินตามเขาไปซะอย่างนั้น ผมรู้ว่าเขาไม่ใช่เด็กตัวเล็กๆ ที่ต้องมาให้เป็นห่วง แต่ก็แอบกังวลอยู่ดี คงเพราะมันดึกแล้ว ผมไม่รู้ว่าเขาจะหาทางไปรอแท๊กซี่เจอมั๊ย? หรือต้องรอรถคนเดียวนานรึเปล่า?

ว่าแต่ว่าสรุปแล้วเขาแค่ต้องการจะมาส่งผมให้ถึงห้องเองหรอกเหรอวะเนี่ย

เวลาปกติก็ดุอย่างกับหมา แต่พอบทจะดีก็ดีใจหาย

มันมีด้วยเหรอวะคนแบบนี้อ่ะ

 

 .

 .







กว่าผมจะตื่นก็ปาเข้าไปเกือบจะบ่ายโมง สัมผัสนุ่มๆ ของผ้าห่มผืนหนา กับแอร์เย็นฉ่ำ ทำให้ผมหลงใหลการกลิ้งตัวไปมาบนเตียงกว้างเป็นที่สุด

วันนี้เป็นวันเสาร์ ฤกษ์งามยามดีที่ทำให้กายใจผมเบาสบายเหมือนติดปีก

แต่อยู่ดีๆ ก็พลันคิดถึงใบหน้าคนที่แบกสังขารมาส่งเมื่อคืนตะหงิดๆ

ไม่รู้ว่าป่านนี้พี่เขาจะฟื้นรึยัง… ให้ประเมินคร่าวๆ กว่าจะกลับไปถึงบ้านอย่างเก่งเลยก็ต้องมีตีสาม…

คิดไปคิดมาผมก็คว้ามือถือขึ้นมากำ เลื่อนนิ้วไปแสกนเพื่อปลดล็อค จ้องหน้าจอที่ส่องสว่างขึ้นมาอยู่ครู่นึงถึงจะนึกขึ้นได้

ผมไม่มีไลน์เขานี่หว่า…

ไม่สิถ้าพูดให้ถูกต้องบอกว่า ผมไม่มีช่องทางติดต่อเขาเลยสักอย่าง…

อยู่ด้วยกันทั้งวัน เสือกดันลืมขอได้ไงวะ…

เฮ้ออ ช่างแม่ง!

ผมเปลี่ยนไปเช็คการแจ้งเตือนทั่วไปแทน มีข้อความทักเข้ามาเต็มไปหมด ทั้งจากเพื่อน จากลูกค้า หรือไม่ว่าจะเป็นพวกขาจรที่เที่ยวมาขายขนมจีบ ผมเลือกตอบเฉพาะคนสนิท ส่วนที่เหลือก็ไม่แม้แต่จะกดเข้าไปอ่าน ผมมันเป็นประเภทชอบทำเนียนแกล้งตายเป็นปกติอยู่แล้วใครก็รู้

ว่าแต่เดี๋ยวนะ… เกือบลืมไปซะสนิทเลย…

Tale of War ไงล่ะ

เมื่อคิดขึ้นได้ผมก็เลื่อนนิ้วไปกดโหลดเกมที่อยากเล่นมาตั้งแต่เมื่อวาน รออยู่พักนึง จนเห็นไอ้แถบยาวๆ โชว์ว่าครบ 100% แล้ว ก็รีบกดเข้าเกมในทันที

ผมมองหน้าจอสีดำสนิทที่ค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นภาพอนิเมชั่นสุดล้ำ แม้กราฟฟิคจะดูอลังการขึ้นตามยุคสมัย แต่มันก็ยังหลงเหลือกลิ่นอายเก่าๆ เอาไว้ไม่น้อย

ให้ตายเถอะ แม้แต่ซาวน์ประกอบที่ใช้ยังเป็นเพลงเดิมกับเมื่อสิบปีที่แล้วเลยว่ะ…

ตึกตัก ตึกตัก

ใจผมสั่นระรัวไม่เป็นจังหวะ อยู่ดีๆ ภาพเก่าๆ ก็ย้อนกลับเข้ามาในหัว ไม่ว่าจะเป็นบ้านไม้โทรมๆ กับคอมพิวเตอร์เครื่องแรกในชีวิตที่พ่อเคยซื้อให้ หรือภาพตัวเองตอนสมัยยังหน้าตาอุบาด ที่วันๆ เอาแต่นั่งจดจ่ออยู่ที่หน้าจอคอม

ใครจะเชื่อว่าสิบปีผ่านไปเราจะย่อทุกอย่างเอาไว้แค่ในมือถือเครื่องเดียววะ นับว่าเด็กสมัยนี้แม่งโชคดีมากๆ ที่สามารถเล่นของพวกนี้ได้ทุกที่ทุกเวลา…

โคตรน่าอิจฉา… แต่ก็น่าเสียดายในเวลาเดียวกัน ที่พวกเขาพลาดความรู้สึกที่ได้จากการรอคอย…

ทำไมน่ะเหรอ?

ใครจะหาว่าผมบ้าก็ได้นะ เพราะพอมองย้อนกลับไปผมแม่งก็บ้าจริงๆ นั่นแหละ สมัยก่อนทุกวันผมจะตื่นตั้งแต่ตีสี่ แอบย่องลงมาเล่นคอม เพื่อออนรอใครอีกคนที่อยู่กันคนละซีกโลกเลิกเรียน เราพูดคุยเล่นกันสนุกมือจนลืมเวลา แม้จะยังติดลม ไม่อยากเลิกมากแค่ไหน แต่เจ็ดโมงเช้าก็เป็นอันต้องยุติ เพื่อเตรียมตัวไปโรงเรียน และนั่นก็อาจจะเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ว่าทำไมผมในวัยเด็กถึงได้เกลียดโรงเรียนนักหนา

ทุกครั้งที่คอมพิวเตอร์เครื่องนั้นถูกปิด โลกของผมและใครอีกคนก็ถูกปิดลงด้วยเช่นกัน เราจะย้อนกลับมาเจอกันใหม่ในยามเช้าที่เขาตื่น กับผมที่เตรียมตัวจะเข้านอน

ถ้าบอกว่าผมบ้า ใครอีกคนก็คงจะบ้ามากไม่ต่างกัน

เพราะเราทั้งคู่ทำแบบนี้ทุกวันอยู่เกือบจะสองปีเต็มๆ

เด็กหนอเด็ก คิดแล้วก็ตลกฉิบหาย

ว่าแต่ว่า ผมเดาไม่ออกเลยหว่ะ ว่าตอนนี้พี่จะอยู่ที่ไหนบนโลกกันแน่วะ พี่ปลาวาฬ…

ไอ้ผู้ชายคู่เวรคู่กรรมที่นั่งรอผมออนทุกเช้าเย็นคนนั้นอายุมากกว่าผมถึง 5 ปี ตอนนี้ก็ต้อง 28 ได้แล้วสินะ

อยู่ในวัยผู้ชายเต็มตัว… ผมมั่นใจมากว่าเขาในวันนี้จะต้องหล่อ และ เท่ห์มากแน่ๆ เพราะขนาดเขาในวัยละอ่อน ที่ผมทำได้แค่ซึมซับความเป็นเขาผ่านตัวหนังสือ กับรูปภาพไฟล์แตกๆ ผมยังหลงเขาเป็นบ้าเป็นผี ใจนี่เหลวเป็นน้ำต้มโจ๊ก เขาไม่ใช่คนที่หล่อแค่ภายนอก แต่ทัศนคติภายในยังดีมากๆ

ผมแอบสงสัยว่าพี่เขาจะกลับมาอยู่ที่ไทยรึยัง หรือว่าจะตัดสินใจลงหลักปักฐานอยู่ที่เมืองนอกไปแล้ว

ไม่รู้ว่าป่านนี้พี่เขาจะเจอคนที่ใช่คนนั้นแล้วรึยัง…

หรือไม่แน่ก็อาจจะแต่งงานกลายเป็นพ่อคนไปแล้วก็ได้…

มันมีคำถามอยู่มากมายเต็มไปหมด

เพียงแค่คิดถึงเขาอยู่ๆ ใจมันก็สั่นหวิวแปลกๆ

มันคงเป็นความรู้สึกอะไรสักอย่างที่อัดอั้นอยู่ภายในล่ะมั้ง…

ถ้าลองมองย้อนดูจะพบว่าความสัมพันธ์ระหว่างผมกับเขามันทั้งเปราะบางและซับซ้อน

สาบานได้เลยว่าทั้งชีวิต ผมไม่เคยทุ่มเทให้ใครมากขนาดนี้มาก่อน

ไม่เคยเฝ้ารอ ไม่เคยเป็นห่วง และไม่เคยให้ใจใครมากเท่าคนคนนี้

ส่วนฝ่ายนั้นน่ะเหรอ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาเป็นผู้ชายในอุดมคติของใครหลายๆ คน การที่คนแบบเขายอมทำอะไรเพื่อผมมากขนาดนี้ ก็ทำให้โคตรจะมั่นใจเลยว่า เขาเองก็รู้สึกลึกซึ้งกับผมไม่ต่างกัน

ราวกับเป็นเรื่องตลกร้าย คนสองคนชอบกันมากๆ ทุ่มทั้งเวลาทั้งใจให้กันแบบไร้สติ แต่สุดท้ายมันก็แลกได้แค่ความว่างเปล่า ในความเป็นจริงแล้ว เราทั้งคู่ต่างไม่มีตัวตนในชีวิตจริงๆ ของกันและกัน เลยด้วยซ้ำ

คิดแล้วก็ดาวน์หว่ะ ทั้งๆ ที่ผมเป็นคนเลือกให้ผลลัพธ์มันออกมาหน้านี้เองแท้ๆ แต่ผมก็ยังรู้สึกเสียใจ

แต่ถ้าถามว่า หากสามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขอดีตได้ ผมจะเลือกไม่ทำมันมั๊ย? ผมก็มั่นใจล้านเปอร์เซ็นต์เลยว่าไม่

ผมเป็นคนเลว ที่กล้าพูดได้เต็มปากว่าความผิดที่ตัวเองได้ทำลงไปมันโคตรจะคุ้มค่า ผมไม่อยากจะแก้ไขอะไรทั้งนั้น

การที่ได้รู้จักเขา ได้มีช่วงเวลาดีดีด้วยกัน มันเป็นอะไรที่วิเศษมาก และผมก็มั่นใจมากๆ ด้วยว่า ถ้าวันนั้นผมไม่โกหก ผมจะไม่ใช่แค่ไม่สูญเสีย แต่ผมจะไม่มีวันได้รับสิ่งเหล่านั้นเลยต่างหาก…

เฮ้อ… เลวสัสเลยครับตัวกู

ผมซุกหน้าลงกับมือถือ ปล่อยให้ทำนองเพลงที่คุ้นหูขับกล่อมตัวเองอยู่เนิ่นนาน สภาพผมแม่งอย่างกับคนบ้า แค่กูจะเปิดเกมเล่นเสือกมานั่งฟูมฟายเหี้ยอะไรกับอดีตที่ผ่านมาแล้วนานชาติก็ไม่รู้

ตัวตนจริงๆ ผมเป็นใครพี่เขายังไม่รู้เลย

แถมป่านนี้ไอ้พี่ปลาวาฬนั่นก็อาจจะแต่งงานมีลูกเป็นฝูงไปแล้วก็ได้

เลิกเพ้อเจ้อเหมือนพวกพี้ยาเห็นภาพหลอนได้แล้วโว้ยไอ้เพน!

ผมสบัดหัวแรงๆ อยู่หลายทีจนคอแทบเคล็ด ก่อนจะยกมือถือขึ้นมากดเริ่มเกม แต่แล้วสิ่งแรกที่ปรากฏกลับกลายเป็นคำถามที่ทำให้ผมต้องชะงักไปครู่นึง

What is your name?

หืม… ผมเต๊าะลิ้น พลางมองแป้นพิมพ์ที่เด้งขึ้นมาโดยอัตโนมัติ

จะใช้ชื่อเชี่ยไรดีวะ…

แม้จะพยายามนึกอยู่นาน แต่สมองขี้เลื่อยของผมมันก็กรวงซะเหลือเกิน การจะมาริเริ่มอะไรใหม่ๆ แม่งก็พาลแต่จะปวดหัว สมองสิ้นคิดเลยตัดปัญหา สั่งการให้นิ้วแตะชื่อเก่าชื่อเดิมที่เคยใช้เมื่อสิบปีที่แล้วลงไป

PenPenRocksTheWars

 

 +++++++++++++++++++++++++


เกมมาแล้วววววว คิคิ แอบเดากันต่อได้รึยังคะ 5555555555
ช่วยเม้นหน่อยน้าคะ จะได้มีแรงมาต่อเร็วๆ <3
ถ้าอ่านมาถึงตรงนี้อาจรู้สึกว่าเพนเวลาทำงานก็โหมดนึง
เวลาส่วนตัวก็โหมดนึงเนอะ :3 


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-08-2019 02:11:13 โดย CharmingAlisia »

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
Re: • ค ว ร คู่ กั น • ║ EP.7 - 27/08/19 ❤
«ตอบ #31 เมื่อ27-08-2019 23:35:41 »

กลับไปเจอกันในเกมแน่ๆ,,,

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: • ค ว ร คู่ กั น • ║ EP.7 - 27/08/19 ❤
«ตอบ #32 เมื่อ28-08-2019 00:00:37 »

เจอกันในเกมแน่เลย ยิ่งใช้ชื่อเดิมอีก  :ling2:

ออฟไลน์ ลูกกุญแจ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-2
Re: • ค ว ร คู่ กั น • ║ EP.7 - 27/08/19 ❤
«ตอบ #33 เมื่อ28-08-2019 00:40:00 »

เอาแล้วววววว

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
Re: • ค ว ร คู่ กั น • ║ EP.7 - 27/08/19 ❤
«ตอบ #34 เมื่อ28-08-2019 08:26:30 »

เกมส์ คือคิวปิด

ออฟไลน์ darinsaya

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
Re: • ค ว ร คู่ กั น • ║ EP.7 - 27/08/19 ❤
«ตอบ #35 เมื่อ28-08-2019 09:27:35 »

 :ruready :ruready

ออฟไลน์ CharmingAlisia

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 14
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: • ค ว ร คู่ กั น • ║ EP.8 - 08/09/19 ❤
«ตอบ #36 เมื่อ08-09-2019 16:26:18 »









CHAPTER 08 :: RETURN










         (เพนเพนจังงงง ใกล้ถึงรึยางงง? น้องหิวจะแย่แล้วน้า)

         คงเป็นเวรเป็นกรรมของผมเอง อุตส่าห์ตั้งท่าจะเล่นเกมซะดิบดี ทนอ่านคำอธิบายเกมงกๆ เป็นสิบนาที แต่ยังไม่ทันจะได้เริ่มสนามจริง ก็โดนไอ้น้องสาวตัวแสบโทรตามซะได้ จริงๆ ผมก็นัดกับน้องมันไว้ก่อนแล้วแหละ แต่ไอ้ผมดันลืมไปซะสนิท พอโดนเร่งยิกๆ เลยต้องกดออกอย่างจำยอม แล้วรีบถ่อสังขารมาหาพวกมันที่บ้าน

         “รอแป็บนึง จะถึงแล้ว ถ้าทนไม่ไหวก็กินหูไอ้พีรองท้องไปก่อน”

         (ยี๊ไม่อาวหรอก พีมันตัวแข็งอย่างกับหิน ยิ่งช่วงนี้มันซ้อมบอลหนัก ทั้งถึกทั้งดำ กัดเข้าไปฟันแพรร่วงหมดปากพอดี ถ้าตัวขาวๆ นุ่มๆ แบบเพนจังก็ว่าไปอย่าง แพรจะเคี้ยวงุบๆ ให้หมดตัวเยย)

         (เดี๋ยวแพร เมื่อกี้มึงว่าไงนะ? นี่มึงหาว่ากูทั้งถึกทั้งดำเหรอ!) เสียงห้าวของเด็กผู้ชายที่กำลังแตกเนื้อหนุ่มดังแทรกขึ้น

         (ก็ใช่น่ะสิ ฉันก็พูดอยู่เต็มปาก หูหนวกรึไงทำมาเป็นถามซ้ำ)

         (อิ… อีแพร!)

         “เฮ้ย เดี๋ยวใจเย็นๆ อย่าเพิ่งทะเลาะกัน” ผมรีบร้องห้ามเมื่อดูท่าสถานการณ์จากฝั่งปลายสายจะไม่ค่อยดี แต่ไอ้พวกน้องเวรนี่ก็หาได้ฟังผมไม่

         (เรียกชื่อเพื่อ? ทำไม แกคิดว่าแกจะทำอะไรฉันได้รึไง?)

         (หนอยแน่ ยัยบ้า!....)

         “นี่! พี่บอกให้หยุดทะเลาะกันเดี๋ยวนี้ ข้าวอ่ะจะกินไหม!?” ผมใช้เรื่องข้าวเข้ามาอ้าง ปลายเสียงนั้นเงียบไปพักนึง ตอนแรกก็ดีใจนึกว่าน้องมันยอมฟังแล้ว แต่ที่ไหนได้ น้ำเสียงโหยหวนที่ลอดผ่านสายเข้ามาทำให้ผมต้องเปลี่ยนความคิดใหม่

         (แอร๊กก แกจะทำอย่างนี้กับฉันไม่ได้นะโว้ย นังปีศาจ!)

         เวรกรรม…

         บ้านนี้ผู้หญิงคุมของแท้…

         (เพนจัง รีบๆ มานะจ้ะ แพรกับพีรออยู่)

         “เอ่อ… จ้ะ”

         ใจจริงก็ไม่ได้อยากจะมา จ้ะ เจ้อะ อะไรหรอกนะ แต่น้ำเสียงสยองขวัญของมันทำให้ผมต้องตอบออกไปแบบนั้น บรื๋ออ แค่ได้ยินก็ขนลุกสัส

          (งั้นแพรขอไปจัดการเรื่องส่วนตัวก่อนนะจ้ะพี่จ๋า จุ๊บ)

         พูดแค่นั้นปลายสายก็ตัดไป ทิ้งไว้แค่ผมที่รู้สึกอาลัยอาวรไอ้พีเป็นอย่างมาก หวังว่ามันจะรักษาชีวิตรอดมาแดกข้าวกับผมได้นะไอ้น้องรัก

         ผ่านไประราวยี่สิบนาที ผมก็มาถึงที่หมาย บ้านของผมอยู่ในเขตชานเมือง พื้นที่แถวนี้ค่อนข้างเงียบสงบ ผิดกับบริเวณคอนโดที่ผมพักอาศัยเป็นอย่างมาก ปกติแล้วผมจะพยายามกลับบ้านอย่างน้อยเดือนละครั้ง แต่พักหลังๆ ค่อนข้างเหนื่อยสะสมจากการทำงาน พอวันหยุดก็อยากนอนเฉยๆ หรือไม่ก็ทำความสะอาดห้องมากกว่า เลยกลายเป็นว่ากว่าผมจะกลับบ้านสักทีก็เว้นไปสองสามเดือน 

         จะว่าไปก็คิดถึงอยู่เหมือนกัน

         ผมจอดรถลงที่หน้าบ้าน ก่อนจะเดินไปเปิดประตูรั้วเหล็กเก่าๆ ที่สนิมเกาะกินจนเขรอะกรัง ทันทีที่มันถูกเปิดออก เสียงเอี๊ยดแอ๊ดแสบแก้วหูก็ทำให้ผมเผลอเบ้หน้าไม่ชอบใจนัก ผมปิดมันลงช้าๆ ก่อนจะเดินเข้าไปยังตัวบ้านไม้หลังเก่า สภาพทรุดโทรมและผุพังของสิ่งปลูกสร้างอายุเกือบร้อยปี ทำให้มันดูน่ากลัวอยู่ไม่น้อย

         “พี่มาแล้ว” ผมเอ่ยเรียกน้องทั้งคู่พลางมองเข้าไปในตัวบ้าน ขวดเหล้าเบียร์เรียงยาวตั้งแต่หน้าประตูไปยันด้านใน บ้างก็วางระเกะระกะอยู่บนพื้นบ้าน กลิ่นแอลกอฮอล์เหม็นหึ่งไปทั้วบริเวณ ผมพยายามกวาดสายตาตามหาต้นตอของกลิ่น ถึงแม้จะรู้ว่าเป็นใครแต่ก็อยากรู้ว่าอาการตอนนี้เป็นยังไงบ้าง

         หมับ

         ผมเผลอสะดุ้งโหยงจากสัมผัสปริศนา ทันทีที่หันขวับไป ก็พบเจ้าเด็กแก่นแก้วหน้าตาน่ารักกำลังกอดตัวผมเอาไว้แน่น ริมฝีปากสีสดคลี่ยิ้มแฉ่งจนเป็นผมเสียเองที่เลื่อนมือไปดีดหน้าผากมนเบาๆ

         “มาไม่ให้สุ้มให้เสียง ตกใจหมด”

         “แพรก็ตั้งใจให้พี่เพนตกใจอยู่แล้วนี่นา”

         เสียงหวานเอ่ย พลางหัวเราะคิกคัก แล้วซุกหน้าลงกับไหล่ผมเหมือนเด็กตัวเล็กๆ กลับมาครั้งนี้ผมรู้สึกได้เลยว่าแพรตัวโตขึ้นเยอะมาก อีกนิดก็จะสูงเท่าผมอยู่แล้ว

         “พี่เพนกลับมาแล้วเหรอครับ” เสียงแหบห้าวดังมาจากด้านหลัง ก่อนที่เด็กชายตัวโตจะโผเข้ามากอดเอวผมเอาไว้เช่นกัน คราวนี้เป็นพีระ น้องชายที่อายุห่างจากผมถึงเก้าปีแต่กลับตัวโตกว่าผมไปเยอะแล้ว

         นี่ชักสงสัยว่าแม่ให้กินอะไร ทำไมไอ้เด็กพวกนี้มันโตกันเร็วจริง

         “พี มึงโตเป็นควายแล้วยังจะมากอดพี่เพนแบบนั้นอยู่อีก รู้จักอายบ้างมั๊ย?” ยัยแพรแหวเสียงแหลม พลางฟาดมือลงบนท่อนแขนใหญ่ดังป้าบจนผมแอบเหวอ

         “กูก็อายุเท่ามึงนั่นแหละ ถ้ากูเป็นควายมึงก็เป็นควายไม่ต่างกับกูหรอกอีแพร” คราวนี้พีออกปากสู้บ้าง

         “มึงว่ากูเหรอไอ้พี! ก่อนจะพูดอะไรมึงช่วยเอากระจกส่องหน้าตัวเองหน่อยดีมั๊ยว่าสารรูปมึงอ่ะ ถึกทึนแค่ไหนเสือกกระแดะจะมาเล่นบทเดียวกับกู” ยัยแพรแหกปากสิบแปดหลอดจนหูผมแทบหนวก ไม่วายยังดึงร่างผมเข้าไปกอดไว้แน่นเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ

         “ดะ… เดี๋ยวสิ ใจเย็นๆ อย่าทะเลาะกัน”

         ผมพยายามพูดห้าม แต่ก็ไม่เป็นผล พีกัดฟัน แยกเขี้ยวใส่อีกฝ่าย ใบหน้าเด็กน้อยเมื่อครู่กับกลายเป็นบึ้งถมึงทึงเหมือนพวกหมาพิทบลู

“หนอย แล้วมึงคิดว่ามึงน่ารักตายล่ะอีเวร แหวะ กระแดะ พี่เพนเป็นของกูโว้ย” พูดเสร็จ ไอ้พีก็กระชากตัวผมไปทางมัน แขนใหญ่ๆ รัดร่างผมซะกระดูกเคลื่อนผิดรูป มันส่งเสียงดังกร๊อบ จนน้ำตาผมแทบไหล

ไอ้น้องเวร เล่นเหี้ยไรไม่ดูสังขารพี่มึงมั่งเลย ไอ้จั๊ดง่าว! นี่ถ้าผมอายุมากกว่านี้อีกนิด รับรองว่างานนี้ต้องนอนแอดมิทให้หมอเอาเฝือกมาปรับรูปกระดูกแน่ๆ

“ของกู!”

“ของกูเฟ้ยย!”

“หยุดดดดดด!” ผมร้องเสียงดัง แล้วรีบสะบัดตัวเหมือนปลาสวายที่ติดเบ็ดแล้วเค้นแรงเฮือกสุดท้ายดีดกายเพื่อเอาชีวิตรอด พอหลุดไปได้ก็กระเด้งตัวเว้นระยะห่างสามสี่ก้าวไปหยุดหอบหายใจถี่ จิกตามองไอ้เด็กเวร บ้าพลัง ด้วยแววตาเข่นเขี้ยว

“พี่เพนไม่ชอบไอ้พีใช่มั๊ย? ด่ามันให้รู้สึกตัวสักทีน้องรำคาญ” แพรไหมหันมาพูดหน้าตาย ไม่รับรู้ถึงความผิดของตัวเองเลยแม้แต่น้อย ผมมองตามหน้าเหยเก ก่อนจะยกมือสองข้างขึ้นกุมขมับ

โอ๊ย เกิดเป็นไอ้เพนนี่ปวดหัวจริงโว้ย ลูกค้าก็เป็นบ้าทนฟังมันหน่อยยังได้ตังค์ แต่น้องเป็นบ้านี่สิ กูทนไปเพื่ออัลไล

“พอๆ เลิกทะเลาะกันสักที จะกินไหมข้าวอ่ะ?”

 “กินนนน” พอได้ยินดังนั้นเจ้าเด็กทั้งสองก็ตอบประสานเสียงอยู่ๆ ก็ฮึกเหิม สามัคคีกันขึ้นมาทันตา ผมที่ห้ามศึกอยู่ครู่ใหญ่ถึงกับอึ้งกิมกี่ ยัยแพรรีบเดินไปอุ้มกล่องใบโตที่อุตส่าห์เก็บรักษาแทนผมมาพักใหญ่ไว้แนบอก ส่วนไอ้พีก็ลูบหลังผมเป็นเชิงเร่งให้เดินไปที่รถ

“เดี๋ยวสิ แล้วแม่ล่ะ?” ผมหันไปถาม

“ยังนอนอยู่เลย” พีระตอบหน้าตาย

เดี๋ยว… นอนยังไงวะ นี่มันจะบ่ายสามแล้วนะ

“แล้วเขาจะตื่นมากินข้าวกินปลาเมื่อไหร่? เดี๋ยวตื่นมาไม่เจอใครจะตกใจรึเปล่า?”

         “โหยพี่ ช่างแม่เถอะ ไม่เป็นไรหรอก เขาก็ตื่นเย็นเป็นปกติอยู่แล้ว พอตื่นมาก็ไม่เคยได้คุยกันหรอก แต่งหน้าแต่งตัวแป็บเดียวเดี๋ยวแม่ก็ออกไปข้างนอกแล่ว” ยัยแพรตอบหน้านิ่ง จนผมเดาไม่ออกว่ามันมีความรู้สึกประมาณไหนแฝงอยู่ในคำพูดเหล่านั้นมั่ง

         “เหรอ…”

         “อื้อ ไปกันเถอ แพรหิวแล้ว” พูดเสร็จเธอก็เอื้อมมือไปลูบท้องตัวเองป้อยๆ จนผมเผลอเอามือไปลูบหัวเจ้าเด็กทั้งสองเบาๆ

         “งั้นเราก็ไปกันเถอะ” ผมพาน้องทั้งสองขึ้นมานั่งในรถ แพรเดินไปวางกล่องใบใหญ่ลงที่เบาะหลังเป็นอันดับแรก ส่งผลให้ที่นั่งข้างคนขับถูกแย่งไปโดยเจ้าพีเป็นที่เรียบร้อย พีส่งยิ้มสะใจไปให้ฝาแฝด ทั้งสองจ้องกันอย่างเข่นเขี้ยวจนผมไม่รู้จะห้ามทัพมันยังไง เลยปล่อยมันกัดกันไปตามประสา แล้วขับรถมุ่งตรงไปยังห้างสรรพสินค้าชื่อดัง

         ทันทีที่ขับมาถึงไอ้เด็กสองตัวก็พากันเกาะแขนผมซ้ายคน ขวาคนเหมือนลูกลิง ซึ่งผมก็ไม่ได้ว่าอะไร ทั้งคู่เถียงกันเรื่องเมนูอาหารที่ตนอย่างกิน ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกัน จนผมล่ะโคตรปวดหัว อยากจะขอยาดมยาหม่อง

         “แพรอยากกินชาบู”

         “แต่ผมอยากกินปิ้งย่าง”

         “ชาบู!”

         “ปิ้งย่าง!”

         ผมยกสองมือขึ้นกุมขมับ มันจะมีวิธีอะไรบ้าง ที่ผมสามารถใช้จัดการกับไอ้ตัววุ่นวายสองตัวนี้ได้มั่งวะเนี่ย 

“ลองซูชิมั๊ย? มันมีร้านใหม่เพิ่งมาเปิด พี่ดูรีวิวมาเขาว่าดีอยู่นะ”

         “พี่เพนอยากกินเหรอ เอาๆๆ”

         “ผมก็อยากกินซูชิ”

         อยู่ดีๆ ไอ้ลูกลิงสองตัวก็พยักหน้าระรัวอย่างเห็นด้วย ผมเผลอถอนหายใจเบาๆ ทั้งหน่ายใจทั้งเอ็นดู เมื่อได้ข้อตกลงแล้วผมก็พาเจ้าดื้อทั้งสองไปยังร้านอาหารที่ว่า

         เจ้าสองหน่อผู้หิวโหยสั่งอาหารกันแหลกลาน โชคดีที่เป็นร้านบุฟเฟ่ต์ไม่อย่างนั้นมีหวังผมได้กระเป๋าตังค์ฉีกก่อนถึงสิ้นเดือนแน่ๆ อาหารจำนวนมากถูกนำมาเสิร์ฟจนเต็มโต๊ะ ผมกินนู่นกินนี่อย่างสบายใจโดยไม่ต้องกังวลว่ามันจะเหลือ เพราะสองคนนี้น่ะเด็กกำลังโต กินกันเหมือนติดเทอร์โบเลยทีเดียว

         เจ้าเด็กสองตัวส่งเสียงเจื้อยแจ้ว ผลัดกันเล่าเรื่องของตัวเองให้ผมฟังยกใหญ่ เป็นเพราะผมไม่ค่อยว่างมาเจอน้องมาเป็นเดือน เรื่องที่คั่งค้างไว้เลยมีเยอะเป็นพิเศษ ผมฟังอย่างเอ็นดู การได้รับรู้การเติบโตของเจ้าดื้อทั้งสองเป็นเรื่องที่ผมฟังเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ

         ผมอดที่จะชื่นชมไม่ได้ เด็กสองคนนี้เป็นเด็กน่ารัก และมีพลังมากกว่าผมในวัยเดียวกันแบบเทียบกันไม่ได้เลย ผมในตอนนั้นวันๆ เอาแต่สนใจเรื่องเกม เงียบๆ หงอยๆ ไม่มีเพื่อน ไม่กล้าเข้าสังคม หรือทำกิจกรรมอะไรมากนัก วันๆ สักแต่ไปโรงเรียนเพื่อนั่งโง่ๆ ให้หมดวันแล้วรีบกลับบ้าน

         แต่แพรน่ะเหรอ ไม่ใช่แค่เรียนดีนะ แต่เธอยังเป็นถึงนักร้องสาวตัวท็อปของฝั่ง ม. ต้นด้วย ส่วนพีเองก็เป็นนักกีฬาโรงเรียน ทั้งคู่ถือว่าเป็นที่ชื่นชมของคนทั้งสถาบันเลยก็ว่าได้ ทั้งๆ ที่ผมกับแม่ก็ไม่ค่อยมีเวลาได้ดูแลน้องอย่างใกล้ชิด แต่ก็ต้องยอมรับว่าเจ้าเด็กพวกนี้ฉลาดคิด และใฝ่ดี จนผมเองก็อดจะภาคภูมิใจไม่ได้

         “อาจารย์บอกว่าปีนี้ไม่แน่เขาอาจจะส่งผมเป็นตัวแทนโรงเรียน ไปแข่งเทควอนโด้จังหวัดด้วยล่ะ ตอนนี้เขากำลังเลือกๆ อยู่” พีพูดไปยิ้มไป พลางคีบแซลม่อนชิ้นโตขึ้นมาเคี้ยว

         “เก่งจังเลยนะ”

         “ไม่ขนาดนั้นหรอกพี่เพน เขาอาจจะไม่ได้เลือกผมก็ได้”

         “แต่พี่เชื่อว่าพีต้องทำได้แน่ๆ สู้ๆ นะครับคนเก่งของพี่” 

         ผมเอื้อมมือไปลูบหัวน้องชายตัวแสบ ส่วนพีก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เขาเอาหัวถูมือผมไปมาเหมือนลูกหมาขี้อ้อน แม้ภายนอกเจ้าสองคนจะยืนกรานว่าอยู่กันเองแบบนี้ชิลๆ อิสระดี สบายมาก แต่ลึกๆ พวกเขาก็ต้องการความอบอุ่นอยู่ไม่น้อย

         ผมนั่งคุยกับน้องจนเวลาผ่านไปชั่วโมงกว่า พอทุกคนอยู่ในภาวะอิ่ม บทสนทนาก็เริ่มเว้นช่วง อยู่ดีๆ มือถือของผมก็สั่นขึ้น ผมหยิบขึ้นมาดูก็เห็นแอพลิเคชั่นเกมออนไลน์ที่ผมเพิ่งโหลดมาเมื่อเช้าแจ้งเตือนอะไรสักอย่าง ผมกดตกลงรัวๆ ทั้งที่ยังไม่ได้อ่าน เกือบจะเก็บมันลงกระเป๋าไปแล้วแต่ข้อความบางอย่างก็เด้งขึ้นมา ผมตัวชะงักกึก เบิกตาค้างราวกับไม่เชื่อสายตาตัวเอง

         You and Plawhale ORCA are friends now, Let’s talk to each other.

หลังจากที่ผมกดรับเพื่อนไปแบบมั่วๆ ซั่วๆ จุดสามจุดที่บ่งบอกว่าอีกฝ่ายกำลังพิมพ์ข้อความอะไรบ้างอย่างก็เด้งขึ้นมาทันที ราวกับว่าอีกฝ่ายกำลังกำมือถือรอเวลานี้อยู่แล้ว ผมเผลอกลืนน้ำลายดังอึก อกข้างซ้ายบีบระรัว เลือดลมสูบฉีดรุนแรง เนื้อตัวสั่นเทิ้มเหมือนจะช็อกตายได้

         Plawhale ORCA :: โตขนาดนี้แล้ว ยังติดเกมอยู่อีกเหรอครับ? : )

       

   ++++++++++++++++++++++++++++     







จะบอกว่าเราเพิ่งได้ทุนมาเรียนต่อที่ปักกิ่ง ต่อจากนี้คงเรียนหนัก ไม่ได้มาอัพบ่อยๆแล้วนะคะ TwT
แต่ก็จะพยายามมาเรื่อยๆ ช่วยติดตาม ช่วยเม้นให้หน่อยนะคะ





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-03-2020 21:50:41 โดย CharmingAlisia »

ออฟไลน์ ลูกกุญแจ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-2
Re: • ค ว ร คู่ กั น • ║ EP.8 - 08/09/19 ❤
«ตอบ #37 เมื่อ09-09-2019 00:36:37 »

เป็นกำลังใจให้คนเขียนในเรื่องเรียนด้วยนะฮะ
 

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: • ค ว ร คู่ กั น • ║ EP.8 - 08/09/19 ❤
«ตอบ #38 เมื่อ09-09-2019 02:16:59 »

กี๊ดดดดดดดดด ทักมาไวมากกก

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
Re: • ค ว ร คู่ กั น • ║ EP.8 - 08/09/19 ❤
«ตอบ #39 เมื่อ12-09-2019 00:11:04 »

เจอกันใยเกมแล้ว,,,

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: • ค ว ร คู่ กั น • ║ EP.8 - 08/09/19 ❤
« ตอบ #39 เมื่อ: 12-09-2019 00:11:04 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ yanggi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
Re: • ค ว ร คู่ กั น • ║ EP.8 - 08/09/19 ❤
«ตอบ #40 เมื่อ21-09-2019 03:34:50 »

 :hao7: ปลาวาฬคัมแบ็ก....  ประเด็นคืออิพี่ยังไม่รู้ว่าน้องเป็นผู้ชายเนี่ยสิ !!!

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
Re: • ค ว ร คู่ กั น • ║ EP.8 - 08/09/19 ❤
«ตอบ #41 เมื่อ22-09-2019 05:22:39 »

โอ๊ยย ลุ้นๆ สงสารเพนอะ

ออฟไลน์ CharmingAlisia

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 14
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: • ค ว ร คู่ กั น • ║ EP.10 - 03/03/20 ❤
«ตอบ #42 เมื่อ03-03-2020 19:10:08 »

CHAPTER 09 :: STILL BE THE SAME




         PlawhaleORCA :: โตขนาดนี้แล้ว ยังติดเกมอยู่อีกเหรอครับ? : )

         อะ… ไอ้ฉิบห๊ายยยยย!! เหี้ยแล้ววววว!!

         ผมแหกปากกรีดร้องในใจเหมือนคนบ้า แยกเขี้ยวกัดฟันกรอด พยายามอย่างที่สุดเพื่อสงบสติอารมณ์  มือสองข้างตบหน้าตัวเองระรัวจนเกิดเสียงดังป๊าบสนั่นหวั่นไหว เรียกความสนใจจากน้องนุ่งทั้งสองที่กำลังนั่งกดมือถือกันยิกๆ ได้เป็นอย่างดี เด็กๆ แอบสะดุ้งโหยงหันมามองผมที่ตัวสั่นเป็นเจ้าเข้า

         “พี่ปลาวาฬ… พี่ปลาวาฬ…” ริมฝีปากอิ่มเอ่ยพึมพำคำคำเดียวซ้ำไปซ้ำมาเหมือนคนคลุ้มคลั่ง

         “พะ… พี่เพนเป็นอะไรไป”

         “เพนจัง”

         น้องสองคนรีบลุกขึ้น ต่างฝ่ายต่างเข้ามาประคองแขนผมซ้ายคนขวาคนด้วยความเป็นห่วง ผมกำลังจะหันไปบอกว่าไม่เป็นไร แต่แล้วจังหวะนั้นเอง อยู่ดีๆ มือถือผมมันก็แผดเสียงนรกแตกขึ้นมา


         RRrrrrrrrrr

    PlawhaleORCA is calling you ☎

       “ไอ้เหี้ยยยยยยยยยย!!”


         ผมอึ๊บเก็บอาการไม่ไหวอีกต่อไป เผลอแหกปากร้องเหี้ยดังลั่นจนคนทั้งร้านหันมามองเป็นตาเดียว ผมสติแตกขนาดเผลอเขวี้ยงมือถือแสนรักที่ยังผ่อนไม่หมดลงพื้นไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แขนขาสั่นเงิกๆ ทำบ้าทำบอมั่วซั่วไปหมด

         ใช้เวลาอยู่นานกว่าจะตั้งสติได้ ผมแอบชะโงกหน้าไปมองมือถือตัวเองแบบกลัวๆ กล้าๆ เหมือนเด็กเล่นซ่อนแอบ ทั้งๆ ที่ก็ไม่ได้เล่นเหี้ยอะไรกับใคร มองๆ ดูก็พบว่ามันน่าจะใส่เกราะกันกระสุนหรือไม่ก็ห้อยพระรอดมา ถึกฉิบหาย โดนเขวี้ยงขนาดนี้แล้วยังสามารถสั่นครืดๆ เป็นบ้าเป็นผีอยู่บนพื้นได้อีก

         ว่าแต่ไอ้พี่เวร ใจคอมึงจะถือสายรอไปถึงไหน๊!!

         “เกิดอะไรขึ้นพี่เพน ใครโทรมาเหรอ”

         แพรถามหน้าตื่น ทำท่าจะก้มลงไปเก็บมือถือให้ ผมรีบดึงน้องให้อยู่เฉยๆ ส่ายมือปฏิเสธเป็นพัลวัน ดันสองคนให้กลับไปนั่งที่ก่อนจะก้มลงไปเก็บมันด้วยตัวเอง

         โคร่ม!

         ทันทีที่ปลายนิ้วสัมผัสตัวเครื่อง แรงสั่นสะเทือนของมันก็มากพอที่จะทำให้คนขวัญเสียอย่างผมสะดุ้งจนตัวโยน หัวผมโขกเข้ากับโต๊ะอาหารจนพนักงานรีบวิ่งเข้ามาดูเป็นการใหญ่ ผมรีบส่ายมือดิกๆ บอกว่าไม่เป็นไร เอาจริงๆ ตอนนี้ผมไม่รู้สึกเจ็บ หรือ อายแม้แต่น้อย ใจยังคงจดจ่ออยู่กับคนอีกคนที่หน้าด้านถือสายรออยู่นานชาติ

         เวลาผ่านไปครู่หนึ่งผมก็คว้ามือถือขึ้นมาดู พลิกซ้ายพลิกขวาก่อนจะหลุดถอนหายใจอย่างโล่งอก

         โชคดีที่ใช้ฟิล์มกระจก ไม่งั้นได้แดกมาม่าแลกค่าซ่อมจอไปอีกเป็นเดือนแน่ไอ้เพน!

         ผมกำมือถือเอาไว้แน่น พอมั่นใจว่าเขาตัดสายไปแล้วก็หลุดทอดถอนหายใจยาวเหยียด เหมือนยกอุกกาบาตออกจากอก

         ติ๊ง

         PlawhaleORCA :: จะไม่รับสายจริงๆ เหรอครับ? ; )

         ยัง ยัง! ไอ้พี่มันยังจะใจเย็นมาส่งตัวยิ้มเยิ้มอะไรอี๊กกกก

         ผมเผลอเอามือทึ้งหัวตัวเอง จึ๊ปาก หลับตาปี๋

         แม่งเอ๊ยย กูจะเป็นบ้า!!

         PlawhaleORCA :: พี่รู้นะว่าเราอ่านอยู่

         ฉึก!

         เหมือนโดนอะไรแหลมๆ มาทิ่มที่กลางอก

         สงสัยมันจะขึ้น Read…

         โอ๊ยย เกลียดฉิบหายเลยไอ้เทคโนโลยีเสร่อๆ สมัยนี้ มีอะไรก็บอกเขาไปหมดเลย ไอ้เวง! ช่วยๆ กันเก็บเป็นความลับหน่อยก็ไม่ได้!!

         PlawhaleORCA :: เพนนี

         ผมกัดริมฝีปากตัวเองแน่น ก่อนจะหลับหูหลับตาพิมพ์ตอบไป

         PenPenRocksTheWars :: ไม่ใช่สักหน่อย จำผิดคนแล้ว

         PlawhaleORCA :: -__-

         PenPenRocksTheWars :: .__.

         PlawhaleORCA :: ชื่อแบบนี้มันไม่มีใครอยากตั้งซ้ำหรอกนะ

         PenPenRocksTheWars :: อ้าว… ไม่มีหรอกเหรอ .__.

         PlawhaleORCA :: อือ

         PenPenRocksTheWars :: แหะๆ

         PlawhaleORCA :: ไม่ต้องมาแหะ ไม่เนียน

         PenPenRocksTheWars :: งื่อออ

         PlawhaleORCA :: งื่อก็ไม่ต้อง!

         ไอ้เชี่ยยย ไหงกลับมารอบนี้ถึงโหดสัส ฮืออ เพนไม่เข้าใจ

         PlawhaleORCA :: รับสาย!

         RRrrrrr

         PlawhaleORCA is calling you ☎

         ผมยกมือขึ้นตบหน้าตัวเองดังป้าบอีกครั้ง กรอกตามองบนก่อนจะสูดลมหายใจลึกๆ เข้าปอด

         ทำไงดี กูจะทำยังไงดีวะเนี่ย!!

         ผมโคตรจะแพนิค มองมือถือสลับนิ่วหน้าไปมา เหงื่อซึมเต็มหน้าทั้งที่ห้างก็เปิดแอร์เย็นฉิบหาย สภาพผมตอนนี้น่าจะเหมือนคนเสียสติจนกู่ไม่กลับ น้องทั้งสองคงรู้สึกเป็นห่วงผมจับใจ เริ่มถามไถ่หาความกับผมอีกครั้ง

         “พี่เพนโอเครึเปล่า?” พีเอื้อมมือมาแตะไหล่ผม

         “มีอะไรอยากให้แพรช่วยไหม?”

         ช่วยเหรอ?

         เอาสิ!

         เฮ้ยยย! เอากับผีเหี้ยไร ไม่ได้!!

         “พี่เพน”

         “แป็บนึง!”

         ผมที่คิดอะไรไปไกลล้านแปดจนสมองแทบระเบิดหันไปทำท่าปางห้ามญาติเพื่อขอเวลานอกกับน้อง ไตร่ตรองอยู่ครู่นึงก่อนจะตัดสินใจกดตัดสายทิ้ง แล้วพิมพ์ข้อความกลับไป

         PenPenRocksTheWars :: เราอยู่ข้างนอกไม่สะดวกรับ

         PlawhaleORCA :: อยู่กับแฟน?

         PenPenRocksTheWars :: เปล่า! เรายังไม่มีแฟน

         ผมไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรดลใจให้ผมพิมพ์ตอบเขากลับไปแบบนั้น

         คือ… นิ้วมันไปเอง

         PlawhaleORCA :: บังเอิญจัง พี่ก็ยังไม่มีแฟนเหมือนกันเลย : )

         ตึกตัก ตึกตัก!!

         ใจผมบีบระรัวถี่ยิบยิ่งกว่าประทัดวันสาร์ทจีน

         คนบ้าเอ๊ย!! ไม่ได้ถามซะหน่อยทำไมต้องกระแดะบอกด้วย!!

         PenPenRocksTheWars :: ไม่ได้ถาม       

         PlawhaleORCA :: แต่รู้ว่าอยากรู้

         ฮึ่ยย! เออ แต่ก็ถูกของพี่มันนั่นแหละ! ยอมรับ!

         PenPenRocksTheWars :: อ้อล้อ

         PlawhaleORCA :: แต่ก็มั่นใจว่าน่ารักนะ… มากด้วย ;3

         โอ๊ยยยย เกลียด กูเกลียดมันจริงโว้ยยยย!!

         คนเหี้ยอะไรจะสามสิบอยู่แล้วยังทำตัวปัญญาอ่อนอยู่อีก!!

         PenPenRocksTheWars :: คนไม่รู้จักโต

         PlawhaleORCA :: ใครว่าไม่โต มาเจอตัวจริงซะก่อนจะรู้ว่าอื้อหื้ออ่าฮ่าซ์ขนาดไหน

         ฮื่อฮ่าอะไรของแม่ง

         PenPenRocksTheWars :: -*-

         PlawhaleORCA ::  ;P

         PlawhaleORCA :: ว่าแต่นี่เรายุ่งอยู่เหรอ?

         PenPenRocksTheWars :: อื้อ นิดนึง อยู่ข้างนอกน่ะ

         PlawhaleORCA ::  เหรอ งั้นเราทำธุระไปก่อนเถอะ พี่ไม่กวนแล้ว

         อ่าว…

         PenPenRocksTheWars :: อื้อ

 

 

 



PlawhaleORCA ::  เดี๋ยวคืนนี้พี่โทรหานะครับ : )

 

 

          PenPenRocksTheWars :: อื้อ

         …

         อื้อพ่อง!

         ก็รู้อยู่ว่ามึงคุยกับเขาไม่ได้แล้วยังเสือกไปเออออกับเขาทำซากอ้อยอะไรวะไอ้เพ๊น!

         ฉิบหายแล้ว ฉิบหายแล้วจริงๆ โว้ยยย

         ผมวางมือถือลงบนตัก เอนตัวลงกับโซฟาร้านอาหารแบบหมดรูปหมดทรง ทอดสายตาเหม่ลอยเหมือนร่างไร้วิญญาณ

         พี่เขาคิดว่าผมคือเพนนี ผู้หญิงที่ทั้งโคตรสวยและโคตรรวย ดีกรีดรัมเมเยอร์โรงเรียนผู้สุดแสนจะเพอร์เฟคคนนั้น

         แต่ในความเป็นจริงแล้ว… ผมมันก็แค่ไอ้เด็กด๊อกด๋อยบ้านจนหนี้สินเต็มตัวไม่พอแถมยังเป็นผู้ชายอีก!

         ผมควรทำยังไงดีวะเนี่ย…!!

         ผมกำมือถือตัวเองแน่น มองหน้าจอมืดสนิทอยู่พักหนึ่งก่อนที่ความคิดบางอย่างจะวูบขึ้นมาในสมอง แตะนิ้วไปแสกนเพื่อปลดล็อคเครื่องก่อนจะพิมพ์ข้อความบางอย่างลงบนโปรแกรมเสิร์ชเอ็นจิ้นที่คุ้นตา เลื่อนหาสิ่งที่หวังอยู่ไม่นานก็เจอเข้าจนได้ ดวงตาที่หดหู่เมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นลุกวาวสดใสไปด้วยความหวัง ผมรีบเก็บมือถือเข้ากระเป๋ากางเกงแล้วหันไปพูดกับเจ้าเด็กทั้งสอง

         “พี่มีธุระด่วนต้องรีบกลับ ขอโทษด้วยนะเดี๋ยวคิดเงินแล้วพี่จะพาพวกเราไปส่งที่บ้าน”

         “หา พวกเราเพิ่งจะมากันเองนะ ใจคอพี่เพนจะไล่น้องกลับบ้านแล้วเหรอ” แพรร้องโอดครวญ

         “อย่าโวยวายเป็นเด็กน่า พี่เพนก็บอกแล้วว่าพี่เขามีธุระ ไม่เป็นไรครับพี่ผมเข้าใจ” พีหันไปเอ็ดแพรก่อนจะหันมาสบตาผมขณะเอ่ยประโยคสุดท้าย รัศมีความเศร้าแผ่ซ่านจนผมใจหล่นตุบ ผมรีบเอื้อมมือไปจับมือเด็กทั้งสองเอาไว้แล้วเขย่าเบาๆ

         “โอ๋ๆ ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยววันหลังพี่พามาใหม่ ครั้งหน้าพี่จะอยู่กับพวกเราทั้งวันเลย วันนี้พี่ติดธุระจริงๆ”

         “ครั้งหน้าเลี้ยงติมด้วย” แพรสวนทันควัน

         “ได้เลย” แหม เล่นจ้องกันซะขนาดนี้ก็ลองบอกว่าไม่ได้สิ…

          “สัญญาแล้วนะ” แพรพูดพลางยกนิ้วก้อยขึ้นมาโชว์ค้างไว้ ผมเลยไม่รอช้ารีบยื่นนิ้วก้อยตัวเองไปเกี่ยวเอาไว้เหมือนที่ชอบทำกันตอนเด็กๆ พีที่ตอนแรกเหมือนจะไม่อะไรแต่พอเห็นแบบนั้นก็รีบยกนิ้วขึ้นมาเกี่ยวนิ้วก้อยผมอีกข้างบ้าง

         ยอมกันไม่ได้เลยคู่นี้

         หลังจากที่ทำสัญญาใจกันไว้เรียบร้อยผมก็เรียกพนักงานมาเก็บเงิน จากนั้นก็พาเด็กสองคนเดินกลับไปที่รถ แล้วมุ่งหน้าขับกลับไปส่งที่บ้าน ระหว่างทางสองคนก็ผลัดกันพูดนู่นพูดนี่ตลอดแบบไม่เว้นช่องไฟ ผมแอบรู้สึกผิดกับน้องมันอยู่เหมือนกัน คงจะเหงากันน่าดูเลย แต่ก็ช่วยไม่ได้ ครั้งนี้มันจำเป็นจริงๆ เอาไว้รอบหน้าพี่จะอยู่เล่นด้วยทั้งวันทั้งคืนเลยนะเจ้าหนู

         พอขับกลับมาถึงบ้าน น้องทั้งสองคนก็แย่งกันกอดผมจนตัวกลม ผมได้แต่ส่ายหน้าหน่ายปนเอ็นดู ยอมให้กอดอยู่พักใหญ่ พอทั้งคู่ผละออกผมก็ยื่นเงินค่าขนมพิเศษให้พวกเขาเป็นของปลอบใจ เด็กสองคนตาโตรีบพากันเข้ามากอดฟัดผมอีกรอบ

         “โอ๊ย พอแล้วว พี่หายใจไม่ออก” พอได้ยินผมร้องเสียงหลงเจ้าเด็กสองคนถึงยอมอ่อนมือลงบ้าง แต่ก็ไม่วายถูหัวถูแก้มเข้ากับหน้าผมเหมือนลูกแมวขี้อ้อน แต่จากไซส์เจ้าพวกนี้ถ้าจะพูดให้ถูกคงต้องเรียกว่าแมวยักษ์น่าจะใช่มากกว่า

         “รักเพนจังน้า”

         “ว่างแล้วมาหาผมใหม่นะพี่เพน”

         ผมพยักหน้ารับ ระหว่างนั้นเองตาก็เหลือบไปเห็นนาฬิกาบอกเวลาว่าหกโมงเย็นแล้ว วินาทีนั้นหน้าที่เจือไปด้วยรอยยิ้มก็ซีดไปเหมือนเห็นผี ผมรีบสลัดตัวหนีเจ้าเด็กแสบทั้งคู่อย่างรวดเร็วก่อนจะหันไปตัดบท

         “ได้เลย แล้วพี่จะรีบมาหาใหม่น้า พี่ต้องไปแล้วล่ะ ตั้งใจเรียนกันนะเด็กๆ”

         พูดเสร็จผมก็ดันน้องสองคนลงรถ แล้วรีบโบกมือลา พอเห็นว่าประตูรถถูกปิดสนิทลงแล้วผมก็เหยียบคันเร่งแทบทะลุมิติไปยังสถานที่แห่งนึงที่ผมได้เสิร์ชข้อมูลเอาไว้เป็นที่เรียบร้อย

         “อย่าเพิ่งรีบปิดนะจ้ะคนดี”

         ผมพูดคนเดียว พลางบึ่งรถแบบที่ควรจะเรียกว่าเหาะมากกว่าขับ แม้เพื่อนร่วมถนนจะบีบแตรด่าพ่อผมกระเจิดเปิดเปิงสักเท่าไหร่แต่ผมก็ไม่สนใจหรอกนะ

         วินาทีนี้ กูรีบโว้ยย

         ผมมาถึงแหล่งขายสินค้าไอทีชื่อดังในเวลาต่อ มองไปซ้ายขวาก็พบว่าหลายๆ ร้านเริ่มทะยอยเก็บของกันแล้วก็แอบใจเสียนิดหน่อย ผมรีบวิ่งขึ้นบันไดเลื่อนไปยังจุดหมายตามที่ระบุไว้ในอินเตอร์เน็ท

         ผมหอบหายใจถี่ด้วยความเหนื่อยหลังจากวิ่งร้อยคูณร้อยเมตรชายมาหยุดยืนแฮ่กๆ ที่ชั้นสี่ ผมเหลือบตาไปเห็นร้านที่ว่ายังเปิดไฟสว่างจ้าอยู่ก็เผลอหลุดยิ้มมุมปาก รีบวิ่งตรงดิ่งเข้าไปในทันที

         “เฮียครับ”

         “ว่าไงไอ้หนู สนใจสินค้าตัวไหนเป็นพิเศษล่ะ?”

         “ผมอยากได้เครื่องแปลงเสียงครับ” ผมพูดหน้าตายกับเฮียเจ้าของร้านวัยสามสิบเศษ เฮียแกหลุดยิ้มเจ้าเล่ห์นิดหน่อยก่อนจะเดินไปหยิบของที่ผมต้องการมาวางไว้ตรงหน้าผมถึงสามตัวด้วยกัน

         “งบเท่าไหร่ล่ะ?”

         “อันไหนแปลงเสียงผู้หญิงได้ดีที่สุด?”

         ผมไม่ตอบแต่ถามเขากลับ เจตนารมณ์ของผมทำเอาเฮียแอบชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะชี้นิ้วไปที่ยังกล่องสี่เหลี่ยมที่หน้าตาดีที่สุดในสามอัน จากรูปลักษณ์ที่เห็นดูๆ แล้วมันก็ไม่ได้ต่างจากหูฟังที่ใช้เชื่อมต่อกับมือถือทั่วไปสักเท่าไหร่

         “อันนี้ปลอมเสียงผู้หญิงได้ถึงยี่สิบเสียง แถมยังปรับ Manual ให้ทุ้มให้แหลมได้ตามใจชอบอีก ถ้าเราเอาไปเสียบกับมือถือแบบหูฟังนะ ปลายสายจะได้ยินเสียงตามที่เราเซ็ทเอาไว้เลย หรือถ้าจะพูดสดๆ แบบไม่ต่อมือถือก็เลือกเปิดลำโพงตรงนี้” อธิบายเสร็จเขาก็ลองเลือกแบบเปิดลำโพงแล้วพูดใส่มันให้ผมฟัง ผลลัพธ์ที่ได้ทำเอาผมตกใจนึกว่ากำลังนั่งดูการ์ตูนโคนันอยู่ แค่พูดใส่ตามปกติเสียงหุ้มต่ำของเฮียแกก็กลายเป็นเสียงสาวน้อยวัยแรกแย้มในทันที

         เชี่ย ขนลุก!

         “ไหนส่งมือถือมาสิ” ผมปลดล็อคแล้วยื่นมือถือไปให้เขา เฮียแกกดปิดลำโพงแล้วเชื่อมต่อมันกับมือถือในลักษณะเดียวกับเวลาใส่หูฟังปกติ แล้วกดโทรเข้าเบอร์ตัวเอง

         “อ่ะลองฟังดู” เฮียกดรับสายแล้วยื่นมือถือเขาให้ผมฟัง

         “สวัสดีค่ะ สวัสดีค่ะพี่ชายมีแฟนรึยังคะ?”

         หูซ้ายผมได้ยินเสียงเฮียแมนๆ ปกติกำลังจ่อปากพูดใส่ไมโครโฟน แต่ไอ้หูขวาที่กำลังแนบกับโทรศัพท์เฮียอยู่เนี่ยสิดันได้ยินเสียงเฮียเวอร์ชั่นที่ทั้งหวานทั้งเซ็กซี่ยิ่งกว่านักร้องสาวไอดอลที่ผมชอบซะอีก!!

         “เป็นไงล่ะ ใช้ได้ไหม?” เฮียแกกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปาก ซึ่งผมเองก็ไม่รอช้าเหยียดยิ้มชั่วร้ายกลับไปเช่นเดียวกัน

         “พอได้ งั้นผมเอาเครื่องนี้แหละ”

         เมื่อเจรจาการค้ากันเป็นที่เรียบร้อยผมก็ได้เจ้าเครื่องแปลงเสียงตัวจิ๋วราคาไม่จิ๋วมาครอบครอง ผมรีบโบกมือลาเฮียแกด้วยใจที่เริงร่า ไม่วายก่อนออกจากร้านยังได้ยินเสียงแซวไล่หลังอีกแหนะ “ไว้คืนนี้จะโทรหานะอีหนู แต่ไม่ต้องใช้เครื่องแปลงนะเฮียชอบเสียงเราสดๆ มากกว่า ฮ่าๆ”

         ผมแอบส่ายหน้าให้กับเสียงหื่นๆ และท่าทางทีเล่นทีจริงไม่น่าไว้ใจนั่น “บอกไว้ก่อนก็ดีผมจะได้รีบบล็อกเบอร์เฮียซะตั้งแต่ตอนนี้เลย”

         “โถๆ คนอะไรน่ารักแต่ใจร้าย”

         เสียงบ่นปอดแปดเจือหยอกล้อไม่สามารถดึงความสนใจของผมได้อีกต่อไป ผมกอดเจ้าลูกรักคนใหม่ไว้แนบอกก่อนจะรีบพาตัวเองกลับคอนโดไปอาบน้ำอาบท่ารอคุยกับพี่ปลาวาฬคืนนี้

       

         ทันทีที่กลับมาถึงห้องผมก็รีบไปทำตัวเองให้เรียบร้อยก่อนจะพาร่างตัวเองมานอนกลิ้งเกลือกบนเตียงกว้าง ผมกดเข้าแอพพลิเคชั่นอัดเสียงเพื่อลองเทสเสียงที่ตัวเองชอบมากที่สุด เล่นไปเล่นมาก็นึกสนุก มันไม่ได้มีแค่เสียงผู้หญิงแต่ยังมีเสียงเด็ก  เสียงผู้ชาย คนแก่และอื่นๆ ให้เลือกอีกเยอะแยะ

พอเล่นได้ครู่นึงผมก็เลือกกลับมาเป็นเสียงผู้หญิงที่ผมชอบมาที่สุดแล้วล็อคเอาไว้ ไม่ให้เผลอไปเปลี่ยนมันมั่วซั่วอีก พอเซ็ททุกอย่างเข้าที่เรียบร้อย ผมก็วางมือถือลงที่ข้างตัว เหม่อมองเพดานได้ไม่ถึงนาทีอยู่ดีๆ มือถือของผมก็แผดเสียงขึ้นมาพร้อมกับชื่อของใครอีกคนที่ผมกำลังรออยู่อย่างใจจดใจจ่อ

         PlawhaleORCA is calling you ☎

         ตึกตัก ตึกตัก

         ตึ๊ด…

         (สวัสดีครับ)

         น้ำเสียงของคนปลายสายทำเอาหัวใจผมเกือบหยุดเต้น แม้จะเป็นแค่คำพูดสั้นๆ แต่มันทั้งหล่อ ทั้งอบอุ่น แถมยังแฝงไปด้วยความขี้เล่นจนผมแทบจะละลายหายไปกับเตียง ปากเปิกผมสั่นเป็นสันนิบาตกระตุกเงิกๆ งักๆ ควบคุมไม่อยู่ ส่วนมือเท้าก็เย็นเฉียบราวกับว่ากำลังวิ่งแก้ผ้าอยู่ที่ขั้วโลกใต้

          (ได้ยินพี่มั๊ยครับ?)

         “…”

         (เพนนี)

         “…”

         (พี่ถามว่าได้ยินมั๊ย?)

         “ดะ… ได้ยิน”

         ผมพูดเสียงเบาโหวง อยู่ๆ ก็รู้สึกปั่นป่วนไปทั้งร่างตั้งแต่หัวจรดเท้า ความวูบไหวก่อตัวหนักขึ้นในช่องท้อง อะไรบางอย่างจี๊ดขึ้นมาที่ข้างแก้ม จังหวะการเต้นของหัวใจถี่ระรัวเหมือนมันกำลังจะหลุดออกมาจากอก ผมพยายามบีบมือตัวเองแรงๆ เป็นการเรียกสติ แต่ก็ต้องยอมรับว่าแม่ง ไม่ง่ายเลย

         (ทำไมเรียบร้อยจัง ไม่เห็นเหมือนในแชทเลย เขินพี่เหรอครับ?)

         “ปะ… เปล่าสักหน่อย! ใครเขาจะไปเขินพี่กันเล่า!” ผมแหวเสียงดุ นี่ขนาดคุยกันไม่เห็นหน้าผมยังรับรู้ได้เลยว่าพี่เขาแม่งโคตรจะกวนตีน

         (ฮ่าๆ แน่เหร๊อออ) เขาจงใจลากเสียงยาว

         “ก็เออสิ คนอะไรแก่แล้วยังชอบคิดเข้าข้างตัวเองอยู่เรื่อย”

         (ฮ่าๆ แบบนี้สิค่อยสมเป็นเราหน่อย ว่าแต่เสียงเราน่ะ)

         “…” ผมเผลอหายใจสะดุดเมื่อเขาพูดถึงเสียงผม

         (น่ารักเหมือนที่พี่คิดไว้เลย)

         น้ำเสียงกรุ้มกริ่มทำให้ผมเดาสีหน้าของอีกฝ่ายได้ไม่ยาก

         “พูดอะไรของพี่เนี่ย”

         (ก็พูดจริงไงครับ ฮ่าๆ ตลกดี รู้จักกันมาตั้งนานเพิ่งมีโอกาสได้ยินเสียงกันจริงๆ ก็วันนี้)

         ใครว่าเสียงจริงกันเล่า…

         “อะ… อื้อ”

         (เราสบายดีมั๊ย?)

         “อื้อสบายดีนะ พี่ล่ะ?”

         (ก็สบายดีครับ นี่…)

         “หือ”

         (ทำไมวันนั้นเราถึงหายไปล่ะ?)

         คำถามนั้นทำเอาผมนิ่งไปนาน…     

         “…”

         (เพนนี)

         ผมได้ยินเสียงเขาชัดเจนเต็มสองหู แต่ริมฝีปากผมมันกลับหนักอึ้งจนไม่แม้แต่จะเอ่ยอะไรกลับไป

         ไม่รู้จะแก้ตัวยังไงดี

         “…”

         ความเงียบทำให้ผมได้ยินทุกอย่าง แม้กระทั่งเสียงลมหายใจที่ทอดถอนยาวของอีกฝ่าย

(พี่ขอโทษที่ถาม คือ... พี่ก็แค่เป็นห่วงเราที่เราหายไป)

         น้ำเสียงของพี่เขาเปลี่ยนไปจนผมใจหาย พี่เขาจะขอโทษทำไม เขาไม่ได้ทำอะไรผิดแม้แต่น้อย ทั้งหมดมันเป็นความผิดของผมคนเดียวต่างหากล่ะ

         “คือ…”

         (ช่างมันเถอะ พี่เชื่อว่าเราก็มีเหตุผลของเรา แค่พี่ได้รู้ว่าเราสบายดีพี่ก็ดีใจแล้วครับ)

         “อื้อ…”

         นี่พี่เขาจะใจดีอะไรขนาดนี้วะเนี่ย พอมานึกย้อนไปถึงสิ่งที่ตัวเองเคยทำแล้วก็บอกได้คำเดียวเลยว่าผมแม่งโคตรเลวแบบไม่น่าให้อภัย ผมยังจำได้ดีว่าในวันสุดท้ายผมไม่ได้หายเงียบไปเฉยๆ แต่ผมดันลบแอคเคาท์หนี เพราะฉะนั้นการจะมาคิดว่าผมป่วยหนัก โดนรถชน คอมพิวเตอร์เสีย ไม่มีตังค์จ่ายค่าเน็ตอะไรเถือกนี้น่ะเป็นไปไม่ได้หรอก สาเหตุเดียวที่คนจะลบแอคเคาท์ทิ้งน่ะ มีแค่หนีใครสักคนเท่านั้นแหละ ต่อให้โง่แค่ไหนก็ต้องรู้

         (ว่าแต่พี่โทรมาทำให้เราไม่สบายใจรึเปล่า?)     

         “ไม่! เอ่อ... ไม่เลย ทำไมพี่ถึงคิดอะไรแบบนั้น?”

         (เปล่า พี่ก็แค่ถามดู เราไม่ได้คุยกันนาน...)

         “…”

(นานจนบางทีพี่ก็คิดว่าเราอาจจะลืมพี่ไปแล้ว…)

         “พี่เล่นกีฬาเก่งทุกอย่าง ยกเว้นแต่อเมริกันฟุตบอลที่ลงทุนขนาดไปคัดตัวสามปีติดช่วง High school แต่ก็ไม่ผ่านสักทีเพราะผอมเกินไป พี่เลยหันมาเล่นเวท ออกกำลังกายอย่างหนักจนสุดท้ายก็ติดทีมของมหาลัยตอนปีหนึ่งแถมยังได้เป็นตัวจริงซะด้วย อวดใหญ่เลย”

         (…)

         “พี่ชอบกินผัดกะเพราใส่เห็ดแชมปิญองมาก ทั้งที่ปากบอกแบบนั้นแต่พอถ่ายรูปมาให้ดูทีไรก็ซื้อผิดเป็นโหระพามาทุกที สอนให้แยกกี่ครั้งพี่ก็ไม่เคยจำ เอาแต่บอกว่าที่นั่นฝรั่งเขาก็เรียกทั้งคู่ว่า Basil เหมือนกันหมด มันไม่ใช่ความผิดพี่เลยสักกะติ๊ดที่แยกไม่เป็น สุดท้ายเลยต้องกินผัดโหระพาหมูสับใส่เห็ดแชมปิญองราดข้าวทุกวัน นี่ก็โคตรไม่เข้าใจว่าคุณชายชอบกินกะเพราภาษาบ้าอะไรของมัน”

         พอพูดมาถึงประโยคนี้ จู่ๆ ปลายสายที่เงียบไปครู่ใหญ่ ก็ระเบิดหัวเราะออกมาแบบไม่เก๊ก

         (ฮ่าฮ่า ก็มันเหมือนกันจริงๆ นี่หว่า)

         “ไม่เหมือน! สอนกี่รอบแล้วไม่รู้จักจำโหระพามันขอบใบเรียบ กะเพรามันขอบใบหยักหัดจำซะมั่ง!”

         (ในสายตาพี่ไอ้ของพวกนี้มันก็หน้าเหมือนกันหมดนั่นแหละ ใครมันจะไปแยกได้)

         “ยังจะเถียงอีก คนธรรมดาเขาก็แยกได้กันทั้งนั้น มีแต่พี่นี่แหละซื่อบื้อ”

         (หนอย ปากร้ายเหมือนเดิมเลยนะเรา!)

         “ก็ใช่ไง คิกคิก นี่ยังไม่หมดนะ เรื่องพี่อ่ะ”

         (ว่าไงนะ ยังมีอีก?)

         “ใช่สิ๊” ผมพูดเสียงร่าเริง ก่อนจะหลุดขำก๊ากเมื่อคิดถึงเรื่องนั้นขึ้นมา ผมรีบเอามือปิดปากตัวเองแต่ก็ระงับความตลกเอาไว้ไม่ไหวจริงๆ สุดท้ายก็หลุดหัวเราะเสียงดังออกไปจนได้

         (…)

         “ตอนปีหนึ่งช่วงนั้นพี่กำลังฟิตๆ ล่ำบึ้กเลย จู่ๆ ก็มีละครเวทีของคนไทยจัดขึ้นแล้วเขาให้พี่เล่นเป็นสาวสอง ใส่ชุดเดรสเซ็กซี่สั้นเสมอก้นสีน้ำเงินเข้ม แหวกหน้าแหวกหลัง จำได้แม่นเลยว่าตอนแรกพี่โคตรโกรธ ด่าเพื่อนที่มาชวนเป็นฟืนเป็นไฟแต่สุดท้ายพี่ก็เลยยอมเล่น เพราะเขาบอกจะเอารายได้ไปทำการกุศลช่วยน้องๆ บนดอยที่ยากจน โอ๊ยยย ตลกก ฮ่าๆๆ”

         (เฮ้ยๆ เรื่องแบบนั้นไม่ต้องจำก็ได้มั้ง)

         “อะไรกัน ตอนนั้นพี่ยังมาโม้ให้เราฟังเลยว่าพี่อ่ะโคตรจะสวยเซ็กซี่ มีคนมาขอถ่ายรูปเต็มไปหมด ดูสิคนไม่รู้ตั้งกี่ร้อยกี่พันพี่ยอมให้เขาเห็นได้ แต่พอเราขอดูบ้างก็ขี้งกไม่ยอมส่งให้เราดู”

         (ก็ของดีใครเขาจะให้ดูง่ายๆ กันล่ะ)

         “โอ๊ย คนบ้าอะไรพูดมาได้หน้าไม่อาย แรด ฮ่าฮ่า”

         ผมหลุดขำจนน้ำหูน้ำตาไหล ก็ดูอีกฝ่ายสิแม่งโคตรบ้าจี้ ชอบทำเป็นไม่เอา อาละวาดโวยวาย แต่สุดท้ายพอเขามาขอร้องจริงๆ ก็สงสาร จ้างร้อยเล่นล้าน มาเหนือเกินชาวบ้านชาวช่องเขาตลอด

         (เอะอะก็ขำ เส้นตื้นนะเราเนี่ย)

         “ฮ่าๆ ก็มันน่าขำจริงๆ นี่นา โอ๊ย ส่งรูปมาให้เราดูเลยนะ แม่สาวเซ็กซี่ในชุดเดรสสีน้ำเงินอ่ะ!”

         (ไม่!)

         “อย่าดื้อน่าปลาวาฬ! เอารูปมาให้ดูเดี๋ยวนี้นะ”

         (บอกว่าไม่ก็ไม่สิ!)

         “เน่! ทำไมขี้งกจังฮะเรา!”

         (อย่ามาตื๊อน่า)

         "ปลาวาฬ!"

         (เห๊อะ... นี่อยากดูจริงๆ?)

         “ก็ต้องอยากสิ เราอดใจรอไอ้รูปนั้นมาจะสิบปีแล้วนะ”

         (อือ… งั้นถ้าอยากดูล่ะก็…)

         “หือ…”

 

 



 

         (มาเจอกันสิ เดี๋ยวพี่เอาให้ดู)

 

       

                 

 +++++++++++++++++++++++++++


#ปลาวาฬกินเพนกวิน #ควรคู่กัน 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-03-2020 19:15:16 โดย CharmingAlisia »

ออฟไลน์ CharmingAlisia

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 14
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: • ค ว ร คู่ กั น • ║ EP.10 - 03/03/20 ❤
«ตอบ #43 เมื่อ03-03-2020 19:21:00 »




         CHAPTER 10 :: LOVE IS BLIND





         (มาเจอกันสิ เดี๋ยวพี่เอาให้ดู)

         “…”

         (เพนนี…นี่ยังอยู่ในสายรึเปล่า?)

         “ยะ… อยู่ยังอยู่”

         ตอบไปเสียงก็สั่นไป อีกฝ่ายคงรู้ได้ไม่ยากว่าผมกำลังกลัวการเจอเขาเข้าขั้นหลอน ทำไมถึงเป็นคนโกหกไม่เนียนขนาดนี้วะไอ้เพน

         (งั้นเราว่างมาเจอพี่เมื่อไหร่ดีครับ?)

         “คือ…”

         (หือ?)

         “คือ… เราว่า… เราลองกลับมาคุยกันก่อนไหม?”

         (…)

         “เอ่อ คือเราแค่คิดว่าเวลาเปลี่ยนคนมันก็ต้องเปลี่ยนไหมล่ะ ไม่แน่นะคุยๆ กันไปพี่อาจจะรู้สึกว่าเราไม่เป็นเหมือนที่คิดจนไม่อยากเจอเราแล้วก็ได้”

         (เพนนี พี่ไม่รู้ว่าอะไรทำให้เราคิดแบบนั้น แต่จำไว้นะว่ายังไงพี่ก็ไม่มีวันเปลี่ยนไปแน่นอน)

         “แต่…”

         (แต่ถ้าเราอยากคุยก่อนก็ได้ครับ พี่รอได้)

         “พี่…” ผมโคตรไม่รู้ว่าควรจะพูดคำไหนออกมาดี ทำไมพี่เขาถึงได้ใจดีกับผมมากขนาดนี้วะเนี่ย

         (เหอะ แต่เชื่อเถอะ สุดท้ายจะเป็นเราเองนั่นแหละที่อยากเจอพี่จนตัวสั่น เดี๋ยวก็ต้องร้องออกมาเองว่า ‘พี่ปลาวาฬสุดหล่อขามาหาหนูเถอะนะคะ หนูอยากเจอพี่ใจจะขาดแล้ว’)

         เสียงเล็กเสียงแหลมนั่นทำเอาผมอ้าปากค้างติดสตั๊นท์ไปหลายวิ ไม่คิดไม่ฝันว่าจะมีคนบ้าหน้าด้านแบบนี้อยู่บนโลกด้วย “ใครมันจะไปพูดแบบนั้นห๊ะ ประสาท!”       

         พอโดนผมดุเสียงดัง ปลายสายก็หัวเราะระรื่นชอบใจเป็นการใหญ่ ไม่รู้จะมีความสุขอะไรนักหนา เพี้ยนไปใหญ่แล้ว

         ดูเหมือนว่าบรรยากาศมันจะค่อยๆ กลับมาดีขึ้น พวกเราคุยกัดกันไปกัดกันมาเหมือนเด็กโข่ง จำไม่ได้จริงๆ ว่าผมไม่ได้หัวเราะเหมือนคนบ้าแบบนี้มานานเท่าไหร่แล้ว เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ไม่มีแก่นสารก็ขำ มองไปทางไหนก็ยิ้ม แม้จะพยายามปั้นหน้าให้เป็นปกติแต่ก็หุบยิ้มไม่ได้จริงๆ ผมคว้าตุ๊กตาหมีหน้าเซ่อมากอดแก้เขิน ถึงตัวมันจะนุ่มน่าขย้ำแต่ก็ไม่ได้ให้ความอบอุ่นมากเท่าที่ควร ดูท่ามันกำลังจะตกกระป๋องเร็วๆ นี้เพราะไอ้เจ้าของที่ใจเต้นเร่าๆ อย่างผมเอาแต่คิดว่าอยากได้ตุ๊กตาปลาวาฬมานอนกอดแทน ความอุ่นอาจจะไม่ต่างนักแต่ความฟินที่ได้คงต่างกันเยอะ

         (พี่ง่วงแล้ว)

         “ก็ไปนอนสิ”

         (อื้อ แต่ไม่ตัดสายได้ไหม?)

         “หา”

         (หรือถ้าเราไม่สะดวกจะกดวางเลยก็ได้ พี่ไม่ชอบตัดสายก่อน)

         แหม พูดมาซะขนาดนี้ใครจะกล้าปฏิเสธล่ะ ไม่สิ ต้องพูดว่าถ้าเป็นคนอื่นผมคนด่าตะเพิดตัดสายทิ้งไปตั้งนานแล้วล่ะ ไม่ปล่อยให้มาพูดจามั่นหน้ามั่นโหนกได้นานขนาดนี้หรอก

         “นอนเถอะ” ผมเดินไปปิดไฟที่ผนังห้องก่อนจะเดินกลับมาที่เตียง ไม่มีบทสนทนาใดใดเอ่ยกลับมา ห้องนอนถูกปกคลุมด้วยความมืด มันเงียบเสียจนผมได้ยินเสียงลมหายใจแผ่วเบาของคนที่ปลายสาย ผมกระชับผ้าห่มขึ้นมากอดตัวเองแน่น จินตนาการถึงใบหน้าของอีกฝ่ายนึงที่น่าจะหลับไปแล้ว อยู่ๆ ก็เผลอยิ้มจางๆ ที่มุมปาก อะไรบางอย่างทำให้ผมรู้สึกว่าเราอยู่ใกล้กันมาก ใจผมมันทั้งอบอุ่น ทั้งหวิวในเวลาเดียวกัน ไม่อยากเชื่อเลยจริงๆ ว่ากับคนที่ไม่ได้คุยกันเกือบสิบปีจนถอดใจไปแล้วตั้งไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ จะได้กลับมาคุยกันอีก หนำซ้ำยังได้มานั่งฟังเขานอนอีกแหนะ…

         เชื่อแล้วว่ายังเป็นคนเดิม เป็นพี่ปลาวาฬคนเดิมไม่เปลี่ยนไปเลย

 

 

ไม่รู้ว่าตัวเองเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมตื่นขึ้นพร้อมมือถือหน้าจอดำสนิทเพราะแบตหมด ผมหยิบโทรศัพท์ไปชาร์ท ระหว่างรอเปิดเครื่องก็หันไปมองนาฬิกาที่หัวเตียง พบว่าตัวเองนอนเพลินจนเกือบเที่ยง

         ติ๊ด

         มือถือที่เพิ่งฟื้นคืนชีพขึ้นมาหมาดๆ ส่งเสียงขึ้นระรัว การแจ้งเตือนจากเกม Tale of War กลายเป็นสิ่งแรกที่ดึงดูดความสนใจของผมได้

         PlawhaleORCA sent you a picture.

         หืม?

         ผมขมวดคิ้วสงสัย ก่อนจะเลื่อนไปกดดูก็พบรูปมือของใครบางคนกำลังชูสองนิ้วในห้องมืดๆ มีฉากหลังเป็นเพดานห้องกับแชนเดอเลียร์หน้าตาอลังการณ์จนไม่อยากเดาราคาให้คนเงินเดือนหลักหมื่นต้องท้อใจ

         PlawhaleORCA :: มอร์นิ่งครับ : )

         ข้อความถูกส่งตั้งแต่สี่ชั่วโมงที่แล้ว… ตื่นเช้าไปไหมเนี่ย?

         ผมกดออกแล้วเลื่อนไปเปิดแอพพลิเคชั่นกล้อง ถ่ายรูปนิ้วตัวเองส่งกลับไปบ้าง 

         PenPenRocksTheWars :: มอร์นิ่ง

         ทันทีที่ข้อความถูกส่งไปสัญลักษณ์ติ๊กถูกว่าอ่านแล้วก็โชว์ขึ้น

         PlawhaleORCA :: เที่ยงแล้วเหอะ ยังจะมามอร์น่งมอร์นิ่งอะไร   

PenPenRocksTheWars :: เอ๊า ไม่มอร์นิ่งก็ได้ กู๊ดอาฟเตอร์นูนทีชเชอร์ พอใจยัง?

         PlawhaleORCA :: นิ้วสั้นไม่พอยังพูดจาอย่างกับเด็กอนุบาล

         หา… ผมรีบยกมือตัวเองขึ้นมาดู พลิกหน้าพลิกหลังเรียกความมั่นใจให้ตัวเองสุดฤทธิ์ว่ามันไม่ได้สั้นแบบที่อีกคนว่า

         PenPenRocksTheWars :: ไอ้บ้า สั้นตรงไหน ไม่สั้นว้อย!

         PlawhaleORCA :: ก็เห็นๆ อยู่ เทียบกับไอ้ตุ๊กตาหมีตัวข้างๆ ยังกำปิดหน้ามันไม่มิดเลย

         ผมรีบหันไปคว้าแขนไอ้หมีหน้าเซ่อตัวเจ้าปัญหามาวางไว้บนตัก เอามือแปะลงไปบนหน้ามันก็พบว่า กำมันไม่มิดจริงๆ ด้วย คนบ้าอะไรมันจะช่างสังเกตขนาดนี้เนี่ย

         PenPenRocksTheWars :: ชิ แล้วนี่ทำไมตื่นเช้าจัง

         PlawhaleORCA :: ทำงานสิครับ

         PenPenRocksTheWars :: วันอาทิตย์ยังไม่หยุดอีกเหรอ ทำงานที่ไหนแบบนี้ต้องฟ้องกรมแรงงานแล้วนะ

         PlawhaleORCA :: รีบเลยครับ ช่วยมาจัดการป๊าพี่ให้ที ตั้งแต่กลับไทยมานี่ใช้งานพี่เยี่ยงทาส

         ลืมไปสนิทเลยว่าเขาน่าจะทำงานให้ที่บ้าน

         PenPenRocksTheWars :: โห งั้นก็ทำๆ ไปเหอะพี่ ยังหนุ่มยังแน่นต้องขยันทำมาหากินนะ 55

         PlawhaleORCA :: อ่าวเฮ้ย ไมเปลี่ยนคำพูดเร็วงี้

         PenPenRocksTheWars :: เขาเรียกอยู่เป็นไงล่ะ คิคิ

         พิมพ์เสร็จผมก็พาตัวเองไปอาบน้ำแต่งตัว เพราะตอนบ่ายมีนัดกินข้าวกับพวกไอ้โซ่ มือถือกลายเป็นอวัยวะส่วนที่สามสิบสามของผมไปซะแล้ว ไม่ว่าจะถูสบู่ ไดร์ผม หรือแต่งตัวก็ยังต้องแอบชะเง้อมองตลอดว่ามีข้อความอะไรตอบกลับมารึเปล่า รู้สึกงงตัวเองนิดหน่อย ปกติผมเป็นคนทำอะไรเร็วมาก แต่วันนี้กลับใจลอยๆ ทำนู่นทำนี่ไม่เสร็จสักอย่าง โชคดีที่เข้าบ่ายเขาเงียบหายไป เดาว่าน่าจะเริ่มทำงานต่อแล้ว ผมเลยได้ฤกษ์เป่าผมตัวเองให้แห้งจริงๆ สักทีก่อนจะรีบออกไปเจอเพื่อน

       

       

         “อาหารที่สั่งได้ครบแล้วนะคะ”

         “ครับ”

         “โหย น่ากินฉิบกูขอก่อนเลยนะ หิวจะห่าอยู่แล้ว”

         “เดี๋ยว!!” ผมแหวเสียงดังใส่ไอ้แป้งที่คว้าถาดหมูขึ้นมาถือ มันทำท่าจะเทใส่หม้อชาบูทีเดียวทั้งถาดแบบหยาบโลนกร้านโลก

         ผมคีบหมูด้วยตะเกียบแค่ชิ้นเดียว ก่อนจะหย่อนลงไปในหม้อ พลางหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายแบบสามร้อยหกสิบองศา ตั้งแต่ท็อปวิวยันไซด์วิวด้วยความประณีตจนคนอื่นถึงกับเงียบไปตามๆ กัน พอเห็นว่าได้รูปที่ดูดีมีชาติตระกูลมารูปนึงแล้วผมก็หันไปพยักหน้า

         “กินได้”

         “อีเพน มึงส่งรูปนั้นให้ใคร!?” แป้งกวาดหมูทั้งถาดลงไปในหม้อ ตามด้วยผักนานาชนิด และลูกชิ้นหน้าตาประหลาดๆ ลงทีเดียวหมดแบบที่พวกเราชอบทำกันเป็นประจำ อัดทุกสรรพสิ่งเข้าไปจนแน่นเอี๊ยด แล้วคว้าฝามาปิดไว้รอมันสุก

         “เปล่า”

         “เชื่อตายล่ะ ร้อยวันพันปีมึงเคยถ่ายรูปก่อนกินที่ไหน ปกติข้าวมาก็จ้วงเอาจ้วงเอาเหมือนแร้งลง นี่วันนี้ตั้งแต่เจอกู มึงยังจับโทรศัพท์เอาไว้ไม่ปล่อยเลย มึงซ่อนใครเอาไว้บอกมา!”

         “เฮ้ย! ไม่มี” ผมหน้าเสีย รีบบอกปฏิเสธ นี่ผมดูออกง่ายหรือเพื่อนผมมันเป็นนักสืบกันแน่วะ

         “เติ้ลเอามือถือมันมาดูดิ๊!” ยัยแป้งหันไปออกคำสั่งไอ้เติ้ลที่นั่งอยู่ข้างผม รวดเร็ดปานมิจฉาชีพเก่ารู้ตัวอีกทีไอ้เติ้ลมันก็ยื่นมือถือผมไปให้ไอ้แป้งที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามซะแล้ว

         “เฮ้ย! เอาคืนมานะ” ผมโวยวายเสียงดังพยายามหันไปคว้าคืน แต่ก็โดนไอ้เติ้ลรัดเอาไว้ให้ขัดขืนไม่ได้ ไอ้แป้งกับไอ้โซ่รีบเลื่อนนิ้วดูแอพพลิเคชั่นล่าสุดที่ผมยังเปิดค้างเอาไว้ พอเห็นดังนั้นไอ้คู่หูขาเสือกก็ตารีตาเหลือกรีบไถแชทผมอย่างเมามันจนผมอยากจะเอาหัวโขกโต๊ะตายให้รู้แล้วรู้รอด

         “โห นี่มึงแน่เหรออีเพน คุยกันหวานฉิบหายเลย ขนลุก!” อีแป้งร้องลั่นออกมาเหมือนไม่เชื่อสายตาตัวเอง

         “เฮ้ย ตกลงมึงมีใครจริงดิ มันเป็นใครวะ?” เติ้ลที่ไม่สามารถอ่านแชทได้อยู่คนเดียวหันมาถามผมอย่างคาดคั้น

         “เดี๋ยวก่อน เจ็ดชั่วโมง!! เพน มึงโทรคุยกับมันได้เจ็ดชั่วโมงเลยเหรอวะ เรื่องนี้มึงต้องแถลงแล้ว!!” ไอ้โซ่หันหน้าจอมือถือที่โชว์เด่นหราว่าเมื่อคืนเราคุยกันเจ็ดชั่วโมงสี่สิบสามนาทียี่สิบสองวินาทีมาทางผม พวกมันสามตัวรุมจ้องผมแบบที่ผมไร้ทางสู้

         จริงๆ ก็ไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังอะไรหรอก แค่คิดว่าอยากคุยไปสักพักก่อนค่อยเล่า ไม่คิดว่าพวกมันจะรู้เร็วขนาดนี้

         “เออ ก็คือกูอ่ะ…”

         ผมตัดสินใจเล่าเรื่องทั้งหมดให้พวกมันฟังตั้งแต่เรื่องเมื่อสิบปีที่แล้ว ยันกลับมาคุยกันใหม่ แถมยังเล่าเรื่องพี่เกียรติที่บังเอิญเป็นลูกค้าผมให้พวกมันฟังด้วย ทั้งสามฟังไปกินอาหารในหม้อไปแบบออกรสออกชาติ สาบานได้เลยว่าถ้าสมัยเรียนมันตั้งใจฟังครูได้สักครึ่งนึงของที่มันฟังผม ป่านนี้เกียรตินิยมยกแก๊งค์ไปแล้ว

         “เชี่ย อะไรมันจะพอดีเป๊ะๆ ขนาดนี้วะ” ไอ้แป้งสบถ

         “ตกลงว่าสิบปีที่แล้วมึงโกหกเขา แล้ววันนี้มึงก็โกหกเขาอีกอ่ะนะ” ไอ้เติ้ลทัก

         “อื้อ” ผมพยักหน้า

         “เชี่ย เพนมึงมันบ้าไปแล้ว” ไอ้เติ้ลเอามือกุมหัวเหมือนจะเป็นบ้ากับผมจริงๆ ด้วย

         “ไม่เป็นไรหรอกมั้งก็สนุกๆ” ไอ้แป้งบอก

         “สนุกกับผีดิ กูว่าผู้ชายเขาจริงจังนะเว้ย” ไอ้เติ้ลดูจะเป็นเดือนเป็นร้อน ผิดกับไอ้แป้งที่ดูเฉยๆ

         “จริง แต่กูก็เข้าใจมึงนะเว้ยเพน เจอแบบนี้แม่งโคตรลำบากใจเลย” โซ่ถอนหายใจ

         “เออดิวะ กูก็ยังไม่รู้เลยว่าจะเอาไงดี” ผมบอกตามตรง

         “กูว่านะ มึงบอกความจริงไปเลยเว้ยเพน” ไอ้เติ้ลทำหน้าจริงจัง

         “เฮ้ย แต่เขาคิดว่าเพนเป็นยัยเพนนีดรัมเมเยอร์อะไรนั่นนะ” แป้งขัด

         “เออ ขืนเขารู้ความจริงขึ้นมาอกแตกตายพอดี มีหวังจะมาฆ่ากูด้วย” ผมส่ายมือปฏิเสธ

         “เขาไม่ฆ่ามึงหรอก ตัวจริงมึงก็ไม่ได้ขี้เหร่ป่ะวะ ไม่แน่เขาอาจจะชอบมึงจริงๆ ก็ได้ หลอกเขาไปแบบนี้สักวันเขาก็ต้องรู้อยู่ดี ยิ่งมึงยื้อ ยิ่งให้ความหวังเขาหว่ะ”

         “เอาจริงกูก็เห็นด้วยกับที่ไอ้เติ้ลพูดนะ ช้าหรือเร็วสักวันเขาก็ต้องรู้ สู้มึงบอกไปตั้งแต่วันนี้เลยดีกว่า ยังไงคำตอบมันก็มีแค่สองหน้าคือเขาเอามึง หรือเขาไม่เอามึงเท่านั้นแหละ” โซ่พูด

         “อื้อ” ผมรู้ ผมเข้าใจที่พวกมันพยายามจะสื่อทั้งหมดนั่นแหละ เพียงแต่ว่าผมยังทำใจยอมรับการที่พี่เขาจะหายไปอีกครั้งไม่ได้เท่านั้นเอง และเปอร์เซ็นต์ที่เหรียญมันจะออกหน้านั้นดันเยอะซะด้วยสิ

         “โหย พวกมึงนี่ซีเรียสฉิบหาย ดูสิอีเพนหน้าซีดหมดแล้ว มานี่ ฟังกูอีเพน! ไอ้พี่ปลาวาฬนั่นน่ะ ถ้ามึงอยากคุยก็คุยเล่นๆ ขำๆ ไม่ต้องไปคิดจริงจัง ยังไงก็ไม่ได้เป็นส่วนนึงในชีวิตจริงของกันและกันอยู่แล้ว แต่คุณเกียรติเนี่ยสิ ทั้งหล่อ ทั้งดีกับมึงฉิบหายเลย ถึงเขาจะดุ แต่กูว่าเขาแค่เป็นห่วงมึงหว่ะ มึงคิดดูเขาถึงขั้นยอมแคนเซิลไฟลท์แล้วขับรถเป็นสิบชั่วโมงเพื่อมาส่งมึงที่ห้องเชียวนะ ผู้ชายดีดีแบบนี้หาได้ที่ไหน ยังไงแล้วคนนี้มึงต้องจับเอาไว้แน่นๆ เลยเชื่อกู” ยัยแป้งตีไหล่ผม พูดเสียงร่าเริงเหมือนไม่อยากให้ผมคิดมาก พลางออกอุบายให้ผมเสร็จสรรพ

         “ไม่เอาหรอก ไอ้พี่มันเป็นประสาทเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ขืนได้ผู้ชายแบบนี้กูเป็นบ้าพอดี”

         “แหนะ ปากบอกไม่เอาแต่ฟังจากน้ำเสียงที่เล่าเมื่อกี้ก็ดูชอบอยู่นะกูว่า” ยัยแป้งทำหน้าเหมือนรู้ทัน

         “ไม่ได้ชอบโว้ย!” ผมปฏิเสธเสียงแข็ง

         “เออ จริงกับคุณเกียรตินี่มึงดูมีเปอร์เซ็นต์มากกว่าหว่ะเพน ถ้ามึงได้เขามานี่ถือว่าเป็นชื่อเสียงแก่วงศ์ตระกูลเลยนะเว้ย หล่อฉิบหาย ควงไปไหนนะรับรอง มีแต่คนอิจฉามึงทั้งบ้านทั้งเมือง กูด้วยหนึ่งในนั้น” ไอ้โซ่พูดเหมือนกะให้ตลกแต่หน้าตาเสือกจริงจัง

         “โอ๊ย บ้าบอ พวกมึงแม่งพูดอะไรก็ไม่รู้”

         “เออ แต่เชื่อกูเหอะเพน ถ้ามึงรักพี่ปลาวาฬอะไรนั่นจริงมึงต้องบอกเขาตรงๆ เว้ย ใจแลกใจดิวะ" ไอ้เติ้ลพยายามเชียร์ผมไม่ลดละ "คือฟังจากที่มึงเล่ามาเนี่ย กูเชื่อว่าเขารักมึงจริงๆ นะเว้ย กูมั่นใจว่าถ้ามึงบอกไปแล้ว ถึงสุดท้ายเขาอาจจะไม่ได้รักมึงแบบคนรัก แต่กูว่าเขาต้องรับได้ ถึงตอนนั้นมึงก็จะได้พี่ชายดีดีมาคนนึงนะเว้ย คิดดิวะเพน คิด!”

         “อือ”

 

         แล้วมึงคิดว่ากูอยากได้พี่ปลาวาฬเป็นพี่ชายไหมวะเติ้ล คิดดิวะคิด?!!

 

       

++++++++++++++++++++++


 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-03-2020 14:10:18 โดย CharmingAlisia »

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
Re: • ค ว ร คู่ กั น • ║ EP.10 - 03/03/20 ❤
«ตอบ #44 เมื่อ28-04-2020 07:06:27 »

 :pig4:
 :3123:

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: • ค ว ร คู่ กั น • ║ EP.10 - 03/03/20 ❤
«ตอบ #45 เมื่อ29-04-2020 02:22:34 »

เป็นเครียด  :ling2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด