{เรื่องสั้นตอนเดียวจบ} ,,คำสัญญา,,
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: {เรื่องสั้นตอนเดียวจบ} ,,คำสัญญา,,  (อ่าน 1836 ครั้ง)

ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5
***************************************************************************************

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฎ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฎข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฎข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************
Share This Topic To FaceBook

ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5
คำสัญญา

...




   “ครับแม่ ไผ่ขออยู่ต่ออีกสักวันสองวัน ครับ แล้วไผ่จะรีบกลับ ครับ” หลังจากวางสายจากมารดาที่โทรมาถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง จากกำหนดการเดิมคือถ่ายงานสามวันสองคืน แต่เด็กหนุ่มที่รับเป็นช่างภาพฟรีแลนซ์กลับขออยู่ต่อ เนื่องจากนานแล้วที่ไม่ได้ออกมาถ่ายงานต่างจังหวัด ยิ่งแถวชนบทแบบนี้ยิ่งแล้วใหญ่ ทั้งต้นไม้ ภูเขา นก หรือแม้แต่แสงแดดรำไรในยามเช้า เขาชอบทั้งหมด

   งานที่รับครั้งนี้ ได้มาจากรุ่นพี่ที่รู้จักอีกที เพราะว่าที่เจ้าบ่าว เจ้าสาวอยากได้ช่างภาพฝีมือดีถ่ายรูปพรีเวดดิ้งให้ ซึ่งแน่นอนว่าพอร์ตฟอลิโอของไผ่ถูกนำเสนอด้วย จนไผ่ได้รับงานนี้มา และเจ้าสาวอยากได้ภาพบรรยากาศท้องทุ่ง กับบนเขา โลเคชั่นที่มีจึงเป็นนอกเมืองแบบนี้

   ไผ่ยกกล้องคู่ใจถ่ายผีเสื้อที่กำลังเกาะดอกไม้สีสวย มุมปากเผยรอยยิ้มยามที่ได้เห็นความงามของธรรมชาติด้วยสายตาตัวเอง แต่จู่ๆ ท้องฟ้าใสก็เริ่มมีเมฆดำลอยมาตามแรงลม แล้วฝนห่าใหญ่ก็เทลงมา ร่างสูงโปร่งรีบคร่อมมอเตอร์ไซค์ที่ยืมจากรีสอร์ท มือขาวสตาร์ทพลางออกตัว

   เส้นทางคดเคี้ยว อีกทั้งฝนเม็ดโตทำให้ชายหนุ่มมองแทบไม่เห็นทาง แม้จะใช้ความเร็วต่ำ แต่ด้วยความที่ถนนลื่นทำให้ล้อจักรยานยนต์เสียการควบคุม เป็นเหตุให้ทั้งคนและรถพุ่งลงข้างทาง ในชั่ววินาทีนั้นชายหนุ่มนึกถึงแต่ใบหน้าพ่อและแม่ยามที่ร่างไถลลงข้างทาง ความเร็วหยุดลงเมื่อแผ่นหลังกระแทกเข้ากับต้นไม้ใหญ่ อาการเจ็บแปลบเล่นงานจนหน้าขาวบิดเบี้ยว ดวงตาเรียวทั้งสองข้างมองเห็นภาพอย่างเลือนราง ก่อนจะหมดสติไปในที่สุด






   กลิ่นเมนทอลแรงจนต้องขมวดคิ้ว เปลือกตาคนนอนไม่ได้สติเริ่มขยับก่อนจะปรือตาขึ้น ความพล่าเลือนในยามแรกที่เจอแสงไฟสีขาวทำให้ต้องกระพริบตาอยู่นาน กว่าภาพที่เห็นจะกลับมาชัดดังเดิม และสิ่งแรกที่เห็นคือเพดานสีขาว มีหลอดไหลนีออนและพัดลมติดอยู่ พอเลื่อนสายตาไปเรื่อยๆ ก็เห็นเสาเหล็กที่ไว้ห้อยน้ำเกลือข้างเตียง เลยไปอีกหน่อยเป็นโซฟาหนังที่มีสภาพไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่

   “ตื่นแล้วเหรอ” เสียงร้องทักทำให้คนเพิ่งตื่นหันไปมอง แต่สิ่งที่เห็นกลับกลายเป็นผ้าม่านผืนยาวที่ใช้คั่นระหว่างเตียงแทน ไผ่ย่นคิ้วลงนิดๆ ก่อนเอ่ยตอบแต่กลับไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมา คนเพิ่งตื่นรู้สึกแสบคอจนไอแห้ง “หิวน้ำล่ะสิ อยู่ตู้ข้างเตียงนั่นไง” ได้ยินแบบนั้น ไผ่ก็ลองขยับมือซึ่งก็ไม่มีส่วนไหนเจ็บปวด มือขาวยื่นไปหยิบแก้วที่มีน้ำประมาณอึกใหญ่ๆ มาดื่ม “หลับไปนานเลยนะไอ้หนู”

   “ผม...” แม้เสียงจะแหบแห้ง แต่ก็เริ่มมีเสียง สมองชายหนุ่มกำลังประมวลเรื่องราวก่อนหน้าเท่าที่จำได้ “รถผมพุ่งลงเขา” เสียงเบาหวิวเมื่อจำภาพเก่าได้ “ผมยังไม่ตายหรือครับ”

   “ยังหรอก” เสียงตอบกลับเพิ่มความมั่นใจ “แต่ก็หลับไปนานเหมือนกัน”

   “นานประมาณกี่วันหรือครับ” ตอนนี้เขาแทบไม่รู้วันเดือนปีด้วยซ้ำ

   “ก็ครึ่งเดือนละมั้ง” คำตอบที่ได้ทำเอาชายหนุ่มแทบลุกพรวดขึ้นนั่ง แต่อาการปวดตึงหลังทำให้ต้องล้มลงไปนอนตามเดิม “หลังกระแทกน่ะ น่าจะยังช้ำ”

   “แล้วมีใครมาเยี่ยมผมไหมครับ” ไผ่ถอนหายใจออกมาหนักๆ เพราะถ้าเขานอนไม่ได้สตินานขนาดนั้น พ่อกับแม่ต้องมาหาบ้างสิ

   “มีนะ มาช่วงแรกๆ คงจะเป็นพ่อกับแม่ของไอ้หนูนั่นล่ะ”

   ไผ่ย่นคิ้วอย่างไม่เข้าใจ ถ้าพ่อกับแม่มาหาแล้ว ทำไมไม่พาเขากลับไปรักษาในเมือง ทำไมยังปล่อยให้เขานอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลชนบทแบบนี้อีก ไม่ใช่ที่นี่ไม่ดี แต่ถ้าอยู่ในเมือง เครื่องมือก็น่าจะพร้อมกว่า เกิดเขาเป็นหนักอาจถึงขั้นไม่ตื่น ยิ่งคิดแบบนี้แล้วก็ยิ่งไม่เข้าใจ พอดีกับประตูห้องเปิดออก มีพยาบาลร่างท้วมเดินยิ้มเข้า เธอเบิกตากว้างเมื่อเห็นคนไข้ที่นอนไม่ได้สตินานนับเดือนฟื้น พยาบาลสาวรีบเดินเข้ามาหา เครื่องตรวจวัดความดันที่ถือติดมาด้วยถูกพันไว้รอบแขน

   “ดีใจที่คุณฟื้น ตอนนี้รู้สึกปวดหัว ปวดตัวหรือเจ็บที่ไหนบ้างหรือเปล่าคะ” ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงบ่งบอกว่าดีใจจริงๆ ไผ่ค่อยๆ ยกยิ้มส่งไปให้

   “ปวดหลังนิดหน่อย อย่างอื่นก็...ไม่มีครับ”

   นี่ก็น่าแปลก ตอนที่รถลงเขา ไผ่รู้สึกเหมือนว่าตัวเองน่าจะตายแล้วด้วยซ้ำ กลับบ้านไปครั้งนี้ต้องรีบทำบุญครั้งใหญ่เสียหน่อย

   “เดี๋ยวผู้ช่วยจะนำข้าวมาให้นะคะ หลับไปนานคงหิวล่ะสิ” พยาบาลขำน้อยๆ เมื่อได้ยินเสียงท้องร้องของคนป่วย พูดจบก็เก็บเครื่องตรวจวัดความดันลงกล่องตามเดิม “ถ้ารู้สึกไม่ดี ปวดหัว ปวดตัว ให้รีบแจ้งได้เลยนะคะ”

   “ขอบคุณครับ”

   หลังจากพยาบาลออกไปไม่นาน อาหารมื้อแรกก็เข้ามา ไผ่กินอย่างหิวโหย เหมือนร่างกายต้องการพลังงาน กินจนเกือบหมดก็เพิ่งนึกขึ้นได้ ว่ามีถาดอาหารแค่ของเขา แล้วเตียงข้างๆ ล่ะ

   “ฉันกินแล้ว” เสียงตอบกลับดั่งได้ยินความคิด ไผ่หันไปมองผ้าม่านที่มีเงาลางๆ ของเพื่อนร่วมห้อง “ตามสบายๆ กินเยอะๆ ล่ะ จะได้มีแรง”

   “ครับ”

   อาหารในถาดหมดอย่างรวดเร็วจนผู้ช่วยที่นำมาให้ถึงกับขำ พอถาดถูกยกออกไป ไผ่ก็เริ่มอยากขยับตัวคลายความเมื่อยขบ การนอนนานๆ เกือบครึ่งเดือนเช่นนี้ ทำให้แข้งขายึดไปหมด ขยับทีเจ็บแปลบจนต้องนิ่วหน้า ไผ่ใช้เวลาพอสมควรในการห้อยขาลงเตียงเพราะอยากเข้าห้องน้ำ แต่ละย่างก้าวดูติดขัดแต่ก็พอเดินได้ ทำธุระเสร็จก็ออกมา คราวนี้รู้สึกการเคลื่อนไหวดีขึ้น ไผ่กลับมาที่เตียง สายตามองผ้าม่านที่คั่นระหว่างเตียงก็นึกสงสัย ทำไมต้องกั้นตลอดเวลาด้วยนะ หรืออีกฝั่งจะเจ็บหนัก หรือต้องการความเป็นส่วนตัวมากๆ?

   ด้วยความสงสัยปนความอยากรู้ ทำให้ขายาวค่อยๆ เดินไปดู แต่กลับพบเพียงเตียงว่างเปล่า หรือเตียงข้างๆ จะออกไปข้างนอก เพราะตอนชายหนุ่มอยู่ในห้องน้ำเมื่อกี้ เหมือนได้ยินเสียงประตูเปิดปิดแว่วๆ ไผ่ยักไหล่แล้วกลับไปนอนที่เตียงตามเดิม นอนคิดอะไรไปเรื่อยๆ จนผล็อยหลับไป ส่วนหนึ่งอาจเพราะฤทธิ์ของยาที่เพิ่งกินเข้าไปทำให้นอนหลับใหลอย่างง่ายดาย

   กว่าจะรู้สึกตัวอีกที ก็รุ่งเช้าของวันใหม่ ไผ่กระพริบตาไล่ความงัวเงีย ใบหน้าขาวค่อยๆ หันไปมองด้านข้างที่มีผ้าม่านปิด เงาลางๆ คล้ายกับมีคนนอนอยู่ทำให้ชายหนุ่มโล่งอก พอคิดว่าจะต้องอยู่ห้องนี้คนเดียวใจก็โหวงๆ มันดูน่ากลัวยังไงพิกล ก่อนเสียงประตูจะเปิดออกเรียกความสนใจให้หันไปมอง พยาบาลร่างท้วมเดินเข้ามาพร้อมใบหน้าเปื้อนยิ้มอย่างเคย

   “ตื่นแล้วหรือคะ”

   “ครับ เมื่อคืนหลับยาวเลย รู้สึกดีขึ้นมาก”

   “ดีค่ะ อีกเดี๋ยวคุณหมอจะมาตรวจนะคะ” ระหว่างที่พูด เครื่องวัดความดันก็ทำงานอย่างดี “ความดันปกติ รอสักครู่นะคะ”

   ไผ่นอนรอคุณหมออย่างที่ได้ยิน รอแล้วรอเล่าก็ไม่เห็นมีใครเข้ามา จนพยาบาลคนเดิมเดินหน้ามุ่ยมาที่เตียงของเขา

   “พอดีคุณหมอมีตรวจคนไข้อยู่ที่ห้อง ก็เลย..”

   “ให้ผมไปตรวจที่ห้องแบบคนอื่นก็ได้ครับ ผมเดินได้ ปกติดีทุกอย่าง” โรงพยาบาลแบบนี้ หมอน่าจะมีน้อย ไผ่เข้าใจดี “เอาแบบนี้แหละครับ”

   “งั้นก็...” แม้จะลังเล แต่สุดท้ายพยาบาลก็เดินออกมาต่อสายถามความเห็น ซึ่งคุณหมอก็อนุญาตให้พาคนไข้ไปที่ห้องตรวจแทน ในเมื่อคุณหมอกำลังติดพันการตรวจคนไข้หลายราย

   ไผ่ใช้เวลาล้างหน้าแปรงฟันในช่วงที่พยาบาลไปหารถเข็น แม้ตอนแรกชายหนุ่มจะขอเดินไปเอง แต่พยาบาลกลับไม่เห็นด้วย เพราะถึงจะไม่เป็นอะไรแล้ว ก็ควรป้องกันไว้ก่อน เกิดหกล้มขึ้นมากระดูกแตกหักจะลำบาก รถเข็นของไผ่ถูกเข็นผ่านทางเชื่อมตึก ก่อนมาหยุดหน้าห้องตรวจหมายเลขหนึ่ง ซึ่งตอนนี้มีคนไข้รอตรวจหน้าห้องอยู่หนึ่งคน

   “รอตรงนี้ก่อนนะคะ” พยาบาลบอกเสียงทุ้ม ก่อนเธอจะเดินไปที่เคาน์เตอร์เอกสารเพื่อเตรียมใบประวัติของคนไข้

   ช่วงระหว่างรอตรวจ ไผ่ไล่สายตามองไปอย่างเรื่อยเปื่อย ก่อนจะมาหยุดอยู่ที่คนนั่งรอตรวจ ซึ่งเธอส่งยิ้มมาให้ ทำให้ไผ่ยิ้มตอบกลับ

   “คุณป้าป่วยเป็นอะไรหรือครับ”

   “เป็นมะเร็งจ้ะ” คนถูกถามตอบเสียงแหบ “แล้วพ่อหนุ่มล่ะ ป่วยเป็นอะไร”

   “รถลงเขาครับ หลับไปเกือบเดือน”

   “โชคดีนะที่ฟื้นขึ้นมาได้ คงทำบุญมาเยอะล่ะสิ”

   “ก็...”

   ยังไม่ทันที่ไผ่จะได้ตอบ พยาบาลก็เดินเข้ามาหา พลางเข็นรถเข็นของไผ่เข้าไปในห้องตรวจ มืออวบวางเอกสารใบประวัติคนไข้ไว้บนโต๊ะ ก่อนจะกำชับให้นั่งรอแล้วเธอเดินออกไปข้างนอกอีกครั้ง ห้องขนาดพอดีมีตู้ล็อกเกอร์อยู่ด้านหลัง และมีเตียงตรวจอยู่ด้านข้าง โดยรวมก็เหมือนกับห้องตรวจคนไข้ตามโรงพยาบาลหรือคลินิกทั่วๆ ไปอย่างที่เขาเคยเห็น แต่แล้วหางตาเหลือบไปเห็นพวงดอกมะลิวางอยู่บนตู้ลิ้นชักเหล็ก คุณหมอเจ้าของห้องคงชอบแน่เลย สำหรับไผ่แล้ว ไม่ค่อยถูกกับกลิ่นสักเท่าไหร่ หอมนะ แต่ดมนานๆ ก็ไม่ค่อยไหวเหมือนกัน สำรวจจนทั่วพอดีกับเสียงประตูด้านหลังเปิด ไผ่เอี้ยวคอไปมอง เห็นผู้ชายรูปร่างสูงโปร่ง สวมชุดกาวน์สีขาว ใบหน้าติดรอยยิ้มดูใจดีจนคนป่วยเผลอยิ้มตาม

   “สบายดีแล้วสินะครับ หลับไปตั้งนาน” คำทักทายของหมอทำเอาไผ่ยิ้มแกนๆ ส่งไปให้ “ยังมีอาการปวดหัว หรือปวดร่างกายตรงไหนไหมครับ”

   “ไม่เลยครับคุณหมอ” ไผ่ส่ายหน้าพลางตอบ “ตอนรถไถลลงเขา ผมคิดว่าตัวเองตายแน่ๆ ไม่คิดว่าจะรอดมานั่งคุยกับคุณหมอแบบนี้”

   “นี่ถ้าผมไม่ใช่หมอ คงต้องถามว่าคุณห้อยพระอะไรถึงรอดมาได้” คุณหมอพูดจบก็ขำออกมา “ดูจากรายงานแล้ว ทุกอย่างปกติดี จะมีก็แค่รอยช้ำที่หลัง กับขาที่ยังเดินได้ไม่เต็มที่”
 
   “ครับ หลังไม่ได้ปวดมากแล้ว ส่วนขา ผมก็พยายามเดินตามที่พยาบาลบอก” ไผ่ว่า

   “งั้นผมขอดูหน่อยนะครับ” คุณหมอลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ขายาวก้าวเข้ามาหาคนไข้พลางเข็นรถเข็นไปที่เตียง “นอนคว่ำนะครับ” รีบบอกเพราะคนไข้ขึ้นไปนอนหงายอย่างเรียบร้อย ไผ่ขำออกมาก่อนรีบพลิกตัวนอนคว่ำ มือเย็นของคุณหมอเลิกเสื้อด้านหลังขึ้น ความเย็นที่แตะแผ่นหลังทำเอาไผ่สะดุ้ง “อืม อีกไม่นานก็น่าจะเป็นปกติ ส่วนขานี่ก็” คราวนี้ไผ่ถูกพยุงให้ลุกขึ้นนั่งโดยห้อยขาลงจากเตียง “เดินบ่อยๆ ก็น่าจะมีแรง”

   “ต้องทำกายภาพไหมครับ”

   “ไม่ต้องครับ สภาพกล้ามเนื้อขาไม่ได้ลีบ”

   “น่าแปลก”

   “อะไรแปลกหรือครับ”

   ไผ่รีบส่ายหน้าไม่กล้าบอก สิ่งที่เขาคิดว่าแปลกคือการที่นอนนานๆ แบบนั้นแต่กล้ามเนื้อทุกส่วนยังปกติดีทุกอย่าง “แล้วแบบนี้ผมจะกลับบ้านได้เมื่อไหร่หรือครับ” ในเมื่ออาการไม่หนักแล้ว เขาก็อยากกลับบ้าน จะว่าไปตั้งแต่ฟื้นมายังไม่ได้โทรหาพ่อหรือแม่เลยด้วยซ้ำ โทรศัพท์ของเขาก็คงหายไปในวันที่เกิดอุบัติเหตุ
 
   “รอดูอาการอีกสักสองถึงสามวันน่าจะออกได้ครับ ดูแล้วร่างกายคุณแข็งแรงดี” คุณหมอตอบพลางเข็นไผ่กลับมาข้างโต๊ะเช่นเดิม “ทานข้าวได้แล้วใช่ไหมครับ”

   “ครับ แต่ผมไม่ค่อยชอบ”

   “อ่าว ทำไมล่ะครับ หรือมันไม่อร่อย”

   “ก็อร่อย แต่มันจืดไป ผมชอบรสจัดๆ อย่างข้าวต้มที่กินไป อยากขอพริกกับพยาบาลมากเลย” พูดจบ ห้องทั้งห้องก็มีเสียงหัวเราะสองเสียงประสานกัน “ถ้าเกิดผมเบื่อ สามารถออกไปเดินในสวนด้านล่างได้ใช่ไหมครับ นอนนานแบบนี้ เส้นยึดไปหมด” ว่าแล้วไผ่ก็ทุบขาตัวเองไปมา

   “ได้ครับ แต่ต้องระวังให้มาก เกิดหกล้มไปจะแย่เอา”

   “ผมแค่เดิน ไม่ได้วิ่งสักหน่อย คุณหมอก็”

   หลังจากสอบถามเสร็จ คุณหมอรูปหล่อก็ขอตัวออกไปด้านนอก ปล่อยให้ไผ่นั่งขำตัวเองที่คุยเรื่อยเปื่อยกับหมอ แทนที่จะถามไถ่อาการตัวเองให้มากกว่านี้ ก่อนเสียงเปิดประตูจะดังขึ้น ชายหนุ่มรีบหันไปยิ้มเพราะคิดว่าเป็นพยาบาล แต่กลับเป็นชายร่างท้วม สวมเสื้อกาวน์สีขาวเดินหน้านิ่งเข้ามา

   “ขอโทษที พอดีผมคุยกับคนไข้อีกห้องนานไปหน่อย” คำบอกของคนที่นั่งเก้าอี้ตรงหน้า ทำเอาไผ่ย่นคิ้วมองด้วยความสงสัย “ผมขอตรวจหน่อยนะครับ”

   “อ่าว เมื่อกี้หมอก็ตรวจไปแล้วนี่ครับ”

   “ผมเพิ่งมา จะไปตรวจคุณได้ยังไง”

   “ผมหมายถึง เมื่อกี้มีคุณหมอตัวสูงๆ มาตรวจแล้ว บอกผมไม่เป็นอะไร อีกสองสามวันก็กลับบ้านได้”

   “คุณหมอตัวสูงๆ หรือครับ?”

   “ครับ เพิ่งออกไปก่อนหน้าคุณหมอเมื่อกี้”

   ไผ่ทำหน้างง พอๆ กับคุณหมอตรงหน้าที่ขมวดคิ้วจนเป็นปม ถ้ามีคนออกห้องไป เขาก็ต้องเห็นสิ ก่อนเข้ามาเมื่อกี้เขาก็ยืนคุยกับพยาบาลอยู่ด้านหน้าห้อง ไม่เห็นมีใครเข้าออก

   “ถึงแบบนั้น ผมก็ขอตรวจอีกทีนะครับ เพราะผมเป็นหมอเจ้าประจำตัวคนไข้”

   “อ่าครับ”

   แล้วการตรวจร่างกายก็เกิดขึ้นอีกรอบ ซึ่งก็ไม่ต่างจากเดิมคือการถามไถ่อาการ รวมไปถึงนอนบนเตียงเพื่อตรวจดูแผ่นหลังที่มีรอยช้ำขนาดใหญ่

   “กดแบบนี้เจ็บไหมครับ” ไผ่ส่ายหน้าเมื่อถูกนิ้วกดลงบนแผ่นหลัง “ตรงนี้ล่ะครับ”

   “ไม่เจ็บครับ”

   “อาการโดยรวมถือว่าดีมาก ปกติรอยช้ำแบบนี้น่าจะยังปวดอยู่”

   “งั้นผมกลับบ้านได้แล้วใช่ไหมครับ” ไผ่ถามขณะลงมานั่งประจำรถเข็นของตัวเอง พอคุณหมอพยักหน้า ชายหนุ่มก็ยิ้มออกทันที “โล่งอก ผมคิดว่าต้องทนอยู่เป็นเดือนเสียอีก”

   “ก็น่าแปลกนะครับ เคสแบบคุณน่าจะอาการหนัก แต่นี่กลับไม่เป็นอะไรเลย”

   “แล้วทำไมผมถึงนอนไม่ตื่นเกือบเดือนล่ะครับ”

   “หมอก็ไม่ทราบสาเหตุเหมือนกัน เช็คทุกอย่างๆ ระเอียดแล้วก็ปกติดี ทั้งความดัน คลื่นหัวใจ คลื่นสมอง ในตอนแรกพ่อกับแม่ของคุณก็อยากพากลับ แต่อยู่ๆ ก็เกิดเปลี่ยนใจให้นอนรักษาที่นี่ต่อ”

   “พ่อกับแม่ของผมเปลี่ยนใจหรือครับ” ไผ่ย่นคิ้วลงนิดๆ เหมือนใช้ความคิด อะไรกันนะ ที่ทำให้พ่อกับแม่เปลี่ยนใจแล้วปล่อยให้เขาต้องนอนรักษาอาการอยู่ที่นี่ ทั้งที่โรงพยาบาลในเมืองน่าจะมีเครื่องมือพร้อมมากกว่า คุณหมอตรงหน้าส่งยิ้มบางๆ มาให้ ไผ่ก็คลี่ยิ้มส่งกลับ แม้ภายในสมองกำลังคิดหาเหตุผลอยู่ก็ตาม

   “เดี๋ยวคุณออกไปรอด้านนอกสักครู่นะครับ” คุณหมอพูดจบ พยาบาลก็เดินเข้ามาพลางเข็นรถเข็นออกมาหยุดอยู่ด้านหน้าห้องตามเดิม

   “เป็นไงบ้างพ่อหนุ่ม” คำถามดังมาจากคุณป้าคนเดิมที่ยังนั่งอยู่เก้าอี้หน้าประตู

   “อาการปกติแล้วครับ คุณหมอบอกให้กลับบ้านได้” ไผ่บอกพลางส่งยิ้ม “คุณป้าไม่เข้าไปหรือครับ คุณหมออยู่ในห้องนะ หรือยังไม่ถึงคิวตรวจ?” ไผ่มองซ้ายมองขวาไม่เห็นคนไข้คนอื่นนั่งรอตรวจสักคน “คุณป้า อ่าว” หันมาอีกที คนที่นั่งคุยกับไผ่ก็หายไปซะแล้ว พร้อมๆ กับพยาบาลเดินตรงเข้ามาหาไผ่พอดี

   “มองหาใครหรือคะ”

   “คุณป้า...ผมหมายถึงคนไข้ที่นั่งรอตรวจหน้าห้องเมื่อกี้ครับ”

   “ไม่มีนะคะ มีคุณนั่งอยู่คนเดียว”

   “ครับ?”

   “กลับห้องกันค่ะ”

   ไผ่ยกมือเกาท้ายทอยตัวเองแบบงงๆ จะไม่มีคนอื่นได้ยังไง ในเมื่อเขาเพิ่งคุยกับคุณป้าสวมชุดคนไข้เมื่อกี้ หรือพยาบาลอาจไม่ทันสังเกต หรือไม่ก็คุณป้าแกอาจเดินไปก่อนที่พยาบาลจะเข้ามา ยิ่งคิดก็ยิ่งสับสน

   หลังจากไผ่กลับมาถึงห้องพัก ความว้าวุ่นทำให้ชายหนุ่มอยากออกไปเดินเล่น เผื่อสมองจะปลอดโปร่ง อีกอย่าง เขาไม่อยากรบกวนเตียงข้างๆ ที่กำลังนอนพักผ่อน ไผ่เดินเอื่อยๆ ออกมาจากห้อง ผ่านเคาน์เตอร์พยาบาลจนมาถึงทางเชื่อมระหว่างตึก ความเขียวขจีของต้นไม้ทำให้ไผ่เลือกที่จะเดินผ่านทางเชื่อม ชายหนุ่มยืนเหม่อ มองความงามของธรรมชาติหน้าโรงพยาบาล ที่ตรงนี้สามารถมองเห็นทางเข้าที่มีต้นไม้โล้เข้าหากันเหมือนอุโมงค์ อีกทั้งรอบๆ ยังมีต้นไม้สูงใหญ่ดูร่มรื่น หากเป็นในเมืองหลวงคงจะมีแต่ตึกลามบ้านช่องแล้วก็รถราที่วิ่งให้ขวักไขว่อย่างน่ารำคาญ

   “เฮ้อ” ชายหนุ่มถอนหายใจออกมา แล้วต้องสะดุ้ง เมื่อบ่าถูกความเย็นวางทาบ หันไปมองก็เจอคุณหมอคนแรกที่ตรวจให้กำลังส่งยิ้มมา “คุณหมอนั่นเอง ผมตกใจหมด”

   “ใจคงลอยกลับบ้านแล้วสินะครับ” เสียงนุ่มพูดปนขำ “เห็นคุณแข็งแรงแล้วแบบนี้ค่อยหายห่วง” ไผ่หันไปมองคุณหมอที่ยืนอยู่ด้านข้าง ใบหน้าดูคุ้นตาแต่ก็นึกไม่ออก “มองหน้าผม มีอะไรจะถามหรือเปล่าครับ” ขนาดไม่หันมามอง แต่คุณหมอกลับรู้ดั่งมีดวงตาอยู่รอบศีรษะ

   “ผมแค่กำลังคิด ว่าเราเคยเจอกันที่ไหนหรือเปล่า” ไผ่ตอบไปตามความจริง คุณหมอถึงกับหัวเราะ “คุณหมอเคยไปประจำที่ในเมืองใหญ่หรือเปล่าครับ”

   “ไม่ครับ” คุณหมอตอบเสร็จ ดวงตาที่เหม่อมองตรงหน้าดูล่องลอย “ผมชอบที่นี่”

   “ที่นี่ก็...น่าอยู่ดีนะครับ”

   “ถ้าในฐานะหมอก็คงใช่ แต่ถ้าเกิดเป็นคนป่วย คงไม่อยากอยู่นาน”

   “ก็จริง”

   ทั้งคู่หลุดหัวเราะออกมาพร้อมกัน ก่อนเสียงล้อเหล็กเสียดกับพื้นปูนดังขึ้น จนไผ่สะดุ้งตกใจรีบหันไปมอง ดวงตาเรียวทันเห็นผู้ช่วยเข็นเตียงนอนผู้ป่วยผ่านไปอย่างเร่งรีบ อาจมีผู้ป่วยฉุกเฉินสักรายที่รออยู่ และเมื่อทุกอย่างเงียบสงบ ไผ่ก็หันมาหาคุณหมอเพื่อจะคุยต่อ แต่ที่ข้างๆ กลับว่างเปล่า สงสัยคุณหมออาจจะรีบไปช่วยคนไข้ แต่ก่อนไปก็น่าจะบอกกล่าวกันบ้าง

   เมื่อรู้สึกดีขึ้น ชายหนุ่มก็เดินผ่านทางเชื่อมไปอีกตึก เขาอยากสำรวจที่นี่ก่อนกลับ แม้บรรยากาศจะดูวังเวงไปสักหน่อยเพราะคนไม่ค่อยมี ขายาวก้าวลงบันไดไปเรื่อยๆ จากชั้นสองสู่ชั้นหนึ่ง ช่วงสุดท้ายของบันไดชั้นหนึ่ง ไผ่มองด้านหลังผู้ชายสวมชุดคนไข้นั่งหันหลังอยู่ตรงบันไดขั้นแรก ชายหนุ่มไม่ได้คิดจะสนใจจนช่วงที่เดินผ่าน อยู่ๆ คนที่นั่งกลับสะบัดหน้าหันมาหาจนไผ่สะดุ้งเกือบสะดุดขาตัวเองตกบันได ดวงตาที่กำลังจ้องมาคล้ายกับโมโห ลูกตาเปลี่ยนจากสีขาวเป็นแดงกล่ำและมันค่อยๆ ถลนออกมาจากเบ้า เส้นเลือดในนัยน์ตาพองใหญ่คล้ายกับจะแตก ไผ่เบิกตากว้างก่อนจะวิ่งหนีไปให้เร็วที่สุด

   ที่เจอเมื่อกี้ มันคืออะไร!

v
v
v
(มีต่อด้านล่างค่ะ)

ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5
v
v



        ขายาวกึ่งเดินกึ่งวิ่ง หน้าก็คอยหันกลับไปมองด้านหลัง ทำให้เขาไม่ทันระวัง จนชนจังๆ กับใครสักคนที่ตัวกระเด็นไปชนกำแพง ไผ่ตกใจรีบโผเข้าไปประคอง แม้จะยังระแวงด้านหลังกลัวว่าจะสิ่งที่เจอจะตามมา
 
   “ผมขอโทษครับคุณลุง เป็นอะไรมากหรือเปล่า” ไผ่ถามขณะประคองผู้ชายวัยกลางคนที่สวมชุดคนไข้มานั่งเก้าอี้หน้าห้องเก็บเอกสารเก่า

   “เจ็บหัว” คนถูกชนบอกอาการก่อนจะ ยกมือกุมศีรษะตัวเองไว้ ไผ่รู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุ ตอนที่ไม่ทันมอง ศีรษะคุณลุงอาจไปกระแทกกับกำแพงเข้า “เจ็บหัวมาก” เสียงโอดโอยยังถูกพูดออกมาอย่างต่อเนื่องจนไผ่เริ่มลนลาน ชายหนุ่มหันซ้ายหันขวาเพื่อที่จะหาคนมาช่วย “เจ็บ!”

   เสียงตะโกนดังลั่นทำเอาชายหนุ่มตกใจจนลุกขึ้นยืนพลางขยับถอยห่าง และนั่นเอง ทำให้ไผ่เห็นหยดเลือดที่ไหลจากหน้าผากลงมาที่ใบหน้า

   “คุณลุงหัวแตก”

   “เจ็บเหมือนจะระเบิด!”

   “เดี๋ยวผมพาไปหาหมอครับ”

    “กูเจ็บ!!”

   เสียงหวีดร้องพร้อมแรงสะบัดจากการจับ ทำให้ไผ่ตกใจถอยไปยืนชิดกำแพงอีกฝั่ง ตอนนี้ใบหน้าของคุณลุงตรงหน้าเต็มไปด้วยเลือดสีแดงสดที่ไหลจากศีรษะอย่างไม่ขาดสาย

   “ละ ลุง”

   “กูเจ็บ!”

   คนบอกเจ็บลุกขึ้นยืน แต่เลือดที่ไหลเต็มหน้าทำให้ดวงตาสองข้างปิดสนิท มือย่นเลยควานอากาศเพื่อหาที่เกาะ ไผ่ตัวสั่นทำอะไรไม่ถูก เท้าสองข้างเริ่มขยับหนี ยิ่งได้เห็นชุดคนไข้ของคุณลุงชุ่มไปด้วยเลือด ไผ่ก็ยิ่งสั่น กลิ่นคาวคละคลุ้งจนต้องกลั้นหายใจ

   “กูบอกว่า กูเจ็บ!”

   เสียงตะโกนสุดท้ายก่อนเลือดจากศีรษะจะพุ่งกระฉูดราวกับน้ำพุนองเต็มพื้น แล้วอยู่ๆ หนังศีรษะตำแหน่งที่เลือดพุ่งก็ค่อยๆ หลุดร่อนลงบนไหล่จนเห็นเนื้อสมองสีขาวด้านใน

   “ไอ้เหี้ย!”

   ไผ่ตะโกนอย่างขาดสติ ขายาวรีบวิ่งหนีแม้กล้ามเนื้อจะรู้สึกปวดตึงแต่เขาก็ต้องวิ่ง สิ่งที่เพิ่งเจอเมื่อกี้มันคืออะไร ผีอย่างงั้นหรือ นี่เขาเจอผีตอนกลางวันจริงๆ เหรอ ไม่อยากจะเชื่อ แต่ถ้าไม่เชื่อแล้วสิ่งเมื่อกี้มันคืออะไร ตอนนี้ภาพมันสมองสีขาวไหลผสมเลือดสีแดงสดยังติดตา กลิ่นคาวเลือดก็ยังติดจมูก มันไม่ใช่ความฝันแน่ๆ ลองหยิกตัวเองก็เจ็บ

        คนกลัววิ่งหนีลัดเลาะกลับมายังตึกแรกเพื่อจะกลับขึ้นห้องที่อยู่ชั้นสอง แต่ระหว่างทางกลับเห็นพยาบาลทำของหล่นเลยต้องหยุดเก็บ แม้จะอยากมองผ่านแต่ก็ทำไม่ได้ ไผ่เอ่ยเรียกปุ๊บ พยาบาลก็หยุดเดินพลางหันหน้ากลับมาหา สิ่งที่เขาเห็นคือพยาบาลที่ไร้ผิวหนัง มีแต่กล้ามเนื้อที่ทุกส่วนล้วนเป็นสีน้ำตาล เส้นเลือดที่เรียงรายบนกล้ามเนื้อบางเส้นก็หลุดห้อยลง ใบหน้าที่เริ่มแห้งจนเป็นโครงกระดูก มีลูกตาดวงตากำลังจ้องมาที่เขา ปากที่ไร้หนังหุ้มค่อยๆ ยกขึ้น ไผ่ถือขวดน้ำเกลือด้วยมือที่สั่น กลิ่นฟอร์มาลีนโชยมาจนรู้สึกฉุน

          “มีอะไรเหรอ”

          ไผ่ไม่ตอบคำถามใดๆ ชายหนุ่มเลือกที่จะโยนของในมือทิ้งแล้วรีบวิ่งกลับขึ้นห้อง ตอนนี้เขาอยากกลับบ้าน ไม่อยากอยู่ที่นี่แม้แต่วินาทีเดียว

         พอวิ่งขึ้นมาจวนจะถึงห้อง มือกำลังยื่นไปบิดลูกบิด แต่บานประตูกลับเปิดออกมา ไผ่ร้องตกใจอย่างขวัญเสียเมื่อเห็นชุดพยาบาล ชายหนุ่มพุ่งตัวไปยืนหันหลังชิดกำแพงด้วยความกลัวจนตัวสั่น

   “ไปไหนมาคะ” คำถามที่ไผ่แกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน “คุณคะ ดิฉันถาม” มือที่จับบนบ่าทำเอาไผ่สะดุ้งยกมือปัดออกจนพยาบาลตกใจไปด้วย “อะไรของคุณเนี่ย เป็นอะไรคะทำไมวิ่งกระหืดกระหอบกลับมาอย่างกับไปเจออะไรมา” แม้คนตัวสั่นจะสะบัดตัวอยู่ตลอด แต่พยาบาลก็ไม่ลดละ จนสุดท้ายต้องใช้มือสองข้างจับยึดไหล่เอาไว้ ความอุ่นจากฝ่ามือทำให้ไผ่ค่อยๆ สงบลงจนหันมามอง “เป็นอะไรคะ”

   “คนใช่ไหม” คำถามแรกที่ออกจากปากที่สั่น พยาบาลตรงหน้าย่นคิ้วอย่างไม่เข้าใจ “คุณพยาบาลเป็นคนใช่ไหม”

   “ก็คนน่ะสิคะ เห็นเป็นผีหรือไง” ได้ยินแบบนี้ปุ๊บ ไผ่ก็ทรุดลงนั่งกับพื้นจนแทบอยากร้องไห้ แม้จะเป็นผู้ชายก็เถอะ เจอแบบนี้ก็ไม่ไหวเหมือนกัน “เป็นอะไรคะ ตัวคุณสั่นมากเลย หรือไม่สบาย?”

   “ผมไม่ได้ไม่สบาย แต่ผมอยากกลับบ้าน ให้ผมกลับบ้านเถอะ ผมจะกลับตอนนี้” บอกอย่างลนลาน ตอนนี้เขาอยากออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด “นะครับ ให้ผมกลับ ตอนนี้เลย” 
   “ได้ค่ะได้ คุณหมออนุญาตแล้ว”

   ต้องขอบคุณร่างกายที่หายเป็นปกติ ทำให้เขาสามารถออกจากโรงพยาบาลเมื่อไหร่ก็ได้

   “เร็วๆ นะครับ ผมอยากออกตอนนี้”

   สภาพจิตใจของชายหนุ่มในตอนนี้คือไม่ไหวจริงๆ ภาพที่เห็นกับสิ่งที่เจอมันทำให้เขาหวาดระแวงไปหมด จะหันไปทางไหนก็รู้สึกกลัว ไผ่กลับเข้าห้องเพื่อเก็บของส่วนตัว ระหว่างเก็บ เสียงทักจากข้างเตียงก็ดังขึ้น

   “จะออกแล้วหรือไอ้หนู”

   “ผมต้องออกครับ อยู่ไม่ได้”

   “นี่ฉันต้องอยู่คนเดียวอีกแล้วหรือ”

   “คุณก็รีบๆ หายแล้วรีบออกจากที่นี่เลยนะครับ ที่นี่น่ากลัว”

   “น่ากลัวยังไง”

   “ที่นี่มีผี” สิ้นเสียงปุ๊บ เตียงข้างๆ ก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างขบขัน “จริงๆ นะครับ ผมเพิ่งเจอมา”

   “โรงพยาบาลที่ไหนมันก็มีผีนั่นแหละ คนตายกี่ร้อย กี่พันศพเขาก็เอามาที่โรงพยาบาลกัน จะไปกลัวทำไม”

   “ถึงอย่างนั้นผมก็กลัวอยู่ดี” ไผ่เปลี่ยนชุดในห้องน้ำเสร็จก็เดินออกมาอยู่หน้าประตู มือยกกระเป๋าเป้ขึ้นบ่า “รีบๆ หายนะครับ ผมไปก่อน”

   “โชคดี” คำอวยพรที่เสียงเหมือนกระซิบด้านหลัง ชายหนุ่มค่อยๆ หันไปมองก่อนผงะ เมื่อได้เห็นหน้าผู้ป่วยเตียงข้างๆ ในระยะใกล้ ใบหน้าเหี่ยวย่นจนเหมือนคนอายุเกินเจ็ดสิบ

   “ขอบคุณครับ” ไผ่ยกมือไหว้ แม้จะงงๆ ที่คุณตา เรียกแบบนี้คงได้ มายืนซะชิดเขา ทั้งที่เมื่อกี้ยังเห็นเงานอนบนเตียงอยู่เลย

   “ว่างๆ ก็มาเยี่ยมบ้างนะ เอาหมากมาฝากด้วย ฉันชอบ” คุณตาพูดจบก็ยิ้มกว้าง ก่อนฝักฟันปลอมในปากจะค่อยๆ เลื่อนออกมาจนตกลงบนพื้น ดวงตาเรียวมองของที่ร่วงข้างเท้าตัวเองนิ่ง พอเงยหน้าขึ้นก็ต้องตกใจตาแทบถลน เมื่อปากไร้ฟันของคุณตาเต็มไปด้วยน้ำหมากสีแดงที่ค่อยๆ ไหลทะลักลงมาอาบชุดคนไข้

   เพียงเท่านั้นไผ่ก็รีบเปิดประตูแล้ววิ่งหนีทันที นี่เขาไม่รู้เลยว่าเตียงข้างๆ ก็เป็นผี ทั้งที่คุยกันมาตลอด ขายาววิ่งมาหยุดที่เคาน์เตอร์พยาบาลและได้รู้ว่าค่ารักษาของไผ่ถูกจ่ายไปแล้ว ดังนั้นชายหนุ่มไม่อยู่รอให้เสียเวลาอีก เขาต้องออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด

   “โชคดีนะครับ” คำอวยพรที่ลอยมาเข้าหู จนทำให้ชายหนุ่มชะงักขาที่กำลังข้าวขึ้นท้ายรถสองแถวที่ผ่านมาพอดี ดวงตาเรียวมองซ้ายมองขวาไม่เห็นใคร พอเงยหน้ามองไปที่ทางเชื่อมก็ไม่เจอ สุดท้ายก็ก้าวขาขึ้นไปนั่งบนรถ จนโรงพยาบาลนั่นค่อยๆ ลับตาไปในที่สุด

   จบแล้ว โรงพยาบาลที่น่ากลัวแห่งนี้ เขาจะไม่มาที่นี่อีก






   ไผ่กลับมาถึงบ้านอย่างปลอดภัย พ่อและแม่โผเข้ากอดลูกชายอย่างคิดถึงพลางเอ่ยขอโทษที่ไม่เคยไปเยี่ยม ไผ่คิดอยู่นานว่าจะบอกเรื่องที่เจอให้พ่อกับแม่ฟังไหม สุดท้ายก็เลือกที่จะเงียบแทน ยังไงซะ เขาก็ไม่กลับไปแล้ว ถือซะว่าเป็นประสบการณ์น่ากลัวอย่างหนึ่งในชีวิต

   “ไผ่ลูก คืนนี้ไปกับแม่หน่อยนะ มีที่ๆ หนึ่งที่แม่อยากพาลูกไป” เสียงมารดาตรงหน้าประตูทำให้ไผ่ชะงักมือที่กำลังจัดของ

   “ที่ไหนหรือครับ”

   “เดี๋ยวไปถึงลูกก็รู้จ้ะ”

   แม้จะสงสัยแต่ก็ไม่ได้ถามมากไปกว่านี้ ไผ่จัดของจนเสร็จ พอใกล้เวลานัดก็รีบอาบน้ำแต่งตัว ซึ่งมารดาได้เตรียมชุดสูทสีดำแบบสุภาพไว้ให้ ชายหนุ่มขับรถพาแม่ไปตามที่บอกจนเลี้ยวเข้าจอดที่ลานวัดแห่งหนึ่ง ในศาลากำลังมีพิธีศพซึ่งกำลังจะเริ่มสวดพอดี

   “คุณป้า” ไผ่ยกมือไหว้เพื่อนมารดาอย่างมึนงง

   “มาแล้วเหรอ” เพื่อนมารดามองหน้าไผ่พลางสะอื้นไห้ออกมา “เข้าไปนั่งเลย พระจะสวดแล้ว” เสียงกลั้นไห้ฟังดูแล้วแสนเจ็บปวด

   ไผ่เดินเคียงข้างมารดาไปยังด้านใน ดวงตาเรียวมองด้านหลังผู้ชายที่นั่งเก้าอี้หน้าสุดอย่างนึกสงสัย เขาคับคล้ายคับคลาจะเคยเจอมาก่อน จนเมื่อพระสวดเสร็จ คนในงานก็ทยอยกลับ ไผ่จึงได้เห็นใบหน้าของชายคนนั้นเต็มตา ขายาวรีบก้าวเข้าไปหา

   “คุณหมอ” ไผ่ทักทายด้วยรอยยิ้ม แต่อีกฝ่ายกลับตีหน้าสงสัย “คุณหมอมางานศพด้วยหรือครับ”

   “ก็ต้องมาสิ” คนตรงหน้าตอบกลับเสียงทุ้ม ไผ่ย่นคิ้วลงนิดๆ เมื่อน้ำเสียงที่ได้ยินเปลี่ยนไป “เรา รู้จักกันด้วยหรือ”

   “แกล้งอำผมหรือเปล่า เราเพิ่งเจอกัน คุณหมอยังตรวจอาการผมอยู่เลย”

   “ตรวจคุณ? ที่ไหน ผมอยู่งานน้องชาย ไม่ได้ไปที่ไหนเลย อีกอย่าง ผมก็จำไม่ได้ ว่ามีคนไข้หน้าตาแบบนี้”

   “อ่าว”

   ก่อนที่จะสับสนไปมากกว่านี้ มือสองข้างของไผ่ก็ถูกรวบจับจากคุณป้าเพื่อนของแม่ ใบหน้าของเธอเต็มไปความโศกเศร้า น้ำตายังไหลไม่ขาดสาย

   “ขอบใจที่เธอกลับมา”

   “ครับ?”

   “พลัสคงหมดห่วงแล้ว”

   ใบหน้าของไผ่เต็มไปด้วยคำถาม ก่อนหางตาจะเหลือบไปเห็นกรอบรูปที่ตั้งหน้าโลงศพ ใบหน้าของคนที่เขาเพิ่งเจอ รอยยิ้มที่ดูอบอุ่น ไผ่ค่อยๆ เดินเข้าไปในศาลาอีกรอบ

   “คุณหมอ” เสียงบางเบาผ่านริมฝีปาก ก่อนชายหนุ่มจะหันกลับไปยังคนที่ยืนอยู่ที่หน้าเหมือนกันราวกับแกะ “แล้วนั่น”

   “คนที่รักษาลูกคือหมอพลัสจ้ะ” มารดาบอกเสียงนุ่ม มืออุ่นจับมือลูกชายตัวเองไว้ “คนที่ยืนอยู่นั่นเป็นพี่ชายหมอพลัส ชื่อหมอพอร์ช”

   “ไผ่...” ตอนนี้คำถามมากมายเต็มอยู่ในหัว จนไม่รู้จะพูดสิ่งไหนออกมาก่อน

   “หมอพลัสเป็นคนช่วยลูกให้รอด พี่เขาใช้แรงทั้งหมดที่มีปั๊มหัวใจลูกให้กลับมาเต้น”

   “แล้วทำไม...”

   “ร่างกายที่ใช้งานมาอย่างหนักไม่มีเวลาพัก พอเจอการปั๊มหัวใจนานๆ ก็เกิดอาการช็อก หัวใจวายเฉียบพลัน” คราวนี้ฝาแฝดคนพี่เป็นคนอธิบาย “ง่ายๆ คือ ใช้แรงจนหมดทำให้ช็อกจนตาย”

   ราวกับถูกไม้หน้าสามฟาดเข้าศีรษะ ไผ่ชาไปทั่วตัวเมื่อได้รู้ งั้นหมอที่เขาเจอตอนฟื้น...ก็คือคนที่ช่วยชีวิตเขา โดยที่คุณหมอกลับต้องมาตายแทน

   “ตอนแรกแม่จะพาลูกกลับบ้าน แต่หมอพลัสมาหาแม่ บอกอยากดูแลให้ลูกฟื้นก่อน อย่างที่ลูกเคยดูแลพี่เขาจนหาย” ไผ่ค่อยๆ หันไปมองแม่ตัวเองที่เริ่มน้ำตาคลอ ต่างจากเขาที่ปล่อยให้น้ำตาไหลอาบแก้ม “ไผ่จำพี่เขาได้ไหม พี่พลัสที่เคยตกต้นไม้ ไผ่ก็ช่วยดูแลจนพี่เขาหาย”

   ภาพวันวานค่อยๆ ชัดเจน เพราะไผ่ร้องอยากกินมะม่วง ทำให้พี่ข้างบ้านต้องปีนขึ้นต้นมะม่วง แต่กลับพลัดตกลงมาแล้วหมดสติ ไผ่ในตอนเด็กรีบวิ่งไปหาคนมาช่วย ระหว่างรักษาตัว เด็กหนุ่มคอยดูแลพี่ชายบ้านข้างอยู่ตลอด และมีประโยคหนึ่งที่ทำให้คนเจ็บจำไว้ในใจ

   ‘พี่พลัสไม่ต้องกลัว ไผ่จะดูแลพี่พลัสจนกว่าจะหายเอง ไผ่สัญญา’

   คำสัญญาในวันนั้น เหมือนเป็นสิ่งที่ผูกไผ่และพลัสเอาไว้ ไผ่สะอื้นไห้ มือยื่นไปลูบกรอบรูปตรงหน้าช้าๆ อย่างรู้สึกผิด เมื่อเขาจำพี่พลัสไม่ได้

   “พลัสมาหาป้า บอกว่าถ้าไผ่กลับมาค่อยเผาร่างของเขา เพราะถึงตอนนั้นเขาก็หมดห่วงแล้ว” คนพูดกลั้นสะอื้นจนเสียงสั่น ใบหน้าขาวแดงกล่ำอย่างน่าสงสาร “ขอบใจที่กลับมาจริงๆ”

   ลูกชายคนโตเข้าประคองร่างของแม่ที่สะอื้นจนสั่นเทาไปนั่งเก้าอี้ โดยมีแม่ของไผ่ตามไปด้วย ทำให้หน้าโลงศพเหลือแค่ไผ่ที่ยืนอยู่

   “พี่พลัส ไผ่กลับมาแล้วนะ ขอบคุณที่พี่ดูแลไผ่จนไผ่หายดี แล้วก็ขอโทษ ที่ไผ่จำพี่ไม่ได้ ไผ่ขอโทษจริงๆ นะ” ร่างสูงโปร่งค่อยๆ ทรุดตัวนั่งลงกับพื้น ปล่อยให้น้ำตาไหลอาบแก้ม

   ‘แค่ไผ่หาย พี่ก็ดีใจแล้ว’ คล้ายกับเสียงลอยตามลมมาเข้าหู ลมอ่อนๆ พัดมาคล้ายกับอ้อมแขนที่กำลังกอดร่างไผ่เอาไว้ ‘ดูแลตัวเองดีๆ พี่อยู่ดูแลไผ่ไม่ได้อีกแล้ว’ ก่อนลมนั้นจะผ่านไปคล้ายกับเป็นการบอกลาครั้งสุดท้าย
      



   ควันสีขาวค่อยๆ ล่องลอยไปกับสายลมที่พัดมา ไผ่เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าอย่างอาลัย ภายในใจเอ่ยขอบคุณนับสิบๆ ครั้งที่พี่ชายที่แสนดีช่วยเขาไว้ นับจากนี้ไป เขาจะดูแลตัวเองให้ดี เพื่อตัวเขาเอง และเพื่อคนที่ใช้ลมหายใจสุดท้ายในการดูแลรักษา
 
   พี่พลัส ขอบคุณที่ดูแลไผ่เป็นอย่างดี ไผ่สัญญา ไผ่จะดูแลตัวเองอย่างดีอย่างที่พี่พลัสบอก แต่หากวันไหนเราได้เจอกันอีก พี่พลัสต้องกลับมาดูแลไผ่เหมือนเดิม เราสัญญากันแล้วนะ....ลาก่อนครับ


   ....THE END ....


เป็นเรื่องที่ใช้พลังงานชีวิตมากๆๆๆๆ ที่สุด มากกว่าเรื่องยาวอีกค่ะ (สารภาพตามตรง)

มันยากตรงที่จะทำยังไงให้เห็นภาพ ให้ความรู้สึกเข้าถึง รู้ว่ามันอาจจะยังไม่ดี แต่ก็จะพยายามให้มากกว่านี้

ขอบคุณมากๆ ค่าา (น้ำตาจะไหล)
 

ออฟไลน์ NormalVee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
พล็อตค่อนข้างแปลกใหม่สำหรับเรา ตั้งแต่ต้นจนกลางเดาทางผิดหมดเลย แฮร่ ดว่าทั้งโรง'บาลเป็นผีหมดเลย พี่พลัสคือหมอที่สละให้คนไข้ได้ทุกอย่างจริง ๆ

ออฟไลน์ AeAng11

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 528
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
น้องจำพี่พลัสไม่ได้เหรอครับหรือเพราะเพิ่งหาย

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1783
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
เศร้าเลยอะ  :hao5: หวังว่าในวันใดวันนึงพี่พลัสกับน้องไผ่คงได้มาเจอกันอีกนะ  :call:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด