◢7REASONS◣ เจ็ดเหตุผลของผมคือคุณ |บทที่ 11 23/02/2019
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ◢7REASONS◣ เจ็ดเหตุผลของผมคือคุณ |บทที่ 11 23/02/2019  (อ่าน 5198 ครั้ง)

ออฟไลน์ be-silent

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +52/-3
.

“พวกมึงอย่าบอกใครนะ บอกไอ้เพิร์ธได้แค่คนเดียว แต่กับคนอื่นไม่ได้ กับมายด์ก็ห้าม”

“มึงจะปล่อยไว้แบบนี้เหรอวะ แจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ก็ยังดี”

“ไม่ เดี๋ยวกูจัดการเอง”

“เจอหน้าไอ้เจมส์เมื่อกี้กูน่าจะตะบันหน้ามันไปซะ”

“อย่า”

“กูไม่เข้าใจมึงเลยวิน”

“มายด์จะเสียใจ” เหตุผลลึกซึ้งของวินช่างขัดใจคนถามอย่างเขมเป็นที่สุด เขาทิ้งตัวลงไปกับโซฟาอย่างคนฟัดเฟียดหัวเสีย แม้แต่หนุ่มที่นั่งเงียบอยู่ก็ยังถอนหายใจอย่างไม่พอใจและไม่เข้าใจ วินไม่อาจทำตามใจตนหรือตามใจเพื่อนได้ เรื่องที่เกิดขึ้นกับมายด์ เรื่องที่เจมส์พยายามทำมันจะส่งกระทบไปในหลายทาง แน่นอน... ว่ามันไม่ใช่ในทางที่ดีแน่

มายด์จะรู้สึกยังไงถ้ารู้ว่าเพื่อนสนิททำกับตนเช่นนั้น

มายด์จะเป็นยังไงถ้าเรื่องนี้ถึงหูตำรวจเข้าจริง ๆ

มายด์จะพังทลายแค่ไหนถ้าชีวิตเกือบเปลี่ยนทิศเพราะเพื่อนที่ไว้ใจ

“คลิปที่มึงให้กูอัดอยู่นี่แล้ว เผื่อว่าไอ้เจมส์มันตุกติก มึงจะได้เอาความจริงไปบอกมายด์” หนุ่มวางโทรศัพท์ตนลงกลางโต๊ะหน้าโซฟา วินพยักหน้ารับทั้งที่ยังไม่เบาใจเลยแม้แต่น้อย

“ยังไงมายด์ก็ห้ามรู้”

“มึงจะพระเอกเกินไปแล้วไอ้วิน มายด์ยังไม่โดนสักหน่อย บอกให้มันรู้ไว้สิวะว่ามีเพื่อนเหี้ย” เขมพูดความรู้สึกที่มีอยู่ในใจ เขาไม่เข้าใจเพื่อนตัวเองเท่าไหร่นัก ไม่เข้าใจวิธีการปกป้องคนรักด้วยการไม่พูด แต่เขาจะทำอะไรได้ในเมื่อมันเป็นชีวิตและการตัดสินใจของวิน ไม่ใช่เรื่องของเขา

“กูว่ากูรู้จักมายด์ดี มายด์มีเพื่อนสนิทแค่คนเดียว สู้ให้ไอ้เจมส์หายไปเฉยๆ มายด์ยังจะเสียใจน้อยกว่า”

ราวสองชั่วโมงก่อนวินอุ้มมายด์ขึ้นรถกลับมาที่บ้าน และวานให้เขมกับหนุ่มขับรถของมายด์ตามมาส่ง ไม่นานนักคนต้นเรื่องอย่างเจมส์ก็เดินทางมาจนถึงหน้าซอย วินตัดสินใจนัดเจมส์มาคุยที่นี่เพราะคิดแล้วว่าไม่อยากให้เป็นเรื่องราวใหญ่โตจนกระทบกับมายด์ เขาเดินออกมาเคลียร์โดยมีหนุ่มเป็นพยานคนสำคัญ ส่วนเขมถูกทิ้งให้ดูมายด์อยู่ที่บ้านอย่างไม่เต็มใจ

ภาพทุกภาพตรงนั้นถูกหนุ่มบันทึกเอาไว้ทั้งหมด เจมส์ร้องไห้อ้อนวอนวินทั้งน้ำตา รายนั้นพยายามขอโทษขอโพยและขอร้องไม่ให้วินเอาเรื่อง เป็นความจริงที่เจมส์มอมยามายด์และรับเงินจากคนรู้จัก แน่นอนว่าเจมส์ไม่ได้ขัดสนเงินทอง จำนวนเงินเล็กน้อยแค่สามหมื่นบาทจึงไม่ใช่ปัจจัยสำคัญ

เหตุผลที่ทำให้เขายอมแลกความผูกพันของเพื่อนสนิทก็เป็นเพราะความรู้สึกสะสม เจมส์เล่าว่าถูกมายด์กดให้ต่ำกว่าด้วยคำพูดหลายครั้ง ทั้งยังเป็นที่รองรับอารมณ์จนความรักเพื่อนที่มีเริ่มหมดไป การตัดสินใจด้วยความคิดชั่ววูบจึงมีเหตุผลเพียงคำว่าหมั่นไส้

อีกอย่างเจมส์เบื่อเหลือเกินที่ต้องรองรับปัญหาความรักของเพื่อนอย่างหมาตัวหนึ่ง

ทะเลาะกันก็มา พอคิดได้แล้วก็ไป

เจมส์คิดเอาเองว่าคงจะดีกว่าถ้ามายด์ได้คนที่รวยอู้ฟู่แบบนั้นดูแล

ใช่ ก็แค่คิดเอาเอง คิดเอาเองเพื่อให้ความผิดลดลง

“ถ้าไม่อยากมีเรื่องขึ้นโรงพัก ไม่อยากเป็นข่าวดังในหน้าอินเทอร์เน็ต ออกไปให้ห่างมายด์ซะ อย่ามายุ่งกับมายด์อีก เรามีหลักฐานทุกอย่างนะเจมส์ แม้แต่เรื่องที่คุยกันเมื่อกี้ อีกอย่างเราก็รู้ด้วยว่าบ้านนายพอจะมีหน้ามีตา มันจะเป็นยังไงถ้าพวกเขารู้ว่านายตกอับจนต้องขายเพื่อนกินแบบนี้ อย่าติดต่อมายด์ หายไปจากชีวิตมายด์ซะ!”

วินไม่ได้ต่อยเจมส์ยับให้หายแค้น เขาใช้คำพูดเดิมซ้ำไปซ้ำมาเพราะรู้ว่าพื้นฐานนิสัยของเจมส์อยู่บ้าง เพื่อนของมายด์คนนี้ห่วงหน้าตาทางสังคมและติดมูลค่าของเงิน เจมส์คงทนอยู่ไม่ได้หากถูกคนอื่นมองไม่ดี ทางที่ดีที่สุดคือใช้คลิปคำสารภาพของเจมส์มัดตัวไว้อย่างคำขู่ ‘ห้ามเจอมายด์อีก’ นั่นคือใจความของข้อสรุปทั้งหมด

ถึงเจมส์จะยืนยันว่าไม่เคยทำเรื่องเลวแบบนี้มาก่อน แต่คนตัดสินใจจบเรื่องนี้ไม่รู้หรอกว่านี่เป็นครั้งแรกที่เจมส์ทำกับคนอื่นรึเปล่า หรือเคยเกิดเรื่องเช่นนี้กับมายด์มาแล้วหรือไม่ สิ่งเดียวที่วินสนใจคือต่อจากวันนี้มายด์จะต้องปลอดภัย มายด์จะไม่ได้เจอกับคนใจร้ายแบบนั้นอีก ต่อให้สุดท้ายเขาจะเป็นฝ่ายโดนเกลียดเสียเอง มันก็เป็นสิ่งที่ต้องยอมแลก สิ่งเดียวที่วินควรจะนึกถึงคือจิตใจของมายด์

เขาจะพยายามเท่าที่ขีดจำกัดของคนคนหนึ่งจะทำได้

นึกถึงจิตใจของมายด์

เห็นแก่ความสุขของมายด์

ใส่ใจความรู้สึกของมายด์

“มึงขึ้นไปดูมายด์เหอะ พวกกูอยู่กันได้”

“ขอบคุณนะเขม มึงด้วยหนุ่ม”

“เออ เพื่อนกัน” หนุ่มว่าก่อนจะเขมจะตบบ่าวินเชิงให้กำลังใจ เพราะดึกมากแล้วชายหนุ่มทั้งสองจึงทิ้งตัวนอนที่โซฟาชั้นล่างของบ้าน วินเดินขึ้นไปใช้เวลาอยู่ในห้องนอนไม่น้อย ก่อนจะลงมาปิดไฟดวงใหญ่ให้เหลือเพียงไฟสลัวสีส้มที่เพื่อนของเขาจะนอนหลับได้สบาย เขาเดินขึ้นชั้นสองอีกครั้งพร้อมชามบะหมี่อุ่นร้อนในมือ

“หิว”

“รู้” วินตอบคนบนเตียงสั้นๆ เขาวางชามบะหมี่ลงกับโต๊ะข้างเตียง คว้าข้อมือคนที่นอนจมอยู่กับเตียงให้ลุกขึ้นมาพร้อมท่าทางสะลึมสะลือ ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องดีมั้ยที่มายด์ตื่นขึ้นมาอ้วกและตกอยู่ในอาการเวียนหัวจนนอนไม่หลับ

“บะหมี่อีกแล้ว ร้านตรงเซเว่นใช่มั้ยเนี่ย บอกแล้วว่าร้านนี้สกปรก”

“แต่มายด์เคยบอกว่าอร่อย”

“อร่อยแล้วต้องกินบ่อยๆ รึไงเล่า”

“ไม่ชอบเหรอ?”

“ชอบ แฟนใครไม่รู้ น่ารักที่สุด” มายด์เอียงหัวซบบ่าวินทั้งที่ตาจะปิด มือหนาของวินลูบเบาๆ เข้าที่แก้มเย็น ร่างเล็กถูกวินเปลี่ยนเสื้อผ้าเพราะชุดเก่าเปรอะไปด้วยรอยอ้วก อันที่จริงตอนนี้เนื้อตัวของวินก็ยังมีกลิ่นเปรี้ยวจากของเสียที่ว่าอยู่ไม่น้อย

“หลังตรง” วินดึงร่างมายด์ให้พิงไปกับหัวเตียงไม่ต่างอะไรกับพ่อดูแลลูก เจ้าตัวนั่งลงข้างเตียง คนบะหมี่ในชามระหว่างที่มองใบหน้าแดงก่ำของคนรักไม่วางตา

“หน้าไปโดนไรมา”

“ลื่นล้มในกองถ่าย” มายด์ทำท่าจะแตะรอยแผลแดงช้ำบนใบหน้าวิน แต่ร่างสูงกลับเอียงหลบไม่ยอมให้อีกฝ่ายได้สัมผัสมัน

“ทำไมเซ่อซ่า ไม่ดูแลตัวเองเลย”

“นิดหน่อย”

“คราวหลังไม่ได้นะรู้มั้ย วินเป็นอะไรขึ้นมามายด์จะอยู่ยังไง”

“รู้แล้ว มายด์กินก่อนเถอะ” วินรีบตัดบทเพราะไม่อยากลากยาวในปัญหาข้อนี้ หากมายด์สงสัยมากกว่านี้เรื่องมันจะไปกันใหญ่

“หอมผักชีไม่เอา กระเทียมไม่เอา”

“ดูก่อน มีที่ไหน” วินยื่นชามเข้าใกล้ๆ ระดับสายตาของมายด์ คนเมาพยักหน้ายิ้มหวานอย่างพอใจ

“ข้อดีของร้านนี้ คือยังรู้ใจเหมือนเดิม”

“ความจำแกดีมั้ง” วินตักเส้นบะหมี่ใส่ช้อน พร้อมกับหมูแดงซีดๆ ชิ้นใหญ่

“เอาหมูแดง”

“นี่ไงหมูแดง” ช้อนถูกยื่นติดริมฝีปากก่อนที่มายด์จะอ้าปากรับมันเข้าไปเคี้ยวอย่างมีความสุข

“ชอบร้านนี้ให้หมูแดงเยอะ”

“กินจนจะเป็นหมู” คนที่กำลังเคี้ยวหมูแดงชิ้นใหญ่บุ้ยหน้าหงุดหงิดใส่คนป้อน

“วิน”

“หืม”

“นี่ยังโกรธอยู่นะ”

“โกรธอะไร”

“วินหนีเที่ยว”

“ไม่ดีเหรอ หนีเที่ยวเลยได้รับมายด์กลับบ้านไง”

“ไม่ดี ขี้โกง ทีมายด์ยังบอกเลย”

“คราวหลังบอกทุกชั่วโมงเลยได้มั้ย”

“ไม่รำคาญเหรอ ไม่เห็นวินโทรตาม นึกว่ารำคาญแล้วก็ไม่อยากรู้”

“ไม่ครับ อยากให้มายด์บอก”

“วิน”

“ครับ”

“หมูแดง”

พ่อหินแกรนิตไร้รู้สึกส่ายหน้าเบาอย่างเอือมระอา รอยยิ้มเล็กๆ ผุดขึ้นที่ข้างริมฝีปากของวินไม่ได้หยุด ใครจะว่ายังไงก็ช่าง จะว่ามายด์เป็นจอมโวยวาย เป็นคนเรื่องมาก เป็นคนเอาแต่ใจ เป็นคนไม่น่าคบ เป็นคุณหนูมายด์ในตำนาน แต่สำหรับวิน...

มายด์คือมายด์

คนที่เขารัก

คนที่เขาใส่ใจ

คนที่ทำให้เขาอยากอยู่ด้วยแบบนี้

คนที่เขาคิดว่าจะดูแลอย่างดีที่สุด

ทุกข้อเสีย ทุกข้อดี ทุกความเป็นมายด์คือสิ่งที่วินยอมรับ และยอมรักคนคนนี้อย่างไม่มีเงื่อนไข





แต่อย่างว่า คนเรามักมองทุกเรื่องราวในมุมของตนเองทั้งนั้น

มายด์มีมุมของมายด์

วินมีมุมของวิน

พวกเขาไม่เคยคิดสนใจมุมมองของกันและกันเลย



Talk

ขอเสียงทีมมายด์หน่อยจ้า อ้าววว เงียบเฉย 5555555555

ตอนนี้วินน่าจะเรียกแม่ยกได้เยอะขึ้น กว่าจะมาถึงตอนนี้ไม่ง่ายเลยที่จะประคองเรื่องผ่านตัวมายด์ มีหลายครั้งที่เกิดคำถามกับคู่ของคนรอบตัวว่าทนคบกันมาได้ยังไง นิยายเรื่องนี้เกิดจากแนวคิดเช่นนั้น สุดท้ายแล้วจะเป็นยังไงอยากให้ทุกคนสู้และอยู่ดูชีวิตของวินและมายด์ไปจนจบนะคะ

ขอคอมเมนต์ด่าทอมายด์และคนเขียนหน่อยนะคะ 55555 รออ่านอยู่เด้อ จุ๊บๆ

ขอบคุณทุกคนค่า

ออฟไลน์ TheDoungJan

  • ขอบคุณนักเขียนที่คนที่สร้างทุกตัวละครขึ้นมานะคะ(♡˙︶˙♡)
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 682
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
ในความคิดวินคือความรู้สึกของมายด์ต้องมาก่อนเสมอ เรื่องเจมส์ถ้าไม่ได้เพื่อนวินคงแย่

ออฟไลน์ fxxg0430

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
แต่เราเข้าใจมายด์นะ เขิาเกิดมาแบบนั้น ถูกหล่อหลอมมาแบบนั้น แล้วคนเราาไม่บอกก็ไม่รู้ บางคนอาจจะบอกว่าการกระทำสำคัญกว่าคำพูด แต่จริงๆแล้วคำพูดมันก็สำคัญเหมือนกันนะ

ออฟไลน์ jin_kazu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
คนนึงควรฟังให้มากขึ้น อีกคนควรพูดและแสดงออกให้มากขึ้น
เค้ารักกัน รักกันมากเกินไปจนทำร้ายกันเองอะ T^T
แต่ก็รักวินมากกว่ามายด์อยู่ดี 5555
ห้ามให้วินตายน้าาาา :hao5:

ออฟไลน์ be-silent

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +52/-3
บทที่ 11 ทางเลือกในชีวิตเป็นของนาย

“ฉันตัดสินเหตุผลข้อที่สี่ไม่ได้”

“อะไรนะ”

“วินไม่ผิด ส่วนนาย… ฉันจะตีเหตุผลว่าไม่ผิดให้ก็ได้”

“แล้วคุณจะทำยังไง”

“เป่ายิงชุบแล้วกัน แฟร์ดี….ไค! ไบ! โบ!” สิ้นคำพูดคิดเองเออเอง ชาตะก็ชูสองมือขึ้นตรงหน้า มือซ้ายกำแน่น มือขวากำแน่นยิ่งกว่า เขาโยกมือทั้งสองข้างขึ้นลงพร้อมกันอยู่หลายครั้ง กระทั่งมือข้างหนึ่งหยุดที่ท่ากำเช่นเดิม ส่วนมืออีกข้างมันถูกแบออกจนครบห้านิ้ว

“มาถึงขั้นนี้แล้วผมก็คงต้องว่าแฟร์” มายด์อยากจะหัวเราะให้กับท่าทางจริงจังอย่างไร้สาระของชาตะ เป่ายิงฉุบกับตัวเองเพื่อตัดสินชะตาชีวิตของคนอื่น เท่าเทียมกันพิลึก

“เอาซ้ายหรือขวา”

“ให้ผมเลือกเหรอ”

“แน่นอน ทางเลือกในชีวิตเป็นของนาย” เจ้าของดวงตากลมมองมือซ้ายของชาตะอย่างใคร่ครวญคิด เส้นเลือดสีน้ำเงินเข้มที่วิ่งอยู่ทั่วหน้ามือซีดพุ่งเข้าสายตามายด์ราวกับเรียกร้องความสนใจ คนไม่มีหนทางจึงตอบกลับไปอย่างไม่คิดอะไร เป็นธรรมดาที่คนเราจะเลือกหนทางชนะอย่างเข้าข้างตัวเอง

“งั้นผมเลือกข้างซ้าย”

“ทำไมเลือกซ้าย นี่มันข้างชนะ”

“ผมก็ต้องเลือกข้างที่ชนะสิ”

“สงสัยฉันลืมบอกกติกา คนที่ยอมแพ้ต่างหากที่ชนะ” มายด์กลอกตามองบนเพราะคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าเขาไม่มีทางชนะผู้เหนือกว่า สุดท้ายคนที่คุมเกมทุกอย่างก็เป็นชาตะอยู่ดี

“คุณแพ้แล้วทำไมไม่ยอมรับความจริง”

“แล้วนายยอมรับความจริงบ้างรึเปล่าล่ะ… ถามใจตัวเองดูว่ากำลังแพ้อยู่รึเปล่า” ชาตะยกคิ้วดึงริมฝีปากอย่างเป็นต่อ เรียวขายาวที่นั่งไขว่ห้างกระดิกรัวจนรองเท้าหนังขัดมันน่าหมั่นไส้ มายด์มองผู้คุมดวงจิตบนโซฟาแล้วจึงหลับตาลงรับชะตากรรมของตน จริงอย่างชาตะว่า… ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยคิดที่จะยอมแพ้หรือยอมรับความจริงกับเรื่องใด คนอย่างมายด์ย่อมมีชัยชนะอยู่เหนือทุกคน

“ผมยอม” แม้จะหลับตาอยู่แต่มายด์กลับได้ยินเสียงหายใจของคนข้างตัวชัดเจนจนต้องลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ในกรอบสายตาของเขามีเพียงแค่ชายร่างสูงที่มีสีหน้าท่าทางไม่แตกต่างอะไรกับคนที่มายด์รู้จักในครั้งก่อน วินยังเป็นคนเดิม คนเดิมที่ทำให้มายด์ต้องยอมให้ครั้งแล้วครั้งเล่า

“ยอมอะไร”

“ยอมแพ้ ยอมรับความจริง… เหตุผลของผมมันใช้ไม่ได้” วินพยายามบีบนวดร่างกายบนเตียงอย่างทะนุถนอม สี่คืนสี่วันที่ร่างกายของมายด์แน่นิ่ง และร่างกายของใครอีกคนแทบจะทรุดลงไปตามกัน แปลกดีเหมือนกันนะ แปลกดีที่สมองของมายด์โล่งไปหมด เขาไม่อยากคิดอะไรและอยากทำเพียงเฝ้ามองการกระทำของวินอยู่แบบนี้

“พูดเองนะ ฉันไม่ได้ชี้นำอะไรเลยนะเนี่ย ไม่เลยจริ๊ง!” ชาตะเสียงสูงใส่ เพียงแค่เขาใช้นิ้วชี้หมุนวนไปมาบรรยากาศในห้องก็เปลี่ยนเป็นความเศร้าสีน้ำเงินชวนสลดหดหู่ มายด์มองดวงตาของวินเอาไว้คล้ายร้องขอให้บอกทุกๆ เรื่องที่อยู่ในความคิดออกมาเสียที แต่แล้วสิ่งที่มายด์ได้กลับมานั้นมีเพียงความเหนื่อยล้าที่ซ่อนอยู่ใต้นัยน์เนตรสีดำเข้ม

สิ่งที่มายด์ต้องการ มายด์พูดออกไปหมดแล้ว

มีแต่วิน มีแต่วินเท่านั้นที่ไม่เคยพูดอะไรออกมาเลย

“รีบตัดสินเถอะชาตะ” ดวงจิตผู้ได้รับโอกาสรู้อยู่แก่ใจว่าสุดท้ายเหตุผลข้อที่สี่สมควรจะมีจุดจบเช่นไร ต่อให้ผลลัพธ์ไม่เป็นอย่างที่คาดหวังไว้ และสูญเสียโอกาสกลับไปมีชีวิตอีกหน มายด์จะไม่เสียใจ ไม่แปลกใจ และไม่คัดค้านอะไรเลย มุมมองของวินมันลบล้างข้อค้านในใจของเขาทั้งหมด

ช่างเถอะมายด์

กับเหตุผลข้อนี้

ไม่เป็นไรหรอก

“นายมนพัทธ์ หิรัญสรายุ ผมขอแสดงความเสียใจด้วยที่จะต้องกล่าวว่า… เหตุผลข้อที่สี่ ไม่สมเหตุสมผล” ลมแรงพัดขึ้นทันทีเมื่อสิ้นเสียงยุติการพิสูจน์เหตุผลข้อที่สี่ สายลมสีเข้มโอบล้อมร่างกายของชาตะก่อนที่เขาจะค่อยๆ จางหายไปพร้อมเสียงหัวเราะในลำคอโดยไม่ร่ำลา มายด์ไม่ได้ร้องเรียก ไม่ได้ซักถาม เพราะรู้ว่าถึงอย่างไรชาตะจะต้องกลับมา แต่สิ่งที่เขาไม่รู้เลย คือคำตอบข้อต่อไปที่จะช่วยต่อชีวิตตนต่างหาก เหตุผลทั้งสี่ข้อที่ผ่านมาทำให้มายด์ไม่มีความมั่นใจใดๆ หลงเหลือ ผ่านมาเกินขึ้นทางแต่ความหวังในเบื้องลึกของเขาช่างริบหรี่นัก

คงจริงอย่างชาตะว่า

คนเรามีเหตุผลนับร้อยข้อที่จะขออยู่ต่อ

แต่เหตุผลเพียงข้อเดียวที่ทำให้อยากตายนั้นมันยาก

ยากเหลือเกิน

เมื่อชาตะจากไปและคลื่นลมสงบ มายด์จึงทิ้งตัวนั่งทับร่างกายของตนไว้ เขาเฝ้ามองทุกการกระทำของวินไม่ได้ห่าง เฝ้าคิดไปต่างๆ นานาว่าที่ผ่านมาวินทำเรื่องชวนยิ้มลับหลังเขามาตั้งกี่ครั้ง ขี้โกงชะมัด ทำไมไม่บอกกันบ้างเลย เห็นเขาเป็นตัวอะไรถึงได้เอาแต่นิ่งใส่และทำเป็นไม่สนใจได้ตลอด แล้วตอนนี้มายด์ต้องรู้สึกยังไงกับวินเหรอ ดีใจ เสียใจ หรือว่าโกรธที่ทำให้ไม่ได้กลับมามีชีวิตเสียที

“กูว่ากูรู้จักมายด์ดี มายด์มีเพื่อนสนิทแค่คนเดียว สู้ให้ไอ้เจมส์หายไปเฉยๆ มายด์ยังจะเสียใจน้อยกว่า”

ใช่วินเดาถูก และเขารู้จักมายด์ดีจริงๆ เรื่องที่คิดไม่ถึงมีส่วนทำให้มายด์สงบนิ่งลงและยอมรับชะตากรรมอย่างง่ายดาย ตลอดเวลาที่เจมส์หายไป มายด์ไม่เคยรู้สึกเหมือนเดียวดายเช่นนี้ มันทั้งเจ็บใจ เสียใจ และจุกอยู่ในอก มายด์ไม่ได้เสียเพียงเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวที่เคยเล่าทุกเรื่องสุขทุกข์ แต่เขาเสียความเชื่อมั่นอีกหลายประการในชีวิต ถ้ากลับไปไม่รู้อะไรเหมือนเดิม ตอนนี้คงจะเสียใจน้อยกว่า

ยังไงก็ขอขอบคุณแล้วกันนะวิน

ที่ผ่านมามายด์รู้สึกดีกว่าตอนนี้มากจริง ๆ

“เพื่อนกลับกันหมดแล้วเหรอวิน” ไม่ใช่เพียงวินเท่านั้นที่หันไปมองหน้าประตู มายด์เองก็ผินไปมองต้นเสียงคุ้นเคยทันที ป๊าของเขาเดินเข้ามาพร้อมกับกระเป๋าใบโตในมือ วินรีบละจากการบีบนวดร่างกายมายด์เดินเข้าไปช่วยคนสูงอายุกว่าถือข้าวของ ก่อนที่จะกดใบหน้าลงเมื่อสบตากับผู้เป็นแม่ของมายด์ตรง ๆ

“กลับกันแล้วครับ”

“แล้วเรากินอะไรรึยัง” ประโยคคำถามไม่ได้มาจากคนเป็นพ่อ แต่เป็นมานิตย์ที่มีท่าทางอ่อนลงต่อวิน หลายวันมานี้คนเป็นสามีเฝ้าบอกว่าควรตั้งสติ คนที่จะตัดสินวินได้มีเพียงแค่มายด์ลูกชายของเธอเท่านั้น อีกอย่างวินเองก็พิสูจน์ตัวเองให้เห็นหลายต่อครั้ง แม้ในใจมันจะยังโกรธเคือง แต่ก็หลีกหนีความจริงประการสำคัญไปไม่ได้เช่นกัน

คนเป็นพ่อเป็นแม่ทรมานใจเพราะลูกสุดที่รักเช่นใด

อาการทุกข์ทนของวินก็ไม่ได้น้อยไปกว่ากันเลย

“เรียบร้อยแล้วครับม้า”

“ม้าเขาให้คนที่บ้านทำข้าวต้มปลามาเผื่อ วินเก็บไว้กินเย็นนี้แล้วกัน”

“ขอบคุณมากนะครับ” คำพูดของป๊าทำให้วินหัวใจพองโตอย่างบอกไม่ถูก เขายกมือไหว้ขอบคุณอย่างที่คนคนหนึ่งควรกระทำ มันไม่ใช่เพียงเรื่องอาหารในกล่องเท่านั้น แต่มันรวมถึงตลอดเวลาที่ผ่านมา

ครอบครัวของมายด์ปฏิบัติกับเขาดั่งสมาชิกคนหนึ่งมาตลอด ที่ผ่านมาถึงวินจะทำอะไรขัดใจคนมีอายุมากกว่าไปบ้าง ทั้งเรื่องความเหมาะสม เรื่องเงิน เรื่องบ้าน เรื่องงาน แต่พวกท่านก็พยายามทำดีกับเขา จนกระทั่งรอยร้าวครั้งสำคัญเมื่อคืนวันที่ 16 กุมภาพันธ์ วินเข้าใจและอยากจะขอบคุณที่ให้โอกาสคนอย่างเขาครั้งแล้วครั้งเล่า

ทั้งที่เขาไม่มีอะไรเทียบเท่ากับมายด์เลย

ทั้งที่เขาไม่สมควรจะอยู่เคียงข้างมายด์ด้วยซ้ำ

“เป็นไงบ้างลูก ไม่อยากตื่นมาคุยกับม้าเลยเหรอ ตื่นสายเกินไปแล้วนะครับคนเก่ง” คนเป็นแม่ยกมือขึ้นลูบใบหน้าของลูกพร้อมรอยยิ้มระคนเศร้า เธอกวาดสายตามองตัวลูกชายแล้วจุกไปทั้งอก น้ำตาใสรื้นขึ้นมาจนคนเป็นสามีต้องเข้าไปโอบกอดเธอไว้จากด้านหลัง เพราะอ่อนไหวแบบนี้สุธีจึงไม่อยากให้ภรรยาอยู่เฝ้าลูกทั้งวันทั้งคืน เดี๋ยวจะกลายว่าป่วยซ้ำป่วยซ้อนไปกันใหญ่

“ลูกเราเก่งจะตาย คงพยายามหาทางตื่นอยู่ ใช่มั้ยมายด์” คนทั้งคู่ไม่ได้รู้เลยว่าลูกชายตนกำลังพยักหน้าหงึกหงักตอบคำถามอยู่ วินวางข้าวของที่รับมาลงกับโต๊ะกลางและเดินวนไปนั่งที่โซฟา มายด์เดินเข้าใกล้บุพการีจนเชือกที่ขาขึงขึ้นพร้อมสีน้ำเงินแจ่มชัด

“มายด์พยายามอยู่ครับป๊าม้า มายด์พยายามอยู่...” เสียงของมายด์ค่อยเบาลงเรื่อยๆ เพราะรู้ว่าไม่มีใครได้ยินเสียงของเขา คนเคยพูดทุกสิ่งกำลังจมดิ่งลงไปในภาวะที่อึดอัดเกินทน น่าสงสัยเหมือนกันนะว่าวินทนเงียบมาได้ยังไงตลอดชีวิต

“วิน”

“ครับป๊า”

“เราไปคุยกับข้างนอกสักหน่อยมั้ย”

“ครับ” วินดันตัวเองขึ้นจากโซฟา แต่คงเพราะเขาลุกขึ้นยืนเร็วไปหน่อยจึงรู้สึกจุกขึ้นมาในอกจนตัวแทบเซ เขาลากมือลงมาตามแนวกระดูกหน้าอกและตบแรงลงไปบริเวณลิ้นปี่เพียงครั้ง ก่อนจะเดินตามหลังสุธีออกไปก้าวต่อก้าว

“ช่วงนี้งานวินเป็นไงบ้าง” บทสนทนาเริ่มต้นขึ้นระหว่างทางเดิน คนอายุเยอะกว่าทอดน่องเดินช้าจนวินต้องทิ้งระยะขาตามไปด้วย ส่วนดวงจิตของมายด์ก็ต้องติดตามรับรู้ทั้งที่ควรจะเป็นการพูดคุยของคนสองคน

“งานที่รับไว้หมดคิวพอดีครับป๊า ผมก็เลยขอพักหยุดงานก่อน” วินตอบไปตามความจริง คนฟังพยักหน้ารับรู้แต่ไม่ได้หันมาสบตาคู่สนทนา

“แล้วคิดจะกลับไปทำงานเมื่อไหร่”

“ผมคงรอให้มายด์หายเป็นปกติก่อนครับ” สุธีชะงักไปเล็กน้อย ก่อนเดินต่อไปกระทั่งหยุดที่จุดชมวิวเมืองของโรงพยาบาล

“อืม แล้วถ้ามันต้องใช้เวลาล่ะ”

“ป๊าหมายถึง...” วินก้าวไปหยุดยืนข้างชายสูงวัย เขาทอดสายตามองความวุ่นวายของสังคมเมืองเบื้องล่างเพื่อขจัดความคิดวุ่นวายสับสนของตน การเกริ่นบทสนทนาเช่นนี้ไม่ดีกับใจของเขาสักเท่าไหร่นัก

“วินจะไม่มีปัญหาเรื่องเงินใช่มั้ย ต้องผ่อนทั้งบ้านทั้งรถไม่ใช่เหรอ” สุธีถามด้วยความเป็นห่วงอย่างสัตย์จริง รถราคาถูกและบ้านหลังนั้นวินไม่ยอมรับเงินของสุธีสักแดง ทั้งที่มูลค่าของมันรวมกันยังไม่เท่ากระเป๋าใบเดียวที่ภรรยาของเขาถือเข้างานสังคมด้วยซ้ำไป

“ตอนนี้ผมคิดว่าคงไม่มีปัญหาครับ”

“อยากให้ป๊าช่วยมั้ย”

“ไม่ครับ”

“ถ้างั้น… ป๊าอยากให้วินกลับไปใช้ชีวิต กลับไปนอนที่บ้าน กลับไปทำงาน” สุธีหันมองวินด้วยสายตาหนักแน่น ทว่าวินกลับมีสายตาที่หนักแน่นยิ่งกว่า

“ผมอยากอยู่”

“หึ ติดนิสัยเอาแต่ใจมาจากเจ้ามายด์แล้วรึไง” คนเป็นพ่อแค่นหัวเราะอย่างไม่รื่นหูนัก ใบหน้าเหี่ยวย่นเรียบนิ่งและถอนหายใจระลอกใหญ่ออกมา

“ป๊ามีอะไรมากกว่านี้ใช่มั้ยครับ”

“ป๊าแวะคุยกับหมอมาแล้วนะ หมอยืนยันว่าการรักษามายด์ทำได้แค่ประคองแบบนี้ไปเรื่อยๆ ไม่มีกำหนด ไม่มีวิธีที่ดีกว่านี้”

“แล้ว...” วินอึกอักเหมือนคนพูดอะไรไม่ถูก เขามองแผ่นหลังของสุธีคล้ายรอฟังประโยคถัดไปด้วยอารมณ์พรั่นกลัว

“ป๊าคุยกับม้าว่าถ้าเกินสัปดาห์นี้มายด์ยังไม่ดีขึ้นจะย้ายโรงพยาบาล ลองดูกันอีกสักตั้ง แต่ถ้าจำเป็นจริงๆ … เราอาจต้องปล่อยมายด์ไป” สิ้นคำของผู้เป็นพ่อซึ่งมีอำนาจเต็มในการตัดสินใจวินก็ไม่พูดคำใดออกมาอีก เขาพยักหน้ารับทั้งที่ดวงตาคมสั่นระริก หัวใจของเขาชาดิกจนปวดร้าวไปถึงไหล่ซ้าย วินทิ้งตัวพิงไปกับกำแพงเหมือนคนกำลังจะหมดแรง สองขาสองมือพยายามยันตัวเองเอาไว้ทั้งที่ภาพในดวงตาเริ่มพร่ามัวไปด้วยม่านน้ำตา

“ผมขอโทษ” วินก้มหน้าพูดเสียงสั่น สุธียกมือตบไหล่วินเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้ต้องการให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น ส่วนคนต้นเหตุอย่างมายด์นั้นตกอยู่ในความเงียบเพียงลำพัง ไม่มีคำพูดใจเอื้อนเอ่ยออกมาทั้งที่มีเรื่องราวมากมายอยู่ในหัว การฆ่าตัวตายไม่ใช่เพียงทำร้ายตัวเอง แต่มันกำลังทำร้ายทุกคนรอบตัวจนคนตัดสินใจมีความผิดมากขึ้นเป็นทวีคูณ

“ฟังป๊านะ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น วินต้องเดินไปข้างหน้า ป๊าจะไม่สนใจว่าที่ผ่านมาระหว่างวินกับมายด์มันเกิดอะไรขึ้น ป๊าไม่ถามอีกแล้วว่าเพราะเหตุผลอะไรมายด์ถึงต้องตัดสินใจแบบนั้น เราทั้งสองฝ่ายต่างคนต่างลืมมันไปเถอะ”

“ทำไม...”

“วันนี้วินคืนลูกชายให้ป๊าได้เลย ป๊ามารับมายด์คืนแล้ว วินไม่ต้องรู้สึกผิด คืนมายด์ให้ป๊านะวิน” วินส่ายหน้าแรงและกำมือแน่น กลุ่มน้ำตาถูกจิตใต้สำนึกกักเก็บเอาไว้เพียงภายใน เขาเงยมองคนร้องขอด้วยใบหน้าหมดอาลัยในชีวิต ริมฝีปากหนาถูกแผงฟันกัดแน่นจนช่วงปากบิดเบี้ยว ที่น่าสมเพชเวทนาที่สุดคงจะเป็นดวงตาเลื่อนลอยกลอกไปมาอย่างคนไม่มีจุดหมาย

“มายด์ไม่ใช่สิ่งของ” คำพูดเทิ้มมันสะเทือนอารมณ์คนทั้งสองและหนึ่งดวงจิต คนเป็นพ่ออ้าแขนรวบตัววินเข้าไปกอดอย่างที่ไม่เคยทำ วินทิ้งตัวพิงไปกับคนที่เขาเรียกตามมายด์ว่าป๊าอย่างไม่นึกอาย ระหว่างที่มายด์กำลังรู้สึกเหมือนโดนลงโทษซ้ำแล้วซ้ำเล่า กลายเป็นว่าชะตากรรมความเจ็บปวดของทุกคนมีเขาเป็นผู้กำหนด แล้วตัวต้นเหตุอย่างเขาจะรู้สึกอย่างไรได้ นอกเสียจากรับความทรมานจากทุกคนเข้ามาสุมเอาไว้ในอก

“ป๊ารู้ว่ามายด์ไม่ใช่สิ่งของ”

“ผมไม่ให้… ผมไม่คืน… มายด์เป็นของผม ผมอยากดูแลมายด์”

“ป๊าพยายามทำเพื่อมายด์นะ มายด์คงไม่อยากให้วินเหนื่อยอยู่แบบนี้”

“ผมอยากเหนื่อย ป๊าจะพามายด์ไปรักษาที่ไหนก็ได้ หรือถ้าป๊ากับม้าไม่ไหว ช่วยปล่อยมายด์ไว้กับผม… แต่ผมไม่คืนให้ ผมไม่มีทางคืนมายด์ให้ป๊า” คนโตกว่าลูบศีรษะปลอบวินทั้งที่ตนต้องแหงนหน้าเพื่อไม่ให้น้ำตาไหลออกมา

“อย่าทำให้ป๊าลำบากใจเลย ตัดกันให้ขาดเถอะนะวิน”

“ไม่ ผมไม่ให้”

“...”

“ชีวิตผมจะพังแค่ไหนก็ได้ บ้านถูกยึด รถไม่มีขับ ผมรับได้ แต่ผม… ผมไม่มีมายด์ไม่ได้”

“วิน ชีวิตทุกคนย่อมมีวันเปลี่ยนแปลงนะ”

“ป๊าอย่าพูดแบบนี้กับผม ผมไม่พร้อมจะเปลี่ยนแปลง ผมไม่พร้อมที่จะเสียใครไปอีกแล้ว… ไม่”

“...”

“ผมเป็นคนผิด ผมดูแลมายด์ไม่ดี เป็นผมเองที่เลว ผมทำให้มายด์ต้องเป็นแบบนี้... แต่ผมไม่คืนมายด์ให้ป๊า”

“ป๊าไม่ได้พูดให้วินโทษตัวเองนะ”

“ขอร้องล่ะครับ... ให้ผมมีสิทธิ์ได้รับผิดชอบมายด์บ้างก็ยังดี”

“วินไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น ป๊าไม่อยากให้วินต้องมาพะวงเรื่องมายด์อีก ใช้ชีวิตต่อไปเหมือนตอนที่วินไม่มีมายด์ อย่ากังวล อย่าโทษตัวเอง ป๊าไม่รู้ว่ามายด์จะฟื้นหรือเราจะรั้งมายด์ไว้ได้สุดสายป่านสักแค่ไหน อาจจะพรุ่งนี้ วันมะรืน หรือต้นชั่วโมงหน้า ...แต่วันนี้วินต้องคืนมายด์ให้ป๊า คืนอิสระให้ตัวเองเถอะนะ”

“มายด์… วินไม่คืน” วินผละตัวออกจากอ้อมกอดที่ไม่เชิงว่าอบอุ่น เขาอ้าปากงับลมดั่งคนพยายามควบคุมลมหายใจตนเอง ใบหน้าคมซีดเผือดขาดสีเลือด สุธีขมวดคิ้วมองวินอย่างไม่แน่ใจในสิ่งที่เห็น เขาคว้าช่วงแขนของคนหนุ่มเอาไว้แทบจะทันทีเมื่อเห็นว่าวินเริ่มยืนไม่ตรง

“วิน! วิน!” เสียงเรียกไม่อาจเข้าสู่โสตประสาทของเจ้าของชื่อได้อีก ร่างกายซีกซ้ายชาวาบจนไม่อาจควบคุมการทรงตัว วินทรุดฮวบลงกับพื้นเพราะคนอายุมากกว่าไม่มีแรงพอที่จะรั้งเอาไว้ ความวุ่นวายเกิดขึ้นทันทีเมื่อสุธีเริ่มโหวกเหวกเรียกหาความช่วยเหลือ ดวงตาของวินไม่ได้ปิดลงในทันทีทั้งที่ร่างกายวูบล้มราวกับไฟกระชาก เขาทอดสายตามองออกไปในทิศทางหนึ่งจนกระทั่งมีลมวูบใหญ่กระแทกเข้าหน้า สติสัมปชัญญะที่ถูกใช้งานจนเกินขีดจำกัดถูกสั่งให้พักผ่อนโดยที่เจ้าของร่างไม่ได้เต็มใจ

“วิน… คิดจะแกล้งให้มายด์ใจเสียรึไง” แม้ในโลกความเป็นจริงจะดูยุ่งเหยิงเพราะร่างกายหนึ่ง แต่ในโลกเดียวดายของมายด์ทุกสิ่งกลับหยุดนิ่งไม่เคลื่อนไหว เมื่อครู่ดวงตาคู่นั้นสบมองตัวเขาราวกับมองเห็นกัน สายตาอ้อนวอนร้องขอซึมลึกเข้าไปในจิตใจพังๆ หัวใจของมายด์เต้นระส่ำอย่างคนหวาดกลัว บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไม แต่มายด์อยากให้วินทิ้งเขาไว้ตรงนี้เหลือเกิน อยากให้วินกลับไปและไม่ต้องหันมองเขาอีกเลย

.

เวลาของมายด์ผ่านไปอย่างเชื่องช้าเมื่อร่างกายของวินปกป้องตัวเองด้วยการชัทดาวน์อย่างไม่ฟังคำสั่ง ร่างสูงทอดตัวนอนในท่าทางที่ถูกพยาบาลจัดไว้ ชายหนุ่มหลับสนิทหลังตื่นขึ้นมาเอ่ยความประสงค์ของตนเมื่อหลายชั่วโมงก่อน เขาไม่ต้องการตรวจอะไรเพิ่มเติมนอกจากรักษาอาการอ่อนเพลียตามสภาพ และไม่ว่าหมอจะเอ่ยเตือนเรื่องความเหนื่อยล้าของร่างกายสักแค่ไหน วินก็ยังยืนยันที่จะนอนพักบนเตียงคนไข้แค่ช่วงเวลารอน้ำเกลือหมดขวดเท่านั้น

หลับสนิทในรอบหลายวัน

แต่นั่นไม่ใช่เพราะใจต้องการ

เขาหลับด้วยฤทธิ์ยา

เขาหลับเพราะถูกร่างกายสั่งให้พัก

มายด์นั่งอยู่กับพื้นด้านล่างเตียงให้ยามานานพอๆ กับที่วินพัก ในสมองของเขาคิดนู่นนี่ไปเรื่อยเปื่อย วินเป็นคนแข็งแรง ทำงานหามรุ่งหามค่ำก็ไม่เคยปริปากบ่น ตั้งแต่คบกันมานอกจากไข้หวัดหรืออาหารเป็นพิษเล็กๆ น้อยๆ วินก็ไม่เคยแสดงอาการเจ็บป่วยอื่นใดแม้แต่ครั้งเดียว มีเพียงระยะหลังเท่านั้นที่มายด์เห็นวินกินยาบำรุงก่อนนอนบ่อยๆ

“เขาเป็นยังไงบ้างครับคุณพยาบาล...เอ่อ นายธาวินน่ะ” ป๊าของมายด์ชะโงกหน้าผ่านช่องกระจกเข้ามาโดยมีภรรยายืนอยู่เคียงข้าง พยาบาลสาวใหญ่ละงานในมือและรีบเดินไปตอบคำถามคนทั้งคู่ตามหน้าที่ ขณะเดียวกันมายด์ก็ขยับเดินเข้ามารอฟังเท่าที่ระยะพันธนาการจะทำได้

“ตอนนี้หลับเพราะยาที่คุณหมอให้ค่ะ ถ้าตื่นแล้วไม่มีอาการแทรกซ้อน คงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง”

“อืม ขอบคุณครับ”

“เป็นญาติคนไข้ใช่มั้ยคะ”

“ไม่เชิงหรอก” คนเป็นแม่ตอบคำถามนี้ด้วยน้ำเสียงอ้อมแอ้ม สุธีเห็นภรรยาพูดได้ไม่เต็มปากก็แตะศอกปรามก่อนจะหันไปตอบพยาบาลด้วยน้ำเสียงหนักแน่นกว่า

“พอดีเขาเป็นคนรักลูกชายผมน่ะครับ มีอะไรรึเปล่า”

“อยากจะให้ช่วยเกลี้ยกล่อมคนไข้หน่อยน่ะค่ะ วันนี้คุณหมอค่อนข้างกังวลในอาการ สละเวลามาตรวจสุขภาพสักครั้งก็ยังดี”

“ครับ” สุธีรับคำและหันมองภรรยาคล้ายมีความรู้สึกบางประการเหมือนกัน ขณะเดียวกันนั้นดวงตาของมายด์ก็สลดลงหลังรับฟังสิ่งที่ออกมาจากปากหญิงชุดขาว มันทำให้เขานึกย้อนไปถึงตอนที่วินยืนกรานกับหมอว่าจะไม่ตรวจและไม่เข้าเป็นผู้ป่วยในอย่างเด็ดขาด

“ความดันต่ำมาก ชีพจรค่อนข้างเร็วแต่เบา อาการคุณน่าเป็นห่วงมากนะ จะไม่ให้ผมตรวจมากกว่านี้จริงๆ เหรอ”

“ผมไม่เป็นไร ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้วครับ”

“นอนพักดูอาการสักคืนดีมั้ย”

“ผมขอนอนพักแค่รอน้ำเกลือขวดนี้หมดครับ”

“คุณธาวิน การล้มทั้งยืนของคุณมันไม่ใช่เรื่องดี ผมว่าคุณควรจะซีเรียสกับเรื่องนี้ ถ้าเกิดคุณเป็นอะไรไปขึ้นมามันจะไม่ทันการ”

“ผมไม่ตายง่ายๆ หรอกครับ ถ้าผมตายแล้วใครจะดูแลแฟนผม… หึหึ”


มายด์รู้ว่ารอยยิ้มของวินในวินาทีนั้นมันไม่ใช่เรื่องขบขัน เสียงหัวเราะหึหึในลำคอ และยิ้มเศร้าบนใบหน้าคนที่ไม่เคยยิ้มมันเป็นเรื่องเลวร้ายที่ตัวเขาเองไม่อาจคาดเดา ถ้ายังมีปากที่ออกเสียงได้ ป่านนี้เขาคงจะบ่นวินจนหูชาที่ไม่ยอมทำตามคำสั่งหมอ แต่ในเมื่อทำเช่นนั้นไม่ได้มายด์จึงได้แต่รับรู้และเก็บความคิดทุกอย่างเอาไว้กับตัว

นี่ไม่ใช่มายด์คนเดิมเลย

เป็นอะไรไปมายด์

เป็นห่วงวินงั้นเหรอ

เป็นห่วงเป็นกังวลเพราะคนที่ทำให้ฆ่าตัวตายงั้นสินะ

“มาล้มตึงเป็นภาระให้เราจนได้ เหอะ”

“คุณนิตย์ จะให้ผมปรามคุณอีกกี่ครั้ง”

“ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่คะ แค่รู้สึกว่าวินไม่สมควรมาอ่อนแอในเวลาแบบนี้ เราเป็นพ่อเป็นแม่ยังต้องเข้มแข็งเพื่อรอมายด์กลับมา แต่นี่อะไร...”

“แล้วลูกเราเป็นภาระของเขามานานเท่าไหร่แล้ว” นี่ประโยคสุดท้ายที่มายด์ได้ยินหลังผู้ให้กำเนิดเดินคล้อยหลังไป ตัวของเขาเบาหวิวจนลอยขึ้นอย่างไร้น้ำหนักเมื่อได้ยินประโยคเสียดแทงใจเช่นนั้น ความรู้สึกเป็นห่วงเป็นใยที่มีต่อวินทวีคูณเสียจนความโกรธหายไปจากสมอง มีแค่ความรู้สึกย่ำแย่ที่มีให้ตนเองจนอยากจะกรีดร้องระบายความอึดอัดออกมา

แต่มายด์ทำไม่ได้

การแสดงออกไม่ใช่หนทางที่จะทำได้เช่นเดิม

“มายด์เป็นภาระของวินเสมอเลยใช่มั้ย เหนื่อยมากมั้ยวิน” ร่างเล็กทิ้งตัวลงนอนเคียงข้างวินบนพื้นเตียงที่ยังว่าง ดวงจิตผู้เจ็บปวดตะแคงมองใบหน้าหลับสนิทของคนที่รู้สึกรักอยู่เต็มอก หยดน้ำตาไหลออกมาเมื่อมายด์หวนนึกถึงภาพความคิดในมุมมองของคนที่ไม่เคยได้พูดออกมา

สิ่งที่วินคิด

สิ่งที่วินทำ

และสิ่งที่ตัวมายด์นั้นมองข้ามไป

“ถ้าวินไม่คืนมายด์ให้ป๊า งั้นมายด์ขอคืนทุกอย่างให้วินได้มั้ย”



Talk

มาแย้วจ้า มาช้าแต่มาชัวร์ 5555555555555 มีใครถือเปลือกทุเรียนมาดักตีหัวเราแถวนี้มั้ย 55555555 

ขอบคุณทุกคอมเมนต์ทุกวิวมาล่วงหน้า ณ ที่นี้นะคะ

ออฟไลน์ jin_kazu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
‪ต่างคนต่างขาดกันไม่ได้ จนสงสัยเลยว่าอะไรทำไมมายด์ถึงตัดสินใจทำแบบนั้นลงไป‬
อ่านตอนนี้แล้วเศร้า ฮือออ วินห้ามตายนะ ~ T^T

ออฟไลน์ TheDoungJan

  • ขอบคุณนักเขียนที่คนที่สร้างทุกตัวละครขึ้นมานะคะ(♡˙︶˙♡)
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 682
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
เป็นห่วงสุขภาพวินอะ อย่าเป็นอะไรไปอีกคนเลยนะ

ออฟไลน์ fxxg0430

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
มายด์อย่าเพิ่งถอดใจนะ

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
 :pig4:
รออ่านต่อค่ะ
 :3123:

ออฟไลน์ Philosophy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด