กว่าจะลงเอยด้วยคำว่า...รัก ตอนที่ 15 (22/3/2562)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: กว่าจะลงเอยด้วยคำว่า...รัก ตอนที่ 15 (22/3/2562)  (อ่าน 6372 ครั้ง)

ออฟไลน์ AlittleStarWr

  • ดาว ณ แดนดิน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
    • https://www.facebook.com/ALittleStarWriter/?eid=ARB0j1cH0esPR8hRT-dtFbYMb-2_QxYrZHilPjVeZktiZELggHI9krjDA8KpE9EAkE37Y9krMgYPFPvo

ออฟไลน์ Pe_no

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 375
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ติดตามค่ะ  :mew2:

ออฟไลน์ AlittleStarWr

  • ดาว ณ แดนดิน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
    • https://www.facebook.com/ALittleStarWriter/?eid=ARB0j1cH0esPR8hRT-dtFbYMb-2_QxYrZHilPjVeZktiZELggHI9krjDA8KpE9EAkE37Y9krMgYPFPvo



กว่าจะลงเอยด้วยคำว่า...รัก 9



(เพลิง)



ผมนั่งลงบนเตียงมองตามหลังไอ้ตัววุ่นวาย ที่เดินล่องลอยเหมือนคนยังไม่ตื่นออกไปจากห้อง แค่เห็นหน้ามันก็หงุดหงิดแล้ว บอกตรง ๆ ว่าผมเกลียดมัน ทั้งเกลียดทั้งรำคาญ แต่ทั้งที่เกลียดทั้งที่รำคาญขนาดนี้ แล้วทำไมผมถึงยอมให้มันมาอยู่ด้วย

ความจริงคือผมไม่ได้ยอม!

บอกไปแล้วว่าไม่และไม่ได้สนใจสักนิด แต่ถูกยัดเยียดจากผู้ชายคนนั้น พ่อผมของผม เขาบอกว่าจะฝากลูกของเพื่อนที่เพิ่งเข้าเรียนที่เดียวกันกับผมมาอยู่ด้วย จะได้ให้มันช่วยดูแลผม เขาเห็นผมเป็นเด็กห้าขวบหรือไงวะ ผมไม่ต้องการคนดูแล ไม่ได้รับปากด้วยซ้ำว่าจะยอมให้ใครมาอยู่ด้วย แต่ถึงเวลาเขาก็ส่งมันมา มัดมือชกผมที่พูดอะไรไม่ออก เพียงเพราะคำว่าพ่อมันค้ำคอ พอมารู้ทีหลังว่ามันเป็นลูกใครนั่นแหละ ผมถึงได้เปลี่ยนความตั้งใจจากเดิม ที่คิดว่าจะไล่ตะเพิดมันกลับ แล้วปล่อยให้มันเดินเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวของผมแทน



ตลอดหลายปีที่ผ่านมาระหว่างผมกับเขา พ่อของผม เราใช้ชีวิตวนเวียนอยู่ไม่ไกลกัน แต่ไม่ต่างจากคนไม่รู้จักกันเลย ตั้งแตกเด็กผมมีเพียงอาเล็กน้องชายของเขาคอยดูแลเอาใจใส่ ถึงได้ทั้งรักทั้งหวงอาเล็กมาก มีอะไรก็คิดถึงอาเล็กก่อนใคร และเกรงใจอาเล็กคนเดียว แล้วอาก็งานยุ่งไม่น้อยไปกว่าเขา ถึงทั้งสองทำงานด้วยกัน แต่อาเล็กกลับไม่เคยมีข้ออ้างเพื่อละเลยผมสักครั้งตั้งแต่เล็กจนโต ไม่ว่าเป็นอะไรที่เกี่ยวกับผม อาเล็กจะมีเวลาให้เสมอ ต่างจากคนที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อแท้ ๆ ที่นอกจากงานแล้ว หากมีเวลาว่างจากการทำงาน เวลาของเขาทั้งหมด มีไว้เพื่อทุ่มเทไปกับการตามหาผู้หญิงคนนั้น คนรักเก่าของเขา จนถึงวันที่แม่ของผมทนไม่ได้และจากไป เขาก็ยังไม่ลดละความพยายามที่จะตามหาผู้หญิงคนนั้นให้เจอ



ตอนนั้นผมก็เป็นแค่เด็กผู้ชายอายุสิบขวบ ที่รู้เรื่องรู้ราวอะไรพอสมควรแล้ว เสียงทะเลาะกันที่ดังออกมา มันเข้าหูผมทุกคำ ได้รับรู้ปัญหาและสาเหตุทุกอย่าง ได้เกลียดคนที่ผมไม่เคยแม้แต่จะเห็นหน้าด้วยซ้ำ ผมไม่เคยเห็นพวกเขาทะเลาะกันรุนแรงขนาดนี้ หรือจริง ๆ แล้วมันอาจจะเป็นคลื่นใต้น้ำที่พวกเขาสะสมมันไว้ จนกลายเป็นคลื่นลูกใหญ่ที่รอวันซัดเข้าทำลายฝั่ง รุนแรงมากจนเด็กผู้ชายคนหนึ่งเก็บความเสียใจเอาไว้ไม่ไหว ต้องยืนร้องไห้เงียบ ๆ ต่อหน้าต่อตาพวกเขา วันนั้นเป็นวันสุดท้ายที่ผมเรียกผู้ชายคนนั้นว่าพ่อ และเป็นวันสุดท้ายที่ได้เห็นหน้าแม่..



ลำธาร มันเป็นลูกของผู้หญิงคนนั้น ผู้หญิงที่เขาตามหามาหลายปี และเจอเธอเมื่อปีที่แล้ว ตอนนี้ได้ข่าวว่าตายห่าไปแล้ว ผมไม่อยากโทษใคร แต่สองแม่ลูกนี้ก็มีส่วนทำให้เกิดอะไรแย่ ๆ ขึ้นกับครอบครัวของผม ไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไรที่ส่งมันมาอยู่กับผม ทั้งที่ผมแสดงออกชัดเจนขนาดนั้นว่าไม่เอา ที่ให้อยู่มีตั้งเยอะแยะ คอนโดในโครงการของเขาเฉพาะในกรุงเทพก็มีตั้งหลายที่ ทำไมไม่ให้มันไปอยู่ที่ไหนสักแห่ง ถึงแต่ละที่จะมีชื่อผมเป็นเจ้าของ และถือหุ้นกว่า 50 % ทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรเลย หุ้นส่วนที่เหลือก็เป็นของเขากับอาเล็ก สิ่งที่เขาทำมันไม่ได้ทำให้ผมซึ้งใจ จนยอมอภัยให้กับสิ่งที่เขาทำไว้หรอก เพราะมันไม่สามารถพาแม่ของผมกลับมาหาผมได้ ต่อให้เขายกทรัพย์สมบัติทั้งหมดที่เขามีให้ผม มันก็ทดแทนชดใช้สิ่งที่ผมเสียไปไม่ได้ มันแทนกันไม่ได้เลย!



คำพูดสวยหรูที่บอกว่าให้มันมาอยู่ช่วยดูแล แต่สำหรับผมแปลได้อย่างเดียวว่าคอยรับใช้ นั่นแหละที่ผมมองมัน ผมไม่ใช่เด็กน้อยคนนั้น ที่ยืนร้องไห้เงียบ ๆ เพราะพ่อแม่ทะเลาะกันอีกต่อไปแล้ว ผมโตพอที่จัดการกับชีวิตตัวเองได้แล้ว โตจนเรียนอยู่ปีสุดท้ายแล้ว และอยู่ด้วยตัวเองมาตลอด เพิ่งจะมาห่วงผมตอนนี้มันไม่ช้าไปหน่อยหรือไง ดังนั้นตำแหน่งเด็กรับใช้ มันเหมาะกับหน้าจืด ๆ ท่าทางเอ๋อ ๆ เหมือนคนความรู้สึกช้าของมันแล้ว อยากอยู่ด้วยก็ต้องคอยรับใช้รองมือรองตีนผม ไม่มีสถานะน้องนุ่งห่าเหวอะไร อย่างที่เขาพยายามยัดเยียดมันมาให้หรอก



คืนก่อนวันที่เขาจะให้คนมาส่งมัน ผมชวนเพื่อนมามั่วเต็มที่ จัดห้องไว้ต้อนรับมันให้สมกับตำแหน่งเด็กรับใช้ เตรียมงานไว้ให้มันทำให้สมอยาก เดี๋ยวจะว่าเอาได้ว่าไม่มีอะไรทำ แล้วเป็นไงสมใจเลยสิ ปกติพวกผมก็จัดปาร์ตี้อะไรแบบนี้บ่อย ๆ กันอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าผมไม่เคยจัดที่ห้องตัวเอง ไม่เคยชวนเพื่อนหรือใครมาที่ห้องเลย วันที่ไอ้ฐานทัพเลขาของเขามาส่งมัน ผมเองก็มีนัดจะออกไปข้างนอกกับเพื่อนพอดี กะจะทิ้งให้มันทำงานเงียบ ๆ สบาย ๆ สักหน่อย แต่มันดันมาถึงก่อนผมเลยเปลี่ยนใจ ชวนพวกนั้นมากินกันที่ห้องแทน



แล้ววันนั้นยายน้ำหวานอะไรนั่นก็ดันมาได้จังหวะพอดี ทั้งที่ผมนัดเวลาให้มาพร้อมกันกับคนอื่นแล้วแท้ ๆ ยังเสนอหน้ามาก่อนเพื่อน เลยจัดหนังสดให้ไอ้เด็กรับใช้มันดูไปยกหนึ่ง เหมือนจะบอกกลาย ๆ ด้วย ว่าถ้าอยู่ที่นี่มึงต้องเจอกับอะไรบ้าง แล้วก็เป็นอย่างที่ผมคิดจริง ๆ แค่ไอ้ตัววุ่นวายเห็นผมกับยายน้ำหวานจูบกัน แม่งมองจนอึ้งเหมือนไม่เคยเห็น หน้าตานี่ไปแล้ว แดงอย่างกับว่าตัวเองเป็นคนถูกจูบเองเสียอย่างนั้น ไม่รู้แม่งจะเขินแทนกูทำไมอ่อนฉิบหาย ตอนมันเห็นยายนั่นใช้ปากให้ผมยิ่งสะใจ ท่าทางกล้า ๆ กลัว ๆ ไม่กล้ามองตรง ๆ แต่ผมก็เห็นนะว่ามันอยากรู้อยากเห็น จนแอบชำเลืองมอง พอเห็นแล้วยังมาทำตาโต ทำเป็นหันไปทางอื่นเหมือนไม่อยากมอง ทั้งที่แอบดูของกูเต็ม ๆ เหอะ

ไอ้อ่อนเอ๊ย



สำหรับกลุ่มพวกผมถ้าว่ากันด้วยเรื่องกินเรื่องเที่ยว เรื่องจัดปาร์ตี้อะไรพวกนี้ บอกได้เลยว่ามันจะมั่วได้ขนาดไหน ถือเป็นเรื่องปกติ ทั้งเด็ก ทั้งเหล้า ทั้งยา ของมึนเมามีให้ทุกอย่าง แต่ยานี่ผมไม่เอาด้วยจริง ๆ คืนนั้นเป็นครั้งแรกที่ผมพาเพื่อนมาจัดปาร์ตี้ที่ห้อง ก่อนที่วันต่อมาไอ้เด็กรับใช้มันจะมานั่นแหละ ทั้งที่ปกติผมไม่ชอบให้ใครเข้ามาวุ่นวายในพื้นที่ส่วนตัว ไม่เว้นแม้แต่เพื่อนสนิทอย่างไอ้ออฟ ที่รู้จักกันมาตั้งแต่มอต้น หรือเพื่อนเรียนอย่างพวกไอ้เก่ง ผมมีเพื่อนหลายกลุ่ม แต่ยกให้เป็นเพื่อนสนิทแบบที่ไว้ใจกันจริง ๆ มองตาก็รู้ว่าคิดอะไรก็มีไอ้ออฟแค่คนเดียว ส่วนพวกไอ้เก่งก็สนิทในระดับหนึ่ง วันนั้นพวกมันยังแปลกใจเลยว่าผมคิดอะไรอยู่ แต่แม่งก็แปลกใจกันได้ไม่นานหรอก เพราะสำหรับพวกนี้ แค่มีที่ให้พวกมันมั่วสุมกินเหล้าเอาเด็ก ก็ไม่สงสัยห่าอะไรกันได้นานแล้ว แต่ไอ้เก่งดันมีเรื่องกับไอ้ตัววุ่นวายนั่นก่อนจนถูกตีหัวแตก อะไรเลยสะดุดกันไปหมด ปาร์ตี้กำลังได้ที่ก็เริ่มกร่อย และนั่นเท่ากับว่ามันสร้างศัตรูให้ตัวเองโดยไม่รู้ตัวด้วย ผมรู้ว่าไอ้เก่งไม่ปล่อยมันง่าย ๆ แน่ แต่แล้วยังไงล่ะ เรื่องของใครก็เรื่องของมันไม่เกี่ยวกับกู อย่าทำให้กูรำคาญก็พอ พวกเพื่อนผมมันรู้ดีกันทั้งนั้น



วันนั้นที่ผมไล่ไอ้เก่งออกจากห้อง ก็ไม่ใช่เพราะจะช่วยไอ้เด็กรับใช้นั่น แต่เพราะไอ้เหี้ยเก่งดันเอาของมาด้วย ซึ่งผมบอกแล้วว่ามันไปที่ไหน จะมั่วเด็กมั่วยายังไงก็ได้ แต่ถ้ามาที่นี่ห้ามเอายามาด้วยเด็ดขาด ผมไม่ชอบ ผมเคยลองไม่ใช่ไม่เคย แล้วไม่ใช่ว่าลองแล้วไม่ชอบเลยไม่เอา แต่ผมคิดว่าชีวิตเราทำอะไรดี ๆ ให้ตัวเองได้มากกว่านั้น มากกว่าการเอาสิ่งไม่ดี ไม่มีประโยชน์เข้าสู่ร่างกาย จะเมาจะมั่วก็แค่ให้เมาพวกแอลกอฮอล์ก็น่าจะพอแล้ว ยาเสพติดนี่ผมไม่ชอบจริง ๆ ที่ลองก็แค่ลองให้รู้ ลองแล้วก็ไม่เห็นแม่งจะมีดีห่าอะไรเลย เคยมีคนบอกว่าพวกติดยาคือพวกอ่อนแอ ถ้าเราเข้มแข็งเราจะไม่ติดมัน เท่าที่กูเห็นแม่งอ่อนแอกันทั้งนั้นเลยสัส รวมทั้งไอ้เก่งกับเพื่อนมันด้วย



คิดแล้วหงุดหงิดไม่รู้อะไรนักหนา ยิ่งผมเป็นพวกขี้รำคาญด้วยแล้ว มันเลยหงุดหงิดง่ายเข้าไปใหญ่ เดินออกจากห้องจะหาน้ำเย็น ๆ ดื่ม แล้วค่อยกลับมานอน ผมเดินผ่านโซฟาตัวที่ไอ้เด็กวุ่นวายยืดเป็นที่นอน กะจะแวะแกล้งมันเล่นให้อารมณ์ดีสักหน่อยก็ดันไม่อยู่ ที่นี่มี 2 ชั้นมันกว้างเกินกว่าจะอยู่คนเดียวก็จริง แต่ผมชอบของผมอย่างนี้ ชั้นบนผมไม่ค่อยขึ้นไป แต่ยังให้คนขึ้นไปทำความสะอาดไว้ตลอด เพื่อรอคนสำคัญของผมกลับมา ข้างล่างมีห้องนอนสองห้อง ผมนอนห้องใหญ่ ส่วนห้องเล็กปิดตาย จะให้ไอ้ตัววุ่นวายนอนห้องนั้นก็ได้ แต่ผมจะไม่ให้มันได้อยู่สบายใครจะทำไม อยากนอนที่ไหนก็เรื่องของมัน อยากอยู่ด้วยกันนักให้อยู่ยังไงมันก็ต้องอยู่ให้ได้



เดินมาเจอแต่โซฟาว่างเปล่า ไม่คิดหรอกว่ามันจะทำตามที่ผมสั่งจริง ๆ เพราะดึกขนาดนี้ ท่าทางมันก็เหมือนยังไม่ตื่นดีด้วยซ้ำ คิดว่ามันคงเดินเบลอ ๆ เอ๋อ ๆ ตามแบบของมัน มาเจอที่ที่มันเคยนอนก็คงล้มตัวลงนอน รอให้ผมมาแกล้งมันเล่นเหมือนเคย แต่ตอนนี้บนโซฟากลับไม่มีร่างผอม ๆ ของมันนอนแผ่อยู่ ท่านอนของมันไม่ว่าจะนอนบนโซฟา หรือนอนบนพื้นเหมือนวันนั้น ดูหลับสบายจนน่าหมั่นไส้ ผมล่ะอยากยันโครมเข้าให้สักทีสองที ทั้งที่นอนแบบนี้มันไม่น่าสบายตัวสักนิด ผมเคยลองแล้ว แม่งคงเพราะตัวเล็ก ๆ นั่นแหละ แต่เอาจริง ๆ มันก็ไม่ได้ตัวเล็กอะไรมากมายหรอก ก็สูงพอประมาณ แต่มันผอม ซุกตัวเข้าไปตรงไหนเลยเหมือนจะพอดีไปเสียหมด แตกต่างกับผม แค่ล้มตัวลงนอนบนโซฟาตัวที่มันนอนได้สบาย ก็เหมือนว่าที่มันจะเต็มไปหมดจนอึดอัดแล้ว



..แม่งไม่ยุติธรรมเลยของกูเลือกเองแท้ ๆ

ต่อ....

ออฟไลน์ AlittleStarWr

  • ดาว ณ แดนดิน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
    • https://www.facebook.com/ALittleStarWriter/?eid=ARB0j1cH0esPR8hRT-dtFbYMb-2_QxYrZHilPjVeZktiZELggHI9krjDA8KpE9EAkE37Y9krMgYPFPvo


ไม่คิดว่ามันจะออกไปเก็บกวาดซากที่พวกผมกินไว้ตอนนี้จริง ๆ นึกว่าเดินมานอนต่อ กะจะมาแกล้งแม่งสักหน่อย เสือกไม่อยู่ให้แกล้งเสียได้ ถึงวันนี้ที่มหาวิทยาลัย จะแกล้งมันไปเยอะแล้วก็ตามเถอะ หึ กว่าจะรับน้องเสร็จผมจะให้ไอ้พวกนั้นแกล้งมันให้อ่วมไปเลย วันนี้ถ้าพวกไอ้รันไม่มา มันคงโดนหนักกว่านั้นแน่ เพราะไอ้ทอมปี 3 ที่สั่งลงโทษมันวันนี้ ก็ลูกน้องผมเอง สั่งยังไงก็ได้ จัดเหล้าให้มันสักขวดสองขวดเป็นค่าตอบแทน มันก็ทำให้ทุกอย่างอยู่แล้ว ความคิดแบบเด็ก ๆ แล้วไง กูสะใจใครจะว่ายังช่างแม่งสิ หมั่นไส้ตั้งแต่เห็นขี่หลังมากับไอ้ห่านั้นแล้ว ท่าทางคงห่วงใยใส่ใจกันมาก ไอ้ตัววุ่นวายนี่แม่งคงอ่อยไปทั่ว จนผมไปเห็นมันอยู่ในห้องน้ำกับไอ้เก่ง เดาเรื่องได้ไม่อยากเลยว่าเกิดอะไรขึ้น ก็อย่างที่ผมบอกว่าไอ้เก่งไม่ปล่อยแน่ที่บังอาจไปตีหัวมัน ถ้าไอ้เด็กรับใช้ไม่อยากเจอเหตุการณ์แบบนั้นอีก มันก็ต้องระวังตัวเองให้มากกว่านี้



พอไม่มีไอ้ตัววุ่นวายนอนอยู่ตรงนี้ให้แกล้ง ผมเดินเลยเข้าห้องครัว เปิดตู้เย็นหยิบน้ำเย็น ๆ มาเปิดยกขึ้นดื่มเกือบหมดขวด เห็นแก้วจานอะไรที่ใช้แล้ว ถูกเก็บมาไว้ที่อ่างล้างไว้หมดแล้ว แต่ไอ้เด็กรับใช้ของผมมันหายหัวไปไหน ทำไมยังไม่ล้างเก็บให้สะอาดเรียบร้อย

มึงโดนแน่!

ผมคาดโทษมันแล้วเดินออกไปดูที่สระว่ายน้ำ แต่ยังก้าวไปไม่ทันพ้นขอบประตู รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างผิดปกติ รอบสระไม่มีไอ้เด็กวุ่นวาย ถุงดำใส่ขยะวางอยู่มุมหนึ่ง เก้าอี้ยาวที่ใช้นอนเล่นยังวางเกะกะขวางทางอยู่เหมือนเดิม แต่ไม่มีคน ไม่มีใครเลย ไอ้พวกนั้นก็กลับไปกันหมดแล้ว ผมเป็นคนเปิดประตูส่งพวกมันลงไปเอง คืนนี้ไม่กินกันดึกมากเพราะพวกผมแค่มาคุยงานกัน เลยแค่ตั้งวงเล็ก ๆ หมดเหล้าไปสามขวดก็แยกย้าย แต่ก็ถือว่ากินหนักอยู่เหมือนกัน ผมนี่เริ่มมึนหน่อย ๆ แล้ว แต่ไม่ถึงกับเมา

หายหัวไปไหนวะแม่ง!

ผมได้แต่สบถด่ามัน สั่งอะไรไม่เคยมีสักครั้งหรอก ที่มันจะทำออกมาได้อย่างเรียบร้อย ไม่ขาดตรงนั้นก็เกินตรงนี้ หรือไม่อย่างนั้นแม่งก็ลืมไม่ทำตามที่สั่ง ปวดหัวกับมันฉิบหาย กวาดตามองไปรอบ ๆ ก็ไม่เจอไอ้ตัวปัญหา มองไปทางสวนก็ไม่มี แล้วมันไปมุดหัวอยู่ที่ไหนของมันวะ!

“ไอ้เด็กเหี้ย! หายหัวไปไหนของมึงวะ!” ทุกอย่างยังเงียบ ถ้าที่นี่ไม่มี ในห้องรับแขกที่มันใช้นอนก็ไม่มี แล้วมันจะหายหัวไปไหนของมันได้ สบถด่ามันไปตั้งหลายรอบก็ไม่เห็นโผล่หัวมาสักที จนผมชักจะหงุดหงิดอีกแล้ว น่ารำคาญจริง ๆ

“ไอ้ธาร! “เหมือนจะเป็นครั้งแรกหรือเปล่าที่ผมเรียกชื่อมัน แต่เรียกยังไงเสียงดังแค่ไหนก็ไม่มีเสียงขานรับ ทั้งที่ปกติมันต้องวิ่งหน้าตื่นมายืนทำหน้าตลก ๆ รอรับคำสั่งจากผมแล้ว



ขณะที่กำลังเข่นเขี้ยวคาดโทษมันอยู่นั้น ผมหันไปเห็นอะไรบางอย่างในสระว่ายน้ำ อะไรบางอย่างที่ทำให้ผมเย็นวาบขึ้นมาเฉย ๆ เสียอย่างนั้น ผิวน้ำในสระที่ปกติมันต้องนิ่ง ตอนนี้กลายเป็นระลอกคลื่น คลื่นแรงขึ้นจนเห็นมือที่ตะเกียกตะกายชูขึ้นเหนือน้ำ มือนั้นตีน้ำจนแตกกระจายเสียงดัง จากนั้นร่างของมันก็ทะลึ่งพรวดขึ้นมา พยายามตีสะเปะสะปะดิ้นรนอยู่ไม่กี่ครั้งก็จมลงไปใต้น้ำอีก



แม่งเอ๊ย! ว่ายน้ำไม่เป็นแล้วมึงจะลงไปทำไมวะ! ผมรีบวิ่งออกไปยังสระว่ายน้ำ แต่วิ่งได้สองก้าวก็สะดุดอะไรบางอย่างเกือบล้มหน้าคะมำ หันไปดูแม่งถึงเห็นว่าเป็นแผ่นหญ้าเทียม ไม่รู้ใครดึงมันขึ้นมา แล้วไม่เก็บเรียงไว้ให้เรียบร้อยเหมือนเดิม แต่โมโหไปก็เท่านั้น ไอ้ตัววุ่นวายที่อยู่ในน้ำมันจะตายก่อนนะสิ



ผมไม่สนใจแผ่นหญ้าห่าเหวอะไรนั่น รีบวิ่งไปยังสระ กระโดดลงไปใกล้จุดที่มันโผล่ขึ้นมา ดำลึกลงไปจนเกือบถึงก้นสระ ถึงได้เห็นตัวมันอยู่ห่างจากผมแค่หนึ่งช่วงตัว ผมรีบว่ายเข้าไปหา คว้าได้ตัวไอ้เด็กรับใช้มาไว้ในอ้อมแขน แล้วรีบพามันขึ้นมาเหนือน้ำ เพราะผมยังมึน ๆ จากเหล้าเลยทุลักทุเลนิดหน่อย แต่ไอ้ตัววุ่นวายหมดสติไปแล้ว สระตรงนี้ลึกถึง 2 เมตรครึ่ง ซึ่งเป็นความต้องการของผมเอง ผมสั่งนักออกแบบเองว่าอยากได้แบบไหน ลึกแค่ไหน และควบคุมการก่อสร้างเองทั้งหมด เพื่อให้ถูกใจตัวเองที่สุด สระถึงได้ลึกมากกว่าปกติ เตี้ย ๆ อย่างมันตกลงไปเลยได้แต่ดิ้นกระแด่ว ๆ อย่างนี้ไงล่ะ เพราะขาสั้น ๆ ของแม่งหยั่งไม่ถึงพื้น



“มึง” ผมตบหน้ามันเบา ๆ หลังจากวางร่างไอ้เด็กรับใช้ลงบนพื้นข้างขอบสระ แต่ตบยังไงเรียกยังไงก็ไม่ยอมตื่น หน้าตานี่ซีดไปหมดแล้ว

แม่งเอ๊ย! จะมาตายเป็นผีเฝ้าสระให้กูหรือไงวะ

“มึง ตื่นสิวะ” ผมตบแปะ ๆ ไปอีกหลายที แต่ก็เหมือนเดิมก็คือมันยังแน่นิ่ง ไม่ตอบรับไม่ขยับให้เห็นว่ารู้สึกตัว ไม่อะไรสักอย่างเหมือนตายห่าไปแล้วจริง ๆ

“ลำธาร! แม่งเอ๊ย! “ ผมสบถเสียงดัง หลังยื่นมืออังจมูกแต่ไม่รู้สึกถึงลมหายใจของมัน ผมช้าไม่ได้แล้ว รีบจัดท่านอนให้มันใหม่ วางประสานมือลงบนตำแหน่งที่ต้องปั๊มหัวให้มันตามวิธีที่ได้เรียนมา แล้วกดลงไปให้ได้น้ำหนักพอดี สลับกับการเป่าปากต่อลมหายใจให้มันด้วย ผมปั๊มหัวใจสลับกับการเป่าปากมันอยู่อย่างนั้น จำไม่ได้ว่าทำไปกี่รอบจนเริ่มเหนื่อย ความมึนความเมานี่หายไปหมดแล้ว แต่เหนื่อยยังไงก็หยุดไม่ได้ เพราะมันต้องทำให้ต่อเนื่อง จนแขนแทบจะล้าในที่สุดมันก็เริ่มหายใจ แต่เหมือนมีอะไรสะดุดอยู่เหมือนหายใจไม่คล่อง เลยต้องปั๊มต่อแล้วเป่าปากให้มันอีกรอบ จนมันหายใจได้คล่องขึ้น และสำลักน้ำออกมานั่นแหละถึงหยุดได้ ผมเปลี่ยนท่าให้มันนอนตะแคง นั่งเฝ้าจนมันเริ่มหายใจได้เป็นปกติ ถึงได้ทิ้งตัวนอนลงข้าง ๆ มันนั่นเอง



เหนื่อยฉิบหาย! โคตรเหนื่อย! ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ด้วยตัวเองมาก่อน ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะต้องมาช่วยดึงชีวิตใครกลับมาจากความตาย หน้าสิ่วหน้าขวานอะไรขนาดนี้ โดยเฉพาะไอ้เด็กที่เป็นตัววุ่นวายในชีวิตผม ทำไมผมไม่ปล่อยให้มันตาย ๆ ไปซะ อยากโง่ตกลงไปเองทั้งที่ว่ายน้ำไม่เป็น ผมนอนหลับตานิ่ง ลมหายใจยังหอบอยู่แต่ก็ดีขึ้นกว่าตอนแรก ยอมรับว่าตกใจมากที่เห็นคนกำลังจะตายต่อหน้าต่อตา แต่ผมจะปล่อยให้มันตายไปง่าย ๆ ได้ยังไง แบบนั้นก็ไม่สนุกสิ สู้เก็บชีวิตมันไว้แกล้งเล่นดีกว่า

รู้สึกว่าไอ้เด็กที่นอนอยู่ข้าง ๆ มันขยับตัว แต่ผมไม่ได้สนใจ ยังนอนหลับตานิ่งหายใจหนัก ๆ อยู่เหมือนเดิม มือข้างหนึ่งทิ้งลงข้างตัว ส่วนอีกข้างรองหนุนหัวไว้ คิดว่าจะค่อย ๆ ปรับลมหายใจให้เป็นปกติ แล้วค่อยลุกไปอาบน้ำแต่ไม่เลย..

“เฮ้ย! อะไรของมึงวะ” เพราะไอ้เด็กรับใช้ที่นอนข้าง ๆ นี่แหละ ที่อยู่ดี ๆ มันก็โผเข้ามากอดผมไว้แน่น แนบหน้าลงกับหน้าอกของผม เหมือนไม่กลัวจะโดนถีบออกไปเลยให้ตายสิ เสื้อกูก็ไม่ได้ใส่ตั้งแต่แรก

“คุณเพลิง! ช่วยผมด้วยครับ ช่วยด้วย”

“ช่วยอะไรของมึงอีกวะ ปล่อยกู!”

“ช่วยด้วยครับผมว่ายน้ำไม่เป็น ช่วยด้วย”

“ปล่อยกู!”

“ผมกลัว”

“ปล่อยกู! แหกตาดูหน่อยตอนนี้มึงอยู่บนบกแล้ว!” ผมทั้งตะคอกทั้งแกะมือที่รัดตัวแน่นออก อยู่ดี ๆ ก็หันมากอดผม แล้วเอาแต่หลับหูหลับตาร้องช่วยด้วย ๆ ไม่ได้ดูเลยว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ที่ไหน และปลอดภัยแล้ว แม่งคนใกล้ตายมันเป็นอย่างนี้หมดทุกคนหรือไงวะ

“เอ่อ..” แล้วมันก็เงียบ ตาสั่น ๆ กวาดมองไปรอบตัว ไม่รู้มันตื่นหรือยัง หรือคิดว่าตัวเองตายห่าเป็นวิญญาณไปแล้ว แต่มือมันยังกอดเอวผมแน่นไม่ปล่อย ตัวมันสั่นมาก ไม่รู้เพราะหนาวหรือกลัวหรือทั้งสองอย่าง ที่จริงพอมันเริ่มหายใจปกติได้แล้ว ผมควรพามันไปเปลี่ยนเสื้อผ้า หาผ้าห่มมาห่มให้ความอบอุ่น แต่ช่างแม่งเหอะ แค่ช่วยให้รอดตายนี่ก็ดีแค่ไหนแล้ว แม่งยังมากอดกูไว้อีก

“คุณ คุณลงไปช่วยผมขึ้นมาเหรอ” มันหันกลับมาถาม ตากลม ๆ ของมันเบิกขึ้นจนกว้างเหมือนกระต่ายตื่นตูม ไม่รู้จะทำเป็นแบ้วอะไรนักหนาสิแม่ง เห็นแล้วรำคาญตา!

“เออ! “ ผมกระแทกเสียงตอบไป เพราะมันเบลอจนน่ารำคาญ ปกติแม่งก็เอ๋ออยู่แล้วไง ความรู้สึกช้าด้วย สั่งอะไรบอกอะไรกว่ามันจะยุรยาตรไปทำให้ได้ แม่งก็ยืนบิดตูดเสียเวลาอยู่ตั้งนาน แต่ผมไม่ได้ตั้งใจมองตูดมันหรอกนะ ดูอย่างตอนนี้สิ มันมองหน้าผมอึ้ง ๆ แล้วก็เอาแต่จ้องอยู่อย่างนั้น ปากแม่งจากที่ซีด ๆ ตอนแรก ตอนนี้เริ่มมีสีเลือดขึ้นแล้ว ผมเม้มปากแน่น มองปากแดง ๆ ของมันแล้วหงุดหงิด มึงจะยิ้มทำไมวะสัส!



“ขอบคุณครับ ขอบคุณนะครับที่ช่วยชีวิตผม” แล้วมึงจะกอดกูแน่นขึ้นเพื่อ?

“เออ! แล้วเมื่อไหร่มึงจะปล่อยกูสักที”

“อุ๊ย! ” อุ๊ยหาพ่อมึงเหรอกอดกูตั้งนาน “ขอโทษครับ” แล้วมันก็รีบขยับออก ลุกขึ้นนั่งก้มหน้าเหมือนคนทำตัวไม่ถูก



ผมลุกขึ้นนั่งมองมันอย่างหงุดหงิด แก้มแม่งก็แดงเป็นรอยปื้นเลยไง แล้วไม่ใช่รอยอะไรหรอกนะ รอยมือกูนี่แหละ ถึงกับต้องกำมือแน่นเลย นี่ผมตบแรงขนาดนั้นเลยเหรอวะ แค่ตบเรียกสติมันเองนะ ผมแค่ตบเบา ๆ แต่ทำไมมันแดงขนาดนี้ได้วะ ก็แค่จะปลุกมันแค่นั้นเองไหมล่ะ ถึงจะเกลียดแต่ก็ไม่ได้คิดจะทำร้ายร่างกายมันหรอก หรือจะเป็นอย่างที่ไอ้ห่าออฟมันบอก แรงควายอย่างผมถึงจะทำเบา ๆ แต่อาจจะแรงไปสำหรับมัน แต่จะอะไรก็ช่างหัวมันเถอะ ตอนนี้มันก็แดงไปแล้วนั่นล่ะ กูไม่รู้สึกผิดหรอก แก้มมึงมันใสเองต่างหากไอ้ตัววุ่นวาย!



“แล้วมึงจะนั่งสั่นอย่างนี้อีกนานไหม รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เดี๋ยวก็ปอดบวมตายห่ากันพอดี”

“ผมจะไปเดี๋ยวนี้ล่ะครับ ขอบคุณนะครับที่เป็นห่วง”

“กูไม่ได้ห่วงมึง! " ผมรีบตะคอกปฏิเสธ ถลึงตามองมันอย่างหงุดหงิด คิดได้ยังไงว่ากูจะห่วง "เสียเวลาโดดลงไปช่วย แล้วมึงยังคิดจะเป็นปอดบวมตายอีก จะให้กูลงไปช่วยให้เหนื่อยทำไม ไสหัวไปสักที!”

“ครับ ๆ ” ผมไล่ไอ้เด็กวุ่นวายเพราะรำคาญเต็มที คราวนี้มันว่าง่าย รีบลุกขึ้นแล้ววิ่งเข้าบ้าน ตัวยังเปียกน้ำก็หยดเป็นทางไปสิ แต่ช่างหัวมันเถอะ ยังไงมันก็เป็นคนทำความสะอาดอยู่แล้ว



ล้มตัวลงนอนอีกครั้งตรงข้างสระ วางสองมือรองหัวตามองขึ้นไปบนฟ้า อากาศตอนดึก ๆ อย่างนี้กำลังเย็นสบายสำหรับผม ถึงตอนนี้อาจจะเย็นไปหน่อยเพราะตัวผมยังเปียก แถมยังไม่ใส่เสื้ออีก เสี้ยวหนึ่งของความคิด มีคนที่จากไปแวบเข้ามาในหัว ผมหลับตาลงถอนหายใจหนัก ๆ แล้วลืมตาขึ้นมาใหม่ ทอดสายตามองขึ้นไปบนฟ้าอีกครั้ง ทั้งที่จริง ๆ ท้องฟ้ากรุงเทพแม่งก็ไม่มีอะไรให้น่ามองนักหรอก ดาวดวงเล็ก ๆ อ่อนแสงแต่ก็ยังกะพริบปริบ ๆ เหมือนไม่มีแรง ท้องฟ้ากลางคืนมัว ๆ ทึม ๆ เห็นแล้วหดหู่ฉิบหาย เข้าไปหาเรื่องแกล้งไอ้ตัวน่ารำคาญนั่น แล้วไปนอนดีกว่า



**********

มาซะดึกดื่นเลย

อีพี่คีฟลุคอยู่นะคะ อย่าเคืองนะถ้าคุณชายเขาจะหยาบ ๆ หน่อย

โดยเฉพาะคำพูดจ้า

เจอกันตอนหน้าน้าาาา ไอ้ตัวยุ่งทั้งหลาย

ดาว ณ แดนดิน

10-2-2562

ออฟไลน์ AlittleStarWr

  • ดาว ณ แดนดิน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
    • https://www.facebook.com/ALittleStarWriter/?eid=ARB0j1cH0esPR8hRT-dtFbYMb-2_QxYrZHilPjVeZktiZELggHI9krjDA8KpE9EAkE37Y9krMgYPFPvo

ออฟไลน์ AlittleStarWr

  • ดาว ณ แดนดิน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
    • https://www.facebook.com/ALittleStarWriter/?eid=ARB0j1cH0esPR8hRT-dtFbYMb-2_QxYrZHilPjVeZktiZELggHI9krjDA8KpE9EAkE37Y9krMgYPFPvo



กว่าจะลงเอยด้วยคำว่า...รัก 10

#ลำธาร



เพียงขยับตัวเบา ๆ ก็รู้สึกเหมือนกับร่างกายจะปริแตกออกจากกันให้ได้ พยายามปรือตาขึ้น ภาพแรกที่เห็นยังไม่ชัดเจนดีนัก ตอนนี้นอกจากไม่มีแรงแล้วยังเพลียและเจ็บไปหมด ร่างกายทุกส่วนเหมือนมีหินหนัก ๆ ถ่วงเอาไว้ ขยับแต่ละทีเหมือนมันจะแตกสลายออกจากกัน เหมือนมีใครเอาระเบิดเล็ก ๆ มาฝั่งไว้ตามตัวเต็มไปหมด และมันจะระเบิดให้เจ็บปวดทันทีแค่ขยับตัว แถมยังร้อนผ่าว ๆ ไปทั่ว บางทีก็หนาวเยือกขึ้นมาเฉย ๆ แบบนี้ผมคงโดนไข้เล่นงานแล้วแน่ ๆ



กลืนน้ำลายลงคอ คอก็ทั้งแห้งทั้งเจ็บ ตอนนี้ผมตื่นเต็มตาแล้วแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ พอทำอะไรไม่ได้ เลยได้แต่นอนมองหน้าจอทีวีสีดำ ๆ อยู่อย่างนั้น ขยับจะลุกขึ้นเมื่อไหร่ กล้ามเนื้อในส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย มันจะส่งเสียงร้องประท้วงผ่านความเจ็บแปลบทันที เจ็บจนต้องนิ่วหน้า เจ็บปวดร้าวไปหมด ขยับขาก็เจ็บขยับแขนก็เจ็บร้าวไปทั้งตัว เมื่อวานยังไม่รู้สึกอะไร ไม่คิดว่ามันจะเจ็บไปหมดแบบนี้ เผยอปากจะครางออกมาเพราะความเจ็บ ยังรู้สึกเจ็บไปทั้งหน้าลามลงไปถึงคอ นี่ผมเป็นอะไรไปแล้ว!



หลับตาลงอย่างหมดแรง ทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองเมื่อวาน ผมเจอแต่เรื่องหนัก ๆ จนไม่น่าเชื่อว่าเรื่องทั้งหมดนั้น มันเกิดขึ้นภายในวันเดียว แถมเมื่อคืนยังตกลงไปในสระว่ายน้ำอีก ไม่รู้ว่ามันลึกมากขนาดไหน แต่เหมือนตกลงไปในหุบเหวดำมืดไม่มีจุดสิ้นสุด ลึกมากจนคิดว่าคงไม่ถึงก้นเหวสักที รู้แต่ว่ามันน่ากลัว สาบานว่าผมจะไม่เข้าใกล้ หรือเดินเฉียดไปแถวนั้นอีกเด็ดขาด



เกือบเอาชีวิตไม่รอด ถ้าไม่ได้เขาช่วยไว้ ปานนี้ผมคงได้เจอกับแม่แล้วหรือไม่นะ คนเราตายแล้วไปไหน แล้วถ้าเราตายทีหลังตั้งนาน จะได้เจอกันกับคนที่ตายไปก่อนหรือเปล่า ผมไม่รู้และไม่กล้าคิดถึงเลย แค่ยังไม่ตายก็ดีใจแล้ว เพราะมีเรื่องต้องทำอีกหลายอย่าง ยังตายตอนนี้ไม่ได้ คิดแล้วก็อยากขอบคุณเขาอีกสักครั้ง ถึงเมื่อคืนจะขอบคุณไปแล้ว แต่คิดว่าคงยังไม่พอ ถึงเขาจะใจร้ายกับผม พูดจาร้าย ๆ แถมยังตะคอกใส่ตลอด แต่เอาจริง ๆ คุณชายก็ไม่ได้ร้ายแบบคนใจดำ ไม่เสียแรงเลยที่แอบปลื้มเขามาตั้งเป็นปี



ผมลองขยับตัวอีก คราวนี้ขยับได้มากกว่าเก่านิดหน่อย แต่ก็ยังเจ็บร้าวไปหมดทั้งตัวอยู่ดี โดยเฉพาะช่วงขา ที่คงเป็นผลมาจากการวิ่งขึ้นลงตึก และการวิ่งรอบสนาม พอต้องมาตะเกียกตะกายเอาชีวิตรอดเมื่อคืน แถมยังเป็นตะคริว มันเลยซ้ำกันเข้าไปใหญ่ ทุกคนต้องเคยเป็นเวลาที่ไม่ได้ออกกำลังกาย หรือทำอะไรหนัก ๆ มาก่อน พอได้มาทำกล้ามเนื้อเลยเกิดการฉีกขาด อีกเสบจนเจ็บไปหมด เหมือนที่ผมกำลังเป็นอยู่ตอนนี้



ที่ขยับแล้วไม่เจ็บก็คงจะเป็นลูกตาทั้งสองข้าง กับการกะพริบตานี่กระมัง ผมนอนเหมือนคนเป็นง่อย เมื่อคืนหลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว ผมฝืนร่างกายไม่ไหว เลยล้มตัวลงนอนบนพื้นพรมหน้าทีวีนี่เอง กับผ้าห่มผืนเล็กลายโปเกมอน ของรักของหวงที่เอามาจากบ้านด้วย แต่ขณะเคลิ้ม ๆ กำลังจะหลับ ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมานั่งหอบตกใจอีก เพราะคุณชายเขาโยนอะไรบางอย่างมาใส่หน้า พอลุกขึ้นดูจึงเห็นว่ามันคือผ้าห่มที่ทั้งหนาและอุ่นกว่า ผมกำลังต้องการมันอยู่พอดี แต่ให้ดี ๆ ไม่ได้หรือไงครับ ทำไมต้องโยนใส่หน้าผมด้วย หรือคุณชายเขาแค่อยากแกล้ง คงแค่อยากแกล้งสินะ เพราะเขาแสยะยิ้มสะใจทิ้งไว้ให้ ก่อนเดินเข้าห้อง ตกลงเขาใจดีหรือใจร้ายกันแน่ ผมทำตัวไม่ถูกจริง ๆ



..ก็ต้องใจดีสิ เพราะเขาช่วยชีวิตผมไว้นี่นา

“อึก อูย” ถึงกับต้องหลุดปากครางเสียงสั่นเพราะความเจ็บ แต่จะให้นอนเฉยอย่างนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว ตอนนี้เช้าวันใหม่แล้ว และผมต้องไปเรียน อย่างน้อยก่อนไปเรียน ต้องเตรียมอาหารเช้าไว้ให้คุณชายด้วย ไม่รู้วันนี้เขามีเรียนหรือเปล่า แต่เขาสั่งไว้แล้วนี่ ว่าอาหารต้องทำให้เขากินให้ครบ 3 มื้อ แต่ร่างกายของผมนี่สิ มันทำไมไม่เป็นใจเอาเสียเลย หัวก็เหมือนจะเริ่มปวดตุบ ๆ เข้าให้แล้วด้วย



ฝืนขยับตัวจะลุกขึ้นได้แค่ลำตัวช่วงบน ใช้ศอกทั้งสองข้างรับน้ำหนักตัวเองไว้ เพราะเจ็บร้าวจนต้องนิ่วหน้าบิดเบี้ยวไปหมด

“จิ๊” ผมชะงักเพราะเสียงจิ๊ปากที่ดังขึ้นข้างหลัง คิดว่าเจ้าของเสียงคงนั่งอยู่บนโซฟา และผมนอนหันหัวไปทางนั้นจึงไม่เห็นเขาในตอนแรก

“อุ๊ย! “ผมค่อย ๆ หันไปทางต้นเสียง แต่กลับต้องผงะเกือบหงาย เพราะหันไปเจอเข้ากับฝ่าเท้าใหญ่ ๆ ที่แทบจะทาบเข้ากับใบหน้าของผมเต็ม ๆ เจ้าของเท้านั่งไขว่ห้าง มองมาด้วยสายตาที่เห็นแล้วรู้ได้ทันทีว่ากำลังหงุดหงิด และอีกไม่นานมันอาจจะตามมาด้วยคำด่า ที่พ่นออกมาจากริมฝีปากได้รูปในกรอบเคราสั้นพอดี แถมเขายังกระดิกเท้ายิก ๆ จนน่าหมั่นไส้

“ตื่นแล้วก็ลุกสักที! แหกตาดูนาฬิกาหน่อยว่ามันกี่โมงกี่ยามเข้าไปแล้ว!”

“เฮ้ย! “

“ไม่ต้องมาเฮ้ยเลย ลุกขึ้นไปทำของกินมาให้กู” ที่ผมร้องไม่ใช่เพราะเสียงตะคอกของเขา แต่เป็นเพราะเวลาตอนนี้มันปาเข้าไป 10 โมงแล้ว วันนี้ผมมีเรียน 8 โมงครึ่ง นี่ผมตื่นสายขนาดนี้ได้ยังไง ต้องโดนด่าอีกแน่เลย

“เอ่อ แล้วคุณ..” ไม่กล้าถามต่อเลย เพราะสายตาดุ ๆ ขวาง ๆ ที่กำลังมองเหมือนจะขบหัวเสียให้ได้ เล่นเอาพูดไม่ออก หรือว่าเขามีเรียนเช้าเหมือนกัน หวังว่าคงไม่ใช่หรอกนะ แล้วก็หวังว่าเขาคงไม่ได้นั่งรอให้ผมตื่น เพื่อไปทำมื้อเช้าให้กินก่อนไปเรียนหรอกใช่ไหม

เขายังจ้องนิ่งเหมือนรอฟัง ผมเลยต้องพูดต่อ “คุณมีเรียนกี่โมงครับวันนี้”

“วันนี้กูไม่มีเรียนและตอนนี้กูหิวมาก รีบไปหาอะไรมาให้กูกินซะก่อนที่กูจะอารมณ์เสีย!” แอบพรูลมหายใจออกมาเบา ๆ อย่างโล่งอก แต่ก็โล่งได้ไม่ทั้งหมด เพราะถ้าช้ากว่านี้คุณชายอาจจะโมโหหิว แล้วเอาความหงุดหงิดมาลงที่ผมอีกก็ได้

“ทำเสร็จแล้วเอาเข้าไปให้กูที่ห้อง ไปสักทีสิวะนั่งเอ๋ออยู่ได้! “นั่นปะไรล่ะ

“ครับ ๆ ผมจะไปเดี๋ยวนี้ล่ะ” ถึงจะบอกว่าเดี๋ยวนี้ แต่สังขารผมมันไม่อำนวยหรอกนะ รีบพับผ้าห่มลวก ๆ ไว้ก่อน ค่อยมาเก็บใหม่ทีหลัง พยายามพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นช้า ๆ แต่คุณชายคงรำคาญ เลยช่วยสงเคราะห์ให้อย่างคนใจดี เมื่อผมรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างมาดันที่กลางหลัง ช่วยส่งแรงให้ผมลุกได้ง่ายขึ้น อะไรบางอย่างที่ผมรู้ได้ทันทีว่ามันคืออะไร เพียงแค่แรกสัมผัสกับแผ่นหลังของตัวเอง



คิดว่าความใจดีนี้มันคืออะไรล่ะครับ ธารเฉลยให้ก็ได้ ว่ามันคือฝ่าเท้าใหญ่ ๆ ของเขาไงล่ะที่ส่งมาช่วยยัน พอตั้งตัวจะยืนได้ ยังมีแรงเบา ๆ ส่งตามมาอีกจนผมเกือบเซ ถ้าเขาถีบแรงกว่านี้ผมคงล้มหน้าคะมำชนเข้ากับจอทีวีแล้วแน่ ๆ



พาร่างอ่อนเปลี้ยค่อย ๆ เดินกระย่องกระแย่งเข้าไปในครัว ความเจ็บร้าวส่งเสียงประท้วงขึ้นมาเป็นริ้ว ตั้งแต่ช่วงขากระจายไปทั่วตัว ไม่อยากขยับ ไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น ทุกย่างก้าวเหมือนร่างกายจะปริแตกจากกันให้ได้ แต่คนรับใช้อย่างผมจะเลือกได้เหรอ ในเมื่อเจ้านายนั่งทำหน้าถมึงทึงรอออกขนาดนั้น



เพราะแทบไม่มีแรงหยิบจับอะไร มื้อเช้าของเขาวันนี้จึงมีแค่ไข่เจียวหมูสับ โปะบนข้าวที่หุงไว้แล้ว เอามาอุ่นจนร้อนได้ที่ ดีที่ซื้อหมูบดมาไว้ เลยไม่ต้องฝืนยืนสับหมูซ้ำเติมสังขารตัวเอง ใส่วุ้นเส้นสดลงไปด้วยนิดหน่อย พร้อมโรยต้นหอมหันชิ้นเล็ก ๆ ใส่เครื่องปรุงให้ได้รสชาติกำลังดี ได้แค่นี้หวังว่าคงไม่โดนด่าอีกหรอกนะ เพราะผมตั้งใจทำสุดฝีมือ วางจานข้าวลงในถาดเรียบร้อย พร้อมเสิร์ฟให้คุณชาย ค่อย ๆ ยกถาดขึ้นอย่างระมัดระวัง ประคองมันเหมือนเป็นของล้ำค่า เดินไปทางห้องนอนของเขา



วันนี้รู้สึกว่าระยะห่างจากห้องครัวเดินผ่านห้องรับแขก จนมาถึงส่วนที่เป็นห้องนอน มันช่างไกลเหลือเกิน เคาะประตูเบา ๆ สองสามครั้งรออยู่ครู่หนึ่ง แล้วถึงสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ ก่อนเปิดประตู ผมไม่ได้ตื่นเต้น แต่เรียกกำลังใจให้ตัวเอง เตรียมพร้อมรับอะไรก็ตามที่อาจจะตามมา เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคนอารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ อย่างเขา



“ให้วางไว้ตรงไหนครับ” เพราะเขายังนั่งหันหน้าเข้าหาหน้าจอคอมเงียบอยู่ เหมือนไม่รู้ว่าผมยกถาดอาหารเข้ามาให้แล้ว ถึงผมจะมั่นใจว่าเขาคงได้กลิ่นของกินหอม ๆ ก็เถอะนะ แต่เขากลับยังนั่งรัวมือบนคีย์บอร์ด ไม่สนใจของกินที่ผมยกมาเลยสักนิด “เอ่อ.. “

“วางไว้แถวนั้นแล้วไสหัวออกไปกูจะทำงาน!” ก็ไหนว่าหิวมากทำไมไม่รีบมากินเล่า

“แล้วคุณจะกินตอนนี้หรือเปล่าครับ”

“เสือก! “อ้าวอุตส่าห์เป็นห่วง หันมาด่าแค่นั้นก็หันกลับไปรัวมือบนแป้นพิมพ์ ตาจ้องหน้าจอเหมือนกำลังติดพัน ผมถอยออกมา วางถาดอาหารไว้บนโต๊ะเตี้ย ๆ หน้าทีวี แล้วรีบออกจากโซนอันตรายให้เร็วที่สุด เท่าที่สองขาจะพาไปได้ ตรงไปเข้าห้องน้ำกะจะทำธุระส่วนตัวสักหน่อย...

“ไอ้เด็กเหี้ย! ทำไมมึงไม่เอาน้ำมาให้กูด้วย!” แต่ยังเดินไปได้ไม่ถึงไหน เสียงตะโกนมาจากห้องที่ผมเพิ่งเดินออกมาก็ดังขึ้นก่อน อีกแล้วสินะ ลืมจนได้สินะ ก็สมควรแล้วหรือไม่ล่ะ ที่เขาจะหงุดหงิดและดุผมตลอดอย่างนี้



ตรงไปที่ตู้เย็นหยิบน้ำขวดใหญ่ออกมา ได้ยินเสียงบ่นแวว ๆ ว่าทำอะไรไม่ได้ดั่งใจสักอย่าง ชักช้าเสียเวลาบ้างล่ะ สารพัดจะบ่นเหมือนคนแก่ไม่มีผิด คิดมาถึงตรงนี้ผมก็แอบหัวเราะขำเบา ๆ จนเดินไปถึงหน้าห้อง เห็นว่าประตูห้องของเขาไม่ได้ปิด เลยถือวิสาสะเดินเข้าไป และเจอกับตาดุ ๆ ขวาง ๆ ของเขาแทบหุบยิ้มไม่ทัน จะว่าผมยิ้มขำเขาอีกไหมนะ แต่ผมเปล่าจริง ๆ นะครับสาบานเลย

“แม่งต้องให้กูอารมณ์เสียทุกทีหรือไงวะ มึงถึงจะทำอะไรเสร็จเรียบร้อยทุกอย่าง” เสียงบ่นดังตามหลังมา หลังจากผมวางขวดน้ำไว้ แล้วรีบออกจากห้องก่อนจะโดนงับหัว “งานแม่งก็ยังต้องแก้อีกบานเลยสัด! ง่วงก็ง่วง!” แล้วก็อะไรอีกหลายอย่างที่ผมไม่อยู่ฟัง ไม่อยากโดนลูกหลงไปด้วย วันนี้ผมคงไม่ได้ไปเรียนแล้ว มันฝืนไปไม่ไหวจริง ๆ ขาดเรียนตั้งแต่ต้นเทอมเลยสินะเรา



เพราะตัวร้อนรุม ๆ เหมือนมีไข้ ผมเลยทำแค่เช็ดตัวแล้วมากินข้าว หายาแก้ไข้ยาแก้ปวดแก้อักเสบกินตามไปด้วย ก่อนล้มตัวลงนอนอีกที ยังไม่ลืมหยิบยามานวดขา นวดไปนวดมารู้สึกสบายขึ้นเลยนวดทั้งตัว นวดไปก็เจ็บไป จนผิวขาว ๆ แดงไปหมดเพราะยาเย็น ๆ



สองวันกับการนอนอยู่เฉย ๆ เพราะทั้งเป็นไข้ทั้งเจ็บตามเนื้อตามตัวไปหมด วันแรกไข้อ่อน ๆ ของผมดีขึ้นหลังจากได้นอนพักผ่อนทั้งวัน สลับกับการถูกปลุกขึ้นมาทำนั่นทำนี่ให้คุณชาย วันที่สองกล้ามเนื้อดีขึ้นมาตามลำดับ วันนี้ผมจึงมาเรียนได้ตามปกติ แต่ดันเป็นวันสุดท้ายของสัปดาห์พอดี แล้วหยุดเสาร์อาทิตย์อีกสองวัน ไม่อยากมาแต่ก็แอบเสียดายเลยต้องมา

“ธาร..” ได้ยินเสียงเรียกลากยาว ผมหันกลับไปทางเจ้าของเสียง กุ๊กไก่กำลังวิ่งเข้ามาหา มีเก้าเดินตามหลังมาไกล ๆ ท่าทางสุขุมใจเย็นเชียว

“หายแล้วเหรอธาร เป็นห่วงแทบแย่”

“ดีขึ้นมากแล้วล่ะ” ผมตอบกุ๊กไก่ หันไปยิ้มให้เก้าด้วย 2 วันที่นอนพัก กุ๊กไก่กับเก้าโทรหาตลอดที่มีเวลา

“น่าจะหยุดยาวเลยนะ พรุ่งนี้ก็หยุดอีกแล้วเนี่ย” กุ๊กไก่ว่าท่าทางเสียดายแทน

“กลัวเรียนไม่ทันเพื่อนนะสิ”

“เก็บชีตเรียนไว้ให้แล้วนี่ไง” เก้าบอกพลางเปิดกระเป๋า ล้วงเอาเอกสารหลายปึกออกมาให้ หยุดแค่ 2 วันมันเยอะขนาดนี้เลยเหรอ

“ขอบใจนะเก้า ไปเถอะขึ้นเรียนกัน”

“ไหวนะ”

“สบายมาก” จริง ๆ ก็ยังรู้สึกเจ็บอยู่นั่นแหละ แต่ไม่ต้องเดินกระย่องกระแย่งเหมือนคนไม่สมประกอบแล้ว เพราะแม่สอนเสมอว่าให้ดูแลตัวเองดี ๆ ไม่สบายต้องรู้จักหาหยูกหายากินให้เป็น และผมก็ทำตาม เพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เอง ว่าสิ่งที่แม่สอนมาตลอดนั้น เพื่อเตรียมความพร้อมให้ผมในวันที่แม่ไม่อยู่ เพราะรู้ว่าจะอยู่กับผมได้ไม่นาน



วันนี้ผ่านไปพร้อมกับคำบ่นกระปอดกระแปด ของหญิงหนึ่งเดียวในกลุ่ม เพราะเรามีเรียนหนักทั้งเช้าบ่าย ผมเองก็อดบ่นไม่ได้เหมือนกัน กลุ่มของเราสามคนคงมีแต่เก้าคนเดียวที่ยังนิ่งได้ ทั้งที่ผมกับกุ๊กไก่แทบจะไม่ไหวกันอยู่แล้ว

“โอย ร่างกายต้องการการเยียวยา”

“ใช้อะไรเยียวยาล่ะ”

“หมูกระทะ ต่อด้วยไอติมถ้วยใหญ่ ๆ ไปไหม หาอะไรกินกันก่อนกลับบ้านดีกว่า” กุ๊กไก่ชวนขณะที่เราเดินตามเพื่อนคนอื่น ๆ ออกจากห้องเรียนวิชาสุดท้าย

แต่ถูกเก้าดับฝันเสียก่อน “ยังกลับไม่ได้ อย่าลืมสิวันนี้รุ่นพี่เรียกรวมรับน้องวัยสุดท้าย”

“โหยไม่ไปอะ”

“ไปเถอะ ยังไงมอเราก็ไม่ได้รับน้องแบบแปลก ๆ เหมือนมออื่น ไปดูว่ากิจกรรมวันสุดท้ายจะสนุกไหม” ตามความคิดของผมนะ ประโยคนี้น่าจะเป็นคำพูดของกุ๊กไก่ มากกว่าผู้ชายตัวโต ๆ ท่าทางเฉยเมย ไม่สนใจสิ่งรอบข้างอย่างเก้า แต่ความจริงกลับกลายเป็นว่าสลับกัน คนโอดครวญไม่อยากเข้าร่วมกิจกรรม กลับเป็นคนคุยเก่งอารมณ์ดีที่เป็นมิตรกับทุกคนอย่างกุ๊กไก่ แต่คนที่คอยต้อนพวกเราเข้าร่วมกิจกรรม กลับเป็นเก้าเสียอย่างนั้น ส่วนผมยังไงก็ได้ตามเพื่อน เพราะตอนอยู่เชียงใหม่ ผมไม่มีเพื่อนที่จะคอยชวนกันไปไหนต่อไหนแบบนี้ ทั้งที่ก็อยากมีเพื่อนสนิทกับเขาอยู่บ้างเหมือนกัน



แต่จะว่าไม่มีก็ไม่ใช่เสียทีเดียว ไม่รู้เพื่อนที่เพิ่งย้ายมาเรียนเทอมสุดท้ายอย่างวิน จะถือเป็นเพื่อนสนิทได้หรือเปล่า เรานั่งโต๊ะติดกัน เขาเป็นคนคอยเข้ามาชวนทำนั่นทำนี่ ทั้งที่ผมไม่ค่อยได้ไปตามคำชวนเท่าไหร่นัก อย่างนี้เรียกว่าเพื่อนสนิทได้หรือยังนะ แต่หลังจบ ม. 6 และแยกย้ายกันไปก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย

“เออ แล้วพวกนายสองคนหาพี่รหัสเจอกันหรือยัง”

“ตายแล้วธาร! เรายังไม่เจอพี่รหัสเลย” กุ๊กไก่บอกท่าทางตกอกตกใจจนตาโต

“ไม่เจอหรือไม่สนใจหา” เก้าถาม

“เออ ก็นั่นแหละ”

“เก้าเจอพี่รหัสแล้วเหรอ” ผมหันไปถามเก้าบ้าง แต่เป็นกุ๊กไก่ตอบคำถามแทนด้วยสายตาเจ้าเล่ห์

“เจอแล้วสวยด้วย ชื่อพี่หนิง” หรือจะมีอะไรเป็นพิเศษ เพราะสายตากุ๊กไก่ที่มองเก้า ดูวิบวับเป็นประกายล้อเลียนเชียว

ผมหันไปถามเพื่อนสาว “แล้วกุ๊กไก่ล่ะทำไมยังไม่เจอ”

“หาแล้วแต่ไม่เจอนะสิ ดูคำใบ้เหมือนคนเสียที่ไหน” กุ๊กไก่ล้วงเอากระดาษยับ ๆ ออกมาจากกระเป๋าคลี่ให้ผมกับเก้าดู เราสามคนเงียบมองหน้ากันด้วยสีหน้าที่บอกความรู้สึกไม่ถูก รู้แต่ว่าอ่านคำใบ้ที่กุ๊กไก่ได้แล้ว คิดเป็นอื่นไม่ได้เลยนอกจากหมาน้อยตัวเล็ก ๆ ขนฟูอย่างพอเมอเรเนียน เราเงียบกันเป็นครู่ ผมกับเก้ามองหน้ากันแล้วอดขำไม่ได้ กุ๊กไก่โดนแน่ ๆ

“ของเราไม่มีบอกชื่อด้วย”

“ยากหน่อยนะ”

“ใครจะง่ายอย่างธารล่ะ พี่รหัสเดินมาหาเองเลยนี่” ผมก็ได้แต่ยิ้มจะว่าง่ายก็ง่าย ที่พี่ณัฐเฉลยกันผมเองว่าเป็นพี่รหัส ทั้งที่รุ่นพี่ปี 2 คณะเรามีคนชื่อนี้ตั้ง 3 คน

ต่อ...

ออฟไลน์ AlittleStarWr

  • ดาว ณ แดนดิน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
    • https://www.facebook.com/ALittleStarWriter/?eid=ARB0j1cH0esPR8hRT-dtFbYMb-2_QxYrZHilPjVeZktiZELggHI9krjDA8KpE9EAkE37Y9krMgYPFPvo


พอเดินมาถึงลานกิจกรรมหน้าคณะ รุ่นพี่ปี 2 ก็พากันรออยู่แล้ว พร้อมปี 1 อีกกลุ่มใหญ่ที่เลิกเรียนมาก่อน พวกเราถูกเรียกให้เข้าไปนั่งรวม รุ่นพี่พาเล่นอะไรสนุก ๆ หลายอย่างจนมาถึงการประกาศพี่รหัส ซึ่งใครที่ยังตามหาพี่รหัสตัวเองไม่เจอ จะถูกเรียกออกไปยืนหน้ากลุ่มเพื่อพิจารณาโทษ และกุ๊กไก่ก็เป็นหนึ่งในนั้น



รับน้องวันสุดท้ายก็สนุกดีเหมือนกัน รุ่นพี่มีเกมแปลก ๆ มาให้พวกเราเล่น จนมาถึงช่วงสุดท้ายเป็นการกล่าวต้อนรับปี 1 อย่างเป็นทางการ จากนั้นมีการผูกข้อมือรับขวัญ ผมยิ้มให้พี่รหัสตัวเองที่เดินยิ้มมาแต่ไกล ในมือด้ายสีขาวสำหรับผูกแขนถือมาด้วย

“สวัสดีครับพี่ณัฐ”

“ว่าไงเราได้ข่าวว่าไม่สบาย หายดีหรือยัง”

“หายดีแล้วครับ ตอนนี้สบายมากเลย”

“มาผูกข้อมือก่อน” พี่ณัฐผูกข้อมือให้ผมอย่างตั้งใจ พร้อมกับอวยพรอะไรอีกเล็กน้อย “เย็นนี้ไปกินข้าวด้วยกันนะ เดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง”

“เอ่อ..”

“ไปเถอะธาร เราก็ต้องไปอะถูกพี่ปอมทำโทษ” สรุปแล้วพี่รหัสกุ๊กไก่ชื่อปอมปอม คิดไปคิดมาก็เป็นคำใบ้ที่ง่ายนะ แต่เพราะพวกเราไม่คิดว่าจะมีคนชื่อแบบนี้นะสิ เลยนึกไม่ออกกัน ปอมเมอเรเนียนเนี่ยนะ “ชวนเก้าไปด้วย พี่รหัสเก้าก็น่าจะไปเหมือนกันใช่ไหมคะพี่ณัฐ”

“กลุ่มเดียวกันต้องไปอยู่แล้วล่ะ ว่าไงธารไปกินข้าวด้วยกันสักวันไม่ต้องคิดมาหรอก” พอกุ๊กไก่ถามพี่ณัฐเลยหันมาพูดกับผม แล้วผมปฏิเสธได้ไหมล่ะ แต่ไม่รู้ว่าจะมีปัญหาอะไรกับคนขี้หงุดหงิดคนนั้นหรือเปล่า

“นั่นเก้า เก้ามานี่หน่อย” กุ๊กไก่ตะโกนเรียกเก้าที่กำลังยืนคุยอยู่กับพี่รหัส ต้องยอมรับเลยว่าพี่รหัสเก้าสวยจริง ๆ แต่จะไม่สวยได้ยังไง ในเมื่อเธอคนนั้นเป็นถึงดาวของมหาวิทยาลัยปีที่แล้ว ที่รู้เพราะกุ๊กไก่เพิ่งกระซิบบอกเมื่อกี้

“เย็นนี้ว่าไง”

“พี่เขาชวนกินข้าวนั่นแหละ” สรุปคืนนี้พวกเราทุกคนนัดรวมตัวกันที่ร้านอาหารหลังมอตอน 1 ทุ่ม กุ๊กไก่อาสาเป็นคนมารับผม พอตกลงกันได้พวกเราก็แยกย้าย ผมกลับมาที่ห้อง รีบทำงานตามหน้าที่ให้เรียบร้อย และงานสุดท้ายที่ต้องทำคือเตรียมอาหารเย็นไว้ให้คุณชาย



ผมอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้ว ใกล้ได้เวลากุ๊กไก่มารับ แต่คุณชายยังไม่กลับมา และไม่รู้จะกลับมาตอนไหน ผมคงไม่อยู่ดึกมาก แต่ถึงอย่างนั้นก็ควรบอกเขาก่อนไปอยู่ดี เพราะผมก็แค่คนอาศัย ไปไหนมาไหนผิดเวลาควรบอกสักหน่อย เดี๋ยวจะหาว่าทำตัวเหลวไหลอีก ถึงเขาคงไม่สนใจก็ตามเถอะ



กุ๊กไก่โทรมาบอกว่าถึงแล้ว ผมเลยต้องไปทั้งที่ยังไม่ได้บอกคุณชาย เบอร์โทรก็ไม่มีไม่รู้จะติดต่อยังไง เลยต้องออกไปทั้งอย่างนั้น เรามาถึงร้านอาหารหลังมอ คนอื่น ๆ ก็มาพร้อมกันหมดแล้วทั้งพี่ณัฐ พี่ปอมปอม เก้ากับพี่หนิง และมีพี่คนอื่นในกลุ่มที่พาน้องรหัสตัวเองมาเลี้ยงด้วยอีกหลายคน แยกโต๊ะกันนั่งกลุ่มใครกลุ่มมัน แต่ก็มีบ้างที่คุยกันข้ามโต๊ะ มื้ออาหารผ่านไปได้สักพัก พวกเรารู้สึกเป็นกันเองมากขึ้น จนถึงเวลาแยกย้ายกัน



“เดี๋ยวไปนั่งฟังเพลงต่อนะทุกคน” พี่ปอมปอมเป็นคนเปิดประเด็น

“ว่าจะชวนอยู่พอดีเลย” ตามด้วยพี่ณัฐพี่รหัสผมเอง ผมมองหน้าเก้าแต่เก้าไม่ได้พูดอะไร ผมไม่เคยไปนั่งฟังเพลงหรือไปเที่ยวกลางคืนที่ไหนมาก่อน เลยคิดว่าจะปฏิเสธ “ไปนะ”

“เอ่อ..”

“กุ๊กไก่ต้องไปนะ นี่ถือเป็นการลงโทษที่ตามหาพี่ไม่เจอ” พี่ปอมบอกแกล้งทำตาดุแบบทีเล่นทีจริงมองกุ๊กไก่

“ไปไหม” กุ๊กไก่หันมาถามผม แต่ผมไม่คิดว่าจะไปอยู่แล้วเลยว่าจะปฏิเสธ แต่..

“ไปเถอะธารไปด้วยกัน” พี่ณัฐบอก

“นั่นสิเก้าก็ไปนะ ห้ามปฏิเสธเลย” นี่เสียงพี่หนิงพี่รหัสเก้า ที่เกาะติดน้องรหัสตัวเองไม่ปล่อย ผมว่ามันชักแปลก ๆ อีกแล้ว

เก้าเลยหันมาถามผม “ธารว่าไง”

“เอ่อ จะดีหรือครับ”

“ธารไปเถอะเราอยากลองไปเที่ยวดู”

“แต่เราไม่เคยไปเที่ยวแบบนั้นเลย”

“เราก็ไม่เคยไปเหมือนกัน” กุ๊กไก่ดูตื่นเต้นกับการเที่ยวครั้งนี้มาก

ผมเลยหันไปถามความเห็นจากเก้า “เก้าว่าไง”

“แล้วแต่”

“เก้าต้องไปอยู่แล้วสิ ไม่ไปพี่โกรธ” พี่หนิงบอก

“ไปเถอะนะธารวันเดียว”

“ไปเถอะไม่ต้องกลัว พี่ไม่ให้อยู่กันดึกมากหรอก” พี่ณัฐว่ามาอย่างนั้นผมเลยได้แต่พยักหน้า บอกตอบรับเบา ๆ แต่กุ๊กไก่นี่ยิ้มกว้างกระโดดชูกำปั้นร้องเยสไปแล้ว ท่าทางอยากไปเหลือเกิน



ร้านใหม่ที่พวกเรามาเป็นร้านอาหารกึ่งผับ ที่แบ่งเป็นหลายโซน ตั้งแต่โซนเอาท์ดอร์ข้างนอกที่ทำเป็นสวนอาหาร นั่งกินชมบรรยากาศ มีเสียงเพลงคลอเบา ๆ ส่วนข้างในจะเป็นผับที่กุ๊กไก่เจ้าเก่าบอกว่า ช่วงดึก ๆ เพลงจะคึกคักขึ้นและสนุกขึ้น

“ได้ยินชื่อเสียงมาตั้งนานเพิ่งได้โอกาสมา” กุ๊กไก่กระซิบบอกอย่างตื่นเต้น ท่าทางคงเล็งมานานแล้ว

“แต่เราไม่ค่อยชอบเลยคนเยอะด้วย” ผมกระซิบกลับ กุ๊กไก่บอกว่าเพราะวันนี้เป็นวันศุกร์ คนเลยเยอะเป็นพิเศษ พวกเราเดินตามรุ่นพี่เข้ามาโซนด้านใน ที่ต้องบอกว่ามีพื้นที่กว้างพอสมควร ขนาดเพิ่งจะสามทุ่มกว่า โต๊ะก็แทบเต็มหมดแล้ว



ผมกวาดตาไปรอบ ๆ มองผู้คนที่กำลังพูดคุยดื่มกิน แอบตื่นตาตื่นใจนิดหน่อย เพราะไม่เคยเที่ยวสถานที่แบบนี้มาก่อน พื้นที่กว้างพอสมควร เต็มไปด้วยโต๊ะที่วางเรียงกัน เว้นที่พอให้เดินสวนกันได้สะดวก ฝั่งตรงข้ามที่หันหน้ามาทางประตู เป็นเวทีสูงประมาณต้นขา นักร้องกำลังร้องเพลงคลอเสียงกีตาร์ขับกล่อมบรรยากาศตอนหัวค่ำ พี่ณัฐเดินนำเราไปนั่งมุมหนึ่งไม่ไกลจากเวที มีเพื่อนผู้ชายตามมาอีกหลายคนเลยต้องต่อโต๊ะ ผมนั่งติดกับพี่ณัฐถัดจากพี่ณัฐเป็นเพื่อนพี่เขาที่เพิ่งมา ส่วนอีกข้างเป็นกุ๊กไก่ เก้านั่งถัดไป ตรงข้ามเราคือพี่ปอมพี่หนิงนั่งด้วยกันกับเพื่ออีกสองคน และน้องรหัสที่พามา



พอได้ที่เรียบร้อย เครื่องดื่มที่สั่งไปก็มาเสิร์ฟ ผมปฏิเสธเหล้าที่พี่ณัฐจะชงให้ เลือกดื่มน้ำอัดลมแทน พี่ณัฐยังขอใส่เหล้านิดหน่อย ซึ่งผมไม่ค่อยสบายใจเลย แต่พอเห็นปริมาณที่พี่เขาเทใส่ลงไปในแก้วแล้ว ก็เลยไม่ได้ว่าอะไร เพราะมันน้อยมากจริง ๆ เอามาชิมรสชาติน้ำอัดลมสีดำ ๆ ของผมแทบไม่เปลี่ยน



ยิ่งดึกยิ่งคึกคักเพลงก็เปลี่ยนไปในจังหวะที่เร็วขึ้น กุ๊กไก่ดูสนุกเป็นพิเศษ ส่วนเก้าท่าทางสบาย ๆ เหมือนเคยชินกับสถานที่แบบนี้อยู่แล้ว ผมเองเลยพลอยสนุกไปด้วย พี่ ๆ มาด้วยกันดื่มเหล้ากันทุกคน บางคนลุกขึ้นเต้นไปด้วย ผมถูกพี่ปอมดึงให้ลุกขึ้นเต้นอยู่ช่วงหนึ่ง แต่การเต้นนี่ผมไม่ไหวจริง ๆ เลยต้องขอตัว



เผลอแป๊บเดียวเวลาผ่านไปจนตอนนี้ห้าทุ่มกว่า ผมเห็นเวลาแล้วแทบห้ามตัวเองไม่ให้วิ่งออกไปจากที่นี่ไม่ทัน ทำไมเวลามันผ่านไปเร็วอย่างนี้ แทบไม่อยากเชื่อเลยว่าผมจะสนุกกับสถานที่แบบนี้จริง ๆ จนลืมเวลานอนของตัวเอง ทั้งที่ตั้งแต่มาอยู่กับคุณชาย ต้องนอนดึกตลอดก็ตามเถอะ

“กุ๊กไก่จะกลับหรือยัง”

“เดี๋ยวสิกำลังสนุกเลย”

“แต่เราว่ากลับกันเถอะห้าทุ่มแล้วนะ”

“ธารอยากกลับแล้วเหรอ ถามพี่ ๆ ก่อนสิเขาจะกลับหันหรือยัง” กุ๊กไก่หันไปถามพี่รหัสตัวเองกับเก้าที่นั่งถัดไป ผมเลยหันไปถามพี่ณัฐบ้าง

“พี่ณัฐครับจะกลับกันหรือยังครับ”

“ธารอยากกลับแล้วเหรอ งั้นพี่ไปส่งนะ”

“ไม่เป็นไรครับเดี๋ยวผมกลับกับกุ๊กไก่ก็ได้ เผื่อพี่อยากเที่ยวต่อ” ถือคติว่ามาด้วยกันก็ต้องกลับด้วยกัน อีกอย่างเห็นพี่ณัฐกำลังสนุกกับเพื่อน ผมเลยเกรงใจ ท่าทางคงได้ที่พอสมควรแล้ว เพราะเห็นดื่มเข้าไปไม่น้อยเลย

“งั้นดื่มแก้วนี้ให้หมดก่อน เดี๋ยวพี่ออกไปส่งข้างนอก”

“ครับ” ผมรับแก้วน้ำอัดลมที่พี่ณัฐยื่นมาให้ ก็เห็นล่ะนะว่าพี่เขาแอบเทเหล้าใส่ลงไปด้วย แต่ก็แค่นิดเดียวเหมือนที่ชงให้ตอนแรก เลยไม่ได้ท้วงอะไร เพราะดื่มลงไปยังเป็นรสชาติซู่ซ่าของน้ำอัดลม เหมือนไม่ได้ผสมเหล้าด้วยสักนิด ผมดื่มจนหมดแก้ว แล้วนั่งมองไปรอบ ๆ รอ เพราะกุ๊กไก่ยังคุยกับพี่ปอมอยู่ จนครู่หนึ่งผ่านไปกุ๊กไก่สะกิดบอก ผมเลยลุกขึ้นบอกลาคนอื่น ๆ ที่นั่งด้วยกัน

“อุ๊ย! “

“เมาโค้กเหรอธาร”

“เปล่า ๆ สงสัยนั่งนานเหน็บเลยกิน” จังหวะที่ลุกขึ้นผมเซเล็กน้อยเพราะรู้สึกมึนหัว บอกลาพี่ ๆ ที่นั่งด้วยกันแล้วเดินออกมา แต่ทำไมรู้สึกแปลก ๆ ไปก็ไม่รู้ มันผิดปกติมวน ๆ วน ๆ ในท้อง หัวเหมือนหนักขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งที่ตอนแรกยังรู้สึกเฉย ๆ อยู่เลย นี่ผมเป็นอะไรไป!

“ไหวนะธาร”

“ไหวครับพี่ณัฐ”

“ไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำก่อนไหม”

“ก็ดีเหมือนกันครับ” ผมเห็นด้วยเลยบอกเก้ากับกุ๊กไก่ว่าจะไปห้องน้ำ ให้เดินออกไปรอข้างนอกก่อน เดินสะเปะสะปะชนคนอื่นบ้างชนเก้าอี้บ้างไปตลอดทาง รู้สึกแปลก ๆ เหมือนอยากอาเจียน หัวมึนหนักขึ้นกว่าเก่า เดินชนคนนั้นคนนี้เหมือนควบคุมร่างกายตัวเองไม่ได้ ยังดีที่พี่ณัฐช่วยประคอง จนมาถึงห้องน้ำผมรีบวิ่งไปที่อ่างล้างหน้า เปิดน้ำวิดใส่หน้าจนเสื้อเปียกไปหมด

“เป็นไงบ้าง” เสียงพี่ณัฐถามดังอยู่ใกล้ ๆ แต่ผมไม่ไหวแล้ว มันเหมือนพูดไม่ออก ร้อน ๆ หนาว ๆ พะอืดพะอมอยากอาเจียนอย่างเดียว แต่โก่งคอจะอ้วกก็ไม่มีอะไรออกมา “ไปเถอะรีบกลับก่อนดีกว่า เดี๋ยวพี่ไปส่ง”

“กุ๊กไก่ล่ะครับ กุ๊กไก่กับเก้าไปไหนแล้วครับพี่ณัฐ” ผมจำไม่ได้แล้วว่าสองคนนั้นหายไปไหน เลยถามพี่ณัฐขณะพากันเดินออกมาจากห้องน้ำ ได้ยินเหมือนเสียงคนเรียกแทรกเสียงเพลงดัง ๆ แต่ไม่แน่ใจว่ามีใครเรียกจริงหรือเปล่า เดินไปกับพี่ณัฐที่บอกว่าจะพาผมเลี่ยงคนเยอะ ๆ ไปอีกทาง ได้ยินแว่ว ๆ ว่าหลังร้านดีกว่าหรือยังไงนี่แหละ



พี่ณัฐพาผมมาถึงที่ไหนก็ไม่รู้ รู้แต่ว่ามันมืดผมเลยเงยหน้าขึ้นมอง มีคนยืนอยู่ตรงนี้หลายคน แต่กลับไม่ใช่พี่ณัฐ ไม่ใช่คนที่ผมรู้จัก ไม่รู้ว่าใครเป็นใครเพราะมันมืดไปหมด ทั้งมืดทั้งร้อน เก้าอยู่ไหน กุ๊กไก่ พี่ณัฐหายไปไหนกันหมด

“พามันออกไปก่อนจะมีใครมาเห็น” เสียงนี้เหมือนเสียงพี่ณัฐเลย ผมว่าผมจำได้ พยายามเรียกและหันไปทางต้นเสียง แต่ก็ไม่รู้ว่าอยู่ทางไหน แขนของผมถูกกระชากแต่ยังขืนตัวไว้ เพราะไม่รู้ว่าใครดึง ไม่รู้ว่าจะดึงไปไหน ผมไม่อยากไปผมจะกลับไปหาเพื่อน

“ธาร! หยุดนะพวกมึงจะทำอะไรเพื่อนกู” ปึก! “อึก“ ตุบ! เก้า! ผมว่าผมได้ยินเสียงเก้า จากนั้นเหมือนเสียงของแข็งฟาดลงบนอะไรสักอย่างดังปึก แล้วตามมาด้วยเสียงอะไรหนัก ๆ ตกลงบนพื้นดังตุบ

เกิดอะไรขึ้น!

“เฮ้ย มึงตีหัวมันทำไมวะ”

“ก็มันเข้ามาขัดเอง”

“ตายหรือเปล่า”

“แค่นี้ไม่ตายหรอกมั้ง”

“ไอ้ตัวสูงที่ให้มันขี่หลังวันนั้นนี่หว่า เอามันไปด้วยเร็วตามมา เดี๋ยวกูไปเอารถ” เสียงนี้คุ้น ๆ แต่นึกไม่ออกว่าเสียงใคร เขาพูดจบก็วิ่งออกไปจากตรงนี้ เพราะผมได้ยินเสียงฝีเท้า พยายามมองก็มองเห็นไม่ชัด ตรงนี้ทั้งมืดและผมถูกคนสองคนยืนประกบไว้ แขนทั้งสองข้างถูกจับแน่น แล้วเก้าล่ะเก้าหายไปไหน ผมจำได้ว่าเสียงที่บอกให้หยุดเมื่อกี้เป็นเสียงของเก้าแน่ ๆ

“มาสิวะ”

“ไม่นะผมไม่ไปพวกคุณจะพาผมไปไหน”

“มาเหอะน่าเดี๋ยวพาไปสนุก”

“ไม่เก้า เก้าอยู่ไหน” ผมว่าผมร้องเรียกเก้าเสียงดัง แต่เหมือนจะดังเฉพาะในหัวของผมนี่เอง ข้อมือถูกกระชากผมพยายามขืนตัวไว้ ก็คิดว่าขืนตัวเองไว้นะ แต่ทำไมร่างกายมันไหลไปตามแรงดึงอย่างนี้ จนประตูเปิดออก ข้างนอกก็ไม่ค่อยสว่างเท่าไหร่ แต่ก็ยังพอมีแสงสลัวที่สาดมาจากที่ไหนสักแห่งไกล ๆ ให้พอมองเห็น

“ปล่อยผม ผมไม่ไปปล่อย” ผมพยายามบอกแต่ไม่มีใครสนใจ สองแขนยังถูกฉุดกระชาก และผมยื้อตัวเองไว้อย่างที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผมกลัว กลัวจนตัวสั่นหายใจหอบเหนื่อยไปหมด ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่แบบนี้ไม่ปลอดภัยแน่ ๆ

“มึงสองคนแบกไอ้โย่งนั่นออกไปก่อน” โย่งไหนใครแบกใคร ทำไมต้องแบกผมไม่เข้าใจเลย ตาเหมือนจะปิดแต่ผมฝืนไว้ เห็นใครอีกคนที่ท่าทางคงหลับไปแล้วถูกแบกผ่านหน้าไป แต่ไม่รู้ว่าเป็นใคร แล้วพวกเขาจะพาไปไหน ผมไม่ไปผมอยากกลับห้อง

“มาสิวะ!”

“ไม่ผมไม่ไป”

“อย่าให้พวกกูต้องใช้กำลัง”

“เสียเวลาแบกแม่งไปเลยเถอะตัวแค่นี้เอง”

“เออ” รู้สึกเหมือนโลกหมุน เหมือนถูกจับตัวพาดกับอะไรบางอย่าง ผมเวียนหัว ที่มึน ๆ อยู่แล้วเลยยิ่งมึนเข้าไปใหญ่ แต่พวกเขาจะพาผมไปไหน แบบนี้มันไม่ปลอดภัยใช่ไหม



พอคิดว่าไม่ปลอดภัยผมเลยพยายามดิ้น ปัดมือสะเปะสะปะตีไปทั่ว แต่ทำไมมันเอื่อยเฉื่อยเหมือนไม่มีแรงอย่างนี้ เกิดอะไรขึ้นกับผม หรือว่าผมเมา ทั้งที่เหล้าก็ดื่มเข้าไปนิดเดียวที่พี่ณัฐเทให้ และผมก็เห็นว่ามันน้อยมากจริง ๆ จนไม่รู้รสชาติด้วยซ้ำ ถึงผมจะไม่เคยกินเหล้ามาก่อนก็ตามเถอะ ยังไงก็น่าจะรู้ แต่ทั้งที่มั่นใจว่าไม่ได้เมา ทำไมผมทำอะไรไม่ได้สักอย่าง ควบคุมตัวเองไม่ได้ ขัดขืนก็เหมือนจะไม่มีแรง หัวก็มึนจนอยากอาเจียน รู้สึกถึงความร้อนผ่าววูบวาบกระจายลามไปทั้งตัว



“เฮ้ย พวกมึงทำอะไรกันวะ! ”



**************

#กว่าจะลงเอยด้วยคำว่ารัก

ว่าตอนเขียนพี่เดี่ยวต้นกล้า นายเอกเจ็บตัวตลอดแล้ว มาเจอเรื่องนี้หนักกว่าต้นกล้าอีก

ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรสิเนี่ย ถึงได้หาเรื่องให้นายเอกของเราเจ็บตัวอยู่เรื่อยเลย

ดาว

ออฟไลน์ AlittleStarWr

  • ดาว ณ แดนดิน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
    • https://www.facebook.com/ALittleStarWriter/?eid=ARB0j1cH0esPR8hRT-dtFbYMb-2_QxYrZHilPjVeZktiZELggHI9krjDA8KpE9EAkE37Y9krMgYPFPvo


กว่าจะลงเอยด้วยคำว่า...รัก 11

#เพลิง

“พี่คะ! ช่วยด้วยค่ะ! ช่วยด้วย!” ผมมองเด็กสาวที่ยืนขวางอยู่ตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า จำได้ว่าเป็นเพื่อนไอ้เด็กรับใช้ แต่มาขอให้ผมช่วยอะไร แล้วทำไมต้องเป็นผมที่กำลังจะกลับไปนอน เสียงเพลงก็ดังขึ้นมากกว่าตอนหัวค่ำจนต้องตะโกนคุยกัน

“มีอะไร”

“ธารค่ะ ธารกำลังแย่ช่วยธารด้วยนะคะ”

“ทำไมต้องช่วย?”

“ก็ธารกำลังแย่แล้วค่ะ ธารอยู่กับพี่ใช่ไหมคะพี่เพลิง ช่วยธารด้วยนะคะ” แขนผมถูกเขย่ารัว ๆ ตามระดับความร้อนใจของเด็กสาวตรงหน้า ผมมองแขนตัวเองแล้วถาม

“มันเป็นอะไร?”

“ธารเมาค่ะ อยู่ดี ๆ ก็เมาทั้งที่ไม่ได้กินเหล้าเลย” ผมชะงักคิดถึงท่าทางไอ้เด็กรับใช้ ที่เห็นเดินไปทางห้องน้ำกับผู้ชายคนหนึ่ง คุ้น ๆ หน้าว่าเรียนบริหารเหมือนกัน อาจจะเป็นรุ่นพี่ของมันหรือเพื่อน แต่ผมไม่ได้สนใจ เห็นกลุ่มมันตั้งแต่เข้ามาตอนแรกแล้ว เพราะพวกผมนั่งอยู่บนชั้นสองที่มองลงมาเห็นเวที และคนที่อยู่ชั้นล่างได้หมด ยังแปลกใจอยู่ว่าหน้าอ่อน ๆ อย่างไอ้ตัววุ่นวายกล้ามาเที่ยวสถานที่แบบนี้ด้วยเหรอ

“นะคะพี่เพลิงกุ๊กไก่ขอร้อง พี่จำหนูได้ใช่ไหมที่เป็นเพื่อนธาร พี่ไปช่วยธารด้วยนะคะ”

“ไม่เห็นจำได้” สีหน้าของกุ๊กไก่สลดลง แต่ยังพึมพำบอกเสียงอ่อย

“ก็เจอกันวันก่อน” อ๋อ วันที่กูไปแกล้งมันถึงคณะใช่ไหม

“ช่วยแล้วจะได้อะไร”

“อะไรก็ได้ค่ะพี่อยากได้อะไรคะ”

“ถ้าอย่างนั้น...” ผมแสยะยิ้มเหลือบตามองไอ้ออฟที่ยืนอยู่ข้าง ๆ แล้วก้มลงไปกระซิบข้างหูเพื่อนของไอ้ตัววุ่นวาย เธออึ้งเมื่อได้ยินสิ่งที่ผมบอก นัยน์ตากลมโตมองหน้าผมสายตาสั่นระริก “ตกลงไหมล่ะไม่อย่างนั้นก็ไม่ช่วย”

“แต่ธารกำลังจะแย่นะคะพี่ ธารเหมือนคนถูกมอมยา แล้วพวกนั้นกำลังจะเอาตัวธารไป ตอนนี้เก้าตามไปแล้ว แต่พวกมันมีหลายคน เก้าคนเดียวไม่ไหวแน่ค่ะ” จากที่บอกกับอาการที่ผมเห็น เดาได้ไม่อยากว่าถ้าไม่เมา ก็คงไม่พ้นเรื่องนี้แน่ ๆ แต่มันทำตัวมันเอง ผมควรเสือกไหม?

“ควรช่วย?”

“ขอร้องเถอะค่ะ พี่อยากได้อะไรกุ๊กไก่ยอมหมดขอแค่ไปช่วยธารก่อนนะคะ”

“อย่าลืมที่พูดไว้ล่ะ มันอยู่ไหนนำทางไปสิ” ผมกับไอ้ออฟเดินตามเพื่อนไอ้ตัววุ่นวายไปทางหลังร้าน ก็ไม่ผิดอย่างที่คิด ถ้ามันจะมอมยาใครสักคนไปทำมิดีมิร้าย ทางที่สะดวกที่สุดก็ต้องเป็นทางนี้ เพราะมีแต่เด็กเสิร์ฟเท่านั้นที่ใช้ แต่เวลางานก็ไม่ค่อยมีใครมาทางนี้กันหรอก

ผมก้าวยาว ๆ ตามไป จนทันได้เห็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังฉุดกระชากลากดึงกัน อยู่แถวทางออกด้านหลัง ทางตรงนั้นมืดมาก ปกติจะเป็นทางเข้าออกพนักงาน จึงไม่ได้เปิดไฟไว้ หรือคงเปิดเฉพาะเวลามีคนมา จะมีก็แค่แสงสลัวส่องมาจากเวที ที่ไม่ได้ช่วยให้สว่างอะไรมากมายนัก

“เฮ้ย พวกมึงทำอะไรกันวะ” ผมตะโกนถามก่อนที่พวกมันจะพากันออกไป คนกลุ่มนั้นหยุดชะงักพอดีกับประตูเปิดออก แสงสลัวจากข้างนอกส่องเข้ามาให้เห็น ว่าไอ้ตัวปัญหามันถูกแบกพาดไหล่ กำลังจะถูกพาออกไปจากที่นี่อยู่แล้ว

“ถ้าไม่อยากมีเรื่องก็อย่าเสือก”

“ไม่เสือกไม่ได้ว่ะ มีคนขอร้องให้กูมาเสือก” ผมมองไอ้ออฟทางหางตาเป็นอันรู้กัน ไม่เห็นเพื่อนของไอ้ตัวน่ารำคาญตามมาด้วย คิดว่าไอ้ออฟคงให้รออยู่ข้างหลัง แบบนี้จะปะทะหรืออะไรค่อยสะดวกหน่อย

พอผมบอกอย่างนั้น พวกมันเลยซุบซิบอะไรกันบางอย่างเหมือนกำลังปรึกษา พอเห็นผมกับไอ้ออฟเดินเข้าไปหา มันวางไอ้ตัววุ่นวายลงแล้วดันไปข้างหลัง พวกมันมีสามฝั่งผมมีสอง ก็ไม่ได้ถือว่าเสียเปรียบอะไรนัก แล้วอีกคนไปไหน เมื่อกี้ยายเด็กกุ๊กไก่อะไรนั่น บอกว่าเพื่อนตามมาช่วยแล้วไม่ใช่หรือไง ทำไมมันไม่อยู่ที่นี่ หรือมันหลงไปทางอื่น

“มึงสองคนนี่อยากเสือกเรื่องชาวบ้านกันจริง ๆ “

“กูก็ไม่ได้อยากเสือกแต่ส่งเด็กนั่นมา”

“กูไม่สงสัยหรอก ก็แม่งน่ากินขนาดนี้ แต่อยากได้ของดีก็เข้ามาแย่งเอาสิวะ”

“ตามที่ขอ” ผลัวะ! มันขอผมก็จัดให้ ถือคติเปิดก่อนได้เปรียบ ผมถีบมันหงายหลังตั้งแต่มันยังพูดไม่จบ และนั่นเหมือนเป็นการเปิดให้พวกเราตะลุมบอนใส่กัน สามต่อสองไม่ใช่ปัญหาสำหรับผมกับไอ้ออฟ ก็ไม่เคยพูดว่าตัวเองดี เคยมีเรื่องชกต่อยมานักต่อนัก ไม่หาเรื่องเขาแก้เครียดเขาก็มาหาเรื่องเอง

ตีกันจนทุกคนหลุดออกไปหลังร้าน ฟาดกันไปฟาดกันมาไม่มีใครยอมใคร พวกผมโดนพอสมควรจากการต่อสู้สะเปะสะปะของพวกมัน ส่วนพวกมันก็เรียกได้ว่าหนักทีเดียว ผมกับไอ้ออฟอาจจะได้เปรียบเพราะสู้เป็น วิชาป้องกันตัวก็เรียนมาไม่น้อย ทั้งยูโด คาราเต้ มวยไทย ไปฝึกไปเรียนมาหมดตั้งแต่ ม.ต้น ซ้อมกันตลอด ฝึกกำลังไม่เคยขาด ห้องฟิตเนสส่วนตัวก็มี แค่นี้เลยไม่ต้องเปลืองแรงเสียเวลาจัดการนาน พวกมันก็อ่วมล่าถอยไป

“มึง” ผมหันกลับมาหาได้เด็กรับใช้ที่ตอนนี้มันเลื้อย ต้องบอกว่าเลื้อยเพราะแม่งยืนไม่อยู่ ต้องนั่งลงกับพื้นแล้วใช้มือสาวไปตามผนังลากสังขารตัวเองไป

“อย่านะ อย่ามายุ่ง!”

“แม่งกูไม่ได้อยากยุ่ง แต่มึงจะกลับไหม ไม่กลับกูจะได้ทิ้งไว้นี่ ไม่น่าเสียเวลามาช่วยเลย”

“ใจเย็นมึงน้องมันโดนยา พากลับไปก่อน” ไอ้ออฟบอกเสียงนิ่ง ไอ้ห่านี่แม่งติดภาพพระเอกอยู่หรือไงวะ อะไรก็ดีไปหมด ผมเห็นนะว่าได้เด็กรับใช้มองไอ้ออฟด้วยสายตาชื่นชม แต่ไว้รู้จักสันดานมันก่อนเถอะ แล้วมึงจะเปลี่ยนใจแทบไม่ทัน ผมกับเพื่อนยังไม่ได้พูดอะไรกันอีก กุ๊กไก่ก็วิ่งตามออกมา

“พี่คะ! ธาร! ธารเป็นไงบ้าง”

“ใครน่ะ..”

“นี่กุ๊กไก่ไง เก้าล่ะธารเก้าไปไหน พี่เห็นเก้าไหมคะ”

“ไม่เห็น อย่าเพิ่งถามพาเพื่อนออกไปจากที่นี่ก่อน” ไอ้ออฟบอก พยุงไอ้เด็กรับใช้ลุกขึ้นด้วย ผมยืนมองนิ่ง ใจก็ไม่อยากยุ่ง แต่แม่งมาอาศัยอยู่ด้วยไง จะทิ้งไว้อย่างนี้ก็กระไรอยู่ ไอ้ออฟก็รู้ว่าผมคิดอะไรมันเลยมองหน้า มึงกดดันกูอยู่ใช่ไหม

ไอ้เพื่อนเหี้ย!

“กลับเลยนะคะ เดี๋ยวกุ๊กไก่ไปส่งธารเอง”

“ไม่ต้องหรอกน้องให้ธารกลับกับไอ้เพลิง ส่วนน้องกลับเองได้ไหมหรือจะให้พี่ไปส่ง” ไอ้ออฟถามเสียงนุ่ม แม่งแกล้งทำตัวเป็นพระเอกอีกแล้วสินะมึง หมั่นไส้ไอ้เพื่อนเวร

“เอาอย่างนั้นก็ได้ค่ะ กุ๊กไก่เอารถมากลับเองได้ แต่..ธารจะไม่เป็นไรใช่ไหมคะพี่” ไม่เป็นไรกับผีนะสิ! ดูก็รู้ว่ามันไม่จบแค่นี้แน่ ตอนนี้มันก็เริ่มเลื้อยใส่ไอ้ออฟแล้ว นี่อย่าให้เป็นเหมือนที่กูคิดไว้เลยเถอะนะขอร้อง

“ธารไม่เป็นไรมากหรอก เดี๋ยวมึงพาน้องกลับเลยก็แล้วกัน” ไอ้ออฟบอกกุ๊กไก่แล้วหันมาบอกผม

“เออ งั้นมึงไปส่งน้องเขาด้วย” ผมบอกไอ้ออฟ เพราะหน้าตื่น ๆ มือสั่น ๆ นั่น ไม่รู้จะขับรถถึงบ้านหรือเปล่า

“ไปเถอะเดี๋ยวพี่ไปส่งไม่ต้องห่วงเพื่อน” ไอ้ออฟส่งไอ้ตัววุ่นวายมาให้ผม แม่งก็ทิ้งน้ำหนักลงมาทั้งหมดเลย ยืนก็ไม่อยู่จนกูต้องกอดไว้ สองคนนั้นเดินแยกไปทางลานจอดรถข้างผับ กุ๊กไก่หันมามองเพื่อนเหมือนยังห่วง ผมเลยพยุงไอ้ตัวปัญหาไปที่รถตัวเองที่จอดไว้ไม่ไกลบ้าง และเพิ่งนึกอะไรบางอย่างได้ก็ตอนนี้เอง..

เหี้ยแล้วไงกูขี่มอ’ ไซค์มา!

สติไอ้ธารไม่มีเหลือเลย ยืนเองมันยังยืนไม่ได้ แล้วผมกับบิ๊กไบค์จะเอามันกลับไปยังไงยังนึกไม่ออก ลากไอ้ตัวปัญหาที่ตอนนี้ มือมันเลื้อยไปตามตัวผมจนน่ารำคาญ เดินมาถึงดูคาติลูกรัก เลยต้องทิ้งมันนอนเกลือกกลิ้งไปกับพื้นแถวนั้น แถมแม่งยังอ้วกออกมาอีก ผมถอยรถออกจากช่องจอด แล้วยืนมองคนที่นอนเลื้อยอยู่บนพื้นอย่างหนักใจ จะขนมันกลับยังไงวะเนี่ยกู

“ลุกขึ้น!”

“ไม่เอาไม่ลุกนะครับ น้องไม่ไหวแล้ว ทำไมร้อน ร้อนไปหมด” มันบอกไม่ไหวผมเข้าใจ แต่ไม่ไหวแล้วดึงทึ้งเสื้อผ้าตัวเองบ่นร้อน ๆ ไปด้วยนี่แม่งหมายความว่ายังไงวะ ผมเองก็กินเหล้าเข้าไปไม่น้อยด้วย คือยอมรับก็ได้ว่าเมาพอสมควร แต่ก็ยังพอจะรู้ตัวอยู่

“ลุกไม่ไหวมึงจะนอนอยู่นี่รอให้เขาลากไปยำหรือไง ลุกขึ้น!”

“ลุกไม่ขึ้นอ่าพี่ชาย..พี่ชายครับช่วยธารด้วย”

“พี่ชายไหนของมึงอีกวะลุกเดี๋ยวนี้! “ผมกระชากปีกมันขึ้น ความหงุดหงิดนี่มาเต็ม พอลุกขึ้นได้ดันไม่มีแรงทรงตัวอีก เลยต้องโผซบอกผมทิ้งน้ำหนักมาให้เต็ม ๆ แม่งหงุดหงิดโว้ย! อย่าให้กูรู้นะว่าใครใส่ยามัน จะลากมากระทืบให้ลืมบ้านเลขที่เลย โทษฐานที่ทำให้กูต้องมาวุ่นวายกับไอ้ตัวปัญหานี่!

ผมนั่งคร่อมบนรถพยายามดึงไอ้ธารขึ้นนั่งซ้อนท้าย ทุลักทุเลจนจะล้มหัวทิ่มหลายครั้ง มันก็ยังขึ้นมาไม่ได้ จนผมต้องลงจากรถไปอุ้มมันขึ้นนั่งเอง เบาะนั่งก็แคบ ๆ นั่นแหละ แต่นั่งได้แล้วปัญหามันยังไม่จบ ขืนพาไปอย่างนี้มันได้หงายหลังตกรถก่อนถึงห้องแน่ แล้วกูจะทำยังไงกับมันดีง่วงก็ง่วง ยื้อยุดกันอยู่นานกว่าจะจับให้มันนั่งดี ๆ ได้ ปากก็บ่นงึมงำอะไรของมันไม่รู้

พอผมขึ้นมานั่งข้างหน้า เอวก็ถูกมันกอดหมับเข้าให้อย่างรู้งาน เปล่า..มันไม่ได้กอดเพราะกลัวตก แต่แม่งกอดแล้วลูบไล้ไปทั่ว แถมขยำกล้ามหน้าอกจนกูสยิวไปหมด มึงไม่รู้หรือไงว่าหัวนมมันไวความรู้สึก!

“นั่งดี ๆ สิวะ! “ตะคอกไปแต่มันไม่สะเทือนหรอก ก็รู้ล่ะว่าตอนนี้มันไม่มีสติเหลือเลย แต่จะเอาอะไรกับคนขี้รำคาญอย่างผม แค่พาไปด้วยนี่ก็ดีเท่าไหร่แล้ว จับมือไอ้เด็กรับใช้ที่กำลังบีบขยำกล้ามเนื้ออย่างมันมือกระชากออก แล้วเอามาประสานกันที่หน้าท้อง ให้มันกอดเอวผมไว้ รีบเก็บขาตั้งรถสตาร์ทเครื่อง ออกตัวไปก่อนที่มือมันจะหลุดจากกัน ผมต้องขับรถมือเดียว ส่วนอีกมือคอยจับมือทั้งสองข้างมันไว้ให้อยู่ในท่ากอดเอว ไม่อย่างนั้นแม่งก็ลูบ ๆ คลำ ๆ กูอยู่นี่แหละ คิดว่ากูอดทนเก่งนักหรือไงกับเรื่องพวกนี้ ดีที่ท้ายเบาะนั่งสูง เลยเทให้มันทิ้งน้ำหนักมาที่ผมจนหมด ตอนนี้แน่ใจแล้วว่ามันไม่ได้โดนมอมยาธรรมดา แต่มีอะไรที่มากกว่านั้น...

มาถึงคอนโดก็ดึกมากแล้ว ขับรถเข้าไปเก็บในที่จอดส่วนตัวที่ รปภ.เปิดรอ จากนั้นผมก็ไม่เสียเวลาลากมันอีก จัดการแบกร่างปวกเปียกขึ้นพาดไหล่ไปทั้งอย่างนั้น ดึก ๆ อย่างนี้ไม่มีใครหรอก นอกจากพนักงานกะกลางคืนคนเดียวกับ รปภ. คอยดูแลความเรียบร้อยทั่วไป ถึงห้องผมเกือบจะโยนมันลงพื้นแล้ว ถ้าไม่ติดว่ามันดิ้นแล้วยืดตัวขึ้นกอดคอผมไว้แน่น

ต่อ.....

ออฟไลน์ AlittleStarWr

  • ดาว ณ แดนดิน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
    • https://www.facebook.com/ALittleStarWriter/?eid=ARB0j1cH0esPR8hRT-dtFbYMb-2_QxYrZHilPjVeZktiZELggHI9krjDA8KpE9EAkE37Y9krMgYPFPvo



“สัดปล่อยกู!”

“ไม่เอาไม่ปล่อยหรอก อย่าเพิ่งไปไหนนะอยู่ด้วยกับธารก่อนนะครับ”

“ปล่อยสิวะ!” ผมพยายามแกะมือมันออก แต่แม่งยิ่งแกะก็ยิ่งเหมือนเกี่ยวกันพัลวันมากขึ้น หลุดจากตรงนั้นมันก็ไปเกาะตรงนี้ เหมือนผมถูกมันลวนลามหน้าตาเฉย แล้วคือกูก็ไม่ใช่พระอิฐพระปูนไง ปกติก็ต้องเอาทุกวันอยู่แล้วถึงจะหลับได้ แล้ววันนี้คือของขาดไหม เข้าใจกูหน่อยสิวะ!

“ไม่เอาไม่ปล่อย ทำไมมันร้อนอย่างนี้ ธารร้อน ร้อนจริง ๆ นะดูสิ “แควก! มันแบะคอเสื้อออก พยายามแกะกระดุมแต่คงไม่ทันใจ เลยกระชากจนเสื้อขาด ไม่บอกก็รู้ว่ามันร้อนมากแค่ไหน ขนาดผมยังรู้สึกได้ถึงไอร้อนที่แผ่ออกมาจากตัวมัน เป็นความร้อนที่ออกมาจากข้างในเลย เสื้อผ้าก็จะถอดออกลูกเดียวจนต้องดึงไว้ ดึงตรงนั้นมันก็ไปจับตรงนี้ ยื้อกันไปยื้อกันมาชักรำคาญ เลยปล่อยให้แม่งถอดออกเลย ตอนนี้ทำท่าว่าจะถอดกางเกงต่อ แล้วคือตัวขาว ๆ แดงเป็นจ้ำ ๆ นี่คืออะไรวะ ผิวก็ละเอียดลื่นมือจนกูมันเขี้ยวแม่งฉิบหายแล้ว

“มึงตั้งสติหน่อยสิวะ” ผมตบหน้ามันเบา ๆ คือเบาที่สุดเท่าที่จะเบาได้แล้ว กลัวเป็นเหมือนวันที่มันตกน้ำ วันนั้นก็คิดว่าตัวเองตบเบาแล้วนะ แต่แดงเป็นปื้นเลยไง

“ช่วยด้วย ผม..ผมจะทำยังไง ร้อนไปหมดแล้ว ธารอื้ออออ ทั้งร้อน ทั้ง....อื้ออออ”

“แช่น้ำ! ใช่ร้อนแบบนี้มึงต้องไปแช่น้ำมานี่เลย” ผมช้อนตัวมันขึ้นพาเดินออกไปทางระเบียง ผ่านสวนเล็กไปจนถึงสระว่ายน้ำ ไอ้คนถูกอุ้มก็ไม่ได้อยู่เฉย ๆ ให้อุ้มดี ๆ หรอกนะ แม่งทั้งกอดทั้งลูบทั้งซุก จนกูจะทนไม่ไหวอยู่แล้วโว้ย!

ตูม!!!

ผมพามันเดินไปทางสระฝั่งไม่ลึก โยนมันทิ้งลงน้ำแล้วกระโดดตามลงไปด้วย มันตะเกียกตะกายจนคว้าตัวผมได้ ก็เกาะแน่นติดหนึบทันที ไม่อยากตามมันลงมา แต่ถ้าไม่ลงมาระดับน้ำแค่นี้กับคนไม่มีสติที่ว่ายน้ำไม่เป็น มันก็ตายได้ง่าย ๆ เหมือนกัน

“อยู่เฉย ๆ “

“ไม่! เฉยไม่ได้ พี่ชายใจดีอยู่ไหน พี่รันอยู่ไหน ธารอยากหาพี่รัน ธารร้อนธารไม่ไหวแล้วคุณชายครับ” เพ้ออะไรของมันนักหนาวะ! ตกลงมึงจะเอาใครกันแน่

“แช่น้ำเย็น ๆ เดี๋ยวมึงก็หาย” ก็เคยได้ยินมาว่าอย่างนั้นล่ะนะ

“ไม่..ไม่หาย ยังร้อนอยู่ยังไม่หาย คอแห้งหิวน้ำด้วยแหละ” พอบอกหิวน้ำมันก็ก้มลงอ้าปากกลืนเอาน้ำเข้าไปอึกใหญ่ เอาเข้าไป ให้พอใจมึงเลย

“อ่า ผม..อยากมีเซ็ก! “เหี้ยอะไรของมัน! มึงโดนตัวไหนมา! “ตรงนี้ไงจับดูสิแข็งไปหมดแล้ว ผมอยากผมจะเอา..อื้อออ” แล้วจะให้กูทำยังไง ไอ้เด็กรับใช้พยายามเข้ามากอดจูบลูบคลำ ผมก็ดันมันออก เอามือยันหัวมันไว้ไม่ให้เข้ามาใกล้ รำคาญมาก ๆ เข้าผมเลยผลักมันจนเกือบหงาย ดีที่อยู่ในน้ำ น้ำเลยช่วยพยุงน้ำหนักมัน ไม่อย่างนั้นมีหัวน็อกพื้นแน่

พอเข้ามาหาผมไม่ได้มันก็ถอยหลังไปพิงกับขอบสระ ทำอะไรบางอย่างกับตัวเองยุกยิกใต้น้ำ ไม่ต้องเดาให้เสียเวลาเลย อย่างที่คิดนั่นแหละมันกำลังช่วยตัวเอง ตอนนี้น้ำทั้งสระคงช่วยให้มันเย็นไม่ได้ ผมก็ทั้งเมาทั้งฝืนจนเหนื่อย แล้วแม่งยังจะมาช่วยตัวเองต่อหน้าต่อตากูอีก เห็นกูเป็นผนังบ้านหรือไงวะ จะได้ไม่รู้สึกรู้สมอะไรเลย

“อ๊ะ! อาาาา อื้มมมม” มึงจะครางจนปริ่มขนาดนั้นเพื่อ!!?? ตอนนี้ไม่ใช่แค่มันแล้วที่ร้อน ผมเองเห็นมันทำหน้าเร้าอารมณ์อย่างนั้น เสียงก็สั่นกระเส่าขนาดนั้น เลยแทบจะอดใจไม่ไหว แต่ผมเกลียดมัน ผมจะไม่แตะต้องมัน มันคือไอ้เด็กรับใช้ลูกชายของผู้หญิงคนนั้น ผมต้องไม่เข้าใกล้มัน แต่ทำไมในตัวกูมันวูบวาบแปลก ๆ ยิ่งสบตากับมันที่จ้องตอบมาอย่างเชิญชวน ผมยิ่งหายใจหนักขึ้นถี่ขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งกินเหล้ามาไม่น้อยด้วยแล้ว ใจมันเลยหวิวไหวง่ายขึ้น ปกติเวลาเมา ๆ อารมณ์มันก็ขึ้นง่ายอยู่แล้วไง

ดูท่าจะไม่ไหวแล้วเลยขึ้นจากสระแม่งเลย ปล่อยให้มันแช่น้ำอยู่คนเดียวอย่างนั้น ฝั่งนี้น้ำสูงแค่ช่วงอกของมันคงไม่เป็นไร หวังว่าคงไม่โง่เดินไปทางฝั่งที่ลึก 2 เมตร ให้ตัวเองจมน้ำตายห่าไปหรอกนะ

ผมถอดเสื้อยืดที่ใส่อยู่ออก โยนทิ้งไว้บนเก้าอี้นอนแถวนั้น เดินเข้าไปในครัวหาอะไรเย็น ๆ ดื่ม เปิดตู้เย็นได้เบียร์มาสองกระป๋อง เปิดกระป๋องแรกกรอกลงคอรวดเดียวอึก ๆ จนหมด โยนกระป๋องเปล่าทิ้งแล้วเปิดกระป๋องใหม่ต่อทันที ยกดื่มหมดไปเกือบครึ่ง อารมณ์ถึงได้บางเบาลงบ้างเมื่อได้เบียร์เย็นจัดมากลั้วคอ ยืนสงบสติอยู่ครู่เดียวก็ยกที่เหลือดื่มอีกจนหมด เปิดตู้เย็นหยิบกระป๋องใหม่ออกมา แล้วเดินกลับไปที่สระว่ายน้ำ ยังไงก็ปล่อยมันไว้อย่างนั้นคนเดียวไม่ได้ สติสตังก็ไม่มีเดี๋ยวจมน้ำตายห่าขึ้นมายุ่งอีก

“อื้ออออ..อ่าาาาา....ซี้ดดด...อ้าาาาา” แต่พอเดินมาถึงขอบสระ ก็ต้องเสียววูบวาบตามมันไปด้วย เพราะมาถึงจังหวะที่แม่งเสร็จพอดีไง เสียงครางเสียวเสียงสั่นเลยเข้าหูเต็ม ๆ แม่งอุตส่าห์เดินหนีแล้วนะกู ไม่รู้จะกลับมาได้ยินให้ตัวเองของขึ้นอีกทำไมวะ!

“ดีขึ้นหรือยัง” ผมกัดฟันถาม ไม่รู้ยาที่มันโดนมาเป็นตัวไหน แต่ดูอาการแล้วคงแรงทีเดียว ไม่เคยเห็นไม่เคยสนใจ ไม่คิดว่าตัวเองต้องพึ่งยาอะไรพวกนี้ เพราะแค่กระดิกนิ้วกูก็ได้สมใจอยากแล้ว เคยได้ยินแต่พวกยาเสียสาวหรือยาปลุกอะไรพวกนั้น พอโดนแล้วไม่มีสติหลงเหลือ มีแต่ความต้องการแบบไม่รู้ตัว ร้องอยากเอา ๆ อย่างเดียว ก็คงเป็นอย่างไอ้ตัววุ่นวายกำลังเป็นอยู่นี่สินะ

“คุณ..เพลิง” เออ! จำกูได้แล้วสินะมึง มันเรียกเสียงสั่น ปรือตาขึ้นมองผมที่ยืนอยู่บนขอบสระ ลมหายใจยังหอบผิดปกติ แต่หวังว่าอะไร ๆ ของมันคงลงแล้วนะ

อย่าคิดเยอะผมหมายถึงอารมณ์!

“ขึ้นมา”

“ช่วยด้วยครับ” มันเดินเซแทด ๆ เลื้อยมาตามขอบสระยื่นมือมาให้ ผมก็ใจดีช่วยดึงมันขึ้น นึกว่าอาการจะดีขึ้นหรือหายแล้วแต่ไม่ใช่เลย ตอนก้มลงไปดึงมือมัน เห็นสีหน้ากับแววตาก็รู้ทันที ว่ายามันยังไม่หมดฤทธิ์อย่างคิดไว้ แล้วปากแดง ๆ วาว ๆ เจ่อ ๆ นั่น มึงจะเผยอหาอะไรนักหนาวะ! ยังอีก ๆ พอเห็นกูจ้องเข้าหน่อยก็เอาใหญ่ กัดปากให้กูดูเฉยเลย มันจะมากไปแล้วนะไอ้เด็กเหี้ย!

ดึงมันขึ้นมาแล้วปล่อยให้นอนครางอยู่ข้างสระทั้งอย่างนั้น เสื้อไม่ใส่กางเกงก็หลุดร่นลงไปอยู่ใต้สะโพกทั้งตัวนอกตัวใน ไล่สายตาตั้งแต่ใบหน้าขาวใสซับสีเลือด ลงมาตามลาดไหล่ผ่านแผ่นอกบาง ที่หัวนมสีแดงบนอกทั้งสองข้าง ขยับขึ้นลงตามจังหวะหายใจถี่ หน้าท้องแบนราบเรียบเนียนละเอียด เอวคอดแล้วผายออกตรงสะโพก ตรงนั้นของมันก็ยังไม่สงบดี และตอนนี้มันก็เริ่มนวดให้ตัวเองอีกแล้ว ส่วนมืออีกข้างลูบไล้ไปตามหน้าอก บดบี้เม็ดเล็ก ๆ บนอกสลับกันทั้งสองข้าง ผิวขาว ๆ ของมันซับสีแดงเรื่อไปหมด ไม่พอยังเอานิ้วยัดเข้าไปในปากตัวเอง แล้วเอามาละเลงกับหัวนมจนเปียกชุ่ม แถมยังอ้าปากครางหอบ ให้เสียงแทรกเข้าไปดังก้องในหัวกู

แล้วกูเอามือมาวางกุมเป้าตัวเองตั้งแต่ตอนไหนวะ! แม่งเอ๊ย!

“อื้อออ “มันยันตัวลุกขึ้นนั่ง ตั้งใจกับการปลุกปั่นอารมณ์ดิบให้ตัวเอง สองมือปรนเปรอสองขายันกางเกงที่คาต้นขาออก จนตอนนี้ตัวมันไม่เหลือเสื้อผ้าสักชิ้น และผมจะไม่ว่าอะไรเลย ถ้ามันทำของมันเงียบ ๆ ไม่ปล่อยเสียงครางเสียวสั่นประสาท แล้วเอาแต่บอกว่าอยากได้อยากเอาอยู่อย่างนั้น ตาก็มองผมด้วยแววตาที่บรรยายไม่ถูก แต่กูเห็นแล้วบอกได้คำเดียวว่ากำลังถูกยั่ว และกูจะไม่ทน!

“แม่งเอ๊ย! มึงอยากเจอของจริงนักใช่ไหม”

“ของ..เจอของจริง ของจริงอะไรหรือครับ อ่าาา พี่ชาย..พี่ชาย ธาร..อื้ออ” มันขยับมือรัว ๆ กับแท่งเนื้อแข็ง ๆ ที่ส่วนปลายฉ่ำเยิ้มไปด้วยน้ำใสมันวาว เห็นแล้วต้องเผลอกลืนน้ำลายลงคอตาม นั่นถึงได้รู้ว่าตัวเองคอแห้งมากขนาดไหน กระป๋องเบียร์ในมือถูกกำแน่นจนแทบจะบุบเบี้ยว เลยยกขึ้นดื่มรวดเดียวหมดทั้งกระป๋อง จากที่จะสร่างเมาในตอนแรก ตอนนี้คือเริ่มกรึ่ม ๆ มึน ๆ ขึ้นมาอีกแล้วกู

“อ๊ะ ซี้ดดด” ร่างผอมเพรียวกระตุกเกร็ง ปล่อยน้ำคาวออกมาเลอะหน้าท้องตัวเอง มือยังสาวรัว ๆ ไม่หยุด ใบหน้าหงายเชิดขึ้นตาหลับพริ้ม ปากเผยออ้าส่งเสียงครางอืออาไม่เป็นคำ ลิ้นแดง ๆ แลบออกมาเลียริมฝีปาก ก่อนจะขบปากล่างตัวเองแน่นแล้วดึงออก ส่งเสียงซี้ดยาวปิดท้าย ในแบบที่ผมได้ยินแล้วเสียวตามจนเผลอเกร็งตัว รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงของร่างกาย ที่บ่งบอกว่าตอนนี้ เกิดความต้องการปลดปล่อยเข้าแล้วเหมือนกัน

ผมกัดฟันแน่นข่มความรู้สึก ทำไมกูต้องมานั่งดูอะไรอย่างนี้ด้วย จะหันหนีหรือเดินหนีไปจากตรงนี้ก็ได้ แต่ทำไมถึงไม่ทำ ทำไมยังเอาแต่นั่งจ้องมันอยู่อย่างนั้น เหมือนจะให้ตัวเองทรมานเล่นฉิบหายจริง

“พี่ พี่ครับ..” สัด! เสียงนี้มาอีกแล้ว แล้วไม่ได้มาแค่เสียง แต่มาพร้อมร่างเพรียวของมัน คลานเข้ามาหาเก้าอี้ที่ผมนั่ง ร่างขาวขึ้นสีแดงเรื่อในแสงสลัว ตรึงสายตาจนลืมหันหนี และพอถูกสองมือของมันเกาะขาแน่นเท่านั้นแหละ ความอดทนทุกอย่างที่กูสั่งสมมาเป็นอันต้องขาดผึงลง

ผมก้มลงกระชากมันขึ้น จนร่างปวกเปียกปลิวตามมือมา ป้อนจูบอย่างคนหิวกระหายตายอดตายอยาก เหมือนคุมตัวเองไม่ได้ เพราะมันยั่วตายั่วใจผมมากเหลือเกิน เสร็จต่อหน้าต่อตากูสองรอบ ในแบบที่กูไม่ได้ทำห่าอะไรด้วยเลยไง มันทำให้รู้สึกว่ากำลังถูกท้าทายยังไงก็ไม่รู้

ไม่คิดว่ามันจะใสซื่อไร้เดียงสา อย่างที่มันเคยแสดงในยามปกติ และผมก็คิดไม่ผิด เพราะไม่ว่าจะจูบมันไปแบบไหนท่าไหน มันก็ตอบโต้คืนมาแบบเดียวกันไม่ลดละ ดูดเป็นดูด! กัดเป็นกัด! ขบเป็นขบ! เม้มเป็นเม้ม! ทุกอย่างที่ผมทำกับมันจะย้อนคืนมาทั้งหมด ไอ้ที่ทำท่าทางใส ๆ อยู่วันก่อนมึงแกล้งสินะ ทั้งที่มึงคงพรุนไปหมดแล้ว วันนี้กูจะเล่นให้พรุ่นจนทะลุไปเลยแม่ง รู้จักกูน้อยไปแล้วไอ้ตัววุ่นวาย!

ผมดึงร่างเพรียวขึ้นมานั่งคร่อมตัก ไล่จูบลงมาตามซอกคอถึงหน้าอก ทั้งจูบทั้งกัดลงไปเต็มเขี้ยว แต่แทนที่มันจะผลักไสหรือขยับออก กลับกดหัวผมลงกับนวลเนื้ออ้าปากครางกระเส่า พอผละออกมันยังจะตามประกบปาก เลยต้องยันไหล่มันไว้ด้วยมือทั้งสองข้างจ้องมันตาดุ มันมองตอบกลับมาไม่ลดละ ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความปรารถนา เหมือนกำลังบอกว่ากูจะเอา และกูต้องได้อะไรประมาณนั้น

“ทำให้กู”

“ทำ..อะไร”

“เหมือนกูทำเมื่อกี้ไง” บอกแค่นั้นมันก็จัดการกับผมทันที ตั้งแต่ประกบจูบสอดลิ้นเข้ามาในปากที่อ้ารับ ใช้ลิ้นเรียวกวาดไปทั่วเหมือนหยอกเล่น จนเกี่ยวลิ้นผมออกมาดูดหนัก ๆ ปล่อยออกแล้วดูดอยู่อย่างนั้น สลับกับเม้มริมฝีปากหลายครั้ง ปลายลิ้นเรียวเลียริมฝีปากผมเมื่อไหร่เสียวได้เมื่อนั้น เรียกเสียงครางที่ปล่อยออกมาแบบไม่รู้ตัวได้ทุกที ดูดจนพอใจมันถึงปล่อย แล้วดูดปากล่างของผมไปที ไล่จูบลงมาตามคางจนเสียวสยิวไปหมด นี่มันเก่งหรือกูอ่อนไปวะเนี่ย

“ชอบจัง” มันบอกแล้วจูบหนัก ๆ ลงบนคาง ผมแหงนหน้าขึ้นตอนมันจูบต่ำลงไปถึงลูกกระเดือก แล้ววนกลับมาจูบตรงสันกรามสลับกันทั้งสองข้าง นี่ตกลงมึงชอบกรามกูเหรอ “ชอบ แต่ไม่ชอบยาว ๆ นะรู้ปะ “อะไรของแม่งวะกูจะไปรู้ได้ไง ซี้ดดด

“ตรงนี้ด้วย” ตามมาด้วยความอุ่นของริมฝีปากที่กดลงบนไรนวดมุมปาก แล้วย้ายไปทำกับอีกข้างเหมือนกัน มันไล้ปลายลิ้นเลียตามรูปหน้าที่ล้อมกรอบด้วยตอหนวดเคราสั้น ๆ ของผม ตกลงที่ว่าชอบ ๆ นี่คือมึงชอบหนวดกับเครากูใช่ไหม

ผมหายใจเข้าหนัก ๆ ตอนมันลากปลายลิ้นเลียต่ำลงไปเรื่อย ๆ จนถึงหน้าอก หยอกเล่นกับหัวนมจุดไว้สัมผัส ที่มันทั้งเลียทั้งกัดเบา ๆ จนเสียวจี๊ดไปถึงแท่งเนื้อแข็งปั๋งในกางเกง มือข้างหนึ่งทั้งขูดทั้งข่วนขยำไปตามกล้ามเนื้อ ส่วนอีกข้างมันขยำนวดอยู่กับแท่งเนื้อของตัวเอง ที่ตอนนี้แข็งตั้งเยิ้มฉ่ำบ่งบอกความต้องการล้นเอ่อ แต่ผมยังอยากเล่นต่อ

“ถอดกางเกงออกให้กู” เผลอเกร็งตัวตอนมันไล่จูบลงไปตามหน้าท้อง ตัวมันก็ถอยลงไปเรื่อย ๆ ตามความยาวของเก้าอี้ด้วย จนตอนนี้คุกเข่าอยู่ตรงกลางระหว่างขาของผม

พอผมบอกมันเลยเงยหน้าขึ้นมามอง ตาหวานจนเยิ้มเปี่ยมไปด้วยความปรารถนาเปิดเผย ริมฝีปากฉ่ำวาวแดงเรื่อเผยอน้อย ๆ เป็นจังหวะเร้าอารมณ์ได้พอดี แต่ทั้งที่มองหน้าผม มือกลับทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย ปลดกระดุมกางเกงยีนผมออกแล้วรูดซิบลง ผมยกสะโพกขึ้นให้มันรูดกางเกงออกได้ง่าย ๆ เหลือแต่กางเกงในสีดำที่ไม่อาจปิดบังความต้องการ ที่กำลังดุนดันเนื้อผ้าขึ้นมาจนเห็นเป็นลำแข็ง

“ทักทายมันหน่อย”

“ครับ?” มันเอียงคอมองเหมือนหมาน้อยขี้สงสัย คงอยากรู้ว่าผมให้มันทำอะไรนั่นแหละ

“ทักด้วยปลายลิ้นมึงกับตรงนั้นของกู” เหมือนมันจะไม่เข้าใจแต่พอบอกให้ทักด้วยปลายลิ้น เนื้อสาก ๆ แดง ๆ ปลายแหลมก็แลบออกมาจากปากมัน แตะลงบนท่อนลำใหญ่ผ่านเนื้อผ้า มันเหลือบตาขึ้นมองผม เหมือนจะถามว่าทำอย่างนี้ใช่ไหม ผมไม่ตอบแต่กดหัวมันลงเด้งตัวขึ้นใส่ รู้สึกถึงความอุ่นชื้นของโพรงปากครอบลงกลางแท่ง ความแข็งของฟันกดเน้นหนัก แต่ทำให้เสียวมากกว่าเจ็บ ยิ่งตอนถูกมันไล่งับเบา ๆ ไปตามความยาวตั้งแต่โคนถึงปลาย ยิ่งเสียวจนผมเกร็งสยิวไปทั้งตัว มึงจะเก่งเกินไปแล้ว

“ถอดไหม” มันเงยหน้าขึ้นถาม แต่มือเกี่ยวขอบกางเกงในของผมรั้งลงไปก่อนแล้ว แบบนี้มึงจะถามเพื่ออะไรกูไม่เข้าใจจริง ๆ มันทำเสียงจิ๊จ๊ะเหมือนรำคาญ เพราะผมยังนั่งเฉย ไม่ยอมยกสะโพกขึ้นให้มันถอดออกดี ๆ จนมันคงรอไม่ไหวเลยก้มลงทั้งเม้มทั้งเลียของผมผ่านเนื้อผ้าชุ่มน้ำอีกครั้ง ผมเลยยกสะโพกขึ้นให้ พอดีกับที่มันเกี่ยวรั้งขอบกางเกงในออกอีก ทำให้แท่งเนื้อแข็งปั๋งที่อัดแน่นไปด้วยความอยากจนอวบใหญ่ ดีดหน้ามันเข้าเต็ม ๆ

ต่อ...

ออฟไลน์ AlittleStarWr

  • ดาว ณ แดนดิน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
    • https://www.facebook.com/ALittleStarWriter/?eid=ARB0j1cH0esPR8hRT-dtFbYMb-2_QxYrZHilPjVeZktiZELggHI9krjDA8KpE9EAkE37Y9krMgYPFPvo


มันยิ้ม! ถูกของผมดีดหน้าเข้าเต็ม ๆ แม่งยังยิ้มเหมือนสมใจ ไม่พอมันยังแลบลิ้นออกมาตวัดเลีย ตั้งแต่โคนจนถึงปลายแท่งที่ตั้งลำแข็งโด่พร้อมรบ ความต้องการของผมมันอัดแน่นทั้งลำจนแทบปริแตก ส่วนปลายป้านฉ่ำเยิ้มไปด้วยน้ำใส ที่มันตวัดลิ้นกวาดต้อนไล้เลียไปรอบ ๆ แล้วครอบโพรงปากอุ่นลงให้ ท่าทางเหมือนจะเก่งงาน แต่เงอะงะแบบนั้นดูยังไงก็ไม่ใช่ ตกลงมึงเป็นยังไงกันแน่ ทำไมเอาจริง ๆ กลับเหมือนทำไม่เป็นอย่างนี้

“ดูดด้วย แรง ๆ ” ผมสั่งลมหายใจหอบแรงตามอารมณ์ขึ้นสูงจนหยุดไม่อยู่ ถ้ายังไม่ได้ปลดปล่อย มือกดหัวมันให้อมลึกเข้าไปอีก รู้สึกถึงแรงดูดหนัก ๆ อยู่ไม่กี่ครั้ง แล้วเหมือนมันจะสำลัก แต่ถึงขนาดนั้นยังไม่ยอมปล่อยแท่งเนื้อใหญ่โตของผม ที่มันต้องอ้าปากกว้างครอบไว้ขอบปากขยายแทบฉีก ทั้งดูดทั้งผงกหัวตามมือบังคับไม่ลดละ เผลอเด้งเอวสวนใส่มันไปหลายที ส่วนปลายแทบทะลุคอ จนมันต้องถอนปากออกมาไอแคก ๆ แต่ผมทนต่อไปไม่ได้อีกแล้วถ้าไม่ได้ทำเดียวนี้ ไม่ได้กระแทกแดกดันใส่มันตอนนี้ คงหัวใจวายเพราะความอยากแน่นอกตายให้เป็นข่าวแน่ 

“มานี่” ผมดึงมันขึ้นมาจูบแลกลิ้น เผลอดูดแรงไปหน่อยจนมันสะดุ้ง รสชาติปะแล่มของเลือดและกลิ่นคาวสนิมตีขึ้นจมูกทันที ลิ้นแม่งจะขาดไหมวะ

“อื้อออ”

“อยากให้กูเข้าไปไหม” ถามทั้งที่ตอนนี้แทบจะรอต่อไม่ไหวแล้วแม้แต่เสี้ยววินาที ร่างกายเปลือยเปล่าทั้งคู่จนเนื้อแนบเนื้อ มันนั่งคร่อมตัวบนตักผม ทำให้อะไรต่อมิอะไรบดเบียดเสียดสีกันไปหมด ยิ่งตอนนี้แท่งเนื้อแข็ง ๆ ของผมดุนดันอยู่ตรงปากทางข้างหลังของมัน ผมยิ่งเหมือนถูกยั่วถูกท้าทาย ไม่พอมันยังขยับตัวโยกไปมา ให้ส่วนแข็ง ๆ ของตัวเองเสียดสีกับหน้าท้องผม ตัวมันเองก็ต้องการไม่น้อย เพราะฤทธิ์ยายังไม่หมด ดูจากอาการแล้วท่าทางแม่งคงไม่หมดง่าย ๆ ด้วย แต่ก็ดีแล้วผมเองถ้าได้เริ่มก็หยุดไม่ได้ง่าย ๆ เหมือนกัน

“ว่าไง อยากให้กูเข้าไปหรือยัง”

“เข้าไปไหนอะ” ผมถามมันเสียงพร่าอย่างคุมไม่ได้ แต่คำถามมึงนี่ก็ไร้เดียงสาเหลือเกินนะ ไม่รู้จริง ๆ หรือแกล้งให้กูตื่นเต้นเล่น แต่ยอมรับก็ได้ว่ามันได้ผล เพราะผมชักตื่นเต้นแปลก ๆ ขึ้นมาแล้วเหมือนกัน

“ตรงนี้ไง” ผมขยับส่วนปลายหยักที่ดุนดันอยู่ข้างหลัง ให้แทงเน้นย้ำกับปากทางของมัน จี้เน้น ๆ เข้ากับตรงนั้นให้มันรู้ว่าต้องเข้าตรงไหน จะได้ไม่ต้องอธิบายให้มากความอีก

“อ๊ะ อื้มมม” แต่ผลที่ได้รับแทนที่จะทำให้มันตกใจ กลับเป็นผมเองที่แทบกระโจนเข้าใส่มัน เพราะปลายเยิ้มฉ่ำน้ำลื่น ๆ สัมผัสกับปากทางคงทำให้เสียวไม่น้อย มันเลยครางกระเส่าเร้าความต้องการ จนกูจะทนไม่ได้อยู่แล้ว นี่กะจะแกล้งมันกูดันถูกแกล้งเสียเองหรือไงวะ!

“จะ..จะเข้าตรงนี้เหรอครับ” ถามเพื่อ? แล้วมึงยังจะมาส่ายก้นใส่ของกูอีกนะ เสียบแม่งเดี๋ยวนี้เลยได้ไหมยั่วกูดีนัก!

“เออ สิวะไม่ให้เข้ากูไม่ทำต่อ”

“ไม่ได้นะ! ต้องทำต่อสิ เข้าก็ได้เข้ามา ๆ แต่ต้องจูบด้วยยยย “ หึ มันต้องอย่างนี้สิ แล้วอย่ามาโทษกูทีหลังก็แล้วกัน ผมทิ้งคำพูดที่เคยพูดไว้ก่อนหน้า จูบมันอีกในแบบที่เรียกได้ว่าจูบลืมตาย เพราะมันเองก็เหมือนจะไม่ยอม ต่างคนต่างจูบเหมือนตายอดตายอยากมาจากไหนก็ไม่รู้ จนผมคิดว่าถ้าจูบต่อไปคงอดใจไม่เสียบพรวดเข้าไปตอนนี้ไม่ได้ เลยผละออกแล้วบอกมันเสียงกระเส่า

“หันหลังมา”

“ได้ครับ” มันตอบรับแข็งขันขยับตัวหันหลังมาให้ ผมเลยจับมันให้อยู่ในท่าคลาน ดึงสะโพกมันขึ้น จับขาแยกออกจากกันอีกให้พอดี ผมขยำนวดแท่งเนื้อตัวเองที่อยู่ในมือ พลางขยับเข้าไปอยู่ข้างหลังมันให้ใกล้ชิดกันเข้าไปอีก ปากทางของมันเปิดเผยต่อสายตา แม้จะอยู่ในแสงที่ส่องมาเพียงสลัวจากห้องรับแขก แต่ยังเห็นได้ว่าช่องทางตรงนั้นยังปิดแน่น เหมือนไม่เคยถูกล่วงล้ำมาก่อน แล้วไอ้ท่าทางร่านสวาทที่เรียกร้องอยู่เมื่อกี้ มันหมายความว่ายังไงวะ!

ถ้าไม่แน่ใจและอยากให้แน่ใจก็ต้องสัมผัสดู ผมใช้หัวแม่มือแตะน้ำลายในปาก แล้วเอาไปคลึงตรงปากทาง ไอ้ธารสะดุ้งทันทีที่สัมผัสแรกแตะลงตรงนั้น แต่นอกจากมันจะไม่ถอยหนี ยังปล่อยเสียงกระสันออกมาให้เสียวตับเล่น ป้ายน้ำลายลงตรงนั้นอีกจนชุ่ม คลึงวนไปมาหลายรอบแล้วจึงส่งนิ้วแรกเข้าไปข้างใน

“อ๊ะ พี่..ชายครับ!”

แน่น! ความรู้สึกแรกที่ได้สัมผัสกับข้างในของมัน คือความแน่นอย่างเป็นธรรมชาติ และแน่นขึ้นกว่าเดิมเมื่อมันขมิบรัดทันที เหมือนต่อต้านสิ่งแปลกปลอมที่ล่วงล้ำเข้าไป

“อย่าเกร็งสิวะ”

“มะ..ไม่” ไม่อะไรของมึง ปฏิเสธตอนนี้มันสายไปแล้วไอ้ตัววุ่นวาย นี่กูเตรียมความพร้อมให้ก็ถือว่าใจเย็นใจดีมากแล้ว ปกติเจอแต่เด็กเป็นงาน ที่ให้เสียบแม่งจัดเจนหมดแล้วไงทั้งชายทั้งหญิงที่เคยเจอมา เลยไม่ต้องเสียเวลารอแบบนี้ อยากเสียบอยากทำก็ใส่เข้าไปได้เลยทันที แต่นี่มันไม่เหมือนกันและผมกำลังย่ามใจ แค่รู้ว่าจะได้เปิดซิงกูดันตื่นเต้นแปลก ๆ เหมือนคนไม่เคยเสียอย่างนั้น หรือเพราะกูไม่เคยเปิดซิงใครมาก่อนวะ เด็กที่เคยนอนด้วยกันก็เจนจัดหมดแล้วไง แบบนั้นเอาแล้วมันก็จริง เพราะรู้ท่ารู้จังหวะลีลาดี แต่อย่างนี้ก็สนุกไปอีกแบบล่ะวะ

“อย่าเพิ่งรัด” ก้มลงใช้ฟันครูดไปกับผิวเนื้อละเอียดตรงแผ่นหลังของมัน เบี่ยงเบนความสนใจ พร้อมกับขยับนิ้วเข้าออก ทั้งที่ยังแน่นเพราะมันไม่ยอมคลายแรงขมิบให้เลย จนผมไล่ขบไล่กัดไปตามแนวกระดูกสันหลังขึ้นไปถึงท้ายทอย กัดเบา ๆ สลับกับการดูดจนขึ้นรอยเล่นอยู่ตรงนั้น มันหดคอหนีผมยิ่งได้ใจ ทั้งหลบทั้งครางรับเลยทั้งกัดทั้งดูดแม่งเลย มือที่คาอยู่ในนั้นก็เพิ่มนิ้วเข้าไปอีกขยับเขาออก ทั้งคว้านรอบ ๆ ไปด้วย สามนิ้วแล้วไม่รู้จะพอหรือยังกับสิ่งที่ใหญ่กว่านิ้วทั้งสาม ที่มันอยากเข้าไปหาความอบอุ่นข้างในจะแย่อยู่แล้ว

“อ๊ะ อื้อออ” มันสะดุ้งส่งเสียงครางยาว เมื่อปลายนิ้วของผมกดเข้ากับจุดเสียวข้างใน ผมคลึงเล่นกับตรงนั้นเรียกเสียงครางของมัน ตัวเองก็เสียวตามจนปวดไปหมด และนาทีนี้กูจะไม่ทน

ผมถอดนิ้วออกมา จับอะไรที่ใหญ่กว่าเข้าไปจดจ่อ แค่กดส่วนหัวเข้าไปกูก็ใจแทบขาด เพราะมันรัดแน่นจนไปต่อไม่ได้ ต้องถอยออกมาก่อน เจ้าของปากทางร้องครางสั่น ไม่รู้เพราะเสียวหรือเจ็บ คิดว่าน่าจะเป็นอย่างหลัง เพราะผมเองก็ถึงกับเจ็บหน่วงเลยไง แต่เมื่อกี้กูบอกว่าไงนะ นาทีนี้มันหยุดไม่ได้แล้ว เลยเพิ่มความลื่นให้มันอีก ด้วยน้ำลายที่ถ่มลงไปตรงนั้น จะเดินเข้าไปเอาเจลในห้องก็เสียเวลา เพราะกูรอต่อไปไม่ได้แล้วจริง ๆ

ผมจับมันหันหน้ามาจูบแลกลิ้นกันอีก ทั้งที่ยังซ้อนหลังมันอยู่อย่างนั้น มันก็หันกลับมาอ้าปากรับอย่างรู้งาน บั้นท้ายที่ถอยกลับมาด้วย ส่ายยั่วเสียดสีอยู่กับความแข็งปั๋ง เหมือนจะท้าทายว่าเมื่อไหร่มึงจะเข้ามาสักที นี่กูคิดไปเองล้วน ๆ จูบจนเลือดในตัวระอุร้อนฉ่า ถึงผละออกมาจดจ่ออยู่กับปากทางที่รอให้เข้าไปเติมเต็ม

“อ้าาาา..” มันเชิดหน้าขึ้นครางเสียว เมื่อผมกดส่วนหัวเข้าไปอีกรอบ รอบนี้ทำระยะได้ลึกขึ้น และก็เป็นไปตามคาด เพราะผมเองก็ไม่ไหวแล้ว เลยเสียบพรวดเข้าไปเต็ม ๆ ผลคือของเหลวสีแดงสดแม่งซึมออกมาทันที

ค่อย ๆ ขยับเข้าไปทีละนิด ข่มจิตข่มใจให้เย็นจนต้องกัดฟันกรอด ไม่เคยต้องทนกับความอยากมากมายขนาดนี้มาก่อน ทุกทีแม่งก็จับเสียบ ๆ เลยไง แต่นี่ถ้าอยากเก็บมันไว้ใช้งานนาน ๆ ก็ต้องรักษาเครื่องให้แม่งหน่อย ผมดันตัวเองเข้าไปสุดโคนในทีเดียว มันลึกมาจนเจ้าของช่องทางครางปากสั่น ยิ่งได้ยินเสียงครางผมยิ่งฮึกเหิม ทุกความอดทนที่เคยมีหายไปไหนหมดไม่รู้ ที่บอกว่าเกลียด บอกว่าจะไม่เอามันนั้นกูพูดตอนไหน จำไม่เห็นได้เลย

เร่งตอกอัดความแข็งแกร่งเข้าใส่ช่องทางเปื้อนเลือด ตัวมันเองก็เหมือนจะไม่ได้สนใจ กับไอ้ความเจ็บปวดอะไรนั่นเท่าไหร่ นอกจากครางรับแล้วมันยังสวนบั้นท้ายกลับมา เข้าจังหวะกันพอดีกับแรงกระแทกของผม นาทีนี้จะเจ็บจะตายกูไม่สนแล้ว เพราะความเสียวซ่านมันแผ่กระจายไปทั้งตัว เสียววูบวาบ เสียวลืมจนต้องซี้ดปาก ยิ่งเสียวยิ่งใส่เข้าไปแรง ๆ จนเสียงดังตับ ๆ แข่งกับเสียงร้องของมัน

“อื้อออออ”

“ชอบแบบนี้เหรอ”

“ชอบ”

“แล้วแบบนี้ล่ะ”

“อ๊ะ! “จากที่รัว ๆ ใส่มัน ผมถอยตัวเองออกมาจนเกือบหลุดจากกัน แล้วกระแทกเข้าไปใหม่แบบหนัก ๆ เน้น ๆ ผลที่ได้คือเสียงครางรับดัง ๆ กับบั้นท้ายที่ส่ายยั่ว เหมือนจะบอกว่าเอาอีก ๆ เลยจัดให้มันไปหลายดอกก่อนจะใส่เข้าไปรัว ๆ จนเสียงหอบหายใจกับเสียงครางดังประสานกัน แยกไม่ออกว่าเสียงใครเป็นเสียงใคร ทั้งเสียวทั้งมันเพราะใส่ไปเต็มที่

“นั่งลงมา” นั่งพิงหลังกับพนักเก้าอี้ ดึงมันให้นั่งทับลงมา โดยไม่ยอมให้ส่วนที่คากันอยู่หลุดออก ผมจับขาไอ้ธารให้มันนั่งท่าถนัด แล้วเด้งเอวขึ้นใส่รัว ๆ จนมันร้องไม่เป็นภาษา เอวล้าแล้วแต่ยังเสียวไม่หยุด เลยปล่อยให้มันเป็นคนทำบ้าง มันยันขาข้างหนึ่งกับเก้าอี้ ส่วนขาอีกข้างยันบนพื้น ผมช่วยมันประคองตัวเมื่อมันเริ่มขยับขึ้นลง แต่แค่นั้นเหมือนมันยังไม่พอใจ เลยหันกลับมาหาผม อ้าปากเหมือนกำลังเรียกร้องจะเอาอะไรบางอย่าง อะไรบางอย่างที่ผมเองก็กำลังต้องการ เลยอ้าปากให้มันแทรกลิ้นเข้ามา ไอ้ธารทั้งจูบทั้งเด้งเอวใส่ ถ้าไม่โดนยาไม่รู้ว่ามันจะเก่งจะกล้าทำอะไรขนาดนี้หรือเปล่า

จูบจนได้ที่มันถึงผละออก มือข้างหนึ่งยันพนักเก้าอี้ ส่วนอีกข้างเกี่ยวรอบคอผม เลยช่วยคุมจังหวะด้วยการจับเอวมันไว้ ให้กระแทกลงมาตามแบบที่ต้องการ มืออีกข้างจับสีข้างพยุงน้ำหนักให้มันด้วย หัวนมแดง ๆ เพราะถูกผมกัดก่อนหน้าล่อตาอยู่ใกล้ ๆ เลยตวัดปลายลิ้นเลียไปอีกหลายที ทั้งดูดทั้งเม้มไปอีกหลายรอบ ผลที่ได้คือเสียงครางเร่าร้อน ร่างกายของมันเริ่มเกร็งพร้อม ๆ กับผม บ่งบอกว่าเรากำลังจะถึงจุดหมายปลายทาง มาถึงจังหวะที่ผมจะเสร็จจริง ๆ เลยจับเอวมันไว้แน่นด้วยมือทั้งสองข้าง เด้งตัวสวนตอกอัดเข้าใส่รั่ว ๆ

“อึก อ่าาาา” จนในที่สุดผมกระตุกปลดปล่อยเข้าไปในตัวมัน อ้าปากครางเสียงต่ำ ทั้งที่ยังแทงสวนรัวแรงอยู่อย่างนั้น ส่วนมันก็น้ำพุ่งออกมาเป็นสาย ผมยังเด้งเข้าใส่ไม่ลดละ ตาจับจ้องอยู่กับมือที่สาวรูดรีดน้ำตัวเองออกรัว ๆ จนเสียวไปกับมันด้วย

พายุสงบลงแล้ว ผมปล่อยให้มันนั่งทับทั้งที่ส่วนนั้นยังคาในตัวมัน ไอ้ธารทิ้งน้ำหนักนอนลงบนตัวผมหายใจหอบ แต่สำหรับผมมันยังไม่หมดแค่นี้ ตัวมันเองก็คงยังไม่หมดฤทธิ์ยา เพราะตอนนี้มันเริ่มขยับตัวยุกยิก จับมือผมกอดรอบเอว เหมือนเชิญชวนให้ต่อรอบใหม่ ผมคิดว่าน้ำหน้าอย่างไอ้ธาร แม่งคงซิงทั้งข้างหน้าข้างหลังนั่นแหละ ก็ดีจากนี้ไปมึงก็เป็นที่ระบายให้กูจนกว่ากูจะเบื่อก็แล้วกัน

“มึงจะเอาอีกหรือไง” ถามไปอย่างนั้นแหละ ถึงมันบอกไม่ผมก็เอาอยู่ดี ไม่มีเสียงตอบแต่การขยับร่างกายให้บดเบียดเสียดสีมากขึ้น ก็บอกได้เป็นอย่างดีว่าแค่นี้มันไม่พอ

“อยากได้อีกก็ลุกขึ้น” พอมันลุกขึ้นส่วนนั้นเลยหลุดออกจากกัน ทำตามที่บอกอย่างว่าง่าย แต่ก็ว่าง่ายได้แค่นั้น พอผมลุกตามแม่งก็คว้าคอผมไปจูบเลยไง กูละอยากรู้จริง ๆ ว่าถ้าเป็นเวลาปกติมึงจะกล้าขนาดนี้ไหม ถ้าไม่โดนยามามึงจะเป็นยังไง แต่ช่างแม่งเถอะ ตอนนี้กูขอเอาก่อน เรื่องเสียวเป็นเรื่องธรรมชาติ อย่างอื่นค่อยว่ากันทีหลัง

จูบของมันไม่มีทีท่าว่าจะจบง่าย ๆ ผมเลยอุ้มมันขึ้นทั้งที่ยังประกบปากดูดดื่ม กระเตงพาเดินเข้าไปในห้องนอน โยนมันลงบนที่นอนแล้วกระโดดตามไปทันที วันนี้กูไม่อิ่มมึงอย่าหวังจะได้นอนดี ๆ เลยสัด!



ลูกรักของคุณชายเขาค่ะ DUCATI 899 Panigale

ขอบคุณรูปจากเน็ตเด้อ 






***********

ถึงกับเฮือกกกก ถอนหายใจ และถึงกับหายใจหายคอโล่งไปอีกตอน

เพราะคิดหนักพอสมควร กับการแต่งแบบใช้ตัวละครบรรยาย ซึ่งเรื่องก่อนหน้านี้ทั้ง 3 เรื่อง 

ไม่ได้ใช้การบรรยายแบบนี้ หนักใจที่สุด ก็ NC นี่ล่ะจร้าาา ทั้งที่ก็เคยเขียนในตอนพิเศษของเรื่องอื่นมาบ้างนะ

แล้ว NC มันไม่ใช่แค่ตอนนี้ไง ตอนต่อๆ ไป มันจะมาอีกเรื่อย ๆ หรือเปล่า?? แหะ ๆ

บางตอนอาจจะมาช้า แต่ก็ขอให้อยู่เป็นกำลังใจให้นุ้งธารกันหน่อยเด้อ

รักนะคะทุกคน

ดาว ณ แดนดิน

18-2-2562

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Veesi3

  • coHon3 {ต้นฝ้าย}
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 715
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
 :L2
สงสารน้อง..  :sad11:

ออฟไลน์ FanclubPong

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ชีวิตของน้องธารเจอแต่คนบัดซบ ตั้งแต่ไอ้เพลิงและผองเพื่อน อิตาลุงพ่อไอ้เพลิงที่พาน้องมาเจออะไรยังกะไม่รู้สันดารลูกแถมไม่ติดตามดูความเป็นไป ไหนจะรุ่นพี่เหี้ยๆที่วางยาอีก เมื่อไหร่จะออกจากวงจรอุบาทว์ที่ไม่มีความสมเหตุสมผลนี้สักที แล้วพวกนั้นจะโดนอะไรบ้าง อ่านแล้วก็เต็มกลืนชีวิตบัดซบ

ออฟไลน์ AlittleStarWr

  • ดาว ณ แดนดิน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
    • https://www.facebook.com/ALittleStarWriter/?eid=ARB0j1cH0esPR8hRT-dtFbYMb-2_QxYrZHilPjVeZktiZELggHI9krjDA8KpE9EAkE37Y9krMgYPFPvo


กว่าจะลงเอยด้วยคำว่า...รัก 12

#ลำธาร



“สิ่งที่จะบอกว่าเราโตขึ้นแค่ไหนคือตรงนี้นะลูก” แม่จิ้มปลายนิ้วชี้เข้ากับขมับของผมเบา ๆ ในวันหยุดวันหนึ่ง ที่เราเอาเสื่อมาปูนั่งเล่นในสวนกุหลาบหลังบ้าน ผมนอนหนุนตักแม่ ท้องฟ้าวันนั้นฉาบด้วยแดดอ่อน ๆ ปลายฤดูหนาว ที่อากาศเย็นกำลังดี กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกกุหลาบกระจายรอบตัว เรามีเรื่องมากมายมาคุยกันได้ตลอด ตั้งแต่เรื่องตลกขำขันจากที่ทำงานของแม่ จนถึงคำสอนต่าง ๆ ที่แม่มักจะคอยบอกคอยสอนอยู่เสมอ โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับการใช้ชีวิต การดูแลตัวเอง แม่สอนผมให้ใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง

“ความคิดความอ่าน เป็นตัวชี้ว่าเราโตเป็นผู้ใหญ่แค่ไหน ไม่ใช่แค่ร่างกายที่เจริญเติบโตขึ้นมาตามอายุ”

“ครับแม่”

“เด็กดีของแม่”

“ธารรักแม่นะครับ”

“แม่ก็รักลูกจ้ะ”

“แม่ครับธารคิดถึงแม่จัง”

“แม่ก็อยู่กับลูกแล้วนี่ไง อย่างอแงสิ”

“ธารโตเป็นหนุ่มแล้วน่า..จะงอแงได้ยังไง”

“ไม่งอแงเลยนะเราน่ะ”

“แม่อยู่กับธารนาน ๆ นะครับ ธารคิดถึงแม่”

“แม่ก็อยู่กับธารตลอดอยู่แล้วไงจ๊ะลูก ในความคิดถึงไง”

“แม่อย่าไปครับ อย่าไป แม่!”

เฮือก!!!

สิ่งแรงที่เห็นเมื่อปรือเปลือกตาเปิดขึ้น คือความสลัวภายในห้องไม่คุ้นตา หรืออาจจะคุ้น ไม่สิมันไม่คุ้นเลย เพราะผมควรนอนอยู่หน้าทีวีในห้องรับแขก แต่ตอนนี้ไม่เห็นมีไม่มีทีวีอยู่ตรงหน้า แถมเพดานห้องสีเทาอ่อนก็ไม่คุ้นตานัก ความอ่อนนุ่มที่รองรับร่างกายแปลกไปจากปกติ ถึงพรมหน้าทีวีจะนุ่มอยู่เหมือนกัน แต่ก็ไม่ทำให้รู้สึกถึงความสบายอย่างนี้ เสียงลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอที่ดังข้างหู กับความรู้สึกหนัก ๆ ทับบนช่วงอกนี่ก็ด้วย ที่ทำให้ผมแปลกใจและตกใจไปพร้อมกัน พอจะหันไปดูว่ามีอะไรทับอยู่ ทำไมถึงได้หนักขนาดนี้ ผมก็ดันขยับตัวไม่ได้อีก ร่างกายเหมือนถูกกักกันไว้และอ่อนล้า ทั้งเหนื่อยทั้งเพลีย แทบไม่มีแรงแม้แต่จะกะพริบตา ลำคอก็แห้งจนกลืนน้ำลายไม่ลง ร่างกายมันหนักอึ้งและปวดเมื่อยไปหมด นี่ผมเป็นอะไรไป! เกิดอะไรขึ้นกับผม!



จำได้ว่าเมื่อคืนผมออกไปกินข้าวกับพี่ณัฐพี่รหัส กับกลุ่มรุ่นพี่และเพื่อน ๆ กุ๊กไก่เป็นคนมารับ แล้วไปเจอกันที่ร้านอาหาร จากนั้นไปนั่งฟังเพลงต่อเกือบเที่ยงคืนถึงได้กลับ ก่อนกลับผมรู้สึกไม่สบายตัวนิดหน่อย เลยไปล้างหน้าในห้องน้ำ และพี่ณัฐพาผมออกมาทางด้านหลังของผับ และ..??



ผมจำอะไรหลังจากนั้นไม่ได้! จนถึงตอนนี้ที่ตื่นขึ้นมาในห้องไม่คุ้นเคย ห้องที่แสงสลัวผ่านเข้ามาจากรอยแยกของผ้าม่าน ให้พอมองเห็นภายในแบบไม่ชัดเจนดีนัก กะพริบตาอีกหลายครั้งให้สายตาปรับชินกับความสลัว ข้างนอกคงสว่างแล้ว แต่เดาไม่ถูกว่าเป็นเวลาเท่าไหร่ แค่คิดก็รู้สึกเหนื่อยจนต้องหลับตาลง ในหัวปวดหนึบจนเต้นตุบ ๆ



ผมลืมตาขึ้นอีกครั้งและพยายามขยับตัว แต่ก็เป็นไปอย่างยากลำบาก รู้สึกได้ถึงความอ่อนเพลียและเหนื่อยล้าอยู่ตลอด ปวดเมื่อยและเจ็บแปลบไปทุกส่วนของร่างกาย พอขยับตัวแรงขึ้น หวังให้หลุดจากอะไรหนัก ๆ ที่ทับบนอก ก็ไม่สามารถหลุดพ้นไปได้ หรือผมจะโดนผีอำเขาให้แล้ว เคยได้ยินว่าคนถูกผีอำจะรู้สึกเหมือนมีอะไรหนัก ๆ กดทับลงบนตัว มันเป็นอย่างนี้หรือเปล่า



ถึงกับต้องรวบรวมแรงเพื่อขยับตัวอีกครั้ง แต่กลับเป็นการขยับตัวที่ค่อนข้างง่อยเปลี้ยเหลือเกิน ไม่รู้เป็นเพราะสิ่งที่ทับอยู่มันหนักเกินไป หรือเพราะผมไม่มีแรงกันแน่ แต่นั่นก็ทำให้รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง ทำให้ผมตกใจยิ่งกว่าเก่า ใจหายวาบกับอะไรบางอย่างที่เพิ่งได้รับรู้ อย่างความเปลือยเปล่าของร่างกาย! ตอนนี้ผมไม่ได้ใส่เสื้อผ้า!



ใจของผมกระตุกวูบ แล้วเต้นรัวแรงเมื่อฉุกคิดอะไรบางอย่างได้ นี่มันเกิดอะไรขึ้น! เกิดอะไรขึ้นกับผมกันแน่!



“นอน” ฟอด!! เสียงนี้! เสียงของเขา! เสียงคุณชาย! ถึงมันจะฟังแหบแห้งแค่ไหน แต่ผมก็จำได้ว่าเป็นเสียงของเขาแน่นอน ตอนนี้ผมไม่สงสัยแล้วว่าตัวเองอยู่ที่ไหน เพราะนอกจากเสียงที่ได้ยินชัดเต็มสองหู ภาพผู้ชายนั่งเล่นกีตาร์หันหน้าออกทะเลที่เห็นบนผนัง ยังช่วยยืนยันความคิดได้เป็นอย่างดี ว่าตอนนี้ผมนอนอยู่ในห้องของเขา!



แล้วเมื่อกี้เจ้าของห้องทำอะไรตอนผมขยับ เขากระชับท่อนแขนที่วางอยู่บนอกผมแน่นขึ้น แล้วขยับเข้ามาหอมลงบนขมับ ก่อนจะทิ้งใบหน้าฝังลงที่ซอกคอ ปากพึมพำบอกให้นอน เสียงพึมพำที่บอกว่าเจ้าตัวยังไม่ตื่นดี พร้อมกับความรู้สึกหนักช่วงต้นขา เมื่ออะไรบางอย่างที่หนักว่าเคลื่อนขึ้นมาทับ อะไรบางอย่างที่หนักเหมือนท่อนซุง อย่างท่อนขาแข็งแรงของเขานั้นเอง ร่างกายของเราแนบชิดกัน ผิวแนบผิวแบ่งปันความอุ่นของนวลเนื้อ และนั่นมันทำให้ผมได้รู้อีกอย่างหนึ่งด้วย ว่าเขาเองก็ไม่ได้ใส่เสื้อผ้าเหมือนกัน!



เขาหอมผมแล้วบอกว่านอน! เขานี่นะ!

เขาทำอะไรลงไป มันจะเป็นไปได้เหรอ! เขาต้องละเมอแน่ ๆ ถ้าเขาตื่นและมีสติ ป่านนี้คงถีบผมตกเตียงไปแล้ว



มันต้องเป็นเพราะเขาละเมอนั่นแหละ แล้วผมมานอนอยู่ในห้องเขาได้ยังไง! แถมยังถูกเขากอดอีก เขาไม่เกลียดผมแล้วหรือไง ทำไม? มันเกิดอะไรขึ้นผมงงไปหมดแล้ว!



ต้องใช้เวลาเป็นครู่ ผมถึงเริ่มเห็นอะไรภายในห้องชัดขึ้น มองไปรอบ ๆ เท่าที่จะทำได้ จนไปถึงอะไรบางอย่างที่ทำให้ผมตัวแข็งทื่อ แทบไม่อยากเชื่อสายตา เมื่อหันไปเห็นกลุ่มผมของเจ้าของใบหน้าหล่อดิบอยู่ใกล้ ๆ มันใกล้มากจนลมหายใจรดผิวกัน เขานอนกอดผมอยู่ เรานอนด้วยกัน ใกล้กันกว่าครั้งไหน ๆ และมันคงมีอะไรมากกว่านั้น เพราะเราทั้งคู่ไม่มีเสื้อผ้าติดตัวกันเลยสักชิ้น นอกจากผ้าห่มที่คลุมร่างของเราสองคนไว้ แต่ภายใต้ผ้าห่มผืนหนาคือร่างกายที่เปลือยเปล่าทั้งสองคน



แต่มันจะเป็นไปได้ยังไง มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ นี่มันเรื่องบ้าอะไร มันคือเรื่องจริงหรือผมยังไม่ตื่น แต่ผมคงฝันไปนั่นแหละ สิ่งที่คิดมาทั้งหมดมันเป็นไปไม่ได้หรอกไม่มีทาง!



“โอ๊ย! “ถึงกับหลุดเสียงร้องออกมาเพราะความเจ็บ เมื่อผมขยับตัวออกห่างจากเขา ถ้าฝันทำไมมันถึงได้เจ็บขนาดนี้ ทั้งที่ค่อย ๆ ขยับออกมาแล้วแท้ ๆ จะได้ไม่ทำให้เขาตื่นขึ้นมาด่าอีก แต่ทั้งที่คิดว่าฝัน ทำไมความเจ็บปวดแปลบ ๆ มันกระจายลามไปทั้งตัวได้รวดเร็วอย่างนี้ โดยเฉพาะความเจ็บที่มีจุดเริ่มต้นจากตรงนั้นของผม ก้นของผมมันเจ็บร้าวทรมานที่สุด เจ็บจนกลั้นน้ำตาไว้แทบไม่ได้ ร่างกายผมไม่เคยเจ็บมากขนาดนี้มาก่อนเลยในชีวิต



พยายามเค้นความทรงจำ ค้นหาว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นบ้าง ที่ทำให้ผมต้องมานอนในห้องนี้กับเขา และตื่นมาพร้อมกับความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านไปทั่วอย่างนี้ แต่คิดยังไงก็คิดไม่ออก ความทรงจำสุดท้ายคือผับที่เราไปหลังกินข้าว และหยุดแค่ตอนกำลังจะกลับ ผมขอไปเข้าห้องน้ำ จากนั้นก็จำอะไรไม่ได้สักอย่าง ไม่รู้ว่ากลับมาที่นี่ตอนไหน หรือกลับมาได้อย่างไรใครพากลับมา และเข้ามานอนในห้องนี้ได้ยังไง การที่ผมเจ็บตรงนั้นมันหมายความว่ายังไง คงไม่ใช่อย่างที่ผมคิดหรอกใช่ไหม ไม่ใช่นั่นแหละมันไม่จริงหรอก ผมอาจจะล้มก้นกระแทกไม่รู้ตัวก็ได้



ผมหลับตาลงอีกครั้ง ครั้งนี้รู้สึกเจ็บแปลบแต่กลับไม่ใช่เจ็บที่ก้น ความเจ็บมันอยู่ตรงกลางอก เมื่อคิดว่าความผิดปกติของร่างกาย อาจจะเกิดมาจากสาเหตุนั้น และผมคงหลอกตัวเองว่ามันไม่ใช่ไม่ได้ เพราะอาการมันฟ้องชัดเจนจนกลัวที่จะยอมรับมัน แค่คืนเดียว คืนเดียวเท่านั้น คืนเดียวที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น นอกจากความผิดพลาดบางอย่าง ที่ผมทำได้แค่ยอมรับจากอาการของร่างกายตัวเอง ผมกับเขา..



เหลือบตาขึ้นมองคนนอนข้าง ๆ เราอยู่ใกล้กันยิ่งกว่าใกล้ ใกล้มากจนน่ากลัว ใกล้จนได้กลิ่นเหล้าบูด ๆ จากลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอของเขา บ่งบอกว่ากำลังหลับสบาย ฝืนความเจ็บค่อย ๆ จับท่อนแขนใหญ่ออกจากช่วงอก แล้วดันตัวเองให้ห่างจากความใกล้ชิดนี้ ทุกการเคลื่อนไหว แม้จะพยายามทำให้แผ่วเบามากที่สุด ก็ไม่สามารถบรรเทาความเจ็บให้บางเบาลงได้เลย ขยับทีเดียวเจ็บร้าวไปทั้งตัว โดยเฉพาะตรงนั้นมันเจ็บที่สุด ช่องทางข้างหลังนั่น ผมไม่อยากยอมรับเลยว่าความเจ็บนี้มันเกิดจากอะไร ไม่กล้าคิดเลยว่าใครเป็นคนทำให้เจ็บได้ถึงขนาดนี้



“ยุกยิกเหี้ยอะไรของมึงนักหนาวะกูจะนอน! ” พยายามให้เบาที่สุดแล้วนะ แต่ยังทำเขาตื่นจนได้ แล้วจะนอนทำไมไม่นอนดี ๆ จะมานอนทับผมทำไม ไม่รู้หรือไงว่าตัวเองหนักมาก

“ผมหนักคุณขยับออกไปหน่อย”

“..” เขาชะงักเหมือนเพิ่งรู้ตัวว่าทำอะไรลงไป แอบเห็นว่าปากของเขาแสยะออกน้อย ๆ ขณะพลิกตัวนอนหงาย เขาหลับตาท่าทางเหมือนคนขี้เกียจตื่น ผ้าห่มที่ร่นลงไปกองกับเอวเผยให้เห็นร่างกายแกร่ง กับกล้ามเนื้อแน่น ๆ ได้รูปของเขา

“ผม ทำไมเรา ทำไมผมมานอนในห้องคุณ” ถามพลางดึงผ้าห่มเขามากอด อาศัยให้มันปิดบังร่างกายเปลือยเปล่า ทั้งที่เมื่อคืนหากเรื่องที่คิดเกิดขึ้นระหว่างผมกับเขาเป็นเรื่องจริง เขาคงเห็นไปหมดแล้ว แต่ผมยังอายอยู่ดี

“กูแบกมึงเข้ามาเอง แล้วไม่ต้องถามคำถามโง่ ๆ ว่าแบกเข้ามาทำไม มีแค่เรื่องเดียวเท่านั้นแหละ” คำตอบที่ไม่อยากยอมรับทำให้ใจของผมดิ่งลงยิ่งกว่าเก่า หลับตาก้มหน้าลงเอ่ยถามทั้งที่เขาบอกไม่ให้ถาม

“กะ เกิดอะไรขึ้นครับ” และเสียงผมก็สั่นจนน่าตกใจ

“มึงจำไม่ได้หรือไงว่าทำอะไรกับกูไว้บ้าง” เมื่อคืนผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่ากลับมาที่นี่ได้ยังไง แล้วจะจำได้ได้ยังไงว่าทำอะไรไปบ้าง แค่ตื่นมาเจออาการปวดหัว ปวดตามตัวกับเจ็บร้าวไปทั้งตัวนี่ก็งงไปหมดแล้ว



ผมส่ายหน้าอย่างอ่อนแรงแทนคำตอบ หัวเริ่มปวดมากขึ้นจนขมับเต้นตุบ ๆ เรานอนมองตากันในระยะใกล้ กลิ่นเหล้าบูด ๆ จากลมหายใจของเขาคลุ้งกระจายรอบตัว เขามองตอบกลับมาด้วยสายตาขวาง ๆ เหมือนรำคาญ แต่ผมก็ยังอยากรู้เรื่องราวทั้งหมดอยู่ดี

“แค่เอากันไม่มีอะไรมาก กูกับมึงเงี่ยนแล้วมาจบกันที่เตียงก็แค่นั้น” ถึงจะนึกสงสัยอย่างนั้นอยู่แล้ว แต่พอได้ยินจริง ๆ กลับทำตัวไม่ถูก ไม่อยากยอมรับ ใจกระตุกวูบเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ผมพูดอะไรไม่ออก จริง ๆ คือไม่รู้จะพูดอะไรมากกว่า มันจะเป็นอย่างนั้นได้ยังไงไม่มีทางหรอก

แต่แค่เอากัน..แค่เอาอย่างนั้นเหรอ สำหรับเขามันแค่นั้นเองเหรอ?

“แต่ทำไม..มันจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไง”

“มึงมันโง่ไงเงียบสักทีกูจะนอน!” เป็นอย่างที่ผมคิดจริง ๆ สินะ ผมกับเขา แต่ทำไมผมไม่รู้ตัวว่าทำอะไรลงไปบ้าง ทำไมจำเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้สักอย่าง แล้วมันจะเป็นไปได้ยังไง มันเป็นอย่างที่ผมคิดไม่ได้หรอก เพราะเขาเกลียดผม!

ต่อ

ออฟไลน์ AlittleStarWr

  • ดาว ณ แดนดิน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
    • https://www.facebook.com/ALittleStarWriter/?eid=ARB0j1cH0esPR8hRT-dtFbYMb-2_QxYrZHilPjVeZktiZELggHI9krjDA8KpE9EAkE37Y9krMgYPFPvo

ผมคิดจนปวดหัวไปหมดแล้ว ไม่ใช่สิ ที่จริงมันปวดตุบ ๆ ตั้งแต่ตอนลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วด้วยซ้ำ อยากร้องไห้แต่กลับไม่มีน้ำตา คอก็แห้งหัวก็ปวดแรงก็ไม่มี แต่ทั้งที่ปวดขนาดนี้ในหัวกลับว่างเปล่า ไร้ความทรงจำว่าเมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง หรือเป็นเพราะผมทำตัวเหลวไหล การไปเที่ยวครั้งแรกของผม มันส่งผลร้ายมากมายขนาดนี้เลยเหรอ เป็นเพราะผมไม่รู้จักดูแลตัวเองและไม่ระวังตัวใช่ไหม



“ถ้ามึงไม่นอนก็ไสหัวออกไป!” เขาบอกแค่นั้น แล้วพลิกตัวนอนคว่ำหน้าหันหลังให้ ผมเบิกตากว้างเมื่อได้เห็นแผ่นหลังของเขา ที่เต็มไปด้วยร่องรอยอะไรบางอย่างสีแดงจาง ๆ บางจุดก็เข้มจนน่ากลัว เพราะมันเหมือนเลือดที่ซึมออกมาจากผิวหนัง



นอนมองแผ่นหลังที่เต็มไปด้วยรอยเส้นสีแดงเหมือนรอยข่วนอยู่เป็นครู่ ถึงได้ฝืนร่างกายเจ็บร้าวค่อย ๆ ถดตัวลงจากที่นอน แต่ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมากจนผมทรงตัวไม่อยู่ เมื่อทันทีที่ผมยืนขึ้น มันเหมือนพื้นที่เหยียบลงไปพลิกกลับ เหมือนโลกทั้งโลกหมุนคว้างกะทันหัน แล้วพลิกตลบกลับด้าน ทุกอย่างมืดดำไปหมด เกิดความเย็นเฉียบวาบขึ้นในหัว แล้วแผ่ซ่านไปทั้งตัว เหมือนถูกอะไรบางอย่างบีบอัดเข้ามาพร้อมกัน มันไม่เจ็บแต่ทำให้เคว้งคว้างหมุนวนทรงตัวไม่ได้ ร่างกายเหมือนล่องลอยแต่กลับไม่สบายตัว ลมหายใจอ่อนล้าแต่ก้อนเนื้อในอกกลับเต้นกระหน่ำ ปวดมวนวิงเวียนจนต้องนิ่วหน้าตามความรู้สึกดิ่งวูบ



“โอ๊ย! “พอลืมตาขึ้นมาอีกที ก็พบว่าตัวเองนอนหงายอยู่บนที่นอนเหมือนเดิม พร้อมกับความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านไปทั้งตัว มีนัยน์ตาขวางดุจ้องมองเหมือนจะฆ่ากันให้ตายถ้าทำได้

“เป็นเหี้ยอะไรของมึง!”

“ผม..ผมหน้ามืด”

“พูดให้รู้เรื่องจะตายหรือไง กูบอกให้นอนมึงจะลุกไปไหน” ผมพึมพำบอกแต่เขาคงฟังไม่รู้เรื่อง เพราะสิ่งที่หลุดออกมาจากริมฝีปากมีเพียงลมแผ่ว ๆ เมื่อกี้จำได้ว่าเขาบอกให้ผมไสหัวออกไปถ้าไม่นอน แต่พอจะออกไปกลับหน้ามืดจนล้มตึงลง นี่ผมผิดอีกแล้วสินะ ผมนอนหลับตานิ่งอยู่อย่างนั้น ทั้งเจ็บตัวทั้งในหัวยังหมุนติ้วไม่หยุด ร้อนผ่าวไปทั้งหน้าโดยเฉพาะดวงตา เมื่อน้ำอุ่น ๆ ไหลออกมาทางหางตาอาบรดขมับทั้งสองข้าง ร่างกายเปลือยเปล่าสัมผัสความเย็นจากเครื่องปรับอากาศเริ่มหนาวสั่น ลำคอแห้งผากจนกลืนน้ำลายไม่ลง อยากดึงผ้ามาห่มแต่มือกลับไม่ขยับเพราะไม่มีแรง ตอนนี้อย่าว่าแต่ขยับมือไปดึงผ้ามาห่มเลย แค่จะลืมตาขึ้นผมยังทำไม่ได้



ได้ยินเสียงถอนหายใจหนักเหมือนรำคาญ และน้ำหนักที่ไหวยวบของที่นอน คงเป็นเพราะเขาลุกขึ้น แต่ผมก็ลุกตามไม่ไหว



“กูเกลียดที่สุดแม่งก็น้ำตานี่แหละ” ผมรู้ว่าตัวเองกำลังร้องไห้และอ่อนแอ แต่มันทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ ตั้งแต่ก้าวเข้ามาที่นี่ผมเจอแต่เรื่องร้าย ๆ ที่ไม่คิดว่าจะได้เจอมาก่อนในชีวิต ทุกอย่างมันเข้ามาพร้อมกัน ทุกอย่างมันแย่มากจนผมตั้งรับไม่ทัน และรับไม่ได้ ไม่รู้ทำไมต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วย ทำไมเรื่องแบบนี้ต้องเกิดขึ้นกับผม ทำไม?

“..น้ำ”

“เออ ๆ แม่งยุ่งยากกูจริง” เสียงบ่นไกลออกไปตามมาด้วยเสียงเปิดปิดประตู แล้วห้องทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ แทรกด้วยเสียงสะอื้นอย่างอ่อนแรงของผม อาการหน้ามืดเริ่มดีขึ้นแล้ว แต่ทำได้แค่นอนหลับตานิ่งอยู่อย่างนั้นเหมือนเดิม

“ลูกขึ้นมากินดี ๆ “ผมก็อยากลุกแต่มันลุกไม่ไหวจริง ๆ แต่เดี๋ยวนะ เขาบอกให้ผมลุกขึ้นมากินเหรอ กินอะไรล่ะ เมื่อกี้ผมบอกน้ำ เพราะคอแห้งเลยอยากกิน นี่แสดงว่าที่เขาเดินออกจากห้องไปเมื่อกี้ เพื่อไปเอาน้ำมาให้ผมอย่างนั้นเหรอ นี่มันเรื่องจริงหรือผมกำลังฝันอยู่ “อ่อนแอ! “เสียงตะคอกดังขึ้นตามมาด้วยความเย็นกดลงบนผิวแก้ม ผมลืมตาขึ้นเลยสบตาเข้ากับดวงตาคมดุที่จ้องมองอย่างรำคาญ แต่ถึงจะรำคาญเขายังเดินออกไปเอาน้ำมาให้ผมล่ะนะ



หยิบขวดน้ำที่วางอยู่ข้างแก้มมาถือไว้ ฝืนร่างกายลุกขึ้นนั่งแต่ทำไม่ได้ เพราะความเจ็บจากช่องทางข้างหลังแล่นริ้วขึ้นประท้วงทันที เลยใช้แค่ข้อศอกรองรับน้ำหนักตัว พยายามหมุนฝาเปิดขวด แต่หมุนเท่าไหร่ก็เปิดไม่ออก จนเขาแย่งไปเปิดแล้วยื่นกลับมาให้



“ขอบคุณครับ” ผมบอกด้วยเสียงแหบ ๆ ที่เขาคงแทบไม่ได้ยิน และทันทีที่น้ำเย็น ๆ ถูกเทเข้าไปในปากไหลลงไปตามลำคอ ผมรู้สึกดีขึ้น ถึงจะทำได้แค่ค่อย ๆ ดื่ม แต่น้ำก็ช่วยเยียวยาและเรียกความสดชื่นให้ได้พอสมควร



“ขอบคุณนะครับ..คุณเพลิง” พอค่อยมีแรงหน่อยก็พูดได้ยาวขึ้น ผมเอ่ยขอบคุณเขาอีกครั้ง แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือแววตาดุดัน ที่บ่งบอกถึงความรำคาญเหมือนเดิม จากคนที่ยืนทำหน้าถมึงทึงอยู่ตรงหน้า ผมไม่กล้ามองตอบเลยลดสายตาลง แต่ก็ต้องด่าตัวเองในใจที่ไม่หันหน้าหนีไปทางอื่น เพราะสายตาที่มองต่ำดันไล่มองร่างกายของเขา ตั้งแต่ลำคอหนาลงมา ตรงซอกคอมีรอยแดงเข้มเป็นจ้ำ ไหล่กว้างแข็งแกร่ง หน้าอกที่มีมัดกล้ามพอดีสวยในแบบผู้ชายและ...

รอยฟัน!



บนหน้าอกของเขาเต็มไปด้วยรอยฟันกับรอยกัดกระจายไปทั่ว ได้แต่สงสัยว่าใครเป็นคนทำ? ทำไมถึงกล้าทำกับร่างกายของเขาได้ขนาดนี้? กวาดตาสำรวจไปทั่วแผงหน้าอกกว้าง รอยฟันกระจายเต็มไปหมด แต่พอไล่สายตาต่ำลงไปกว่านั้น ผมถึงกับต้องก้มหน้างุดหลบทันที ใบหน้าที่ร้อนอยู่แล้วร้อนฉ่าขึ้นกว่าเก่า จนต้องยกสองมือขึ้นมาปิดไว้



“ทำไมคุณไม่ใส่เสื้อผ้า” เขายืนจังก้าอวดร่างกายแกร่ง กับความเป็นชายที่ปรากฏต่อสายตาผมเข้าเต็ม ๆ คนอะไรเดินไปทั่วบ้านทั้งที่เสื้อผ้าไม่ใส่!

“ให้กูเอาเวลาไหนไปใส่ กวนเวลากูนอนไม่พอยังร้องอยากแดกน้ำอีก”

“ผมขอโทษ แต่..” ผมเอามือออกจากหน้า บังคับสายตาไม่ให้ไขว้เขวไปทางช่วงกลางลำตัวของเขา ที่มีอะไรบางอย่างกำลังสงบนิ่งอยู่ตรงนั้น ไล่สายตาไปตามแผงอกที่เต็มไปด้วยรอยแดง และรอยกัดจนเห็นเป็นรูปรอยฟันชัดเจน

“แต่อะไรของมึงจะพูดอะไรก็พูด ก่อนที่กูจะรำคาญ”

“ระ รอย รอยพวกนั้นบนหน้าอกคุณ ข้างหลังก็มีรอยเหมือนรอยข่วนแดงเต็มไปหมด เกิดอะไรขึ้นกับคุณครับ”

“หึ” ผมถามเพราะเป็นห่วงแต่เขากลับแค่นยิ้ม! จริง ๆ นะที่เขากำลังยิ้ม! ถึงจะเป็นการแสยะยิ้มเหมือนที่ชอบทำ แต่ครั้งนี้มันกลับ.. มันกลับให้ความรู้สึกแปลกออกไป แถมยังมีเสียงหึดังออกมาจากลำคอ ได้ยินแล้วรู้สึกถึงความพอใจ เข้ากับสีหน้าของเขาตอนนี้เลย สีหน้าในแบบที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน พอใจและสะใจไปพร้อมกัน

“อยากรู้เหรอว่าไอ้รอยพวกนี้มันมาได้ยังไง” เขาก้าวเข้ามาใกล้ สายตาเป็นประกายกับริมฝีปากที่แสยะออกเหยียดยิ้ม ทำให้ผมไม่อยากสนใจแล้ว ว่าเขาได้รอยพวกนั้นมาได้ยังไง

“จำไม่ได้หรือไงที่กูบอกมึงเมื่อกี้” เขาบอกเรื่องอะไร ก็มีอยู่เรื่องเดียวที่ตอนนี้ผมไม่อยากรู้แล้ว แต่กำลังจะบอกเขาไม่ให้พูดต่อ เขาดันชิงพูดขึ้นมาเสียก่อน “คงไม่ต้องถามมั้งว่ารอยพวกนี้ใครมันเป็นคนทำ แต่เมื่อคืนมึงร้อนแรงโคตร ๆ เลยว่ะ”

“ร้อนแรง?”

“ใช่ มึงนี่มันพวกแรดเงียบจริง ๆ เห็นหงิม ๆ นึกว่าจะไม่เป็นงานแต่ที่ไหนได้ เล่นเอาซะกูซอยเอวใส่ไม่ทันเลย”

“ไม่จริง! ผมไม่ได้เป็นอย่างนั้น ไม่ได้แรดเงียบด้วย ผมไม่เคยทำอะไรอย่างนั้น โอ๊ย!” ผมตะโกนเถียง แต่พอจะขยับลงจากเตียง ร่างกายที่บาดเจ็บก็ประท้วงขึ้นทันที โดยเฉพาะส่วนนั้น ก้นของผมเจ็บแปลบจนน้ำตาเล็ด

“จริงมึงทำเมื่อคืน จำไม่ได้ก็อย่ามาเถียงหรือมึงจะดูคลิปที่กูถ่ายไว้!” ผมอึ้งจนพูดไม่ออกเลยได้แต่ส่ายหน้าไม่ยอมรับ ตั้งแต่ตื่นมาทุกอย่างที่ได้รับรู้ ทำให้ผมตกใจไปแล้วกี่ครั้งกันนะ “จะดูไหม”

“ไม่จริงหรอกคุณโกหกผม” ผมอยากร้องไห้ อยากตะโกนออกมาดัง ๆ ในสิ่งที่ไม่อยากยอมรับ ทั้งที่รู้แก่ใจดีจากความผิดปกติของร่างกาย แต่มันต้องไม่ใช่แบบนี้สิ

“เดี๋ยว! นั่นมึงจะไปไหน”

“ออกไปจากที่นี่ไง คุณมันจอมโกหก!”

“พอจะให้ดูคลิปก็ไม่กล้า ถ้าว่ากูโกหกมึงก็ดูนั่นสิ” สายตาเขามองต่ำลงที่ช่วงล่างของผม ตรงนั้นใต้ผ้าห่มที่ผมดึงมาปิดร่างเปลือยเปล่าของตัวเอง ตามช่วงขาเรียวกำลังมีอะไรบางอย่างไหลอาบลงมา อะไรบางอย่างสีขาวขุ่นปนออกมากับเลือด!



“ขาว ๆ นั่นน้ำกูเอง โทษทีที่ปล่อยข้างในแถมลืมใส่ถุงยางว่ะ ส่วนแดง ๆ นั่นคงไม่ต้องบอกนะว่าอะไร มึงก็เห็นว่าของกูใหญ่” แค่พูดเฉย ๆ ไม่พอ เขายังจับตรงนั้นของตัวเองนวดคลึงต่อหน้าต่อตาผม และมันก็ตอบสนองการกระตุ้นทันที พอผมมองตามมือที่ขยับขึ้นลงเขาก็พูดต่อ “ใหญ่จริงใช่ไหมล่ะ ใส่เข้าไปจะฉีกบ้างอะไรบ้างก็ไม่แปลก”

พูดเรื่องน่าอายออกมาหน้าตาเฉยเกินไปแล้ว “คุณมัน..แย่”

“นี่ด่ากูเหรอ” เขาหลุดเสียงหัวเราะ ไม่ได้สะท้านกับคำด่าแค่นี้หรอก “แต่กูจะบอกอะไรอย่างนะ ว่ามึงควรจะขอบคุณที่กูลดตัวลงไปเอากับมึง นั่นถือเป็นความกรุณาเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเจ้านายอย่างกู ให้เด็กเหลวไหลอย่างมึง หรือมึงโกรธที่เมื่อคืนกูไม่ปล่อยมึงไปกับไอ้สวะพวกนั้น” ไม่รู้ว่าเขาหมายถึงพวกไหน แต่ยิ่งพูดผมยิ่งไม่เข้าใจ สับสนจับต้นชนปลายไม่ถูก เพราะความทรงจำที่ขาด ๆ หาย ๆ ผมจำได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่ทั้งหมดนี้แปลได้ว่าเขาเป็นคนพาผมกลับมาที่นี่ ผมไม่ได้กลับมาเองหรือให้เพื่อนมาส่งหรอกเหรอ

“ส่วนรอยพวกนี้กูจะไม่ถือก็แล้วกัน” เขาพูดพลางก้มดูหน้าอกตัวเอง มือลูบไปตามรอยฟัน ตกลงผมเป็นคนทำรอยพวกนั้นจริง ๆ เหรอ ไม่จริงหรอกผมไม่เชื่อ ผมไม่กล้าทำอย่างนั้นกับเขาแน่ ๆ ล่ะ “มึงควรรู้ไว้นะ ว่ากูไม่เคยปล่อยให้ใครทำรอยบนตัวมาก่อน”

“ไม่จริงผมไม่ได้ทำ”

“มึงไม่ได้ทำแล้วหมาไหนจะทำ ตื่นก็ตื่นมาบนเตียงกูแท้ ๆ จะมาไร้เดียงสาหลอกตัวเองทำไมอีก ออกไปได้แล้วกูหิว”

“แล้วมาบอกผมทำไม”

“ไปหาอะไรมาให้กูกินสิวะ แหกตาดูเวลาหน่อย” เขาจ้องหน้าผมนิ่ง แววตาคู่นั้นบ่งบอกถึงความสะใจ จนผมพูดอะไรไม่ออก ไหนบอกเกลียดไหนบอกรำคาญ แต่ทำไมถึงได้ทำใจร้ายกับผมอย่างนี้

“คุณมันก็ดีแต่ทำตัวเป็นคนใจร้ายนั่นแหละ”

“ไสหัวไปกูรำคาญ!” ผมก็ไม่อยากอยู่หรอก พอเขาบอกอย่างนั้นเลยพยายามเดินออกไปจากห้องให้เร็วที่สุด ทั้งที่เพิ่งหายจากไข้ ทั้งที่อาการเจ็บขาจากการถูกลงโทษเพิ่งหายดีได้ไม่ถึงวัน ผมก็ต้องมาเจ็บตัวอีกแล้ว

“เดี๋ยวผ้าห่มนั่นของกูเอาคืนมา”

“โอ๊ยคุณ! “พอบอกเอาคืนเขาก็กระชากผ้าห่มออกอย่างแรง ผมเซเกือบล้ม รีบกุมปิดเป้ากลางกายตัวเองไว้ มันน่าอายมากที่ต้องเปลือยต่อหน้าคนอื่น ถึงเขายังเปลือยเหมือนกัน และมือยังนวดเล่นของตัวเอง ขณะที่คุยกับผมอยู่ตั้งนานสองนานก็ตามเถอะ ผมไม่ได้หน้าด้านอย่างเขาสักหน่อย

“ทำมาเป็นอายกูเห็นมาหมดแล้ว ร่อนเอวใส่กูทั้งคืนขนาดนั้น”

“หยุดพูดอย่างนั้นนะ!”

“ทำไมกูจะพูดไม่ได้”

“ผมไม่พูดกับคุณแล้ว”

“เออช่างแม่งเถอะไสหัวออกไปเลย” ผมหันหลังเดินออกจากห้อง ทันได้ยินเสียงหัวเราะขำดังตามมา พร้อมกับเสียงตะโกนบอกให้ผมรีบ ๆ ทำอาหารมาให้ แล้วรีบเข้ามาเก็บที่นอนที่ผมทำเลอะออกไปซัก แต่แค่จะเดินออกมาผมยังแทบไม่มีแรง แล้วจะให้รีบทำงานตามที่สั่งเร็ว ๆ ได้ยังไง



กว่าจะเดินไปได้แต่ละก้าวไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ผมต้องอาศัยผนังห้องช่วยพยุงตัว อยากเดินให้เร็วกว่านี้ แต่ขาสั่นแทบก้าวไม่ออก ทั้งเจ็บตรงนั้นที่ยังรู้สึกเหนอะหนะ ทั้งไม่มีแรง ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นมากกว่าการที่ผมกับเขามีอะไรกัน ผมถึงได้ล้าและทั้งมึนทั้งเบลอจนหัวสมองวูบโหวงอย่างนี้ พยายามเดินเท่าที่ขาอ่อนแรงจะพาไปได้ เห็นกระเป๋าตัวเองตกอยู่กลางห้องเลยหยิบมาด้วย เดินเข้าไปในส่วนซักรีดที่ใช้เก็บของ คว้าได้ผ้าเช็ดตัวมาพันท่อนล่างไว้ แค่ไม่กี่วันที่เจอเขา ทำไมถึงได้เกิดเรื่องร้าย ๆ ขึ้นกับผมมากมายขนาดนี้ คิดเท่าที่สมองเบลอ ๆ ของผมจนคิดออก และได้ข้อสรุปให้ตัวเองว่าผมไม่ควรอยู่ที่นี่ต่อไป ผมต้องไปจากที่นี่ให้พ้นจากเขา ไปอยู่ให้ไกลก่อนจะเกิดเรื่องร้ายมากไปกว่านี้



คิดถึงคุณลุงพิภพ ถ้าผมจะไปจากที่นี่ อย่างน้อยก็ต้องบอกกล่าวคุณลุงไว้ก่อน ค้นหาโทรศัพท์ในกระเป๋า พอได้มาแล้วถึงกับตกใจกับเวลาที่เห็นบนหน้าจอ ที่บอกว่าตอนนี้มันบ่ายสี่โมงเย็นของวันแล้ว ผมหลับไปนานขนาดนี้เลยเหรอ

“คุณลุงครับ”

“ว่าไงเจ้าหนูฉันกำลังว่าจะโทรหาเธออยู่พอดีเลย ทางนั้นเป็นยังไงบ้าง เจ้าลูกชายของฉันมันคงไม่สร้างปัญหาอะไรให้หรอกใช่ไหม ฉันกำลังจะไปธุระต่างประเทศนะ คงต้องอยู่ที่นั่นสักพักจนกว่าจะเสร็จธุระ ยังไงฝากดูแลเจ้าลูกชายของฉันด้วย แค่นี้ก่อนนะต้องไปแล้ว”

“คะ ครับ! คุณลุงเดี๋ยวก่อนครับ คือผม..” ยังไม่ได้พูดอะไรเลย คุณลุงพิภพก็วางสายไปแล้ว แถมยังไม่ลืมฝากฝังให้ผมดูแลลูกชายให้ด้วย ผมอยากบอกจริง ๆ ว่าลูกชายของคุณลุงร้ายกาจมาก เขาร้ายเกินกว่าจะต้องการการดูแลจากใครทั้งนั้น



ทำไมผมเหนื่อยอย่างนี้ ทั้งเหนื่อยทั้งท้อ ขาแทบไม่มีแรงยืนแล้วเลยค่อย ๆ ทิ้งน้ำหนักนั่งลงหน้าเครื่องซักผ้านั่นเอง และทันทีที่ก้นแตะพื้น ความเจ็บแล่นริ้วขึ้นมาถึงไขสันหลัง ผมหลับตาแน่นข่มมันไว้ หายใจเข้าลึก ๆ หวังให้ช่วยบรรเทา จะยืนขึ้นก็รู้สึกเหมือนจะหน้ามืดอีกแล้ว อ่อนแรงจนโทรศัพท์ที่ถืออยู่หลุดจากมือ พยายามปรือเปลือกตาขึ้น เพื่อดูอะไรบางอย่างที่ติดปลายนิ้ว อะไรบางอย่างที่ไหลออกมาเลอะต้นขาและผ้าที่พันตัวอยู่ สิ่งสุดท้ายที่เห็นก่อนสติจะหายไป คือสีแดงสดเปื้อนปลายนิ้ว และใบหน้าสวยหวานที่ดูตกใจ จากนั้นทุกอย่างก็เปลี่ยนเป็นสีดำมืดไปหมด เพราะผมฝืนร่างกายต่อไปไม่ได้อีกแล้ว



แม่ครับธารคิดถึงแม่ที่สุดเลยนะครับ...



********


ตอนนี้ถ้าอ่านแล้วไม่โอ บอกกันด่วน ๆ เลยนะคะ

เพราะดาวเองก็ยังไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ เหนื่อยกับธาร สงสารด้วย

เขียนแล้วลบ ลบแล้วเขียนมาสองสามวันแล้ว แต่ก็ยังคิดว่าบรรยายความรู้สึกของธารออกมาได้ไม่สุด

เพราะมีกันสองคนแม่ลูก ธารเลยคิดถึงแต่แม่ตลอด มันก็จะออกมาประมาณนี้

อย่าเพิ่งรำคาญ ว่าทำไมธารเอาแต่ร้องหาแม่เด้อ

แล้วเจอกันตอนหน้าจ้าาาา

ดาว

22-2-2562

ออฟไลน์ สีหราช

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 320
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-1

ออฟไลน์ Rach

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ AlittleStarWr

  • ดาว ณ แดนดิน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
    • https://www.facebook.com/ALittleStarWriter/?eid=ARB0j1cH0esPR8hRT-dtFbYMb-2_QxYrZHilPjVeZktiZELggHI9krjDA8KpE9EAkE37Y9krMgYPFPvo


กว่าจะลงเอยด้วยคำว่า...รัก 13 ครึ่งแรก

#เพลิง




ผมยืนมองไอ้ตัวปัญหา ที่นอนหลับหน้าซีดอยู่บนที่นอนด้วยความรู้สึกที่..ไม่รู้จะอธิบายยังไงดีว่ะ ไม่ได้เป็นห่วง แต่พอถูกว่าเข้าหน่อย ก็ดันไม่รู้จะทำตัวยังไงไปอีกสิกู ถ้าเป็นคนอื่นมาต่อว่าอย่างนี้ผมไม่สนใจหรอก แต่นี่เป็นคนที่ผมรักและเกรงใจที่สุดไง มันเลยค่อนข้างพูดไม่ออก



ก่อนหน้านี้อาเล็กมาหาผม เหมือนรู้ว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ตอนนี้เขาย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่แล้ว ต่อไปคงมาหาผมได้บ่อย ๆ การที่เข้ามาเห็นผมในสภาพนอนทั้งวันเสื้อผ้าไม่ใส่ ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไร แต่ที่ทำให้อาเล็กตกใจคงเป็นร่องรอยตามตัว กับสภาพห้องนอนที่ค่อนข้าง..



อืม..เรียกได้ว่าเละนิดหน่อยก็แล้วกันนะ ถึงมันเกินกว่าคำว่านิดหน่อยไปเยอะก็ตามเถอะ แถมยังมีคราบอะไรต่อมิอะไร กับคราบเลือดเปื้อนเต็มที่นอนไปหมด ไม่บอกก็รู้ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นที่นี่ และดุเดือดเลือดพล่านมากแค่ไหน ผมเองก็ใส่ไปเต็มที่ไง ไอ้คนโดนยานี่ไม่ต้องพูดเลย ถึงอกถึงใจจนน้ำในตัวแทบไม่เหลือ ทั้งที่ปกติผมไม่เคยพาคู่นอนเข้ามาทำอะไรในห้องนี้ ถ้าไม่ทำข้างนอกก็ออกไปที่อื่นเลย เปิดโรงแรมหรือเข้าม่านรูดที่ไหนก็ได้ถ้านึกอยากเอา แต่เมื่อคืนไม่รู้คิดยังไงสิ มันลืมไปหมดทุกอย่าง ลืมแม้กระทั่งการป้องกัน ทั้งที่ผ่านมาไม่เคยพลาดสักครั้งเลย



อาเล็กไล่ผมไปอาบน้ำอาบท่า ผมก็หยิบกางเกงขาสั้นที่เคยถอดทิ้งส่ง ๆ ไว้แถวนั้นมาใส่ ลุกขึ้นทำตามอย่างว่าง่าย เพราะอยากเลี่ยงไม่ให้เขาบ่นนาน แต่เพิ่งจะล้างหน้าแปรงฟันตัวยังไม่ทันได้โดนน้ำสักหยด ก็ได้ยินเสียงเรียกดังลั่นบ้านก่อน ออกจากห้องน้ำมาก็เห็นคุณอาคนเก่ง อุ้มได้ตัวปัญหาเข้ามาในห้องแล้ว เห็นสภาพผมกับสภาพมัน อาเล็กคงเดาเรื่องทุกอย่างได้ทันที



“อาเห็นนอนหมดสติในห้องซักรีด คงต้องพาไปหาหมอแล้วล่ะ” เขาบอกพลางวางมันลงบนที่นอน ผมล่ะคันตีนยิก ๆ อยากถีบมันลงไปนอนข้างล่าง แต่คนที่อุ้มมันมาคืออาเล็กของผมไง ขืนทำแบบนั้นจะกลายผมนี่แหละโดนแทน

“ปล่อยมันไว้อย่างนั้นแหละจะไปสนใจทำไม แค่โดนเอามันไม่ตายหรอก” เท่านั้นล่ะอาเล็กหันขวับมองหน้าผมตาดุเลย

“ทำไมทำน้องเจ็บขนาดนี้เพลิง!” เสียงแข็งไปอีกนี่หลานรักนะ

“มันร้องจะเอา ๆ ของมันเองนะ”

“เราไม่ได้ข่มขืนน้องใช่ไหม!” อาเล็กถามเสียงเข้ม เล่นเอาผมเสียหายหมดเลย หนังหน้าหลานตัวเองดีขนาดนี้ คิดว่าต้องข่มขืนเอาหรือไงวะถึงจะได้กิน คนอย่างไอ้เพลิงนะแค่กระดิกนิ้วก็ได้สมอยากแล้วนะครับ

“ก็บอกแล้วไงว่ามันว้อนท์ของมันเอง อย่าดุน่า”

“สภาพน้องเป็นแบบนี้อาเชื่อไม่ลงหรอกนะ” อาเล็กพูดไปตาก็สำรวจร่างกายมันไปด้วย ไอ้เด็กรับใช้มีเพียงผ้าเช็ดตัวเก่า ๆ พันท่อนล่าง ผมก็เพิ่งได้สำรวจตัวมันจริงจังตอนนี้เอง ว่าผิวขาว ๆ นั้นเต็มไปด้วยรอยที่ผมทำไว้เยอะพอสมควร ส่วนที่เห็นแวบ ๆ ข้างหลัง ผ้าที่มันนุ่งอยู่แม่งก็เปื้อนรอยเลือดด้วยไง สงสัยคงทำตัวเองเลือดไหลอีกแล้วนั่นล่ะ บอกให้นอนดี ๆ ก่อนไม่เชื่อสมน้ำหน้ามัน

“งั้นรอถามตอนมันตื่นก็แล้วกัน ขี้เกียจพูดจะไปอาบน้ำแล้ว”

“โทรไปสั่งข้าวมาไว้ให้น้องก่อน เราเองก็ยังไม่ได้กินอะไรเลยทั้งวันไม่ใช่หรือไง” เห็นไหมสุดท้ายอาเล็กก็ใจดี และเป็นห่วงเหมือนเดิมนั่นแหละ

“อืม “ตอบแค่นั้นแล้วเดินหาโทรศัพท์ที่ทำตกไว้ตั้งแต่เมื่อคืนมาโทรสั่งข้าว การที่อาเล็กเข้ามาปลุกผมถึงในห้อง ถือเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ถ้าแวะมาหาแล้วเห็นผมยังนอนกินบ้านกินเมืองอยู่เหมือนวันนี้ ตอนนี้เขาย้ายมาอยู่ใกล้กัน คงได้โอกาสมาบ่อยขึ้น ก็ย้ายมาอยู่เพนท์เฮาส์อีกห้องนั่นแหละ กับแฟนใหม่ของเขา ส่วนผมเมื่อคืนหมดพลังงานไปเยอะ จะนอนทบต้นทบดอกบ้างก็ไม่แปลก กว่าไอ้ตัวปัญหามันจะหมดฤทธิ์ กว่าพายุอารมณ์ของผมจะสงบลง เวลาก็ปาเข้าไปเช้าวันใหม่แล้วไง



ส่วนการนอนแก้ผ้าล่อนจ้อนนี่ ถือเป็นเรื่องปกติของผมนะบอกไว้ก่อนแล้วอย่าลืม อาเขาเห็นจนเบื่อแล้วล่ะ เพราะเลี้ยงผมมาตั้งแต่เด็ก แต่ที่ไม่ปกติก็คงเป็นห้องที่ข้าวของกระจัดกระจาย กับรอยบนตัวเต็มไปหมด เขารู้ว่าผมหวงตัวมากแค่ไหน ต่อให้เอากันมันหยดยันเช้า ก็อย่าหวังว่าจะได้ทำเครื่องหมายอะไรบนตัวผมได้ อาเล็กรู้เกี่ยวกับผมดีทุกอย่าง แต่นอกจากรอยบนตัว คราบอะไรต่อมิอะไร ทั้งคราบเลือดเลอะบนที่นอน ก็เดาได้ไม่อยากเลยว่าผมเพิ่งผ่านคืนร้อนแรงมา ไอ้ผมจะพูดอะไรมากก็ไม่ได้ แต่เขาคงไม่คิดว่าคนที่นอนกับผม จะเป็นไอ้เด็กรับใช้ที่เขาเอ็นดูนักหนาไง



ผมโทรสั่งข้าว อยากแกล้งสั่งผัดกะเพราเผ็ด ๆ มาให้มันกิน แต่รู้ดีว่าถ้าทำอย่างนั้นอาเล็กจะจัดการกับผมยังไง เลยสั่งให้แค่ตัวเอง ส่วนไอ้ตัววุ่นวายที่นอนตายหมดฤทธิ์อยู่นั่น สั่งข้าวต้มให้มันไป สั่งมาเผื่ออาเล็กด้วยแล้วถึงได้แยกไปอาบน้ำอาบท่า นอนแช่น้ำอุ่นโอ้เอ้อยู่ตั้งนาน พอแต่งตัวออกมาก็เจอเข้ากับแขกอีกคน ที่อาเล็กคงโทรบอกให้มาดูอาการของมัน แล้วอาการมันหนักขนาดต้องตามหมอเลยหรือไง คือแค่เอากันไหมวะ



“มีแฟนแล้วหรือไงเราน่ะ” นายแพทย์วิทยาทักขึ้นยิ้ม ๆ ตอนเห็นผมเดินออกมาจากห้องแต่งตัว มือก็เก็บอุปกรณ์การแพทย์อะไรของเขาไปด้วย แอบเห็นว่าก่อนหน้านั้นลุงหมอฉีดยาให้มันไปสองเข็ม สมควรไหมล่ะมึง

“หึ แค่เอากันเล่น ๆ ไม่ใช่แฟน”

“ขนาดเล่น ๆ น้องยังยับเยินขนาดนี้ ถ้าเอาจริงลุงว่ามีตายคาเตียงนะไอ้หลานชาย”

“ก็ถ้าแฟนจะถนอมอยู่หรอกแต่นี่ไม่ใช่ไง”

“อย่าดุเดือดนักสิเห็นใจคนรับด้วย”

“จะได้ไม่เสียมาถึงลุงหมอไง อาเล็กข้าวมาส่งยังหิวแล้ว” แอบเคืองอาเล็กที่เอาเสื้อผ้าผมมาใส่ให้มัน เพราะพูดออกมาไม่ได้ไง เดี๋ยวจะถูกบ่นว่าหวงของอีก ตอนนี้ผมหิวจนไส้จะขาดอยู่แล้ว เลยหันไปถามหาของกินแทน อีกอย่างก็ไม่อยากคุยเรื่องนี้มากด้วยไง ถึงลุงหมอจะเป็นญาติสนิทของเรา มีศักดิ์เป็นพี่ชายของคุณใหญ่ พี่ชายแท้ ๆ ของอาเล็ก หรือก็คือพ่อผมนั่นแหละ แต่เรื่องนี้ไม่พูดตอนนี้จะดีที่สุดสำหรับผม ถ้าไม่อยากโดนอาเล็กกระโดดกัดหูเอา ท่าทางของเขายิ่งเอ็นดู ๆ มันอยู่



พวกเราออกมานั่งคุยกันข้างนอก ผมกินไปด้วยฟังอาเล็กกับลุงหมอคุยกันไปด้วย ไม่ค่อยออกความคิดเห็นอะไรกับเขา เพราะเป็นคนไม่ชอบพูดมาก แถมพูดเพราะ ๆ หวาน ๆ กับใครเขาไม่เป็นด้วย เลยได้แต่รับฟัง

“เอาละ คราวนี้มาคุยเรื่องของเด็กที่นอนเจ็บอยู่ในห้องกันดีกว่า” ลุงหมอพูดขึ้นเมื่อเห็นผมยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม ข้าวในกล่องหมดไปแล้วสองกล่อง อิ่มจนแน่นไปหมด แต่ผมเกือบสำลักน้ำ เมื่อลุงหมอพูดประโยคต่อมา “บอกลุงหน่อยซิว่าเพลิงไม่ได้ใช้ยากับน้อง”

“ยา ยาอะไรลุงหมอ” ผมรีบกลืนน้ำลงคอแทบไม่ทัน มองหน้าผู้ใหญ่สองคนสลับกัน ลุงหมอยังยิ้มหล่อใจดีตามแบบฉบับของคุณหมอ ที่จะยิ้มหลอกล่อเราก่อนจิ้มเข็มฉีดยาที่ตูด ส่วนอาเล็กมองตาดุ แทบกระโดดกัดหูผมเดี๋ยวนี้ถ้าทำได้ เขารู้ว่ากลุ่มผมทั้งกินทั้งเที่ยวทั้งมั่วอยู่แล้ว จะมีเรื่องยาเรื่องอะไรพวกนี้บ้างก็ไม่แปลก แต่ก็เตือนให้รู้จักระวังตัวตลอด

“ลุงหมายถึงยาที่พวกนักเที่ยวชอบใช้กัน”

“พี่หมอหมายถึงยาเสพติดหรือเปล่าครับ หรือพวกยาเสียสาวอะไรแบบนี้” อาเล็กถามแต่ตาดุ ๆ นี่ยังจ้องผมไม่ลดละ จนขนหัวลุกไปหมดเลย ทำไมมันน่ากลัวอย่างนี้ กับผู้ชายของเขาเคยถูกจ้องแบบนี้หรือเปล่าวะ

“ใช่ไหม” ลุงหมอไม่ตอบอาเล็กแต่หันมาถามผมแทน ทั้งที่เขายิ้มอยู่แต่ทำไมกูรู้สึกเหมือนถูกกดดันขนาดนี้วะ อาเล็กก็ยังจ้องเอา ๆ ด้วยอีก

มึงไอ้ตัวปัญหา ขนาดหลับอยู่ยังสร้างเรื่องให้กูงานเข้าอีก ตื่นมามึงโดนแน่!

“ก็..มันก็โดนยานั่นแหละ”

“เพลิง! อารู้ว่าเพลิงไม่ชอบน้อง แต่มันต้องทำร้ายกันขนาดนี้เลยเหรอ” อาเล็กตะคอกเรียกชื่อผมแล้วถามเสียงนิ่ง ท่าทางอย่างนี้คงกำลังข่มอารมณ์อยากบีบคอผมให้ตายคามือนั่นแหละ รู้ดีเพราะกว่าเขาจะเลี้ยงผมให้โตมาได้ขนาดนี้ อาเล็กก็แทบรากเลือดล่ะพูดเลย นี่กูต้องภูมิใจหรือเปล่าวะ?



พอผมยังไม่ตอบอาเล็กก็เริ่มหน้าแดงมากขึ้น ดวงตาวาวโรจน์ดุเอาเรื่องจนน่ากลัว จมูกบานพะงาบ ๆ เหมือนจะมีไฟพุ่งออกมาใส่หน้าผมได้ทุกเมื่อ เลยรีบบอกเสียงอ่อยเลยกู

“ก็ไม่ได้ทำอะไรนอกจากช่วยมัน ส่วนยามันโดนมาจากที่อื่น”

“ยังไง” ลุงหมอถามท่าทางคงสงสัยจนคิ้วขมวด

“เมื่อคืนมันแอบไปเที่ยวกับเพื่อน”

“ลำธารน่ะนะจะทำตัวเหลวไหลอย่างนั้น” อาเล็กมองผมด้วยสายตาที่กำลังบอกว่า ถ้าเป็นมึงก็ว่าไปอย่างนะเพลิง อะไรประมาณนี้ แถมยังทำสีหน้าเหมือนผมกำลังโกหกไปอีก นี่กูหมดความน่าเชื่อถือเพราะมึงอีกแล้วใช่ไหม ไอ้ตัววุ่นวาย!

“ก็เห็นแล้วไหมล่ะ ยังไงผมก็ไม่ได้ทำอะไรผิด มันโดนยามา เห็นมันว้อนท์ ๆ ร้องจะเอา ๆ ให้ได้อยู่ตรงหน้า พาไปกระโดดน้ำแช่น้ำในสระยังไม่หาย เลยไม่รู้จะทำยังไง คนมันเคยได้อยู่ได้กินอะนะ มีของกินมาวางอยู่ตรงหน้าก็คือบับ..โอ๊ย! อาเล็กมันเจ็บนะ!” โดนกำปั้นทุบหลังไปหนึ่งที ก็ไม่ได้เจ็บอะไรมากหรอก แต่ปากมันร้องของมันออกไปเอง

“แล้วทำไมไม่โทรหาอาหรือโทรหาลุงหมอตั้งแต่เมื่อคืน”

“ก็..เมา” สีหน้าอาเล็ก เห็นแล้วบอกได้คำเดียวว่าเขาคงเอือมระอา และอยากบีบคอผมเต็มที แต่เขาทำหน้าอย่างนั้นได้ไม่นานหรอกเชื่อผมสิ ส่วนลุงหมอก็เหมือนเดิมคือยิ้มใจดี สงสัยเส้นประสาทแก้มแกคงค้างไปแล้ว ถึงได้เอาแต่ยิ้มอย่างนั้น


ออฟไลน์ AlittleStarWr

  • ดาว ณ แดนดิน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
    • https://www.facebook.com/ALittleStarWriter/?eid=ARB0j1cH0esPR8hRT-dtFbYMb-2_QxYrZHilPjVeZktiZELggHI9krjDA8KpE9EAkE37Y9krMgYPFPvo



“เท่าที่ลุงดูคงโดนหยอดยามานั่นแหละ แล้วที่หลับอยู่ตอนนี้นอกจากอ่อนเพลียเพราะเรื่องนั้นแล้ว ยังเป็นผลมาจากฤทธิ์ยาด้วย ยากลุ่มนี้มันมีหลายตัว ไม่มีสีไม่มีกลิ่น หยอดใส่เครื่องดื่มก็ไม่เห็นความแตกต่าง อาการก็จะมีตั้งแต่มึนงงจนถึงขาดสติ ไม่รู้ตัวว่าทำอะไรอยู่ ควบคุมตัวเองไม่ได้ เกิดความร้อนวูบวาบในร่างกาย ยิ่งกินกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยิ่งจะทำให้อาการรุนแรงมากขึ้น อย่างที่เพลิงคงเห็นแล้วเมื่อคืน” ผมนี่พยักหน้ารัว ๆ เลย อาเล็กจะได้เลิกทำตาขวางใส่สักที



“คนที่โดนยาจะจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้เลย เป็นยาอันตรายมากนะ ถ้าได้รับมากเกินไปอาจจะทำให้หัวใจวายได้เลย” ผมคนหนึ่งละ ไม่คิดจะเอายาพวกนี้มาใช้กับคนอื่นหรอก เพราะไม่จำเป็นเลย เราคุยกันต่ออีกหลายเรื่อง จนโทรศัพท์อาเล็กมีสายเข้า ก็คงเป็นแฟนเขานั่นแหละที่โทรมาตาม ได้ข่าวว่าแฟนใหม่ซะด้วย ไม่รู้จะคบกันได้อีกนานแค่ไหน เห็นนิ่ง ๆ อย่างนี้แต่อาเล็กสายเปย์นะครับ ตอนยังไม่ได้อะไรก็ดูแลเทคแคร์อย่างดี พอได้เงินได้ของแล้วแม่งก็ทิ้งอากูให้ตามไปกระทืบหลายรายแล้ว



“เดี๋ยวอาไปธุระก่อนเพลิงดูน้องด้วย”

“เรื่องอะไรล่ะอาเล็ก ว่าจะออกไปข้างนอกอยู่เหมือนกันนะ” แล้วตาสวย ๆ ของอาเล็กก็เปลี่ยนเป็นตาดุ ๆ น่ากลัวอีกแล้ว เมื่อตวัดมองผมอย่างคาดโทษ บอกไว้ก่อนเผื่อลืม นี่น้องชายของพ่อนะไม่ใช่แม่ แต่ทำกูหงอยได้ก็แล้วกัน

“วันนี้ห้ามออกไปไหนเลย” เวรแท้!

“ลุงก็คงต้องกลับเหมือนกัน ส่วนยามีทั้งยากินแล้วก็ยาทาสำหรับตรงนั้นนะ ต้องให้น้องทาทุกวันจนกว่าจะหายดี ถ้าธารยังไม่ตื่นเพลิงก็ทาให้น้องด้วยล่ะ” ลุงหมอแกล้งผมแน่ ๆ แววตาแบบนี้ผมดูออก แต่ฝันไปเถอะไอ้ตัวปัญหาว่ากูจะทำให้มึง

“อ้อ ช่วงนี้งดเรื่องอย่างว่าไปก่อนนะไอ้หลานชาย รอให้น้องหายดีก่อน ใช้ของไม่รักษาระวังจะเสียดายทีหลัง จะหาว่าลุงไม่เตือนไม่ได้นะเว้ย” ถึงลุงหมอไม่บอก ผมก็ไม่อยากกินของเก่าที่เคยกินแล้วหรอก เมื่อคืนถ้าไม่เมาก็ไม่รู้จะกระเดือกลงหรือเปล่า แต่ถ้าของขาดก็ไม่แน่ว่ะครับ ขอดูอารมณ์ตอนนั้นก่อนก็แล้วกัน

หึ..หมั่นไส้กูกันไปเถอะ



ญาติผู้ใหญ่ทั้งสองกลับไปแล้ว เหลือแค่ผมกับไอ้เด็กรับใช้ ที่ตอนนี้มันนอนเหมือนกับว่าเตียงทั้งเตียงของผม ได้กลายเป็นของมันไปแล้วอย่างสมบูรณ์แบบ ถึงเตียงนอนจะกว้างระดับพ่อคิงไซส์ก็เถอะนะ แต่ใช่เหรอที่มันจะมานอนเหมือนเป็นเจ้าของอย่างนี้ คิดแล้วอยากถีบแม่งสักทีให้หงายตกเตียง แต่ถ้าทำจริงคงไม่พ้นโดนด่าอีก มึงจะเกินไปแล้วนะ แค่นอนเฉย ๆ ยังทำให้กูถูกด่าไปตั้งหลายครั้งได้



ตอนนี้เย็นมากแล้ว แต่ไอ้เด็กรับใช้ยังไม่ยอมตื่น ผมจะจัดการยังไงกับมันดี พอก้มลงมองถุงยาในมือ เสียงอาเล็กที่สั่งให้ทำนั่นทำนี่ให้มันก็ดังขึ้นในหัวกูทันที อย่างกับมีใครมากดรีเพลย์เครื่องเล่นเสียงซ้ำ ๆ จนจะหลอนอยู่แล้ว จะออกไปกินเหล้ากับเพื่อนสักหน่อย ต้องมาติดแหง็กกับมึงเนี่ย กูไม่ทนหรอก!



แสงสียามค่ำคืนของกรุงเทพ มันล่อเหล่าแมลงกลางคืนให้มาหลงติดกับได้เสมอ และผมก็เป็นคนหนึ่งที่ถึงแม้จะไม่ได้หลงมัวเมาไปกับแสงและสีพวกนี้สักเท่าไหร่ แต่ก็มาได้บ่อย ๆ เหตุผลเดียวเพราะเพื่อนชวน คือที่มาไม่ได้มาเพราะชอบไง แต่ถ้าอยากเจอเพื่อนมันก็ต้องมากับเขาใช่ไหมล่ะ วันนี้ผมเบื่อเลยออกมาแต่หัววัน ไม่ใช่เพราะอะไรนอกจากไอ้ตัวปัญหา ที่ยึดเตียงผมไปหน้าตาเฉย ถึงตัวมันเองจะหลับไม่รู้เรื่องก็ตามเถอะ ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่ามันตื่นขึ้นมาหาข้าวหายากินหรือยัง อาเล็กเองคงรู้อยู่แล้วนั่นแหละ ว่ายังไงผมคงไม่เชื่อฟังเขาขนาดอยู่ดูแลมันหรอก เลยเตรียมข้าวต้มมาวางไว้ให้มันข้างเตียง ผมเลยเอาถุงยาที่ลุงหมอให้วางไว้ใกล้ ๆ ตื่นมาเห็นแล้วไม่รู้จักหาเข้าปากตัวเอง กูก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว



ผมเลือกนั่งตรงบาร์ชั้นล่าง สั่งเบียร์มาดื่มรอพวกไอ้ออฟ กวาดตามองไปรอบ ๆ ผับ เพิ่งจะหัววันแท้ ๆ แต่คนก็นับว่าเยอะพอสมควร เป็นผับเดียวกันกับที่มาเมื่อคืนนั่นแหละ สาวสวยฝั่งตรงข้ามชูแก้วขึ้นชนระยะไกลมา ผมเลยชนตอบไป คืนนี้กะว่าจะหิ้วไปด้วยสักคนล่ะนะถ้าเจอแบบถูกใจ

“ว่าไงมึงมานานหรือยังวะ”

“เพิ่งมา” ผมตอบไอ้ออฟ แปะมือกับเพื่อนอีกสามคนที่เดินตามหลังมันมาด้วย เมื่อคืนก็มาด้วยกันกับกลุ่มนี้นั่นแหละ

“สาวโต๊ะนั้นเล็งมึงอยู่หรือเปล่าวะ” ไอ้ไนซ์ขยับเข้ามากระซิบถาม แต่ตามันอยู่กับผู้หญิงกลุ่มนั้นไม่วางตา ก็กลุ่มที่ยกแก้วชนกลางอากาศกับผมนั่นแหละ ของแบบนี้มันดูไม่อยากหรอก ว่าเขากำลังสนใจเราอยู่หรือเปล่า

“เออ”

“เหี้ยไรวะเออแค่เนี่ย หมาคาบไปแดกตัดหน้ากูจะหัวเราะเอา” แล้วมันก็หัวเราะจนปากกว้าง

“หมาไหน”

“สัด!” ผมรู้ว่ามันจะมามุกนี้ไง แต่มันเองนั่นแหละที่ลืม เลยด่าตัวเองเป็นหมาเฉยเลย

“เออ แล้วน้องธารของกูเป็นไงบ้างวะ” ไอ้ออฟถามเหมือนเพิ่งนึกได้

“มันเป็นของมึงตั้งแต่ตอนไหน” ผมสวนกลับทันทีจนมันชะงัก ก็ไม่ได้หวงหรอกนะ แค่กัดมันเล่นเฉย ๆ

“แหม ๆ คืนเดียวทำเป็นหวงไอ้สัด แล้วตกลงน้องเป็นไงบ้างวะ”

“อย่างที่มึงคิดนั่นแหละ ตอนนี้ยังลุกไม่ขึ้น อีกอย่างกูไม่ได้หวงแค่หมั่นไส้”

“หนักล่ะสิมึง”

“น้องธารไหนวะ” ไอ้อาร์ทถามขึ้นก่อนที่ผมจะได้ด่าไอ้ออฟต่อ

“เด็กไอ้เพลิง ยังไม่เห็นล่ะสิมึง ขาวแจ่มเลยว่ะหน้าตาหล่อน่ารักแบบใส ๆ ไร้เดียงสาสเป็คมึงเลยล่ะ”

“มันไม่ใช่เด็กกู” ผมบอกเสียงนิ่ง ยกเบียร์ในขวดที่ถืออยู่ขึ้นกรอกปากจนหมด แล้วหันไปสั่งขวดใหม่

“เออ ๆ เด็กที่บ้านมึงนั่นแหละ”

“แต่กูชักอยากรู้แล้วสิว่าใครหยอดยามัน” คือยากเห็นหน้าไอ้พวกภัยสังคมพวกนี้ไง คิดได้ยังไงถึงเอาของแบบนี้มาใช้กับคนอื่น ถ้าเป็นญาติพี่น้องมันโดนบ้างมันจะว่ายังไงวะ



“กูว่าพวกที่มาด้วยกันนั่นแหละ เท่าที่กูดูเมื่อคืนไม่เห็นมันลุกไปไหน ไม่มีคนอื่นเข้ามามั่วด้วยนี่หว่า” ไอ้ออฟสันนิษฐานและผมก็เห็นด้วย เพราะนั่งอยู่ข้างบน มันมองเห็นพวกอยู่ข้างล่างได้หมดอยู่แล้ว แล้วโต๊ะที่พวกนั้นนั่งเมื่อคืน ก็อยู่ช่วงกลางเกือบหน้าเวทีไง ที่สำคัญคือเพราะความหมั่นไส้ล้วน ๆ เลยทำให้ผมเผลอหันไปมองมันบ่อย ๆ อยากรู้ว่าต่อหน้ากับลับหลังมันจะเป็นยังไง แตกต่างกันมากขนาดไหน แล้วก็อย่างที่เห็น หนีเที่ยวมั่วกินเหล้า



“เกิดเรื่องอะไรขึ้นวะ ทำไมพวกกูไม่เห็นรู้เรื่องด้วย” อันนี้เสียงไอ้เข้มที่เงียบฟังพวกเราพูดกันอยู่นาน มองหน้าเพื่อนมันอีกสองคนด้วย ไอ้สองตัวนั่นแม่งก็ส่ายหน้ารัว ๆ แทนการบอกว่ากูก็ไม่รู้เรื่องเหมือนกันทันทีเลย

“แม่งมัวแต่แดกเหล้าเคล้าเด็กไง เพื่อนมีเรื่องจนจะตายห่าอยู่แล้วยังไม่รู้” ไอ้ออฟบอกเฉย ๆ ไม่พอ ยังตบหัวเพื่อนไปคนละทีไม่เบาแรงนัก มึน ๆ อยู่นี่มีตื่นเลยล่ะ แต่จริง ๆ ก็ไม่ได้จะโทษพวกมันหรอก เพราะผมกับไอ้ออฟขอกลับก่อน พอเพื่อนไอ้เด็กรับใช้มาขอความช่วยเหลือก็ตามกันไปเลย ไม่คิดเรียกเพื่อนคนอื่นไปหาเรื่องด้วย

“กูว่าน่าจะเป็นไอ้ผู้ชายที่เดินตามหลังมันนั่นแหละหยอดยา” เพราะมันเป็นคนนั่งติดกับไอ้ตัวปัญหา แม่งตัวติดกันตลอดเลยไง แถมยังเป็นคนยื่นแก้วเหล้าให้มันด้วย ส่วนอีกข้างก็น้องผู้หญิงที่มาขอความช่วยเหลือ ชื่ออะไรจำไม่ได้แล้ว แต่หน้าตาผมไม่ลืม เพราะยังไงก็ต้องทวงสัญญาที่ตกลงกันไว้

“กูไปเข้าห้องน้ำก่อนเดี๋ยวมา” ผมบอกแล้วยกเบียร์ที่เหลือขึ้นดื่มจนหมดขวด ถึงลงจากเก้าอี้ทรงสูงหน้าบาร์

“งั้นขึ้นไปชั้นบนไหมวะ”

“เออ เดี๋ยวตามขึ้นไป” พวกผมชอบนั่งชั้นบนกันมากกว่า เพราะคนไม่เดินพล่านวุ่นวาย ไม่มั่วมากเหมือนข้างล่าง หมายถึงไม่มีใครเดินเบียดไปเบียดมานะ แต่ถ้ามั่วอย่างอื่นนั่นก็อีกเรื่อง



ห้องน้ำช่วงหัวค่ำยังไม่ค่อยมีคนมากนัก ผมเข้าไปปล่อยน้ำเสียที่โถฉี่ จนเสร็จแล้วออกมายืนที่อ่างล้างมือ กดสบู่เหลวมาถูอย่างพิถีพิถันถ่วงเวลาอยู่เป็นครู่ ถึงล้างฟองออก สะบัดมือแรง ๆ ไปอีกหลายที ค่อยดึงกระดาษเช็ดมือมาเช็ดอย่างตั้งใจ เหมือนกลัวมันไม่สะอาดหมดจด ผมออกมาจากห้องน้ำ เดินเลยบันไดขึ้นชั้นสองออกไปหลังผับ ตามทางเดินมืด ๆ อย่างนี้ไม่ต้องแปลกใจเลย ถ้าจะเห็นว่ามีคนกำลังทำอะไรกันอยู่ ผมเดินเลยคนสองคนที่กำลังนัวเนียกันอย่างเมามัน เปิดประตูออกไปยืนสูดอากาศที่ไม่ค่อยบริสุทธิ์ข้างนอก



“ตามกูมาหรือไง” ผมถามผู้ชายที่เดินมายืนอยู่ข้างหลังไม่ไกลนัก เพราะสังเกตเห็นว่ามันมีท่าทางสนใจกลุ่มของพวกผมตั้งแต่แรก อีกอย่างมันก็นั่งอยู่ตรงเคาท์เตอร์บาร์ไม่ไกลจากผมด้วย พอลุกมาเข้าห้องน้ำยังเดินตามมาอีก เลยไม่อยากคิดว่าเป็นเรื่องบังเอิญ แล้วมันก็ไม่บังเอิญจริง ๆ เพราะมันยังตามผมมาถึงนี่



“ใช่ ขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม” ผมหันไปมองหน้ามัน ลักษณะท่าทางดูดี การแต่งตัวเหมือนคนมาเที่ยวทั่วไป แต่กลับรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่บอกว่าไม่น่าไว้ใจ พอผมไม่ว่าอะไรมันเลยพูดต่อ “ฉันได้ยินพวกนายคุยกันเรื่องยา” มันเข้าเรื่องทันทีไม่มีอ้อมค้อม ตอนนี้เรายืนอยู่ข้างนอกด้านหลังของร้าน ที่เต็มไปด้วยลังเครื่องดื่มกับขวดเปล่าวางเกะกะเต็มไปหมด มันก็คือตรงที่ไอ้เด็กรับใช้ถูกพาออกมาเมื่อคืนนี้นั่นแหละ

“ยาอะไรวะกูคุยกันตั้งหลายเรื่อง”

“ยาอะไรล่ะนายรู้ดีอยู่แล้วนี่”

“แล้วไง”

“ช่วยอะไรหน่อยได้ไหม” มันมองเหมือนคิดว่าผมรู้ดีว่าที่มันกำลังพูดหมายถึงเรื่องอะไร ผมลดสายตาลงต่ำ มองกระดาษแผ่นเล็กที่ยื่นมาตรงหน้า แต่ไม่ได้ยื่นมือออกไปรับ เพราะแค่เห็นตัวหนังสืออยู่บนกระดาษ กูก็ไม่อยากยุ่งแล้วไง หน้าที่มึงมึงก็ทำเองสิวะ คิดว่ากูอยากเป็นสายให้ตำรวจนักเหรอ ไม่ใช่พลเมืองดีขนาดนั้นหรอก

“เกี่ยวกับกูเหรอ”

“ก็ถ้าฟังไม่ผิดเมื่อคืนคนของนายถูกหยอดยาไม่ใช่หรือ ก่อนจะมีใครเจอเรื่องเลวร้ายอย่างนี้อีก เรามาช่วยกันไม่ดีกว่าหรือไง” ผมล่ะเกลียดจริง ๆ ไอ้ท่าทางใจเย็นสุขุมนุ่มลึกที่มันแสดงออกมา ก็รู้ละนะว่าอายุมากกว่า แต่มาขอความช่วยเหลือจากกู จะมองกูด้วยสายตากวนตีนแบบนี้ คิดว่าควรช่วยไหมล่ะ

“เสียเวลา”

“เรื่องนี้มันไม่ใช่แค่นั้น”

“แล้วมันแค่ไหน”

“แค่มีเอเยนต์รายใหญ่แฝงตัวอยู่ที่ด้วย”

“เออ แล้วมาบอกกูเพื่อ ถ้าเกิดกูเป็นเอเยนต์รายใหญ่คนนั้นคงเผ่นก่อนแล้ว”

“ฉันรู้ว่านายไม่ใช่เด็กแบบนั้นหรอก ฉันดูคนไม่เคยพลาด”

“ตอนนี้มึงพลาดแล้ว”

“ไม่พลาดหรอกฉันมั่นใจ แค่เห็นว่ามาบ่อย คิดว่าอาจจะรู้อะไรดี ๆ อยู่บ้าง” แค่เห็นว่ามาบ่อยหรือวะ นี่มันตามผมมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน

“มึงแอบตามกูมาหรือไง แล้วนี่ก็ไม่ใช่หน้าที่กูด้วย” ผมเดินออกมา ไม่สนใจว่าไอ้รอ ตอ ออ อะไรนั่นจะทำหน้ายังไง จะทำอะไรก็ช่างหัวมันเถอะ อย่ามาหาประโยชน์จากกูก็พอ



ออฟไลน์ AlittleStarWr

  • ดาว ณ แดนดิน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
    • https://www.facebook.com/ALittleStarWriter/?eid=ARB0j1cH0esPR8hRT-dtFbYMb-2_QxYrZHilPjVeZktiZELggHI9krjDA8KpE9EAkE37Y9krMgYPFPvo



ผมกลับขึ้นมาหาเพื่อน เครื่องดื่มพร้อมเต็มโต๊ะ กับเด็กที่ไม่ต้องบอกว่ามาจากไหน นั่งกันเป็นคู่เหมือนคบกันมานาน ทั้งที่เพิ่งเจอกันไม่ถึง 30 นาทีก่อนหน้านี้ด้วยซ้ำ แม่งนั่งตักนั่งโอบนั่งกอดกันเรียบร้อยแล้ว พอผมเดินเข้าไปนั่งบ้างเด็กก็เข้าหาทันที หุ่นนี้ไม่ต้องบรรยาย แค่เห็นก็กำมือเตรียมขยำให้เละแล้ว ผมไม่ได้โรคจิตนะแค่มันเขี้ยว

เห็นไหมล่ะ อย่างพวกผมไม่ต้องมอมยาหยอดเหี้ยอะไรใครหรอก เพราะมีคนเต็มใจไปด้วยอยู่แล้ว



#ลำธาร

“อืม” ผมได้ยินเสียงตัวเองดังในหัว เมื่อขยับตัวเพราะนอนอยู่ในท่าเดิมนานเกินไป จนเมื่อยขบไม่หมด รู้สึกดีขึ้นมากหลังจากได้นอนอีกรอบ แต่พอลืมตาขึ้นยังงงว่าตัวเองอยู่ที่ไหน แต่..ไม่ใช่สิ ผมไม่ได้นอน ความทรงจำสุดท้ายคือหลังจากที่ผมโทรไปบอกคุณลุงพิภพ ว่าจะไม่ขออยู่ที่นี่แล้ว ยังไม่ทันได้พูดในสิ่งที่ตัวเองต้องการ คุณลุงก็ชิงฝากฝังลูกชายและวางสายไปก่อน หลังจากนั้นผมก็หมดเรี่ยวแรงจนทรงตัวไม่อยู่ ทั้งปวดหัวทั้งวิงเวียน แต่ก่อนจะหมดสติไป ถ้าผมไม่เบลอหรือเพ้อจนตาฝาด ผมมั่นใจว่าเห็นคุณเล็กวิ่งเข้ามาหา เรียกด้วยน้ำเสียงและสีหน้าตกใจ จากนั้นทุกอย่างก็มืดไปหมด



ผมมองไปรอบตัว ตอนนี้ไม่สงสัยเลยว่าตัวเองอยู่ที่ไหน และเข้ามานอนในห้องนี้ได้ยังไง เพราะคิดไปก็ปวดหัวเปล่า ๆ เขาอาจจะใจดีลากผมเข้ามา หรือถ้าผมไม่ได้ฝันไปคุณเล็กอาจจะมาจริง ๆ แล้วพาผมเข้ามานอนในห้องนี้ก็เป็นได้ ตอนนี้ร่างกายของผมรู้สึกดีขึ้นมาก ไม่มีอาการปวดหัวหรือมึนเบลอ ตอนลุกขึ้นนั่งยังรู้สึกได้ถึงความเจ็บแปลบที่ก้น แต่ก็ไม่ทรมานเหมือนตอนตื่นครั้งแรก เหมือนบาดแผลกำลังเริ่มทุเลาลง



ผมก้มลงมองตัวเอง จำได้ว่าก่อนหมดสติไป ผมมีเพียงผ้าเช็ดตัวผืนเดียวพันช่วงล่าง แต่ตอนนี้ ผมใส่เสื้อยืดตัวใหญ่สีน้ำเงินเข้ม กับกางเกงที่ค่อนข้างตัวใหญ่กว่าไซส์ตัวเองมาก มันไม่ใช่ของผมแน่ ๆ ล่ะ เพราะผมไม่เคยซื้อเสื้อผ้าแบบนี้มาใส่ คำถามต่อมาคือของใคร เป็นไปได้ไหมที่มันจะเป็นของเจ้าของห้อง แต่ถ้าไม่ใช่มันจะเป็นของใครไปได้ล่ะ หรือว่าภาพคุณเล็กที่ผมเห็นก่อนหมดสติจะเป็นตัวจริง แต่ทำไมต้องพาผมเข้ามานอนในห้องนี้ด้วย



ในห้องเงียบมาก และการตื่นขึ้นมาคนเดียวขณะที่ร่างกายเจ็บป่วย ไม่ค่อยดีต่อความรู้สึกนัก เพราะมันอ้างว้างเกินไปสำหรับผม ที่เคยชินกับความเอาใจใส่ของแม่ ถึงตอนนี้จะเหลือตัวคนเดียว ก็ยังทำใจให้ชินไม่ได้ ผมขยับจะลงจากเตียง สายตาก็ไปสะดุดเข้ากับของที่วางไว้บนโต๊ะข้าง ๆ เข้าพอดี

ไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองเลย ว่ามันคือถ้วยข้าวต้มกับถุงยา!



ความรู้สึกบางอย่างอัดแน่นในอก ไม่ทำให้อึดอัดแต่กลับรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง ความวูบโหวงมาพร้อมกับความเต็มตื้นในใจ ทั้งที่ไม่อยากเชื่อว่าเขาจะทำให้ แต่สิ่งที่วางอยู่ตรงหน้าจะเป็นของใครไปได้ หรือจะเป็นของสำหรับเขา คงไม่ใช่หรอก เพราะของแบบนี้มันสำหรับคนป่วย เขาไม่ได้ป่วย ตกลงเขาจะดีหรือร้ายกับผมกันแน่ ผมลองแตะข้างถ้วยข้าวดู ไม่รู้สึกถึงความร้อน นั่นแสดงว่าคงถูกนำมาวางไว้นานจนข้าวเย็นหมดแล้ว ถึงจะไม่เข้าใจการกระทำของเขา แต่ผมก็หิวเกินกว่าจะมองข้ามมัน ฝืนกินข้าวจนหมดถ้วยแล้วถึงหยิบถุงยาขึ้นมาดู และมันก็เป็นยาสำหรับผมจริง ๆ แถมยังมียาสำหรับทาแผลตรงนั้นด้วย

อย่าบอกนะว่าเขาออกไปหาซื้อมาให้ผม…



“ตื่นแล้วเหรอ”

“คุณเล็ก! “

“รู้สึกดีขึ้นไหม”

“ครับ” ผมทำตัวไม่ถูก เมื่อหันไปหันคุณเล็กยืนส่งยิ้มมาให้ และยิ่งประหม่าเข้าไปใหญ่ เมื่อร่างสูงเพรียวเดินเข้ามานั่งลงบนเตียงข้าง ๆ ผม แต่จะว่าไปแล้วก็ยังดีกว่าเป็นคุณชายใจร้ายล่ะนะ

“เก่งมากเลยกินข้าวจนหมดด้วย แล้วนี่กินยาหรือยัง”

“กินแล้วครับแต่คุณเล็กครับ..”

“อาเล็ก”

“ครับอาเล็ก” ผมเปลี่ยนคำเรียกตามที่คุณเล็กแก้ให้ แต่พอคิดว่าคุณเล็กคงรู้เรื่องที่เกิดขึ้น ระหว่างผมกับคุณเพลิงแล้ว ก็อายจนต้องก้มหน้าหลบตา คิดอะไรไม่ออกประหม่ามือไม้สั่นไปหมด



“อารู้เรื่องที่เกิดขึ้นแล้วแต่ธารไม่ต้องกลัวนะ” คุณเล็กพูดเหมือนรู้ว่าผมกำลังคิดอะไร น้ำเสียงอ่อนโยนทำให้รู้สึกว่าคนพูดเข้าใจในตัวเรา ทำให้ก้อนสะอื้นตีขึ้นมาในอก ขอบตาของผมร้อนผ่าว น้ำใส ๆ มันไหลออกมาคลอจนเต็มหน่วยตา พร้อมกับน้ำมูกใสในโพรงจมูกจนต้องสูดเข้ายาว ๆ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็เก็บน้ำตาไว้ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว แม้จะพยายามกลั้นไว้ให้ถึงที่สุด เพราะผมไม่รู้เรื่องอะไรเลยสับสนไปหมด สับสนจนไม่รู้จะทำตัววางตัวยังไงดี

“ผมขอโทษ แต่ผมไม่รู้ว่าเมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้น” เสียงของผมสั่นและเบามาก แต่คุณเล็กก็ยังอุตส่าห์ได้ยิน

“ธารไม่ได้ทำอะไรผิดเลย”

“ผมทำตัวเหลวไหล ถ้าไม่ออกไปข้างนอกเมื่อคืนคงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ แต่ผมไม่รู้จริง ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง” ตอนนี้ผมห้ามตัวเองไม่อยู่แล้ว เลยทั้งพูดทั้งสะอึกสะอื้น ร้องไห้ฟูมฟายออกมาอย่างไม่อาย เพราะไม่รู้จะจัดการกับความรู้สึกตอนนี้อย่างไรดี

“โธ่ลูกเอ๊ยมานี่มา” ตัวของผมถูกคุณเล็กดึงเข้าไปกอด และผมที่กำลังต้องการที่พึ่ง ก็รับเอาความใจดีนั้นด้วยการกอดตอบแน่น ร้องไห้สะอึกสะอื้นจนพูดไม่รู้เรื่อง เลยได้แต่ตั้งใจฟังสิ่งที่คุณเล็กบอก “อาก็ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง แต่อาเชื่อว่ามันไม่ใช่ความเหลวไหลของธาร อารู้ธารเป็นเด็กดี”

ผมส่ายหัวรัว ๆ อยู่กับอกของคุณเล็กปฏิเสธ “ไม่ดี ไม่ดีเลยครับ ผมออกไปเที่ยวกลางคืน แล้วยัง..”

“ช่างมันเถอะ ไม่ต้องพูดถึงมันหรอก”

“อาเล็กรู้เหรอครับว่าเมื่อคืน..” ผมผละออกมองหน้าคุณเล็ก อยากเห็นว่าตอนนี้เขาทำหน้ายังไง จะตำหนิจะรังเกียจผมไหม

“เมื่อคืนธารโดนคนใจร้ายหยอดยามา” ผมงงและไม่เข้าใจ และคงแสดงออกมาให้เห็นทางสีหน้า คุณเล็กเลยเล่าเรื่องที่เขาคุยกับคุณเพลิง และคุณหมอให้ฟัง นี่มีคนอื่นรู้เรื่องเพิ่มมาอีก โดยที่ผมยังไม่รู้เรื่องของตัวเองด้วยซ้ำอย่างนั้นหรือ

“ช่างมันเถอะ ตอนนี้เราไม่เป็นไรก็ดีแล้วนะ ต่อไปต้องระวังตัวให้มากขึ้น” คุณเล็กบอกแล้วรั้งผมเข้าไปกอดเหมือนเดิม ลูบหลังลูบไหล่ปลอบไปด้วย ตอนนี้เสื้อตรงหน้าอกของคุณเล็กเปียกไปหมด เพราะน้ำตาของผม แต่ผมก็ยังกอดคุณเล็กไว้อย่างนั้น รู้สึกอุ่นใจขึ้นมากเมื่อมืออุ่น ๆ สัมผัสลงบนกลุ่มผมลูบไปมาให้เบา ๆ

“ผมสัญญาว่าจะไม่ไปเที่ยวแบบนั้นอีกแล้วครับ”

“เห็นไหมเด็กดีของอา ถ้าอย่างนั้นเช็ดตัวก่อนดีกว่าจะได้นอนพัก เดี๋ยวพรุ่งนี้ลุงหมอจะเข้ามาดูอาการอีก”

“แต่..”

“ไม่ต้องกลัว ลุงหมอที่ว่าเป็นพี่ชายของอาเอง” ผมรับคำคุณเล็กเบา ๆ อยากขอให้คุณเล็กอยู่ด้วยแต่ก็เกรงใจ คุณเล็กไปเอาผ้ากับอ่างใส่น้ำใบเล็กออกมาจะเช็ดตัวให้ ผมเลยรีบปฏิเสธ เผลอขยับตัวแรงไปจนเจ็บไปถึงแผลที่ก้นด้วย

“ช่วงนี้ก็ระวังตัว ขยันทายาเดี๋ยวอีกไม่กี่วันก็หายดีแล้ว”

“ครับอาเล็กเดี๋ยวธารทำเอง”

“ถ้าอย่างนั้นอากลับล่ะนะ อยู่คนเดียวได้ใช่ไหม หรืออยากให้อาอยู่เป็นเพื่อน หรือจะไปนอนห้องโน้นด้วยกัน” ทุกอย่างที่คุณเล็กเสนอมาเป็นไปไม่ได้สักอย่าง ผมรีบปฏิเสธเพราะความเกรงใจ นอกจากเกรงใจคุณเล็กแล้วยังเกรงใจคนที่ยืนรออยู่หน้าห้องด้วย



ผมนอนเจ็บทำอะไรไม่ได้มากอยู่สองสามวัน อาการถึงได้เริ่มดีขึ้นเรื่อย ๆ เหลือก็แต่บาดแผลตรงนั้น ที่ถึงจะดีขึ้นมากแล้วแต่ยังไม่หายสนิท ยังรู้สึกเจ็บอยู่บ้างถ้าเผลอนั่งหรือขยับตัวแรงเกินไป ที่แย่ที่สุดก็ตอนเข้าห้องน้ำนี่แหละ เพราะมันยังเจ็บและทรมานอยู่มาก ส่วนคุณชายไม่ได้เข้ามาวุ่นวายอะไรกับผมมากนัก นอกจากเวลาหิว กลางคืนเขาออกไปเที่ยวทุกคืนกลับมาก็เกือบเช้าแล้ว



เขาก็...ยังใจร้ายเหมือนเดิม มองผมด้วยตาขวาง ๆ ดุ ๆ เหมือนเดิม แต่เพราะขัดคุณเล็กไม่ได้ เลยต้องทำอะไรหลายอย่างให้ผมแบบไม่ค่อยเต็มใจนัก



กุ๊กไก่โทรมาหาเพราะผมขาดเรียนหลายวัน ก็ไม่รู้จะตอบเพื่อนไปว่ายังไง นอกจากต้องโกหกไปว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี ที่ไม่ได้ไปเรียนตลอดอาทิตย์เพราะไม่สบายนิดหน่อย ไม่รู้ว่าเพื่อนจะเชื่อหรือเปล่า แต่กุ๊กไก่ก็ไม่ได้ถามอะไรมากกว่านั้นนอกจากบ่น ว่าผมกับเก้าทำไมไม่สบายพร้อมกัน ปล่อยให้เธอไปเรียนคนเดียว ส่วนร่องรอยตามตัวที่ผมแทบช็อกตอนเห็นครั้งแรก เริ่มสีอ่อนลงมากแล้ว เหลือแค่รอยจาง ๆ ที่คงใส่เสื้อผ้าปิดไว้ได้ ยังดีที่เด็กปี 1 อย่างพวกผม ต้องใส่เชิ้ตแขนยาวผูกเนกไทอยู่แล้ว การแต่งตัวเรียบร้อยถูกระเบียบทุกวันจึงไม่ใช่เรื่องแปลก



ผมหอบที่นอนออกมาปูนอนหน้าทีวีในห้องรับแขกเหมือนเดิม หลังจากพักมาทั้งอาทิตย์ พรุ่งนี้คงไปเรียนได้สักที แค่นี้ก็กลัวเรียนไม่ทันเพื่อน แล้วยังมีเรื่องอยากถามกุ๊กไก่กับเก้า ว่าสองคนนั้นรู้เรื่องน่าอายที่เกิดขึ้นกับผมบ้างหรือเปล่า...

ปัง!!



******************

ในที่สุดก็ได้อัพวันนี้ ทั้งที่จริงอยากอัพตั้งแต่เมื่อวาน แต่มันยังไม่สุดค่ะ

ตอนนี้อยู่ดี ๆ ก็ยาวเฉยเลย แล้วดาวไม่อยากตัดเป็นตอนใหม่ เพราะเนื้อหามันค่อนข้างต่อเนื่องกัน

เลยแบ่งอัพเป็นสองพาร์ท ไม่ได้แบ่งเปอร์เซ็นอะไรนะคะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เวลาเดียวกันนี้น่าจะอัพคึ่งหลังได้

ส่วนเรื่องของเนื้อหาและพล็อตของเรื่องนั้น คนที่เคยอ่านเรื่องของน้าเดชนุรันคงรู้กันอยู่แล้ว ว่าเรื่องของลำธาร

ดาวตั้งใจว่าจะเขียนต่อจาก เรื่องของน้าเดชกับนุรัน ซึ่งนั่นมันตั้งแต่ ปี 2559 เนื้อหาหรือพล็อต 

มันเลยอาจจะไปคล้ายคนอื่นบ้าง ทำให้เกิดการคาดเดาว่าเรื่องมันต้องมาอีหรอปนี้ หรือมีกลิ่นน้ำเน่าอยู่บ้าง

อันนั้นดาวไม่รู้จริง ๆ เพราะไม่ได้อ่านนิยายทุกเรื่อง แต่พล็อตนี้เป็นพล็อตเดิมที่ดาวเขียนไว้ ตั้งแต่ปี 2559

เพิ่งจะได้เอามาเขียนต่อ และไม่ได้เปลี่ยนเนื้อหาอะไร นอกจากเปลี่ยนเอาคู่รองออกไปเปิดเรื่องใหม่ (คู่อาเล็ก + กานต์)

เพราะอยากเขียนโฟกัสไปที่คู่หลักคู่เดียว ดังนั้นถ้ามีเบื่อ ๆ บ้างเพราะเจอแนวนี้มาเยอะ ยังไงก็ติดตามดูก่อนนะคะ ดาวว่า

นิยายดาว มันมีความต่างอยู่ในตัวอยู่แล้ว อยากรู้ต้องติดตามตอนต่อไปค่ะ

โดยเฉพาะตอนหน้ามีเสียวแน่  

รักนะคะ

ดาว

27-2-2562

ออฟไลน์ FanclubPong

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ทำไมรอบข้างธารถึงมีแต่คนเลวๆ เก้าโดนอะไรบ้างเพราะหายไปเลย พี่รหัสก็เหี้ยมาก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ AlittleStarWr

  • ดาว ณ แดนดิน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
    • https://www.facebook.com/ALittleStarWriter/?eid=ARB0j1cH0esPR8hRT-dtFbYMb-2_QxYrZHilPjVeZktiZELggHI9krjDA8KpE9EAkE37Y9krMgYPFPvo


กว่าจะลงเอยด้วยคำว่า..รัก ตอนที่ 13 ครึ่งหลัง

ปัง!!

นอนคิดอะไรเรื่อยเปื่อยจนเคลิ้มหลับไปตอนไหนไม่รู้ มาสะดุ้งตื่นอีกทีตอนได้ยินเสียงดังปัง ผมตกใจรีบลุกขึ้นเพ่งสายตาฝ่าความมืดไปทางประตูห้อง พอเห็นว่าเป็นเจ้าของห้องเมากลับมาเหมือนทุกวัน ก็ล้มตัวลงนอนไม่สนใจเขาอีก ใช่..มันควรจะเป็นอย่างนั้น รับรู้การมีอยู่ของกันและกัน แต่ไม่ได้สนใจกันเลย ตอนนี้ผมก็ไม่ควรสนใจเขา ถ้าไม่ได้กลิ่นเหล้าเหม็นหึ่งอยู่ใกล้ ๆ พอหันกลับไปดูก็ถูกอะไรหนัก ๆ โถมทับเข้าใส่ อะไรหนัก ๆ ที่ฉุนไปด้วยกลิ่นเหล้าผสมกลิ่นเหงื่อ อย่างร่างกายสูงใหญ่ของเขา

“ปล่อยนะคุณมานอนทับผมทำไม จะทำอะไรของคุณ!”

“กูอยากเอากับมึง..”

“จะบ้าเหรอปล่อยผม!” ปัดมือของเขาที่กำลังดึงทึ้งเสื้อผ้าของผมอย่างบ้าคลั่ง เขาเมามากจนไม่มีสติ แต่จะมาทำรุ่มร่ามกับผมอย่างนี้ได้ยังไง

“อย่าดิ้นสิวะ!” มือทั้งสองข้างถูกเขาสอดนิ้วประสานเข้ามา แล้วกดลงกับฟูกนอนด้วยแรงที่เหนือกว่า ตัวก็ถูกทับจนแทบขยับไปไหนไม่ได้

“ไม่นะคุณเพลิง อื้อออ” ผมพูดได้เพียงเท่านั้น ปากก็ถูกประกบปิดดูดดึงจนเจ็บไปหมด เขาสอดลิ้นแทรกเข้ามาข้างในควานไปทั่ว รู้สึกได้ถึงแรงดูดหนัก ๆ เหมือนจะกลืนกินทั้งปากของผม รสเหล้าแปร่งปร่าที่ติดลิ้นของเขา แทรกเข้ามาในประสาทการรับรู้ ร่างกายถูกกดทับจนดิ้นไม่ได้ ขาสองข้างถูกทับด้วยน้ำหนักทั้งหมด จากขาของเขาทั้งสองข้างเหมือนกัน และถูกดันให้แยกออกกว้าง

“อย่านะ อย่าทำ..อย่างนี้ อื้อออ คุณ เพลิง!” ผมรีบบอกทันทีที่ปากเป็นอิสระ เมื่อเขาไล่ดูดไล่ขบไปตามซอกคอจนผมเสียวสยิว แต่เขาไม่ฟังและไม่หยุด ยังไล่แตะริมฝีปากร้อนขบเม้มไปทั่ว

“คุณกำลังข่มขืนผม!”

“แล้วไงวะ” เขาถามแล้วก้มลงดูดหนัก ๆ ที่ไหล่ของผม เสื้อตัวเก่าที่คอย้วยยืดตกจากไหล่ เผยให้เห็นหน้าอกบางส่วน คราวนี้เจ็บจี๊ดจนสะดุ้ง ผมเริ่มหายใจไม่ค่อยออก เพราะน้ำหนักที่ทับลงมาทั้งตัว ความนุ่มนิ่มของริมฝีปากล้อมกรอบด้วยตอหนวด ถูไถตามข้างแก้มและใบหู บวกกับกับลมหายใจอุ่นของเขาทำผมขนลุกไปทั้งตัว

เขาตะคอกใส่หน้าผม “มึงรู้ไหม! อาเล็กคิดว่าคืนนั้นกูข่มขืนมึง ทั้งที่กูไม่ได้ทำเหี้ยอะไรเลย!”

“แต่..”

“ทำไมกูต้องถูกเขากล่าวหา ทั้งที่ไม่ได้ทำเรื่องเหี้ย ๆ อย่างนั้น!”

“แต่ตอนนี้คุณกำลังทำ”

“กูเลยจะเหี้ยให้สุดไง! ” แล้วเขาก็ระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่นเหมือนคนเสียสติ มือทั้งสองข้างของผมเป็นอิสระแล้ว แต่กลับทำได้แค่ผลักไหล่เขาดันไว้ ไม่ให้ทิ้งน้ำหนักตัวทั้งหมดทับลงมา ด้วยแรงที่เรียกได้ว่าน้อยนิดเหลือเกินถ้าเทียบกับเขา ผมถูกกอดแน่นจนดิ้นไม่ได้ เขาเริ่มซุกไซ้ใบหน้าไปตามซอกคอ ทั้งขบทั้งกัดจนเจ็บแปลบไปหมด พรุ่งนี้เช้ารอยที่เริ่มจางไปแล้วต้องกลับมาอีกแน่ ๆ ร่างกายส่วนล่างของเราบดเบียดกัน ผมสัมผัสได้ถึงความต้องการของเขา ที่กำลังแข็งขันดุนเนื้อผ้ากางเกงจนนูนเป็นแท่ง มันแข็งมากจนผมเจ็บ เมื่อมันถูกกดลงกับหน้าท้อง

“อย่านะคุณเพลิง”

“หุบปากกูรำคาญ แค่ยอมกูดี ๆ มึงจะไม่เจ็บตัว”

“อ๊ะ! ไม่”

“หึ”

“ผม อย่าทำผม อย่านะคุณเพลิงผมเจ็บอยู่”

“เจ็บก็ช่างหัวมึง เจ็บยังไงกูก็จะเอาอยู่ดีมานี่เลย” เหวอ... ผมร้องเสียงดังเผลอกอดคอเขาแน่น พอสองขาที่ถูกกดให้อ้ากว้างเป็นอิสระ ก็ตวัดเกี่ยวเอวสอบตามสัญชาตญาณทันที เมื่อถูกอุ้มขึ้นแบบไม่บอกกล่าว แต่พอตั้งสติได้ก็ต้องดิ้นพล่านเป็นพัลวัน เพราะจุดหมายปลายทางที่เขากำลังพาไป คือห้องนอนของเขา!

“โอ๊ย! คุณเพลิง อย่าทำอะไรบ้า ๆ นะ!” เขาฟาดมือหนัก ๆ ลงมาบนก้นผม!

“บ้าก็ผัวมึง” เขาวางผมลงบนเตียงไม่เบานัก แต่ก็ไม่ถึงกับโยน ผมรีบกระถดตัวถอยหนี เมื่อเขายืดตัวขึ้นถอดเสื้อหนังสีดำที่ใส่อยู่ออก โยนทิ้งอย่างไม่ไยดี แล้วกระโจนขึ้นมาบนเตียง ผมตะเกียกตะกายหนีไปอีกทาง เลยถูกเขาจับข้อเท้ากระชากกลับมาอย่าแรง

“ปล่อยผม อย่าทำอะไรบ้า ๆ นะคุณเพลิง”

“กูจะทำดี ๆ ก็ได้ถ้ามึงไม่ดิ้นหรือมึงชอบเจ็บตัว สายเอ็มหรือมึง”

“ไม่ผมไม่ให้ทำปล่อยผม! “เพียะ!!

ในความสลัวของโคมไฟหัวเตียง ที่ถูกเปิดทิ้งไว้ตั้งแต่หัวค่ำ ทุกอย่างหยุดชะงักนิ่งทันที หลังเสียงฝ่ามือปะทะเข้ากับแก้มสาก ผมไม่เคยคิดทำร้ายร่างกายเขา ทั้งที่ถูกเขากระทำจนเจ็บหนัก ไม่เคยคิดเลยจริง ๆ จนกระทั่งฝ่ามือผมฟาดใบหน้าเขาเต็ม ๆ แต่ผมขอสาบานว่ามันไม่ได้เกิดจากความตั้งใจ ไม่เลยสักนิด แต่เป็นเพราะผมดิ้นสุดแรง ปัดป้องไม่ให้เขาก้มเข้ามาจูบ เราต่างคนต่างสู้สุดกำลังที่มี เพื่อสิ่งที่ตัวเองต้องการ ผลมันจึงออกมาเป็นแบบนี้

เขากัดฟันแน่นจนกรามนูนเป็นสัน “มึง!”

“ผมไม่ได้ตั้งใจ คุณทำให้ผมต้องป้องกันตัว”

“หุบปาก! “

“อย่า อื้ออออ” ผมมีโอกาสร้องออกมาได้เท่านั้น ก็ถูกเขาตะปบสองมือเข้ากับใบหน้า กระชากไปปิดปากด้วยจูบป่าเถื่อน กดลงมาอย่างคนหิวกระหาย ทั้งดูดทั้งกัดทั้งสอดลิ้นควานไปทั่ว ดูดดึงดื่มกินจนผมหายใจแทบไม่ทัน ไม่รู้เพราะเขาอดอยากมาจากไหน หรือทำไปเพราะความโกรธ แต่ก็สร้างความเจ็บไปให้ผมไปทั้งปาก กลิ่นสนิมเลือดตีขึ้นจมูก ปากผมคงแตกจนบวมเจ่อไปหมดแล้ว

ร่างกายถูกสัมผัสอย่างหยาบคาย เพราะผมไม่ให้ความร่วมมือ เลยถูกจับล็อกใบหน้าด้วยมือแข็งแกร่งทั้งสองของเขา ดึงให้ยืดตัวขึ้นรับจูบ เขาคร่อมอยู่ช่วงเอว นั่งทับกดดันความแข็งขืนคับแน่นลงกับหน้าท้อง ผมสัมผัสได้ถึงความต้องการเต็มเปี่ยม ทิ่มแทงผิวเนื้อผ่านเสื้อผ้าที่เราสวมใส่

“อ๊า!” ผมจิกเล็บเข้ากับต้นแขนแน่น ๆ ของเขา เมื่อส่วนกลางกายไวสัมผัส ถูกบดเบียดด้วยอะไรบางอย่าง ที่กำลังแข็งเป็นท่อนในกางเกงของเขา ร่างถูกดันให้เอนลงไปกับที่นอน ทั้งที่เขาไม่ยอมปล่อยให้ปากผมเป็นอิสระ ซ้ำถูกทับด้วยลำตัวหนาหนัก เขาเปลี่ยนจากการคร่อมกลางลำตัว เป็นทาบทับร่างกายทิ้งน้ำหนักทั้งหมดให้ แทรกตัวเองเข้ามาอยู่ตรงกลางระหว่างขา ที่ถูกบังคับให้ต้องอ้าออกโดยปริยาย ความรู้สึกบางอย่างวูบวาบเข้ามาในประสาทรับรู้ ซาบซ่านไปทั้งตัวจนผมใจหาย ไม่อยากยอมรับเลยว่าการทำแบบนี้ มันสามารถกระตุ้นความรู้สึกร่วมของผมได้เป็นอย่างดี ความรู้สึกตอนถูกท่อนอะไรแข็ง ๆ บดเบียดกับกลางลำตัว

“แค่นี้ก็ครางซะเสียงดังเลยนะมึง”

“ผะ ผมเปล่าปล่อยผมนะคุณ”

“เงียบก่อนที่กูจะรำคาญ” ผมหายใจหอบจนเสียงดัง เมื่อการคุกคามเปลี่ยนเป็นสิ่งที่ผมไม่คาดคิด ข้อมือทั้งสองข้างถูกเขากดไว้ แต่การบดเบียดร่างกายเข้าหากันจนแนบชิด กับริมฝีปากแตะไต่จูบซับเบา ๆ ไปตามขมับ ไล่ผ่านใบหูลงมาถึงจุดน่ากลัวแถวลำคอ ทำให้ผมแปลกใจไปพร้อมกับความรู้สึกบางอย่าง ก่อตัวขึ้นในร่างกายจนอดกลัวไม่ได้

“อย่าทำเลยนะครับได้โปรด อ๊ะคุณเพลิง! “ผมตกใจเลยเผลอร้องเสียงดัง เพราะอยู่ดี ๆ เขาก็ยืดตัวขึ้นอยู่ในท่าคุกเข่า กระชากผมให้ลุกตามแล้วดึงมือผมไปวางตรงกลางลำตัว ที่มีแท่งแข็ง ๆ หลบซ่อนอยู่ในนั้น

“ไม่ทำได้ไงกูอยากจะตายอยู่แล้ว จับดูสิ..จับไว้” ผมไม่ยอมจับ เขาเลยบังคับมือผมให้แบออก แล้วกดคลึงวางทาบนวดไปตามความยาว แค่สัมผัสภายนอกยังจินตนาการไปถึงขนาดของมัน ที่คงจะใหญ่โตจนน่ากลัว เขาจับมือผมกดไว้กับส่วนแข็งแกร่งของตัวเองด้วยมือข้างเดียว ส่วนมืออีกข้างแกะกระดุมกางเกงยีนที่ใส่อยู่รูดซิปลง และยังไม่ทันที่ผมจะได้ดึงมือออก ก็ถูกบังคับให้ล้วงผ่านขอบกางเกงในเข้าไปสำรวจ ขณะที่เขาดึงกางเกงออกจากตัวไปพร้อมกันทั้งสองชิ้น

“จะสะดุ้งทำไมวะ มันเคยเข้าไปในตัวมึงแล้วตั้งค่อนคืน”

“ไม่” ผมส่ายหน้าไม่ยอมรับ พยายามดึงมือกลับแต่ถูกจับไว้แน่น ข้อมือแดงไปหมด ผมผิดเองที่ไม่รีบออกไปอยู่ที่อื่น ผิดเองที่คิดว่าเขาคงไม่ทำแบบนี้กับผมอีก นอนรักษาตัวอยู่ที่นี่เพราะไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหน ในขณะที่ร่างกายยังเจ็บป่วย ช่วงที่ผ่านมาเขาเองไม่ได้สนใจ ไม่มีท่าทีจะทำเรื่องนี้กับผมเลย ผมจึงชะล่าใจ จนไม่คิดว่าเหตุการณ์อย่างนี้จะเกิดขึ้นอีก

มือของผมไม่ได้ถูกบังคับให้จับตรงนั้นของเขาแล้ว แต่ยังถูกยึดไว้ไม่ปล่อย เลยพยายามถอยออกห่าง แต่สะบัดข้อมือให้หลุดยังไงก็ไม่หลุดสักที เขาถอดกางเกงโยนทิ้งไปอีกทางด้วยมือข้างเดียว แล้วถอดเสื้อออก หันมามองผมด้วยแววตาน่ากลัว เหมือนผมเป็นของกินชวนน้ำลายสอ เราสองคนสบตากัน ผมมองเขาด้วยสายตาไม่ปิดบังความหวาดหวั่น ถึงจะเคยรู้สึกดี ๆ กับเขา เคยแอบมองแอบปลื้มเขามาก่อน แต่มันต้องไม่ใช่อย่างนี้สิ

“มึงจะกลัวทำไมมันสนุกจะตาย”

“ผมไม่สนุกด้วยหรอก”

“แต่กูอยากจะตายอยู่แล้วเนี่ยมึงเห็นไหม” เขาบอกพลางเดินเข่าเข้ามาใกล้ ส่วนนั้นชี้ตรงแน่วมาทางผมดูน่ากลัว เพราะมันบ่งบอกว่าอัดแน่นไปด้วยความต้องการจนบวมเป่ง เส้นเลือดพองฟูอยู่รอบ ๆ ทำให้มันน่ากลัวขึ้นมากสำหรับผม เลยรีบเลี่ยงสายตาหันไปมองทางอื่น กระถดตัวถอยจนหลังติดหัวเตียง แต่พอหันกลับมาใบหน้าของเขาก็อยู่ใกล้จนน่ากลัว

“คุณ! “

“ธาร” ผมสั่งตัวเองให้ถอยห่างไม่ได้อีกแล้ว ไม่รู้เพราะหลังติดหัวเตียง หรือเพราะกลีบปากคู่นั้น ที่เรียกชื่อชิดกับริมฝีปากของผม เรียกแล้วเขาไม่ได้พูดอะไรอีก นอกจากแตะริมฝีปากของเราคลอเคลียกันไปมา ความรุนแรงที่เปลี่ยนเป็นความอ่อนโยนกะทันหัน ทำให้ผมทำตัวไม่ถูกจนต้องหลับตาลง ก้อนเนื้อในอกเต้นกระหน่ำ ไม่อยากยอมรับว่าเผลอรู้สึกดี ทั้งที่เขากำลังคุกคามและขืนใจ

“ว่าง่าย ๆ กูจะได้ไม่รำคาญ” เสียงกระซิบดังชิดใบหู ผมขนลุกซู่เพราะความสยิวจนตัวสั่น บอกไม่ถูกว่ามันคือความกลัว หรือเป็นความรู้สึกแบบไหนกันแน่

“อย่าครับ” เสียงปฏิเสธของผม แผ่วเบามากจนแทบหายไปในลำคอ เมื่อความนุ่มหยุ่นของเขากดแนบกับริมฝีปากอีกครั้ง และยังมีอีกหลายครั้งตามมา จนในที่สุดเขาก็ประกบปากลงแนบแน่น สอดแทรกความหวานละมุนเข้ามาป้อน พร้อมวางมือกอบกุมกลางลำตัว ความอุ่นของฝ่ามือใหญ่ เรียกให้ส่วนกลางกายของผมตอบสนองทันที

มัน..ช่างน่าอายเหลือเกิน

ออฟไลน์ AlittleStarWr

  • ดาว ณ แดนดิน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
    • https://www.facebook.com/ALittleStarWriter/?eid=ARB0j1cH0esPR8hRT-dtFbYMb-2_QxYrZHilPjVeZktiZELggHI9krjDA8KpE9EAkE37Y9krMgYPFPvo



ผมกำลังพ่ายแพ้ให้กับอะไรก็ตามที่พยายามต่อต้าน เพราะนอกจากตัวเขา ที่คอยกระตุ้นด้วยความรู้สึกแปลกใหม่ยังเป็นเพราะตัวผมนี่เอง ใจไม่แข็งพอต้านทานความต้องการของตัวเอง เหมือนมีอะไรบางอย่างในตัวกำลังเรียกร้องหาการสัมผัส และมันรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ยามสบตาเข้ากับดวงตาที่เอ่อล้นไปด้วยไฟปรารถนาของเขา ร่างกายตอบสนองมืออุ่นยามเขาลูบไล้ไปตามเนื้อตัว และนั่นทำให้ผมได้รู้ ว่าตัวเองไม่มีเสื้อผ้าเหลือติดตัวแล้ว ถึงไม่อยากยอมรับว่าชอบสัมผัสของเขา แต่ผมกลับเผลอตัวไปตามการนำพาอย่างว่าง่าย มันช่างน่าอายเหลือเกิน

ผมหลงไปกับรสจูบหลอกล่อ หลงไปกับมืออุ่นที่สัมผัส ในขณะที่ใจหนึ่งปฏิเสธ อีกใจกลับเสียดายความซาบซ่าน ที่กำลังเรียกร้องให้ผมทำอะไรสักอย่างตอบสนอง มือของผมถูกจับไปวางไว้กับแท่งเนื้อแข็งแกร่ง ที่ตอนนี้มันร้อนผ่าวจนกลัวจะลวกมือ เขาทำเหมือนกำลังสอนบทเรียน และผมกำลังเรียนรู้ เม็ดตุ่มไตบนหน้าอกถูกปลายลิ้นอุ่นตวัดเลีย ทำผมถึงกับสะดุ้ง เพราะการถูกสัมผัสตรงนั้นครั้งแรกด้วยปลายลิ้น มือที่กำแท่งเนื้อร้อน ๆ ของเขาอยู่ เลยเผลอกำแน่นขึ้นตามระดับความรู้สึกในกาย

เรี่ยวแรงของผมอ่อนเปลี้ยลงเรื่อย ๆ ขัดกับความรู้สึกบางอย่างเต็มตื่นขึ้นมาแทน เมื่อถูกโอบกอดไปพร้อมกับการปลุกเร้า ผมรับรู้ได้ถึงความต้องการของเขา ว่าเขากำลังต้องการผม ยังมีเขาที่ต้องการผมอยู่ตอนนี้ ความรู้สึกว่าจะไม่โดดเดี่ยว ทำให้ผมพอใจและตอบสนอง กดริมฝีปากกับกล้ามหน้าอกแน่นตอนเขายืดตัวขึ้น เอื้อมมือไปเอาอะไรบางอย่างในลิ้นชักโต๊ะข้างหัวเตียง ผมถูกความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อแน่น ล่อใจให้จูบไปทั่ว มารู้สึกตัวก็ตอนเขาละเลงอะไรบางอย่างเย็น ๆ เข้ากับปากทางข้างหลัง

“คุณเพลิง! “

“ชู่...แค่เจล”

“แต่..อื้อออ” ปากถูกปิดด้วยปากสกัดกั้นการประท้วง พร้อมกับนิ้วเปียกลื่นสอดเข้ามาในตัว ผมเสียววาบไม่ใช่เพราะความรู้สึกกระสัน แต่เป็นเพราะตรงนั้นเคยมีบาดแผลที่เพิ่งสมานตัว ทำให้ผมกลัวว่ามันจะเจ็บอีก ผมเกร็งตัวแน่นรัดนิ้วสามนิ้ว แต่เสียงกระซิบที่ดังขึ้นข้างหู ช่วยให้ผมผ่อนคลายลงได้เยอะ

“ถ้าไม่อยากเจ็บตัวอย่ารัด แค่นี้กูก็จะทนไม่ไหวอยู่แล้ว” เขาใช้ริมฝีปากและปลายลิ้น ปลอบประโลมไปตามผิวเนื้ออ่อน ผมก็ยอมเขาอย่างสิ้นท่า โอนอ่อนให้เขาทำทุกอย่างที่ใจปรารถนา เปิดรับเขาอย่างน่าอาย

เขาโอบกอดไว้ด้วยอ้อมแขนรัดแน่น ผมแทบจมเข้าไปในอกกว้าง รู้สึกได้ถึงความขึงขังดุนดันปากทาง ถูไถไปมากับสัมผัสลื่น ๆ สองสามครั้ง แล้วสอดแทรกความแข็งแกร่งชุ่มเจลเข้ามาทีเดียว เหมือนเขาอดรนทนต่อความอยากไม่ได้อีกแล้ว

เหตุการณ์วันที่ผมถูกหยอดยามา จนเขาต้องช่วยปลดปล่อย เหมือนตอนนี้หรือเปล่าผมไม่รู้ เพราะไม่กล้าถาม รู้แต่ว่าตอนนี้ เริ่มแรกที่ร่างกายถูกรุกรานผมเจ็บ ความเจ็บที่แทรกเข้ามาในความรู้สึกคับแน่นจนอึดอัด และอีกความรู้สึกที่ผมไม่กล้าพูดถึงมัน ผมจิกเล็บลงกับแผ่นหลังของเขา ระบายความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก เมื่อเขาแทรกตัวเขามาจนสุดความยาว ทิ่มแทงส่วนลึกล้ำในร่างกาย และทำให้ผมกระวนกระวายมากขึ้น เมื่อเขาแช่ตัวทิ้งไว้อย่างนั้น แล้วเอาแต่เล่นกับตุ่มเนื้อบนหน้าอกผม จนมันเปียกเลอะน้ำลายไปหมด ร่างกายของผมบิดเร่าควบคุมไม่ได้ นอนหลับตาปากเผยออ้ารับอากาศ รับความรู้สึกแปลกใหม่ถาโถมเข้าสู่ร่างกาย

ผมอึดอัดไม่รู้จะทำยังไงเลยขยับตัว และนั่นส่งผลไปถึงบั้นท้าย แท่งเนื้อของเขาเสียดสีเข้ากับอะไรบางอย่างในตัว ความกระสันจู่โจมทันทีจากตรงนั้น ใจผมกระตุกเสียววาบ เมื่อความซาบซ่านจากจุดนั้น ส่งต่อปฏิกิริยาไปยังปลายประสาททุกส่วนในร่างกาย มันทำให้ผมอายจนไม่กล้ามองหน้าเขา ยิ่งได้ยินเสียงหึดังออกมาจากลำคอของเขา ผมยิ่งอย่างให้ทุกอย่างหยุดลงตรงนี้ ทั้งกลัวทั้งอาย แต่อีกใจไม่รักดีกลับเรียกร้องให้ไปต่อ ใจที่อยากรู้ว่าความรู้สึกต่อจากนี้เป็นยังไง ใจที่เรียกร้องหาการสัมผัสที่มากกว่า

....มันตั้งคำถามว่าคืนนั้น ผมถูกเขาสัมผัสแบบนี้ใช่ไหม

“คุณ คุณครับ” ผมเรียกเขาขณะที่ใบหน้าหงายเชิดขึ้น ตอนถูกตอหนวดสาก ๆ ถูไถผิวอ่อนแถวซอกคอ ไม่รู้ว่าเรียกทำไม แต่ข้างล่างก็ขยับตามคำพูดด้วยโดยไม่รู้ตัว

“อะไร”

“ผม” อายเกิดกว่าจะพูดออกมา แต่ถ้าไม่พูดแล้วเขาจะรู้ไหม” ผมอึดอัด”

“อยากให้กูเริ่มว่างั้น” เขาถามด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ผมรู้ว่าไม่ใช่เพราะคอแห้งหรือกระหายน้ำ แต่เพราะเขาเองต้องการอะไรมากกว่านี้เหมือนกัน ผมร้อนผ่าวไปทั้งหน้าจนต้องยกสองมือขึ้นปิด เมื่อเขาก้มลงมาใกล้ขึ้นอีก ไม่รู้ว่าเขาอยากเห็นหน้าผมชัด ๆ หรือแค่อยากเอาปากมาล้อเล่นกับริมฝีปากของผม กดเม้มสองสามที พอผมเผยอปากอ้าขึ้นแค่เล็กน้อย เขาก็ปล่อยความหวานด้วยการสอดปลายลิ้นเข้ามา มันเย้ายวนจนผมเผลอตวัดปลายลิ้นตอบเขาไป

“เมื่อกี้หมาไหนมันบอกไม่ให้กูเอาวะ” เขากระซิบบอกทั้งขยับส่วนนั้นเข้าออกช้า ๆ เป็นจังหวะเนิบนาบน่าขนลุก ผมหายใจหอบถี่ ถ้าเขาล้อผมต้องอายมากแน่ ๆ

“ตอนนี้เป็นยังไง มึงอยากเห็นหน้าตัวเองไหมล่ะ” เขาไม่ได้ต้องการคำตอบ เพราะถามแค่นั้นก็อ้าปากครอบปากผมดูดหนัก ๆ ไล่จูบไล่ขบกัดไปจนถึงตุ่มเนื้อตรงกลางหน้าอก ริมฝีปากอุ่นของเขาทำให้ผมหลงลืม สับสนอยู่ในความล่องลอยที่ปฏิเสธไม่ได้ มันเย้ายวนจนผมทิ้งความเขินอาย กระโจนลงในหลุมอะไรสักอย่าง ที่ขุดล่อด้วยปลายลิ้นและการสัมผัส เขาส่ายเอวเบา ๆ ถอยออกแล้วขยับเข้ามาเนิบนาบ แต่กลับทำให้ผมอยากกรีดร้องเหมือนคนบ้า มันคงน่าขบขันมากสำหรับเขา และผมไม่อยากเป็นตัวตลก

“อ๊ะ! คุณ!”

“ซี๊ดดด กูทนไม่ไหวแล้วแม่งเอ๊ย” เพราะอึดอัดและกลัวเขาจะล้อ ผมเลยขยับตัวจะลุกขึ้น แต่อะไรบางอย่างที่ชำแรกอยู่ในตัว กลับทำให้ผมเกิดความกระสัน เพราะความเสียวสยิวจากการเสียดสี เขาสบถเสียงดังแล้วกอดผมแน่น ขยับรัวเข้าใส่ช่องทางจนแสบไปหมด ร่างกายผมรับการเปลี่ยนแปลงไม่ทัน เกร็งแน่นในอ้อมกอดของเขา

มันเป็นความรู้สึกที่ผมอธิบายไม่ถูก ทั้งที่ใจอยากต่อต้าน แต่ร่างกายกลับทำสิ่งตรงข้าม ทั้งที่ใจบอกว่าไม่ทุกคำ แต่ร่างกายกลับเป็นไปตามกลไกธรรมชาติ กระโจนลงสู่หลุมลึกดำมืด หลุมที่สุมเต็มไปด้วยไฟร้อนแรง พร้อมจะแผดเผาให้มอดไหม้ได้ทุกเมื่อ

...แต่ผม..กลับกระโจนลงไปด้วยความเต็มใจ

ความเร่าร้อนยามเขากระแทกเข้ามา กับความหวามไหวยามถอนตัวออก ริมฝีปากอุ่นที่กดจูบดูดดึงไร้ความถนอม ฟันคมที่ขบกัดอย่างมันเขี้ยว มือร้อนผ่าวที่ลูบไล้สำรวจ ทุกอย่างทำผมแทบขาดใจ เหมือนร่างกายอัดแน่นด้วยประจุไฟฟ้า มันวูบวาบไปหมด และนั่นทำให้ผมตกใจ เมื่อพบว่าตัวเองรู้สึกดีกับสิ่งที่เขาทำ!

ผมถูกจับพลิกให้นอนคว่ำ เขาโอบกอดมาจากข้างหลัง สอดใส่ความแข็งร้อนเขามารวดเดียวจนสุด ขาข้างหนึ่งถูกดันแยกออกกว้าง ให้เขากระแทกถนัดถนี่ ผมอ้าปากรับอย่างลืมอาย เมื่อถูกจับให้หันหน้ากลับไปรับจูบ จนเขาพอใจถึงปล่อย ความเสียวซ่านเริ่มเล่นงานอีกระลอก ต้องซบหน้าลงกับหมอนกัดไว้แน่น มือทั้งสองจิกกำผ้าปูที่นอนจนยับย่น

“รูดของมึงไปด้วย” ได้ยินแว่ว ๆ ว่าเขาบอกให้ทำอะไรบางอย่าง แต่ผมไม่เข้าใจ จนกระทั่งมือข้างหนึ่งที่จิกผ้า ถูกดึงไปวางกับท่อนเนื้อ ที่ยังแข็งไม่เต็มที่ของตัวเอง และพอได้รับสัมผัสจากมืออุ่นเท่านั้นแหละ จากที่ยังไม่ตื่นตัวเต็มที่ ตอนนี้มันทั้งแข็งทั้งร้อน ส่วนปลายบวมเป่งเหมือนกำลังจะปริแตก ความอยากถาโถมเข้าใส่จนตั้งรับไม่ทัน ผมคงบ้าไปแล้ว ไม่ต้องให้เขาบอกอะไรอีก ผมเร่งมือสาวแท่งเนื้อตามจังหวะกระแทกกระทั้น ตกลงสู่ห้วงเหวที่เต็มไปด้วยเปลวเพลิงเร่าร้อน แต่กลับมืดดำจนมองไม่เห็นทางขึ้น ความวูบวาบหวามไหวแผ่กระจายไปทั่ว จังหวะสอดใส่ถี่รัวรับกับแรงสาวรูด ครางกระเส่าราวกับทรมาน

ในที่สุดผมก็พบกับความว่างเปล่าเบาหวิว ปลายปริ่มน้ำใสในคราแรก ปลดปล่อยของเหลวขาวขุ่นออกมา คนข้างหลังยังเร่งตัวเองรัวแรง ผมหลุดเสียงครางลากยาว แต่กลับรู้สึกถึงความไม่สุด เลยรีบสาวรูดตัวเองรัว ๆ มือข้างหนึ่งยังจิกผ้าปูที่นอนแน่น บั้นท้ายขยับสวนเข้าใส่เขาไม่รู้ตัว ร่างผมเกร็งกระตุกเฮือก ของเหลวขาวขุ่นพุ่งออกมาอีกระลอก รับรู้ถึงความเบาหวิวเหมือนร่างกายกำลังล่องลอย

“มึง! โอ๊ะสัด!! รัดกูไปอีก “แต่ผมยังไม่หลุดจากพันธนาการ ถูกเขาตะปบที่เอวด้วยมือทั้งสองแข็งปานคีมเหล็ก กักบังคับให้บั้นท้ายกระแทกสวนรัว ๆ รู้สึกถึงความใหญ่โตร้อนผ่าวเร่งเข้าออก มันร้อนเร่าจนกลัวจะลุกเป็นไฟ รับรู้ถึงความเกร็งแน่นของร่างกายสูงใหญ่ และในที่สุด ผมก็ได้ยินเสียงครางคำรามต่ำของเขา พร้อมกับแท่งเนื้อที่เน้นย้ำเข้าลึกสุด เต้นกระตุกรัวอยู่ภายใน ร่างกายของผมหลุดเข้าสู่ห้วงความผ่อนคลาย ถึงได้รู้ว่าตัวเองขมิบรัดเขาแน่น

ผมหายใจหอบ เหงื่อซึมออกมาตามไรผม มันเหนื่อยแต่กลับ..รู้สึกบางเบา ในความง่วงผมตื่นตัว เป็นความรู้สึกแปลกใหม่ที่ไม่ค่อยเข้าใจนัก เขาทิ้งตัวทับลงมา ไม่สนใจเลยว่าผมจะหนักแค่ไหน แถมยังไม่ยอมถอนส่วนนั้นออกไปจากตัวผม ตัวเขาเองก็เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อไม่น้อยไปกว่ากันเลย

“ปล่อยผมสิ”

“เงียบ! “คิดว่าตัวเองควรออกไปได้แล้ว แต่พอขยับตัวจะลุกขึ้น ก็ถูกเขารวบกอดไว้จากข้างหลังแน่น การดิ้นหนีของผมทำให้ร่างกายของเราหลุดจากกัน แต่ผมกลับยังหลุดไปจากอ้อมแขนแข็งแรงคู่นี้ไม่ได้เลย

“ผมจะไปอาบน้ำ”

“อาบทำไมยังไม่เสร็จ”

“ก็เมื่อกี้”

“นั่นมันแค่รอบแรก มึงคิดว่ารอบเดียวมันพอสำหรับกูหรือไง”

“แต่..”

“กูไม่พักแม่งแล้ว!”



*******

ตอนที่ 13 น่าจะเป็นตอนที่ยาวที่สุด แต่ NC มีบ่อย ๆ จะดีมั้ย 555

ยังไงเจอกันตอนหน้าดีกว่าค่ะ ไม่อยากพูดมากเดี๋ยวเผลอสปอยด์ อิอิ

(เมื่อกี๊พิมพ์ไปแล้วแต่ลบทันไง)

สุขสันต์วันสิ้นเดือนะคะ

ดาว

28-2-2562

ออฟไลน์ สีหราช

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 320
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-1

ออฟไลน์ AlittleStarWr

  • ดาว ณ แดนดิน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
    • https://www.facebook.com/ALittleStarWriter/?eid=ARB0j1cH0esPR8hRT-dtFbYMb-2_QxYrZHilPjVeZktiZELggHI9krjDA8KpE9EAkE37Y9krMgYPFPvo



**เนื้อหายังไม่รีไรท์



กว่าจะลงเอยด้วยคำว่ารัก 14

#ลำธาร



อีกไม่กี่ชั่วโมงจะเช้าอยู่แล้ว เขาถึงยอมปล่อยให้ผมนอนดี ๆ ส่วนเขาเองเหมือนจะหลับไปทันทีเหมือนกัน หลังจากตักตวงเอาความสุขจากร่างกายของผมหมดแรง ทิ้งเพียงบางสิ่งบางอย่างไว้ในตัวผม แต่จะโทษเขาคนเดียวคงไม่ได้ เพราะผมใจอ่อนเองด้วย หลับไปได้ไม่นานหลังจากนั้น ก็ต้องตื่นขึ้นมาอีกทั้งที่นอนยังไม่เต็มอิ่ม ใจมันกังวลอยู่ตลอดว่าต้องรีบลุกขึ้นมาเก็บของ ผมตัดสินใจแล้วว่าจะไปอยู่ที่อื่น และต้องไปวันนี้ ส่วนคุณลุงพิภพค่อยหาโอกาสบอกทีหลัง ถ้าผมอยู่ที่นี่ต่อไปมันอาจจะไม่จบแค่นี้ ผมไม่อยากเป็นที่ระบายของเขา



คนนอนข้าง ๆ ยังหลับไม่รู้เรื่อง แต่ทั้งที่หลับเป็นตายอย่างนั้น เขายังไม่วายข่มเหงวางอำนาจกับผม ด้วยการพาดทั้งท่อนแขนและท่อนขากักตัวผมไว้ ไม่ได้สนใจว่าผมจะหนักหรือนอนไม่สบายสักนิด ผมกลั้นหายใจตอนจับแขนเขาออกจากช่วงอก ค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่งแล้วยกขาหนัก ๆ ของเขา ที่ก่ายอยู่บนต้นขาตามออกไป แอบปล่อยลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก เมื่อจับแขนจับขาของเขาออกจากตัวได้หมดแล้ว แต่เขายังหลับเป็นตายอยู่เหมือนเดิม ผมลุกจากเตียงเก็บเสื้อผ้าที่ถูกเขาโยนทิ้งไว้แถวนั้นมาใส่ลวก ๆ รีบออกจากห้อง อาบน้ำแต่งตัวแล้วรีบมาเก็บของก่อนเขาจะตื่น แต่ยังทำอะไรไม่เสร็จดีเขาก็เดินหน้าตึงเข้ามา จนผมรีบเอากระเป๋าซ่อนแทบไม่ทัน ทั้งที่ไม่รู้ว่าทำไมต้องซ่อน



“ไปไหนของมึง” เขาถามเสียงห้วน แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงตัวสั่น เขาหมายความว่ายังไง หรือเขารู้แล้วว่าผมจะไปอยู่ที่อื่น แอบเหลือบหางตามองไปทางกระเป๋าที่ซ่อนไว้ กลัวเขาสังเกตเห็น ทั้งที่ไม่รู้ว่าถ้าเห็นแล้วเขาจะสนใจหรือเปล่า นั่นสินะเขาจะมาสนใจของไร้ค่าพวกนั้นทำไม

“กูถาม! “

“ผม ผมจะไปเรียน”

“วันนี้กูไม่มีเรียน มึงไม่อยากอยู่กับกู?” ใครจะไปอยากอยู่ด้วย แต่ผมทำได้แค่ตอบในใจเท่านั้นแหละ ตอนนี้อย่าว่าแต่ตอบคำถามเขาเลย แค่เงยหน้าขึ้นคุยกับเขาผมยังไม่กล้า

“ผมมีเรียน”

“ไปไหนก็ช่างหัวมึง”

“ครับ”

“กวนตีน!”

“ผมเปล่า”

“กูติดใจมึงหรือเปล่าวะ จะไปเรียนก็รีบไปรีบกลับ ยิ่งโง่ ๆ อยู่เดี๋ยวก็โดนเขาหลอกไปทำมิดีมิร้ายอีก” พูดอย่างกับว่าอยู่ที่นี่ ผมจะไม่ถูกทำมิดีมิร้ายอย่างนั้นแหละ เขาบอกแค่นั้นก็เดินออกไปเลย ผมเหลือบหางตาไปทางกระเป๋าเสื้อผ้าอีกครั้ง ตั้งใจแน่วแน่ว่าจะไม่กลับมาให้เขารังแกอีก มันจะไม่ให้มีแบบนั้นอีกแล้ว



“อ้อ” เฮือก!!

“เป็นเหี้ยอะไรของมึง แค่นี้ถึงกับตกใจ”

“เอ่อ ไม่มีอะไรครับคุณจะเอาอะไร”

“หาของกินไว้ให้กูด้วย เดี๋ยวกูไปอาบน้ำออกมาต้องได้กิน”

“ครับ” ผมตกใจ ตกใจมากจนสะดุ้ง เพราะเอาแต่คิดเรื่องไปอยู่ที่อื่น เอาแต่คิดเรื่องกระเป๋าที่ยัดของเข้าไว้ลวก ๆ ไม่เป็นระเบียบเพราะรีบ จับได้อะไรก็ยัด ๆ เขาไป ดีที่ข้าวของของผมมีไม่เยอะ เลยไม่ต้องวุ่นวายตอนขนออกไปนัก ไม่คิดว่าเขาจะเดินกลับเข้ามาอีก แต่ก็โล่งใจที่เขาแค่เดินมาบอกเท่านั้น ก็เดินกลับไปทางห้องนอน ไม่ได้สนใจอาการแตกตื่นผิดปกติของผมเลย



แล้วทำไมผมต้องตกใจด้วยล่ะ เขาอาจจะไม่สนใจด้วยซ้ำถ้าผมไม่กลับมา อาจจะต้องการแบบนี้อยู่แล้ว เพราะเขาเองก็ไม่ได้ต้อนรับ ไม่ได้อยากให้ผมมาอยู่ด้วยแต่แรก ก็คงเป็นอย่างนั้นแหละ ผมรีบเปิดตู้เย็นหาของออกมาเตรียมทำอะไรไว้ให้เขากิน รีบทำให้เสร็จจะได้รีบออกไปก่อนเขาจะออกมา



*****************



“ธารแน่ใจแล้วเหรอ”

“แล้วทำไมเราจะไม่แน่ใจล่ะกุ๊กไก่”

“ก็..เราว่าธารอยู่กับพี่เพลิงก็ดีแล้วนะ”

“เราเกรงใจพี่เขาน่ะ ออกมาอยู่ข้างนอกสบายใจกว่า” หลังหมดเวลาเรียนภาคบ่าย ตอนนี้ผมกับกุ๊กไก่ยืนอยู่หน้าหอในมหาวิทยาลัย เมื่อเช้าตอนออกมาจากคอนโด ผมโทรหาเก้าจะถามเรื่องหอพัก เพราะเห็นว่าเก้าอยู่หอน่าจะพอรู้จักหรือแนะนำได้บ้าง แต่เก้ากลับกำลังจะย้ายออกไปอยู่ข้างนอกพอดี เลยให้มาอยู่ที่ห้องแทนได้ ผมนี่โล่งเลย

“แล้วเก้าจะมาหาเราไหม ทำไมขาดเรียนหลายวันก็ไม่รู้ โทรไปก็ไม่รับ”

“เห็นบอกจะมาพรุ่งนี้นี่ กุ๊กไก่นั่งรอตรงนี้นะเดี๋ยวเราไปคุยกับคนดูแลหอก่อน” กุ๊กไก่นั่งรอที่ม้าหินอ่อนหน้าหอ เพราะเป็นหอชายจึงห้ามผู้หญิงเข้าข้างใน ส่วนหอหญิงจะอยู่ถัดไปอีกคนละฝั่ง กั้นไว้ด้วยสวนสุขภาพรอบบึงเล็ก ๆ ให้พักผ่อนหย่อนใจ

หลังอ่านกฎระเบียบอะไรเข้าใจดีแล้ว ผมรับกุญแจห้องที่เก้าฝากไว้มาจากคนดูแลหอ เพื่อเอาของขึ้นไปเก็บ เพราะเก้าจัดการไว้ให้ผมเรียบร้อยแล้วทุกอย่างตั้งแต่เมื่อเช้า ที่สำคัญผมไม่ต้องจ่ายค่าหอเพราะเก้าจ่ายแล้ว ที่นี่เก็บค่าหอพักเป็นเทอม ค่าน้ำค่าไฟไม่ต้องจ่ายเพิ่ม ราคาถ้าหารเฉลี่ยออกมาต่อเดือน ก็ถือว่าถูกมากทีเดียว แต่ถึงอย่างนั้นผมต้องคืนส่วนที่ต้องจ่ายให้ก้าวด้วยอยู่ดี



ผมตื่นเต้นมากเมื่อมาหยุดอยู่หน้าห้องบนชั้นสอง หอเป็นตึกสูง 3 ชั้น กำพวงกุญแจในมือแน่นจนเหงื่อชื้นไปหมด ไม่รู้ว่าชีวิตหลังจากนี้จะเป็นยังไงต่อไป แต่สิ่งเดียวที่ผมทำได้คือทำทุกอย่างให้ดีที่สุด หลังจากก้าวออกมาจากตรงนั้น ขอให้ที่นี่เป็นที่เริ่มต้นใหม่ของผม มันคงยังไม่สายไป และหลังจากนี้ผมจะก้าวไปด้วยตัวเอง



สูดหายใจเข้ายาว ๆ เรียกความมั่นใจ แต่มือยังสั่นไม่หายตอนยื่นกุญแจไปไจเปิดห้อง ไม่รู้ทำไมต้องตื่นเต้นไม่รู้ทำไมหัวใจต้องเต้นผิดจังหวะ พยายามหายใจเข้าลึก ๆ อีกหลายครั้ง กว่าผมจะสอดลูกกุญแจเข้ากับลูกบิดได้ แต่...

“เฮ้ยอะไรวะ!! “

“เอ่อ ขอโทษครับ” ผมรีบก้มหน้าลงมองพื้น หลังจากเผลอมองคนที่ยืนอยู่กลางห้องจนตาค้าง เพราะเสียมารยาทเปิดประตูพรวดพราดเข้ามา ไม่ได้เคาะหรือส่งเสียงเตือนอะไรเลย จึงเจอเข้าเต็ม ๆ กับผู้ชายคนหนึ่ง ที่มีเพียงผ้าเช็ดตัวผืนเดียวพันร่างเขายืนอยู่กลางห้อง น่าจะเพิ่งอาบน้ำเสร็จ ตามตัวยังมีหยดน้ำเกาะเต็มไปหมด ถือเป็นคนที่รูปร่างดีมาก แต่ผมลืมไปได้ยังไง ว่าเมื่อเช้าเก้าบอกว่าอยู่กับรูมเมตปีหนึ่งจากคณะนิติศาสตร์ ได้จับคู่กันโดยการสุ่มจับสลาก



“ลำธารใช่ไหม”

“ครับผมชื่อลำธารเรียกธารก็ได้ครับ”

“เออ กูเป้นั่นเตียงไอ้เก้า มึงชอบนอนใกล้หน้าหน้าต่างไหม” ผมมองตามมือที่ชี้ให้ดู แล้วเลยมองไปรอบห้องกว้างพอดีสำหรับอยู่ 2 คน ภายในห้องมีเตียงขนาดนอนได้คนเดียวให้สองเตียง วางขั้นด้วยชั้นวางของติดผนัง ข้างเตียงอีกฝั่งเป็นโต๊ะเขียนหนังสือ เตียงวางชิดผนังฝั่งหนึ่ง ส่วนฝั่งตรงข้ามเป็นตู้เสื้อผ้า พร้อมห้องน้ำไม่กว้างมาก

“เรานอนตรงไหนก็ได้ หรือถ้าเป้อยากเปลี่ยนมานอนใกล้หน้าต่างก็ได้นะ”

“เออ อยู่ไปเถอะตอนแรกก็อยากได้อยู่หรอกไอ้เตียงติดหน้าต่างเนี่ย แต่มาไม่ทันไอ้เก้ามันเลยได้เลือกก่อน”

“เป้จะย้ายก็ได้นะเรานอนเตียงข้างในได้”

“นอน ๆ ไปเถอะ”

“ยินดีที่ได้รู้จักนะเป้”

“เออ แล้วนี่มึงออกไปไหนอีกหรือเปล่า” ผมเผลอสูดหายใจเข้าเสียลึก จนได้กลิ่นสบู่หอมสดชื่นจากตัวเป้ เพราะหันกลับไปเจอเขายืนอยู่ใกล้ ๆ แทบจะติดหลังผม ทั้งที่ตอนแรกยังเก็บนั่นเก็บนี่อยู่เตียงตัวเองแท้ ๆ ไม่รู้เดินมาตอนไหน แล้วทำไมไม่รีบไปแต่งตัวสักที ผมควรบอกให้เขาไปแต่งตัวก่อนดีไหม

“ไป ไปครับเพื่อนเรารออยู่ข้างล่าง” สายตาแปลก ๆ ของเป้ ทำให้ผมอึดอัดจนไม่กล้าหายใจแรง หรือที่จริงผมไม่อยากหายใจเอากลิ่นหอมเย็นจากตัวเขา แต่ไม่ว่าจะยังไง มันก็ทำให้ผมทำตัวไม่ถูกเอาเสียเลย “ดะ เดี๋ยวเราต้องไปแล้วแค่เอาของขึ้นมาเก็บ”

“เหรอ ไปไหนกันวะถามได้หรือเปล่า”

“ไม่ได้ไปไหนไกลหรอกครับ แค่ออกไปกินข้าวแถวนี้”

“หึ” ผมไม่ชอบเสียงหัวเราะแบบนี้เลย ได้ยินแล้วรู้สึกเหมือนถูกใครบางคนตามหลอกหลอนยังไงไม่รู้สิ “ไหนเพื่อนมึงรออยู่ไหน ใช่คนที่นั่งอยู่ม้าหินอ่อนนั่นหรือเปล่าวะ”

“อ๋อ ใช่ครับ” เป้เปิดประตูออกไปยืนเกาะลูกกรงระเบียงห้อง ชะโงกหน้าลงไปข้างล่าง ทั้งที่นุ่งแค่ผ้าผ้าเช็ดตัวผืนเดียว ดีที่ห้องนี้อยู่ตรงกับทางเข้าหอ มีต้นไม้ที่ผมไม่รู้จักชื่อปลูกไว้ กิ่งของมันเลื้อยขึ้นมาถึงระเบียงเลยยังพอช่วยบังให้ได้บ้าง แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ไม่ควรออกไปข้างนอกทั้งสภาพแบบนี้ไม่ใช่หรือไง พอผมตอบรับเป้เลยหันกลับมามอง พร้อมกับสายตาแปลก ๆ อีกแล้ว

“เพื่อนหรือแฟนกันแน่วะ มึงนี่ไม่ธรรมดาเลยนะ เห็นท่าทางเรียบร้อยแต่มีสาวควงแล้ว แล้วที่ไอ้เก้าฝากดูแลนี่จะให้กูดูแลอะไรมึงอีกวะ”

“เปล่า ๆ เพื่อนเราจริง ๆ เพื่อนเก้าด้วย แล้วก็ไม่ต้องดูแลอะไร เราดูแลตัวเองได้ขอบใจนะ”

“อืม..เพื่อนจริงเหรอ ถ้าไม่ใช่แฟนงั้นกูจีบได้ไหม”

“หา!! “

“หึ มึงจะตกใจอะไรกูแค่ขอจีบเพื่อนมึง หรือมึงหวง ตกลงเป็นเพื่อนกันจริงหรือเปล่าวะ”

“เพื่อนจริง ๆ ครับแต่ว่าเรื่องจีบ..” คือใครจะจีบใครผมก็ไม่มีสิทธิ์ว่าหรือห้าม แต่ควรจะถามเจ้าตัวเขาไม่ใช่หรือไง

“หึ ๆ มึงนี่ตลกนะ แค่กูขอจีบเพื่อนทำหน้าอะไรของมึงอย่างนั้น”

“ก็..เราไม่รู้จะตอบยังไงนี่นา”

“เออ ๆ ไม่ต้องหวงเพื่อนมึงกูไม่จีบหรอก กูไม่ได้ชอบผู้หญิง”

“มะ หมายความว่าไง” ไม่ได้ชอบผู้หญิงถ้าอย่างนั้นก็ต้อง...



ชักกลัวรอยยิ้มกับแววตาของเป้แล้วสิ ตอนแรกผมอาจจะไม่เข้าใจ ว่าทำไมเขาถึงได้มองผมด้วยสายตาแปลก ๆ แต่ตอนนี้ ผมน่าจะรู้คำตอบแล้วใช่ไหม เขาไม่ได้ชอบผู้หญิงนั่นก็แปลว่าชอบผู้ชาย..ได้ไหมนะ แล้วที่มองผมแบบนั้นเขาหมายความว่ายังไง ผมคิดเข้าข้างตัวเองมากเกินไปหรือเปล่า เขาคงไม่คิดอะไรกับผมแบบนั้นหรอกใช่ไหม

“หมายความว่ากูไม่เอาผู้หญิงไง กูเป็นเกย์!”

“อ๋อ เหรอเข้าใจแล้ว”

“แล้วไง มึงไม่กลัว? ทำไมยอมรับได้ไวนักวะ?” เผลอบีบตัวจนลีบ ท่าทางคงดูตลกมากสำหรับเขา ผมไม่ได้ตกใจที่ได้รู้ว่าเป้เป็นเกย์ เพราะผมเองถึงจะยังเขินที่จะพูดออกมาว่าตัวเองเป็น แต่ก็ยอมรับมาตั้งแต่เจอพี่ชายใจดีคนนั้นแล้ว ว่าผมชอบผู้ชาย แต่ที่เป้ทำให้ผมตกใจ เพราะตอนนี้เขาเอาแต่เดินรอบตัวผม เหมือนกำลังสำรวจหรือจับผิดอะไรสักอย่าง ผมแค่ย้ายเข้าหอนะยังไม่ได้ทำอะไรผิดเลย หรือเขาจะดูออก อย่างนี้ใช่ไหมที่เขาเรียกว่าผีเห็นผี จะว่าผมแสดงออกมากเกินไปก็ไม่น่าจะใช่

“ว่าไง กลัวกูจับทำเมียไหมมึง”

“เอ่อ..” ผมถอยห่างออกจากเป้สองสามก้าว แต่เขาก็ยังก้าวตามมา ทำให้ระยะห่างลดลงเหมือนเดิม “เก้าบอกเราว่าเป้เป็นคนดี เป้คงไม่ทำอย่างนั้นกับเราหรอกจริงไหมล่ะ”

“มึงไว้ใจผู้ชายไม่ได้ทุกคนหรอก”

“เป้ คือเราก็เป็นผู้ชายนะ”

“ผู้ชายที่น่าจับกดไงมึงน่ะ”

“เป้! “เผลอเรียกเสียงดัง ไม่คิดว่าเขาจะคิดกับผมแบบนี้ ไม่คิดว่าเขาจะพูดมันออกมาตรง ๆ และคำพูดตรง ๆ ของเขานอกจากจะทำให้ผมตกใจ ยังทำให้ผมคิดไปถึงใครบางคน ใครบางคนที่เพิ่งทำอะไรต่อมิอะไรกันมาเมื่อคืน คิดถึงเสียงของเขาตอนบอกว่าอยากมีอะไรกับผม แถมเมื่อเช้าเขายังพูดอีกว่าติดใจ คำพูดน่าอายที่เขาพร่ำบอกตอนทำอะไรกับร่างกายของผม นั่นเป็นเพราะว่าเขาคิดอย่างที่เป้คิดหรือเปล่านะ

“ขาว ผิวใสกิ๊กแต่เนียนละเอียดน่าขยำให้ช้ำเขียวคามือ จมูกนิดปากหน่อยแถมยังแดงฉ่ำจนน่ากัด ท่าทางคงจะนุ่มนิ่มจนดูดเพลิน แล้ว..”

“ขอโทษนะ แต่เป้อย่าพูดอย่างนี้อีกได้ไหม เราไม่ค่อยชอบเท่าไหร่” ต้องตัดบท เพราะทนฟังเป้พูดสาธยายอะไรที่เกี่ยวกับตัวผมทำนอนนั้นไม่ไหว

“มึงนี่ดูแปลก ๆ นะ ทำไมต้องหน้าแดงด้วยวะ”

“เป้ก็แปลกเหมือนกันนั่นแหละ”

“เออ ๆ ไม่รีบไปอีกเดี๋ยวเพื่อนมึงรอจนเฉาแล้ว”

“ครับ เราจะไปเดี๋ยวนี้ล่ะ เป้จะออกไปไหนไหม”

“ไม่ว่ะขี้เกียจ เดี๋ยวกูนอนรอมึงอยู่ห้องนี่ล่ะ”

“เอ่อ ไม่ต้องรอก็ได้” ผมช้อนตาขึ้นมองหน้าเป้อีกครั้ง แล้วหันหลังรีบออกจากห้องไป ทำไมเป้ถึงได้พูดแบบนี้ เขาพูดจริงหรือพูดเล่นหรือแค่หลอกให้ผมกลัว แล้วทำไมต้องหลอก เมื่อเช้าเก้าบอกว่ารูมเมตที่อยู่ด้วยกันนิสัยดีไว้ใจได้ แต่ผู้ชายที่นุ่งแค่ผ้าเช็ดตัวผืนเดียวเดินไปทั่ว ทั้งที่มีคนเพิ่งเจอกันอยู่ในห้อง นี่ยังเรียกว่านิสัยดีได้อยู่หรือเปล่า



ผมออกไปหาอะไรกินกับกุ๊กไก่ เราพยายามโทรชวนเก้าออกมาแต่เขาติดธุระ ผมอยากใช้เวลาโอ้เอ้อยู่ข้างนอกนาน ๆ เพราะยังไม่อยากกลับห้องไปอยู่กับคนแปลก ๆ อย่างเป้ คำพูดของเขาทำให้ผมเริ่มกลัว แต่ก็ไม่รู้จะทำอะไร กุ๊กไก่เองถึงเวลาก็ต้องกลับบ้านเหมือนกัน เราเลยต้องแยกย้าย สุดท้ายผมก็จำใจกลับมาที่ห้อง และถูกมองด้วยสายตาแปลก ๆ ของเป้ จนถึงเวลาเข้านอนผมง่วงมากแต่กลับนอนไม่หลับ



ผมเงยหน้าขึ้นมองไปยังท้องฟ้า บนฟ้ามืด ๆ ไม่มีดาวอย่างที่อยากเห็น มันเลยดูเคว้งคว้างอ้างว้าง บางทีฟ้าอาจจะเข้าใจความรู้สึกของผม เลยไม่ปล่อยให้ดาวออกมาเปล่งแสงระยิบระยับอย่างที่คิดไว้ ผมยืนมองท้องฟ้ามืด ๆ หม่น ๆ จนยุงเริ่มกวน แต่เพราะความระแวงกลัวว่าเป้จะทำอะไรอย่างที่พูด ทำให้ผมกังวลจนนอนไม่หลับ จะกดโทรหาเพื่อนก็เกรงใจเพราะคงนอนกันหมดแล้วทั้งเก้าทั้งกุ๊กไก่ แต่พอคิดว่าพรุ่งนี้ยังต้องตื่นแต่เช้าเลยกลับเข้าห้อง ในความสลัวภายในห้อง เป้นอนหลับไม่รู้เรื่อง เรียกว่าหลับเป็นตายก็ว่าได้ เขาไม่ได้มีท่าทีจะทำอะไรอย่างที่พูดสักนิด แต่ก็เป็นเขาเองไม่ใช่หรือ ที่บอกว่าผมไว้ใจผู้ชายคนไหนไม่ได้ ผมควรระวังตัวไว้นั่นแหละดีที่สุด



ผมตื่นแต่เช้าเตรียมตัวไปเรียน เป้ตื่นหลังจากนั้นไม่นาน ผมจะออกไปจากห้องแล้วเขายังอาบน้ำไม่เสร็จ แต่นั่นก็ดีแล้ว เพราะผมไม่อยากอยู่ในสถานการณ์ที่เขาเดินไปรอบห้อง ทั้งที่นุ่งแค่ผ้าเช็ดตัวผืนเดียวนักหรอก ถึงหุ่นเขาจะดูดีมาก ๆ ในแบบผู้ชายเจ้าสำอางที่ดูแลตัวเองดี ถึงจะไม่มีกล้ามแน่น ๆ เหมือนคุณชาย แต่ก็น่ามองอยู่มากทีเดียว แต่เดี๋ยวนะ! ทำไมผมถึงต้องเอาเป้ไปเปรียบเทียบกับคนใจร้ายคนนั้นด้วยล่ะ

ออฟไลน์ AlittleStarWr

  • ดาว ณ แดนดิน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
    • https://www.facebook.com/ALittleStarWriter/?eid=ARB0j1cH0esPR8hRT-dtFbYMb-2_QxYrZHilPjVeZktiZELggHI9krjDA8KpE9EAkE37Y9krMgYPFPvo



“เฮ้ยมึงอย่าเพิ่งไปรอก่อนออกไปพร้อมกัน”

“แต่เราแต่งตัวเสร็จแล้ว เป้ยังไม่ทำอะไรเลย”

“น่ารอแป๊บเดียวเดี๋ยวไปส่งที่คณะ”

“แต่...”

“อย่าเรื่องมากน่า รอแป๊บเดียวเดี๋ยวกูไปส่ง” เป้ไม่สนใจที่ผมปฏิเสธ เดินไปแต่งตัวหน้าตู้เสื้อผ้า ซึ่งเป็นตู้ไม้สร้างแบบติดผนัง แบ่งเป็นสองช่องให้สำหรับสองคน แอบส่องในตู้เห็นเสื้อผ้าเป้เยอะทีเดียว และก็ดูรกมากด้วย แตกต่างจากตู้ฝั่งของผม ที่นอกจากชุดนักศึกษาก็มีเสื้อผ้าธรรมดาอยู่ไม่กี่ชุด เลยดูโล่งมาก

“เสร็จแล้วไปได้ เดินสิวะกูจะล็อกห้องเนี่ย” เชื่อเขาเลย เป้สามารถทำทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยในเวลาไม่ถึง 5 นาที ผมยังแอบสำรวจตู้เสื้อผ้าฝั่งของเขาไม่ทั่วด้วยซ้ำ เราสองคนเดินลงมาข้างล่าง เป้เดินนำไปข้างหอ ตรงนั้นจะเป็นที่จอดรถมอเตอร์ไซค์

“ขึ้นมาอย่ามัวแต่ขำ”

“น่ารักดีนะ แต่เราว่าไม่เข้ากับหน้าเป้เลย” นอกจากไม่เข้ากับหน้าแล้ว เป้ยังตัวใหญ่จนอดสงสารรถคันเล็กนิดเดียวไม่ได้ แล้วนี่เขายังจะให้ผมซ้อนท้ายอีกเหรอ รถจะวิ่งไปไหวแน่เหรอ

“รถเก่าพี่สาวน่ะ เขาไม่ใช้แล้วเลยเอามาใช้ จะซื้อใหม่ก็เกรงใจพ่อแม่ไง”

“อืม ก็คงเหมาะกับเป้ล่ะมั้ง”

“เหมาะมาก ๆ เลยล่ะ ใครเห็นก็ขำกันใหญ่ แต่มึงจะขึ้นมาได้หรือยัง” ผมก้าวขาขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ทรงน่ารักของเป้ ไม่รู้ว่าเป็นรุ่นอะไรยี่ห้อไหน หรือจะใช่รถที่เขาเรียกกันว่าเวสป้าหรือเปล่า ผมไม่มีความรู้เรื่องนี้เลย รู้อยู่อย่างเดียวว่ามันต้องเป็นรถผู้หญิงแน่ ๆ ล่ะ เพราะนอกจากรูปร่างของรถที่ออกไปทางน่ารักแล้ว ยังสีเหลืองอ๋อยเป็นขมิ้นเชียว

“โหสาวบริหารมีแต่คนตู้ม ๆ ทั้งนั้นเลยว่ะมึง” เป้ทำท่าทางเหมือนคนน้ำลายสอยามเห็นของเปรี้ยว

“ไหนบอกไม่ชอบผู้หญิง”

“อาหารตาโว้ยไปล่ะ” เขามาส่งผมทิ้งไว้หน้าคณะ ก่อนไปยังย้ำว่ามีอะไรให้ผมโทรหาเขา เราแลกเบอร์กันแล้วตั้งแต่เมื่อคืน ผมมองส่งจนเป้ขับรถห่างออกไปไกล จึงหันหลังเดินขึ้นตึกเรียน รู้สึกเสียวสันหลังวาบ ๆ เหมือนกำลังถูกจ้องมอง แต่พอหันกลับไปดูทางเดิมก็ไม่เห็นมีอะไร นักศึกษาคนอื่น ๆ ก็พากันทยอยขึ้นตึกเพื่อเรียนวิชาแรกของวัน ผมเลยหันหลังกับขึ้นห้องเรียนบ้าง



ตลอดอาทิตย์นี้ ชีวิตผมเรียบง่าย ตื่นเช้ามาเรียน เลิกเรียนเดินกลับหอ บางวันเก้าไปส่ง ตอนนี้เก้าเอารถที่บ้านมาใช้ เป็นรถกระบะคันใหญ่ที่เหมาะกับเขาดี บางวันก็ได้กุ๊กไก่ไปส่งบ้าง หลังจากเรานั่งเล่นนั่งทำการบ้านโอเอ้อยู่แถวคณะจนเย็น แต่ตอนเช้าเป้จะมาส่งทุกวัน ซึ่งผมเกรงใจพวกเขามาก เพราะไม่อยากเป็นภาระให้เพื่อน ๆ แต่ก็ไม่เคยปฏิเสธใครได้สักที โดยเฉพาะเก้าที่ถ้าผมเอ่ยปากปฏิเสธเมื่อไหร่เป็นได้ถูกดุตลอด กุ๊กไก่กับเป้เลยเอาบ้าง ตอนนี้กลุ่มของพวกเราเลยมีเป้เป็นสมาชิกเพิ่มมาอีกคนแล้ว



เป็นชีวิตเรียบง่ายแบบที่ผมชอบ และเขา..คุณเพลิง หลังจากวันนั้นเราก็ไม่เจอกันอีกเลย เขาอาจจะไม่ได้สนใจว่าผมหายไปไหน ถึงตึกเรียนของบริหารกับวิศวะจะอยู่ใกล้กัน แต่ผมก็พยายามเลี่ยงไม่เดินไปทางฝั่งวิศวะมากนัก และผมเพิ่งมีเรื่องดี ๆ เข้ามาเกินกว่าจะใส่ใจเรื่องนั้น ผมได้งานที่คาเฟ่หลังมหาวิทยาลัย เป็นร้านน่ารักในธีมตามสั่งติดแอร์ ขายอาหารตามสั่งเมนูง่าย ๆ รวมทั้งของหวานพวกเค้ก ไอศกรีม และเครื่องดื่มทั้งชากาแฟ ไปจนถึงชาไข่มุก น้ำปั่นผลไม้เพื่อสุขภาพก็มี แอบตื่นเต้นนิดหน่อย เพราะวันเสาร์นี้ผมจะได้เริ่มงานเต็มตัว หลังจากฝึกงานวันละชั่วโมงหลังเลิกเรียนมาสองวัน



มีอีกอย่างหนึ่งที่ผมยังค้างคาใจคือเรื่องวันนั้น ผมเลยพยายามตามหาพี่ณัฐ แต่ก็ไม่เจอเขาเลยตั้งแต่วันที่เราไปกินเลี้ยงกัน ส่วนเก้าจากที่ไม่ค่อยพูดตอนนี้แทบไม่พูดอะไรเลย ทั้งที่ยังมาเรียนและไปไหนมาไหนด้วยกันเหมือนเดิม แต่รู้สึกว่าเขาพูดน้อยลง ต่างจากกุ๊กไก่ที่ยังพูดมากเหมือนเดิม



“อาทิตย์หน้าเราอาจจะลาทั้งอาทิตย์” เก้าบอกตอนที่พวกเรานั่งเล่นอยู่โต๊ะประจำหน้าคณะ หลังเรียนวิชาสุดท้ายของภาคบ่ายเสร็จ ผมกับกุ๊กไก่หันไปมองหน้าเก้าพร้อมกันทันทีที่เขาพูดจบ

“ทำไมลานานขนาดนั้นล่ะเก้า” กุ๊กไก่ถามหน้าตื่นท่าทางแปลกใจ ผมเองก็แปลกใจเหมือนกัน ปกติเก้าแทบไม่ยอมขาดเรียน ขนาดกุ๊กไก่ชวนโดดวิชาเดียวยังไม่ยอม แถมเป็นคนต้อนพวกผมให้เข้าเรียนตลอด แต่ดันมาบอกว่าจะลานานเป็นอาทิตย์ขนาดนั้น เป็นใครก็ต้องแปลกใจ

“ว่าจะกลับบ้านน่ะ แต่ยังไม่แน่ถ้าไม่เห็นมาก็แปลว่าลานั่นแหละ”

“จะเก็บชีตเรียนไว้ให้นะ” ผมบอก

“อืมฝากด้วย”

“แต่เก้าไม่ได้มีปัญหาอะไรหรอกใช่ไหม มีเรื่องอะไรบอกได้นะ” เพราะผมสังเกตมาหลายวันแล้ว ว่าเก้าเหมือนมีเรื่องอะไรบางอย่างให้คิดอยู่ตลอดเวลา ถึงจะทำตัวปกติ แต่มันก็ไม่ค่อยปกติเท่าไหร่นักหรอก

“ไม่มีไม่ต้องเป็นห่วงน่า หรือจะเป็นห่วงดี เห็นช่วงนี้ใครบางคนมีรุ่นพี่วิศวะมาจีบหรือเปล่าวะ”

“เอ่อ..” เก้าบอกแล้วมองหน้ากุ๊กไก่ยิ้ม ๆ คนถูกมองชะงักไป แล้วกลับมายิ้มได้เหมือนเดิม ส่วนผมได้แต่มองหน้าเพื่อนสองคนสลับกันไปมา แอบงงนิดหน่อย

“มีข่าวอะไรที่เรายังไม่รู้หรือเก้า” นั่นสิทำไมผมตกข่าว เรามาเรียนก็อยู่ด้วยกันตลอด หรือจะเป็นช่วงที่ผมต้องไปฝึกงานที่ร้านหลังเลิกเรียน

“ถามกุ๊กไก่สิ” ผมหันไปทางกุ๊กไก่ พร้อมกับเครื่องหมายคำถามบนหน้าผาก กุ๊กไก่เหมือนคนทำตัวไม่ถูกแต่ผิวแก้มแดงเรื่อ

“ไม่มีอะไรหรอกแค่รุ่นพี่รู้จักกัน”

“แล้วใครล่ะ” ผมถามยิ้ม ๆ ถึงกุ๊กไก่จะบอกว่าแค่รุ่นพี่รู้จักกัน แต่ผมยังไม่ลืมที่เก้าพูดว่าอะไรจีบ ๆ นั่นหรอกนะ

“ก็พี่ออฟไง”

“พี่ออฟ? “ชื่อนี้คุ้นนะว่าไหม ขอร้องล่ะอย่าให้เป็นอย่างที่ผมคิดเลย

“ใช่พี่ออฟเพื่อนพี่เพลิงไง” ยอมรับว่าตกใจมาก และยิ่งตกใจจนหันขวับไปมองแทบไม่ทันเมื่อกุ๊กไก่พูดต่อ “รู้จักกันวันที่เราไปเที่ยวไง ก็อย่างที่เล่าให้ฟังว่าเราฝากธารกลับกับพี่เพลิงเพราะพักอยู่ด้วยกัน พี่ออฟเลยไปส่งเรา แต่ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้นหรอกเก้าพูดเกินจริง”

“แต่เห็นนะว่าแอบไปกินข้าวกับพี่เขาด้วยน่ะ” เก้าไม่ยอมถูกว่าง่าย ๆ

“แค่ไปกินข้าวที่โรงอาหารเอง” กุ๊กไก่เสียงสูงไปนะ “เพื่อนพี่เขาก็ไปพี่เพลิงก็ไปด้วยนะธาร ไม่ได้ไปแค่เรากับพี่ออฟสองต่อสองซะเมื่อไหร่ล่ะ” ทำไมผมรู้สึกไม่สบายใจเลย ที่ได้ยินว่ากุ๊กไก่ค่อนข้างสนิทกับสองคนนั้น ทั้งที่หลายวันมานี้ ผมไม่ได้ยินชื่อเขาเลย แต่วันนี้กลับได้ยินตั้งหลายรอบ แล้วกุ๊กไก่ไปกับกินข้าวกับพี่ออฟกับคุณเพลิงตอนไหน ทำไมผมไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน ต้องเป็นตอนที่ผมไปฝึกงานแน่ ๆ ไม่รู้หรือว่าพวกเขาเป็นตัวอันตราย ถึงพี่ออฟจะเคยช่วยผม ถึงเขาจะดูเป็นคนดี แต่มาเป็นเพื่อนกับคุณชาย Bad Boy ได้ ผมก็ไม่อยากไว้ใจเขานักหรอก

“ไม่มีอะไรจริง ๆ นะ ธารก็รู้จักพี่เพลิงไม่ใช่เหรอ” เพราะผมรู้จักเขาไงมันถึงน่าห่วง กุ๊กไก่ถามแล้วหลบตาผมเหมือนมีอะไรบางอย่างที่ไม่อยากพูดถึง แต่ผมยังไม่อยากเซ้าซี้ตอนนี้เลยไม่ถามต่อ

“อืม” ผมตอบได้แค่นั้น ทั้งที่ไม่อยากคิดอะไรมาก แต่มันก็อดเป็นห่วงไม่ได้ ผมไม่อยากให้กุ๊กไก่มายุ่งเกี่ยวอะไรกับคนพวกนั้น ถึงพี่ออฟจะเป็นคนมาจีบกุ๊กไก่ แต่พวกเขากินเที่ยวด้วยกัน ขนาดกุ๊กไก่ไปกินข้าวกับพวกเขาผมยังเพิ่งรู้ แล้วถ้าเขาชวนไปเที่ยวหรือทำอะไรอย่างอื่น ผมจะทำยังไง ก็รู้ ๆ กันอยู่ว่าพวกนั้นเขามั่วกันมากแค่ไหน

“ถ้าโอเคก็ดีแล้วล่ะ” เก้าบอก

“แต่มีอะไรบอกกันบ้างนะเก้า พักหลังนี้แกเงียบไปนะ” ผมเห็นด้วยกับกุ๊กไก่เลย บางทีเก้าก็เงียบผิดปกติ จนไม่กล้าชวนคุย

“ก็มีเรื่องให้คิดอยู่เหมือนกันนั่นแหละ แต่ไม่ต้องห่วงเราจัดการได้”

“โอเค แต่ถ้ามีเรื่องอะไรอย่าปิดกันนะ”

“ธารดูแลตัวเองดี ๆ นะ กุ๊กไก่ด้วย เรากลับก่อนวันนี้ไม่ได้ไปส่งนะธาร” เก้าบอกแค่นั้นก็เดินแยกออกไปทันที ท่าทางรีบทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังคุยกันสบาย ๆ อยู่เลย ตลอดทั้งอาทิตย์ที่ผ่านมา ก่อนแยกย้ายกันเก้ามักจะย้ำผมกับกุ๊กไก่อย่างนี้เสมอ จนผมอดสงสัยไม่ได้ ว่าอาจจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับเก้า



ผมมองตามจนเก้าเดินไปถึงรถ แต่ยังไม่ทันได้เปิดประตู ก็ถูกใครบางคนเดินเข้าไปดึงแขนไว้ก่อน เก้าสะบัดแขนออกอย่างแรง หันไปกระชากคอเสื้อของใครคนนั้นอย่างเอาเรื่อง ผมกำลังจะลุกวิ่งไปหาเก้าแล้ว เพราะกลัวเกิดเรื่องกับเขา แต่เห็นทั้งสองพูดอะไรกันหลายคำ เลยรอดูอยู่ที่เดิม สองคนคุยกันไม่นาน ใครคนนั้นก็เดินหัวเราะจากไป เก้าเองพอขึ้นรถได้ ก็ขับกระชากออกไปอย่างแรง จนกลัวว่าจะไปชนคนอื่นเข้า ผมจะไม่เป็นห่วงเพื่อนมากขนาดนี้เลย ถ้าคนที่เข้ามาคุยกับเก้าจะไม่ใช่พี่เก่ง ไม่รู้ว่าสองคนนี้ไปรู้จักกันตั้งแต่ตอนไหน หรือตั้งแต่วันที่เก้าไปช่วยผมที่ห้องน้ำ ถ้าเป็นอย่างนั้นคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ เพราะเก้าดูหัวเสียและโมโหให้พี่เก่งมาก



“มีอะไรเหรอธาร”

“เปล่าไม่มีอะไร เราไปไหนต่อ”

“สวัสดีครับน้องธาร น้องกุ๊กไก่เลิกเรียนแล้วใช่ไหมครับวันนี้”

“พี่ออฟ! พี่เพลิง!” เสียงทักแรกคุ้นหูแต่ผมยังนึกไม่ออกว่าเป็นเสียงใคร จนได้ยินเสียงกุ๊กไก่ทักตอบนั่นแหละ ถึงได้รู้และตัวสั่นขึ้นมาเฉย ๆ เหมือนผมทำอะไรผิดไว้ ยิ่งหันกลับมาผมยิ่งเสียวสันหลังวาบ เมื่อสองคนเดินมานั่งลงที่โต๊ะเดียวกัน

คุณเพลิง! เป็นเขาจริง ๆ ด้วย

“พี่มาชวนกุ๊กไก่ไปกินไอติมครับ ไปด้วยกันนะธาร”

“เอ่อ ผม..” เพราะจะเริ่มงานเต็มวันพรุ่งนี้ วันนี้ผมเลยว่างไม่ต้องไปฝึกงาน แต่ผมก็ไม่อยากไปกับเขา แต่ถ้าผมไม่ไปด้วยกุ๊กไก่ก็ต้องไปกับผู้ชายสองคนนะสิ ผมว่ากุ๊กไก่ควรปฏิเสธ แต่..

“ไปนะธาร กุ๊กไก่อยากกินไอติมตั้งแต่เมื่อวานแล้ว จะได้ไม่บ่นให้ธารรำคาญอีกไง”

“แต่ เรา..”

“ไปเถอะวันนี้พี่เลี้ยงเต็มที่” พี่ออฟชวนแล้วหันไปมองกุ๊กไก่สายตาหวานแปลก ๆ แต่นั่นมันน่ากลัวสำหรับผม

“ไปนะธาร” ถึงจะเอ่ยชวนแต่ทำไมผมรู้สึกเหมือนกุ๊กไก่กำลังขอร้อง

“คือเรา..”

“ไปด้วยกัน” เฮือก!! ไม่รู้ทำไมผมต้องตกใจ แต่พอเขาพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ เย็น ๆ ว่าไปด้วยกัน หลังจากนั่งเงียบอยู่นาน ผมก็เผลอตกใจจนเกือบสะดุ้ง ตั้งแต่เขาเข้ามานั่งตรงข้ามผม ส่วนพี่ออฟนั่งตรงข้ามกับกุ๊กไก่ โต๊ะม้าหินอ่อนทรงสี่เหลี่ยม เราเลยได้นั่งเผชิญหน้ากันพอดี แต่ผมกลับไม่กล้าแม้แต่จะเหลือบตาขึ้นมองหน้าเขา ทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิด แต่สายตาของเขาที่มองตอบมา เห็นแล้วเหมือนผมกำลังถูกลงโทษยังไงก็ไม่รู้

“ธารต้องไปอยู่แล้วแน่นอนค่ะพี่เพลิง”

“ไปกันเถอะ ให้ธารไปกับมึงเดี๋ยวกูไปกับกุ๊กไก่เจอกันที่ร้าน ตามนั้น”

“แต่..”

“ลุก! “ พอเงยหน้าขึ้นกุ๊กไก่กับพี่ออฟก็เดินออกไปแล้ว ผมกำมือแน่นจนเกร็งไปหมด ตอนนี้เหลือแค่ผม ที่นั่งเหมือนรากงอกติดม้าหินอ่อน กับคนตาดุที่จ้องตาขวางน่ากลัว ทำไมต้องให้ผมไปด้วย ทำไมต้องให้ผมไปกับเขา ดูหน้าก็รู้ว่าไม่ได้เต็มใจสักนิด

“ไม่ได้ยินที่กูบอกหรือไงลุกขึ้น” เขาไม่ได้ตะคอกเหมือนเคย ไม่ได้คิดว่าเขาใจดีหรือใจเย็นลง แต่อาจจะเป็นเพราะอยู่ข้างนอกเขาเลยไม่อยากให้ใครมองว่าตัวเองเป็นคนยังไง ก็คงจะเป็นอย่างนั้นนั่นแหละ



เขาเดินนำผมลัดไปทางตึกวิศวะ จนถึงที่เขาจอดรถไว้ แล้วหันมามองผมด้วยหางตา ผมคิดว่าไปเองน่าจะดีกว่า แต่พอเขาหันมามองอีกทีด้วยสายตาดุ ๆ เหมือนกำลังสั่งให้ขึ้นรถได้แล้ว ผมเลยจำใจเดินไปปีนขึ้นนั่งซ้อนท้ายเขาอย่างเลี่ยงไม่ได้



“โอ๊ยคุณ! “พอปีนขึ้นไปนั่งซ้อนท้ายเขาได้ เบาะที่สูงและเทลาดมาข้างหน้า ทำให้ผมรู้สึกโหวง มันน่ากลัวจนต้องก้มลงไปหาเขา แต่พอเขาจะออกรถผมหวาดเสียวกลัวตก เลยเผลอกอดเอวเขาไปเต็ม ๆ และเขาก็ปัดมือผมออกทันที ไม่ใช่สิต้องเรียกว่ากระชากออกจะถูกกว่า

“อย่ามากอดกู”

“ผมขอโทษผมไม่ได้ตั้งใจ แต่มันสูงผมกลัว เฮ้ย!” เขาบิดคันเร่งอย่างแรงจนรถกระชาก ผมรีบจับชายเสื้อที่เขาใส่อยู่ แล้วก็ต้องรีบปล่อยทันทีเพราะกลัวเขาด่าอีก ตลอดทางผมต้องนั่งก้มและเกร็งตัวไว้ ไม่ให้ตัวเองไหลไปถูกตัวเขา แต่มันเป็นไปได้ยากมาก เพราะเบาะรถที่เทลาดมาข้างหน้ามันชันมากทีเดียว ผมเกร็งจนปวดเมื่อยไปหมด มาถึงร้านก็แทบขยับลงจากรถไม่ได้ เพราะเหน็บเริ่มกินขาเมื่อยตัวไปอีก



บรรยากาศการกินไอศกรีมของพวกเราอึดอัดมาก จนอยากให้มันผ่านไปเร็ว ๆ กุ๊กไก่คุยกับพี่ออฟ หันมาคุยกับผมบ้างบางครั้ง ส่วนผมกับเขา เอาแต่นั่งเงียบ ผมไม่กล้ามองหน้าเขาตรง ๆ แต่สังเกตเห็นว่าเขาคงชอบกินไอศกรีมมาก เพราะเขาสั่งมาถ้วยใหญ่พิเศษ แล้วเอาแต่ตั้งหน้าตั้งตากินไม่สนใจใครเลย



“ถึงเวลากลับไปทำหน้าที่ของมึงแล้ว” อยู่ดี ๆ เขาก็พูดขึ้นมาลอย ๆ ตอนนี้ที่โต๊ะมีแค่ผมกับเขา พี่ออฟเดินไปสั่งไอติมถ้วยใหม่ กุ๊กไก่ไปเข้าห้องน้ำ เลยเหลือผมกับเขาอยู่ที่โต๊ะกันสองคน

“ไม่! ผมไม่กลับ” ผมกัดฟันบอกเสียงเบา เพราะต้องพยายามบังคับไม่ให้เสียงตัวเองสั่น ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจดีว่าห้ามมันไม่ได้ ตอนนี้มือผมก็เริ่มสั่นแล้วด้วย แต่ผมไม่อยากกลับไปให้เขาทำร้ายอีก

“ลืมแล้วหรือไงว่ามึงมีหน้าที่รับใช้กูทุกอย่าง!” เขากัดฟันพูดเน้นคำว่าทุกอย่างหนัก ๆ ซึ่งนั่นเข้าใจได้ไม่อยาก ว่าทุกอย่างของเขาหมายถึงอะไรบ้าง และผมจะไม่มีวันยอมเด็ดขาด ผมตัดสินใจแล้วไม่มีเหตุผลอะไรที่ผมต้องกลับไป

“มันไม่ใช่หน้าที่ของผม ผมออกมาแล้ว”

“ก็..แล้วแต่มึงก็แล้วกัน เดี๋ยวกูหาคนไปทำแทนก็ได้ งานบ้านน่ะหาไม่อยากหรอก งานบนเตียงยิ่งหาง่ายถามเพื่อนมึงดูสิ” พูดทิ้งท้ายไว้เท่านั้นก็หันไปมองกุ๊กไก่ที่เดินกลับมาพอดี ผมเงยหน้ามองเพื่อน แต่ยังไม่เข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร

“จริงไหมน้องกุ๊กไก่”

“อะไรจริงหรือคะพี่เพลิง”

“ที่ตกลงกันไว้” กุ๊กไก่มีสีหน้าตกใจจนเห็นได้ชัด ใบหน้าน่ารักซีดเผือดลงปากเผยอค้างสั่นระริก แต่ไม่นานก็เหมือนจะตั้งสติได้ เลยหันมามองหน้าผมทำท่าทาเหมือนกำลังกลบเกลื่อนอะไรบางอย่าง

“คือ..”

“กุ๊กไก่เอาไอติมเพิ่มไหม มาช่วยพี่เลือกขนมไปฝากที่บ้านหน่อยเร็ว”

“ค่ะ” เหมือนพี่ออฟจะรู้จังหวะหรือผมคิดมากไป กุ๊กไก่หันไปตอบรับพี่ออฟ แล้วหันกลับมามองหน้าผมกับคุณเพลิงสลับกัน ค่อยลุกออกไปพร้อมกับสีหน้าลำบากใจ

“คุณทำอะไรเพื่อนผม” เขาแสยะยิ้มที่ดูยังไงก็ไม่น่ามองสักนิด มันไม่เข้ากับใบหน้าหล่อเหลาของเขาเลย เมื่อหันมาทางผมพร้อมแววตาดุคู่นั้น ที่บอกว่าคนจะมาแทนผมไม่ใช่ใครที่ไหนไกลเลย

“กูยังไม่ได้ทำอะไร แต่ถ้ามึงยังอยากอยู่หอกับผัวใหม่ต่อก็แล้วแต่มึง”

“แล้วที่คุณพูดเมื่อกี้ คุณตกลงอะไรกันกับเพื่อนผม” เขาแสยะยิ้มดูอารมณ์ดีขึ้นกว่าตอนแรกมากจนผมนึกหมั่นไส้ แววตามีประกายสนุกหรี่มองผมอย่างท้าทาย จนผมกำมือแน่น “บอกผมมานะคุณเพลิง!”

“อย่ามาขึ้นเสียงใส่กู!” เขาตะคอกบอก แต่ยังรักษาระดับเสียงให้ได้ยินกันแค่สองคน นัยน์ตาขี้เล่นยามเห็นผมร้อนรนเปลี่ยนเป็นจริงจัง “อยากรู้เหรอ”

“บอกผมมาสิ”

“หึ ถามเพื่อนมึงดูสิ” ทำไมผมต้องมาอยู่ในสถานการณ์อึดอัดอย่างนี้ด้วยก็ไม่รู้ สถานการณ์ที่ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง นอกจากนั่งฟังเขาเย้ยหยันเล่นแง่ใส่

“กูไปสูบบุหรี่” เขาบอกตอนพี่ออฟเดินกลับมาพร้อมกุ๊กไก่ และถุงใส่ขนมอีกหลายถุง

“เดี๋ยวพี่มานะ” พอพี่ออฟตามออกไปผมเลยหันมากทางกุ๊กไก่ ที่คงรู้ดีอยู่แล้วว่าผมกำลังจะถามอะไร

“ธาร”

“กุ๊กไก่ตกลงอะไรกับเขาเหรอ”

“คือ..” กุ๊กไก่กัดปากตัวเองท่าทางลำบากใจ นั่นยิ่งทำให้ผมอยากรู้ว่าเขาพูดอะไรกับเพื่อนผม ทำไมกุ๊กไก่ถึงมีท่าทางแบบนี้

“บอกเรามาเถอะ”

“วันที่เราไปเที่ยวแล้วธารเมา” จริง ๆ ผมไม่ได้เมาเหล้า แต่ทุกคนคงคิดว่าผมเมาเพราะดื่มเหล้าหมดแล้ว “วันนั้นมีคนจะเอาตัวธารไป เรากับเก้าตามไปช่วยแต่พวกนั้นมีหลายคน เราไปเจอพี่เพลิงกับพี่ออฟพอดี เลยขอให้ตามไปช่วย แล้วพี่เพลิงกับพี่ออฟก็ช่วยธารไว้ได้ จากนั้นก็เหมือนที่เล่าให้ฟังนั่นแหละ”

“แล้วเรื่องข้อตกลง” กุ๊กไก่ก้มหน้ากัดปากล่างตัวเองแน่น

“ตอนแรกพี่เพลิงจะไม่ไป แต่เรายังขอร้องเขา พี่เพลิงเลยขอแลกกับ..กับการที่เราต้องนอนกับเขาคืนหนึ่ง เขาถึงจะยอมไปช่วยธาร”

“บ้าที่สุด! กุ๊กไก่ก็รับปากเขาเหรอ “ กุ๊กไก่พยักหน้ารับทั้งที่ยังไม่เงยหน้าขึ้นมา แต่ทำไม ทำไมเขาถึงได้ยื่นข้อตกลงอะไรที่มันร้ายกาจเห็นแก่ตัวอย่างนี้

“เราเป็นห่วงธารมาก แล้วเราก็ไม่รู้จะช่วยยังไง พวกนั้นมีหลายคน ตอนนั้นพี่ณัฐกับเก้าก็หายไปไหนแล้วไม่รู้” กุ๊กไก่บีบมือตัวเองแน่น ผมไม่คิดว่าจะมีเพื่อนเสียสละให้ผมได้มากถึงขนาดนี้ “เพราะเราผิดเองที่ชวนธาร เราผิดเองที่อยากเที่ยว แล้วพอธารโดนแบบนั้น จะไม่ให้เราทำอะไรเลยเหรอ”

“แล้วเรื่องจีบ”

“เราไม่รู้ธารหลังจากไปส่งเราคืนนั้น พี่ออฟเขาก็มาหาตลอด แต่พี่เพลิงเขา..ไม่รู้สิธารถามพี่เพลิงเองเถอะ”

“แต่เขาไม่ได้ขู่อะไรกุ๊กไก่ใช่ไหม” กุ๊กไก่แค่ส่ายหน้า แต่ในแววตาคู่นั้นบ่งบอกถึงความงุนงงอยู่ไม่น้อย แล้วผมจะทำยังไงดี ทำไมเรื่องมันถึงได้ออกมาเป็นแบบนี้ เขาคิดจะทำอย่างนั้นกับกุ๊กไก่จริง ๆ ใช่ไหม แต่คนอย่างเขาจะทำอะไร จะนอนกับใครมันก็เป็นเรื่องง่าย ๆ อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ผมก็เคยเห็นเขาจัดปาร์ตี้อะไรพวกนี้มาแล้วนี่

“กลับกันเถอะ ธารกลับกับไอ้เพลิงนะเดี๋ยวพี่ไปส่งกุ๊กไก่เอง”

“ไปนะธาร”

“ครับ” ผมตอบรับเบา ๆ แต่ไม่คิดจะไปกับเขาเหมือนที่พี่ออฟบอก มองตามจนสองคนนั้นออกจากร้านไป ผมจึงเดินออกจากร้านไปบ้าง คุณเพลิงนั่งอยู่ที่รถคันใหญ่ของเขา ท่าทางไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจอะไรเลย แต่ผมไม่อยากพูดไม่อยากคุยกับเขาอีกแล้ว เลยรีบเดินผ่าน

“อย่าลืมนะว่าเวลาของมึงหมดแล้ว”

“คุณไม่มีสิทธิ์มาสั่งผม”

“กูจะไปธุระ ตอนกลับถึงห้องกูต้องเห็นมึงอยู่ที่นั่น ไม่อย่างนั้นกูจะเอาเพื่อนมึงไปอยู่แทน!” เขาบอกแล้วหันไปใส่หมวกกันน็อก ก้าวขึ้นนั่งบนรถ ผมรีบวิ่งเขาไปใกล้ จะบอกเขาให้ได้ยินชัด ๆ ว่าไม่ไป แต่ยังไม่ทันได้อ้าปากพูด เขาก็ขับรถออกไปก่อนแล้ว ทิ้งให้ผมยืนมองตามท้ายรถของเขาจนลับตา

“ผมไม่ไปไหนทั้งนั้น!” เสียงรถเขาดังออกขนาดนั้นไม่รู้จะได้ยินไหม แต่เสียงดังกวนชาวบ้านอย่างนี้ ขอให้ถูกตำรวจจับด้วยเถอะ สาธุ!



*************

จ้า ให้มันขี่ล้มจนหัวฟาดพื้นไปเลยมั้ยลูก 

เด็กคนนี้นี่...มีแช่งสามีตัวเอง ได้ไง

เอาเป็นว่า ธารจะเอายังไง เจอกันตอนหน้าจ้าาา

6-3-2562

ดาว

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ AlittleStarWr

  • ดาว ณ แดนดิน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
    • https://www.facebook.com/ALittleStarWriter/?eid=ARB0j1cH0esPR8hRT-dtFbYMb-2_QxYrZHilPjVeZktiZELggHI9krjDA8KpE9EAkE37Y9krMgYPFPvo

ออฟไลน์ AlittleStarWr

  • ดาว ณ แดนดิน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
    • https://www.facebook.com/ALittleStarWriter/?eid=ARB0j1cH0esPR8hRT-dtFbYMb-2_QxYrZHilPjVeZktiZELggHI9krjDA8KpE9EAkE37Y9krMgYPFPvo



**เนื้อหายังไม่รีไรท์



กว่าจะลงเอยด้วยคำว่ารัก 14

#ลำธาร




อีกไม่กี่ชั่วโมงจะเช้าอยู่แล้ว เขาถึงยอมปล่อยให้ผมนอนดี ๆ ส่วนเขาเองเหมือนจะหลับไปทันทีเหมือนกัน หลังจากตักตวงเอาความสุขจากร่างกายของผมหมดแรง ทิ้งเพียงบางสิ่งบางอย่างไว้ในตัวผม แต่จะโทษเขาคนเดียวคงไม่ได้ เพราะผมใจอ่อนเองด้วย หลับไปได้ไม่นานหลังจากนั้น ก็ต้องตื่นขึ้นมาอีกทั้งที่นอนยังไม่เต็มอิ่ม ใจมันกังวลอยู่ตลอดว่าต้องรีบลุกขึ้นมาเก็บของ ผมตัดสินใจแล้วว่าจะไปอยู่ที่อื่น และต้องไปวันนี้ ส่วนคุณลุงพิภพค่อยหาโอกาสบอกทีหลัง ถ้าผมอยู่ที่นี่ต่อไปมันอาจจะไม่จบแค่นี้ ผมไม่อยากเป็นที่ระบายของเขา



คนนอนข้าง ๆ ยังหลับไม่รู้เรื่อง แต่ทั้งที่หลับเป็นตายอย่างนั้น เขายังไม่วายข่มเหงวางอำนาจกับผม ด้วยการพาดทั้งท่อนแขนและท่อนขากักตัวผมไว้ ไม่ได้สนใจว่าผมจะหนักหรือนอนไม่สบายสักนิด ผมกลั้นหายใจตอนจับแขนเขาออกจากช่วงอก ค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่งแล้วยกขาหนัก ๆ ของเขา ที่ก่ายอยู่บนต้นขาตามออกไป แอบปล่อยลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก เมื่อจับแขนจับขาของเขาออกจากตัวได้หมดแล้ว แต่เขายังหลับเป็นตายอยู่เหมือนเดิม ผมลุกจากเตียงเก็บเสื้อผ้าที่ถูกเขาโยนทิ้งไว้แถวนั้นมาใส่ลวก ๆ รีบออกจากห้อง อาบน้ำแต่งตัวแล้วรีบมาเก็บของก่อนเขาจะตื่น แต่ยังทำอะไรไม่เสร็จดีเขาก็เดินหน้าตึงเข้ามา จนผมรีบเอากระเป๋าซ่อนแทบไม่ทัน ทั้งที่ไม่รู้ว่าทำไมต้องซ่อน



“ไปไหนของมึง” เขาถามเสียงห้วน แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงตัวสั่น เขาหมายความว่ายังไง หรือเขารู้แล้วว่าผมจะไปอยู่ที่อื่น แอบเหลือบหางตามองไปทางกระเป๋าที่ซ่อนไว้ กลัวเขาสังเกตเห็น ทั้งที่ไม่รู้ว่าถ้าเห็นแล้วเขาจะสนใจหรือเปล่า นั่นสินะเขาจะมาสนใจของไร้ค่าพวกนั้นทำไม

“กูถาม! “

“ผม ผมจะไปเรียน”

“วันนี้กูไม่มีเรียน มึงไม่อยากอยู่กับกู?” ใครจะไปอยากอยู่ด้วย แต่ผมทำได้แค่ตอบในใจเท่านั้นแหละ ตอนนี้อย่าว่าแต่ตอบคำถามเขาเลย แค่เงยหน้าขึ้นคุยกับเขาผมยังไม่กล้า

“ผมมีเรียน”

“ไปไหนก็ช่างหัวมึง”

“ครับ”

“กวนตีน!”

“ผมเปล่า”

“กูติดใจมึงหรือเปล่าวะ จะไปเรียนก็รีบไปรีบกลับ ยิ่งโง่ ๆ อยู่เดี๋ยวก็โดนเขาหลอกไปทำมิดีมิร้ายอีก” พูดอย่างกับว่าอยู่ที่นี่ ผมจะไม่ถูกทำมิดีมิร้ายอย่างนั้นแหละ เขาบอกแค่นั้นก็เดินออกไปเลย ผมเหลือบหางตาไปทางกระเป๋าเสื้อผ้าอีกครั้ง ตั้งใจแน่วแน่ว่าจะไม่กลับมาให้เขารังแกอีก มันจะไม่ให้มีแบบนั้นอีกแล้ว



“อ้อ” เฮือก!!

“เป็นเหี้ยอะไรของมึง แค่นี้ถึงกับตกใจ”

“เอ่อ ไม่มีอะไรครับคุณจะเอาอะไร”

“หาของกินไว้ให้กูด้วย เดี๋ยวกูไปอาบน้ำออกมาต้องได้กิน”

“ครับ” ผมตกใจ ตกใจมากจนสะดุ้ง เพราะเอาแต่คิดเรื่องไปอยู่ที่อื่น เอาแต่คิดเรื่องกระเป๋าที่ยัดของเข้าไว้ลวก ๆ ไม่เป็นระเบียบเพราะรีบ จับได้อะไรก็ยัด ๆ เขาไป ดีที่ข้าวของของผมมีไม่เยอะ เลยไม่ต้องวุ่นวายตอนขนออกไปนัก ไม่คิดว่าเขาจะเดินกลับเข้ามาอีก แต่ก็โล่งใจที่เขาแค่เดินมาบอกเท่านั้น ก็เดินกลับไปทางห้องนอน ไม่ได้สนใจอาการแตกตื่นผิดปกติของผมเลย



แล้วทำไมผมต้องตกใจด้วยล่ะ เขาอาจจะไม่สนใจด้วยซ้ำถ้าผมไม่กลับมา อาจจะต้องการแบบนี้อยู่แล้ว เพราะเขาเองก็ไม่ได้ต้อนรับ ไม่ได้อยากให้ผมมาอยู่ด้วยแต่แรก ก็คงเป็นอย่างนั้นแหละ ผมรีบเปิดตู้เย็นหาของออกมาเตรียมทำอะไรไว้ให้เขากิน รีบทำให้เสร็จจะได้รีบออกไปก่อนเขาจะออกมา



*****************



“ธารแน่ใจแล้วเหรอ”

“แล้วทำไมเราจะไม่แน่ใจล่ะกุ๊กไก่”

“ก็..เราว่าธารอยู่กับพี่เพลิงก็ดีแล้วนะ”

“เราเกรงใจพี่เขาน่ะ ออกมาอยู่ข้างนอกสบายใจกว่า” หลังหมดเวลาเรียนภาคบ่าย ตอนนี้ผมกับกุ๊กไก่ยืนอยู่หน้าหอในมหาวิทยาลัย เมื่อเช้าตอนออกมาจากคอนโด ผมโทรหาเก้าจะถามเรื่องหอพัก เพราะเห็นว่าเก้าอยู่หอน่าจะพอรู้จักหรือแนะนำได้บ้าง แต่เก้ากลับกำลังจะย้ายออกไปอยู่ข้างนอกพอดี เลยให้มาอยู่ที่ห้องแทนได้ ผมนี่โล่งเลย

“แล้วเก้าจะมาหาเราไหม ทำไมขาดเรียนหลายวันก็ไม่รู้ โทรไปก็ไม่รับ”

“เห็นบอกจะมาพรุ่งนี้นี่ กุ๊กไก่นั่งรอตรงนี้นะเดี๋ยวเราไปคุยกับคนดูแลหอก่อน” กุ๊กไก่นั่งรอที่ม้าหินอ่อนหน้าหอ เพราะเป็นหอชายจึงห้ามผู้หญิงเข้าข้างใน ส่วนหอหญิงจะอยู่ถัดไปอีกคนละฝั่ง กั้นไว้ด้วยสวนสุขภาพรอบบึงเล็ก ๆ ให้พักผ่อนหย่อนใจ

หลังอ่านกฎระเบียบอะไรเข้าใจดีแล้ว ผมรับกุญแจห้องที่เก้าฝากไว้มาจากคนดูแลหอ เพื่อเอาของขึ้นไปเก็บ เพราะเก้าจัดการไว้ให้ผมเรียบร้อยแล้วทุกอย่างตั้งแต่เมื่อเช้า ที่สำคัญผมไม่ต้องจ่ายค่าหอเพราะเก้าจ่ายแล้ว ที่นี่เก็บค่าหอพักเป็นเทอม ค่าน้ำค่าไฟไม่ต้องจ่ายเพิ่ม ราคาถ้าหารเฉลี่ยออกมาต่อเดือน ก็ถือว่าถูกมากทีเดียว แต่ถึงอย่างนั้นผมต้องคืนส่วนที่ต้องจ่ายให้ก้าวด้วยอยู่ดี



ผมตื่นเต้นมากเมื่อมาหยุดอยู่หน้าห้องบนชั้นสอง หอเป็นตึกสูง 3 ชั้น กำพวงกุญแจในมือแน่นจนเหงื่อชื้นไปหมด ไม่รู้ว่าชีวิตหลังจากนี้จะเป็นยังไงต่อไป แต่สิ่งเดียวที่ผมทำได้คือทำทุกอย่างให้ดีที่สุด หลังจากก้าวออกมาจากตรงนั้น ขอให้ที่นี่เป็นที่เริ่มต้นใหม่ของผม มันคงยังไม่สายไป และหลังจากนี้ผมจะก้าวไปด้วยตัวเอง



สูดหายใจเข้ายาว ๆ เรียกความมั่นใจ แต่มือยังสั่นไม่หายตอนยื่นกุญแจไปไจเปิดห้อง ไม่รู้ทำไมต้องตื่นเต้นไม่รู้ทำไมหัวใจต้องเต้นผิดจังหวะ พยายามหายใจเข้าลึก ๆ อีกหลายครั้ง กว่าผมจะสอดลูกกุญแจเข้ากับลูกบิดได้ แต่...

“เฮ้ยอะไรวะ!! “

“เอ่อ ขอโทษครับ” ผมรีบก้มหน้าลงมองพื้น หลังจากเผลอมองคนที่ยืนอยู่กลางห้องจนตาค้าง เพราะเสียมารยาทเปิดประตูพรวดพราดเข้ามา ไม่ได้เคาะหรือส่งเสียงเตือนอะไรเลย จึงเจอเข้าเต็ม ๆ กับผู้ชายคนหนึ่ง ที่มีเพียงผ้าเช็ดตัวผืนเดียวพันร่างเขายืนอยู่กลางห้อง น่าจะเพิ่งอาบน้ำเสร็จ ตามตัวยังมีหยดน้ำเกาะเต็มไปหมด ถือเป็นคนที่รูปร่างดีมาก แต่ผมลืมไปได้ยังไง ว่าเมื่อเช้าเก้าบอกว่าอยู่กับรูมเมตปีหนึ่งจากคณะนิติศาสตร์ ได้จับคู่กันโดยการสุ่มจับสลาก



“ลำธารใช่ไหม”

“ครับผมชื่อลำธารเรียกธารก็ได้ครับ”

“เออ กูเป้นั่นเตียงไอ้เก้า มึงชอบนอนใกล้หน้าหน้าต่างไหม” ผมมองตามมือที่ชี้ให้ดู แล้วเลยมองไปรอบห้องกว้างพอดีสำหรับอยู่ 2 คน ภายในห้องมีเตียงขนาดนอนได้คนเดียวให้สองเตียง วางขั้นด้วยชั้นวางของติดผนัง ข้างเตียงอีกฝั่งเป็นโต๊ะเขียนหนังสือ เตียงวางชิดผนังฝั่งหนึ่ง ส่วนฝั่งตรงข้ามเป็นตู้เสื้อผ้า พร้อมห้องน้ำไม่กว้างมาก

“เรานอนตรงไหนก็ได้ หรือถ้าเป้อยากเปลี่ยนมานอนใกล้หน้าต่างก็ได้นะ”

“เออ อยู่ไปเถอะตอนแรกก็อยากได้อยู่หรอกไอ้เตียงติดหน้าต่างเนี่ย แต่มาไม่ทันไอ้เก้ามันเลยได้เลือกก่อน”

“เป้จะย้ายก็ได้นะเรานอนเตียงข้างในได้”

“นอน ๆ ไปเถอะ”

“ยินดีที่ได้รู้จักนะเป้”

“เออ แล้วนี่มึงออกไปไหนอีกหรือเปล่า” ผมเผลอสูดหายใจเข้าเสียลึก จนได้กลิ่นสบู่หอมสดชื่นจากตัวเป้ เพราะหันกลับไปเจอเขายืนอยู่ใกล้ ๆ แทบจะติดหลังผม ทั้งที่ตอนแรกยังเก็บนั่นเก็บนี่อยู่เตียงตัวเองแท้ ๆ ไม่รู้เดินมาตอนไหน แล้วทำไมไม่รีบไปแต่งตัวสักที ผมควรบอกให้เขาไปแต่งตัวก่อนดีไหม

“ไป ไปครับเพื่อนเรารออยู่ข้างล่าง” สายตาแปลก ๆ ของเป้ ทำให้ผมอึดอัดจนไม่กล้าหายใจแรง หรือที่จริงผมไม่อยากหายใจเอากลิ่นหอมเย็นจากตัวเขา แต่ไม่ว่าจะยังไง มันก็ทำให้ผมทำตัวไม่ถูกเอาเสียเลย “ดะ เดี๋ยวเราต้องไปแล้วแค่เอาของขึ้นมาเก็บ”

“เหรอ ไปไหนกันวะถามได้หรือเปล่า”

“ไม่ได้ไปไหนไกลหรอกครับ แค่ออกไปกินข้าวแถวนี้”

“หึ” ผมไม่ชอบเสียงหัวเราะแบบนี้เลย ได้ยินแล้วรู้สึกเหมือนถูกใครบางคนตามหลอกหลอนยังไงไม่รู้สิ “ไหนเพื่อนมึงรออยู่ไหน ใช่คนที่นั่งอยู่ม้าหินอ่อนนั่นหรือเปล่าวะ”

“อ๋อ ใช่ครับ” เป้เปิดประตูออกไปยืนเกาะลูกกรงระเบียงห้อง ชะโงกหน้าลงไปข้างล่าง ทั้งที่นุ่งแค่ผ้าผ้าเช็ดตัวผืนเดียว ดีที่ห้องนี้อยู่ตรงกับทางเข้าหอ มีต้นไม้ที่ผมไม่รู้จักชื่อปลูกไว้ กิ่งของมันเลื้อยขึ้นมาถึงระเบียงเลยยังพอช่วยบังให้ได้บ้าง แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ไม่ควรออกไปข้างนอกทั้งสภาพแบบนี้ไม่ใช่หรือไง พอผมตอบรับเป้เลยหันกลับมามอง พร้อมกับสายตาแปลก ๆ อีกแล้ว

“เพื่อนหรือแฟนกันแน่วะ มึงนี่ไม่ธรรมดาเลยนะ เห็นท่าทางเรียบร้อยแต่มีสาวควงแล้ว แล้วที่ไอ้เก้าฝากดูแลนี่จะให้กูดูแลอะไรมึงอีกวะ”

“เปล่า ๆ เพื่อนเราจริง ๆ เพื่อนเก้าด้วย แล้วก็ไม่ต้องดูแลอะไร เราดูแลตัวเองได้ขอบใจนะ”

“อืม..เพื่อนจริงเหรอ ถ้าไม่ใช่แฟนงั้นกูจีบได้ไหม”

“หา!! “

“หึ มึงจะตกใจอะไรกูแค่ขอจีบเพื่อนมึง หรือมึงหวง ตกลงเป็นเพื่อนกันจริงหรือเปล่าวะ”

“เพื่อนจริง ๆ ครับแต่ว่าเรื่องจีบ..” คือใครจะจีบใครผมก็ไม่มีสิทธิ์ว่าหรือห้าม แต่ควรจะถามเจ้าตัวเขาไม่ใช่หรือไง

“หึ ๆ มึงนี่ตลกนะ แค่กูขอจีบเพื่อนทำหน้าอะไรของมึงอย่างนั้น”

“ก็..เราไม่รู้จะตอบยังไงนี่นา”

“เออ ๆ ไม่ต้องหวงเพื่อนมึงกูไม่จีบหรอก กูไม่ได้ชอบผู้หญิง”

“มะ หมายความว่าไง” ไม่ได้ชอบผู้หญิงถ้าอย่างนั้นก็ต้อง...



ชักกลัวรอยยิ้มกับแววตาของเป้แล้วสิ ตอนแรกผมอาจจะไม่เข้าใจ ว่าทำไมเขาถึงได้มองผมด้วยสายตาแปลก ๆ แต่ตอนนี้ ผมน่าจะรู้คำตอบแล้วใช่ไหม เขาไม่ได้ชอบผู้หญิงนั่นก็แปลว่าชอบผู้ชาย..ได้ไหมนะ แล้วที่มองผมแบบนั้นเขาหมายความว่ายังไง ผมคิดเข้าข้างตัวเองมากเกินไปหรือเปล่า เขาคงไม่คิดอะไรกับผมแบบนั้นหรอกใช่ไหม

“หมายความว่ากูไม่เอาผู้หญิงไง กูเป็นเกย์!”

“อ๋อ เหรอเข้าใจแล้ว”

“แล้วไง มึงไม่กลัว? ทำไมยอมรับได้ไวนักวะ?” เผลอบีบตัวจนลีบ ท่าทางคงดูตลกมากสำหรับเขา ผมไม่ได้ตกใจที่ได้รู้ว่าเป้เป็นเกย์ เพราะผมเองถึงจะยังเขินที่จะพูดออกมาว่าตัวเองเป็น แต่ก็ยอมรับมาตั้งแต่เจอพี่ชายใจดีคนนั้นแล้ว ว่าผมชอบผู้ชาย แต่ที่เป้ทำให้ผมตกใจ เพราะตอนนี้เขาเอาแต่เดินรอบตัวผม เหมือนกำลังสำรวจหรือจับผิดอะไรสักอย่าง ผมแค่ย้ายเข้าหอนะยังไม่ได้ทำอะไรผิดเลย หรือเขาจะดูออก อย่างนี้ใช่ไหมที่เขาเรียกว่าผีเห็นผี จะว่าผมแสดงออกมากเกินไปก็ไม่น่าจะใช่

“ว่าไง กลัวกูจับทำเมียไหมมึง”

“เอ่อ..” ผมถอยห่างออกจากเป้สองสามก้าว แต่เขาก็ยังก้าวตามมา ทำให้ระยะห่างลดลงเหมือนเดิม “เก้าบอกเราว่าเป้เป็นคนดี เป้คงไม่ทำอย่างนั้นกับเราหรอกจริงไหมล่ะ”

“มึงไว้ใจผู้ชายไม่ได้ทุกคนหรอก”

“เป้ คือเราก็เป็นผู้ชายนะ”

“ผู้ชายที่น่าจับกดไงมึงน่ะ”

“เป้! “เผลอเรียกเสียงดัง ไม่คิดว่าเขาจะคิดกับผมแบบนี้ ไม่คิดว่าเขาจะพูดมันออกมาตรง ๆ และคำพูดตรง ๆ ของเขานอกจากจะทำให้ผมตกใจ ยังทำให้ผมคิดไปถึงใครบางคน ใครบางคนที่เพิ่งทำอะไรต่อมิอะไรกันมาเมื่อคืน คิดถึงเสียงของเขาตอนบอกว่าอยากมีอะไรกับผม แถมเมื่อเช้าเขายังพูดอีกว่าติดใจ คำพูดน่าอายที่เขาพร่ำบอกตอนทำอะไรกับร่างกายของผม นั่นเป็นเพราะว่าเขาคิดอย่างที่เป้คิดหรือเปล่านะ

“ขาว ผิวใสกิ๊กแต่เนียนละเอียดน่าขยำให้ช้ำเขียวคามือ จมูกนิดปากหน่อยแถมยังแดงฉ่ำจนน่ากัด ท่าทางคงจะนุ่มนิ่มจนดูดเพลิน แล้ว..”

“ขอโทษนะ แต่เป้อย่าพูดอย่างนี้อีกได้ไหม เราไม่ค่อยชอบเท่าไหร่” ต้องตัดบท เพราะทนฟังเป้พูดสาธยายอะไรที่เกี่ยวกับตัวผมทำนอนนั้นไม่ไหว

“มึงนี่ดูแปลก ๆ นะ ทำไมต้องหน้าแดงด้วยวะ”

“เป้ก็แปลกเหมือนกันนั่นแหละ”

“เออ ๆ ไม่รีบไปอีกเดี๋ยวเพื่อนมึงรอจนเฉาแล้ว”

“ครับ เราจะไปเดี๋ยวนี้ล่ะ เป้จะออกไปไหนไหม”

“ไม่ว่ะขี้เกียจ เดี๋ยวกูนอนรอมึงอยู่ห้องนี่ล่ะ”

“เอ่อ ไม่ต้องรอก็ได้” ผมช้อนตาขึ้นมองหน้าเป้อีกครั้ง แล้วหันหลังรีบออกจากห้องไป ทำไมเป้ถึงได้พูดแบบนี้ เขาพูดจริงหรือพูดเล่นหรือแค่หลอกให้ผมกลัว แล้วทำไมต้องหลอก เมื่อเช้าเก้าบอกว่ารูมเมตที่อยู่ด้วยกันนิสัยดีไว้ใจได้ แต่ผู้ชายที่นุ่งแค่ผ้าเช็ดตัวผืนเดียวเดินไปทั่ว ทั้งที่มีคนเพิ่งเจอกันอยู่ในห้อง นี่ยังเรียกว่านิสัยดีได้อยู่หรือเปล่า



ผมออกไปหาอะไรกินกับกุ๊กไก่ เราพยายามโทรชวนเก้าออกมาแต่เขาติดธุระ ผมอยากใช้เวลาโอ้เอ้อยู่ข้างนอกนาน ๆ เพราะยังไม่อยากกลับห้องไปอยู่กับคนแปลก ๆ อย่างเป้ คำพูดของเขาทำให้ผมเริ่มกลัว แต่ก็ไม่รู้จะทำอะไร กุ๊กไก่เองถึงเวลาก็ต้องกลับบ้านเหมือนกัน เราเลยต้องแยกย้าย สุดท้ายผมก็จำใจกลับมาที่ห้อง และถูกมองด้วยสายตาแปลก ๆ ของเป้ จนถึงเวลาเข้านอนผมง่วงมากแต่กลับนอนไม่หลับ



ผมเงยหน้าขึ้นมองไปยังท้องฟ้า บนฟ้ามืด ๆ ไม่มีดาวอย่างที่อยากเห็น มันเลยดูเคว้งคว้างอ้างว้าง บางทีฟ้าอาจจะเข้าใจความรู้สึกของผม เลยไม่ปล่อยให้ดาวออกมาเปล่งแสงระยิบระยับอย่างที่คิดไว้ ผมยืนมองท้องฟ้ามืด ๆ หม่น ๆ จนยุงเริ่มกวน แต่เพราะความระแวงกลัวว่าเป้จะทำอะไรอย่างที่พูด ทำให้ผมกังวลจนนอนไม่หลับ จะกดโทรหาเพื่อนก็เกรงใจเพราะคงนอนกันหมดแล้วทั้งเก้าทั้งกุ๊กไก่ แต่พอคิดว่าพรุ่งนี้ยังต้องตื่นแต่เช้าเลยกลับเข้าห้อง ในความสลัวภายในห้อง เป้นอนหลับไม่รู้เรื่อง เรียกว่าหลับเป็นตายก็ว่าได้ เขาไม่ได้มีท่าทีจะทำอะไรอย่างที่พูดสักนิด แต่ก็เป็นเขาเองไม่ใช่หรือ ที่บอกว่าผมไว้ใจผู้ชายคนไหนไม่ได้ ผมควรระวังตัวไว้นั่นแหละดีที่สุด



ผมตื่นแต่เช้าเตรียมตัวไปเรียน เป้ตื่นหลังจากนั้นไม่นาน ผมจะออกไปจากห้องแล้วเขายังอาบน้ำไม่เสร็จ แต่นั่นก็ดีแล้ว เพราะผมไม่อยากอยู่ในสถานการณ์ที่เขาเดินไปรอบห้อง ทั้งที่นุ่งแค่ผ้าเช็ดตัวผืนเดียวนักหรอก ถึงหุ่นเขาจะดูดีมาก ๆ ในแบบผู้ชายเจ้าสำอางที่ดูแลตัวเองดี ถึงจะไม่มีกล้ามแน่น ๆ เหมือนคุณชาย แต่ก็น่ามองอยู่มากทีเดียว แต่เดี๋ยวนะ! ทำไมผมถึงต้องเอาเป้ไปเปรียบเทียบกับคนใจร้ายคนนั้นด้วยล่ะ

...

ออฟไลน์ AlittleStarWr

  • ดาว ณ แดนดิน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
    • https://www.facebook.com/ALittleStarWriter/?eid=ARB0j1cH0esPR8hRT-dtFbYMb-2_QxYrZHilPjVeZktiZELggHI9krjDA8KpE9EAkE37Y9krMgYPFPvo



“เฮ้ยมึงอย่าเพิ่งไปรอก่อนออกไปพร้อมกัน”

“แต่เราแต่งตัวเสร็จแล้ว เป้ยังไม่ทำอะไรเลย”

“น่ารอแป๊บเดียวเดี๋ยวไปส่งที่คณะ”

“แต่...”

“อย่าเรื่องมากน่า รอแป๊บเดียวเดี๋ยวกูไปส่ง” เป้ไม่สนใจที่ผมปฏิเสธ เดินไปแต่งตัวหน้าตู้เสื้อผ้า ซึ่งเป็นตู้ไม้สร้างแบบติดผนัง แบ่งเป็นสองช่องให้สำหรับสองคน แอบส่องในตู้เห็นเสื้อผ้าเป้เยอะทีเดียว และก็ดูรกมากด้วย แตกต่างจากตู้ฝั่งของผม ที่นอกจากชุดนักศึกษาก็มีเสื้อผ้าธรรมดาอยู่ไม่กี่ชุด เลยดูโล่งมาก

“เสร็จแล้วไปได้ เดินสิวะกูจะล็อกห้องเนี่ย” เชื่อเขาเลย เป้สามารถทำทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยในเวลาไม่ถึง 5 นาที ผมยังแอบสำรวจตู้เสื้อผ้าฝั่งของเขาไม่ทั่วด้วยซ้ำ เราสองคนเดินลงมาข้างล่าง เป้เดินนำไปข้างหอ ตรงนั้นจะเป็นที่จอดรถมอเตอร์ไซค์

“ขึ้นมาอย่ามัวแต่ขำ”

“น่ารักดีนะ แต่เราว่าไม่เข้ากับหน้าเป้เลย” นอกจากไม่เข้ากับหน้าแล้ว เป้ยังตัวใหญ่จนอดสงสารรถคันเล็กนิดเดียวไม่ได้ แล้วนี่เขายังจะให้ผมซ้อนท้ายอีกเหรอ รถจะวิ่งไปไหวแน่เหรอ

“รถเก่าพี่สาวน่ะ เขาไม่ใช้แล้วเลยเอามาใช้ จะซื้อใหม่ก็เกรงใจพ่อแม่ไง”

“อืม ก็คงเหมาะกับเป้ล่ะมั้ง”

“เหมาะมาก ๆ เลยล่ะ ใครเห็นก็ขำกันใหญ่ แต่มึงจะขึ้นมาได้หรือยัง” ผมก้าวขาขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ทรงน่ารักของเป้ ไม่รู้ว่าเป็นรุ่นอะไรยี่ห้อไหน หรือจะใช่รถที่เขาเรียกกันว่าเวสป้าหรือเปล่า ผมไม่มีความรู้เรื่องนี้เลย รู้อยู่อย่างเดียวว่ามันต้องเป็นรถผู้หญิงแน่ ๆ ล่ะ เพราะนอกจากรูปร่างของรถที่ออกไปทางน่ารักแล้ว ยังสีเหลืองอ๋อยเป็นขมิ้นเชียว

“โหสาวบริหารมีแต่คนตู้ม ๆ ทั้งนั้นเลยว่ะมึง” เป้ทำท่าทางเหมือนคนน้ำลายสอยามเห็นของเปรี้ยว

“ไหนบอกไม่ชอบผู้หญิง”

“อาหารตาโว้ยไปล่ะ” เขามาส่งผมทิ้งไว้หน้าคณะ ก่อนไปยังย้ำว่ามีอะไรให้ผมโทรหาเขา เราแลกเบอร์กันแล้วตั้งแต่เมื่อคืน ผมมองส่งจนเป้ขับรถห่างออกไปไกล จึงหันหลังเดินขึ้นตึกเรียน รู้สึกเสียวสันหลังวาบ ๆ เหมือนกำลังถูกจ้องมอง แต่พอหันกลับไปดูทางเดิมก็ไม่เห็นมีอะไร นักศึกษาคนอื่น ๆ ก็พากันทยอยขึ้นตึกเพื่อเรียนวิชาแรกของวัน ผมเลยหันหลังกับขึ้นห้องเรียนบ้าง



ตลอดอาทิตย์นี้ ชีวิตผมเรียบง่าย ตื่นเช้ามาเรียน เลิกเรียนเดินกลับหอ บางวันเก้าไปส่ง ตอนนี้เก้าเอารถที่บ้านมาใช้ เป็นรถกระบะคันใหญ่ที่เหมาะกับเขาดี บางวันก็ได้กุ๊กไก่ไปส่งบ้าง หลังจากเรานั่งเล่นนั่งทำการบ้านโอเอ้อยู่แถวคณะจนเย็น แต่ตอนเช้าเป้จะมาส่งทุกวัน ซึ่งผมเกรงใจพวกเขามาก เพราะไม่อยากเป็นภาระให้เพื่อน ๆ แต่ก็ไม่เคยปฏิเสธใครได้สักที โดยเฉพาะเก้าที่ถ้าผมเอ่ยปากปฏิเสธเมื่อไหร่เป็นได้ถูกดุตลอด กุ๊กไก่กับเป้เลยเอาบ้าง ตอนนี้กลุ่มของพวกเราเลยมีเป้เป็นสมาชิกเพิ่มมาอีกคนแล้ว



เป็นชีวิตเรียบง่ายแบบที่ผมชอบ และเขา..คุณเพลิง หลังจากวันนั้นเราก็ไม่เจอกันอีกเลย เขาอาจจะไม่ได้สนใจว่าผมหายไปไหน ถึงตึกเรียนของบริหารกับวิศวะจะอยู่ใกล้กัน แต่ผมก็พยายามเลี่ยงไม่เดินไปทางฝั่งวิศวะมากนัก และผมเพิ่งมีเรื่องดี ๆ เข้ามาเกินกว่าจะใส่ใจเรื่องนั้น ผมได้งานที่คาเฟ่หลังมหาวิทยาลัย เป็นร้านน่ารักในธีมตามสั่งติดแอร์ ขายอาหารตามสั่งเมนูง่าย ๆ รวมทั้งของหวานพวกเค้ก ไอศกรีม และเครื่องดื่มทั้งชากาแฟ ไปจนถึงชาไข่มุก น้ำปั่นผลไม้เพื่อสุขภาพก็มี แอบตื่นเต้นนิดหน่อย เพราะวันเสาร์นี้ผมจะได้เริ่มงานเต็มตัว หลังจากฝึกงานวันละชั่วโมงหลังเลิกเรียนมาสองวัน



มีอีกอย่างหนึ่งที่ผมยังค้างคาใจคือเรื่องวันนั้น ผมเลยพยายามตามหาพี่ณัฐ แต่ก็ไม่เจอเขาเลยตั้งแต่วันที่เราไปกินเลี้ยงกัน ส่วนเก้าจากที่ไม่ค่อยพูดตอนนี้แทบไม่พูดอะไรเลย ทั้งที่ยังมาเรียนและไปไหนมาไหนด้วยกันเหมือนเดิม แต่รู้สึกว่าเขาพูดน้อยลง ต่างจากกุ๊กไก่ที่ยังพูดมากเหมือนเดิม



“อาทิตย์หน้าเราอาจจะลาทั้งอาทิตย์” เก้าบอกตอนที่พวกเรานั่งเล่นอยู่โต๊ะประจำหน้าคณะ หลังเรียนวิชาสุดท้ายของภาคบ่ายเสร็จ ผมกับกุ๊กไก่หันไปมองหน้าเก้าพร้อมกันทันทีที่เขาพูดจบ

“ทำไมลานานขนาดนั้นล่ะเก้า” กุ๊กไก่ถามหน้าตื่นท่าทางแปลกใจ ผมเองก็แปลกใจเหมือนกัน ปกติเก้าแทบไม่ยอมขาดเรียน ขนาดกุ๊กไก่ชวนโดดวิชาเดียวยังไม่ยอม แถมเป็นคนต้อนพวกผมให้เข้าเรียนตลอด แต่ดันมาบอกว่าจะลานานเป็นอาทิตย์ขนาดนั้น เป็นใครก็ต้องแปลกใจ

“ว่าจะกลับบ้านน่ะ แต่ยังไม่แน่ถ้าไม่เห็นมาก็แปลว่าลานั่นแหละ”

“จะเก็บชีตเรียนไว้ให้นะ” ผมบอก

“อืมฝากด้วย”

“แต่เก้าไม่ได้มีปัญหาอะไรหรอกใช่ไหม มีเรื่องอะไรบอกได้นะ” เพราะผมสังเกตมาหลายวันแล้ว ว่าเก้าเหมือนมีเรื่องอะไรบางอย่างให้คิดอยู่ตลอดเวลา ถึงจะทำตัวปกติ แต่มันก็ไม่ค่อยปกติเท่าไหร่นักหรอก

“ไม่มีไม่ต้องเป็นห่วงน่า หรือจะเป็นห่วงดี เห็นช่วงนี้ใครบางคนมีรุ่นพี่วิศวะมาจีบหรือเปล่าวะ”

“เอ่อ..” เก้าบอกแล้วมองหน้ากุ๊กไก่ยิ้ม ๆ คนถูกมองชะงักไป แล้วกลับมายิ้มได้เหมือนเดิม ส่วนผมได้แต่มองหน้าเพื่อนสองคนสลับกันไปมา แอบงงนิดหน่อย

“มีข่าวอะไรที่เรายังไม่รู้หรือเก้า” นั่นสิทำไมผมตกข่าว เรามาเรียนก็อยู่ด้วยกันตลอด หรือจะเป็นช่วงที่ผมต้องไปฝึกงานที่ร้านหลังเลิกเรียน

“ถามกุ๊กไก่สิ” ผมหันไปทางกุ๊กไก่ พร้อมกับเครื่องหมายคำถามบนหน้าผาก กุ๊กไก่เหมือนคนทำตัวไม่ถูกแต่ผิวแก้มแดงเรื่อ

“ไม่มีอะไรหรอกแค่รุ่นพี่รู้จักกัน”

“แล้วใครล่ะ” ผมถามยิ้ม ๆ ถึงกุ๊กไก่จะบอกว่าแค่รุ่นพี่รู้จักกัน แต่ผมยังไม่ลืมที่เก้าพูดว่าอะไรจีบ ๆ นั่นหรอกนะ

“ก็พี่ออฟไง”

“พี่ออฟ? “ชื่อนี้คุ้นนะว่าไหม ขอร้องล่ะอย่าให้เป็นอย่างที่ผมคิดเลย

“ใช่พี่ออฟเพื่อนพี่เพลิงไง” ยอมรับว่าตกใจมาก และยิ่งตกใจจนหันขวับไปมองแทบไม่ทันเมื่อกุ๊กไก่พูดต่อ “รู้จักกันวันที่เราไปเที่ยวไง ก็อย่างที่เล่าให้ฟังว่าเราฝากธารกลับกับพี่เพลิงเพราะพักอยู่ด้วยกัน พี่ออฟเลยไปส่งเรา แต่ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้นหรอกเก้าพูดเกินจริง”

“แต่เห็นนะว่าแอบไปกินข้าวกับพี่เขาด้วยน่ะ” เก้าไม่ยอมถูกว่าง่าย ๆ

“แค่ไปกินข้าวที่โรงอาหารเอง” กุ๊กไก่เสียงสูงไปนะ “เพื่อนพี่เขาก็ไปพี่เพลิงก็ไปด้วยนะธาร ไม่ได้ไปแค่เรากับพี่ออฟสองต่อสองซะเมื่อไหร่ล่ะ” ทำไมผมรู้สึกไม่สบายใจเลย ที่ได้ยินว่ากุ๊กไก่ค่อนข้างสนิทกับสองคนนั้น ทั้งที่หลายวันมานี้ ผมไม่ได้ยินชื่อเขาเลย แต่วันนี้กลับได้ยินตั้งหลายรอบ แล้วกุ๊กไก่ไปกับกินข้าวกับพี่ออฟกับคุณเพลิงตอนไหน ทำไมผมไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน ต้องเป็นตอนที่ผมไปฝึกงานแน่ ๆ ไม่รู้หรือว่าพวกเขาเป็นตัวอันตราย ถึงพี่ออฟจะเคยช่วยผม ถึงเขาจะดูเป็นคนดี แต่มาเป็นเพื่อนกับคุณชาย Bad Boy ได้ ผมก็ไม่อยากไว้ใจเขานักหรอก

“ไม่มีอะไรจริง ๆ นะ ธารก็รู้จักพี่เพลิงไม่ใช่เหรอ” เพราะผมรู้จักเขาไงมันถึงน่าห่วง กุ๊กไก่ถามแล้วหลบตาผมเหมือนมีอะไรบางอย่างที่ไม่อยากพูดถึง แต่ผมยังไม่อยากเซ้าซี้ตอนนี้เลยไม่ถามต่อ

“อืม” ผมตอบได้แค่นั้น ทั้งที่ไม่อยากคิดอะไรมาก แต่มันก็อดเป็นห่วงไม่ได้ ผมไม่อยากให้กุ๊กไก่มายุ่งเกี่ยวอะไรกับคนพวกนั้น ถึงพี่ออฟจะเป็นคนมาจีบกุ๊กไก่ แต่พวกเขากินเที่ยวด้วยกัน ขนาดกุ๊กไก่ไปกินข้าวกับพวกเขาผมยังเพิ่งรู้ แล้วถ้าเขาชวนไปเที่ยวหรือทำอะไรอย่างอื่น ผมจะทำยังไง ก็รู้ ๆ กันอยู่ว่าพวกนั้นเขามั่วกันมากแค่ไหน

“ถ้าโอเคก็ดีแล้วล่ะ” เก้าบอก

“แต่มีอะไรบอกกันบ้างนะเก้า พักหลังนี้แกเงียบไปนะ” ผมเห็นด้วยกับกุ๊กไก่เลย บางทีเก้าก็เงียบผิดปกติ จนไม่กล้าชวนคุย

“ก็มีเรื่องให้คิดอยู่เหมือนกันนั่นแหละ แต่ไม่ต้องห่วงเราจัดการได้”

“โอเค แต่ถ้ามีเรื่องอะไรอย่าปิดกันนะ”

“ธารดูแลตัวเองดี ๆ นะ กุ๊กไก่ด้วย เรากลับก่อนวันนี้ไม่ได้ไปส่งนะธาร” เก้าบอกแค่นั้นก็เดินแยกออกไปทันที ท่าทางรีบทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังคุยกันสบาย ๆ อยู่เลย ตลอดทั้งอาทิตย์ที่ผ่านมา ก่อนแยกย้ายกันเก้ามักจะย้ำผมกับกุ๊กไก่อย่างนี้เสมอ จนผมอดสงสัยไม่ได้ ว่าอาจจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับเก้า



ผมมองตามจนเก้าเดินไปถึงรถ แต่ยังไม่ทันได้เปิดประตู ก็ถูกใครบางคนเดินเข้าไปดึงแขนไว้ก่อน เก้าสะบัดแขนออกอย่างแรง หันไปกระชากคอเสื้อของใครคนนั้นอย่างเอาเรื่อง ผมกำลังจะลุกวิ่งไปหาเก้าแล้ว เพราะกลัวเกิดเรื่องกับเขา แต่เห็นทั้งสองพูดอะไรกันหลายคำ เลยรอดูอยู่ที่เดิม สองคนคุยกันไม่นาน ใครคนนั้นก็เดินหัวเราะจากไป เก้าเองพอขึ้นรถได้ ก็ขับกระชากออกไปอย่างแรง จนกลัวว่าจะไปชนคนอื่นเข้า ผมจะไม่เป็นห่วงเพื่อนมากขนาดนี้เลย ถ้าคนที่เข้ามาคุยกับเก้าจะไม่ใช่พี่เก่ง ไม่รู้ว่าสองคนนี้ไปรู้จักกันตั้งแต่ตอนไหน หรือตั้งแต่วันที่เก้าไปช่วยผมที่ห้องน้ำ ถ้าเป็นอย่างนั้นคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ เพราะเก้าดูหัวเสียและโมโหให้พี่เก่งมาก



“มีอะไรเหรอธาร”

“เปล่าไม่มีอะไร เราไปไหนต่อ”

“สวัสดีครับน้องธาร น้องกุ๊กไก่เลิกเรียนแล้วใช่ไหมครับวันนี้”

“พี่ออฟ! พี่เพลิง!” เสียงทักแรกคุ้นหูแต่ผมยังนึกไม่ออกว่าเป็นเสียงใคร จนได้ยินเสียงกุ๊กไก่ทักตอบนั่นแหละ ถึงได้รู้และตัวสั่นขึ้นมาเฉย ๆ เหมือนผมทำอะไรผิดไว้ ยิ่งหันกลับมาผมยิ่งเสียวสันหลังวาบ เมื่อสองคนเดินมานั่งลงที่โต๊ะเดียวกัน

คุณเพลิง! เป็นเขาจริง ๆ ด้วย

“พี่มาชวนกุ๊กไก่ไปกินไอติมครับ ไปด้วยกันนะธาร”

“เอ่อ ผม..” เพราะจะเริ่มงานเต็มวันพรุ่งนี้ วันนี้ผมเลยว่างไม่ต้องไปฝึกงาน แต่ผมก็ไม่อยากไปกับเขา แต่ถ้าผมไม่ไปด้วยกุ๊กไก่ก็ต้องไปกับผู้ชายสองคนนะสิ ผมว่ากุ๊กไก่ควรปฏิเสธ แต่..

“ไปนะธาร กุ๊กไก่อยากกินไอติมตั้งแต่เมื่อวานแล้ว จะได้ไม่บ่นให้ธารรำคาญอีกไง”

“แต่ เรา..”

“ไปเถอะวันนี้พี่เลี้ยงเต็มที่” พี่ออฟชวนแล้วหันไปมองกุ๊กไก่สายตาหวานแปลก ๆ แต่นั่นมันน่ากลัวสำหรับผม

“ไปนะธาร” ถึงจะเอ่ยชวนแต่ทำไมผมรู้สึกเหมือนกุ๊กไก่กำลังขอร้อง

“คือเรา..”

“ไปด้วยกัน” เฮือก!! ไม่รู้ทำไมผมต้องตกใจ แต่พอเขาพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ เย็น ๆ ว่าไปด้วยกัน หลังจากนั่งเงียบอยู่นาน ผมก็เผลอตกใจจนเกือบสะดุ้ง ตั้งแต่เขาเข้ามานั่งตรงข้ามผม ส่วนพี่ออฟนั่งตรงข้ามกับกุ๊กไก่ โต๊ะม้าหินอ่อนทรงสี่เหลี่ยม เราเลยได้นั่งเผชิญหน้ากันพอดี แต่ผมกลับไม่กล้าแม้แต่จะเหลือบตาขึ้นมองหน้าเขา ทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิด แต่สายตาของเขาที่มองตอบมา เห็นแล้วเหมือนผมกำลังถูกลงโทษยังไงก็ไม่รู้

“ธารต้องไปอยู่แล้วแน่นอนค่ะพี่เพลิง”

“ไปกันเถอะ ให้ธารไปกับมึงเดี๋ยวกูไปกับกุ๊กไก่เจอกันที่ร้าน ตามนั้น”

“แต่..”

“ลุก! “ พอเงยหน้าขึ้นกุ๊กไก่กับพี่ออฟก็เดินออกไปแล้ว ผมกำมือแน่นจนเกร็งไปหมด ตอนนี้เหลือแค่ผม ที่นั่งเหมือนรากงอกติดม้าหินอ่อน กับคนตาดุที่จ้องตาขวางน่ากลัว ทำไมต้องให้ผมไปด้วย ทำไมต้องให้ผมไปกับเขา ดูหน้าก็รู้ว่าไม่ได้เต็มใจสักนิด

“ไม่ได้ยินที่กูบอกหรือไงลุกขึ้น” เขาไม่ได้ตะคอกเหมือนเคย ไม่ได้คิดว่าเขาใจดีหรือใจเย็นลง แต่อาจจะเป็นเพราะอยู่ข้างนอกเขาเลยไม่อยากให้ใครมองว่าตัวเองเป็นคนยังไง ก็คงจะเป็นอย่างนั้นนั่นแหละ



เขาเดินนำผมลัดไปทางตึกวิศวะ จนถึงที่เขาจอดรถไว้ แล้วหันมามองผมด้วยหางตา ผมคิดว่าไปเองน่าจะดีกว่า แต่พอเขาหันมามองอีกทีด้วยสายตาดุ ๆ เหมือนกำลังสั่งให้ขึ้นรถได้แล้ว ผมเลยจำใจเดินไปปีนขึ้นนั่งซ้อนท้ายเขาอย่างเลี่ยงไม่ได้



“โอ๊ยคุณ! “พอปีนขึ้นไปนั่งซ้อนท้ายเขาได้ เบาะที่สูงและเทลาดมาข้างหน้า ทำให้ผมรู้สึกโหวง มันน่ากลัวจนต้องก้มลงไปหาเขา แต่พอเขาจะออกรถผมหวาดเสียวกลัวตก เลยเผลอกอดเอวเขาไปเต็ม ๆ และเขาก็ปัดมือผมออกทันที ไม่ใช่สิต้องเรียกว่ากระชากออกจะถูกกว่า

“อย่ามากอดกู”

“ผมขอโทษผมไม่ได้ตั้งใจ แต่มันสูงผมกลัว เฮ้ย!” เขาบิดคันเร่งอย่างแรงจนรถกระชาก ผมรีบจับชายเสื้อที่เขาใส่อยู่ แล้วก็ต้องรีบปล่อยทันทีเพราะกลัวเขาด่าอีก ตลอดทางผมต้องนั่งก้มและเกร็งตัวไว้ ไม่ให้ตัวเองไหลไปถูกตัวเขา แต่มันเป็นไปได้ยากมาก เพราะเบาะรถที่เทลาดมาข้างหน้ามันชันมากทีเดียว ผมเกร็งจนปวดเมื่อยไปหมด มาถึงร้านก็แทบขยับลงจากรถไม่ได้ เพราะเหน็บเริ่มกินขาเมื่อยตัวไปอีก



บรรยากาศการกินไอศกรีมของพวกเราอึดอัดมาก จนอยากให้มันผ่านไปเร็ว ๆ กุ๊กไก่คุยกับพี่ออฟ หันมาคุยกับผมบ้างบางครั้ง ส่วนผมกับเขา เอาแต่นั่งเงียบ ผมไม่กล้ามองหน้าเขาตรง ๆ แต่สังเกตเห็นว่าเขาคงชอบกินไอศกรีมมาก เพราะเขาสั่งมาถ้วยใหญ่พิเศษ แล้วเอาแต่ตั้งหน้าตั้งตากินไม่สนใจใครเลย



“ถึงเวลากลับไปทำหน้าที่ของมึงแล้ว” อยู่ดี ๆ เขาก็พูดขึ้นมาลอย ๆ ตอนนี้ที่โต๊ะมีแค่ผมกับเขา พี่ออฟเดินไปสั่งไอติมถ้วยใหม่ กุ๊กไก่ไปเข้าห้องน้ำ เลยเหลือผมกับเขาอยู่ที่โต๊ะกันสองคน

“ไม่! ผมไม่กลับ” ผมกัดฟันบอกเสียงเบา เพราะต้องพยายามบังคับไม่ให้เสียงตัวเองสั่น ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจดีว่าห้ามมันไม่ได้ ตอนนี้มือผมก็เริ่มสั่นแล้วด้วย แต่ผมไม่อยากกลับไปให้เขาทำร้ายอีก

“ลืมแล้วหรือไงว่ามึงมีหน้าที่รับใช้กูทุกอย่าง!” เขากัดฟันพูดเน้นคำว่าทุกอย่างหนัก ๆ ซึ่งนั่นเข้าใจได้ไม่อยาก ว่าทุกอย่างของเขาหมายถึงอะไรบ้าง และผมจะไม่มีวันยอมเด็ดขาด ผมตัดสินใจแล้วไม่มีเหตุผลอะไรที่ผมต้องกลับไป

“มันไม่ใช่หน้าที่ของผม ผมออกมาแล้ว”

“ก็..แล้วแต่มึงก็แล้วกัน เดี๋ยวกูหาคนไปทำแทนก็ได้ งานบ้านน่ะหาไม่อยากหรอก งานบนเตียงยิ่งหาง่ายถามเพื่อนมึงดูสิ” พูดทิ้งท้ายไว้เท่านั้นก็หันไปมองกุ๊กไก่ที่เดินกลับมาพอดี ผมเงยหน้ามองเพื่อน แต่ยังไม่เข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร

“จริงไหมน้องกุ๊กไก่”

“อะไรจริงหรือคะพี่เพลิง”

“ที่ตกลงกันไว้” กุ๊กไก่มีสีหน้าตกใจจนเห็นได้ชัด ใบหน้าน่ารักซีดเผือดลงปากเผยอค้างสั่นระริก แต่ไม่นานก็เหมือนจะตั้งสติได้ เลยหันมามองหน้าผมทำท่าทาเหมือนกำลังกลบเกลื่อนอะไรบางอย่าง

“คือ..”

“กุ๊กไก่เอาไอติมเพิ่มไหม มาช่วยพี่เลือกขนมไปฝากที่บ้านหน่อยเร็ว”

“ค่ะ” เหมือนพี่ออฟจะรู้จังหวะหรือผมคิดมากไป กุ๊กไก่หันไปตอบรับพี่ออฟ แล้วหันกลับมามองหน้าผมกับคุณเพลิงสลับกัน ค่อยลุกออกไปพร้อมกับสีหน้าลำบากใจ

“คุณทำอะไรเพื่อนผม” เขาแสยะยิ้มที่ดูยังไงก็ไม่น่ามองสักนิด มันไม่เข้ากับใบหน้าหล่อเหลาของเขาเลย เมื่อหันมาทางผมพร้อมแววตาดุคู่นั้น ที่บอกว่าคนจะมาแทนผมไม่ใช่ใครที่ไหนไกลเลย

“กูยังไม่ได้ทำอะไร แต่ถ้ามึงยังอยากอยู่หอกับผัวใหม่ต่อก็แล้วแต่มึง”

“แล้วที่คุณพูดเมื่อกี้ คุณตกลงอะไรกันกับเพื่อนผม” เขาแสยะยิ้มดูอารมณ์ดีขึ้นกว่าตอนแรกมากจนผมนึกหมั่นไส้ แววตามีประกายสนุกหรี่มองผมอย่างท้าทาย จนผมกำมือแน่น “บอกผมมานะคุณเพลิง!”

“อย่ามาขึ้นเสียงใส่กู!” เขาตะคอกบอก แต่ยังรักษาระดับเสียงให้ได้ยินกันแค่สองคน นัยน์ตาขี้เล่นยามเห็นผมร้อนรนเปลี่ยนเป็นจริงจัง “อยากรู้เหรอ”

“บอกผมมาสิ”

“หึ ถามเพื่อนมึงดูสิ” ทำไมผมต้องมาอยู่ในสถานการณ์อึดอัดอย่างนี้ด้วยก็ไม่รู้ สถานการณ์ที่ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง นอกจากนั่งฟังเขาเย้ยหยันเล่นแง่ใส่

“กูไปสูบบุหรี่” เขาบอกตอนพี่ออฟเดินกลับมาพร้อมกุ๊กไก่ และถุงใส่ขนมอีกหลายถุง

“เดี๋ยวพี่มานะ” พอพี่ออฟตามออกไปผมเลยหันมากทางกุ๊กไก่ ที่คงรู้ดีอยู่แล้วว่าผมกำลังจะถามอะไร

“ธาร”

“กุ๊กไก่ตกลงอะไรกับเขาเหรอ”

“คือ..” กุ๊กไก่กัดปากตัวเองท่าทางลำบากใจ นั่นยิ่งทำให้ผมอยากรู้ว่าเขาพูดอะไรกับเพื่อนผม ทำไมกุ๊กไก่ถึงมีท่าทางแบบนี้

“บอกเรามาเถอะ”

“วันที่เราไปเที่ยวแล้วธารเมา” จริง ๆ ผมไม่ได้เมาเหล้า แต่ทุกคนคงคิดว่าผมเมาเพราะดื่มเหล้าหมดแล้ว “วันนั้นมีคนจะเอาตัวธารไป เรากับเก้าตามไปช่วยแต่พวกนั้นมีหลายคน เราไปเจอพี่เพลิงกับพี่ออฟพอดี เลยขอให้ตามไปช่วย แล้วพี่เพลิงกับพี่ออฟก็ช่วยธารไว้ได้ จากนั้นก็เหมือนที่เล่าให้ฟังนั่นแหละ”

“แล้วเรื่องข้อตกลง” กุ๊กไก่ก้มหน้ากัดปากล่างตัวเองแน่น

“ตอนแรกพี่เพลิงจะไม่ไป แต่เรายังขอร้องเขา พี่เพลิงเลยขอแลกกับ..กับการที่เราต้องนอนกับเขาคืนหนึ่ง เขาถึงจะยอมไปช่วยธาร”

“บ้าที่สุด! กุ๊กไก่ก็รับปากเขาเหรอ “ กุ๊กไก่พยักหน้ารับทั้งที่ยังไม่เงยหน้าขึ้นมา แต่ทำไม ทำไมเขาถึงได้ยื่นข้อตกลงอะไรที่มันร้ายกาจเห็นแก่ตัวอย่างนี้

“เราเป็นห่วงธารมาก แล้วเราก็ไม่รู้จะช่วยยังไง พวกนั้นมีหลายคน ตอนนั้นพี่ณัฐกับเก้าก็หายไปไหนแล้วไม่รู้” กุ๊กไก่บีบมือตัวเองแน่น ผมไม่คิดว่าจะมีเพื่อนเสียสละให้ผมได้มากถึงขนาดนี้ “เพราะเราผิดเองที่ชวนธาร เราผิดเองที่อยากเที่ยว แล้วพอธารโดนแบบนั้น จะไม่ให้เราทำอะไรเลยเหรอ”

“แล้วเรื่องจีบ”

“เราไม่รู้ธารหลังจากไปส่งเราคืนนั้น พี่ออฟเขาก็มาหาตลอด แต่พี่เพลิงเขา..ไม่รู้สิธารถามพี่เพลิงเองเถอะ”

“แต่เขาไม่ได้ขู่อะไรกุ๊กไก่ใช่ไหม” กุ๊กไก่แค่ส่ายหน้า แต่ในแววตาคู่นั้นบ่งบอกถึงความงุนงงอยู่ไม่น้อย แล้วผมจะทำยังไงดี ทำไมเรื่องมันถึงได้ออกมาเป็นแบบนี้ เขาคิดจะทำอย่างนั้นกับกุ๊กไก่จริง ๆ ใช่ไหม แต่คนอย่างเขาจะทำอะไร จะนอนกับใครมันก็เป็นเรื่องง่าย ๆ อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ผมก็เคยเห็นเขาจัดปาร์ตี้อะไรพวกนี้มาแล้วนี่

“กลับกันเถอะ ธารกลับกับไอ้เพลิงนะเดี๋ยวพี่ไปส่งกุ๊กไก่เอง”

“ไปนะธาร”

“ครับ” ผมตอบรับเบา ๆ แต่ไม่คิดจะไปกับเขาเหมือนที่พี่ออฟบอก มองตามจนสองคนนั้นออกจากร้านไป ผมจึงเดินออกจากร้านไปบ้าง คุณเพลิงนั่งอยู่ที่รถคันใหญ่ของเขา ท่าทางไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจอะไรเลย แต่ผมไม่อยากพูดไม่อยากคุยกับเขาอีกแล้ว เลยรีบเดินผ่าน

“อย่าลืมนะว่าเวลาของมึงหมดแล้ว”

“คุณไม่มีสิทธิ์มาสั่งผม”

“กูจะไปธุระ ตอนกลับถึงห้องกูต้องเห็นมึงอยู่ที่นั่น ไม่อย่างนั้นกูจะเอาเพื่อนมึงไปอยู่แทน!” เขาบอกแล้วหันไปใส่หมวกกันน็อก ก้าวขึ้นนั่งบนรถ ผมรีบวิ่งเขาไปใกล้ จะบอกเขาให้ได้ยินชัด ๆ ว่าไม่ไป แต่ยังไม่ทันได้อ้าปากพูด เขาก็ขับรถออกไปก่อนแล้ว ทิ้งให้ผมยืนมองตามท้ายรถของเขาจนลับตา

“ผมไม่ไปไหนทั้งนั้น!” เสียงรถเขาดังออกขนาดนั้นไม่รู้จะได้ยินไหม แต่เสียงดังกวนชาวบ้านอย่างนี้ ขอให้ถูกตำรวจจับด้วยเถอะ สาธุ!



*************

จ้า ให้มันขี่ล้มจนหัวฟาดพื้นไปเลยมั้ยลูก 

เด็กคนนี้นี่...มีแช่งสามีตัวเอง ได้ไง

เอาเป็นว่า ธารจะเอายังไง เจอกันตอนหน้าจ้าาา

6-3-2562

ดาว

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด