[เรื่องสั้นตอนเดียวจบ] ภาพวาด #ม้านั่งสีเบจ (18/11/61 Up)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องสั้นตอนเดียวจบ] ภาพวาด #ม้านั่งสีเบจ (18/11/61 Up)  (อ่าน 1127 ครั้ง)

ออฟไลน์ ต้นเกลือ

  • No one can escape time; it delivers us all to the same end. ...
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
    • Twitter
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-11-2018 20:28:42 โดย SmolMety »

ออฟไลน์ ต้นเกลือ

  • No one can escape time; it delivers us all to the same end. ...
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
    • Twitter
เรื่องสั้น : ภาพวาด


ภาพวาดนั้นเหมือนมีอะไรที่สามารถดึงดูดเขาได้...

แคนวาสขนาดใหญ่ที่ถูกลงสีด้วยสีน้ำมันนั้นให้ความรู้สึกอึดอัดในใจกับสายชลยิ่งนัก เหมือนยิ่งมองก็ยิ่งปวดหัวใจ ภาพวาดที่แขวนอยู่ในมุมมืดของหอศิลป์แห่งนี้เป็นรูปที่ไม่น่าอภิรมย์เอาเสียเลยสักนิด

ชายหนุ่มในรูปกำลังยืนร้องไห้ท่ามกลางดอกไม้ขาว บริเวณข้างๆกันก็มีหนามกุหลาบและกองเพลิงเผาผลาญทุกสิ่ง

สายชลพยายามคิดอยู่ว่าเขาคุ้นเคยกับชายหนุ่มในรูปนั้นเหลือเกิน อาจจะเป็นคนรู้จักของเขาที่มาเป็นแบบให้ก็ได้

เขาสะบัดศีรษะตนเอง เดินออกห่างจากภาพนั้นแล้วดูภาพเขียนชิ้นอื่นต่อโดยที่ไม่คิดจะหันกลับมามองชายหนุ่มผู้เศร้าโศกอีกรอบ


สายชลออกจากห้องน้ำที่เขาแวะเข้า แต่ไม่นานนักไฟก็เกิดดับสนิทลงทันทีจนเขาเกือบร้องตกใจ มองซ้ายขวาก็ไม่พบเจอผู้คนบริเวณนี้ซึ่งคาดว่าคงจะตรงไปที่ประตูทางออกกัน พอเขาเดินตรงไปก็ยังไม่พบเจอกับใครเช่นเดิม สายชลจึงเริ่มเอะใจแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

รึว่าคนจะออกไปรอข้างนอก?

ว่าแล้วสายชลก็เปิดประตูออก แต่สิ่งที่เขาเห็นนั้นกลับไม่ใช่ภาพของต้นไม้ข้างถนนอย่างที่เขามาเมื่อเช้า มันเป็นลานกว้างๆที่มีคราบของสีหยดเต็มไปหมด ไม่มีร่องรอยของสิ่งมีชีวิตใดๆ แม้แต่บ้านเรือนใกล้กันก็ยังหาย

นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?

สายชลสองจิตสองใจว่าเขาจะย่างออกไปสำรวจ หรือว่ากลับเข้าไปภายในอาณาเขตของหอศิลป์แห่งนี้ดี แต่สุดท้ายความอยากรู้ก็สามารถเอาชนะได้ สายชลค่อยๆพยายามก้าวขาทีละข้างเดินตรงไป คราบสีบนพื้นพวกนี้แลดูน่าสยดสยองราวกับว่ามันเป็นเลือดที่สาดกระจาย แถมยังได้กลิ่นไหม้ๆจากที่ไหนสักที่ด้วย

เดินห่างออกจากตัวหอศิลป์ได้ระยะหนึ่ง เขาก็เห็นกลีบดอกไม้สีขาวตกอยู่บนพื้น สายชลจ้องอยู่สักพักจึงรู้ว่าบริเวณใกล้ๆกันก็มีกลีบคล้ายๆกันหล่นอยู่เต็มไปหมด สายชลจึงเดินตามไปจนกระทั่งพบกับม้านั่งไม้สีเบจสะอาดตาตั้งตระหง่าอยู่

ถ้าเป็นในหนังแฟนตาซี ไม่แน่นี่อาจจะเป็นกุญแจสำคัญอย่างหนึ่งของเรื่องนี้ก็เป็นได้

สายชลค่อยๆนั่งลงกับม้านั่งนั้น เขาไม่ได้นับว่าผ่านไปนานกี่นาที แต่ก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยจนเขาถอนหายใจ ลุกขึ้นคิดจะกลับเข้าไปในหอศิลป์และหวังว่านี่เป็นเพียงแค่ฝันกลางวัน

ฟุ่บ

“ทายสิ ใครเอ่ย?”


น้ำเสียงโทนหวานดังขึ้นมาพร้อมกับมีมือมาปิดที่ตาของสายชล เขาตกใจจนดิ้นแรงแล้วล้มลงกับพื้น หันกลับมาอีกทีก็พบกับร่างของชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังยืนมือไขว้หลัง ยิ้มหวานในเสื้อสีขาว กางเกงเข้ารูป

“คุณ..เป็นใคร?”

“เราเป็นใครไม่สำคัญหรอกนะสายชล” น่าแปลกที่คนตรงหน้ารู้จักชื่อของเขาทั้งที่เขายังไม่ได้กล่าวถึง สายชลลุกขึ้นด้วยท่าทางหวั่นๆ ถ้าคนข้างหน้าไม่ใช่คนจริงๆนี่... “เราไม่ใช่คนหรอกนะ แต่ไว้ใจเราได้ เราไม่ทำร้ายนายแน่นอน”

“ทำไมถึงรู้จักชื่อผม?”

“คนสำคัญของผม ผมจำได้หมดนั่นแหละ” คนตรงหน้ายังคงไม่ยอมบอกชื่อหรือที่มาของตัวเอง ทำให้สายชลขี้เกียจจะถามต่อ

“ถ้าไม่ทำร้ายผมก็แล้วไป ผมจะกลับไปที่หอศิลป์ ตื่นจากความฝันบ้าๆนี่เสียที”

“ข้างในหอศิลป์มันอันตรายนะสายชล ข้างในมีแต่พวกจิตวิญญาณอาฆาตของภาพวาดทั้งนั้นเลย”

สายชลขมวดคิ้วทันที “จิตวิญญาณ?”

“ท่าทางสายชลจะไม่รู้สินะว่าเจ้าของภาพพวกนั้นน่ะมีแรงอาฆาตกับคนที่ทำร้ายจิตใจเขาแค่ไหน” ร่างของสิ่งที่ไม่ใช่คนเดินเข้ามาใกล้ “ไม่ต้องห่วงนะ ถ้าอยากกลับ เราก็มีวิธีพากลับอยู่”

“ยังไง? บอกผมมาเถอะ”

“ในหอศิลป์มันจะมีภาพวาดหนึ่งที่สามารถพาสายชลกลับได้ เดี๋ยวเราพาไปเองนะ”

“แต่เมื่อกี๊คุณเพิ่งบอกว่า...” ข้างในมีจิตวิญญาณอาฆาต...

“อยู่กับเราไม่ต้องกลัวหรอก เราจะปกป้องสายชลเอง”


สายชลเดินตาม ‘จิตวิญญาณดี’ มาจนถึงหน้าหอศิลป์ที่เดิม ระหว่างนั้นก็นึกถึงคำพูดของคนตรงหน้าว่าหมายความว่าอย่างไร จะปกป้อง? ไม่ต้องกลัว?

คำเหล่านี้ให้ความรู้สึกประหลาดใจแก่เขาเป็นอย่างมาก เหมือนกับว่าได้ยินมานาน รู้สึกคุ้นเคย รู้สึกเรียกร้องหา แต่เพราะอะไร? ทำไม?

เขาเดินเข้าประตู

ข้างในยังคงมืดเหมือนเดิม เขาได้ยินเสียงแปลกๆมาจากชั้นบนเป็นเสียงฝีเท้าเดิน ไม่นานนักก็ได้ยินเสียงอะไรกำลังขาดออกจากกันตรงทางเดินกลาง ในระแวกนั้นเขาก็เห็นเงาของอะไรกำลังวนไปมาด้วย

อย่างแรกเลยที่สายชลรู้สึกคือความกลัว กลัวต่อสิ่งที่เขาไม่เคยพบเจอมาก่อนจนกระทั่งคนที่สัญญาว่าจะพาเขากลับไปโลกเดิมได้จูงมือลากไป

“อย่าไปกลัวเลยนะ พวกนั้นก็แค่วนเวียนไปมา ถ้าไม่ใช่คนที่อาฆาตด้วยก็ไม่ทำอะไรหรอก”

“...ผมสงสัยว่าก่อนหน้านี้มีคนที่หลุดเข้ามาแบบผมรึเปล่า?”

“มีสิ แถมยังเป็นพวกที่จิตเหล่านั้นอาฆาตด้วย” เขายิ้มอ่อน “แล้วก็โดนจัดการเรียบเลย”

สายชลกลืนน้ำลายหนืดๆลงคอ เขาไม่เคยทำอะไรให้คนโกธรหรือเกลียดมาก่อน เพราะอะไรเขาถึงมาอยู่ที่นี่ได้

“สายชลเห็นพวกคราบสีข้างนอกนั่นใช่มั๊ย? ความจริงแล้วนั่นเป็นเลือดของคนที่จบชีวิตที่นี่ โลกนี้สีก็คือเลือด เลือดก็คือสี จิตทุกดวงที่หลุดเข้ามาจะมีสถานะกลายเป็นภาพวาดเหมือนกันหมด พอโดนจัดการก็เหมือนกับการที่ทำขวดสีแตกหรือภาพถูกฉีกนั่นแหละ”

“แล้วทำไมผมถึงมาอยู่ที่นี่ได้? ผมไม่เคยทำอะไรให้ใครเลย...”

“นอกจากว่าจะอาฆาตแล้ว บางครั้งก็มีจิตผูกพันเหมือนกันนะ”

“จิตผูกพัน?”

“สายชลอาจจะเคยทำอะไรสักอย่างให้คนที่สร้างพวกเราขึ้นมาประทับใจหรือมีความสุขจนลืมไม่ได้ เลยถ่ายทอดออกมา อยากจะเจออีกสักครั้งอะไรทำนองนี้”

สายชลนึกไม่ออกอยู่ดีว่าเคยไปทำดีให้กับใครบ้าง

“ใกล้ถึงแล้วล่ะ จริงสิ..สายชลอยากลองแวะทักทาย ‘หญิงสาวรองเท้าแดง’ ก่อนรึเปล่า?”

หญิงสาวรองเท้าแดงเป็นภาพวาดที่เป็นผู้หญิงเท้าสวย ข้างหนึ่งมีรองเท้าแดงประดับ แต่อีกข้างกลับไม่มีเท้า เป็นแผลเหวอะน่ากลัว

ถ้าเป็นจิตนั้น...สายชลคงรับไหวอยู่หรอก ลองดูก็ไม่เสียหาย ไหนๆก็ครั้งหนึ่งที่เคยมาติดที่นี่

“สวัสดีครับ...เอ่อ...”

“อ้าว ฉันจำเธอได้นะ เธอดูรูปฉันนานพอตัวเลยนี่นา”

สายชลสะดุ้งทันทีที่เธอทักทาย “คุณจำผมได้?”

“ฉันจำได้ทุกคนนั้นแหละ รู้รึเปล่าว่าฉันน่ะเหงามากเลยนะที่ไม่สามารถคุยกับคนจากอีกโลกได้” หญิงสาวเท้าคางกับโต๊ะ “ฉันรอวันที่คนที่ฉันแค้นมา แก้แค้นเสร็จฉันจะได้ไปเสียที”

“ไป?” สายชลไม่อยากโฟกัสไปที่ความแค้นส่วนตัวของชาวบ้านนัก เดี๋ยวจะโดนหาว่ายุ่งไม่เข้าเรื่อง

“จิตวิญญาณก็เหมือนกับวิญญาณ ถ้าหมดทุกข์แล้วพวกเราก็จะได้ไปเกิดใหม่” หญิงสาวยิ้มมาให้ “แต่ก็มีเหมือนกันนะ ประเภทที่ว่าไม่ยอมไป ฉันไม่รู้หรอกว่าเพราะอะไร”

“อ่า...ครับ”

“แล้วก็นะ ฉันอยากจะบอกอะไรกับเธอหน่อย บางครั้งการที่เธอจำไม่ได้ว่าทำอะไรให้ใครมันก็ไม่ใช่เรื่องแย่เสมอไปหรอก เพราะฉันเชื่อว่าความทรงจำส่วนนั้นมันจะอยู่ในหัวใจของอีกคนที่ได้รับ มันไม่มีวันหายไปไหน”

“...”

“ภาพวาดสื่อตัวตนของคนเรา ถ้าเธอเป็นภาพเหมือนกับฉัน เธอคงเป็นภาพที่สวยงามมากแน่ๆไม่เหมือนฉันที่มีแต่ความเศร้าโศกที่ต้องเสียเท้าไป”

“เสียใจด้วยนะครับ...” สายชลพูดอะไรไม่บอกเมื่อหญิงสาวทำตาเศร้าลงแม้ว่าจะยิ้มอยู่ คนข้างๆกันสะกิดให้สายชลเดินต่อไป สายชลจึงกล่าวคำลา “เดี๋ยวผมจะมาเยี่ยมให้บ่อยๆนะครับ คุณจะได้ไม่เหงา”

สายชลเดินมาเรื่อยๆจนกระทั่งถึงมุมมืดที่เขาคุ้นเคย ภาพวาดแทนที่จะเป็นภาพของชายหนุ่มร้องไห้ท่ามกลางดอกไม้สีขาวกลับกลายเป็นความว่างเปล่า

“ตรงนี้เคยมี...”

“มันไม่มีหรอก ภาพนี้เป็นภาพที่สายชลต้องคิดขึ้นมาเองนะ”

“ฮะ?”

“เรามีนิทานจะเล่าให้ฟังด้วยล่ะ กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว...”


----------


วันนั้นเป็นวันที่ฝนตกไม่หยุด เด็กปีสามของมหาลัยแห่งหนึ่งกำลังนั่งวาดรูประบายความแค้นและความน้อยใจอยู่ใต้ตึกคนเดียว เขาไม่มีเพื่อนหรือแม้กระทั่งครอบครัว การที่เขาดิ้นรนชีวิตมาเรียนที่นี่ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ผิดมหันต์ ไม่มีใครยอมรับตัวตนของเขา ไม่มีใครชอบสิ่งที่เขาเป็น หลายครั้งรูปที่เขาวาดขึ้นมาก็อยู่ในกองขยะเปียกข้างตึกคณะวิศวกรรม

เขานั่งวาดไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมาย ภาพแต่ละภาพนั้นมีความหมายแฝงหลายอย่าง แต่ไม่มีเลยสักภาพที่สื่อถึงความสุขหรือความรัก

จนกระทั่ง...

“มาทำอะไรตรงนี้คนเดียว?”

เขาค่อยๆเงยหน้าขึ้นมา ตรงหน้าเขาเป็นผู้ชายในชุดนักศึกษาเหมือนกัน ตัวเปียกถือกระบอกใส่กระดาษเขียนแบบอย่างทุลักทุเล ใบหน้าคมคายนั้นทำให้คนตัวเล็กกว่าละสายตาไม่ได้

บรรยากาศรอบๆตัวช่างดูดีขึ้นอย่างเท่าตัวพอเขาคนนี้เดินเข้ามา

“เอ่อ....”

“วาดรูป? สวยจังเลยนะ แต่ทำไมความหมายมันดูแค้นๆยังไง...”

“...”

“เราไม่รู้หรอกว่านายโกธรอะไรใครมา แต่เราเชื่อว่านายวาดรูปเก่งมาเลยล่ะ นี่เราเรียนสถาปัตถ์แท้ๆเรายังเขียนเปอร์ยังไม่ค่อยสวยเลย” เขาหัวเราะแห้ง เรียนเท่าไหร่ก็เหมือนโง่ลงทุกวัน “ฉันชื่อสายชล ปีสาม”

“...วาริน ปีสามวิจิตร...”

“เรียนวิจิตร มิน่าล่ะทำไมถึงวาดสวย ถ้ามีเงินเยอะนี่ซื้อกลับเอาไปตั้งคอลเล็กชั่นแล้วนะ” สายชลทิ้งตัวลงข้างๆกับวาริน เขานั่งดูวารินวาดรูปไปเรื่อยๆ ไม่มีท่าทีว่าฝนจะหยุดตกในเร็วๆนี้ พวกเขาสองคนยังคงติดอยู่ใต้ตึกที่ร้างผู้คน มีเพียงแค่แสงไฟจากหลอดนีออนส่องสว่างให้เขาทั้งคู่เห็นใบหน้าของกันและกัน

ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ที่สายชลจ้องวาริน รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เจ้าตัวหันหน้ามาบ่นให้แล้ว

“จะจ้องเราอีกนานรึเปล่า?”

คนตัวเล็กขมวดคิ้วยุ่ง แต่แก้มกลับแดงเป็นสีมะเขือเทศจางๆจากความเขิน ตลอดที่ผ่านมาไม่เคยมีใครนั่งใกล้เขาอย่างนี้เลย พอมีคนที่ไหนไม่รู้มานั่งดูเขาวาดรูปแบบนี้ก็อายนิดๆเหมือนกัน

“อยากจ้องอะ”

“...”

“รู้ตัวรึเปล่าว่านายมีแรงดึงดูดบางอย่างที่ทำให้เราสนใจ”

“?”

“เวลาที่นายตะหวัดพู่กันในมือของนาย สีหน้าของนายมันมีหลายอารมณ์ผสมกันไปหมดเหมือนสีในจานสี” สายชลขยับเข้าใกล้อีก เขาถือวิสาสะหยิบจานสีของวารินมาถือเอาไว้ “ไม่สามารถเดาอารมณ์ที่แท้จริงได้ แต่ก็สามารถมองออกว่ากำลังคิดอะไรได้...แปลกใช่มั๊ยล่ะ?”

“หมายความว่ายังไง?” วารินยิ่งคิดตามยิ่งงง

“อาจจะเป็นความพิเศษของศิลปิน...หรือเป็นแค่ความพิเศษของวารินก็ได้นะ”

..



หลังจากนั้นสายชลและวารินก็ออกไปด้วยกันบ่อยๆ จากคนที่ไม่เข้าสังคมอย่างวารินก็ต้องมาเดินห้าง กินข้าว ดูหนังกับสายชลบ่อยๆเพราะเจ้าตัวไม่อยากให้พ่อศิลปินอายุน้อยคนนี้ต้องอยู่แต่ในหอที่เต็มไปด้วยหลอดสี

ความสัมพันธ์แปลกๆมันเริ่มจะก่อตัวขึ้น มันไม่ได้เจ็บปวด แต่มันอึดอัดราวกับว่ามีผีเสื้อบินว่อนเต็มท้อง หลายครั้งที่วารินรู้สึกว่าสายชลจงใจแตะเนื้อต้องตัวเขา ที่แปลกกว่าก็คือเขากลับชอบสัมผัสเหล่านั้นด้วย

“วาริน”

“หืม?” วารินกับสายชลนั่งอยู่ที่ม้านั่งในสวยสาธารณะแห่งหนึ่งท่ามกลางดอกไม้สีขาว ผู้คนเดินผ่านไปมา บ้างก็ออกกำลังกาย บ้างก็ปั่นจักรยาน “มีอะไรเหรอ?”

“คือ...เรา...”

“...”

“ชอบวารินนะ”

“...”

“ชอบตั้งแต่แรกเห็นเลย วารินเป็นคนที่ไม่คุยกับใครแต่ยอมมาคุยกับเรา วารินไปไหนมาไหนกับเราตลอด หลายคนมองวารินว่าเป็นคนที่เกาะเราแต่มันไม่ใช่ วารินมีความน่ารักภายในตัว ใครจะมองยังไงก็ช่างเขา รู้กันแค่สองคนว่าแท้จริงแล้วมันเกิดอะไรขึ้นก็พอ...” สายชลพล่ามยาวที่สุดเท่าที่วารินเคยได้ยิน “เราไม่ได้จะบอกให้วารินชอบเราตอบ เราแค่สบายใจที่ได้บอก...รังเกียจรึเปล่า?”

“ก็...ไม่” เขาเบือนหน้าหนีไปทางอื่น มาถูกสารภาพรักตรงๆแบบนี้ก็ทำเอาหายใจลำบากเหมือนกันนะ!

“ไม่ก็ดีแล้ว หวังว่าวันหนึ่งเราจะพังกำแพงที่นายสร้างขึ้นเข้าไปได้”

“พังทำไม”

“?”

“ประตูก็มีอยู่”

..

...

พวกเขาคบหากันมาได้เกือบสิบปี พอเรียนจบออกมาพวกเขาก็รีบย้ายไปอยู่ด้วยกันที่บ้านของสายชล พ่อแม่ของสายชลชอบวารินมาก แถมยังจะพาไปหาคุณตาที่อยู่ที่ต่างจังหวัดอีกด้วย

มันเป็นชีวิตที่สมบูรณ์แบบ

สงบ มีความสุข ไม่มีเรื่องทุกข์

แต่ก็เป็นเพียงแค่ช่วงสั้นๆ

..

...

ในวันครบรอบสิบเอ็ดปีที่คบกัน ไม่มีใครคิดว่าสายชลจะเกิดอุบัติเหตุนอนเป็นเจ้าชายนิทราในโรงพยาบาล ไม่รู้ว่าจะฟื้นหรือไม่
ตอนนั้นวารินทั้งร้องไห้ ทั้งเกลียดแค้นจงชังคนที่ขับรถชนแล้วหนี เขากลับมาจมปลั่กกับความเศร้าในอดีตอีกครั้ง ถึงจะมาเฝ้าดูอาการของสายชลทุกวัน แต่เขาก็มักจะหยิบเฟรมวาดรูปมาวาดภาพต่างๆนานาที่สื่ออารมณ์ของเขา

ผ่านไปเป็นเดือน..

สามเดือน...

หกเดือน...

หนึ่งปี...

คนบนเตียงไม่มีท่าทีที่จะฟื้นขึ้นมาเลยจนวารินไม่สามารถทนกับความเจ็บปวดนั้นได้อีก และด้วยความที่ตัวเองก็มีอาการของโรคซึมเศร้าอยู่แล้วจึงยิ่งไม่สามารถแบกรับเอาไว้ได้ต่อไป เขานำภาพทั้งหมดที่มีไปบริจาคให้กับหอศิลป์ของมหาลัยเก่าที่เคยเรียนด้วยกัน ประกาศลาออกจากวงการศิลปินนักวาด เขามาเยี่ยมสายชลที่นอนอยู่บนเตียงเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่เขาจะเดินทางไปสู่ดินแดนที่ไม่มีใครสามารถเข้าถึงได้

 “แล้วเจอกันนะ เรากำลังจะไปหาแล้ว”

ในคืนนั้นก็มีข่าวดังครึกโครมไปทั่วประเทศว่าอดีตศิลปินหนุ่มได้จากโลกนี้ไปท่ามกลางกองเพลิงและดอกไม้สีขาว เช่นดั่งในรูปวาดสุดท้ายของเขา


----------


“...ทำไม...เดี๋ยวนะ รึคุณกำลังจะบอกผมว่า...”

“อื้ม คนในภาพนั้นคือเราเอง วาริน”

สายชลปวดหัวทันที เขารู้ว่าเขาประสบอุบัติเหตุจนกลายเป็นเจ้าชายนิทรา ตื่นมาก็เห็นหน้าพ่อกับแม่แล้ว พวกท่านร้องไห้เสียใจใหญ่พูดว่าทำไมอีกคนถึงไม่อดทนรอนานกว่าอีกนิด

เขาเลยคิดว่าญาติน่าจะเสีย...พวกท่านจึงยังมีความเศร้าโศกอยู่ในสายตา

“ไม่ต้องขอโทษหรอกนะที่จะจำไม่ได้ มันช่วยไม่ได้นี่นา ความทรงจำของสายชลเองก็หายไปหลายช่วงเหมือนกันนี่นา”

“...ถ้าผมรู้จักคุณจริงๆ...แล้ว...”

“วินาทีที่สายชลมองมาที่รูปนี้...เรารู้สึกเหมือนว่าจิตมันเรียกร้องอยากเจอสายชลอีกครั้งแม้ว่าพวกเราจะอยู่คนละโลกกันแล้วก็ตาม...”

มันคือจิตผูกพัน...สายชลคิด

“เราอยากจะพูดกับสายชลนานแล้วล่ะว่าเราขอโทษที่ไม่เข้มแข็งพอ แทบยังทำตัวแย่ๆในโลกนี้อีก สายชลจะเกลียดเราจะไม่รักเราก็ได้ แต่เราแค่อยากจะขอโทษ...กับสิ่งที่เราทำไปทั้งหมด”

“วาริน...”

สายชลหลับตาลง พยายามนึกถึงส่วนความทรงจำที่เริ่มประติประต่อจากความไร้เหตุผลได้ ส่วนที่ขาดหายไปถ้าเอาตัวของวารินมาลง...มันช่างคุ้นเคยและโหยหานัก


‘วาริน ดูนี่สิ’

‘อะไรๆ เดี๋ยวสิ! หลอกหอมแก้มกันนี่นา!’



‘สายชลลองชิมหน่อย’

‘อร่อยนี่นา ซื้อจากไหนอะ?’

‘ฝีมือเราเอง’

‘เก่งจังเลยนะ แฟนใครเนี่ย’



‘พรุ่งนี้วันครบรอบ ไปไหนกันดีล่ะ?’

‘อยู่บ้านดีกว่า ได้อยู่กับสายชลแค่สองคนก็มีความสุขมากแล้ว’



หยดน้ำสีใสไหลลงจากหางตาของสายชล ทุกอย่าง...ทุกอย่างที่เขาเคยลืมไปมันกลับมา..

พร้อมกับคนที่เขารักที่สุดในชีวิต...

วาริน

“...อย่าร้องไห้สายชล สายชลเข้มแข็งกว่าเราเยอะเลยนะ”

“วาริน...ฮึก...”

“สายชลอาจจะคิดว่านี่เป็นความผิดของสายชลที่เกิดอุบัติเหตุ อย่าโทษตัวเองเลยนะ จะโทษก็โทษเราที่ไม่รอ โทษที่เราคิดสั้น...”

“เราไม่โทษวารินหรอก วารินทนได้เป็นปีก็เก่งมากพอแล้ว” สายชลส่ายหน้าไปมา เขามองคนตรงหน้าที่มีน้ำตาไหลออกมาเป็นทางมากกว่าเขา และดึงเข้าไปกอด "คิดถึง....คิดถึงเหลือเกิน"

“อื้ม..คิดถึงเหมือนกัน”

“เราอยู่กับวารินที่นี่ได้มั๊ย กลับไปเราก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงดีแล้ว ชีวิตที่ไม่มีวารินเราก็ไม่รู้ว่าจะอยู่ต่อไปทำไม”

“ไม่ได้หรอกนะ เราอยู่กันคนละโลก สายชลยังมีหน้าที่ของตัวเองที่ต้องทำ แต่ถ้าเหงาสายชลก็แวะมาดูรูปของเราที่นี่บ่อยๆเลยนะ”

“...”

“โลกที่มีสีสันจากความเศร้าของเรา...มันไม่น่าอยู่เลยสักนิด เราไม่อยากให้สายชลต้องมาอยู่กับโลกมืดๆแบบนี้ สายชลเข้าใจใช่มั๊ย?”

สายชลพยักหน้า

ยังไงก็ฝืนกฎของสรรพสิ่งบนโลกนี้ไม่ได้ เขายังมีชีวิตอยู่ ส่วนวารินนั้นจากไปแล้วสิ่งที่อยู่ตรงหน้านี้เป็นเพียงแต่จิตวิญญาณของเขาเท่านั้น

“ขออยู่แบบนี้อีกสักพักได้รึเปล่า?”

“ได้สิ...”


พวกเขายืนกอดกันท่ามกลางความเงียบ ไม่มีอะไรจะพูดให้กันนอกจากความรักที่มีให้แม้ว่าด้ายแดงแห่งโชคชะตานั้นจะขาดออกจากกันไปแล้วก็ตาม

“สัญญานะว่าจะเข้มแข็งต่อไป...สัญญาได้รึเปล่า?”

“อืม”

“ถึงเวลาที่สายชลต้องไปแล้วนะ กลับไปสู่โลกเดิม อย่าไปเล่าให้ใครฟัง เก็บไว้เป็นความลับของสองเราก็พอ”

“ความลับของสองเรา ฟังดูจั๊กจี้ดี”

“โธ่ สายชล...”

“วารินบอกเราใช่มั๊ยว่าเราต้องคิดภาพนี้ขึ้นมาเอง?”

“อื้ม ถ้าอยากจะออกจากโลกนี้จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงบางอย่างน่ะ สายชลมีภาพที่อยากได้แล้วเหรอ?”

“มีสิ แต่เราไม่บอกหรอก”

“อ้าว”

“ฮึฮึ เราต้องทำยังไงบ้างล่ะ?”

“สายชลหลับตาแล้วแตะไปที่เฟรมเลย นึกภาพที่จินตนาการเอาไว้ แล้วก็ลืมตา” วารินถอนหายใจ “หลังจากนั้นเราก็จะแยกกันอีกครั้งแล้วนะ”

“เข้าใจแล้วล่ะ แล้วก็...”

“?”

“เรารักวารินนะ รักมาก และจะรักตลอดไป”

“เราเองก็รักสายชลนะ ขอบคุณที่เข้ามาในชีวิตเรา ลาก่อนนะ”



----------


บรรยากาศภายในหอศิลป์แห่งนี้ยังเหมือนเดิม ชายหนุ่มวัยกลางคนเดินดูตามรูปต่างแล้วยกยิ้มให้แม้ว่าภาพเหล่านั้นจะมีความหมายที่บิดเบี้ยวเท่าใดก็ตาม ความรู้สึกมันไม่ได้อึดอัดเหมือนครั้งแรกที่เข้า เขากลับคิดว่านี่คือบ้านหลังสองที่เขาแวะมาประจำ เขาชอบว่า ‘ทักทาย’ รูปพวกนี้ช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ บางครั้งอยู่นานจนหอศิลป์ปิด

สายชลเดินไปเรื่อยๆจนถึงมุมมืดหนึ่งที่เคยเป็นที่ตั้งของภาพวาดสุดท้ายของศิลปินเจ้าของหอศิลป์ แม้ว่าจะไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้วแต่เขายังรับรู้ถึงการมีตัวตนในภาพนี้

จากภาพที่ชวนหดหู่ใจที่สุด มันกลับกลายเป็นภาพที่สวยที่สุดที่เคยเห็นมา

ชายหนุ่มสองคนกำลังนั่งอยู่ที่ม้านั่งสีเบจท่ามกลางดอกไม้ พวกเขาหันหน้าเข้าหากันและหัวเราะอย่างมีความสุข ไม่มีเปลวเพลิง ไม่มีหนามกุหลาบ มีแต่ความอบอุ่นที่ลอยออกมาจากผืนผ้าตรงหน้า สายชลยิ้มบางให้กับภาพนั้นก่อนที่จะเอ่ยคำทักทายเช่นทุกครั้งที่มาดู

“ว่าไงที่รัก?”

..



ในอีกโลกหนึ่ง ตอนนี้ก็ยังคงมีสีเปื้อนพื้นเต็มไปหมด เพียงแค่ว่าทุกอย่างมันสว่างไสวมีชีวิต ม้านั่งสีเบจตัวเดิมตั้งอยู่โดยมีชายหนุ่มอีกคนกำลังนั่งถือดอกไม้สีขาวพร้อมกับรอยยิ้มสวยงาม ต้องขอบคุณสายชลที่คิดถึงภาพนี้ เป็นภาพที่วารินรักมันมากที่สุดในชีวิต และวารินสัญญาว่าเขาจะเฝ้าดูสายชลตลอดไปจนกว่าพวกเขาทั้งสองคนจะได้มาเจอกันอีก

“เจอกันอีกแล้วนะสายชล”


----------


แวะมาทิ้งเรื่องสั้นแล้วจากไป แหงะ

น้องเป็นคนตั้งชื่อนิยายไม่เก่ง มันเลยไม่ดูน่าสนใจ และตอนนี้น้องกำลังเดือดร้อนกับอนิเมชั่น 2 นาทีที่ต้องทำให้เสร็จภายใน 11 ชั่วโมง ถ้าเสร็จไม่ทันตกรอบแน่ๆเลย ฮืออ

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1

ออฟไลน์ Keane

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 247
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด