รบกวนหาผู้ช่วยแปลให้ทีนะคร้าบบบบ แล้วพรุ่งนี้ตอนเย็นๆจะเช็คเมล เอาไฟ มาให้นะ เดี็ยวไปขอบคุณเพื่อนก่อนนะ
มีหยอด คำหวานมาให้ด้วย อิอิอิ
พี่นี่ก็ตื่นไม่เป็นเวลาจริงๆเชียว
เอ้าขอมา ก็จัดให้
น้องลั่วพูดถึง
กว่าหนังสือเล่มนี้จะออกมาได้ก็ต้องเจออุปสรรคมากมาย งานสะดุดครั้งแล้วครั้งเล่า แล้วยังต้องกล้ายอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นขณะนั้นด้วย(เช่นคำวิจารญ์ว่ายังเด็ก) เส้นทางของการเขียนและการตีพิมพ์มันไม่ได้ราบเรียบอย่างที่ควรเป็น แต่พอเห็นหนังสือเป็นรูปเล่มออกมา แทบจะร้องไห้
เวลาที่ว่างจากเรียนแล้ว น้องก็จะอยู่ที่บ้านหรืออยู่ที่ไหนก็ตามที่สามารถอ่านหนังสือได้ แต่ในบางเวลาก็ออกไปเที่ยวกลางคืนบ้าง
น้องตั้งความหวังที่จะเป็นนักเขียนรุ่นใหม่ที่เจริญรอยตามการเขียนวรรณกรรมแบบดั้งเดิม น้องหวังไว้ว่างานของน้องคงจะเป็นงานเขียนที่บริสุทธ์ (ในที่นี้น่าจะหมายถึง เขียนตามความคิดและความต้องการของตัวเอง ไม่เขียนตามกระแสหรือเอาใจตลาดมั๊ง
)
น้องชอบงานของ หยานเกิอลิ่ง ซูคิด ฉางไอลิง เพราะงานเขียนเหล่านั้นไม่ได้คำที่สวยหรูแต่อ่่านแล้วทำให้รู้สึกถึงความสวยงามของเนื้องาน
น้องเน้นว่า ศิลปินแต่ละคนมีทรรศนคติเรื่องความงามที่แตกต่างกัน แต่สิ่งที่นำเสนอออกมาต้องเป็นความสวยงามที่บอกถึงตัวตนของคนๆนั้น
ในช่วงที่น้องเขียนหนังสือเล่มนี้ มันเป็นช่วงที่ทรมานมาก ทรมานจนแทบคลั่ง ต่อมาเสี่ยวฮุ่ยก็เลยช่วยน้องทำปกหนังสือ(ออกแบบโดยทีมอาร์ตแต่ลงสีโดยเสี่ยวฮุ่ย) น้องเชื่อว่า การที่คนจะเสพงานอย่างลึกซึ้งนั้นก็ต้องใช้ความสวยงามเป็นตัวช่วยดึง
- ช่วงพัก -
งานเขียนของน้อง 16 ปีฟังดูเหมือนเป็นงานเขียนแบบเด็กๆ แต่มันมีส่วนที่ทำให้งานของน้องมีความสวยงามในแบบของมัน
งานเขียนชิ้นแรกที่น้องอ่าน คือ การฟื้นหลังความตาย ของ Tolstoy ซึ่งตอนนั้นน้องอายุเพียงแค่ 9 ขวบ
น้องไม่ต้องการให้คนอ่านรู้สึกเหมือนงานน้องเป็นสิ่งที่เอื้อมไม่ถึง แต่อยากให้คนอ่านรู้สึกเหมือนว่ากำลังฟังเพลงอยู่
ในช่วงเวลาที่เขียนงานชิ้นนี้ น้องอารมณ์เสียบ่อยมาก
คำพูดที่ใช้ในงานเขียนต้องสามารถสื่อให้ผู้อ่านมองเห็นภาพและอารมณ์ของงานเขียนที่ชัดเจน
น้องอยากที่จะเป็นนักเขียนเต็มตัว เพราะน้องคิดว่ามันจะทำให้น้องทำงานได้ง่ายขึ้นและสามารถที่จะฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆได้ง่ายขึ้น(เพราะตอนนี้น้องเป็นนักเขียนสมัครเล่น เลยไม่มีเวลาพอที่จะทุ่มให้งานเขียนเพียงอย่างเดียว)
น้องเคยชอบการแสดงละคร แต่หลังๆมา ความชอบมันลดลงเรื่อยๆ
ตอนนี้น้องชอบงานเขียนประเภท ละครชีวิตแนวสืบสวนสอบสวน
น้องไม่เคยดูหนังแนวตลกเลย ดูแต่ประเภทโศกนาฏกรรม ดูแล้วก็ร้องไห้ไปกับมัน(จะเศร้าไปไหนว๊า
)
น้องมองตัวเองเหมือนเป็นเหมือนผู้สร้าง ตัวละครของน้องแต่ละตัวค่อนข้างจะสุดขั้ว เพราะน้องพยายามจะสื่อให้เห็นว่า ธรรมชาติของมนุษย์มันเปลี่ยนไปได้เสมอ เหมือนงานเขียนของน้องในแต่ละตอน
น้องแลกเปลี่ยนความคิดกับเพื่อนเสมอ เพราะน้องคิดว่าการเป็นนักเขียนที่ดี ควรจะอยู่ท่ามกลางสิ่งที่สามารถเข้าใจได้อย่างเป็นเหตุเป็นผล(ประมาณว่าไม่ควรหมกมุ่นอยู่กับความคิดของตัวเองเพียงคนเดียว ควรจะออกมามองความคิดเห็นและความเป็นจริงอื่นๆด้วย)
จบการสัมภาษณ์
ยากเหมือนกันเนอะ น้องเก่งเกินอายุมากๆ สงสัยอยู่ใกล้นักปราชญ์อย่างเฮีย คำพูดคำจาเล๊ยเหมือนถอดกันมา
และนี่ก็คือ ความพยายามในการแปลอีกครั้งของพี่หญิงเอง ผิดพลาดก็ขออภัยด้วยนะจ๊ะ พี่พยายามเรียบเรียงให้เป็นประโยคที่เข้าใจง่ายที่สุดแล้ว
ไปนอนละ