ฺBKK Love Story [เรื่องสั้น]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ฺBKK Love Story [เรื่องสั้น]  (อ่าน 1149 ครั้ง)

ออฟไลน์ TOKYODOME

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ฺBKK Love Story [เรื่องสั้น]
« เมื่อ23-03-2018 23:44:45 »

#1

มันเป็นวันที่อากาศร้อนมากอ่ะ ....

ฉันกึ่งเดินกึ่งวิ่งจากสถานีรถไฟฟ้าสยาม เสียบหูฟังสีขาวที่ซื้อมาจากไดโซ(ละเอียดมากค่ะ) ในมือถือโทรศัพท์พลางค่อยๆเลือกเพลงประกอบการเดินในเช้านี้ไปคณะ วันนี้ร้อนจัง ฉันคิด พร้อมเอามือเลื่อนขึ้นเลื่อนลงเลือกเพลงไปมาแล้วมาจบที่ I believe ( japanese version ) ของคุณแม่ ทาทายัง !! เพลงนี้แล้วกัน ฉันไม่ลืมตั้งค่าให้มันเล่นวนไปอย่างนั้น (เป็นคนย้ำคิดย้ำทำและชอบอะไรก็จะฟังจะดูจะอ่านไปซ้ำๆอยู่แบบนั้นได้เป็นปีๆ) เย็นนี้สงสัยฝนจะตก ... ไม่รู้ว่าทำไมถึงคิดแบบนั้น ฉันมองเข้าไปในไดโซแล้วถามตัวเองว่า เราควรจะซื้อร่มไปตั้งแต่ตอนนี้เลยป่ะ ? แต่เมื่อภาพร่มสีขาวใส กระจายอยู่เต็มห้องนับไปมาในหัวได้ไม่ต่ำกว่าสิบคัน ฉันยักไหล่ให้ตัวเองเดินผ่านไปอย่างเร็ว ตกก็ตกสิ ตกค่อยวิ่งมาซื้อแล้วกัน

ฉันเดินมาจนถึงประตู มหาวิทยาลัย ข้ามถนนเล็กๆหน้าคณะ เดินเข้ามายังลานกว้างๆ"หน้าบ้าน” เราเรียกลานกว้างๆหน้าคณะเราว่าหน้าบ้าน ( นั่ลลัคอ่ะ ) กวาดตาหาเพื่อนร่วมอุดมการณ์ ยังไม่เห็นใคร ก็ก้มลงดูนาฬิกาตัวเอง นี่เก้าโมงจะครึ่งแล้วนะ ทำไมยังไม่มากันอีก ...

อีโบ้ท ... ( เสียงมันต้องดังเบอร์ไหน ใส่หูฟังอยู่ ยังได้ยินเสียงมันเรียก ) ฉันหันหลังไปตามเสียงเรียกนั้น อ่าว ก็มากันครบแล้วนี่
“ก็มองหาอยู่ ทำไมมานั่งตรงนี้” ฉันร้องทักกลุ่มเพื่อน รุ่นพี่มักจะเรียกพวกเราทั้งหมดว่า แสนแสบ เคยมีพี่คนนึงบอกว่า พวกเอ็งอ่ะมันแสบ แสบแล้วก็เหม็นเหมือนน้ำในคลอง ( เกี่ยวไรกันวะพี่ ) แต่พวกเราก็ดูเหมือนจะภูมิใจกับชื่อนี้มาก มากถึงขนาดเอามาตั้งชื่อ LINE GROUP ว่า “แสนแสบ” นั้นแหละ

“หยุดเห่า แล้วนั่ง” นังต่ายรีบดึงแขนฉันลงไปนั่งที่เก้าอี้ พร้อมทำหน้าตา กรุ่มกริ่ม ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
“มึงสิเห่า อีสากกระบือ” แรงมาแรงกลับ ไม่โกง
“แรวงงงงงงงง” พีน่าร้องรับ เปะปากเป็น พีทาโกรัสคว่ำ กรอกตาเป็น ฆ แล้วพูดต่อว่า “ใจเย็นก่อนค่ะ สีกา”
“เอ้า ก็พวกมึง มีอะไรกัน ทำไมมาถึงแล้วเปลี่ยนที่นั่งก็ไม่บอกกู” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“เงียบ อีเชื้อโรค ถ้ามึงอ่าน LINE กลุ่ม มึงจะไม่ โกรธา” แฮงค์พูดขึ้น ทั้งๆที่สายตาของมันยังไม่ละจาก โทรศัพท์มือถือที่มันถือไว้
“อะไรวะ” ฉันขมวดคิ้วพลาง ก้มลงเปิดไลน์อ่าน อืม มันพิมพ์บอกกันมาแล้วจริงๆ

"มาแล้วพวกมึงงงงงงงงงงงงงง” พีน่าตะเบ็งเสียงขึ้น พลางเบิกตาส่งสัญญาน
“ไหน อะไร ใครมา” ฉันหันไปตามทางที่พีน่าหันไป เห็นนิสิตปีหนึ่งแต่งตัวเรียบร้อยเดินเรียงแถวกันมาจากฝั่งโขง (มหาวิทยาลัยเราใหญ่ มีหลายฝั่งหลายโซน คณะเราอยู่ฝั่งแผ่นดินใหญ่(ตั้งเอง) ด้านหลังเป็นฝั่งทะเล(ก็ตั้งเองอีก) ด้านหน้าลึกเข้าไปมีหลายคณะเหมือนกันแต่ไกลมากเรียกฝั่งโขง(ตั้งเอง) อ่ะค่ะ)
“นั่นปีหนึ่งแน่หรอวะ” แฮงค์พูดขึ้น พร้อมขยับแว่นไปมา
“เออ ทำไมพวกนางดู ... เจริญวัย” ต่ายสมทบ
“ตกลงพวกมึงย้ายโต๊ะมานั่งหน้าบ้าน เพราะจะมาส่องเด็กปี1” ฉันร้องถาม
“สิยะ” ประสานเสียงตอบ ... เออ เจริญ
“ฉันว่าขาน้องผู้หญิงคนนั้น ใหญ่กว่าหัวฉันอีกนะ” ฉันพูดขึ้น
“แต่แขนน้องผู้ชายคนนั้นใหญ่มากกกกกก และแซ่บเว่อร์” พีน่าพูดแบบไม่เว้นช่องไฟ
“จ้องอะไรกันตาเป็นมันเลยนะพวกมึง” เจ็ท ลี่ บอย เดินมาทำหน้าตาสงสัย
“มึงอ่านไลน์กลุ่มหรือยัง” แฮงค์ถาม
“แล้วสิ” เจ็ทตอบ "เดินคุยกับ ลี่กับบอย มาอยู่เนี่ย ว่ามันอะไรก๊านนนนนนนนนนนนนนน"
“ก็นั่งลง ฉิ่งจั้วเชี่ย แล้วดูเงียบๆ” แฮงค์พูดพร้อมเขยิบให้สมาชิกอีกสามคนมานั่งข้างๆ

— ครบองค์แล้วค่ะ “แสนแสบ”หรือ 7 speed wonders --

“ตกลงพวกมึงดูอะไรกันอ่ะ” บอยถามขึ้นอีก
“กูไม่รู้กูเพิ่งมาถึงมันก็ให้กูนั่งแล้วมองไปกับมัน” ฉันตอบ พลางชะเง้อมองยืดตัวขึ้นแล้วพูดต่อว่า
“อ๋อ พวกวิทย์กีฬาน่ะมึง พวกนางเลยดูเจริญวัย ใหญ่โต”
“มึงรู้ได้ไงว่าวิทย์กีฬา” พีน่าพูดขึ้นแต่ฉันยังไม่ได้ตอบ แล้วนางก็พูดขึ้นเองว่า “มึงวิทย์กีฬาจริงๆดูธงท้ายแถวสิ”
“ไหน/ไหนวะ” ที่เหลือร้องขึ้นแทบจะพร้อมกัน แล้วไม่นานก็ร้องพร้อมๆกันอีกว่า “อ๋อออออออออออออ”
“ดูดีเนอะ ตัวโต และกล้ามใหญ่ ถ้าหากว่าเธอเดินควง ก็คงจะมั่นใจ ว่าฉันนั้นจะปลอดภัยไม่ว่าฉันจะไปที่ใด” ต่ายร้องเพลง
“ไม่กินกันเองหมดแล้วหรอวะ ผู้ชายอยู่ใก้ลกันเยอะๆ แบบเพื่อน แมนๆ กูรักมึงว่ะ ไรเงี้ย” บอย สมบท
“มึงอ่านนิยายให้น้อยๆลงหน่อยนะ” ฉันพูด “พอค่ะ จบ ขึ้นเรียน จะสิบโมงแล้วเด้อหมู่ ไปปปปปป”

ระหว่างทางขึ้นไปบนตึกเรียน เราเดินผ่านแถวรับน้องคณะเราเอง จริงๆมันคือความรับผิดชอบของปีสองอย่างพวกเรานี่แหละที่ต้องมาแต่เช้าเพื่อเข้าร่วมกิจกรรม แต่นังเจ็ทเคยบอกว่า ในเมื่อเขาบอกปีหนึ่งว่า กิจกรรมตามความสมัครใจจะเข้าร่วมก็ได้ไม่ต้องเข้าร่วมก็ได้ กฏระเบียบนี้ก็ควรจะใช้กับปีสองได้ด้วย #จะร่วมก็ได้ไม่ร่วมก็ได้ แต่ไม่รู้สิมันยังรู้สึกผิดๆที่ไม่ได้มาช่วยงานอะไรเขาเลย ฉันได้แต่คิดในใจว่า วันไหนพี่พร้อมพี่จะยอมตื่นเช้ามาเล่นกับน้องนะคะ บายยยยยย

ฉันเดินขึ้นมาจนถึงชั้นสาม หันลงไปมองแถวนิสิตวิทย์กีฬาปีหนึ่งเดินเรียงแถวข้ามไปเรียนไปทางคณะวิทย์ฯคิดถึงเรื่องตัวเองกับเพื่อนสมัยยังเป็นปี1เราผ่านอีเวลาพวกนี้มาได้ยังไงอ่ะ คิดแล้วก็อดขำไม่ได้ “เล่นยามาหรอยะ อารมณ์ดียิ้มอะไร ไปค่ะเข้าห้อง ไถนา” นังเจ็ทแซว ฉันไม่ตอบ แต่ยังอมยิ้มอยู่แบบนั้น หายใจออกเบาๆ เปิดเสียงโทรศัพท์มือถือแล้วเดินตามเพื่อนเข้าห้องเรียนไป .....

###มันเป็นวันที่อากาศร้อนมากอ่ะ .... ร้อนจนคิดว่า นี่เราอยู่ที่ไหน กรุงเทพฯหรือทะเลทราบโกบี ชีวิตฉันก็ยังคงเป็นไปเหมือนเดิม กินอิ่มนอนหลับ หัวเราะร่วนไปกับเพื่อน มีความสุขอยู่กับการที่ไม่ต้องคิดอะไร รับผิดชอบอะไร เหมือนจะเรียนไปวันๆ อ่านหนังสือสอบไปให้มันจบๆ ฉันจำวันที่แน่นอนไม่ได้ ว่ามันเป็นวันที่เท่าไหร่เดือนอะไร แต่เรื่องที่เกิดขึ้นวันนั้นอ่ะ จำได้ไม่ลืมเลยนะ : ) แล้วจะมาเล่าให้ฟัง###

-TOKYODOME

PS.ถ้าเธอรักโบ้ทกับเรียว ( TOKYO LOVE STORY พ.ศ.2543 )
เธอก็จะรักโบ้ทกับ ... เรื่องของเขา
BKK Love Story ในปี พ.ศ. 2561 เหมือนกัน (^3^)
Share This Topic To FaceBook

ออฟไลน์ TOKYODOME

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: ฺBKK Love Story [เรื่องสั้น]
«ตอบ #1 เมื่อ24-03-2018 02:30:41 »

#2

"เหนื่อยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย เหมือนฉันอยากจะลงไปนอนราบที่พื้น” พีน่าร้องขึ้น พลางเดินลงบันไดเตี้ยๆไม่กี่ขั้นหน้าคณะ
"เออแต่วันนี้เหนื่อยจริงๆว่ะพวกแกว่าไหม” ฉันเห็นด้วยกับเพื่อน พวกเราเดินออกมาโดยที่ยังไม่รู้ว่าจะไปไหน ?
“ยังไงตกลงยังไง ถ้าไม่ยังไงกันต่อฉันจะรีบไปเอารถแล้วกลับบ้าน ให้ไว” เจ็ทพูดขึ้นน้ำเสียงไม่ค่อยสบอารมณ์
“จะยังไงละ” ฉันมองไปยังพวกเพื่อนที่เหลือ ซึ่งส่วนใหญ่จะมีครอบครัวแล้ว แถมยืน บิด กันอยู่เสียจนผ้าแทบแห้ง ....
“วันนี้ไม่ได้จริงๆอ่ะแก นัดสำคัญ” ต่ายพูดพร้อมแสร้งทำหน้าเศร้า
“กระต่ายคะ ! แสดงเท่าที่รู้สึก!!” พีน่าพูดพร้อมผลักหลังต่ายแบาๆ “แต่ฉันแม่จริงนะ แม่ฉันมาจากเชียงราย ต้องรีบกลับ” นางว่า
“เออ เออ เออ !! สรุปแยกย้าย สลายตัวเป็นโมเลกุล อีโบ้ท มึงจะไปซื้อของที่สยามใช่ไหม one man woman show ไปแล้วกันนะจ้ะ”
ฉันจำไม่ได้ว่าเสียงใครกันแน่ที่ด่วนพูดบทสรุปนี้ออกมา รู้แต่ว่าแสนแสบก็ กระจัดกระจายกันไปคนละทิศคนละทาง รวมทั้งตัวฉันเองนี่ก็ด้วย
รู้ตัวอีกที ฉันก็เดินมาถึงสยามได้ยังไงแล้วก็ไม่รู้ ....

เอาไงดี ไปซื้อของเลยหรือขึ้นไปดูหนังสือก่อนดี ฉันคิดในใจ ... ไหนๆเดินเข้ามาในนี้แล้วขึ้นไปดูหนังสือก่อนแล้วกัน ฉันขึ้นไปร้านหนังสือข้างบน แล้วมุ่งตรงไปยังชั้นหนังสือมุมประจำ ยังไม่ทันถึง พี่ที่ร้านหน้าประจำก็ร้องทักขึ้นมาก่อนว่า “หมดแล้วค่ะ ช้าไปแล้วววว” โหหหหห พี่ ทำไมหมดเร็วจังอ่ะ ฉันเดินห่อไหล่ตรงไปยังเคาท์เตอร์ก้มลงเอาคางเกยเคาท์เตอร์ไว้แล้วพูดว่า “งอนแล่ว ไม่เก็บไว้ให้เลย” พี่ๆหัวเราะแล้วหนึ่งในนั้นก็พูดว่า “หายไปไหนมาหลายวันไม่แวะมาเลย นี่เล่มสุดท้ายขายไปเมื่อเช้านี้เองนะ” โหยยยย พี่ พอเหอะ ฉันร้องลากเสียงพลางเบะปากขมุบขมิบไปมา เหล่ตามองพี่ๆเขา จริงๆน่ะอยากอยู่คุยด้วยยาวกว่านี้ แต่เวลางานเลิก เวลาเลิกเรียนแบบนี้ พี่ๆเขายุ่ง รับลูกค้ากันง่วนเชียงเลย ฉันเลยได้แต่บอกว่า “งั้นเดี๋ยว แวะมาดูใหม่นะพี่นะ ฮือออออออ” พลางเดินห่อไหล่คอตกเดินออกมา โบกมีลาพี่ๆที่ร้านหนังสือรัวๆแล้ว เดินลงบันไดเลื่อนไปข้างล่าง "ฮึ ไปซื้อของแต่งบ้านลดราคาก็ได้” ฉันคิดในใจ พลางวางแผนการเดิน ว่าเอ จากพารากอน จะไปดิสคัฟเวอร์รี่นี่ไปยังไงดีวะ ? เดินตุปัดตุเป๋จนมาเกือบจะถึงชั้นล่างสุดแล้วเนี่ย ... อืม เดี๋ยวข้ามถนนไปตรงนี้เลยแล้วกัน

โบ้ท !! น้องโบ้ท !! (ใครเรียกวะ) ฉันหันซ้ายหันขวาอยู่สองสามที นี่ๆทางนี้ ! (ทางนี้แล้วมันทางไหนวะ) คนล้านเจ็ดยี่สิบเอ็ดแสน เสียงนี้มาจากไหนนนนนน ฉันหันอยู่ไม่นานก็พบกับคนส่งเสียงนั้น อ้าว พี่อาม สวัสดีครับ ฉันรีบเดินเข้าไปหาต้นเสียงน้น พนมมือไหว้สวยงาม มากินไอติมหรอพี่ ดีจังเลี้ยงเลยยยยยยยยย (ลากเสียงยาวให้แลดูน่ารัก)

"รีบไปไหนหรือเปล่า นั่งก่อนสิ” พี่อามพูดขึ้นพร้อมชี้ไปที่เก้าอี้ว่างข้างๆ “มา มา มานั่งคุยกับเพื่อนพี่ก่อน"
“อือ ว่าจะไปซื้อของอ่ะ” ฉันสองจิตสองใจว่าจะนั่งดีไหม เพื่อนพี่อามนั่งอยู่เป็นฝูงมากันหลายคนมาก แต่...ก็นั่ง
“ซื้ออะไรเรา ใช้แต่เงิน” พี่อามพูดขึ้นพลางลูบหลังอย่างเอ็นดู
“พี่ ของมันต้องมี” ฉันตอบแกมหัวเราะกลบเกลื่อน “ไม่หรอก ของลดราคาน่ะ พอดีจะซื้อไปแต่งบ้าน” ฉันกำลังจะพูดต่อว่า นี่ๆๆ ที่บ้านให้ออกมาอยู่หอแล้วนะแต่ก็โดนพี่อามตัดบทก่อน “อ่าว ลืมแนะนำ นี่เพื่อนๆพี่ น่าจะคุ้นๆหน้ากันแล้วแหละ นี่ไอ้ตี้ (หวัดดีครับ) นี่ไอ้นุ้ก (ดีครับ) นี่ไอ้เพียว (ดีครับ) นี่ไอ้โบ้(ดีครับ) และนี่พี่แมน(สวัสดีครับ)”
“จริงๆโบ้ทไหว้ครั้งเดียวแล้วหันเอาก็ได้เนอะ แบบนักมวยอ่ะ”ฉันพูดติดตลกเรียกเสียงฮา แล้วก็เขาก็ฮากันจริงๆนะ
“ไหนจะไปซื้ออะไร” พี่อามเย้า
“เฮีย ! ป๊ายอมให้เค้าออกมาอยู่หอแล้วนะ เจ๋งป่ะ” ฉันพูดพร้อมทำตาโตใส่พี่อาม
“เช็ดเม็ด เจ๋งมากที่รัก ต่อไปนี้กูเมากูไปนอนหอมึง” พี่อามยื่นมือมาทำท่าจะให้จับเชคแฮนด์
“ทำไมพี่ไม่ไปนอนหอเมีย” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบโมโนโทนคราวนี้กลุ่มเพื่อนๆพี่อามยิ่งหัวเราะกันร่วนใหญ่
“น้องมึงเจ๋งว่ะ ต่อปากต่อคำแบบนี้กูชอบ” พี่ตี้พูด
“ชอบก็ให้แม่มาขอเลยพี่” แน่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ทุกคนประสานเสียงพร้อมกัน
“มันสู้ มันสู้ มึงเห็นไหม มันกลัวที่ไหนล่ะ” พี่อามยิ้มกว้างแต่ตาตี่เป็นสระอิ เอามือตบเข่าเหมือนแป๊ะแถวเยาวราช

"เออพี่ เมื่อเช้าเด็กคณะพี่เดินไปไหนอ่ะ ใส่ชุดขาวเหมือนทัวร์กินเจเลย ผ่านหน้าคณะน้องด้วย”ฉันพูดขึ้นแม้เสียงโห่ห่ายังไม่ซาลง
“ไปเรียนครับ เขาเดินแถวไปเรียนที่ ตึกวิทย์" ฉันมองตามเสียงที่ตอบมา พร้อมสแกนด้วยความเร็วสูง ชื่อแมน อีพี่นี่หล่อสุด ล่ำด้วย - อร่อย รสนัว (คิดในใจ)
“ทำไมปีที่แล้วไม่เห็นมีแบบนี้เลยพี่ เพิ่งจะมีหรอ ไอ้เรียนรวมกันอ่ะ” ฉันสงสัยถามต่อ
“เขาก็ไปเรียนรวมกันแบบนี้ทุกปี เดินแบบนี้ทุกปี ปีที่แล้วแกโดนว้ากอยู่ใต้ถุนตึกจะเห็นอะไร” พี่อามพูด
“เออ ว่ะ” ฉันพูดแล้วกำลังจะอ้าปากคุยต่อ แต่แล้ว ก็โดนหนึ่งในเพื่อนพี่อาม(จำชื่อไม่ได้และ) ขัดเสียก่อน

"น้องโบ้ทครับ”
“ว่าพี่”
“อาทิตย์ที่แล้วไปซอยสองมาหรือเปล่าครับ” พี่คนนั้นถาม
“เชี่ยมึงอย่าได้ป่ะ” พี่แมนพูดเบาๆพร้อมเอาศอกกระทุ้งพี่คนนั้น
“ไปพี่ พี่ก็ไปหรอ”
“ไป พี่ก็ไป พี่ไปกินเหล้ากับ พวกนี้แหละ ไอ้นุ้ก ไอ้โบ้ แล้วก็ไอ้ป๊อดดดดดดดดดดด นี่” พี่เขาพูดพร้อมเอามือยีหัวพี่แมน
“เชี่ยไรเนี่ย กูเจ็บ” พี่แมนร้องหน้าบูด
“กูว่าใช่และ” พี่อามเสริมขึ้น
“ใช่อะไรเฮีย” ฉันถาม “เมียดุไม่ได้เที่ยว สม-น้ำ-หน้า” และทับถมมันไปด้วย
คราวนี้ทุกคนได้ฮาครืนกันอีก แล้วพี่คนนั้นก็ถามต่อว่า
“น้องใส่กางเกงขาสั้น นั่งอยู่ฝั่งคลับคาเฟ่ เสื่อโปโล กอมสีขาว หัวใจสีแดงดวงเล็กใช่หรือไม่ใช่”  (ทำเสียงบิ๊วยิ่งกว่าปัญญา)
“ใช่ พี่” ฉันตอบ
เคยไ้ด้ยินไหมคนโห่อะไรพร้อมกันแบบไม่เป็นภาษา เหมือนตอนมารียาเข้ารอบ หรือตอนไทยได้เหรียญทอง นั่นอ่ะ พวกพี่เขาโห่กันแบบนั่นอ่ะ
“อะไรกันหรอพี่” ฉันสงสัย

#1.5

"เชี่ยอามมึงแดกเร็วๆได้ป่ะ ไอติมนะไม่ใช่ชาบู กูรีบ” แมนพูดขึ้นน้ำเสียงหงุดหงิด
“แมน มึงเสี้ยนเหล็กใช่ไหม ไหล่มึงเจ็บมึงยกเหล็กไม่ได้แล้วมาลงที่กูใช่ไหม” อามทำท่ายียวน กวนเพื่อน
“มึงจะรีบกลับไปทำไมว่ะบ้านอ่ะ”  ตี้ถามไปพลางละเลียดกินไอติมโคนของตัวเองตรงหน้าไปพลาง
“กูจะกลับไปวิดพื้น” แมนตอบ
“เชี่ย” ประสานเสียง
“พอก่อนไหมมึง มึงเจ็บอยู่ หายแล้วค่อยเล่น” นุ้กพูดพร้อมขยำทิชชู่ ไอติมและโคนไอติมเต็มปาก
“หมอบอกกูออกกำลังเบาๆได้” แมนขมวดคิ้ว “กูจะออก” เขาย้ำ
“แมน มึงช่วยนั่งเฉยๆแล้ว ซึมซับความสวยงามน่าอยู่ของโลกนี้ไปกับกูหน่อยได้ไหม กูพามึงมานั่งดูเด็กเนี่ย ขาสั้นน่ารักๆทั้งนั้น” อามพูดพร้อมเหล่ตาให้มองกางเกงน้ำเงิน มากมายใน พารากอน
“ก็กูไม่ได้ชอบเด็กปะวะ” เขาพูดทั้งๆที่ยังก้มหน้า ขมวดคิ้ว เขาเป็นกังวลอยู่มาก ที่ไหล่บาดเจ็บจากการยกน้ำหนัก
“แต่ไอ้เด็กที่อาทิตย์ที่แล้วที่มึงเรียกกูดูในซอยสองอ่ะก็เด็กนะ” ตี้พูดพร้อมยิ้มสำทับเพื่อน
“เด็กเหี้ยไรเข้าไปในซอยสอง ไม่เด็กแล้วเว้ย” แมนเอื้อมมือไปต่อยเพื่อนเขาเบาๆ
“กูพลาดอะไรไป .. ทำไมกูไม่รู้เรื่องนี้” อามละสายตาจากเด็กกางเกงน้ำเงินหันมามองหน้าเพื่อนทุกคน “ตกลงยังไง”
“ไม่มีอะไร” แมนถอนหายใจ “พวกนี้แม่งเว่อร์"
“ไม่มีเหี้ยไร มีแต่คนป๊อดดดดดดด” ตี้พูดพร้อมเหล่ตามองเพื่อน
“เล่า” อามวางมือที่ถือไอติมอยู่บนโต๊ะ เขาดูจริงจัง “เล่าครับพี่”

ทั้งหมดยังเงียบ

“ใครไม่เล่าผมเล่าครับ” ตี้พูดขึ้น พร้อมยิ้มทำท่าทางตื่นเต้น
“คืองี้มึง อาทิตย์ที่แล้วที่กูไปแดกเหล้ากันอ่ะ คนแม่งเยอะมาก พวกกูก็อยู่ในดีเจกัน คุณพี่แมนก็ใส่เสื้อกล้ามไปโชว์มัดกล้ามด้วยยยยยย” ตี้ลากเสียงทำท่าล้อเลียนเพื่อนสนิท “มึงหลอกกูว่าเดรสโค้ทคือเสื้อกล้าม สัด” แมนดูหงุดหงิด เขากำหมัดแน่น  "ไปๆมาๆไม่ไหวคนเยอะเกินก็ย้ายมาคลับคาเฟ่กัน” ตี้เล่าต่ออย่างออกรส “มีพี่นักกล้ามต่างชาติจะเคลมให้ไอ้แมนให้ได้ในดีเจ มันไม่เอา กูก็ไม่ไหวด้วยก็เลยย้ายออกมา พอออกมาเสร็จก็มาเจอน้องขาสั้น ของพี่แมนเขา ใช่ไหมครับพี่แมน” ตี้กำมือขึ้นทำท่าถือไมค์ไปจ่อปากแมน “ใครวะน้องขาสั้น?” อามผู้ซึ้งเมียใหม่ดุมาก และสั่งห้ามเที่ยวเด็ดขาดสงสัย เลยถามขึ้น 

“คือมันจะมีเด็กคนนึงสาวๆหน่อย” ตี้พูดต่อ
“ไม่หน่อยอ่ะ สาวมาก สาวฉิบหายยยยยยยยยยยยยย” โบ้ผู้ซึ่งปกติจะฟังอย่างเดียวก็เสริมขึ้น
“กูว่าน่าสนใจนะ” อามตั้งใจฟังและลุ้นต่อว่าเรื่องจะจบยังไง “ทางมึงเลยนี่สาวๆอ่ะ”

“แล้วน้องคนนี้ก็ไม่ได้เจอครั้งแรกนะเว้ย เจอมาสามสี่ครั้งแล้วป่าววะ ไอ้นุ้ก ไอ้โบ้ ไอ้เพียว” ตี้เล่าต่อ “คือสังเกตุได้เลยว่าทุกครั้งน้องเค้าจะแต่งตัวมี กิมมิค คือจะใส่ขาสั้นเท่านั้น แบบไม่ใช่สามส่วนแต่ก็ไม่ได้สั้นแบบสก็อย สั้นแค่เลยเข่าขึ้นไปอ่ะมึง มึงนึกออกไหม พี่แมนนี่ก็ปากแข็ง มองเขาตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ กูจะขอไลน์ให้แม่งก็ลีลา”

“พวกมึงพอได้ยังวะ” แมนพูดขึ้น เขาไม่รู้ว่า เขาควรจะโกรธหรือเขินอายกับเรื่องนี้

“อยากเห็นว่ะ คราวหน้าแอบถ่ายรูปให้กูด้วย” อามพูด
“กูว่ามึงรู้จัก มึงกว้างขวางและทั่วถึง” ตี้ยิ้มให้อาม ยักคิ้วข้างเดียว
“กูว่าน้องเค้าน่ารักดีนะเว้ย เป็นตัวของตัวเองดี แล้วหน้าตาก็ดูให้หล่อก็ได้ดูให้น่ารักก็ได้ เสียดายอ่ะสาวไปหน่อยไม่ใช่ทางกู ไม่งั้นละมึง”  เพียวยกมือลูบเคราบางๆ
“แฟนมึงก็ไม่ได้แมน สัดเพียว อีกนิดเดียวจะแต่งหญิงแล้วไหม” แมนพูดหยอกเพื่อน เขายังไม่หายเขิน
“เสียดายแฟนกูดุไม่งั้นมึงได้ไลน์น้องเขาไปแล้ว เพื่อน” อามกินไอติมคำสุดท้าย พร้อมทำท่าตบไหล่เพื่อน(หลอกเช็ด)เบาๆ
“มึงไม่มั่นใจอะไรวะกูถามจริงๆ มึงล่ำอย่างกับ สิงห์คะนองนา หน้าตาก็ตี๋ เทรนดี้สุดๆ มึงไม่มั่นใจอะไร” ตี้ถามแบบจริงจัง ทุกคนเงียบ รอว่าเพื่อนจะพูดอะไร

"พูดดดดด” อามลากเสียงด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย

“พวกมึงไม่เคยเป็นหรอวะ ถ้าชอบใครจริงๆแม่งจะไม่กล้า มันไม่ใช่จีบเล่นแซวเล่น หรือจะลากกันไปนอนนะเว่ย เหมือนกับแบบ เฮ้ยกูชอบคนนี้ กูถูกชะตา แล้วกูก็พอใจที่จะมองต่อไปแบบนี้ ต่อให้กูกล้าขึ้นมาจริงๆ แล้วเขาไม่ชอบกูหรือมีแฟนแล้ว กูก็รับไม่ได้ที่จะแห้ว” แมนพูดเสียงเรียบๆแต่จริงจัง

“มึงก็เลยพอใจที่จะมองน้องเขาไป อาทิตย์ละครั้ง หรือสองอาทิตย์ครั้งแบบนี้” เพียวเสริมขึ้น
“จริงๆกูอาจจะไม่ได้ชอบน้องเขาก็ได้ป่ะวะ กูเลยไม่ได้อยาก ....” แมนพูดขึ้น แต่ยังไม่ทันจบประโยค
“ครับ มึงไม่ได้ชอบน้องเขาครับ แต่มึงได้ยินน้องเขาคุยกับเพื่อนจนรู้ว่า เขาพูดภาษาอังกฤษสำเนียงอังกฤษกับพูดภาษาญี่ปุ่นได้ครับ” นุ้กพูดไปขำไป
“เออ พอๆ เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นละวะ แล้วกูจะใช่บริการพวกมึง ไปขอไลน์มาให้กูแล้วกัน” แมนกางแขนทั้งสองข้างออก กอดคอเพื่อนข้างๆ เขากัดปากตัวเองเบาๆ

“เฮ้ย ... กูว่า เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น คือเมื่อนี้ป่าววะ” โบ้ทำน่าตกใจ มองไปทางบันไดเลื่อน
“ไร/เป็นไร/เชี่ยอะไรของมึง” หลายเสียงร้องถามขึ้นพร้อมกัน
โบ้ไม่ตอบ แค่ชี้ไปทางบันไดเลื่อนอย่างระวังแบบไม่ให้เสียมารยาท ทุกคนหันตามไปอย่างที่โบ้ต้องการจะให้เห็น
“ใช่ปะวะมึง” โบ้ถามเบาๆ
“ใช่” แมนตอบ

สำหรับ ตี้ นุ้ก เพียว โบ้ และ แมน : เหตุการณ์แบบนี้ควรจะเรียกว่าอะไร พูดๆถึงอยู่ก็มา ปกติไปเจอกันในซอย วันนี้มาเจอกันพารากอน
สำหรับ อาม : อ๋อออออออออ กูจัดให้เพื่อน !!


โบ้ท !! น้องโบ้ท !! นี่ๆทางนี้ !

-TOKYODOME
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-03-2018 02:46:41 โดย TOKYODOME »

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: ฺBKK Love Story [เรื่องสั้น]
«ตอบ #2 เมื่อ27-03-2018 19:30:11 »

อย่าลืมลงกฎเล้านะ

 :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด