ตอนที่ 24 : MT [End]
“ดื่มให้ชัยชนะของไทย” คนโปรดชูแก้วขึ้นสูง ยิ้มร่าเริง เมธพาพวกเขามาเลี้ยงข้าวเย็น หลังจากไทยแข่งขันเสร็จ
“ประชดใช่ไหม” ไทยกัดฟันถาม อยากจะพูดคำไม่สุภาพออกมา แต่ติดว่าหนูดลนั่งอยู่ด้วย ตั้งใจฟังทุกคำที่พวกเขาพูดด้วยความสนใจ
“ประชดทำไม ก็ทีมไทยชนะ” คนโปรดทำตาใสซื่อ แต่ริมฝีปากสั่นน้อยๆ เพราะกลั้นหัวเราะ
“อย่าไปใส่ใจคนโปรดเลยไทย” ตะวันรีบห้ามทัพ สาเหตุที่ไทยตีหน้ายักษ์อยู่ตอนนี้ เพราะลงแข่งได้แค่สิบห้านาที ขาดันเกิดเป็นตะคริวขึ้นมา ต้องสลับตัวสำรองลงไปแทน สุดท้ายก็นั่งยาวจนหมดการแข่งขันเพราะความเจ็บ
“เราชมจริงๆ ไทยเก่งที่สุด” คนโปรดยกนิ้วโป้งให้ ไทยตีหน้ายักษ์ ชี้นิ้วใส่หน้าเพื่อน
“พี่ไทยเก่ง” หนูดลยิ้มเขิน พูดเลียนแบบคนโปรด ไทยทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก จะด่าคนโปรดก็ทำไม่ได้ เพราะติดหนูดล
“ฮ่าๆ“ คนโปรดยักคิ้วก่อกวนเพื่อน
“พอแล้ว” มือของรหัสวางลงบนศีรษะของคนโปรด เหมือนใครเอายากล่อมประสาทให้กิน คนโปรดยิ้มอ่อน กลายเป็นเด็กดี ไม่ดื้อไม่ซน
“หนูดลสนุกไหมครับ” ไทยถามเด็กชายดล เขานั่งอยู่ที่นั่งนักกีฬาจนจบการแข่ง จึงไม่เห็นว่าเด็กชายเป็นอย่างไรบ้าง
“สนุกครับ” หนูน้อยพยักหน้า ดวงตาสดใส “วิ่งๆ ดลมองตาม” หนูน้อยเล่าให้พี่ไทยฟัง ตะวันอมยิ้ม เด็กชายดลเริ่มคุยเก่งขึ้นเรื่อยๆ มันทำให้เขาสบายใจ อีกไม่นานหนูน้อยต้องเข้าเรียนอนุบาลแล้ว
“ดลอยากเล่นฟุตบอลไหมครับ ถ้าอยากเล่น เสาร์อาทิตย์พ่อจะพาไปสนาม เขามีลูกบอลลูกเล็กๆ ให้เด็กหัดเตะ”
เด็กชายดลเอียงคอ คิ้วน้อยๆ ขมวดเข้าหากัน “อืม อืม” หนูน้อยทำเสียงออกมาเบาๆ สีหน้าครุ่นคิด มองพ่อด้วยสายตาลังเล
“ถ้าหนูดลไม่ชอบ ไม่อยากเล่น ก็บอกคุณพ่อได้ครับ ไม่เป็นไร” ตะวันยิ้มให้กำลังใจเด็กชาย เขายังจำเมื่อครั้งเลือกสมุดระบายสีได้ดี ความกลัวของหนูน้อยในวันนั้นไม่มีอีกแล้ว มีเพียงสายตาลังเลไม่แน่ใจ ยังไม่กล้าพูดออกมาตรงๆ ทุกอย่างต้องใช้เวลา ไม่ใช่วันสองวัน อาทิตย์สองอาทิตย์ ตะวันมองหนูน้อยด้วยความเข้าใจ
“ชอบครับ” เด็กชายดลพูดออกมาช้าๆ ก่อนยิ้มแหย “แต่ไม่อยากเล่น”
“มันเป็นยังไงครับ ชอบแต่ไม่อยากเล่น” คนโปรดซักถามด้วยโทนเสียงอ่อนโยน
“ดลชอบดู แต่ไม่ชอบวิ่งครับ ดลวิ่งไม่ทัน” หนูน้อยยิ้มเขินอาย เขาทำอะไรช้า วิ่งไม่ทันหรอก ลูกบอลเด้งไปเด้งมา เขามองไม่ค่อยทัน
“โอ๊ยย หนูดลน่ารักเหลือเกิน พี่เมธผมขโมยกลับไปเลี้ยงที่บ้านได้ไหมครับ”คนโปรดมั่นเขี้ยวหนูน้อย อยากฟัด
“ไม่ได้ครับพี่คนโปรด” เด็กชายดลรีบส่ายหน้าปฏิเสธ “ขโมยไม่ได้ ไม่ดี”
“ฮ่าๆ “ ไทยรอโอกาสนี้มานาน โดนกันคนละดอกสองดอกเพราะหนูดลนี่แหละ ความใสซื่อเอาชนะพวกเขาได้อยู่หมัด
“เลิกเป็นลิงเป็นค่างเมื่อไหร่ พี่จะพาไปรับหนูน้อยมาดูแล”
ทั้งโต๊ะเว้นเด็กชายดลหันไปมองหน้ารหัส คนโปรดกับไทยอ้าปากค้าง ตาเบิกกว้าง ขณะที่ตะวันและเมธคลี่ยิ้มบาง
“ผมไม่เคยคิดมาก่อน แต่บอกตรงๆ ว่าเห็นหนูดลกับพี่เมธแล้วผมอยากมี” รหัสบอกความคิดของตัวเองกับเมธ
“พี่รหัสผมขอล่ะครับ” ไทยยกมือขึ้นไหว้ “ผมว่าอย่าเลย สงสารเด็ก ได้คนโปรดเป็นแม่ โห ผมไม่อยากจะคิด”
“ไอ้ไทย~” คนโปรดหลุดคำไม่สุภาพออกมา หน้าแดงก่ำ เขินที่เพื่อนพูดคำว่าแม่ มากกว่าจะโกรธ
“หึๆ พี่ว่าคนโปรดต้องทำได้ดีแน่” เมธสนับสนุน
“อืม เราก็คิดเหมือนพี่เมธ” ตะวันเห็นด้วย “แต่เราไม่ยกหนูดลให้ลูกคนโปรดนะ เรากลัว”
“ฮ่าๆ”
คนโปรดทำปากยื่น ขณะที่คนอื่นหัวเราะขำกันจนท้องแข็ง เด็กชายดลหันซ้ายหันขวา มองคนโน้นทีคนนี้ที ก่อนหัวเราะตาม ดวงตาของหนูน้อยสดใสเป็นประกาย เขามีความสุขมาก มากจริงๆ
“ถ้าลูกคนโปรดกับหนูดลชอบกันขึ้นมาจริงๆ พี่เมธจะอนุญาตครับ” ตะวันถามเมธในรถ พวกเขากำลังเดินทางกลับ ตะวันอารมณ์ดีมาก เขายิ้มขำกับคำถามของตัวเอง
“ก็น่าสนนะ ลูกของคนโปรดคงเป็นเด็กที่อารมณ์ดีมาก”
“หนูดลต้องปวดหัวมากแน่ๆ ครับ” ตะวันยิ้มกว้าง เมธพลอยหัวเราะตามไปด้วย
“พี่เคยคิดเรื่องความรักของลูกไว้เหมือนกัน ก่อนที่จะเจอกับตะวัน”
“พี่เมธคิดไว้ว่ายังไงครับ”
“ไม่สำคัญว่าพี่เคยคิดยังไง เพราะตอนนี้พี่รู้แล้วว่าความรักไม่มีขอบเขต ขอแค่ลูกมีความสุขและอยู่ในความถูกต้องของศีลธรรม แค่นี้ก็พอแล้ว”
“พี่เมธ” ดวงตาของตะวันอ่อนแสง
“ตะวันทำให้มุมมองความรักของพี่เปลี่ยนไป ขอบคุณครับ”
“ผมไม่ขอบคุณพี่เมธนะครับ ผมต้องไปขอบคุณคนโปรด” ตะวันหัวเราะเบาๆ ถ้าไม่ใช่เพราะเพื่อน เขาคงไม่กล้าคิด
“หึๆ” เมธหัวเราะเป็นเชิงเห็นด้วย “ตะวัน”
“ครับ”
“ไหนๆ ตะวันก็บอกที่บ้านแล้วว่าวันนี้ไม่กลับ ไปค้างที่คอนโดพี่ไหม พรุ่งนี้เช้าจะได้กลับบ้านพร้อมกันเลย”
ตะวันเม้มริมฝีปาก คิดชั่วครู่ก่อนพยักหน้าน้อยๆ “ครับ” ตะวันมั่นใจ ว่าเขาเชื่อใจเมธได้
“ดลหลับแล้วเหรอตะวัน” เมธเดินออกมาจากห้องน้ำในห้องนอน เขาเข้าไปอาบน้ำได้ครู่ใหญ่ ปล่อยให้ตะวันอ่านนิทานกล่อมเด็กชายนอน
“ครับ อ่านไปไม่ถึงครึ่งเล่มก็หลับแล้ว วันนี้เล่นเยอะคงเหนื่อย”
เมธอุ้มลูกชายจากเตียงกว้างไปวางบนเตียงเด็กที่ตั้งอยู่ติดกัน มีคอกกั้นทุกด้านเพื่อกันไม่ให้เด็กชายตก เขาเดินไปหยิบของในลิ้นชักโต๊ะก่อนเดินกลับมาที่เตียง
“ง่วงไหม” เมธขึ้นไปนั่งข้างตะวัน อีกฝ่ายมีสีหน้าเก้อเขิน ขยับตัวทำท่าจะลงจากเตียง เมธจึงดึงมือเอาไว้
“นั่งคุยกันก่อน พี่สัญญาว่าจะเรียบร้อย”
“ครับ” ตะวันกลับมานั่งตามเดิม ใบหน้าแดงก่ำ เขาอดตื่นเต้นไม่ได้
“พี่มีของอยากให้ตะวัน”
“อะไรครับ”
“แบมือมาสิ” ตะวันแบมือออก เมธวางมือทาบทับลงบนมือของเขา ตะวันไม่เห็นว่ามีอะไรอยู่ในมือของเมธ แต่รับรู้ถึงความเย็นของโลหะ
“แหวน” ตะวันเลิกคิ้ว มองของที่วางอยู่บนมือ เมื่อเมธดึงมือออก เขายกขึ้นดูถึงเห็นว่าเป็นแหวนทองคำขาวแบบเรียบสลักตัวอักษร MT ตะวันยิ้มออกมาน้อยๆ ยังจำวันนั้นได้ วันที่เขาได้คุยกับเมธครั้งแรก แหวนวงนี้ตกอยู่ที่พื้น ใกล้กับจุดที่เขายืนอยู่
“จำได้ใช่ไหม”
“ได้ครับ” ตะวันพยักหน้า เขาไม่สงสัยว่า MT คืออะไร เพราะตะวันรู้แล้วว่าเมธชื่อเมธา
“มีเรื่องแปลกเรื่องหนึ่งที่พี่ไม่เคยเล่าให้ตะวันฟัง”
“เรื่องอะไรครับ”
“แหวนวงนี้เป็นของพี่ ปกติพี่จะใส่ติดนิ้วไว้เสมอ เพราะคุณแม่ทำให้ แต่วันนั้นจู่ๆ ก็รู้สึกเกะกะทำอะไรไม่สะดวก พี่เลยถอดออก หย่อนใส่กระเป๋าไว้”
“ฟังแล้วก็ไม่แปลกนี่ครับ”
“แปลกสิ แปลกตรงที่พี่ไม่เคยถอดมาก่อนเว้นเฉพาะตอนอยู่บ้าน และหลังจากวันนั้นพี่ก็ไม่เคยรู้สึกว่ามันเกะกะอีกเลย แหวนวงนี้ทำให้พี่ได้คุยกับตะวัน”
“ครับ เราคุยกันครั้งแรกเพราะแหวนวงนี้” ตะวันคลี่ยิ้มบาง “เอ แต่แหวนวงนี้เหมือนเล็กกว่าที่ผมจำได้” ตะวันมองให้แน่ใจอีกที เขาคิดว่าขนาดเล็กกว่านิดหน่อย
“ใช่ เพราะแหวนวงนี้พี่สั่งทำมาใหม่” เมธหยิบแหวนออกจากมือของตะวัน เขาสวมมันเข้าที่นิ้วนางข้างซ้ายของคนรัก แตะริมฝีปากทาบทับแหวน ก่อนหงายฝ่ามือของตะวันขึ้น ประทับริมฝีปากลงกลางฝ่ามือ
“สำหรับตะวันครับ”
“พี่เมธ” ตะวันเรียกเสียงเบา หน้าร้อนเห่อ หัวใจของเขาเต้นแรง
“ส่วนวงนี้ของพี่ มันคือวงที่ตะวันเคยเก็บได้ ช่วยใส่ให้พี่ได้ไหม” เมธหยิบแหวนอีกวงที่มีขนาดใหญ่กว่าส่งให้ตะวัน
“ครับ” ตะวันพยักหน้า มือของเขาสั่นน้อยๆ ดวงตามีน้ำตารื้น
เมธรอให้ตะวันสวมให้เรียบร้อย เขาสอดมือประสานกับมือของตะวัน “รู้ไหมว่า MT ย่อมาจากอะไร”
“ชื่อพี่เมธครับ เมธา”
“ใช่ แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว” เมธดึงตะวันเข้ามากอด แตะริมฝีปากลงบนแก้มนุ่ม ก่อนถอนหน้าออก ใบหน้าของพวกเขาห่างกันเพียงฝ่ามือ “MT คือเมธกับตะวัน ชื่อของเราสองคน สำหรับพรหมลิขิตของพี่ครับ” เสียงทุ้มอ่อนโยน หัวใจของตะวันเหมือนจะระเบิดออกด้วยความสุข
“พี่เมธ” ตะวันซบหน้าลงกับอกของเมธ ปล่อยให้น้ำตาของความสุขไหลออกมา
“อย่าร้อง พี่ไม่มีวันทำให้ตะวันเสียใจ”
“ผมมีความสุขต่างหากครับ” ตะวันพูดอู้อี้อยู่กับอก เมธเชยคางของตะวันขึ้น ใช้นิ้วปาดน้ำตาออกให้แผ่วเบา ดวงตาสองคู่ประสานกัน ความรักสื่อผ่านสายตา
“พี่ขอนุญาตจูบตะวันได้ไหม สัญญาว่าจะไม่เกินเลยไปกว่านี้ จนกว่าตะวันจะพร้อม” ตะวันหลุบตาลงต่ำ เขาเขินเกินกว่าจะสู้สายตา ได้แต่พยักหน้าน้อยๆ แทนคำตอบ
“พี่รักตะวันครับ” ริมฝีปากของเมธเคลื่อนเข้าหาริมฝีปากของตะวันช้าๆ แตะแต้มลงมาอย่างแผ่วเบา เมธอ้อยอิ่งอยู่กับริมฝีปากนุ่ม ก่อนบดเบียดแนบชิดเพื่อลิ้มรสหวานที่เขาโหยหา ความร้อนแผ่ซ่านไปทั่วตัวของตะวัน ริมฝีปากของเมธทั้งเร้ารอนและเว้าวอน
“พี่ใจดี พ่อ” ตะวันสะดุ้งโหยง รีบผละออกห่างจากเมธ เด็กชายดลงัวเงียลุกขึ้นมานั่ง “กอด”
“ครับลูก” เมธยิ้มตาวาววับ ขำที่ตะวันหน้าแดงเรื่อ เขาอุ้มลูกชายกลับมาที่เตียง หนูน้อยยื่นมือให้ตะวันรับไปกอด นั่งตักซบหน้ากับอกของพี่ใจดี
“ทำไมตื่นครับ”
“ดลได้ยินเสียงดัง” ตะวันเม้มปาก ตาโต แต่เมธหัวเราะถูกใจ
“ขอโทษครับ พ่อกับพี่ตะวันนั่งคุยกันเพลินไปหน่อย” เมธโน้มตัวไปจูบศีรษะลูกชาย เด็กชายดลยิ้มน้อยๆ เขาชอบให้พ่อทำแบบนี้ เขารู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย
ตะวันมองทั้งสองคนด้วยสายตารักใคร่ เขายิ้มออกมาบางๆ เมื่อคิดบางอย่างขึ้นมาได้ “ที่จริงไม่ใช่เพราะแหวนอย่างเดียวนะครับพี่เมธ”
“หือ?”
“เพราะหนูดลด้วย เรื่องแหวนทำให้เราได้คุยกัน แต่ผมคิดว่าหลังจากนั้นเราคงทักทายกันตามปกติของคนพอคุ้นหน้า เพราะหนูดลต่างหากครับที่ทำให้เราสนิทสนมกัน”
“หึๆ”เมธยื่นหน้าไปใกล้ แตะมือลงบนศีรษะของลูกชายที่ซบอยู่กับอกของตะวัน “ถ้าแหวนคือพรหมลิขิต ลูกก็คือโชคชะตาใช่ไหม ตะวันกับพี่ถึงได้มาเจอกัน”
“ใช่ครับ” ตะวันยิ้มตอบรอยยิ้มอ่อนโยนของเมธ สายตาของอีกฝ่ายทำให้เขาอบอุ่นได้เสมอ
“ดลคือโชคชะตา” เสียงเล็กๆ พูดขึ้น ตะวันมองเมธตาโต พวกเขาพากันหัวเราะ เด็กชายซุกหน้ายิ้มอาย เขาไม่เข้าใจหรอก แค่พูดตามพ่อเท่านั้นเอง
“ใช่ครับลูก” เมธลูบผมลูกชาย “ดลคือโชคชะตาของพ่อกับพี่ตะวัน”
“พี่เมธครับ”
“ครับ” เมธละสายตาจากลูกชายขึ้นมองใบหน้าของคนรัก
“ผมคิดอะไรดีๆ ได้ครับ พี่เมธทำแหวนแบบนี้อีกวงได้ไหมครับ”
“ตะวันจะเอาไปทำอะไร”
“ผมจะทำไว้ให้หนูดลครับ พอโตมาหนูดลจะได้ใส่แหวนที่มีชื่อของเรา ผมอยากให้ลูกรับรู้ถึงความรักที่เรามีให้”
“ลูก?” ดวงตาของเมธวาววับ ตะวันเม้มปาก สีแดงบนใบหน้าขยายไปจนถึงหู
“ขอบคุณครับตะวัน” เมธแตะริมฝีปากที่หน้าผากของตะวันแผ่วเบา แทนคำขอบคุณจากหัวใจของเขา “พรุ่งนี้พี่จะไปสั่งทำแหวนเพิ่มอีกวง สำหรับลูกของเรา”
“ครับ ลูกของเรา” คราวนี้ตะวันไม่หลบสายตา เขากอดหนูดลแนบอก สบตากับเมธด้วยสายตารักใคร่ ความรักถูกถ่ายทอดให้แก่กันและกัน
“ลูกของเรา” หนูดลพูดกับตัวเองเบาๆ เขายิ้มน้อยๆ เอียงหน้าซบกับอกของพี่ใจดี
ลูกของเรา เขาชอบคำนี้ที่สุดเลย
✪✣✤✥✦End✤✥✦✧✪
ขอบคุณที่ติดตามกันมาจนถึงตอนจบนะคะ หวังว่าหนูดล ตะวันและเมธจะทำให้คนอ่านมีรอยยิ้มได้บ้าง^^
สถานีต่อไป ไทยขอเป็นตัวเอกบ้างค่า Link >>
ทฤษฎีรักเศษหนึ่งส่วนสอง[ On Air] Darin ♥ FANPAGE Twitter :
primdarin