Half an hour ช่วงเวลาแห่งความสุข ตอนที่21 (จบแล้วย้ายได้เลยค่ะ)2/6/2561
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Half an hour ช่วงเวลาแห่งความสุข ตอนที่21 (จบแล้วย้ายได้เลยค่ะ)2/6/2561  (อ่าน 17060 ครั้ง)

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
น้องกล้าน่ารักมากๆ
ค่อยๆเปิดให้พี่เขาทีละนิดนะลูกกกก  :mew3:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
เพิ่งอ่านรอบสอง
อุอิ น้องหล้าน่ารักเวอร์
คุณกวินตอนที่8ฟินมากเลยนะ 55

ยังมีสะกดผิดอยู่นะรอบแรกมัวแต่ตื่นเต้นกับเนื้อหามองไม่เห็นคำผิด :z2:

 :L2: :L1: :pig4:

ออฟไลน์ ▶August5th◀

  • it was fate
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +184/-2
เรียกพี่กวินแล้ว น่ารักมาก
เขินแทนพี่กวินเลย ฮ่าๆๆๆ

ออฟไลน์ Letter123

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-2
14

“อ่าวน้องหลับเหรอครับ” กวินมองคนที่ตอนแรกดูจะตื่นเต้นยากไปเที่ยวมากแต่ตอนนี้ดูเหมือนจะหมดแรงไปซะแล้วนั่งคอพับคออ่อนจนเขาต้องจับหัวทุยให้พิงไหล่ พอได้พิงเหมือนว่าน้องจะไม่พอใจขยับถูไถจนซุกซบอยู่ที่อกพอได้ที่พอใจรอยยิ้มบางๆ ยกขึ้นพร้อมกับลมหายใจสม่ำเสมอ แต่คนที่ให้พิงอย่างเขานี่สิ ให้ตายเถอะ พอเปิดใจแล้วน้องเป็นคนขี้อ้อนแบบนี้เหรอให้ตายเถอะ เขาจะทนไหวไหม เหมือนได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอของไอ้เชษฐ์ที่ขับรถอยู่อยากจะว่ามันนะเพียงแต่กลัวเสียงดังแล้วน้องจะตื่น

ใช่ครับวันนี้เป็นวันที่พากันไปเที่ยวเมื่อคืนนี้น้องตื่นเต้นไม่รู้ว่านอนตอนกี่โมงเพราะงั้นถึงได้นอนหลับสนิทไงน้องไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะพาไปเที่ยวไหนเมื่อคืนกว่าจะได้นอนก็แทบจะเข้าวันใหม่แล้วเพราะมัวแต่จัดกระเป๋า กวินนั่งนิ่งให้คนตัวเล็กพิงจนกระทั่งเชษฐ์แวะเข้าปั๊มเพราะเดินทางมันร่วมร้อยกว่ากิโล ตอนนี้ไหล่ข้างที่น้องพิงเริ่มชานิดๆ มือใหญ่ที่โอบไหล่บางไว้เขย่าเบาๆ เพื่อปลุกคนหลับ

“กล้า...น้องกล้า..ตื่นก่อนครับอย่าขยี้ตาเดี๋ยวตาแดงครับ” กวินรีบจับมือเรียวที่กำลังยกขยี้ตาไว้ ตาโตที่ไม่มีแว่นบังกระพริบอย่างงุนงงเขาเลยหยิบแว่นตาใส่ให้

“ถึงไหนแล้วครับ” เสียงหวานแหบพร่าถามงง

“แวะพักครึ่งทางครับลงไปเข้าห้องน้ำไหม” กล้าไม่ได้ตอบคำถามเพราะกำลังประมวลผลก่อนที่แก้มขาวจะแดงก่ำซะจนคนที่มองเป็นห่วง

“เมื่อยรึเปล่าครับ” คนตัวโตไม่ตอบเพียงแต่ยกยิ้มบางแล้วชวนน้องลงจากรถ ถึงเมื่อยแค่ไหนแต่ถ้าน้องยอมทำแบบนี้กับเขาคนเดียวก็ยอม ต่างคนต่างแยกย้ายไปทำธุระส่วนตัวกวินเดินไปเลือกซื้อขนมนมเนยให้คนตัวเล็กที่ยังทำธุระไม่เสร็จ

“ไหวไหมจะเปลี่ยนให้ฉันขับก็ได้นะ” เขาเดินไปหาไอ้เชษฐ์ที่กำลังยืนใส่แว่นตาดำดูดกาแฟเย็น

“ไม่เป็นไรบอส ไปนั่งเป็นเบาะให้น้องกล้านอนพิงเถอะ” หลังจากที่ไปดูงานที่ชลมารู้สึกว่าปากคอเราะร้ายขึ้นเยอะเลยนะ

“งานที่ชลก็ยังไม่ค่อยเรียบร้อยเท่าไหร่นะ” เท่านั้นล่ะไอ้ท่าทางสบายๆ หาบวับ

“ไม่ไปแล้วนะบอส ถ้าบอสส่งไป ผมจะทำให้มันเจ๊งเลยคอยดู” นี่มันกล้าขู่เจ้านายมันแต่เอาเถอะเขายังมีโอกาสเอาคืน เพราะผู้จัดการสาขาชลถูกย้ายขึ้นมาสาขาใหญ่ใบหน้าคมมีรอยยิ้มร้ายประดับอยู่ รอยยิ้มที่เชษฐ์เห็นแล้วรู้สึกขนลุกขนชัน

“ขอโทษที่ทำให้รอนานนะครับ” กล้าที่เดินมางงๆ ในท่าทางแปลกๆ ของคนสองคนที่ยืนรออยู่

“ไม่เป็นไร ถ้างั้นก็ขึ้นรถกันเถอะ”

คราวนี้ร่างเล็กไม่ง่วงแล้วเพราะได้พักสายตาไปสักพัก ตากลมโตมองวิวข้างทางสลับกับพูดคุยกับพี่ชายที่หายไปทำงานเป็นเดือนๆ กวินมองรอยยิ้มกว้างฟังสองพี่น้องคุยกันเงียบๆ มือใหญ่หยิบนมรสจืดที่สังเกตว่าน้องชอบมาเปิดแล้วส่งให้น้อง

“หิวหรือเปล่ากินนี่ก่อนนะ”

“ขอบคุณครับพี่กวิน” ถึงแม้จะสนิทกันแค่ไหนเวลาเขาให้อะไรหรือทำอะไรให้น้องก็จะยกมือไหว้เขาเสมอ

“นี่ขนมปัง” ขนมปังรสโปรดถูกแกะแล้วส่งมาจ่อที่เรียวปากเล็ก ตากลมช้อนมองคนข้างก่อนที่จะตัดสินใจอ้าปากกัดขนมปังคำโต กวินอดไม่ได้ที่จะยิ้มกว้างมองน้องเคี้ยวแก้มตุ้ยเหมือนกระต่ายป้อนน้องจนหมดชิ้นยกซองขึ้นเชิงถามว่ากินอีกไหมคนตัวเล็กส่ายหัวแต่หยิบเอาไปแกะแล้วหยิบขึ้นมาใกล้ริมฝีปากหยัก

“ป้อนพี่เหรอ” แววตาระยับจนคนป้อนไม่กล้าสบตาทำเพียงพยักหน้าเบา กวินอ้าปากกินขนมปังที่เหมือนจะอร่อยที่สุดเท่าที่เคยกินมาในชีวิตหัวใจพองโต บรรยากาศที่นั่งด้านหลังอบอวลด้วยสีชมพูม่วงๆ ซะจนเชษฐ์คิดว่าที่ตัวเองมาด้วยนี่เป็นความคิดที่ดีรึเปล่า เหมือนเป็น กขค. ยังไงไม่รู้ได้แต่ตั้งหน้าตั้งตาขับรถไปจุดหมายพยายามที่จะไม่หันไปด้านหลัง

.

.

.

การเดินทางเกือบสามชั่วโมงกว่ารถฟอร์จูนเนอร์ก็เลี้ยวเข้าไปยังรีสอร์ทที่กวินเลือกเองทั้งหมดเพราะบรรยากาศเงียบสงบที่น้องน่าจะชอบ แอบเห็นกระเป๋าเดินทางที่หนักเป็นพิเศษถ้าเดาไม่ผิดคงจะเป็นหนังสือเพราะทั้งกวินและกล้าต่างไม่ชอบความวุ่นวาย กวินเลือกจองรีสอร์ทนี้เพราะบรรยากาศร่มรื่นและเงียบสงบ อ้อยังไม่ได้บอกสินะว่าพาน้องมาเที่ยวที่ไหน จังหวัดกาญจนบุรี เชษฐ์เดินเข้าไปเช็กอินรับกุญแจห้องพัก พวกเขาขับรถตามรถกอล์ฟที่พนักงานขับนำไปยังที่พักที่ปลีกวิเวกเป็นส่วนตัว

“ถ้าต้องการอะไรโทรไปแจ้งได้ตลอด 24 ชั่วโมงเลยนะครับ” เพราะถูกเจ้านายสั่งลงมาว่าให้ดูแลแขกที่มาพักให้ดี

“ขอบใจมาก” กวินให้ทิปไปเล็กน้อยก่อนที่จะเดินไปช่วยเชษฐ์ขนกระเป๋าเข้าที่พัก บรรยากาศตอนนี้ใกล้เที่ยงแล้วแต่อากาศยังเย็นสบายเพราะต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ล้อมรอบแถมถัดไปไม่ห่างเป็นแม่น้ำแคว เขาเลือกจองบ้านพักเป็นหลังเพราะมันเป็นส่วนตัวกว่า

“ขึ้นไปพักก่อนนะตอนเย็นเราค่อยออกไปทานข้าวเย็นกัน” เชษฐ์หิ้วกระเป๋าขึ้นห้องซ้ายสุดไปเรียบร้อยเพราะขับรถคนเดียวมาตลอดคงจะเหนื่อย

“พี่กวินจะพักห้องไหนครับ” เมื่อเหลือสองห้องกล้าเลยถามคนที่ยืนอยู่ข้างๆ

“น้องกล้าเลือกเลยครับ” แม้ใจจริงอยากจะให้พักห้องเดียวกันก็เถอะแต่มันคงจะเป็นการรุกหนักเกินไป น้องเลยเลือกห้องตรงกลางเขาเลยช่วยถือกระเป๋าขึ้นไปส่งน้องที่ห้อง

“พักนะครับ ยังดูเพลียๆ อยู่เลย”

“พี่กวินเหมือนกันนะครับ” พูดจบน้องก็เข้าห้องทันทีที่บานประตูปิดลง กวินก็ยกมือลูบหน้าปิดบังรอยยิ้มดีใจเพราะก่อนที่น้องจะเข้าห้องรอยยิ้มกว้างจนตาโตนั่นแทบปิด รอยยิ้มกว้างที่ได้รับเป็นครั้งแรก

หลังจากที่แยกย้ายกันพักไปตื่นขึ้นมาก็จะทุ่มกว่าแล้วกวินเดินลงมาข้างล่างคนแรกไม่นานไอ้เชษฐ์ก็ลงมาท่าทางไม่ได้เหนื่อยเหมือนตอนที่มาถึงที่พักแรกๆ

“บอสจะไปเที่ยวไหนบ้าง” เพราะลางานมาอาทิตย์หนึ่งแถมยังมาเที่ยวต่างจังหวัด

“ไม่รู้สิคงต้องรอถามน้องกล้าอีกที” ได้ยินเสียงถอนหายใจแบบหมั่นไส้จากไอ้เชษฐ์

“อะไรๆ ก็น้องกล้า”

“เออทำไมวะ”

“แต่ก่อนนี่ไอ้เชษฐ์ๆ เดี๋ยวนี้อะไรๆ ก็น้องกล้า” มันทำท่าสะดีดสะดิ้งได้น่าถีบมากเร็วกว่าความคิดเท้าโตๆ พุ่งไปหาและเพราะมันเป็นมือดีจึงหลบได้ทันทีแถมยังทำหน้าล้อเลียนอีก

“หยุดเลยนะไอ้เชษฐ์”

“หยุดผมก็โดนถีบสิ” และภาพเด็กโข่งสองคนที่วิ่งไล่เตะกันโดยมีโซฟาคั้นกลางก็ตกอยู่ในสายตาของคนตัวเล็กที่ตื่นเดินออกมาได้ยินเสียงโวยวาย เสียงหัวเราะใสดังขึ้นทำให้เด็กโข่งสองคนหยุดวิ่งไล่แล้วหันไปมองคนตัวเล็กที่ยืนหัวเราะอยู่บนบันได

“ขำอะไรพี่ หือ ตัวเล็ก” แม้จะพึ่งเคยเห็นน้องหัวเรากว้างแบบนี้แต่ทั้งเชษฐ์และกวินไม่ทักเพียงแต่เก็บภาพนี้ไว้

“ก็เล่นกันเหมือนเด็กเลยครับคิกๆ” รอยยิ้มกว้างนั่นทำให้กวินคิดไม่ผิดที่พาน้องมาเที่ยว

“ไปกินข้าวกันเถอะ” กวินชวนทั้งสองคนไปเพราะนี่ก็จะสองทุ่มแล้ว ขับรถออกไปร้านอาหารที่ไม่ไกลจากรีสอร์ทเป็นร้านอาหารริมแม่น้ำที่กวินอ่านรีวิวแล้วน้องคงชอบ สรุปทริปนี้ที่กวินวางแผนไว้ทั้งหมดอิงความคิดที่ว่ากล้าจะชอบอะไร และก็คงไม่ผิดจากที่หวังเพราะใบหน้าเล็กฉายชัดว่าชอบบรรยากาศแบบนี้ ร้านเรือนแพริมแม่น้ำ

“น้องกล้าอยากทานอะไรเป็นพิเศษไหม” เขาหันไปถามเพราะน้องดูเหมือนตัดสินใจไม่ได้ว่าจะทานอะไร

“กุ้งครับ กล้าอยากกินกุ้ง” แทนตัวเองยังไม่พอ ยังแถมยิ้มกว้างให้อีก ให้ตายเถอะกวินหลบสายตาก่อนที่จะสั่งเมนูกุ้งมาสามสี่อย่าง

“บอสครับจะกินแต่กุ้งรึไง ไม่ต้องสั่งแล้วผมจะสั่งเอง” ชักคิดถูกที่พาไอ้เชษฐ์มาด้วย ไม่งั้นความน่ารักของกล้าที่จู่โจมเขาตลอดทำให้นักธุรกิจไฟแรงไปไม่เป็น เชษฐ์เปิดเมนูสั่งอาหารเพิ่มอีกสองสามอย่างที่ไม่ใช่เมนูกุ้ง ไม่นานอาหารก็มาเสิร์ฟ เสียงเพลงเบาๆ พร้อมกับลมพัดพาอากาศเย็นๆ ทำให้บรรยากาศผ่อนคลาย กล้าคุยมากขึ้นรอยยิ้มกว้างที่น้อยครั้งจะได้เห็นตอนนี้กลับประดับอยู่บนใบหน้าขาวตลอด

แกร๊กๆ

เสียงซ้อมกระทบจานเสียงดัง กวินเงยหน้ามองน้องที่กำลังก้มหน้าก้มตาจริงจังกับการแกะกุ้งแม่น้ำเผาตัวโตดูเหมือนน้องจะแกะไม่เป็นด้วยซ้ำ เป็นเขาที่พลาดเองที่ไม่ได้สั่งแบบผ่ามาเรียบร้อย มือใหญ่จัดการแกะกุ้งอย่างคล่องแคล่วไม่นานเนื้อกุ้งฉ่ำก็ถูกวางลงจานคนข้างๆ

“ทานสิพี่จะแกะให้”

“ขอบคุณครับ” กวินคิดว่าคุ้มแล้วจะให้แกะกุ้งอีกสิบโลก็ไหวถ้าได้เห็นรอยยิ้มกว้าง

“แค่กๆ ๆ” เสียงไอขัดจังหวะหวานซึ้ง

“อะไรติดคอแกห๊ะเชษฐ์”

“หางกุ้งติดคอ” มันตอบพร้อมกับยักคิ้วให้สองที กวนตี... เขาปากุ้งใส่จานข้าวมันหางกุ้งติดคอนักใช่ไหม เอาไปกินทั้งเปลือกเลยไป

“ชอบไหมครับ” หันไปถามคนที่ทำตาแป๋วมองเขากับเชษฐ์ทะเลาะกัน

“ครับ” เท่านั้นล่ะครับที่เขาอยากได้ยิน แค่น้องชอบก็พอ แกะเปลือกกุ้งให้น้องจนเต็มจานและน้องก็ตอบแทนโดยตักโน่นตักนี่ใส่จานเขา ทานอาหารเสร็จก็พากันกลับเข้าที่พักพรุ่งนี้ว่าจะพาไปเที่ยวน้ำตก ไอ้เชษฐ์เดินเข้าห้องนานแล้วมีเพียงเขาที่เดินมาส่งน้องที่หน้าห้อง

“ฝันดีนะครับ”

“ฝันดีครับ” เห็นทีเขาคงจะฝันดีตลอดทั้งคืน

.

.

รุ่งขึ้นกวินตื่นขึ้นมาตอนเช้าทำธุระแต่งตัวเรียบร้อยก็ไปเคาะประตูเรียกน้องและเชษฐ์เพื่อไปกินข้าวเช้าที่เรือนริมธารของรีสอร์ท ตั้งแต่เมื่อวานแล้วที่เห็นน้องแต่งตัวน่ารักๆ จนเขาอยากจะเข้าไปฟัดให้ตัวขาวๆ นั่นแดงระเรื่อ หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จก็พาไปเที่ยวที่น้ำตกไทรโยคน้อย ที่ทางเข้ามีหัวรถไฟไอน้ำขนาดใหญ่ตั้งอยู่ เชษฐ์เดินนำพร้อมกับถ่ายรูปจากกล้องตัวเก่ง งานอดิเรกของมันคือถ่ายรูป กวินชำเลืองมองคนที่เดินข้างๆ ที่ดูตื่นเต้นซะเหลือเกิน

กล้าไม่คิดว่าเพียงแค่บ่นเบาๆ ว่าอิจฉาพี่เชษฐ์ได้ไปเที่ยว พี่กวินก็พาเขามาเที่ยวแถมยังเป็นการมาเที่ยวต่างจังหวัดซะด้วยยอมรับว่าตื่นเต้นมากจนนอนไม่หลับแถมยังเผลอหลับพิงอกพี่กวินไปซะนาน พอมาถึงที่พักซึ่งถูกใจเขามาก มากซะจนลืมหนังสือที่หอบมา แถมพี่กวินยังใจดีมากแกะกุ้งให้เขาซะจนตัวเองไม่ได้กิน ความรู้สึกหวานๆ ที่เหมือนหมอกควันกระจายอยู่รอบๆ ตัว เพราะไม่มีกำแพงที่เขาสร้างขึ้นเขาก็เผยตัวตนที่แท้จริงให้คนใจดีเห็นมากขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกับที่รู้จักพี่กวินมากขึ้น

“อ๊ะ” เพราะมัวแต่เหม่อคิดอะไรไปเรื่อยเลยไม่ได้ดูเลยว่าก้อนหินที่เท้านั้นมันเต็มไปด้วยตะไคร่น้ำทำให้เขาลืนยังดีที่ได้วงแขนใหญ่สอดรัดที่เอวดึงไปกอดแน่น

“หินมันลื่นระวังหน่อยครับ” เสียงทุ้มบอกข้างหู

“ง่ะ ขอบคุณครับพี่กวิน” พอเห็นว่ายืนได้ดีแล้ววงแขนใหญ่ก็ปล่อยพร้อมกับมือใหญ่ที่ส่งมาตรงหน้า แม้จะเขินอายแต่เขาก็ยอมวางมือลง ความอบอุ่นผ่านฝ่ามือถึงหัวใจดวงน้อยที่เต้นรัว พี่กวินในชุดสบายๆ แต่ก็ยังดูดีเหมือนหลุดมาจากนิตยสาร เดินผ่านลำธารจนไปถึงน้ำตกไทรโยคน้อย เพราะธรรมชาติที่อยู่ตรงหน้าทำให้เขาคนที่ไม่เคยออกไปไหนยืนนิ่ง การเห็นภาพในหนังสือมันเทียบไม่ได้เลยกับภาพตรงหน้า ทั้งความเย็น เสียงน้ำ เสียงธรรมชาติรอบๆ ตัว ทำให้มือขาวบีบกระชับหันไปสบตากับคนตัวโตที่มองมาอยู่เช่นกันก่อนที่จะยิ้ม ..........ยิ้มที่เต็มไปด้วยคำขอบคุณ ยิ้มที่มาจากหัวใจเขาจริงๆ

“ขอบคุณนะครับ” เขาบอกได้เท่านี้ คำขอบคุณ ขอบคุณสำหรับทุกๆ อย่าง

กวินนิ่งทำเพียงยิ้มตอบแล้วบีบมือแน่น “พี่เต็มใจ” กล้าหันไปมองธรรมชาติตรงหน้าเหมือนเดิม

“ที่นี่เล่นน้ำได้ไหมครับ”

“เล่นได้นะแต่เราไม่มีชุดมาด้วย ไว้พรุ่งนี้ค่อยเล่นล่ะกัน” กวินว่าเพราะพรุ่งนี้ก็ยังไปเที่ยวน้ำตกอีกวันน้องไม่ว่าอะไรเพียงพยักหน้า เขาเลยจูงมือน้องไปหาไอ้เชษฐ์ที่มัวถ่ายรูปเพลิน ก่อนที่จะพากันกินข้าวแถวน้ำตกอาหารมื้อง่ายๆ เขากับน้องพากันเดินย่อยก่อนที่จะชวนกันนั่งลงที่ก้อนหินหย่อนขาลงแช่น้ำ

“เย็นสบายจังเลย” อดยิ้มไม่ไดกับคำพูดน่ารักๆ ของน้อง

“กล้าเคยไปทะเลหรือเปล่า” เขาถามซึ่งก็พอจะเดาคำตอบได้ว่าคงไม่ซึ่งน้องก็ส่ายหัว กวินมองคนข้างกายเอื้อมมือไปกุมมือเล็กก่อนที่จะเอ่ยคำสัญญาที่เขาตั้งใจจะทำให้มันเป็นจริง คำสัญญาที่จะทำไปตลอดชีวิต

“ถ้าอยากไปไหนพี่จะพาไปทุกที” มือที่กุมไว้เขากระชับแน่น

“อือ” น้องตอบเพียงเท่านี้ เท่านี้ก็พอแล้ว เขารอได้ รอได้ทั้งชีวิต

.

.

หลังจากเที่ยวน้ำตกพวกเราก็พากันแวะไหว้พระที่วัดป่าก่อนที่จะพากันกลับมาที่พัก เชษฐ์บอกขอตัวไปเช็ครูป ถึงตอนนี้จะบ่ายสามแล้วแต่อากาศยังคงเย็นดี

“ไปปั่นจักรยานเล่นกันไหมมีที่ที่กล้าน่าจะชอบ” ซึ่งน้องก็ไม่ปฏิเสธเพียงถามว่าเอาหนังสือไปได้ไหมพอบอกว่าได้น้องก็วิ่งไปบนห้อง ไม่นานก็พายกระเป๋าเป้ใบเล็กๆ สพายมาด้วย

“ไปครับ”

จักรยานคนละคันปั่นไปตามเส้นทางที่ร่มรื่นเพราะต้นไม้ใหญ่ข้างทางปั่นนำจนกระทั่งมาถึงริมแม่น้ำแควที่มีเก้าอี้เบาะพิงสีขาววางไว้ จอดจักรยานไว้แล้วเดินไปนั่ง กล้าถอดรองเท้านั่งบนเตียงเปิดกระเป๋าหยิบหนังสือเล่มโตออกมาเอนหลังพิงหมอนอ่านหนังสือ เมื่อเห็นน้องกลับเข้าสู่โลกของตัวเองเขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นเปิดดูโน้นนี่ไปเรื่อย แม้ไม่ได้พูดคุยแต่ช่วงเวลาที่อยู่เงียบๆ ด้วยกันมันก็มีความสุขแล้ว

************************************

ทีแรกว่าจะให้งานเสร็จก่อนแล้วค่อยมาป่ันลง

เอาจริงๆดันคึกอู้งานซะงั้นฮ่าๆๆ

ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน อ่านแล้วเป็นยังไงบอกเราด้วยนะคะ

ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์ อ่านทุกคอมเม้นต์เพื่อเป็นแรงผลักดัน

ขอบคุณมากจริงๆค่ะ

ปล.คำผิดเดี๋ยวจะตามแก้ให้ทีหลังนะคะ 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-04-2018 18:32:09 โดย Letter123 »

ออฟไลน์ Letter123

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-2

วันที่สองของการมาพักผ่อนออกเดินทางแต่เช้าเพื่อไปน้ำตกเอราวัณที่นี่มีเจ็ดชั้นและสามารถเล่นน้ำได้ เลยบอกให้น้องเอาเสื้อผ้าไปเปลี่ยนด้วย หลังจากเตรียมของและไปรับตะกล้าปีกนิกที่สั่งทางรีสอร์ทไว้ นั่งรถไม่นานก็มาถึงน้ำตกเอราวัณมีทั้งหมด 7 ชั้น แต่ไม่รู้ว่าน้องจะขึ้นไปถึงชั้นสุดท้ายหรือเปล่า ไอ้เชษฐ์ตั้งเป้าไว้แล้วว่าจะขึ้นไปถ่ายรูปถึงชั้นสุดท้ายส่วนเขานะเหรอ....ก็ต้องตามติดน้องอยู่แล้ว

“กล้าอยากขึ้นไปไหม” หันไปถามคนที่เดินจับชายเสื้อเพราะเดินผ่านหินร่างบางเลยจับชายเสื้อยึดไว้

“อยากครับแต่ไม่รู้ว่าจะไหวไหม” กวาดสายตามองร่างเล็ก ท่าทางไม่ได้ออกแรงอะไรนอกจากการยกหนังสือ

“ถ้าไม่ไหวเดี๋ยวขี่หลังพี่”

“บ้า ใครจะกล้า” มองแก้มขาวแดงระเรื่อเพลินตา ก่อนที่จะเผลอทำอะไรลงไปเลยหันไปคว้ามือมาจับไว้เดินไปที่น้ำตกชั้นที่หนึ่ง ที่จริงที่น้ำตกก็มีที่พักอยู่เพียงแต่เขาคิดว่าไม่จำเป็นให้ยุ่งยากกับการเก็บกระเป๋า เดินไม่นานก็ถึงชั้นแรก ไหลคืนรัง เพียงแค่เห็นชั้นแรกก็ดูเหมือนว่าคนข้างๆ จะตกหลุมรักไปเสียแล้ว

“น้ำใสน่าเล่นจังครับ”

“ชั้นบนๆ สวยมากกว่านี้อีก” ที่รู้เพราะศึกษามาอย่างดีไหนจะดูรีวิวการท่องเที่ยวอีก เพราะเขาก็ไม่เคยมาเที่ยวธรรมชาติแบบนี้ส่วนมากก็วนเวียนอยู่ตามผับหรือไม่ก็ทำงานจนลืมวันลืมคืน เชษฐ์ดูเหมือนจะตกหลุมรักที่นี่ไม่แพ้กันรัวชัตเตอร์ไม่ยั้งเดินหามุมไปเรื่อย

“ขึ้นไปชั้นต่อไปดีกว่านะครับ” ชวนน้องขึ้นไปชั้นต่อไป ซึ่งคนตัวเล็กก็พยักหน้ารับเพราะอยากเห็นชั้นต่อไปขนาดชั้นแรกยังสวยชั้นต่อไปจะไม่สวยได้ยังไงสองมือประสานเดินขึ้นไปน้ำตกชั้นที่สอง “วังมัจฉา” สมกับที่เป็นวังมัจฉา น้ำใสที่มีปลาจำนวนมากแหวกว่ายไปมา

“ว้าวตัวใหญ่จัง” ท่าทางตื่นเต้นกับฝูงปลาตัวใหญ่ที่ว่ายวน

“แต่ตรงนี้เล่นน้ำไม่ได้เหรอนะปลาพวกนี้ชอบตอด” ลงไปสิได้โดนไล่ตอดแน่ๆ แอบยกมือถือถ่ายรูปคนที่เพลิดเพลินกับธรรมชาติสงสัยว่าจะถ่ายเพลินไปหน่อยจนนายแบบรู้สึกตัวแต่แทนที่โวยว่าเขาแอบถ่ายแต่กลับยิ้มกว้างแถมยังขอให้เขาถ่ายให้อีกหลายรูป

“งั้นถ่ายคู่กับพี่ได้ไหม” หลังจากที่ถ่ายรูปเดี่ยวๆ ไปหลายรูป เขาก็อยากได้รูปคู่บ้าง ซึ่งร่างบางก็ไม่ขัดข้องขยับตัวเข้ามาใกล้กวินก้มหน้าลงจนชิดแก้มใส ก่อนที่จะกดถ่าย รูปคู่รูปแรกที่ได้มากวินก้มหน้ากดโทรศัพท์หรูสองสามครั้งรูปคู่นั้นก็กลายเป็นรูปหน้าจอไปเรียบร้อย

“ไปชั้นต่อไปเลยไหม”

“ครับ” เดินขึ้นไปทางชั้นสาม ผาน้ำตก ก็เหมือนกับชื่อเสียงน้ำตกเบาๆ แต่ภาพที่เห็นมันมากกว่าสิ่งที่ได้ยินมา เหมือนตกหลุมรักตรงนี้เลยจริงๆ เหมือนว่าจะมีละครหลายเรื่องมาถ่ายที่น้ำตกนี้ เมื่อถ่ายรูปจนเป็นที่พอใจก็พากันเดินกลับมาเลี้ยวเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นที่สี่

“ไหวไหมครับ” หันไปถามน้องที่เหมือนจะหอบน้อยๆ

“ยังไหวครับ” ใบหน้าเขาเริ่มมีเหงื่อตามไรผมแก้มแดงระเรื่อแถมยังเริ่มเดินช้าลงเขาเลยเดินช้าๆ กุมมือน้องแน่นกว่าเดิมเพื่อที่จูงมือขึ้นบันไดจนถึงชั้นที่สี่ อกนางผีเสื้อเลยหาที่นั่งพักและก็คิดว่าจะเล่นที่ชั้นนี้เพราะคนไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่

“หิวรึยัง” เขาถามเพราะนี่มันก็เที่ยงแล้วแต่อากาศก็ยังเย็นสบายอยู่

“นิดหน่อยครับ” อาจจะเป็นเพราะได้ออกกำลังกายมากกว่าปกติทำให้กล้ารู้สึกหิว มองพี่กวินที่วางตระกล้าลงข้างๆ แล้วเปิดออกแค่เห็นเขาก็หิวแล้ว

“แล้วพี่เชษฐ์ล่ะครับ” มองซ้ายมองขวาไม่เห็น

“เดี๋ยวก็คงตามมา กินก่อนเลยนะพี่จะโทรตามมันก่อน” กล้าพยักหน้ารับแต่ก็ไม่ได้หยิบอะไรมากินก่อน พี่กวินโทรคุยกับพี่เชษฐ์สองสามคำรอไม่นานพี่เชษฐ์ก็เดินมาสมทบ

“สนุกไหมตัวเล็ก”

“ครับ” เขามีความสุขมาก หลังจากที่กินข้าวเที่ยง นั่งซักพักพี่กวินก็อนุญาตให้เขาลงเล่นน้ำได้ ร่างเล็กลงไปลอยคอว่ายน้ำ พี่กวินไม่ได้ลงเล่นน้ำด้วยเพียงแต่นั่งมองเขาเล่นน้ำอยู่คนเดียวเพราะพี่เชษฐ์ก็หนีไปถ่ายรูปอีกแล้ว เล่นได้ซักพักก็รู้สึกเหนื่อยเลยกลับมาหาพี่กวิน

“ไม่เล่นน้ำเหรอครับพี่กวิน” เขาขยับขึ้นมานั่งข้างๆ พี่กวินที่เก็บภาพ

“ไม่ดีกว่า หนาวไหมครับ” กล้าไม่รู้ว่าจะตอบอะไรเมื่อจู่ๆ พี่กวินยื่นมือมาเกลี่ยผมที่เปียกแนบแก้มเขาอยู่ จากที่หนาวๆ ตอนนี้รู้สึกอุ่นไปทั้งตัว ได้แต่หลุบสายตาลงไม่กล้าสบสายตาคมที่สื่อความหมาย มือใหญ่ที่เกลี่ยแก้มขาวที่มีหยาดน้ำใสเกาะอยู่ สัมผัสแผ่วเบาที่ทำให้เขารู้สึกหยุบหยับในหัวใจทั้งอยากจะผละออกแต่ร่างกายกลับอยู่นิ่งให้คนตัวโตลูบแก้มเขาอยู่

ตุ้ม ซ่า

เสียงคนกระโดดน้ำทำให้ทั้งคู่ที่ตกภวังค์เหมือนอยู่กันเพียงสองคนสะดุ้งผละออกห่างกันแถมยังมีอาการขัดเขินอึกอักไม่กล้าพูดกันเสียอย่างนั้น

“เอ่อ.......พี่ว่าเราขึ้นไปชั้นต่อไปดีไหม” กล้าได้แต่พยักหน้าลุกขึ้นตามพี่กวินโดยไม่ยอมมองหน้าเลยซักนิด

“เอานี่คลุมไว้ก่อนเดี๋ยวจะไม่สบาย” ผ้าขนหนูผืนไม่ใหญ่มากนักที่พี่กวินหยิบออกมาจากเป้มาคลุมไหล่เขาไว้ กล้าได้แต่ก้มหน้างุดยอมให้อีกคนกุมมือเดินขึ้นชั้นที่ห้า ชั้นที่หก แม้จะเหนื่อยแต่มือที่ถูกมือใหญ่กุมไว้คอยประคองให้เดินขึ้นไปถึงชั้นเจ็ดที่ดูจะเป็นการใช้แรงที่มากที่สุดของเขาแล้ว แต่ความเหนื่อยก็หายไปเมื่อเห็นน้ำตกชั้นสุดท้าย

“สวยจังครับ” เหมือนอาการขัดเขินจากเมื่อชักครู่จะลืมไปแล้วเพราะมัวตกตะลึงกับความงามของธรรมชาติตรงหน้า

“ใช่สวยมาก” กล้าไม่รู้หรอกว่าคำว่าสวยที่กวินพูดนั้นไม่ได้หมายถึงน้ำตกตรงหน้า กล้ามองเห็นพี่เชษฐ์ยืนถ่ายรูปอยู่ไม่ไกล ทั้งที่อยากเล่นน้ำต่อแต่เขากลับรู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ หรือเขาจะไม่สบายเข้าจริงๆ กวินสังเกตเห็นปากบางซีดมือที่กุมรับรู้ถึงความร้อนที่แผ่ออกมาเบาๆ

“ไม่สบายรึเปล่า” กวินรีบวางของแล้วรีบยกมือแตะที่หน้าผากเนียนที่ความร้อนอุ่นๆ ที่แผ่ออกมานั่นทำให้กวินร้อนใจเรียกเชษฐ์ให้มาหา

“มีอะไรครับบอส”

“เหมือนน้องจะไม่สบาย” พอได้ยินกวินพูดเชษฐ์ก็รีบเก็บกล้องมาถือของแทนบอส กวินรีบค้นเอาผ้าขนหนูจากกระเป๋าไอ้เชษฐ์มาคลุมตัวน้องอีกผืน

“ไม่เป็นไรครับพี่กวิน ผมแค่รู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ เฉยๆ” กล้ารีบห้ามคนที่เป็นห่วงซะจนคิ้วหนาขมวดแน่นเพราะเป็นห่วงเขา

“ไม่ได้ถ้าเป็นหนักขึ้นจะว่ายังไง” กวินว่าเสียงดุ เพราะเกรงใจไม่เลิกคิดว่าคลุมพอที่จะอุ่นพอแล้วก็จูงมือเล็กพากันเดินลงจากน้ำตกไม่สนใจเสียงบ่นเล็กจากคนที่ว่าเขาเป็นห่วงเกินเหตุ คอยดูนะถ้าเป็นหนักจะซ้ำให้ดู พอถึงจุดพักเขาก็ดันหลังให้น้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เปียกออก ตอนนี้แก้มซีดเริ่มแดงก่ำแถมยังตัวจากที่อุ่นๆ กลายเป็นเริ่มร้อนไหนคนบอกไม่เป็นไร พอขึ้นรถเท่านั่นล่ะเริ่มออกอาการหนาวสั่น

“อิงมาทางพี่ก็ได้ นอนไปเลยก็ได้” กวินจับไหล่คนดื้อให้มาพิงอกเขาไว้ คนดื้อที่พยายามพูดว่าตัวเองไม่เป็นอะไร แต่ปากซีดแก้มแดงจนน่ากลัวขัดขืนซักพักก็หลับไปเพราะฤทธิ์ไข้ ไม่นานก็มาถึงที่พักกวินอุ้มคนที่หลับไปเพราะพิษไข้ขึ้นไปห้องนอนมือใหญ่ยกแตะตามหน้าผากเนียนและซอกคอขาวความร้อนที่แผ่ออกมาทำให้คิ้วหนาขมวดแน่นนึกโทษตัวเองในใจที่ไม่ได้ดูแลน้องให้ดีดึงผ้าห่มหนาคลุมจนถึงคอแล้วเดินไปหยิบกะละมังใส่น้ำกับผ้าขนหนูมาเพื่อเช็ดตัวให้คนป่วย

“พี่ขอโทษนะครับ” กวินพูดเบาๆ แล้วค่อยสอดมือเข้าไปในผ้าห่มเพื่อถอดเสื้อยืดออกแล้วค่อยๆ เช็ดตัวให้อย่างรวดเร็วแล้วใส่เสื้อให้ใหม่เพราะเสียงพึมพำเบาๆ ว่าหนาวจนกวินรีบคลุมผ้าให้

“น้องเป็นไงบ้างครับบอส” เชษฐ์ที่เพิ่งเก็บของเสร็จเดินเข้ามาถาม

“คงจะไม่สบายนั่นล่ะเดี๋ยวรอให้ตื่นค่อยดูอีกทีถ้าไข้ยังไม่ลดคงต้องไปโรงพยาบาล”

“งั้นเดี๋ยวผมไปสั่งข้าวไว้ล่ะกันนะครับ” กวินพยักหน้าแล้วกลับเข้าไปดูแลคนป่วย

.

.

กล้ารู้สึกปวดหัวปวดตัวเป็นอาการที่เขาไม่ได้เป็นมานานเห็นแบบนี้เขาก็ไม่ได้ป่วยบ่อยอะไรหรอกนะนี่คงเป็นเพราะเล่นน้ำแถมยังใช้แรงมากไปนิดเลยได้ไข้แบบนี้ ตากลมกระพริบถี่เพราะไม่ได้ใส่แว่นตาภาพที่เห็นเลยเบลอเพียงแต่รู้สึกอุ่นๆ พี่กวิน ถึงจะเห็นเพียงแค่เงาลางๆ แต่ก็รู้ว่าเป็นใคร

“พี่กวิน” เสียงแหบพร่าเพราะอาการป่วยเรียกคนที่ฟุบหลับอยู่ข้างเตียง ที่พอเขาเรียกแล้วเริ่มขยับตัวตื่นขึ้นมาพอเห็นว่าเขาตื่นก็รีบลุกเอามือใหญ่ทาบหน้าผากแตะตามเนื้อตัวจนกล้าเองรู้สึกเหมือนไข้กลับยังไงอย่างนั้น แตะจนคนตัวโตพอใจ

“ดีขึ้นแล้วลงไปกินข้าวดีกว่านนะนี่มันจะเย็นแล้ว” เมื่อเห็นว่าตัวแค่อุ่นๆ เลยให้ลงไปทานข้าวเองดีกว่า ซึ่งคนป่วยรีบพยักหน้ารัวๆ เพราะไม่อยากนอนนิ่งอยู่บนเตียง

“เข้าไปอาบน้ำก็ได้นะแต่เป็นน้ำอุ่นนะห้ามอาบน้ำเย็นแล้วห้ามสระผมด้วย” กวินสั่งเสียงเข้ม

“คร้าบ” กล้ารับคำเสียยาวจนกวินอยากจะบีบแก้มป่องที่ยิ้มซะกว้างอย่างมันเขี้ยวซะจนอยากจะบีบแก้มขาวเร็วกว่าความคิดมือใหญ่ยืนไปบีบแก้มป่องเบาๆ

“หึ พี่ลงไปรอข้างล่างนะ” เพราะถ้ายังอยู่เขาก็ไม่แน่ใจว่าจะห้ามตัวเองไม่ให้ “ฟัด” น้องได้รึเปล่า รีบเดินลงไปข้างล่างพอดีกับเชษฐ์กำลังตั้งโต๊ะ

“พรุ่งนี้บอสจะไปเที่ยวไหนไหมครับ”

“คงไม่ อยู่ที่พักนี่ล่ะกัน” กวินว่าพร้อมกับนั่งลงตรงข้ามเชษฐ์รอไม่นานคนป่วยก็เดินเหนื่อยๆ ลงมา หลังจากทานข้าวกวินก็ส่งยาที่เตรียมไว้ให้ซึ่งคนป่วยรีบส่ายหน้ายกมือปิดปากไม่ยอมกินยา

“กินยาครับ ไม่งั้นไม่หายนะ”

“ปล่อยไว้เดี๋ยวก็หายเอง..” คนป่วยพูดเสียงอ่อยๆ กล้าจะไม่ยอมกินยาแน่ๆ สิ่งที่เขาเกลียดที่สุดคือการกินยาพอเห็นสายตาดุๆ มือขาวก็ยกขึ้นปิดปากพร้อมกับส่ายหน้าขยับตัวหนี กวินมองคนป่วยที่ทำตัวดื้อไม่ยอมกินยา

“จะกินดีๆ หรือจะให้พี่ป้อน” ใบหน้าคมขยับเข้าไปชิดจนเห็นดวงตากลมใต้แว่นเบิกกว้าง ยอมที่จะเอามือลงแล้วคว้ายาโยนเข้าปากแล้วดื่มน้ำซะจนครึ่งเหยือกทำหน้าเหมือนกินยาขมเป็นกำแถมยังส่งค้อนให้เขาวงโต

“ขึ้นไปพักเถอะครับ” พอได้ยินกล้าก็รีบลุกหนีขึ้นห้องจะไม่ให้หนีได้ยังไงล่ะ เขาสู้สายตาแวววับนั่นไม่ได้จริงๆ อดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นทาบอกข้างซ้ายที่เต้นรัว ฮือ ไม่ไหวแล้วใจเต้นรัวเกินไปแล้ว

.

.

วันต่อมาและวันต่อๆ มาก็ไม่ได้ออกไปเที่ยวไหนซึ่งกล้าก็ไม่ได้อยากไปเที่ยวไหนอยู่แล้วเพราะรู้ลิมิตร่างกายตัวเองดีว่ายังไม่ฟื้นตัวดีเลยมีเวลานอนอ่านหนังสือที่ขนมาจนหมด วันสุดท้ายที่มาเที่ยวก็มาถึง พวกเขาเตรียมตัวกลับกันแล้ว กล้ากำลังนั่งรอพี่กวินที่ขึ้นไปหยิบของตรงโซฟาโทรศัพท์เครื่องเก่าก็ดังขึ้น

“ว่าไงชะเอม” ไม่มีกี่คนที่รู้เบอร์เขาหรอกนะ

“ (กล้า) ” เสียงกระซิบตื่นๆ ทำให้กล้าอดแปลกใจไม่ได้

“มีอะไรหรือเปล่าเอม” เพราะน้ำเสียงตื่นๆ ของชะเอมทำให้เขาเริ่มรู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ

“กล้า...............พี่พลูกลับมาแล้วนะ” ชื่อคนที่หายไปนาน ชื่อที่พอได้ยินมือที่ถือโทรศัพท์ค่อยๆ ลดลง หูเหมือนดับไปกะทันหันในหัวไม่รับรู้อะไรแล้ว กลับมาแล้ว พี่พลูกลับมาแล้ว

*******************************************

ตัวละครลับมาแล้ววววว

อ่านแล้วเป็นยังไง บอกเราด้วยนะคะ

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ

ปล.หากคำผิดจะเข้ามาแก้อีกรอบนะคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-05-2018 18:09:00 โดย Letter123 »

ออฟไลน์ Meen2495

  • is allergic to drama.
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-4
น่ารักค่ะ
กล้าน่ารักมากกกกก
สมควรที่พี่กวินจะรักก้อนกลม ๆ ขาว ๆ

แต่พี่พลูคนนี้ ใครเอ่ย?
พี่ชายกล้า? หรือคนในอดีต?

ลุ้นค่ะ รอลุ้น

ออฟไลน์ Letter123

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-2
กวินมองคนนั่งข้างๆ ที่ดูเหม่อลอยซะจนเขาเป็นห่วงหลังจากได้ยินน้องคุยโทรศัพท์ก็เหมือนจะไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว แต่จะให้ถามกวินก็ไม่อยากก้าวล้ำเส้นไปหากน้องไว้ใจก็คงพูดออกมาเอง ท่าทางคิดหนักทำให้กวินส่งมือไปกุมมือที่กำแน่นแล้วบีบเบาๆ เพื่อที่จะบอกว่าเขาอยู่ตรงนี้จะคอยอยู่ข้างๆ เสมอ กล้าเพียงหันมาสบตาคมที่สื่อความมั่นคงและความพร้อมที่จะอยู่เคียงข้างเขา กล้าไม่ได้พูดอะไรเพียงหลับตาลงแล้วเอนตัวเอาหัวพิงไหล่แล้วหลับตานิ่งซึมซับความอบอุ่นนี้ไว้ กวินทำเพียงกุมมือเล็กไว้แน่นแม้จะแปลกใจก็ตาม

รถจอดนิ่งที่หน้าบ้านหลังเล็กแต่ยังไม่มีใครขยับเชษฐ์รับรู้ถึงบรรยากาศแปลกๆ แต่ก็เลือกที่จะเงียบปล่อยให้ทั้งสองคนที่เบาะหลังแอบอิงกันอยู่ กวินไม่ได้เอ่ยห้ามหรือถามอะไรเพียงนั่งให้น้องพิงและลูบมือเขาแต่ก็ไม่นานน้องก็ผละไปนั่งดีๆ และยกยิ้มบางส่งให้

“ขอบคุณนะครับ”

“เดี๋ยวพี่ช่วยขนกระเป๋านะ” กวินลงไปช่วยหิ้วกระเป๋าส่งถึงในบ้าน “งั้นพี่กลับก่อนนะ คงจะไม่ได้เจอกันอีกสองสามวันนะเพราะงานคงจะต้องทับคอพี่ตายแน่ๆ” กวินพูดเล่นขำหวังว่าจะให้คิ้วเรียวนั่นคลายออก

“อย่าหักโหมมากนะครับ ไว้พี่กวินว่างค่อยมาเจอก็ได้ครับ” ให้ตายเถอะแค่คำพูดเป็นห่วงของน้องก็ทำให้เขารู้สึกหัวใจพองโตแล้ว อยากจะพกน้องไปทำงานด้วยจัง

“มีอะไรโทรหาพี่ได้ตลอดเลยนะครับ” เพราะเป็นห่วงกลัวคนตัวเล็กคิดมากถ้าหากเกิดอะไรขึ้นถ้ากล้าโทรมาเขาจะรีบมาหาทันทีท่าทางของกล้าไม่ได้ดีขึ้น เมื่อเห็นว่ามันดึกมากแล้วกวินเลยกลับแถมยังไม่ลืมที่จะย้ำให้ปิดบ้านดีๆ

.

.

หลังจากที่กวินแยกจากกล้าตอนนี้มันก็ผ่านไปสามสี่วันแล้วงานที่หยุดไปทั้งอาทิตย์ส่งผลให้เขาต้องไล่เคลียร์งานยาวแทบจะไม่มีเวลาปลีกตัวไปทำอะไรอย่างอื่นไม่ได้ วันนี้ไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไรถึงได้รู้สึกกระวนกระวายไม่เป็นอันทำการทำงานจนทนไม่ไหวกดโทรศัพท์โทรหาคนที่ทำให้เป็นห่วง รอสายจนกระทั่งสัญญาณตัดไปกดโทรไปสามสี่รอบก็ยังไม่มีคนรับสาย เกิดอะไรขึ้นรึเปล่านะกวินกดเบอร์ของอีกคนที่น่าจะรู้ว่ากล้าเป็นอะไร รอสายไม่นาน

“ (สวัสดีคะพี่กวิน) ”

“ชะเอม กล้าเป็นอะไรรึเปล่าทำไมไม่รับสายพี่” เพราะความเป็นห่วงทำให้เขาเข้าประเด็นในทันที ปลายสายเงียบไปก่อนที่จะได้ยินเสียงถอนหายใจเบาๆ

“ (พี่กวิน....ฝากดูแลแว่นน้อยของเอมด้วยนะคะ แว่นน้อยอยู่ที่บ้านค่ะ) ” ยังไม่ทันที่จะถามอะไรเพิ่มเติมชะเอมก็ตัดสายเร็วพอๆ กับข้อความเข้าที่เป็นที่อยู่กวินทิ้งทุกอย่างที่ทำค้างไว้เดินออกจากห้อง สีหน้าเคร่งเครียดซะจนเลขาไม่กล้าที่จะเอ่ยเรียก ความเร็วของรถหรูที่ฉวัดเฉวียนเสียจนน่ากลัวหลังจากได้ที่ได้ที่อยู่กวินยิ่งร้อนใจ

เสียงล้อบดกับถนนเสียงดังกวินไม่รีรอรีบดับเครื่องรถขายาวๆ รีบก้าวเข้าบ้านแต่คราวนี้แปลกเมื่อประตูหน้าบ้านถูกล็อกแน่นหนา กวินเรียกอยู่นานไม่มีคนลงมาเปิดทั้งยังโทรศัพท์ก็ไม่รับ จำได้ว่าน้องเคยบ่นเรื่องกุญแจบ้าน เขาเดินเข้าไปหาใต้พุ่มไม้ที่ซ่อนกุญแจไว้หาไม่นานก็เจอ รีบไขกุญแจเข้าบ้านที่มีเพียงความเงียบโต๊ะกลางห้องนั่งเล่นว่างเปล่า ทั้งที่ปกติจะมีหนังสือกองหนังสือวางไว้เต็มเดินขึ้นไปหยุดอยู่หน้าประตูห้องนอนเล็ก

“กล้า น้องกล้า” ได้ยินเพียงเสียงขยับเบาๆ ในห้อง มือใหญ่ลองหมุนเบาๆ ที่ลูกบิดเห็นว่าไม่ได้ล็อกเลยถือวิสาสะเปิดเข้าไป ภายในห้องเล็กนั้นมืดสนิทเพราะม่านหนาถูกดึกปิดเห็นเพียงก้อนกลมๆ บนเตียง กวินค่อยๆ ขยับเข้าไปใกล้ก้อนกลมบนเตียง

“กล้าครับ...กล้า” เขย่าเบาๆ บนส่วนที่น่าจะเป็นไหล่น้อง ร่างใต้ผ้าห่มสะดุ้งเบาๆ แต่ยิ่งรั้งผ้าห่มไว้แน่น พอเขาดึงผ้าห่มกล้าก็ยิ่งรั้งไว้ จนเขาต้องเลิกยื้อแต่ยังวางมือบนไหล่เล็กไว้

“ออกมาเจอพี่หน่อยไม่ได้เหรอครับ เดี๋ยวหายใจไม่ออกเอานะครับ” น้ำเสียงทุ้มทอดเสียงอ่อนลงจนคนม้วนตัวใต้ผ้าห่มเริ่มคลายแรงที่ดึงไว้ จนกวินค่อยๆ ดึงผ้าห่มออกเลยได้เห็นหน้าคนที่คิดถึงมาตลอดสามสี่วัน ใบหน้าขาวปากซีดตาแดงช้ำเพียงแค่เห็นใบหน้าขาวซีดใจกวินก็ปวดหนึบ ตัวเล็กของเขาเป็นอะไรใครทำอะไรให้

“กล้า..” กวินเรียกชื่อน้องเบาๆ ก่อนที่จะยื่นมือไปแตะเบาๆ ที่แก้มซีดราวกับกลัวคนตัวเล็กบุบสลาย เพราะอาการน้องตอนนี้เหมือนแก้วร้าวที่หากแตะแรงๆ เพียงนิดเดียวแก้วที่ร้าวอาจแตกสลายได้

“พี่กวิน” เสียงหวานแหบพร่าเรียกชื่อเขาตาคู่สวยจะเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตาที่พรั่งพรูไหลเต็มแก้มก่อนที่ร่างเล็กโผขึ้นมากอดคอเขาแน่นใบหน้าขาวซบนิ่งตรงอกแกร่ง แม้จะตกใจที่ร่างเล็กโผเข้ามากอดแต่น้ำที่ซึมผ่านเสื้อเชิ้ตจนเปียกชื้นเป็นวงกว้างมือใหญ่โอบกอดคนที่ร้องไห้ปานจะขาดใจร่างบางที่เหมือนจะบางลงไปอีกจากครั้งล่าสุดที่ดูจะมีเนื้อมีหนังขึ้นมาแล้ว

“ไม่เป็นไรนะครับ พี่อยู่กับกล้าเสมอนะ” ไม่เอ่ยถามถึงสาเหตุที่ร้องไห้หนักเพียงแค่โอบกอดลูบหลังเบาๆ นั่งปลอบนิ่งจนร่างเล็กจากที่ร้องไห้จนตัวโยนเหลือเพียงอาการสะอื้นเป็นระยะๆ กวินก้มลงมองก็เห็นคนตัวเล็กหลับไปทั้งๆ ที่น้ำตาใสยังคงเกาะแก้มขาว กวินตัดสินใจที่จะอุ้มร่างคนนอนหลับในอ้อมแขนเดินลงจากห้องแต่ยังไม่ทันที่จะออกจากบ้าน ใครบางคนที่กำลังเดินเข้ามาทำให้ขาเขาหยุดชะงัก

“คุณเป็นใครแล้วนั่นกล้าวางกล้าลงเดี๋ยวนี้นะ” แม้ส่วนสูงจะเท่ากันแต่ความหนาของร่างกายก็ต่างกัน กวินขยับหลบผู้มาใหม่ที่พุ่งเข้ามาใกล้กระชับคนในอ้อมกอดไว้ สายตาคมหรี่มองคนตรงหน้าอย่างไม่ไว้ใจสายตาคมตวัดมองอย่างไม่พอใจ

“ปล่อยกล้า” เสียงทุ้มตวาดลั่นแต่ก็ไม่ทำให้กวินสะทกสะท้านจ้องตากลับ

“คุณเป็นใคร” กวินถามเสียงห้วนมองคนตรงหน้าอย่างไม่เป็นมิตร

“ผมเป็นผู้ปกครองของกล้า” กวินหรี่ตาอย่างไม่ไว้ใจ แต่ก่อนที่จะทำอะไรคนในอ้อมแขนก็รู้สึกตัวขึ้นเสียก่อน ตากลมปรือตาขึ้นยังดีที่เขาใส่แว่นให้แล้ว ทีแรกเหมือนจะงงๆ แต่เมื่อมองไปเห็นคนคนนั้นกล้าก็ดูจะแปลกไปแขนเล็กยกขึ้นกอดคอเขาแน่นซุกหน้าลงกับซอกคอตัวสั่นเหมือนจะร้องไห้อีกแล้ว

“กล้ามาหาพี่เดี๋ยวนี้นะ” กวินขยับตัวออกห่างไม่ยอมให้เข้าใกล้ มันเป็นคนที่ทำให้กล้าเสียใจเขาไม่มีทางที่จะให้เข้าใกล้น้องแน่ๆ

“หลีกไป อย่าคิดว่าฉันไม่กล้าทำอะไรนายนะ” พลูสะดุ้งกับสายตาคมที่ดูดุและน่ากลัว กวินรีบอุ้มคนที่ร้องไห้ซบอยู่บนบ่าไปที่รถค่อยๆ วางน้องลงที่เบาะนั่งข้างหน้าแต่กว่าจะกล่อมได้ก็ยากเย็นเพราะกล้าไม่ยอมปล่อยมือจากคอเขาเสียที กวินขับรถตรงกลับบ้านตลอดเวลาคอยแต่ชำเลืองมองคนที่ร้องไห้จนหลับไปอีกรอบ รถหรูเลี้ยวเข้าจอดที่โรงจอดรถ เดินอ้อมไปอุ้มคนหลับเดินเข้าบ้าน

“คุณกวินน้องเป็นอะไรมาคะ” ป้านิ่มรีบเดินเข้ามาถาม เขาก้มหน้ามองคนหลับทั้งๆ ที่มีคาบน้ำตาเต็มแก้ม

“น้องไม่สบายนะครับ เดี๋ยวผมดูแลเองครับป้านิ่ม” เขาอุ้มน้องขึ้นห้องนอนตัวเองบรรจงวางคนตัวเล็กลงบนเตียงดึงผ้าห่มคลุมปิดคอแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตามใบหน้าขาวสังเกตเห็นใต้ตานั้นแดงช้ำกวินค่อยๆ ยกมือขึ้นลูบใต้ตา

“เกิดอะไรกับกล้ากันหือ” เสียงทุ้มบ่นเบาๆ ปล่อยให้น้องพักผ่อนส่วนตัวเขาก็เดินไปโทรศัพท์สั่งให้เชษฐ์เอางานมาให้ที่บ้านโดนมันบ่นไปหลายอย่างแต่พอบอกว่ากล้ามีปัญหามันก็เลิกบ่นแล้วบอกจะรีบกลับมาเขากลับเข้าไปนั่งเฝ้าคนที่ม้วนตัวเป็นก้อนกลมหลับสนิทอยู่บนเตียง

กล้าค่อยๆ กระพริบตาภาพที่เห็นพร่ามัวแต่ก็พอรู้ว่ามันไม่ใช่ห้องของตัวเองหันมองไปรอบๆ ก่อนที่ตาโตจะเบิกกว้างเมื่อเห็นใบหน้าคมที่หลับสนิทนอนอยู่ข้างกาย กล้าพลิกกายหันไปนอนมองใบหน้าคมนิ่ง ตอนที่รู้ข่าวพี่พลูกลับมาทำให้เขาตกใจมาก พี่พลูพี่ชายของชะเอมเป็นคนที่เหมือนผู้ปกครองเพราะคอยดูแลเขาตั้งแต่พ่อแม่เขาเสียไปพร้อมกันเพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์แต่เขารอดมาได้แต่มันก็เกิดแผลในใจจนเขากลายเป็นคนไม่พูดดีที่ได้ชะเอมและพี่ชะพลูคอยดูแลจนเขาสามารถกลับมาใช้ชีวิตปกติได้ แต่ก็ยังมีกำแพงระหว่างโลกภายนอกอยู่โลกของเขามีเพียงแค่หนังสือ จนกระทั่งได้เจอคุณกวิน......คนที่เข้ามาทำลายกำแพงนั่นอีกครั้ง มือขาวยกขึ้นแตะตามคิ้วหนาไล่ลงมาตามจมูกโด่งใบหน้าคมคายจากที่เคยแอบมองจนได้ใกล้ชิด

“!! ”

หมับ

“เล่นซนอะไรครับ” กล้าตกใจเมื่อคนที่เขาคิดว่าหลับจับมือเขาแนบแก้มไว้แน่นทั้งๆ ที่ยังไม่ลืมตา ใจดวงน้อยเต้นรัวพยายามที่จะดึงมือตัวเองออก

“ปล่อยเถอะครับ” กล้าก้มหน้างุดแทบชิดอกไม่กล้าเงยหน้ามองหน้าคมคายที่มีรอยยิ้มกว้างซะจนเขารู้สึกตาพร่า

“ไม่มองหน้าพี่หน่อยเหรอ” กวินมองท่าทางที่น้องเขินทำเพียงแค่ส่ายหน้ากับอกเขาไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาถามว่าดีใจไหมที่เห็นน้องยอมใกล้ชิดแบบนี้ถึงตอนนี้จะไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาก็เถอะ

“หิวข้าวไหม ไปล้างหน้าล้างตาก่อนเดี๋ยวลงไปกินข้าวกัน” เลือกที่จะไม่ถามถึงสาเหตุที่ร้องไห้เพราะอยากให้น้องสบายใจที่อยู่ข้างๆ เขาเลยได้แต่รอเท่านั้น รอน้องเล่าให้ฟังเอง กล้ารีบลงจากเตียงหนีเข้าห้องน้ำไปพักหายใจเมื่อหัวใจเขาเต้นแรงมาก เต้นรัวกว่าตอนที่เจอหน้าพี่พลูอีก พี่ชายที่ไม่ได้เจอกันมานานใบหน้าขาวสลดลงเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมือคืนที่ทำให้เขาร้องไห้ทั้งคืน เพราะพี่พลูรู้เรื่องที่เขาไปเที่ยวและสนิทกับพี่กวิน เขารู้ดีว่าพี่พลูเป็นห่วงเมื่อพี่พลูยื่นคำขาดว่าให้เลิกข้องเกี่ยวกับพี่กวินใจเขาก็เหมือนโดนมือที่มองไม่เห็นบีบรัดจนหายใจไม่ออก เขาไม่อยากสูญเสียความอบอุ่นนี้ไป

ก๊อกๆ

“พี่ลงไปรอข้างล่างนะครับ” กล้าสะดุ้งเมื่อเสียงเคาะประตูเรียก เขารีบเช็ดหน้าแล้วเปิดประตูเดินตามลงไปข้างล่าง พี่กวินกับพี่เชษฐ์นั่งรออยู่ที่โต๊ะกินข้าว

“ไม่สบายเป็นอะไรมากไหมน้องกล้า”

“ไม่เป็นอะไรครับ”

“ทานข้าวต้มก่อนสิกำลังร้อนๆ” พี่กวินเลื่อนชามข้าวต้มมาทางเขาเหมือนบังคับกลายๆ กล้าเลยลงมือทานข้าวต้มเงียบๆ จริงๆ เขาไม่ได้ไม่สบายซักหน่อยแค่ร้องไห้หนักเกินไปจนไม่กล้าเจอหน้าใครเท่านั้นเอง

“ตายังช้ำอยู่เลย” จู่ๆ พี่กวินก็พูดขึ้นคงเป็นเพราะร้องไห้ทั้งคืน

“งั้นเหรอครับ” กล้ายกมือขึ้นแตะใต้ตา

“งั้นเดี๋ยวพี่หาอะไรมาประคบให้แล้วกันนะ” แต่ก่อนที่กวินจะลุกขึ้นโทรศัพท์เครื่องหรูดังขึ้นเสียก่อนเบอร์โทรคุ้นตากวินกดรับสายทันที

“ครับ”

“ (พี่กวินขอสายกล้าหน่อยได้ไหมคะ บ้านจะแตกแล้ว) ” เสียงร้อนรนของชะเอมทำให้เขาขนมดคิ้วแต่ก็ยอมส่งโทรศัพท์ให้กล้า

“ครับ?” กล้ารับไปคุยงงๆ กวินอยากรู้ใจจะขาดได้ยินเพียงกล้าอือออกับปลายสายยิ่งคุยใบหน้าขาวยิ่งหงอยเหมือนโดนดุ

“อือ เราเข้าใจพี่พลูอยู่แล้ว อือ...เดี๋ยวเราจะบอกพี่กวินให้” กวินมองน้องที่ทำหน้าหงอยซะจนน่าสงสารไอ้เชษฐ์อ้าปากกำลังจะถามแต่เขาส่งสายตาห้ามมันไว้ กล้าถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนที่จะทำแก้มป่องพองลมท่าทางขัดใจจนเขาหลุดหัวเราะ

“โมโหอะไรครับ”

“พี่พลูนะสิครับไปกวนเอมจนไม่ได้ทำงานเพราะอยากให้ผมกลับบ้าน” พอได้ยินชื่อผู้ชายจากปากน้องใบหน้าคมก็บึ้งตึงเรียบเฉยซะจนเชษฐ์ลุกหนีไปห้องครัวทันที

“แล้วอยากกลับรึเปล่า”

“ก็...อยากนะครับ”

“งั้นเดี๋ยวพี่ไปส่ง” กล้าแปลกใจเมื่อจู่ๆ พี่กวินเหมือนจะอารมณ์เสียขึ้นเฉยๆ พอเห็นร่างสูงที่ผุดลุกขึ้นเขาก็รีบคว้ามือหนาไว้

“พี่โกรธอะไรผม” เพราะไม่เข้าใจกล้าเลยถามไปตรงๆ

“ไม่ได้โกรธ”

“โกหก” กล้าเถียงดูก็รู้ว่าโกรธแต่ทำไมไม่ยอมพูดออกมาล่ะว่าโกรธอะไรเขา เงยหน้าสบตาคมตรงๆ

“ครับพี่โกรธแต่ไม่ได้โกรธเรา พี่โกรธตัวเอง” กวินมองน้องที่เอียงคอน้อยๆ ทำไมมันน่าฟัดอย่างนี้นะ อารมณ์ขุ่นๆ หายไปตั้งแต่ที่น้องจับมือเขาไว้แล้ว

“คนอะไรโกรธตัวเอง” กวินหลุดขำเมื่อน้องว่าให้เขา อยากจะเข้าไปฟัดน้องจริงๆ ไอ้ท่าทางแบบนี้ทำไมมันน่ารักแบบนี้นะ

“จะให้พี่ไปส่งที่ไหนล่ะ” แม้ไม่อยากจะไปส่งแค่ไหนก็ต้องไปล่ะนะ

“ที่บ้านครับ อ้อ พี่พลูว่าให้พี่กวินไปพร้อมกันเลยนะครับ” กวินมองรอยยิ้มกว้างแต้มบนหน้าอย่างอารมณ์ดี ดี!! เขาจะได้รู้เหมือนกันว่าไอ้พี่พลูของกล้านี่มันเป็นใครกัน ถึงได้ทำให้น้องร้องไห้แบบนี้

.

.

กวินยืนจ้องหน้ากับคนที่เจอไปเมื่อตอนสาย สายตามจ้องมองอย่างประเมินคนตรงหน้า รูปร่างหน้าตาก็ยอมรับว่าดูดีหุ่นไม่หนาเท่าเขาใส่แว่นตาใส ทั้งสองคนจ้องมองกันนิ่งไม่ยอมพูดจาอะไรแถมยังมีบรรยากาศมาคุแปลกๆ เงียบนานซะจนชะเอมทนไม่ไหว

“ถ้าเป็นปลากัดนี่คงท้องไปแล้วนะจ้องกันขนาดนี้”

“ยัยเอมเงียบไปเลย พี่ยังไม่ได้คิดบัญชีเรานะ” กึก ชะเอมขยับไปกอดแขนแว่นน้อยของเธอแน่นก็สายตาพี่พลูตอนนี้มันน่ากลัวน้อยซะที่ไหนไม่ต่างกับพี่กวินเลย เงียบดีกว่าเรา

“ผมไม่ให้คุณมายุ่งกับกล้า”

“ทำไมผมต้องฟังคุณ” มีสิทธิ์อะไรมาห้ามให้เขามายุ่งกับกล้า

“เพราะผมเป็นผู้ปกครองของกล้า และคุณ...” สายตาใต้แว่นใสกวาดมองกวินตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนที่จะยิ้มมุมปาก “ก็ไม่น่าไว้ใจเลยสักนิด” กวินพยายามคิดถึงหน้าน้องไว้เพื่อที่จะสะกดอารมณ์อยากพุ่งเข้าไปต่อยหน้ากวนประสาทของคนตรงหน้า เท่าที่ฟังน่าจะเป็นพี่ชายของชะเอมแล้วจะเกี่ยวอะไรกับกล้า

“ผมไม่คิดที่จะฟังคุณพูด”

“ผมก็ไม่คิดว่าคุณจะมายุ่งได้หรอกนะ ผมจะพากล้าไปอยู่ด้วยที่อเมริกา” ไม่เพียงแค่กวินที่ตกใจ เจ้าตัวที่นั่งเงียบถึงกับลุกขึ้นพร้อมกับชะเอม

“พี่พลูกล้าไม่ไปนะครับ” ตากลมเริ่มคลอด้วยน้ำใสอะไรกันจู่ๆ ก็มาตัดสินใจให้เขาไป

“กล้าไม่ฟังพี่แล้วเหรอครับ” เสียงของพลูอ่อนลง เขาไม่น่าปล่อยให้น้องรักเขาอยู่ที่นี่น่าจะพาน้องไปตั้งแต่สามปีที่แล้ว

“กล้าฟังพี่พลูเสมอนะครับแต่กล้าไม่อยากไป” เสียงหวานเริ่มสะอื้นเพียงแค่คิดว่าจะไม่ได้อยู่ที่นี่น้ำตาไหลออกมาแล้ว กวินเมื่อเห็นน้ำตาก็ทนไม่ไหวขยับเข้าไปรั้งตัวน้องเข้ามากอดกดหัวทุยให้ซบลงตรงบ่า

“ชู่ ไม่ร้องนะครับ” กวินไม่สนใจพลูที่ยืนกำหมัดแน่น เขาสนเพียงคนตัวเล็กที่ยืนร้องไห้เป้นมุมที่เขาไม่เคยเห็นและไม่อยากเห็นอีก

“ฉันจะไม่ยอมให้กล้าไปไหนแน่ ถ้าคิดจะลองฉันก็พร้อม” สิ้นคำบรรยากาศกดต่ำเย็นยะเยือกมีเพียงแค่กล้าเท่านั้นที่ไม่รู้เรื่อง

“อึก...ฉันจะให้โอกาสนายถ้านายทำให้น้องฉันร้องไห้แม้แต่ครั้งเดียวฉันจะพาน้องกลับ” เพราะน้ำเสียงและสายตาทำให้พลูรู้สึกหวั่นๆ รีบขยับเข้าไปใกล้น้องสาวที่ดูเหมือนจะกลัวๆ เหมือนกันกระซิบถามน้องสาวตัวดี

“หมอนี่มันใครกัน” พลูถามเพราะแรงกดดันที่แผ่ออกมาไม่ใช่ธรรมดาเลย

“นี่พี่ไม่รู้เลยเหรอ ไปเสิร์ชกูเกิ้ลดูนะพี่” ชะเอมกระซิบตอบ

“นี่คุณปล่อยน้องผมได้แล้ว” ชักจะนานไปแล้วนะ แล้วน้องเขานี่ก็นิ่งให้กอดจัง กวินยังมองตาขวางแต่ก็ประคองน้องนั่งลงข้างๆ

“ผมชะพลูนะเป็นพี่ของยังชะเอมและก็เป็นผู้ปกครองของกล้า” คิ้วหนาเลิกขึ้นนิดหน่อยกับคำว่าผู้ปกครอง

“ผมกวิน....กำลังจีบน้องอยู่” ชำเลืองมองน้องที่สะดุ้งเมื่อได้ยินเขาว่าจีบ

“เอาเถอะเห็นที่ว่ากล้ายอมเข้าใกล้นายฉันจะอยู่ดูก่อน แต่ตอนนี้กล้ามาหาพี่มา” พลูที่คิดถึงน้องรักเพราะไม่ได้เจอกันตั้งนานแต่น้องก็ไปซบไอ้กวินซะอย่างนั้นมันน่าน้อยใจจริงๆ นะ แต่พลูก็มองภาพตรงหน้ากล้าที่อยู่ใกล้ชิดคนอื่นที่ไม่ใช่เขาและชะเอมแสดงว่าไอ้กวินก็มีดีทำลายกำแพงได้

กล้าหันซ้ายหันขวาแต่เพราะรู้สึกอายกับคำว่าจีบของพี่กวินเลยลุกขึ้นไปนั่งข้างๆ พี่พลูที่พอเขานั่งลงก็คว้าตัวเขาไปกอดแถมยังฟัดแก้มเขาซะจนปวดไปหมดห้ามเท่าไหร่ก็ไม่ยอมฟัง ไม่ได้สนใจสายตาขวางๆ ของคนที่นั่งตรงข้ามเลยซักนิด

“งือพี่พลูกล้าเจ็บ” กล้าร้องเมื่อพี่พลูบีบแก้มเขาซะเจ็บไปหมด

“มีเนื้อขึ้นเยอะเลยนะ ยัยเอมดูแลดีสินะ” พลูว่าเมื่อสัมผัสถึงแก้มป่องและเนื้อหนังที่เพิ่มขึ้น

“บ้า โน่นคนดูแลนะอยู่โน้น” ชะเอมบุ้ยปากไปทางพี่กวิน อยู่กับเธอกล้าก็กินเท่าแมวดมดีขึ้นก็ตอนที่พี่กวินมาดูแลนี่ล่ะถึงได้กินเยอะจนมีแก้มนี่ล่ะ

“หึๆ” กล้าอยากจะซื้อเสียงหัวเราะนี้จริง ก้มหน้างุดหนีสายตาเย้าก็ลองเขากินไม่เยอะสิ พี่กวินได้แกล้งเขาตลอด คุยกันซักพัก พี่พลูก็ชวนไปทานข้าวเย็นด้วยกันและพี่กวินก็ขอเป็นคนเลี้ยงเอง ตลอดการกินข้าวพลูก็เห็นว่ากวินคอยดูแลและให้น้องกินโน้นกินนี่โดยตลอด ส่วนกล้าก็มีรอยยิ้มน้อยๆ ตักกับข้าวที่กวินตักให้แถมยังตักคืนอีก เฮ่อเห็นทีเขาคงไม่ต้องห่วงอะไรมากแล้ว พลูเลยแสดงท่าทีเป็นมิตรกับกวินมากขึ้น แต่ก็ยังชอบแกล้งกวินโดยการกอดกล้าบ้างหอมแก้มบ้าง ทำให้กวินคิ้วกระตุกตลอด เมื่อไหร่ไอ้พลูมันจะกลับวะ
***********************************************

กลับมาแล้วค่ะ ขออภัยที่ช้านะคะ คือแต่งไปแล้วรอบหนึ่งมันดันดาร์กซะงั้น

เลยลบเขียนใหม่ นิยายเรื่องนี้ก็เรื่อยๆนะคะ 

อ่านแล้วชอบหรือไม่ชอบยังไง บอกเราซักนิดก็ดีนะคะ 

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ 

ปล.แก้ไขคำผิดค่ะ 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-05-2018 09:11:22 โดย Letter123 »

ออฟไลน์ Meen2495

  • is allergic to drama.
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-4
ชอบค่ะ
น่ารักดี ... พี่ชะพลูมาพอขำ ๆ พอเนอะ
ถ้ามาดึงดราม่าน้องกับพี่กวิน... จะจับทำเมี่ยงคำซะเลย
คอยดู๊

ออฟไลน์ Letter123

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-2
17

กล้าได้แต่จนใจเมื่อพี่พลูทำตัวติดกับเขามาก มากซะจนพี่กวินถึงขั้นมาบ่นมากับเขา ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับพี่กวินหลังจากที่พี่กวินบอกไปว่าจีบผมมันก็ไม่ได้ทำให้อะไรเปลี่ยนไปยังคงทำตัวเดิม มารับกลับบ้านบางวันก็พาไปกินข้าวหรือไม่ก็มาทำมื้อเย็นทานด้วยกันซึ่งมันก็ทำให้กล้าเคยชิน เคยชินที่มีกวินอยู่รอบๆ ตัวในทุกๆ วัน เคยชินที่เขานั่งอ่านหนังสือโดยมีคนตัวโตนั่งทำงานอยู่ข้าง

“วันนี้ไปทานข้าวที่บ้านพี่นะครับ” เพราะเมื่อคืนกวินมานอนค้างที่บ้านกล้า เพราะมาค้างบ่อยกล้าเลยยกห้องอีกห้องที่กล้าเข้าไปนอนประจำให้กวินเข้าไปอยู่ที่ไม่ให้เข้าไปตอนแรกนั้นเพราะไม่ได้เก็บห้องและห้องนั้นก็เป็นห้องของพี่พลูตอนที่ยังอยู่ด้วยกัน

“ทำไมเหรอครับ” กล้าเงยหน้าขึ้นถามเพราะทุกวันนี้พี่กวินแทบจะอยู่ที่บ้านเขาแทบทุกวันแล้ว

“ก็ไปกินข้าวกับไอ้เชษฐ์ด้วย” พอกับพี่กวิน พี่เชษฐ์ก็มาหาเขาแทบทุกวันและทุกครั้งก็จะเถียงกันกับพี่พลูตลอดจนเขาเหนื่อยที่จะคอยห้าม กล้านึกว่าเย็นนี้ไม่ได้มีนัดกับพี่พลูเลยพยักหน้าตกลงแล้วเดินตามไปขึ้นรถเพื่อจะไปทำงาน พี่กวินส่งเขาลงที่ทำงานก่อนไปทำงานพี่กวินก็บอกว่าเดี๋ยวตอนเย็นให้คนมารับกล้ารับคำ

“อย่าลืมทานข้าวเที่ยงนะครับ” และเป็นทุกครั้งที่กล้าต้องย้ำอีกคน เพราะมีครั้งหนึ่งที่พี่กวินไม่ได้ทานข้าวทั้งวันตกเย็นมาปวดท้องทำให้เขารู้ว่าพี่กวินมัวแต่ทำงานเลยลืมทานข้าวซะอย่างนั้น

“ครับพี่จะปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดครับ” กล้าได้แต่ส่งค้อนวงโตให้กับคนที่ทำท่าจริงจังแต่แววตานั้นเป็นประกาย กล้ายืนโบกมือลาแล้วเดินเข้าห้องสมุดเพื่อทำงาน

“ว้า ทำไมรู้ร้อนจังน้า...” ชะเอมพูดขึ้นทันทีที่กล้าเดินเข้ามาพร้อมกับยกมือมาพัดเบาๆ ที่หน้า

“ร้อนอะไรกันเอมเย็นจะตาย” กล้าได้แต่ทำหน้างงแอร์ในห้องสมุดเย็นจนเขาต้องใส่เสื้อคลุมตลอด มารงมาร้อนอะไรกัน

“ร้อนสิ..แว่นน้อยดูตาเรานะ เอาอิจฉาจนตาร้อนไปหมดแล้วเนี้ย” พอเข้าใจความหมายแก้มขาวก็แดงก่ำแม้จะโดนชะเอมแซวทุกวันแต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะเขิน

“ไม่คุยด้วยแล้ว” เขาเดินหนีโดยมีเสียงหัวเราะใสตาหลังมา กล้าทำงานไปเรื่อยๆ จัดชั้นหนังสือ เช็คหนังสือ แนะนำหนังสือให้คนที่มายืม ทั้งๆ ที่เป็นงานที่ต้องทำเป็นประจำซ้ำๆ เหมือนเดิมแต่เขากลับไม่รู้สึกเบื่อเลยซักนิดผ่านไปอีกวัน กล้ายืนรอคนที่พี่กวินส่งให้มารับไม่นานรถสีดำคันหรูก็มาจอดเทียบคนขับนั้นคุ้นหน้าคุ้นตากันอยู่แล้วกล้ารีบขึ้นรถก่อนที่จะมีคนมาเปิดให้แม้จ้ะห้ามเท่าไหร่ก็ไม่ฟังเขาซักที

พอมาถึงบ้านหลังใหญ่แต่เจอกับความเงียบแถมยังไม่เปิดไฟอีก พอจะหันไปถามคนที่พาเขามาก็หายไปเสียแล้ว กล้าได้แต่ยืนหมุนซ้ายหมุนขวาเพราะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จะกลับก็ไม่ได้ ระหว่างที่กำลังยืนหมุนจู่ก็มีผ้ามาปิดตา กล้าเกือบที่จะร้องไปแล้วถ้าไม่ได้ยินเสียงที่คุ้นหู

“คิก อย่าพึ่งร้องเดินตามเรามานะ”

“ชะเอม??”

“ใช่เราเอง ตามเรามานะ” แม้จะมีคำถามอยู่มากมายในหัวแต่กล้าก็เดินตามชะเอมอย่างว่าง่าย คอยเดินตามที่ชะเอมบอก

“ยืนรอตรงนี้นะแว่นน้อย” กล้าได้แต่งงเมื่อคนที่จูงมือตลอดปล่อยให้เขายืนนิ่งอย่างไม่รู้อะไร ไม่นานก็มีมือมาปลดผ้าปิดตาออก กล้ากระพริบตาเพราะแสงที่เข้ามากะทันหัน สวนหลังบ้านถูกเนรมิตประดับไฟตามต้นไม้อย่างสวยงามศาลาไม้สีขาวถูกประดับผ้าขาวมีโต๊ะเครื่องดื่มแต่สิ่งที่ทำให้กล้าประหลาดใจที่สุดคือบรรดาคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า พี่พลู พี่เชษฐ์ ชะเอม ก่อนที่จะได้พูดอะไรมือขาวถูกกุมไว้จากคนที่ขยับมายืนเคียงข้าง

“นี่มันอะไรกันครับ” กล้าเงยหน้าไปถามกวินที่ไม่ยอมตอบมีเพียงปากหยักยกยิ้มบางจูงมือเขาไปยังตรงกลาง ใจดวงน้อยเต้นรัวเพราะความตื่นเต้นอยากจะเดินหนีจากตรงนี้แต่ก็เหมือนเท้าถูกตรึงไว้แน่น

“พี่อยากทำทุกอย่างให้เป็นทางการ” กล้าเงยหน้ามองคนที่กุมมือทำหน้าจริงจังแต่ไม่ได้พูดตอบอะไรออกไป “เราอาจจะรู้จักกันในแบบไม่ตั้งใจและพี่ก็รู้ว่าเป็นพี่ที่ทำตัวมึนเข้าหา” คำพูดที่เขาอดไม่ได้ที่จะพยักหน้าเห็นด้วยไม่ได้

“แต่พี่ก็มั่นใจว่าพี่เลือกไม่ผิด กล้าเป็นคนน่ารักและเป็นคนที่พี่รัก” ดวงตากลมเบิกกว้างเมื่อได้ยินคำบอกรักเรียวปากเผยอขึ้นเล็กน้อย กวินมองท่าทางตกใจได้น่ารักของคนตัวเล็ก กวินยกมือเรียวข้างซ้ายขึ้นมากุมไว้

“พี่รักกล้านะครับ และพี่อยากให้กล้ามาอยู่ด้วยกัน กล้าอยากอยู่กับพี่ตลอดไปไหมครับ” ไม่มีคำขอคบแต่คำว่าอยู่ด้วยกันตลอดไปมันมีความหมายมากกว่านั้นมากพอที่จะทำให้ใจของกล้าพร้อมยกให้ไปทั้งดวง

“อึก...ผมไม่รู้ว่าจะทำให้มันเป็นจริงไหม..แต่ผมอยากอยู่กับพี่.....ตลอดไปเหมือนกันครับ” กล้าบอกด้วยเสียงสะอื้นแก้มขาวเต็มไปด้วยหยาดน้ำใสเรียวปากบางยกยิ้มกว้างที่สุดเท่าที่กวินเคยเห็น รอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความสุขแม้จะไม่มีคำรักตอบแต่เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว เพราะคำว่าที่ว่าจะอยู่ด้วยกันตลอดไปนั้นมันมีความหมายมากกว่า กวินหยิบกล่องเล็กที่อยู่ในกระเป๋าเปิดออกหยิบแหวนทองคำขาวเรียบด้านในสลักชื่อเขาไว้

“เป็นของพี่แล้วนะ” กวินว่าพร้อมกับค่อยๆ สวมแหวนที่นิ้วนางก่อนที่จะยกมือขึ้นแนบริมฝีปากลงไป กล้าได้แต่หลุบตาลงต่ำไม่กล้าสบสายตาคมที่แวววับซะจนเขารู้สึกร้อนไปทั่วร่าง

“ใส่ให้พี่บ้างสิครับ” กวินส่งแหวนอีกวงที่เหมือนกันเพียงแต่วงใหญ่กว่าและข้างในสลักชื่อของกล้าไว้ กล้ารับไว้ในมือแล้วก้มหน้าก้มตาสวมแหวนให้คนตัวโต เมื่อแหวนถูกสวมกวินใช้มืออีกข้างที่ว่างเชยคางเล็กให้เงยขึ้นดวงตากลมสบตาอย่างงงๆ ก่อนที่จะเบิกกว้างเมื่อใบหน้าคมขยับเข้ามาใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนเรียวปากบางถูกกดแนบชิดริมฝีปากหยักขบเม้มดูดดึงเบาๆ

“อะแฮ่ม เกินไปล่ะๆ” แต่ก่อนที่กวินจะได้สัมผัสลึกซึ้งเสียงกระแอมไอขัดจังหวะจนกล้าที่เผลอไผลดันไหล่หนา กวินยอมที่จะผละออกยกปลายนิ้วลูบเช็ดน้ำใสที่มุมปาก การกระทำที่ทำให้กล้าหน้าร้อนฉ่าซุกหน้าลงกับอกกว้าง

“คุณนี่อยู่เฉยๆ ไม่ได้ใช่ไหม” เชษฐ์หันไปเหน็บคนขัดจังหวะหวาน

“เรื่องของฉัน” พลูเหลือบมองด้วยหางตา

“คิกๆ เลิกทะเลาะกันเถอะค่ะ ดูสิแว่นน้อยเขินซะแก้มแดงหมดแล้ว” ชะเอมเดินเข้ามาหากล้า วันนี้เป็นแผนของพี่กวินทั้งหมดเป็นการวางแผนตั้งแต่สองสามวันที่แล้ว ทั้งน่ารักและน่าอิจฉาจนเธออยากสละโสดบ้างแล้ว

“ห้ามแซวนะเอม” เสียงพูดเบาๆ จากคนที่ยังหลบหน้าอยู่ในอกกว้าง

“หึๆ ๆ” เสียงหัวเราะทุ้มกวินโอบไหล่เล็กเดินเข้าไปในศาลาที่ตกแต่งไว้ กวินให้กล้านั่งลงข้างๆ ทุกคนเดินตามมานั่งลงเพื่อทานอาหารเย็น แผนการเซอร์ไพรส์วันนี้ต้องขอบคุณเชษฐ์กับชะเอมส่วนไอ้คุณพลูนั่นปล่อยมันไปเถอะ ว่างเป็นไม่ได้ต้องมากวนตลอด

“ทานข้าวกันเถอะ” กวินชวนทุกคนที่นั่งนิ่งโดยเฉพาะคนข้างๆ ที่นั่งก้มหน้างุดเห็นเพียงแก้มขาวที่แดงก่ำซะจนกวินกลัวว่าเส้นเลือดนั้นจะแตกเอา

“ก้มหน้าจนคางจะชิดกันอยู่แล้ว” กวินเอ่ยแซวน้องที่ก้มหน้าก้มตาทานข้าวไม่สบตาใคร โดยเฉพาะเขา

“งือ..ไม่ต้องมากวนผมเลย” กล้าตวัดสายตาค้อนคนต้นคิดที่ทำให้เขาเขินขนาดนี้แล้วยังมีหน้ามาแซวเขาอีกแค่นี้เขาก็ทำตัวไม่ถูกแล้ว

“บอสสงสารน้องเถอะครับแค่นี้ก็แก้มแดงแล้ว” เชษฐ์ที่เห็นว่าน้องอายก็กระโดดเข้าร่วม

“เพิ่งเคยเห็นกล้าอายม้วนขนาดนี้นะคะเนี้ย” ชะเอมกระโดดเข้าร่วมอีกคน

“ถ้าเขินมานั่งข้างพี่ก็ได้นะกล้า” พลูที่เห็นทุกคนรุมแกล้งก็อดสงสารไม่ได้ บวกกลับที่อยากจะเอาคืนไอ้คนที่จะยึดน้องเขาไปตลอดชีวิตถึงมันจะทำให้เขามั่นใจว่าจะดูแลน้องเขาได้แต่ก็อดมั่นไส้ไม่ได้

“หยุดเลย” กวินตวัดสายตาตาใส่ไอ้คนหวงน้องที่ชอบหาเรื่องกันได้ตลอด ตลอดมื้อแสนพิเศษแม้กล้าจะเขินอายไม่ยอมสบตาเขาแต่ก็ไม่ได้ดึงมือที่เขากุมไว้ จนกระทั่งงานเลิก

“กล้า ใครใช้ให้แอบกินคอกเทลครับ” กวินที่เข้าไปคุยงานแปบเดียวออกมาคนตัวเล็กก็นั่งคอเอียงตากลมปรือฉ่ำวาวผิวขาวนั่นแดงระเรื่อไปทั้งตัว กวินรีบเดินเข้าไปหาส่วนแขกทั้งสามก็รีบหนีทันทีใครจะอยู่รอเล่าขืนอยู่มีหวังคอได้ขึ้นเขียงแน่ๆ เพราะมัวแต่ห่วงน้องพอหันกลับมาก็ไม่มีใครแล้ว ให้ตายเถอะ

“กล้าครับ น้องกล้า”

“งือพี่กวินกล้ามึนหัวจัง” ยุบหนอ อย่าพองหนอ กวินได้แต่ท่องนะโมสะกดอารมณ์ เพราะคนเมาขยับเข้ามากอดเอวใบหน้าขาวซุกอยู่ตรงอกถูไถหาที่สบายเหมือนแมวตัวน้อย ท่าทางน่ารักเสียจนกวินแทบจะอดกลั้นไม่ไหว แกอย่ามาเป็นดีแตกตอนนี้นะไอ้กวินได้แต่พยายามสะกดกลั้นอุ้มน้องขึ้นเพื่อที่พาไปพักซึ่งคนตัวเล็กก็ไม่ได้ให้ความร่วมมือเลยสักนิด

“อือ...ร้อนกล้าร้อน...พี่กวิน” กวินอยากจะบ้าตายเมื่อคนที่อยู่ในอ้อมแขนจากที่มือคล้องคออยู่ดีๆ กลับเลื่อนไปปลดกระดุมเสื้อตัวเองแถมยังเบียดตัวเองเข้ามาชิดไหนจะคำแทนตัวที่แสนจะออดอ้อนนั่นอีกกวินอยากจะโยนความเป็นดีทิ้งได้แต่ขบกรามแน่นเดินขึ้นห้อง อยากจะคิดบัญชีกับทั้งพลูและไอ้เชษฐ์ไว้จะเอาคืนโทษฐานที่ทำให้เขาทรมานแบบนี้ กวินได้แต่คิดเรื่องงานที่ต้องไปทำพรุ่งนี้ในหัวยามที่เอาผ้าชุบน้ำเช็ดตามเนื้อตัวขาวที่แดงระเรื่อเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์

“อือ...เย็น...ไม่เอา...” ตากลมปรือตาขึ้น แววตาฉ่ำวาวนั่นเกือบทำให้กวินอดทนไม่ไหวรีบเช็ดตัวอย่างรวดเร็วเอาเสื้อผ้าของเขามาใส่ให้ดึงผ้าห่มปิดจนถึงคอ กวินถึงกับถอนหายใจยาวอย่างโล่งอกนึกขอบคุณความอดทนของตัวเองที่มีมากมายซะจนทึ่งกับตัวเอง ลุกหยิบผ้าขนหนูเข้าห้องน้ำที่ทำธุระส่วนตัวนานกว่าปกติ ร่างสูงในชุดคลุมอาบน้ำเดินเช็ดหัวออกมาจากห้องน้ำ ปากหยักยกยิ้มกว้างเมื่อเห็นก้อนกลมบนเตียงกวินใส่เพียงกางเกงขายาวพยายามสอดตัวเข้าไปในผ้าห่มที่น้องม้วนไปกอดแน่นเมื่อสอดตัวเข้าไปนอนข้างๆ คนที่เมาหลับก็พลิกตัวขยับเข้ามาซุกแถมยังขยับหาที่สบายก่อนที่จะพรูลมหายใจยาวแล้วหลับสนิทมีเพียงเขาที่ต้องท่องนะโมอีกรอบ ก้มมองคนที่หลับสนิทพร้อมรอยยิ้มทำให้เขาอดไม่ได้ที่ยิ้มตาม กดจมูกลงบนกลุ่มผมหนาแล้วหลับด้วยความสุขใจที่มีคนตัวเล็กในอ้อมแขน

.

.

หนัก สิ่งแรกที่กล้ารู้สึกตั้งแต่ตื่นมาแม้ยังไม่ลืมตาร่างกายเขาเหมือนโดนทับแพรขนตาหนาค่อยๆ ขยับก่อนที่จะลืมตาตื่นอย่างงงๆ ก่อนที่จะเบิกตากว้างเมื่อใบหน้าเขาอยู่ใกล้แผ่นอกกว้างเปลือยเปล่าแถมยังความร้อนจากผิวกายที่รู้สึกได้และเหมือนมันจะแผ่มายังใบหน้าเขาด้วย

“อือ..ตื่นแล้วเหรอครับ” เสียงทุ้มแหบพร่าทักเขาที่พยายามดิ้นที่หลุดจากอ้อมแขนทำให้คนที่นอนกอดตื่น

“คะ..ครับ ปล่อยก่อนครับ” กล้าพยายามที่จะยกมือดันแผ่นอกกว้าแต่เหมือนวางมือทาบเหล็กร้อน

“พี่ขอนอนอีกแปบนะครับ” กวินกระชับอ้อมแขนแรงๆ หนึ่งทีก่อนที่จะปล่อยน้องออกจากอ้อมแขน กล้าลุกขึ้นถอนหายใจโล่งอกลุกขึ้นจากที่นอนเดินสำรวจในห้อง ห้องนอนที่ใหญ่โตแทบจะเท่าห้องนอนเขาสองห้องรวมกันเสียอีก แม้จะมีเพียงสีดำและเทาแต่ก็ดูอบอุ่น ร่างเล็กเดินสำรวจไปเรื่อยจนไปสะดุดตาที่ชั้นวางกรอบรูป รูปของพี่กวินตั้งแต่ตอนยังเด็ก เด็กชายกวินที่มีรูปร่างหน้าตาดีตั้งแต่เด็กไหนจะส่วนสูงนั่นที่ชวนน่าอิจฉาอีก ไล่ลงมาเป็นรูปตอนมหาลัยที่ถ่ายคู่กับพี่เชษฐ์ รอยยิ้มกว้างนั่นทำให้กล้าอดไม่ได้ที่จะยิ้มตามไม่ได้

หมับ

“ดูอะไรครับ” เพราะมัวแต่สนใจกับรูปเลยไม่รู้ว่าคนที่หลับตื่นมาอยู่ด้านหลังตั้งแต่ตอนไหน

“ดูรูปพี่กวินอยู่ครับ” แม้จะตกใจแต่เขาก็ยอมพิงคนที่ยืนกอดอยู่ด้านหลัง

“พี่หล่อตั้งแต่เด็กล่ะสิ” กล้าได้แต่เงยหน้าขึ้นไปมองแล้วส่ายหน้าให้กับความหลงตัวเอง

“อะไรส่ายหน้าแบบนั้น..พี่ไม่หล่อจริงๆ เหรอครับ” กวินวางคางบนหัวทุยพร้อมกับพูดเสียงอ่อน เสียงหัวเราะกังวารทำให้กวินยิ้ม

ฟอด

“น่ารักจริง เดี๋ยวพี่ไปอาบน้ำที่ห้องเล็กกล้าใช้เสื้อผ้าในตู้พี่ได้เลยนะ” กล้าได้แต่ยกมือปิดแก้มที่ถูกหอมรู้สึกอยากจะทำร้ายคนที่ส่งสายตาเจ้าเล่ห์ เมื่อได้รับอนุญาตให้ใช้ของได้ตามสบายกล้าเดินหยิบผ้าขนหนูกับเสื้อผ้าที่เขาพอจะใส่ได้ แต่งตัวเสร็จเดินออกมาก็พอดีกับพี่กวินเดินเข้ามา

“เหมือนแอบเอาเสื้อพ่อมาใส่เลยนะครับ” สายตาคมกวาดมองกล้าเลยก้มมองตัวเองเสื้อยืดที่ดูเหมือนตัวเล็กสุดในตู้ก็ยังยาวเลยสะโพกไหนจะกางเกงที่ยาวจนต้องพับขาขึ้นตั้งสองสามรอบ

“พี่กวินตัวโตไปต่างหาก” โบ้ยความผิดให้คนตัวโต

“ป่ะไปกินข้าวกันเดี๋ยวพี่พาไปเก็บเสื้อผ้า” กล้ายอมโดนจูงมือก่อนที่จะนึกขึ้นได้ว่าพี่กวินพูดอะไร

“เดี๋ยวนะครับเก็บเสื้อผ้าอะไร” กล้าขืนตัวไว้เพื่อถามให้รู้เรื่อง

“ก็เก็บมาที่นี่ไงครับ เดี๋ยวตอนบ่ายพี่จะพาไปที่หนึ่ง” กล้าไอ้แต่อ้าปากเหวอแม้จะดูเอาแต่ใจแต่เมื่อคืนพี่กวินก็ได้ทำให้เขาวางใจให้แล้วเลยไม่ได้ค้านอะไรเพียงแต่บ้านหลังนั้น

“แล้วบ้านผมล่ะครับ” เขาถามเสียงเบาเพราะเป็นห่วงบ้านหลังน้อย ร่างสูงหันกลับมายกมือทั้งสองข้างของเขามากุมไว้แน่น

“พี่ไม่ได้จะให้ทิ้งบ้านนั้นหรอกนะ แต่พี่จะให้คนเข้าไปปรับปรุงและพี่ก็อยากให้กล้ามานอนบ้านนี้บ้างถ้ากล้าคิดถึงบ้านนั้นเราก็ไปนอนที่นั่นด้วยกัน” กล้าได้แต่ยิ้มกว้าเพราะคนตรงหน้าใส่ใจเขาเหลือเกิน ใส่ใจจนเขารู้สึกอยากตอบแทน ร่างเล็กขยับเข้าไปชิดก่อนที่จะหยัดตัวขึ้นกดจูบเบาๆ ที่ริมฝีปากหยักแล้วผละออกมายิ้มกว้าง กล้าเอียงคอน้อยๆ มองกวินที่จู่ก็ยกมือขึ้นปิดหน้าแถมยังถอนหายใจยาว

กวินมองท่าทางน่ารักที่เหมือนน้องจะทำโดยไม่รู้ตัวจนเขาอยากจะบ้าตายแค่ก่อนหน้านี้เขายังอยากจะจับน้องกอดน้องฟัดอยู่แล้วพอตกลงคบกันน้องยิ่งน่าฟัดกว่าเดิม

“พี่อยากจะฟัดเราจะตายอยู่แล้วลงไปกินข้าวกันดีกว่า” กวินรีบเปลี่ยนเรื่องไม่อย่างนั้นเขาได้จับน้องฟัดแน่ๆ เพราะว่ากลัวน้องจะกลัวตัวเองซะก่อน จับจูงมือกันลงไปทานข้าวเช้าแล้วพากันออกไปบ้านกล้าเพื่อที่จะให้น้องเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วขับรถออกนอกตัวเมือง

“พี่กวินกินขนมหรือเปล่าครับ” กล้าถามคนที่ขับรถมานานเพราะข้าวเช้ามีเพียงข้าวต้มเขากลัวคนตัวโตจะไม่อยู่ท้อง

“กินถ้ากล้าป้อนพี่” กล้าได้แต่ส่ายหัวกับความอ้อนที่เขาคิดว่าจะได้เห็นนึกถึงตอนแรกๆ ที่ได้เจอมาดดุๆ นั่นหายไปไหนหมดแล้วก็ไม่รู้ แกะขนมปังป้อนแถมด้วยน้ำผลไม้อีกกล่อง

“แล้วนี่จะไปไหนครับอีกไกลรึเปล่าครับ” หันมองข้างทางที่มีแต่ต้นไม้

“อีกไม่นานครับ” และพี่กวินก็ไม่ได้บอกอะไรอีกกล้าเลยรอถึงเมื่อไหร่ก็คงจะรู้เอง รถสปอร์ตคันหรูขับเข้ามาจอดในวัดที่ดูเงียบสงบ กล้าเดินตามกวินจนมาถึงที่เก็บอัฐิ กวินจูงมือเขามานั่งลงข้างๆ

“นี่พ่อกับแม่พี่เองท่านเสียตั้งแต่พี่ยังเด็ก ได้ลุงซึ่งก็คือพ่อไอ้เชษฐ์คอยดูแลพอพวกพี่เรียบจบมาทำงานลุงก็เสียครอบครัวของพี่เหลือเพียงไอ้เชษฐ์คนเดียวถึงมันจะกวนไปหน่อยก็เถอะ” พี่กวินเว้นวรรคไปครู่หนึ่ง ใบหน้าคมไม่ได้มีแววเศร้าหมองมีแต่เพียงร่องรอยอาลัยคิดถึงเท่านั้น เขาบีบมือที่จับไว้พร้อมกับส่งรอยยิ้มบาง

“พี่มีกล้าเป็นครอบครัวเป็นคู่ชีวิตพี่เลยอยากพากล้ามาให้พวกท่านรู้จัก” กล้ารู้สึกเต็มตื้นไปทั้งใจยกมือขึ้นพนมอธิฐานในใจ

“ผมจะดูแลพี่กวินให้ดีที่สุดครับ” ข้อความก่อนหน้านี้ผมไม่ได้พูดออกมาเพราะรู้สึกอายกับการที่จะมาพูดต่อหน้าเจ้าตัว

“พี่ก็จะดูแลเราให้ดีที่สุดเหมือนกัน กลับกันเถอะจะได้ไม่ถึงบ้านค่ำ” เขาพยักหน้าเห็นด้วยลุกขึ้นจูงมือเดินกลับไปที่รถด้วยกัน สายลมอุ่นพัดผ่านมาวูบหนึ่งทำให้กล้าหยุดเดิน

“มีอะไรรึเปล่าครับ” กวินหันมาถามอย่างสงสัย

“ไม่มีอะไรครับ” เขาส่ายหน้าพร้อมกับยิ้มบอกว่าไม่เป็นไร

คุณพ่อคุณแม่และก็คุณลุงครับ ขอบคุณที่ทำให้ผมได้เจอกับผู้ชายที่อบอุ่นที่สุดคนนี้ ขอโทษที่ผมกับพี่กวินรักกัน ผมสัญญาจะไม่ทำให้พี่กวินเสียใจและจะไม่ทอดทิ้งกันไป ผมจะรักพี่กวินตลอดไปได้โปรดช่วยอวยพรและดูแลพวกเราด้วยนะครับ

.

.

พอกลับมาถึงบ้านหลังใหญ่กล้าก็คิดว่าพี่กวินทำอะไรรวดเร็วเกินไปแล้วกล่องเสื้อผ้าและกล่องหนังสือที่ดูเหมือนมันจะมากกว่ากล่องเสื้อผ้าเขาอีก

“นี่..มันอะไรกันครับ”

“พี่ให้คนไปขนมาให้ครับ ป้านิ่มครับให้คนมาขนหนังสือไปที่ห้องหนังสือส่วนเสื้อผ้าเอาไปไว้ที่ห้องผม”

“เดี๋ยวสิพี่จะให้ผมอยู่ห้องเดียวกัน??” กล้าถามเสียงหลง ถึงแม้เมื่อคืนจะได้นอนเตียงเดียวกันแต่เขาก็เมามากถ้าจะให้นอนทุกคืนแค่คิดเขาก็รู้สึกร้อนที่หน้าแล้ว

“ใช่สิครับ” กวินลูบเบาๆ ที่แหวนที่นิ้วนางของกล้า

“ตะ...แต่ว่า..แต่ว่า..” เหมือนว่ากล้าจะหาคำพูดต่อไปไม่ได้ ท่าทางขัดเขินเหมือนกระต่ายตื่นตกใจเรียกรอยยิ้มกว้างจากคนตัวโตกวินไม่อยากกดดันน้องมากกว่านี้เลยบอกคนตัวเล็กว่าจะไปที่ห้องทำงานให้กล้าทำตัวตามสบาย กล้าเดินขึ้นไปที่ห้องหนังสือเพื่อไปจัดหนังสือที่พี่กวินอุตส่าห์ไปให้คนขนมา ห้องหนังสือขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่ว่างขนาดที่ต่อให้ขนหนังสือจากที่บ้านเขายังไม่เต็มแถมยังอากาศถ่ายเทเหมาะกับหนังสือมาก กล้ามัวแต่สนุกกับการจัดหนังสือจนไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่จนได้ยินเสียงเคาะประตูเบาๆ

“เพลินเลยนะครับ” กล้ารีบเงยหน้าจากกองหนังสือมองคนตัวโตที่ยืนพิงกรอบประตู

“ขอโทษครับ” เขาบอกเสียงอ่อยถ้าได้อยู่กับหนังสือเขาก็ลืมไปทุกที มองคนตัวโตด้วยความรู้สึกผิด

“ไม่เป็นไร ได้เวลาทานข้าวเย็นแล้วพี่เลยมาเรียก” พอพูดขึ้นเขาก็รู้สึกหิวขึ้นมาทันที แต่เพราะนั่งทับขาตัวเองนานไปหน่อยเลยลุกไม่ขึ้นเรียวปากบางยิ้มน้อยๆ หันมาหาคนตัวโตก่อนที่จะชูแขนขึ้นทั้งสองข้าง

“ดึงหน่อย”

“ให้อุ้มเลยไหมครับ”

“บ้า..ดึงหน่อยครับพี่กวิน” ทอดเสียงยาวอ้อนคนที่ทำหน้าขรึม

“ให้ตายเถอะน่ารักไปแล้วนะเรานะ” ถึงจะบ่นแต่พี่กวินก็เดินขึ้นมาดึงเขาให้ยืนดีๆ แต่เพราะนั่งทับนานไปหน่อยจนขามันชาร่างเล็กจึงเซถลาเข้าไปซบอกกว้าง

“อยากกอดพี่บอกตรงก็ได้นะ”

บึก

“ขาผมชาต่างหากเล่า” กล้าทุบอกไปทีแต่เพราะขายังชาเลยได้แต่พิงอกไว้ จนขาหายชากล้าก็ทำท่าจะผละออกแต่ก็ติดวงแขนแกร่งที่ประคองเขาลงไปข้างล่าง มื้อเย็นถูกปากร่างเล็กทำให้เขากินได้เยอะกว่าปกติพูดคุยกับคนตัวโตได้อย่างไม่ขัดเขิน และช่วงเวลาลำบากใจก็มาถึงร่างเล็กยืนหมุนไปมาอยู่ในห้องน้ำทั้งที่อาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วแต่เขายังไม่กล้าที่จะออกไป ไม่ใช่กลัวว่าพี่กวินจะทำอะไรแต่เป็นเพราะรู้สึกเคอะเขินคนตัวโตเสียมากกว่า มือเรียวยกมากุมแน่นตรงอกหายใจเข้าออกลึกๆ เพื่อทำใจ

แกร๊ก

ร่างเล็กในชุดนอนของตัวเองค่อยๆ เดินออกมาจากห้องน้ำเสทำโน่นทำนี่จนคนตัวโตเดินเข้าห้องน้ำกล้ารีบวิ่งขึ้นเตียงสอดตัวเข้าใต้ผ้าห่มคลุมจนมิดคอแสร้งหลับหนีคนที่กำลังอาบน้ำอยู่ รอด้วยใจตุ้มๆ ต่อมๆ ไม่นานก็รู้สึกถึงเตียงฝั่งข้างๆ หยวบลงพร้อมกับไออุ่นและกลิ่นสบู่กลิ่นเดียวกันกับเขานั่นยิ่งทำให้ใจเขาเต้นรัว

งือ เขินจะตายแล้ว

หมับ

“ยังไม่หลับใช่ไหมครับ”

“.....”

“หึ ไม่ต้องเกร็งขนาดนั้นก็ได้ ฝันดีนะคนดี” รับรู้ถึงแรงกดเบาๆ ที่ขมับพร้อมกับแรงรัดที่เอวลมหายใจอุ่นที่รดต้นคอทำให้รู้สึกแปลกๆ แต่มันก็รู้สึกอบอุ่นจนเขาเผลอหลับไปทั้งๆ ที่โดนกอดตอนไหนก็ไม่รู้ เมื่อร่างเล็กหายใจสม่ำเสมอกวินก็ลืมตาขึ้นร่างเล็กที่หลับสนิทรู้ดีว่าคนตัวเล็กยังไม่ชินแต่ไม่เป็นไรเขาจะทำให้น้องชินเอง คนที่หลับสนิทพลิกตัวมาซุกแน่นแถมยังยกแขนมากอดเขาอีกน่ารักจริงๆ เลยนะอดไม่ได้ที่จะหอมหน้าผากเนียนก่อนที่จะหลับตาลงพร้อมคนในอ้อมแขน

***********************************************

ช่วงนี้ติดของหวาน นิยายก็จะหวานๆหน่อย 

ช่วงนี้จะได้มาๆหายๆหน่อยเพราะงานประจำ 

และกำลังวางพล็อตเรื่องต่อไปอยู่ ยังไงก็ฝากติดตามด้วยนะคะ

อ่านแล้วเป็นไงบอกเราบ้างน้า อ่านแล้วชอบอย่าลืมกดถูกใจติดตามไว้นะคะ 

ขอบคุณค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
ขอบคุณค่า

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 666
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
 :pig4: กล้าาาาาาน่ารักจัง

ออฟไลน์ tawanna

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
อ่านแล้วเขินแทน :hao5:

ออฟไลน์ Letter123

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-2
18.

การเปลี่ยนแปลงเมื่อครั้งแรกๆ อาจจะยังไม่ชินแต่พอนานวันเข้ากล้ากลับชิน ชินที่ได้นอนหลับในอ้อมแขนแกร่ง ชินที่ได้เจอหน้าทานข้าวด้วยกัน ชินที่โดนหยอกเย้า ชอนโดยที่ไม่รู้ตัวเองเลยว่าถ้าหากไม่มีคนตัวโตอยู่ด้วยเขาจะอยู่ยังไง ตอนนี้พี่พลูหนีกลับไปแล้ววันที่เขาไปส่งก็งอแงอยากให้เขาไปด้วยจนกวินมองตาขวางจะกลับยังต้องแหย่

“อือ” เสียงทุ้มต่ำครางในลำคอพร้อมกับอ้อมแขนที่กระชับร่างบางเข้าไปชิด

“ตื่นแล้วเหรอครับ” กล้ายกมือขึ้นแตะแก้มคนที่ตื่นแล้วแต่ยังไม่ยอมลืมตาและปล่อยเขาออกจากอ้อมกอด

“ยังครับ” กล้าอยากจะหยิกแก้มคนที่ยิ้มกว้างตอบคำถามด้วยความยียวน

“งั้นก็ปล่อยครับผมจะลุกแล้ว” แรกๆ ในการตื่นในอ้อมแขนทุกๆ เช้าทำให้กล้าเขินอายแต่ตอนนี้ความเขินอายเริ่มจากหายมีเพียงความอบอุ่นใจ

“ไม่เอาพี่อยากนอนกอดเราทั้งวันเลย” ร่างสูงกระชับวงแขนไม่อยากลุกไม่อยากไปทำงานเลยให้ตายสิ กล้าเงยหน้ามองมือที่วางทาบแก้มบีบแก้มคนอ้อนอย่างที่ชอบบีบเขาประจำ

“โอ๊ยๆ พี่เจ็บครับ”

“ก็ผมบีบให้เจ็บไม่ต้องมาเนียนเลยครับวันนี้ต้องไปทำงานลุกได้แล้วครับ” แม้แรกๆ เสียงจะแข็งๆ หน่อยเพราะความหมั่นไส้แต่ประโยคหลังกล้าพูดเสียงอ่อนเพราะรู้ดีว่าคนตัวโตนั้นชอบให้อ้อน

“จูบพี่ก่อนสิ” เจ้าเล่ห์ ชอบจริงกับการที่ทำให้เขาเขินจนทำอะไรไม่ถูก เมื่อคนเจ้าเล่ห์ไม่ยอมปล่อยกล้าเลยขยับขึ้นไปแนบริมฝีปากลงเบาๆ ก่อนที่จะผละออก

“หวานจัง” แขนแกร่งยอมปล่อยให้เขาลุกจากเตียง ร่างบางเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าหยิบเสื้อของตัวเองและเตรียมเสื้อผ้าสำหรับทำงานให้คนที่ยังนอนบนเตียงแล้วเดินเข้าห้องน้ำ เมื่อทำธุระส่วนตัวเสร็จกล้าก็บีบยาสีฟันใส่แปรงผ้าขนหนูพาดไว้ตรงราวเป็นสิงที่ร่างเล็กทำให้ทุกวัน พอเดินออกจากห้องน้ำคนตัวสูงก็เดินเข้าห้องน้ำ กล้าเดินลงมาข้างล่างช่วยป้านิ่มเตรียมตั้งโต๊ะทานข้าว

“อรุณสวัสดิ์น้องกล้า” พี่เชษฐ์ที่อยู่ในเสื้อเชิ้ตมีสูทสีดำพาดที่แขนพร้อมทำงานเดินเข้ามาที่ห้องทานข้าว

“อรุณสวัสดิ์ครับ” กล้ายิ้มให้พี่ชายที่ตรงเข้ามาช่วย ไม่นานกวินก็เดินลงมาสูทสีเทาพาดอยู่ที่แขนและไทในมือเดินเข้ามาชิด

ฟอด

“หอมจังครับ” ไม่รู้ว่าหอมข้าวต้มที่ร่างเล็กกำลังตักหรือแก้มขาวๆ ที่จมูกโด่งแนบชิด

“บ้า พี่เชษฐ์ก็อยู่” กล้าอยากจะฟาดคนที่ทำอะไรไม่อาย

“ไม่ต้องสนใจพี่ก็ได้นะ” เชษฐ์พูดยิ้มๆ ท่าทางมีความสุขของทั้งสองคนทำให้เชษฐ์ยิ้มตาม

“ไม่คุยด้วยแล้วครับ” กล้าได้แต่คิดในใจว่าทำไมเขาต้องโดนแซวแต่เช้าด้วย สังเกตเห็นว่ากวินยังคงถือไทไม่ยอมใส่ทั้งๆ ที่ก็สายแล้วร่างบางขยับเข้าไปชิดหยิบเอาไทในมือกวินมาถือไว้ ร่างสูงเพียงยกคิ้วขึ้นเล็กน้อยแต่ก็ขยับเข้ามาใกล้ก้มมองใบหน้าขาวที่ตั้งอกตั้งใจกับการผูกไทซะจนคิ้วเรียวขมวดน้อยๆ มือเรียวค่อยๆ ผูกแล้วรูดขึ้นจัดทรงให้เข้าที่รอยยิ้มบางๆ ถูกยกขึ้นเมื่อเห็นผลงานเป็นที่พอใจ

“ขอบคุณนะครับ” เสียงทุ้มบอกกล้าเพียงยิ้มน้อยๆ ตอบกลับไปแล้วต่างนั่งลงทานข้าวเช้าเงียบๆ เชษฐ์มองภาพตรงหน้าเงียบๆ ทั้งๆ ที่มาอยู่ด้วยกันเพียงแค่ไม่นานแต่ทำไมบรรยากาศโดยรอบของทั้งสองคนกลับดูเหมือนอยู่ด้วยกันมานาน เห็นแล้วชักอิจฉาอยากได้ซักคนเว้ย

.

กวินแวะมาส่งกล้าที่ห้องสมุดแล้วแยกตัวไปทำงาน รถหรูขับเข้ามาจอดยังที่ผู้บริหารกวินและเชษฐ์เดินเข้าบริษัทร่างสูงสง่าของประธานและคนสนิทเรียกสายตาทั้งพนักงานสาวๆ และหนุ่มๆ แอบชายตามองและทอดสะพานที่แทบปูพรมแดงเชิญสองหนุ่ม หากแต่ทั้งสองคนก้าวยาวๆ เข้าลิฟท์ส่วนตัวของผู้บริหารทันทีที่ประตูลิฟท์ปิดลง

“กรี๊ด ท่านประธานยังหล่อเหมือนเดิมคุณเชษฐ์ก็เท่ เฮ่อ....ใครกันน้าจะได้เป็นคนรักของท่านประธาน” พนักงานประชาสัมพันธ์พูดอย่างเพ้อๆ กับเพื่อนที่ยืนอยู่ข้างๆ กาย

“เอ๊ะ หรือว่าจะเป็นเกย์ ท่านประธานเคยมีข่าวกับผู้ชายคนหนึ่งไม่ใช่เหรอ” เพื่อนสาวนึกไปถึงข่าวบนหน้าหนังสือพิมพ์ธุรกิจ

“บ้าเหรอ หล่ออย่างท่านประธานนะเหรอ” สาวประชาสัมพันธ์ถึงกับทำตาโตเธอไม่เชื่อข่าวลือนั่นหรอก แต่มันก็มีมูลหรือเปล่านักข่าวถึงได้เล่นข่าวได้และข่าวลือว่าท่านประธานมีแฟนเป็นผู้ชายก็ลามไวยิ่งกว่าไฟไหม้ฟางเสียอีก

“บอสครับ เรื่องด่วน มีประชุมที่นิวยอร์กวันมะรืนนี้ครับ” เชษฐ์ถือวิสาสะเปิดประตูเข้าแจ้งข่าวที่สาขาที่วางแผนว่าจะขยายเครือบริษัทไปยังยุโรปแต่มีปัญหาด่วนจนต้องให้บอสไปดู

“ไม่ไปได้ไหม” กวินแทบไม่อยากไปไม่อยากออกห่างจากคนตัวเล็กเลยเพราะรู้ดีว่าน้องคงไปไม่ได้เพราะเคยบ่นว่าหยุดงานเยอะเกรงใจชะเอมเลยไม่อยากหยุดงานแต่เขาก็ไม่อยากห่างน้อง

“ช่วยเลิกทำตัวติดกันกับน้องเถอะครับผมเตรียมการไว้ให้หมดแล้วเดินทางคืนนี้สองทุ่มนะครับ” เชษฐ์ไม่ได้สนใจท่าทางติดแฟนของเจ้านายแจกแจงกำหนดการเรียบร้อยก็เดินออกจากห้องไป ปล่อยให้กวินนั่งถอนหายใจทิ้งเพราะความติดแฟน มือใหญ่หยิบโทรศัพท์กดโทรด่วนหาคนรักทันที

“ (ครับพี่กวิน) ” เสียงหวานรับสายทำให้เขายิ้มกว้างก่อนที่จะถอนหายใจยาวเมื่อคิดถึงปัญหาที่ดูเหมือนเขาเป็นปัญหาฝั่งเขาซะมากกว่า

“พี่...จะต้องไปประชุมงานที่นิวยอร์ก” กวินพูดเสียงเบาเพราะเขาไม่อยากไป

“ (อ่า...พี่ไปกี่วันครับ) ”

“พี่ยังไม่รู้เลย” เพราะเขายังไม่รู้ว่าปัญหามันใหญ่หรือเล็กและเขาต้องบินด่วน

“ (ไปวันไหนครับ) ” กวินเงียบไปซักพักแล้วบอกกับน้องว่าเขาต้องเดินทางคืนนี้ทั้งเขาและปลายสายต่างเงียบไป

“น้องกล้า”

“ (พี่กวินเดี๋ยวกล้าไปหาได้ไหมครับ) ” ปลายสายถามอย่างไม่มั่นใจนัก

“ได้สิจะให้พี่ส่งคนไปรับนะ พี่ไม่อยากให้กล้ามาเองพี่เป็นห่วง” กวินรีบบอกออกไปก่อนที่กล้าจะพูดอะไรเพราะถ้าจะรอน้องโดยที่ไม่รู้ว่าน้องอยู่ตรงไหนสู้ให้คนไปรับน้องมาดีกว่า

“ (ได้ครับ) ” ยังดีที่น้องรับคำไม่รู้หรอกว่าน้องคิดอะไรถึงได้อยากมาหาเขาที่ทำงานแต่เขาก็ยินดีที่น้องจะมา เมื่อรู้ว่าคนรักจะมาหามือใหญ่ก็คว้าเอาแฟ้มงานเร่งทำงานเพรามันใกล้เที่ยงแล้วถ้าหาน้องมาทันจะได้พาน้องไปทานข้าวกลางวันด้วยกัน เคลียร์งานไม่นานนักประตูห้องก็ถูกเคาะพร้อมกับเชษฐ์ที่เดินนำคนรักของเขาที่เดินตัวลีบตามหลังมา

“เดี๋ยวออกไปกินข้าวด้วยกันนะไอ้เชษฐ์” เชษฐ์เออออแล้วเดินออกจากห้องปล่อยให้คนตัวเล็กยืนกำสายกระเป๋าอยู่กลางห้องทำงาน กวินปิดแฟ้มลุกไปจับมือเล็กจูงมานั่งที่โซฟา

“พี่ไม่อยากไปเลย” กวินกุมมือเล็กไว้แน่นเขาไม่อยากที่จะห่างน้องเลยจริงอะไรกันทั้งๆ ที่เพิ่งจะได้อยู่ด้วยกันจริงๆ จังๆ แต่งานก็เรียกตัวเขาเสียแล้ว

“พี่ต้องไปทำงานผมเข้าใจ”

“พี่อยากให้เราไปด้วย” ตัวเล็กรีบส่ายหน้าหวือ

“ไม่ไปนะครับ...แต่ผมขออย่างหนึ่งได้ไหมครับ” ใบหน้าสวยก้มหน้าลงไปนิดก่อนที่จะช้อนตาขึ้นมองปากบางเผลอเม้มปากตากลมหวั่นระริกท่าทางอ้ำๆ อึ้งๆ ที่แสนจะน่ารักของคนตัวเล็กทำเอาเขาอยากจะดึงน้องมาฟัดแต่ก็ต้องอดใจไว้รอฟังว่าน้องจะพูดอะไร

“เอ่อ...ติดต่อมาหาผมตอนที่ว่างได้หรือเปล่าครับ” น้ำเสียงอ้อนๆ ที่แทบทำให้ใจผมละลายถ้าน้องใช้น้ำเสียงแบบนี้อ้อนขออะไรเขา เขาคงยกให้ได้โดยไม่คิดอะไรเลยเกินขีดความอดทนกวินดึงตัวคนเล็กที่กำลังเผลอลอยขึ้นตัก

“เหวอ”

“ให้ตายเถอะพี่อยากให้เราไปด้วยจริงๆ ถึงกล้าไม่ขอพี่ก็ทนไม่ไหวหรอกนะที่จะไม่ติดต่อ” กวินโอบเอวซบหน้าผากลงกับไหล่บางสูดกลิ่นหอมที่ได้กลิ่นแล้วรู้สึกสงบ

“อย่าทำงานหนักจนเกินไปนะครับ” กล้าบอกเสียงอู้อี้บนบ่ากว้าง ทั้งสองกอดกันเพียงครู่ก่อนที่เสียงเคาะประตูจะทำให้ร่างเล็กผลักไหล่คนที่ยังกอดแน่นให้ปล่อยเขาออก

“ไปกินข้าวกันเถอะครับแล้วจะกลับไปทำงานไหม” กวินถามคนตัวเล็กที่รีบกระโดนลงจากตักทันทีที่เขาปล่อย กวินคว้ามือขาวมากุมไว้เดินออกไปหาเชษฐ์ พอขึ้นลิฟท์คนรักของเขาก็ทำท่ากังวล

“เป็นอะไรครับ”

“พี่ปล่อยมือผมได้ไหมครับ” ทั้งเขาและเชษฐ์ต่างก้มมองกล้าที่ก้มหน้างุด

“ไม่ปล่อยพี่จะกุมมือนี้ไม่มีทางปล่อยแน่ๆ” กวินรู้ดีว่ากล้ากลัวอะไรแต่เขาไม่หวั่นเลยซักนิด แม้ว่ากล้าจะพยายามที่จะแกะมือเขาออกแต่เมื่อเห็นว่าไม่เป็นผลกล้าเลยเลือกที่จะก้มหน้าเดินตามแรงที่จูงมือเขาไว้ เมื่อผ่านมาถึงล็อบบี้บริษัทซึ่งตอนนี้เป็นตอนเที่ยงพนักงานที่กำลังจะออกไปทานข้าวหลายคนถึงกับหยุดอยู่กับที่เมื่อเห็นท่านประธานสุดหล่อจูงมือหนุ่มร่างเล็กแว่นหนาเตอะที่ก้มหน้าซะจนมองใบหน้าไม่ชัดแต่จากรูปร่างและการแต่งที่ดูเชยเมื่อเทียบกับสองหนุ่มฮอตที่ได้รับการการันตีจากหนังสือธุรกิจแนวหน้า เพียงแต่ท่าทางสนิทสนมของทั้งสามคนทำให้สาวๆ มองแทบตาถลน รีบยกมือถือมาถ่ายรูปไว้

กวินและเชษฐ์รู้ดีว่ากำลังโดนถ่ายรูปแต่กวินไม่สนใจเพราะใจจริงเขาก็จะจัดงานเปิดตัวให้คนรักที่เดินก้มหน้ามองพื้นราวกับพื้นบริษัทเขาปูด้วยทองคำ ทั้งสามคนเดินมายังที่จอดรถเพื่อที่จะไปกินอาหารร้านประจำของกวินที่เขาอยากพากล้ามาลองทานดูบ้าง รถคันหรูเลี้ยวเข้าจอดยังบ้านหลังหนึ่ง ภายนอกอาจจะเหมือนบ้านหลังหนึ่งแต่จริงๆ แล้วเป็นร้านอาหารที่เปิดขายเพียงไม่กี่ที่ต่อวัน เมื่อรู้ว่าน้องจะมาหากวินก็โทรมาจองโต๊ะไว้แล้ว

“เชิญทางนี้เลยครับคุณกวิน” พนักงานที่คุ้นหน้าคุ้นตาเดินนำไปยังที่นั่งประจำของร่างสูง ห้องริมสวนที่แยกออกมา

“ร้านสวยจังเลยครับ”

“อาหารอร่อยมากด้วย กล้าอยากทานอะไรเป็นพิเศษไหมครับ” เอนตัวเข้าไปถามกล้าที่นั่งข้างๆ เปิดดูเมนู

“อือ..พี่กวินสั่งให้ผมเลยดีกว่าครับไม่รู้ว่าจะกินอะไรดีมันน่าอร่อยทุกอย่างเลย” ร่างบางบอกเสียงอ่อยเพราะแต่ละอย่างที่เห็นมันน่าทานทั้งนั้น กวินสั่งอาหารที่คิดเอาว่าน้องจะชอบมาจนเต็มโต๊ะส่วนไอ้เชษฐ์นะเหรออยากกินอะไรเดี๋ยวมันก็สั่งกินเอง เมื่ออาหารมาเสิร์ฟคนตัวเล็กก็บ่นอุบว่าสั่งมาเยอะเกินไปแล้ว

“อืม...อร่อย” ทันทีที่ได้ชิมร่างบางก็อุทานออกมาเบาๆ พร้อมกับรอยยิ้มกว้าง กวินรีบตักโน่นตักนี่ใส่จานท่าทางเจริญอาหารทำให้เขารู้สึกคิดถูกที่พาร่างเล็กมาทานจะไม่ให้ห่วงได้ยังไงกินข้าวแต่ละครั้งเท่ากับแมวดมพอเห็นน้องกินเยอะเขาก็ดีใจ

เชษฐ์มองความเอาใจใส่และความอบอุ่นที่ไม่น่าจะมาจากเพื่อนและเจ้านายด้วยสายตาแปลกใจและรู้สึกเหมือนตัวเองมาอยู่ผิดที่ผิดทางให้ตายเถอะทำไมรู้สึกเป็นส่วนเดินแบบนี้นะได้แต่ตักข้าวเข้าปากด้วยอารมณ์ที่หลากหลายทั้งดีใจและอิจฉา หรือเขาควรไปหาใครซักคนได้แล้ว

หลังจากทานข้าวด้วยกันกวินก็ไม่ปล่อยให้ร่างบางกลับไปทำงาน และก็เหมือนตอนออกไปทานข้าวแต่คราวนี้เหมือนทุกคนจะเตรียมตัวทำไร่เผือกกันเต็มที่ เมื่อร่างสูงของท่านประธานเดินประคองร่างบางที่เหมือนจะมีความมั่นใจขึ้นมากเดินหัวเราะเคียงข้างไม่ได้ทักท้วงกับมือใหญ่ที่วางทาบอยู่บนหลัง ทุกคนไม่ได้แปลกใจกับคู่ควงแต่แปลกใจกับรอยยิ้มน้อยๆ ของท่านประธานต่างหาก

“หล่ออ่ะ” เสียงเพ้อๆ ของสาวๆ เมื่อเห็นรอยยิ้มของท่านประธาน

กวินเดินโอบหลังร่างบางขึ้นลิฟท์ เชษฐ์แยกตัวไปเตรียมเอกสารที่ต้องเดินทางคืนนี้ พอเข้าห้องทำงานกวินก็ตวัดโอบเอวบางซบหน้าลงกับไหล่

“ไม่เกเรสิครับ ไปทำงานนะ” กวินถอนหายใจเมื่อโดนไล่ไปทำงานแอบเนียนแตะจมูกลงที่ท้ายทอยขาวไปทีแล้วผละออกไปนั่งโต๊ะทำงานกดโทรศัพท์สั่งให้เลขาเอาขนมและน้ำเข้ามาให้น้อง

“เดี๋ยวพี่ขอเคลียร์งานสักพักนะแล้วเราค่อยกลับพร้อมกัน” กล้าทำเพียงยกยิ้มแล้วนั่งลงที่โซฟาหยิบเอาหนังสือที่อยู่ในกระเป๋ามาอ่านรอคนตัวโต

ก๊อกๆ

“ขออนุญาตครับ นี่ขนมกับน้ำส้มครับคุณกล้า” เลขาคนสนิทยกน้ำและขนมเข้ามาให้ กล้ารีบยกมือไหว้และพูดขอบคุณ ตอนที่บอสบอกว่าจะมีนายอีกคนพวกเขาต่างแปลกใจที่เห็นว่าเป็นเด็กผู้ชายธรรมดาๆ แต่พอได้อยู่ใกล้พวกเขาก็ยอมรับคุณกล้าและเข้าใจว่าเพราะอะไรบอสถึงรัก





ตอนนี่กล้าไม่รู้จะพูดอะไรเมื่อคนตัวโตงอแงกอดเขาไม่ยอมปล่อยทั้งๆ ที่นี่ก็จะได้เวลาที่จะต้องเดินทางไปสนามบินแล้ว

“ไปได้แล้วครับเดี๋ยวไม่ทันนะครับ”

“ไม่อยากไปเลยพี่จะนอนหลับได้ยังไงถ้าไม่ได้กอดกล้า” กล้าอยากจะถามกลับว่าไม่อายคนอื่นบ้างเหรอเพียงแค่ฟังเขาก็รู้สึกร้อนที่หน้าแล้ว

“ไปได้แล้วนะครับ อย่าโหมงานนะครับ” กล้าสำทับเพิ่มอีกครั้งเพราะเป็นห่วงว่าจะมัวแต่ทำงาน

“ถ้าไปถึงพี่จะรีบติดต่อกลับมานะครับ” กวินกุมมือเรียวเขาซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่เพื่อที่จะได้คุยกันแบบเห็นหน้า มองคนที่ตั้งอกตั้งใจพยักหน้ารับคำสั่งจนอดใจไม่ไหวเชยคางเล็กแนบริมฝีปากบดเบียดชิมลิ้มรสความหวานจากโพลงปากเล็กหยอกเย้าลิ้นเล็กเมื่อคนตัวเล็กตกใจเผยเรียวปากให้เขาเข้าไปกวาดต้อน รสหวานที่ได้ชิมยิ่งไม่อยากผละออกจนมือเล็กทุบเบาๆ ที่อกเพราะแทบขาดอากาศหายใจทำให้กวินต้องผละออกอย่างเสียดาย

“แฮ่กๆ ..” เสียงหอบแผ่วเบาของคนที่อ่อนระทวยพิงอกเขา กวินก้มสูดกลิ่นหอมอย่างโหยหาแล้วผละออก

“พี่ไปแล้วนะครับคนดีถึงที่โน่นแล้วพี่จะโทรหานะครับ” ก้มลงหอมแก้มเนียนอีกฟอดแล้วเดินไปขึ้นรถเพื่อไปสนามบิน

.

.

หลังจากที่พี่กวินเดินทางไปประชุมถึงแม้ว่าพี่กวินจะคอลมาหาเขาทุกคืนแต่มันก็ไม่เหมือนกัน ยิ่งเห็นหน้าเขายิ่งคิดถึง ตอนนอนทุกวันนี้เขาต้องพลิกซ้ายพลิกขวาเพราะนอนไม่หลับเมื่อไม่มีไออุ่นจากร่างหนาต่อให้ห่มผ้าห่มเขาก็ยังไม่รู้สึกอุ่นสักครั้ง

“ทำไมหน้าหงอยแบบนั้นล่ะแว่นน้อย”

“วันนี้วันที่สี่แล้ว” ชะเอมทำหน้างงหน่อยๆ ที่จู่ๆ แว่นน้อยก็พูดออกมา

“อ้อ พี่กวินยังไม่กลับเหรอ” กล้าส่ายหน้าเมื่อคืนพี่กวินบอกว่างานที่โน้นมีปัญหาหนักมากอาจจะไม่ได้กลับภายในอาทิตย์นี้ อยากจะบอกคนที่อยู่อีกซีกโลกว่าคิดถึงแต่เขาก็กลัวว่าพี่กวินจะพวงกับเขาเลยได้แต่ยิ้มกว้างบอกว่าไม่เป็นไร

“คิดถึงพี่เขาล่ะสิ”

“ใช่ เมื่อก่อนไม่ได้อะไรหรอกนะ แต่....ตอนนี้คิดถึง...คิดถึงมากเลยล่ะ” กล้าฟุบหน้าลงกับแขนยิ่งพูดเขายิ่งคิดถึง พี่กวินนี่แย่ แย่ที่ทำให้เขาขาดพี่ไม่ได้

“อ่ะ ไปเรียกนิตยสารไปจะได้ไม่ว่าง” ชะเอมไม่รู้ว่าจะช่วยอะไรเลยให้กล้าเรียงนิตยสารที่พึ่งเข้ามาเมื่อสักครู่ขึ้นชั้น

“อือ” ร่างบางก็คิดว่าดีเหมือนกันเขาจะได้ไม่ต้องคิดถึงพี่กวินมากเกินไป มือขาวค่อยๆ บรรจงเรียงนิตยสารขึ้นชั้น ดวงตากลมมองปกนิตยสารธุรกิจแนวหน้า ภาพแผ่นหลังกว้างและใบหน้าคมเข้มด้านข้างที่แสนคิดถึงหากแต่ที่ดวงตากลมเบิกกว้างคือหญิงสาวที่แค่ด้านหลังเขายังรู้สึกเลยว่าสวย มือใหญ่ที่ทาบแผ่นหลังเนียนภาพที่เห็นทำให้ร่างบางอดคิดไม่ได้ว่าเหมาะสม นักธุรกิจหนุ่มไฟแรงเปิดตัวแฟนสาวรึเปล่า เดตลับๆ ที่นิวยอร์ก พาดหัวข่าวนั่นทำให้น้ำใสเอ่อคลอ

“แว่นน้อยเป็นอะไร”

“อึก...ฮือ..” อาจจะเป็นเพราะความคิดถึงที่สะสมมาหลายวันทำให้ในหัวเขาคิดอะไรไปมากมายยิ่งเห็นภาพความใกล้ชิดสนิทสนมและรอยยิ้มบนใบหน้ากว้างนั่นอีกกล้าโผเข้ากอดเพื่อนสนิทแน่นแล้วปล่อยโฮอย่างไม่อายใคร

อย่าเปลี่ยนเลยนะ อย่าเปลี่ยนใจจากเขาเลย

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

แรกๆก็หวาน........//หลบรองเท้าแปบ 

น้องร้องไห้อีกแล้ว แต่อย่างพี่กวินอ่ะเนาะ พ่อหนุ่มฮอต 

อ่านแล้วเป็นไงบอกเราบ้างนะ

ออฟไลน์ Kuayyai

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 107
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
น้องคงคิดมาก ร้องไห้เลย

เฮ้อ อย่าเพิ่งคิดมากนะ
รอพี่เขากลับมาละค่อยถามเนอะ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
น้องงงงงงงงงงง TT

ออฟไลน์ Letter123

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-2

19

กวินรู้สึกแปลกใจเมื่อโทรหาคนรักแล้วติดต่อไม่ได้และพอโทรเข้าบ้านป้านิ่มก็บอกว่าน้องไม่ได้กลับบ้าน ใจเต้นรัวในหัวคิดไปต่างๆ นาๆ ด้วยความเป็นห่วงว่าจะเกิดเรื่องกับน้องกระจิตกระใจของร่างสูงไม่ได้จดจ่อกับงาน

“เชษฐ์ฉันจะกลับเดี๋ยวนี้จองตั๋วให้ด้วย” เมื่อติดต่อไม่ได้เขาก็ไม่คิดที่จะรออีกแล้ว

“เดี๋ยวครับบอสเกิดอะไรขึ้น”

“ฉันติดต่อกล้าไม่ได้แถมยังไม่กลับบ้าน” ใบหน้าคมเคร่งเครียดเขาสังหรณ์ใจไม่ดีเลย

“แต่เรื่องงาน..”

“ถ้าตกลงกันไม่ได้ก็ยื่นคำขาดไปเลย ฉันไม่มีเวลามาเล่นสนุกกับมันอยู่แบบนี้หรอกนะ” ที่เขาเดินทางมาที่นิวยอร์กเพราะมีปัญหาเรื่องการต่อรองวัสดุก่อสร้างทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ตกลงไว้แล้วแถมยังปัญหาจากคนภายในที่เขาให้มาดูแลงานฝั่งนี้เลยต้องตัดเนื้อร้ายนั่นทิ้ง

“บอสลองโทรไปหาน้องเอมรึยังครับ”

“โทรแล้วติดต่อไม่ได้” ถ้าติดต่อได้เขาคงไม่คิดหนักแบบนี้ เชษฐ์รีบตดต่อจองตั๋วเครื่องบินให้บอสส่วนเขาคงจะต้องอยู่ทางนี้เองเพราะเขาเองก็เป็นห่วง

“ไฟท์ที่เร็วที่สุดอีกสองชั่วโมงครับ ผมจะให้คนไปส่งที่สนามบิน” กวินพยักหน้าก่อนที่จะกลับไปที่โรงแรมเก็บกระเป๋า

ก๊อกๆ

เสียงเคาะประตูทำให้กวินรีบผละจากกระเป๋าไปเปิดประตู คนที่ยืนหน้าประตูทำให้เขายิ้มกว้างอย่างอดไม่ได้

“ไง”

“ว่าจะมาชวนไปกินข้าวเที่ยงค่ะ เห็นเชษฐ์ว่าอยู่ที่โรงแรม”

“ไม่ได้แล้วล่ะ ฉันต้องรีบกลับไทย”

“อ่าวทำไมล่ะไหนว่าจะมาอยู่หลายวัน” ใบหน้าสวยเอียงคอถามอย่างไม่เข้าใจ

“ฉันติดต่อกล้าไม่ได้” กวินตอบเสียงเครียด

“โอเคงั้นก็เดินทางดีๆ นะ ไว้ฉันกลับไทยอย่าลืมพาน้องกล้ามาเจอฉันล่ะ” กวินพยักหน้าให้เพื่อนสนิทที่ได้เจอกันโดยบังเอิญที่นี่เพราะปกติจะอยู่ที่เยอรมันกับสามีแต่แอบหนีมาเที่ยวเลยได้เจอกัน โดยที่ร่างสูงไม่รู้เลยซักนิดว่าโดนเขียนข่าวใส่สีตีไข่เรียบร้อยเพราะภาพความสนิทสนม

แม้จะรีบแค่ไหนแต่เขาก็ต้องเสียเวลาไปถึง 19 ชั่วโมง เมื่อมาถึงไทยร่างสูงที่ยังไม่ได้หลับไม่ได้นอนก็ตรงมาที่บ้านขึ้นห้องที่ไม่มีร่องรอยที่มีคนมาอยู่ในห้องเลย นี่เท่ากับว่าน้องไม่ได้กลับมานอนบ้านแล้วสองคืนมือใหญ่กดโทรศัพท์โทรหาแต่ก็ไม่มีสัญญาณ น้องไปไหนของเขานะ

“ป้านิ่มน้องได้โทรมาบอกอะไรไหมครับ” หันไปถามป้านิ่มที่เดินตามขึ้นมา

“ไม่มีเลยค่ะ ป้าไม่รู้ว่ามันเกี่ยวกันไหมแต่นี่เห็นเด็กในบ้านมันอ่านกันนะคะ” กวินมองนิตยสารในมืออวบของป้านิ่มมันจะไม่น่าสนใจถ้าหากเขาไม่เห็นรูปถ่ายเขาและยัยเพื่อนซี้นั่นกับพาดหัวข่าวที่ส่อว่าเขาเป็นอะไรกัน กวินได้แต่ใจหายวาบเมื่อคิดว่าน้องเห็น....... กวินรีบลงไปที่โรงรถขับรถออกไปยังบ้านหลังเล็ก เมื่อเห็นความมืดข้างในก็เปลี่ยนไปยังบ้านของชะเอม

“สวัสดีค่ะมาหาใครคะ”

“ผมมาหาน้องชะเอมครับ” กวินตอบแม่บ้านที่เดินมาที่รั้ว

“ไม่ทราบว่าจะให้เรียนว่าใครมาพบคะ”

“ผมกวินครับ” กวินนั่งรอในรถไม่นานประตูรั้วก็เปิดให้เขาเข้าไป ทันทีที่จอดรถเรียบร้อยเขาก็เดินตามแม่บ้านไปยังห้องรับแขก

“คุณเอมบอกว่าให้คุณรออยู่ตรงนี้ก่อนนะคะ” กวินพยักหน้ารับแล้วนั่งรอที่โซฟาพยายามไม่สนใจสายตาแปลกๆ จากแม่บ้านก็เขาเล่นใส่เสื้อโค้ทยาวที่ใส่มาตั้งแต่สนามบินจนตอนนี้เขาก็ยังไม่ได้ถอด นั่งรอไม่นานชะเอมก็เดินลงมา

“สวัสดีค่ะพี่กวิน” เขายกมือรับไหว้พร้อมกับมองสายตาแปลกๆ จากชะเอม

“กล้าล่ะเอม” เสียงทุ้มพูดอย่างร้อนรน

“เอมให้นอนพักอยู่บนห้องค่ะ” พอได้ยินคำตอบเขาก็รู้สึกหายใจได้ทั่วท้องอีกครั้ง สีหน้าที่ดูผ่อนคลายลงทำให้ชะเอมกล้าที่จะถาม

“ข่าวที่ลงหมายความว่ายังไงคะ แว่นน้อยเสียใจมากเลยนะ”

“พี่ไม่รู้ คนในรูปนั่นเพื่อนพี่เองแถมฝ่ายนั้นก็มีสามีแล้ว” กวินไม่คิดที่จะโทษที่น้องคิดมากที่น้องไม่เชื่อใจก็ไอ้พาดหัวข่าวมันทำให้คิดแถมด้วยนิสัยของน้องด้วย

“จริงๆ เอมก็บอกแว่นน้อยแล้วว่ามันไม่น่าจะมีอะไร แต่เหมือนจะคิดมากเลยไม่อยากให้กลับไปอยู่คนเดียว” เขารู้สึกขอบคุณชะเอมจริงๆ ที่คอยดูแลน้องคราวหน้าไม่ว่าที่ไหนเขาจะพาน้องไปด้วยแต่ก่อนหน้านั้นเขาต้องมีเรื่องให้เลขาเขาจัดการ

“พี่ขอบคุณมากนะ ขอพี่ขึ้นไปหากล้าได้ไหม” ชะเอมมองสภาพของคนตรงหน้าท่าทางอ่อนล้าและเหมือนไม่ได้นอนไหนจะชุดที่ดูแปลกสุดๆ นี่อีก เธอเลยเดินนำพาขึ้นไปยังห้องนอนแขกที่เธอให้กล้ามาพักอยู่ด้วย

“พี่พักที่นี่ก่อนก็ได้นะ พอกล้าตื่นก็เคลียร์กันให้รู้เรื่องนะคะ เอมต้องไปออกงานกับคุณพ่อคุณแม่”

“ไม่เป็นไรเดี๋ยวพี่พากล้ากลับบ้านขอบคุณอีกครั้งนะ” กวินเปิดห้องเข้าไป มองร่างเล็กที่นอนขดเป็นก้อนกลมบนเตียงด้วยความคิดถึงขยับเข้าไปอุ้มคนที่หลับสนิทขนาดที่เขาดึงผ้าห่มออกแล้วยังไม่ตื่นคงเป็นเพราะร่างบางเพลียเกินไป กวินอุ้มร่างบางที่เหมือนน้ำหนักจะเบาลงค่อยๆ วางน้องลงตรงเบาะแล้วถอดเสื้อโค้ทคลุมร่างบางที่คว้าไปกอด ล่ำลากับชะเอมสองสามคำเขาก็ขับรถพาน้องกลับบ้าน

กวินนั่งมองคนรักที่นอนหลับสนิทเขายังไม่กล้าที่จะหลับเลยได้แต่นั่งพิงหัวเตียงคว้ามือเรียวมากุมไว้เบาๆ คิดว้าถ้าคนตัวเล็กตื่นขึ้นมาเขาคงจะได้ปลอบยกใหญ่แน่ๆ น้ำตา มืออีกข้างที่ยังว่างกดโทรหาเลขาเพื่อสั่งงานบาง

“นนท์ฉันมีงานด่วนให้ทำ” แม้ตอนนี้จะนอกเวลางานแต่นนท์ก็ยอมรีบสายแม้น้ำเสียงจะเหวี่ยงๆ หน่อยก็เถอะ สั่งงานยาวเหยียดซะจนเจ้านนท์บ่นอุบแต่ก็รับคำสั่ง

“ให้เสร็จภายในสองวันนี้นะ แค่นี้ล่ะ” กวินกำชับย้ำอีกก่อนที่จะวางสายเมื่อร่างเล็กเริ่มขยับทำท่าว่าจะตื่น ขนตาแพยาวขยับไหว

“อือ..”

“ตื่นแล้วเหรอครับ” กล้ารู้สึกแปลกใจเมื่อได้ยินเสียงที่แสนคิดถึงตากลมกระพริบถี่เมื่อเห็นร่างสูงที่พิงหัวเตียงอย่างไม่เชื่อสายตาเขารีบผุดลุกขึ้นนั่งก้มลงมองมือที่ถูกกุมไว้ดวงตาคู่สวยเอ่อคลอด้วยน้ำใสก่อนที่มันจะไหลรินอาบแก้ม มือสั่นไหวยกขึ้นทาบแก้มคม

“อย่าร้องไห้สิครับคนดี” น้ำเสียงทุ้มและความอบอุ่นผ่านฝ่ามือที่ถูกกุมไว้และ มือใหญ่ที่เช็ดน้ำตาอยู่ข้างแก้ม

“ไม่ใช่ฝัน..อึก..พี่กวิน” ไม่ใช่ฝันที่เขาฝันอยู่ทุกคืนกล้าโผเข้าไปกอดคนที่เขาคิดถึงแน่น

“ไม่ร้องนะครับ พี่กลับมาแล้ว ชู่..ไม่ร้องครับไม่ร้อง” ยิ่งกวินปลอบคนตัวเล็กก็ยิ่งปล่อยโฮน้ำตาเปื้อนเป็นวงกว้าง กวินก้มหน้าจูบซับน้ำตาที่หางตากอดร่างบางอย่างทะนุถนอมจนน้องใจเย็นเหลือเพียงแรงสะอื้นน้อยๆ เท่านั้น

“ตาบวมหมดแล้วครับ พี่คงเป็นคนรักที่แย่มากเลยใช่ไหมครับ เราถึงได้ร้องไห้” มือหนาเช็ดคราบน้ำตาอย่างอ่อนโยนแต่คำพูดทำให้กล้าส่ายหน้าจนผมสะบัด

“อึก..ไม่ใช่..ไม่ใช่นะ”

“โอ๋ๆ ไม่ร้องนะ ทำไมไม่รับสายพี่ครับ” กวินถามเรื่องที่เขาเดาสาเหตุได้แต่ก็อยากได้ยินจากปากน้อง

“กล้ากลัว...กลัวว่าจะพูดเอาแต่ใจให้พี่ตามใจ อึก..แล้วก็เรื่อง...” กวินสังเกตว่าเวลาที่คนรักลนจะชอบแทนตัวเองด้วยชื่อ เริ่มแรกน้องก็อธิบายชัดถ้อยชัดคำแต่พอหลังๆ เสียงก็แผ่วลง แผ่วลงซึ่งเป็นเรื่องที่เขาเดาออก

“เรื่องรูปนั่นใช่ไหม ไม่ต้องคิดมากนะคนในรูปนั่นเพื่อนพี่เอง รอแปบนะ” กวินหยิบโทรศัพท์ ถึงแม้ว่าที่โน้นจะดึกแล้วก็ตามกดเฟสไทม์ ไม่นานเพื่อนเขาก็กดรับในสภาพหัวฟู ไอ้รูปที่ถูกถ่ายนั่นมันหลอกลวง

“ (ไอ้กวินนี่มันกี่โมงกี่ยามห๊า!) ” เสียงแว๊ดๆ ทำเอากล้าสะดุ้ง

“นี่ช่วยลืมตาก่อนได้ไหม แฟนฉันตกใจหมดแล้ว” เมื่อได้ยินว่ามีใครอยู่ด้วยก็เหมือนว่าเพื่อนเขาจะโยนโทรศัพท์ลงเตียงได้ยินแต่เพียงเสียงกุกกัก กล้าที่ซบอกเขาอยู่เงยหน้าขึ้นมาสบตาเขาอย่างงงๆ

“ (อ๊ายยยย น้องกล้าสวัสดีค่ะ น่ารักจังเลยอ่ะ) ” และเพื่อนร่างสูงก็กลับมาใน......สภาพที่ดูดีเป็นผู้เป็นคนกว่าเมื่อกี้ สรุปหายไปแต่งหน้ามา

“ส...สวัสดีครับ” กล้าที่ถูกทักยกมือขึ้นไหว้

“นี่เพื่อนพี่เองครับ ชื่อวิ วินี่น้องกล้าแฟนฉัน” วิยะดาทำปากคว่ำมองบน อะไรกันกับความละมุนน้องกล้า. โอ๊ยยยเห็นแล้วอยากกลับไปหาสามี

“ (ย่ะ แล้วนี่คอลมาทำไมยะ รู้ไหมกี่โมงกี่ยาม) ” เธอหันไปโวยวายรู้ไหมว่านอนไม่พอผิวมันจะเสีย

“ก็ที่ฉันไปเจอเธอที่โน้นถูกถ่ายรูปมาลงหนังสือที่ไทยนะสิ น้องเลยเข้าใจผิด”

“ปะ...เปล่านะครับ..ไม่ใช่นะ”

ฟอด

“พี่รู้ครับว่าเราคิดมาก”

“ (โอ๊ยยยยย อย่ามาหวานให้ฉันอิจฉานะ อย่ากวินนี่นะแถมเงินสิบล้านพี่ก็ไม่เอาหรอกน้องกล้า คนบ้าอะไรเย็นชาจะตาย) ” วิยะดาเธอไม่ได้พูดเกินจริงเลยซักนิดหมอนี่ตั้งแต่คบกันมาไม่มีหรอกท่าทางอ่อนโยน

“พี่กวินใจดีออกครับ” กวินยิ้มกริ่มเมื่อน้องพูดแก้เขินๆ ดูท่าจะไม่คิดมากแล้วสินะ พูดคุยกันอีกสองสามคำไม่ใช่เขาหรอกที่คุยมีเพียงกล้ากับยัยวิแค่นั้นก่อนปิดยังมีหน้ามาด่าเขาอีก

“เข้าใจพี่แล้วนะครับ” กวินก้มหน้าลงถามคนที่พอรู้ตัวแล้วก้มหน้างุดมีเพียงปลายหูที่แดงก่ำพยักหน้าเบาๆ ว่าเข้าใจแล้วท่าทางทำอะไรไม่ถูกมุดอยู่ตรงอกทำให้เขาขำก่อนที่จะรัดอ้อมแขนให้แน่น

“เราเข้าใจกันแล้วนะ พี่ขอนะถ้ามีอะไรให้ถามพี่เพราะพี่พร้อมจะตอบคำถามเราเสมอขออย่างเดียวอย่าให้พี่ติดต่อไม่ได้อีก” แค่นั้นเขาก็จะขาดใจตายแล้ว

“ครับกล้าไม่ทำอีกแล้ว”

“มาให้พี่ทำโทษซะดีๆ”

“หวา” กวินล้มตัวลงนอนพร้อมคนในอ้อมแขนที่ร้องอย่างตกใจ

“ให้พี่นอนกอดอย่าหายไปไหนอีกนะ” มันเหมือนเป็นคำสั่งแต่ร่างบางกลับฟังเป็นคำอ้อนกล้ายกแขนกอดเอวสอบนแน่น

“ไม่ทำอีกแล้วครับไม่หายไปไหนอีกแล้ว” กล้ากระซิบบอกมีเพียงอ้อมแขนที่กอดกระชับกันแน่นขึ้น กล้าจะไม่ทิ้งอ้อมกอดนี้อีกแล้ว ไม่นานลมหายใจของคนตัวโตก็สม่ำเสมอบ่งบอกว่าหลับสนิทแล้ว กล้ามองคนที่หลับสนิทสังเกตเห็นร่องรอยความเหนื่อยล้ายังไม่ทันได้ถามเลยว่างานที่ว่าเสร็จรึยังยิ่งเห็นเสื้อผ้าที่กวินใส่อยู่กล้ายิ่งมันใจว่าคนตัวโตนั้นตามหาเขาแม้จะรู้สึกผิดแต่เขาก็รู้สึกอบอุ่นหัวใจกล้าหลับตาลงในอ้อมแขนที่คิดถึงมานาน

.

.

ไม่รู้ว่าผ่านมากี่ชั่วโมงร่างเล็กตื่นขึ้นมาท้องฟ้าข้างนอกก็ทอประกายสีส้มแล้วคนที่กอดเขาไว้ยังหลับสนิท ไม่มีทีท่าว่าจะตื่นเมื่อเขาแกะมือออกแล้วเอาหมอนให้กอดแทน มองใบหน้าคมที่แฝงร่องรอยอ่อนล้าก่อนที่จะแอบทำอะไรที่ทำให้หัวใจเขาเต้นแรง

“นอนพักก่อนนะครับ” เสียงหวานกระซิบเบาๆ ที่ข้างหูแล้วก้มลงจรดปลายจมูกลงแก้มตอบเบาๆ แค่นี้ก็ทำให้เขาใจเต้นหนักจนต้องหนีลงมาข้างล่าง

“ป้านิ่มครับ” เดินเข้าไปในครัวที่ป้านิ่มกำลังเตรียมทำกับข้าวเย็นอยู่

“คะคุณกล้า ดูสิผอมลงอีกแล้ว” เขาได้แต่ยิ้มบางเมื่อป้านิ่มเดินมาลูบตามเนื้อตัว

“ผมขอทำกับข้าวเย็นเองได้ไหมครับ” เพราะอยากทำอะไรไถ่โทษบ้างที่คิดเองจนทำให้พี่กวินกลับมา

“ได้สิคะ เดี๋ยวป้าไปรีดผ้านะคะ” กล้าขอบคุณเดินเข้าครัวแม้ฝีมือเขาจะไม่อร่อยเท่าป้านิ่มแต่มันก็ไม่แย่เท่าไหร่นัก สองมือสารวนกับการทำกับข้าวมื้อพิเศษด้วยความตั้งอกตั้งใจจนกับข้าวสี่ห้าอย่างเสร็จก็ล่วงเลยมาถึงสองทุ่มกล้าตั้งโต๊ะแล้วเดินขึ้นไปปลุกคนที่ยังหลับ

“พี่กวิน....พี่ตื่นมาทานข้าวก่อนครับ” แม้จะเข้าใจว่าคงไม่ได้นอนแต่ถ้าให้หลับไปทั้งๆ อย่างนี้ไม่ดีแน่ๆ เขย่าตัวไม่นานคนตัวโตก็งัวเงียลุกขึ้นมาคว้าเขาไปกอด

“ตื่นก่อนครับไปล้างหน้าล้างตานะครับ กล้าทำกับข้าวไว้แล้ว” ตกลงยังง่วงอยู่รึเปล่าทำไมถึงได้มือไม้ปลาหมึกอย่างนี้ไล่จับไม่ทันแล้วจนต้องเขย่าไหล่หนานั้นแรงๆ

“ครับ เดี๋ยวรอลงไปพร้อมกันนะ”

“ครับ ไปล้างหน้าให้สดชื่นก่อนนะครับ” ร่างสูงสะบัดหัวสองสามรอบก่อนที่จะลุกเดินเซๆ เข้าห้องน้ำ นั่นตื่นจริงๆ แล้วใช่ไหมผ้าขนหนูก็ไม่เอาเข้าไป เขาเลยยืนถือผ้าขนหนูรอ กวินเดินออกมาทั้งๆ ที่หน้าและผมยังเปียกจนกล้าได้แต่ส่ายหน้าเดินเอาผ้าไปซับน้ำออกให้

“ขอบคุณครับ” กวินว่าพร้อมกับยิ้มกว้าง แล้วพากันจูงมือกันลงไปทานข้าวและดูเหมือนว่าจะเจริญอาหารมากกว่าปกติเพราะเป็นฝีมือร่างเล็กและไม่ได้นั่งกินข้าวด้วยกันเลยหลังจากทานข้าวเสร็จกล้าพยายามไล่ให้กวินขึ้นไปอาบน้ำนอนก่อนเลยแต่อีกคนก็ดื้อขอช่วยล้างจานจนเขาได้แต่ยอมช่วยกันล้างจานจนเรียบร้อย พี่กวินก็จูงมือเขาขึ้นห้องพอถามก็ไม่ยอมปล่อย

“ไปอาบน้ำสิครับ”

“อือ..อาบด้วยกันนะ” หือ กล้าได้แต่คิดว่าเขาคงหูฝาดไป

“ว่าไงนะครับ”

“ก็พี่ง่วง.เพราะงั้นอาบน้ำด้วยกันนะ”

เดี๋ยวนะแบบนี้ใช้เป็นเหตุผลได้ด้วยเหรอครับ เพราะว่ามัวแต่ยืนงงเลยโดนจูงมือลากเข้าห้องน้ำโดยไม่ทันตั้งตัวมารู้ตัวอีกทีก็ตอนร่างสูงกำลังที่จะถอดเสื้อนี่ล่ะ

“เดี๋ยวกล้าอาบต่างหากดีกว่าครับ” เขารีบหันหลังหนีภาพแผ่นอกกว้างและกล้ามท้องที่เป็นลอนน่าอิจฉาทำไมถึงได้หุ่นดีแบบนี้นะ ได้ยินเสียงเปิดน้ำใส่อ่างพอจะหนีก็โดนมือใหญ่รั้งข้อมือไว้

“พี่สัญญาว่าจะไม่ทำอะไรมากกว่านี้....แค่อาบน้ำ...นะครับ” พอได้ยินคำอ้อนใจเขาก็อ่อนหยวบเผลอพยักหน้าตกลง เงยหน้าไปสบตาก็เห็นรอยยิ้มกว้างกับแววตาวาวระยับเจ้าเล่ห์ เขาไม่น่าตกหลุมพรางเลยให้ตายเถอะ! แม้จะหนีก็คงหนีไม่ได้แล้ว ฟองสบู่หนาเต็มอ่างคนตัวโตที่ถอดเสื้อผ้าก็ลงไปแช่เรียบร้อย

“หลับตาไปเลยนะพี่” เขาว่าอย่างเขินอายจะให้ถอดเสื้อผ้าให้ดูแค่อาบน้ำด้วยนี่ก็เกินไปแล้ว ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ ก่อนที่ร่างสูงจะหลับตาลง เขารีบถอดเสื้อผ้าแล้วลงไปนั่งในอ่างยังดีที่ฟองสบู่นั้นหนาพอเลยไม่เห็นข้างล่างมีเพียงไหล่เปลือยเปล่าโผล่พ้นฟองสบู่สีขาว

“ขยับมานี่สิครับ” กล้าส่ายหน้าหวือ จะให้เข้าไปชิดทั้งๆ ที่ไม่ได้ใส่อะไรนี่เหรอแค่คิดหน้าเขาก็ร้อนฉ่าแล้ว ขยับเข้าไปชิดอีกมุมอ่างชันเข่าขึ้นมากอด

กวินมองไหล่ขาวที่โผล่พ้นฟองสบู่ ผิวเนียนที่น่าทำให้เป็นรอยแต่ก็รู้ดีที่อาบน้ำด้วยก็เกินพอแล้ว เขาแกล้งกวักน้ำแหวกฟองสบู่ที่เห็นผิวขาวๆ ได้น้ำวับๆ แวมๆ

“พี่กวิน!!” เสียงหวานเหวใส่เขาอย่างตกใจใบหน้าขาวทำท่าทีบึ้งตึงแต่เขามองว่ามันน่ารัก เลยแกล้งต่อก

ซ่า

“แค่กๆ” เต็มๆ ครับ ทั้งน้ำทั้งฟองสบู่เข้าเต็มๆ หน้า

“คิกๆ”

“หัวเราะพี่เหรอ” เขาเอาคืนโดยการโกยเอาฟองสบู่เต็มมือวางใส่หัวทุยจนมันดูน่าขัน เสียงหัวเราะเสียงหยอกเย้าดังลอดออกมาจากห้องน้ำ หากใจกันคาวามสุขก็ตามมาอาจจะเป็นเพราะความไม่เข้าใจและความคิดไปเองโดยไม่ได้พูดคุยแต่ก็เหมือนยิ่งทำให้พวกเขาปรับตัวเข้าหากัน

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

อย่าพึ่งเทพี่กวินของน้องกล้าค่ะ พี่แกไม่นอกลู่นอกทางแน่ๆ

นางหื่นค่ะ แต่หื่นกับน้อง 55555555555

อ่านแล้วเป็นไงบอกเราด้วยนะคะ 

ตอนหน้าพี่กวินเราสั่งให้จัดการอะไรไปบ้างนั้นเดี๋ยวจะได้รู้กันคะ

อีกไม่กี่ตอนก็จบแล้ว ติดตามกันด้วยนะคะ

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
ขอบคุณค่า  หวานละมุนละไม

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Letter123

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-2


20

หลังจากที่ผ่านคืนหวานๆ อย่าพึ่งคิดลึกเพียงแค่อาบน้ำด้วยกันแค่นั้นเองครับกล้าก็ดูเหมือนจะเปลี่ยนไป เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นน้องกล้าพูดกล้าทำกล้าที่จะบอกความรู้สึกออกมาตรงๆ ส่วนเขาก็ปรับตัวบอกเล่าเรื่องราวส่วนตัวให้อีกคนรู้มากขึ้นเล่าว่าวันนี้ไปทำอะไรมาบ้าง

“บอสครับเรื่องที่สั่งผมจัดการให้เรียบร้อยแล้ว ส่วนเรื่องงานแถลงข่าวผมแจ้งทางสื่อเรียบร้อยแล้วครับ” กวินพยักหน้ารับเอาจริงๆ เขาไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ก็ได้เพราะทึกคนที่อยู่รอบตัวต่างรู้เรื่องเขาสองคนดีอยู่แล้ว แต่เพื่อป้องกันเรื่องแบบนี้อีกเขาเลยคิดว่าจะจัดแถลงข่าวซะเลยจะได้ไม่ยุ่งยากใจทีหลังทึกคนจะได้รู้ๆ ไปเลย

“อย่าหลุดปากบอกกล้าเชียวนะ” กวินกำชับขืนเจ้าตัวรู้มีหวังไม่ยอมออกงานกับเขาแน่ๆ หลังจากที่ข่าวนั้นออกพนักงานทุกคนต่างก็งงตกลงว่าใครกันแน่เป็นคนรักของท่านประธานเพราะคนเชยๆ นั้นก็ไม่ได้เห็นอีกส่วนผู้หญิงในรูปพวกเธอก็ไม่เคยเห็น กวินไม่สนใจสายตาสอดรู้สอดเห็นของพนักงานตราบใดที่มันไม่ทำให้งานเสียเขาก็ไม่ได้ว่าอะไร ขายาวก้าวขึ้นรถที่มาจอดรับเพื่อแวะไปรับคนรักแล้วกลับบ้านพร้อมกัน

“เหนื่อยไหมครับวันนี้” ยังไม่ทันที่ร่างสูงจะถามอะไรคนที่พึ่งขึ้นรถก็ถามขึ้นมาซะก่อน

“ไม่เท่าไหร่ครับ แล้วกล้าล่ะ”

“กล้าไม่ได้ทำงานหนักเหมือนพี่นะ ไม่เหนื่อยหรอกเย็นนี้อยากกินอะไรไหมครับ”

“ไม่ล่ะพี่จะพาเราไปดินเนอร์” เนียนหอมแก้มป่องไปทีได้ฝ่ามือฟาดเบาๆ ที่ไหล่ แรงเท่ามดเขาจะรู้สึกเจ็บอะไร รถเข้าไปจอดที่ร้านอาหารที่เขาเคยพาน้องมาทานข้าวด้วยกันครั้งแรก พนักงานเดินนำไปที่โต๊ะมุมเดิมที่มากันครั้งก่อน กวินเลื่อนเก้าอี้ให้ร่างบางแล้วเดินไปนั่งตรงข้าม

“คิดถึงตอนแรกเลยนะครับ” กล้าเงยหน้าขึ้นมาพูดอายๆ ทำให้กวินยิ้มกว้างเมื่อนึกถึงวันนี้ที่เขาพาตัวน้องมาดื้อๆ

“แต่ตอนนั้นกับตอนนี้ไม่เหมือนกันแล้วนะครับ” ตอนนั้นเขาตีมึนพาน้องมากินข้าวเพราะยังไม่ได้เป็นอะไรกันแต่ตอนนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว

“จะเอาอะไรเพิ่มอีกไหมครับ” กล้าส่ายหน้าเพราะเท่าที่คนตัวโตสั่งมาก็เต็มโต๊ะแล้ว ดินเนอร์ที่แสนหวานผ่านพ้นไปทั้งสองคนที่นั่งกุมมือเงียบๆ บนรถ

“พรุ่งนี้พี่จะให้คนไปรับพากล้าไปซื้อของนะ”

“ซื้ออะไรอีกล่ะครับ” กล้าพูดเสียงอ่อย ซื้อของอีกแล้วเหรอเสื้อผ้าเขาตอนนี้มีแต่ชุดใหม่ที่กวินซื้อให้หมดทั้งตู้

“ความลับครับ” กวินยกยิ้มเจ้าเล่ห์ พอคนตัวเล็กอยากรู้เขาก็ยิ่งปิดปากเงียบแถมยังดูสนุกกับการที่น้องเข้ามาเขย่าแขนเข้ามาอ้อนซะจริง ฝ่ายคนตัวเล็กเมื่อเห็นว่าคนขี้แกล้งไม่พูดอะไรแล้วก็ไม่เซ้าซี้พรุ่งนี้เขาคงจะได้รู้เอง

.

.

กล้าที่ตื่นขึ้นมาแต่เช้าคนที่ตะกองกอดเขาไว้ก็ไม่อยู่แล้วร่างบางได้แต่ขมวดคิ้วน้อยๆ แล้วถอนหายใจคิดกับตัวเองว่าเขาจะติดกลิ่นกายอุ่นๆ นั่นเกินไปแล้วรีบสะบัดความรู้สึกหงอยเดินเข้าห้องน้ำจัดการธุระส่วนตัวเพื่อไปทำงานลงมาข้างล่างก็รู้ว่ากวินออกไปทำงานแล้วใบหน้าหวานงอง้ำเมื่อคนตัวโตไม่ยอมบอกอะไรกับเขาเลยซักคำ ขึ้นรถทีแรกนึกว่าจะได้เข้าไปทำงานแต่คนขับรถกลับพาเขามาจอดที่หน้าร้านสูทหรู พอไม่ลงพี่คนขับก็อ้างว่าเป็นคำสั่งของกวินจนกล้าได้แต่เดินตามเข้าไปในร้านที่พอเห็นเขาก็รีบเข้ามาต้อนรับเสียจนทำตัวไม่ถูก

ร่างบางถูกจับตัวหมุนซ้ายหมุนขวาลองชุดสูทหลายชุดก่อนที่ทุกคนจะลงความเห็นว่ร่างบางนั้นเหมาะกับสีขาวเมื่อได้สูทร่างบางก็ถูกพาไปด้านบนเพื่อปรับรูปลักษณ์ระหว่างที่รอสูทที่แก้ให้พอดีตัว ทั้งโดนจับเข้าสปา เสร็จจากสปาก็ไปตัดผมแถมยังโดนถอดแว่นตาเปลี่ยนมาใส่คอนแทคเลนส์ที่ทำให้เผยดวงตากลมโตใสยิ่งขับให้ใบหน้าหวานดูน่าเอ็นดู ยังไม่พอเขายังโดนพาไปแต่งหน้าทำผมอีกแล้วค่อยไปใส่ชุดสูทที่แก้เสร็จพอดี เขาหัวหมุนไปหมดแล้วร่างบางที่ตอนนี้อยู่บนรถหลับตาพักด้วยท่าทางอ่อนล้าไม่รู้เลยว่ารถได้เคลื่อนมาจอดภายในโซนวีไอพีของโรงแรมหรูในเครือบริษัทของกวิน

กึก

“ถึงแล้วครับคุณกล้า” เสียงคนขับรถบอกแว่วๆ กล้าแทบจะหลับก็ต้องรีบลงมาเพราะมีคนเปิดประตูให้พอเห็นว่าใครเป็นคนเปิดประตูกล้าก็เบิกตากว้าง

“พี่เชษฐ์!!” กล้าร้องด้วยความดีใจรีบลงจากรถเข้าไปหา

“หือ นี่ใครกันพี่จำแทบไม่ได้” เชษฐ์พูดตามความจริงน้องดูน่ารักซะจนเดาได้เลยว่าบอสจะต้องหัวเสียแน่ๆ

“นี่น้องไงครับ เจ้านายพี่เล่นอะไรกันนะครับ” เสียงหวานว่าสะบัดเสียงงอนๆ

“หึๆ มาสิเดี๋ยวก็รู้” เชษฐ์เดินนำกล้าขึ้นลิฟท์พาไปยังห้องรับรองสุดหรู “เข้าไปในห้องสิครับแล้วถามเอาเองนะว่าบอสพี่กำลังทำอะไรอยู่” เชษฐ์กระซิบอย่างขี้เล่นแล้วเผ่นแนบไปดูความเรียบร้อยที่ห้องแถลงข่าว กล้าสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วเปิดประตูเข้าไปเห็นร่างสูงที่นั่งอยู่ตรงโซฟา

“มาแล้วเหรอ..............” กวินที่หันมาพอเห็นร่างคนรักในชุดสูทสีขาวยืนตรงประตูคำพูดที่จะพูดก็หายไป ให้ตายเหอะนี่เขาคิดถูกหรือคิดผิดกัน ที่ให้คนจับน้องแต่งตัวกวินได้แต่หัวเสีย กล้ามองภาพกวินที่ยืนไม่พอใจอย่างใจแป้ว เขาดูไม่ดีเหรอร่างบางทำใจกล้าขยับเดินเข้าไปชิดยกมือขึ้นโอบเอวคนที่กำลังหัวเสียเงยหน้าถามอย่างไม่มั่นใจ

“กล้าดูไม่ดีเหรอครับ” กวินก้มหน้ามองแล้วถอนหายใจยาวยิ่งทำให้ใบหน้าหวานซีดลงก่อนที่จะพูดระบายออกมา

“ไม่ใช่เลยครับ เพราะกล้าดูดี ดูน่ารักจนเกินไป น่าทะนุถนอมจนพี่ไม่อยากให้กล้าออกไปเจอใคร กล้าน่ารักมากซะจนพี่อยากจับขังไว้ในห้องนอนไม่ให้ออกไปไหน” ยิ่งได้ดวงตากลมยิ่งเบิกกว้างใบหน้าขาวเหมือนโดนไปอังไฟจนร้อนฉ่า

“งือเลิกพูดเลยนะครับ”

“ยิ่งแก้มแดงแบบนี้พี่ยิ่งไม่อยากให้เราออกไปเจอใคร”

“ไม่ไหวแล้ว อือ” กล้ารีบยกมือมาปิดหูส่งเสียงหวานสั่นเครือ น่าอาย น่าอายที่สุด

ท่าทางน่ารักที่กวินอยากจับน้องโยนลงเตียงแล้วฟัดให้สมกับความน่ารักของน้องแต่ก็ไม่ได้ทำเพราะเลขาเขาเปิดประตูเข้ามาเรียกเสียก่อน

“ได้เวลาแล้วครับบอส” กวินพยักหน้าก่อนที่จะกุมมือเล็กจูงมือกันไปที่ห้องแถลงข่าวทันทีที่ร่างสูงปรากฎตัวแสงแฟรชก็สาดรัวจนร่างบางได้แต่ขยับเข้าไปหลบหลังแผ่นหลังกว้างอย่างตกใจ เชษฐ์รีบเข้าไปคุมสถานการณ์ กวินหันมากระซิบปลอบอย่างอ่อนโยนท่าทางเป็นห่วงและอ่อนหวานทำให้นักข่าวมองกันอย่างไม่เชื่อสายตา แทบจะยกกล้องเก็บภาพแทบไม่หวาดไม่ไหว กวินประคองคนที่ตื่นกล้องขึ้นบนเวทีเล็กนั่งลงบนโซฟาเขานั่งลงข้างๆ มือใหญ่บีบกระชับเบาๆ กล้าที่ตกใจเริ่มคุมสติตัวเองได้ขยับเข้าไปอิงแอบอย่างหาที่พึ่ง ก่อนที่งานแถลงข่าวจะเริ่มขึ้นจริงๆ

กล้าแทบจำไม่ได้ว่าตอบคำถามอะไรไปบ้างตั้งแต่ต้นจนจบงาน ได้แต่บีบมือที่จับเขาไว้แน่นตอบคำถามอย่างงงๆ โดยมีร่างสูงคอยช่วยเสมอ เขาจำไม่ได้ว่าเดินกลับมาห้องพักได้ยังไง

“ไหวรึเปล่าครับ” ผ้าเย็นๆ แตะลงที่แก้มพร้อมเสียงทุ้มแฝงความห่วงใยอย่างไม่ปิดบัง กล้าส่ายหน้าบอกว่าไม่ไหวหลับตาพริ้มเอียงหน้าให้มือใหญ่ใช้ผ้าขนหนูเช็ดหน้าให้ ทั้งๆ ที่มือใหญ่ท่าทางจะแข็งกระด้างแต่แรงที่ซับตามหน้านั้นกับดูอ่อนโยน ประคองเช็ดหน้าราวกับของล้ำค่า

“ขอบคุณนะครับ” กล้ายกยิ้มกว้างเอียงแก้มซบมือใหญ่

“คืนนี้ก็พักที่นี่ก่อนล่ะกันนะเดี๋ยวพี่ให้คนเอาเสื้อผ้ามาให้เปลี่ยน” เพราะเห็นท่าทางเหนื่อยอ่อนของคนรักแล้วเขาก็ไม่อยากให้เดินทางจนเหนื่อยอีก เดินเข้าไปเปิดน้ำไว้แล้วอุ้มคนรักเข้าห้องน้ำปล่อยให้น้องทำธุระส่วนเขาก็เดินออกไปสั่งให้คนไปซื้อเสื้อผ้ามาให้เขาและกล้าอย่างละสองชุด รอไม่นานลูกน้องก็เอาเสื้อผ้ามาส่งให้พอดีกับน้องที่ใส่ชุดคลุมออกมายืนนิ่งอยู่หน้าประตูไม่ยอมเดินต่อ

“นี่ครับเสื้อเป็นอะไรรึเปล่า”

“เปล่าครับพอดีกล้ามองไม่ชัด” น้องพูดพร้อมกับหัวเราะเขาก็ลืมไปว่าน้องคงถอดคอนแทคเลนส์ออกแล้ว กวินส่งชุดนอนให้ร่างเล็กแล้วเดินไปหยิบแว่นตาที่เขาเก็บไว้มาใส่ให้ แบบนี้สิถึงจะเป็นน้องกล้าของเขา ร่างสูงหยิบผ้าขนหนูเข้าห้องน้ำไป พอเดินออกมาก็เห็นก้อนกลมอยู่บนเตียงเรียบร้อยแล้วดูท่าน้องคงจะล้าจริงๆ เขาค่อยล้มตัวลงนอนข้างๆ ขยับเข้าไปตะกองกอดก้อนกลมแล้วหลับไปด้วยกัน

เปิดตัวคนรักหนุ่ม ของนักธุรกิจหนุ่มที่สาวๆ หมายปอง

ถือเป็นข่าวน่าตกใจและเรื่องน่ายินดี แต่สาวๆ หลายคนคงต้องเช็ดน้ำตา ไม่อยากเชื่อว่า หนุ่มฮอตที่สาวๆ โหวต ผู้ที่มีทั้งทรัพย์สินมหาศาลและธุรกิจมากมายแถมยังรูปร่างหน้าตาที่เป็นหนึ่ง เมื่อเย็นนี้ทางสำนักพิมพ์ได้รับจดหมายเชิญจากท่านประธานหนุ่มสุดหล่อหลังจากที่ข่าวครึกโครมเกี่ยวกับสาวปริศนาที่ลอนดอน ใจความจดหมายเชิญคือเรื่องเปิดตัวคนรัก ทุกคนต่างคาดการไปต่างๆ นาๆ ว่าจะเป็นสาวปริศนาคนนั้นหรือเปล่า

และช่วงเวลาที่เรารอคอยก็มาถึงประธานหนุ่มสุดหล่อเดินจูงมือกับคนที่พวกเราต่างไม่คาดคิด หนุ่มน้อยน่ารักท่าทางตื่นๆ ทำให้เราอดเอ็นดูไม่ได้ อยากรู้ว่าน่ารักแค่ไหนดูภาพประกอบเลยค่ะ ท่าทางที่ท่านประธานมาดดุที่คอยกระซิบ คอยกุมมือทำให้ดิฉันอยากจะกรี๊ดด้วยความอิจฉา ทำไมดูละมุมดูอบอุ่นหัวใจอย่างนี้ล่ะคะ ขอบอกเลยนะคะถ้าหากจะมีแฟนคลับขึ้นมาดิฉันจะขอเข้าร่วมเป็นคนแรกเลยค่ะ ไม่เชื่อดูภาพประกอบสุดเอ็กซ์คลูซีฟที่ทางเราถ่ายมาทุกซ็อตทุกความฟินเลยค่ะ

และก็มาถึงการแถลงข่าวที่ทำให้สาวอย่างดิฉันแทบละลายลงไปกองกับพื้นกับความหวานละมุนและความจริงใจของคุณกวิน

“ที่ผมจัดงานแถลงข่าวครั้งนี้เพราะอยากชี้แจงเรื่องภาพข่าวที่ไม่มีมูลความจริง” คุณกวินเว้นวรรคแต่สายตาคมทำเอาเหล่านักข่าวต่างสะดุ้งกันเป็นแถบๆ “และผมอยากเปิดตัวคนรักของผม กล้า เพราะฉะนั้นภาพที่ลงจึงไม่ใช่แฟนผมแต่อย่างใด” คำว่าคนรักที่ทำให้สาวๆ ทุกคนในห้องถึงกับเพ้อ “ผู้หญิงในรูปเป็นเพียงเพื่อนสนิทสมัยเรียนไฮสคูล เพราะไม่อยากให้คนรักของผมเข้าใจผิด...ผมเลยออกมาชี้แจงให้ทุกคนเข้าใจว่า...ผมเลือกคนที่ผมจะใช้ชีวิตคู่ด้วยตลอดไปและจะเป็นคนๆ เดียวที่ผมรัก” ถ้อยคำที่คุณกวินพูดออกมานั้นเต็มไปด้วยความจริงจังและสายตาที่สบประสานทำให้ดิฉันเชื่ออย่างสุดหัวใจเลยว่าทั้งสองคนรักกันจริงๆ หลังจากนั้นก็เปิดโอกาสให้บรรดาสื่อตั้งคำถาม ยังดีที่ปีการจัดการอย่างเป็นระเบียบคำถามทุกคนถูกตอบอย่างเท่าเทียม ซึ่งดิฉันได้ไล่เรียงให้ทุกคนได้รับรู้ถึงความรักของคู่รักแห่งปี

เจอกันได้อย่างไร

กวิน : เจอกันในตรอกครับ น้องเป็นคนมาช่วยผมไว้...ตอนนั้นผมโดนลอบทำร้ายครับ ทั้งๆ ที่กลัวแต่น้องก็มาช่วยแถมยังไม่รู้ว่าผมเป็นใครด้วยใช่ไหมครับ

กล้า (พยักหน้ารับรัวๆ)

แล้วทำไมถึงได้เข้าไปช่วยล่ะครับทั้งๆ ที่ไม่รู้จักกัน

น้องกล้า (ขอเรียกตามคุณกวินเลยก็แล้วกันนะคะ) ทำท่านึกนิดหนึ่งก่อนที่จะยกยิ้มบาง

กล้า : อือ...เพราะกลัวครับ กลัวว่าถ้าไมช่วยผมจะเสียใจภายหลังที่ไม่ได้ทำอะไร”

ไม่รู้จักคุณกวินจริงๆ เหรอครับ

กล้า : (ส่ายหน้า) ไม่รู้จักเลยครับ ตอนนี้ก็ยังไม่รู้จักคุณกวินของพวกพี่ๆ ผมรู้จักเพียง...พี่กวินคนที่นั่งข้างๆ ผม

(คำตอบนี้ของน้องกล้าทำเอาทุกคนอมยิ้ม แต่คนที่หนักสุดคงเป็นคุณกวินที่ยกมือขึ้นปิดปากท่าทางเขินอาย)

แล้วจีบน้องยังไงคะคุณกวิน

กวิน : อ่า พูดแล้วมันก็จะน่าอายหน่อยนะครับ ผมให้เชษฐ์คอยไปส่งขนมจนเกือบสองเดือน (น้องกล้าทำตาโตเหมือนไม่รู้มาก่อน) จนคิดว่าทนไม่ไหวเลยเข้าไปยืมหนังสือกับน้องทุกวันศุกร์

ไม่น่าเชื่อเลยนะคะที่คุณกวินจะทำอะไรอ้อมค้อมแบบนี้ แล้วได้คุยกันจริงๆ จังๆ ตอนไหนคะ

กวิน : หลังจากที่ไปยืมหนังสือประมาณสองเดือนกว่าครับผมตีมึนพาน้องไปทานข้าวแล้วก็เริ่มสนิทกัน

หลังจากนั้นดิฉันก็เก็บโมเม้นท์น่ารักๆ ของทั้งคู่มาให้ชมค่ะ ดิฉันขออวยพรให้ทั้งคู่มีแต่ความสุขรักกันหวานชื่นนะคะ ยืนยันนอนยันว่าคู่นี้เรียลค่ะ

รูปภาพดูต่อหน้าต่อไป

และใครจะไปรู้ว่านิตยสารคอลัมน์พิเศษนี้จะขายดีเป็นเทน้ำเทท่า เพราะเป็นการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของคู่รักชายรักชายที่มีหน้ามีตาในแวดวงสังคมธุรกิจ

“แว่นน้อยดังแล้ว” ชะเอมแซวเมื่อหลายคนที่มายืมหนังสือชะโงกหน้ามาดูทำเหมือนเพื่อนเธอเป็นแพนด้าในสวนสัตว์อย่างไงอย่างนั้นยังดีที่พี่กวินให้คนมาดูแลที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ถัดไปเลือกคนได้ถูกจริงๆ เลยนะ เพียงแค่มาดนิ่งๆ หน้าโหดกับชุดสูทสีดำก็ไม่มีใครมาวอแวแล้ว

“ไม่ได้อยากดังซักหน่อย” ถ้าไม่ใช่ที่พี่กวินไม่ยอมบอกเขาว่าจะจัดงานแถลงข่าว

“ดีใจล่ะสิ พี่กวินนี่เล่นใหญ่มากกกกกกกกก” ชะเอมลากเสียงยาวทำเอากล้าขำกับท่าทางของชะเอมที่เล่นใหญ่พอๆ กัน

“ก็ดีใจนะ” รอยยิ้มเขินอายเรียกความเอ็นดูจากทั้งคนที่มาเฝ้าและเพื่อนสนิท ชะเอมเดินไปนั่งกระแซะก่อนที่จะถามสิ่งที่เธอเองก็เขินอาย

“กล้า..เคยทำ...กับพี่กวินยัง” หลังจากที่เพื่อนสนิทเธอเปิดโลกใหม่ให้ เธอก็ตกลงไปในหลุมที่ไม่มีทางออกจนเข้าร่วมลัทธิสาววายไปเรียบร้อย กล้าที่เข้าใจความหมายของชะเอมที่ต้องการจะสื่อถึงกับหน้าแดงก่ำ

“พ..พูดอะไรออกมานะ”

“ท่าทางจะยัง แล้วพี่กวินทนได้ไง แว่นน้อยออกจะน่ารัก” ชะเอมบีบแก้มป่องด้วยความมั่นเขี้ยว กล้าคิดไปถึงทุกคืนที่นอนด้วยกันมีบางครั้งที่คนตัวโตลุกหายไปในห้องน้ำนานหลายนาที แม้เขาจะหมกตัวอยู่แต่กลับหนังสือแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่เข้าใจเรื่องธรรมชาติของผู้ชายหรอกนะ แต่พอจะให้ทำอะไรแบบนั้น......เขาก็อายเพียงแค่คิดเขายังอายม้วนอยากหนีกลับไปมุดตัวอยู่ในผ้าห่ม

“แล้วเคยจูบกันยัง” ชะเอมถามอย่างอยากรู้อยากเห็นเธอจะเอาไปแชร์กับคนในกลุ่มรับลองคนตายเกลี้ยงกลุ่มแน่ๆ ท่าทางแก้มแดงก่ำเป็นหลักฐานอย่างดีทำเอาเธอกรี๊ดในใจกำลังที่จะถามต่อเธอก็โดนขัดซะก่อน

“จะอยากรู้เรื่องแบบนี้ไปทำไมครับ” เขารู้สึกสงสารเจ้านายตัวเล็กที่เขินซะจนแทบจะมุดลงไปใต้โต๊ะแล้ว

“แล้วนายจะมายุ่งอะไรด้วยล่ะคะ”

“ก็เรื่องแบบนี้ยังไงล่ะครับ”

“แล้วฉันถามเพื่อนมันจะผิดอะไรนายอย่ามายุ่ง” กล้าไม่ได้สนใจสองคนที่สาดน้ำลายใส่กันในหัวเขาคิดถึงคนรัก ถ้าหากว่า.... ถ้าหากว่าพี่กวินขอแล้วเขาจะตอบรับหรือปฏิเสธ

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

สามวันนี้รู้สึกจะคึกหนัก ป่ันลงทุกวัน

หลังจากนี้อาจจะลงวันศุกร์เลยนะคะ เรื่องนี้คงจะปิดให้จบภายในสิ้นเดือนนี้

ฮืออเศร้าใจ ยังไงอ่านแล้วเป็นอย่างไรบอกเราด้วยนะคะ

ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์น่ารักๆนะคะ


ออฟไลน์ Letter123

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-2
21

“เป็นอะไรครับ” กวินรู้สึกแปลกๆ เมื่อคนรักนั่งคิดมากอยู่บนเตียงแถมตั้งแต่กลับมาคนตัวเล็กก็เหมือนมีอาการหลบหน้าหลบตาเขา พอขยับขึ้นไปนั่งข้างๆ บนเตียงเจ้าตัวก็สะดุ้งก้มหน้าก้มตามือขาวบีบกันแน่นจนเขากลัวว่ามันจะเจ็บเลยเอื้อมมือไปจับมือขาว

“ไหนเป็นอะไรบอกพี่หน่อยครับ” ร่างบางส่ายหน้ารัวทั้งๆ ที่ก้มหน้า

“เปล่าครับ” กวินมองคนโกหกถึงแม้แก้มขาวปรากฏริ้วแดงจนเขายิ่งอยากรู้ว่าน้องคิดอะไรอยู่

“บอกมาเร็วครับไม่งั้นพี่ไม่ปล่อยนะ” กวินเปลี่ยนจากที่กุมมือคว้าเอาตัวบางกอดรัดเบาๆ

“งือ...ไม่เอาปล่อยนะครับ”

“บอกพี่ก่อนเร็วครับ” แกล้งรัดเอวบางแรงจนคนตัวเล็กทนไม่ไหวยกมือขึ้นหยิกมือเขา

“บอกแล้วครับบอกแล้ว” เมื่อเห็นว่าเขาเอาคืนกล้าก็ยอมที่จะบอกดีๆ ปล่อยให้น้องหายใจหายคอซักพักถ้าน้องบอกว่าจะบอกคนตัวเล็กไม่เคยหลอกเขากอดเอวหลวมๆ ไว้เอนหลังพิงหัวเตียงให้คนตัวเล็กพิงอกนิ่ง

“วันนี้ชะเอมถามกล้า.....เรื่อง..เอ่อ..เรื่องนั้น” เหมือนมีเครื่องหมายคำถามขึ้นในหัวเรื่องอะไรกัน เมื่อเห็นว่าเขายังไม่เข้าใจกล้าก็เงยหน้าตาโตหลุกหลิกฟันคมกัดเรียวปากบางท่าทางน่ารักน่ารังแกจนเขาต้องอดใจไว้

“เรื่องไหนครับ”

“อ่า....เรื่อง..เรื่อง..เรื่องบน..เตียงครับ” เมื่อเห็นว่าเขาไม่เข้าใจร่างเล็กก็กลั้นใจบอกทั้งๆ ที่หน้าแดงก่ำพูดจบก็ซุกหน้าลงกับอกเขาคำตอบที่ได้รู้ทำเอากวินหัวเราะลั่น ไม่รู้เลยว่าสองคนนี้จะคุยกันเรื่องนี้เดาว่าน้องเอมคงเป็นคนถามแน่ๆ แต่ไม่รู้ว่าถามกันอีท่าไหนน้องถึงได้อายตกค้างไม่กล้าสบตาเขาแบบนี้

“หึๆ คนดีของพี่ เรื่องแบบนี้พี่ไม่ใช่ไม่คิดเพราะเราก็รู้ตัวดีใช่ไหมครับ” กวินรู้ดีว่าที่เขาลุกขึ้นกลางดึกน้องก็รู้ ใครจะทนได้ล่ะกลิ่นตัวหอมๆ เนื้อตัวนุ่มนิ่มที่ขยับเข้ามาซุกเขาอีกทำให้บางคืนที่สะกดกั้นอารมณ์ไม่ไหว แต่เขาก็ไม่คิดที่จะทำอะไรคนรักหรอกนะแค่จูบลึกซึ้งคนตัวเล็กก็สั่นจนเขาอยากค่อยเป็นค่อยไป

“อือ” กล้าครางรับเสียงเบาๆ เพราะรู้ดีถึงได้บอกออกไป

“พี่รอให้เราพร้อม ไม่อยากเอาเรื่องนี้มาเป็นแรงกดดันในความรักของเรา เอาเป็นว่าตัวเล็กไม่ต้องเครียดเรื่องนี้ โอเคไหม” ก้มลงไปถามร่างเล็กที่ยังซบอยู่ตรงอก ใบหน้าหวานเงยหน้าขึ้นมองดวงตากลมทอประกายซึ้งกับรอยยิ้มกว้างที่ทำให้กวินอดใจไม่ไหวกดริมฝีปากแนบหน้าผากเนียนสูดกลิ่นหอมหวานเป็นเอกลักษณ์ของร่างบางพร้อมกับสะกดกั้นอารมณ์ที่เริ่มประทุ

“นอนกันเถอะพรุ่งนี้ไปทำงานกับพี่นะ” กวินพูดชวน

“จะดีเหรอครับ”

“ดีสิพี่อยากอยู่กับเรา” ใจจริงกวินอยากให้น้องเลิกทำงานแล้วอยู่กับเขาตลอดเวลาแต่เขาก็ไม่อยากเห็นแก่ตัวบังคับน้อง

“ไม่เอาครับ พรุ่งนี้หนังสือใหม่เข้า”

“นี่พี่แพ้หนังสือใช่ไหม ฮ่าๆ ๆ” กวินเอนตัวนอนพร้อมกับตวัดผ้าห่มคลุมทั้งตัวเองและคนที่พิงอกเขาอยู่ นี่ไงครับสิ่งที่เขาต้องอดทนทุกคืน

“เพิ่งรู้เหรอครับ คิกๆ ฝันดีนะครับ” เสียงหวานพูดเบาลงเรื่อยๆ ท่าทางจะง่วงหนัก

“หึๆ ฝันดีครับ” เมื่อร่างเล็กขยับหาที่สบายก็หลับไป ปล่อยให้กวินสวดมนต์หลายจบแล้วหลับไป

.

.

กล้ามองเพื่อนสนิทกับพี่ที่ทำสงครามน้ำลายเหมือนทุกวันจนเขาขี้เกียจจะห้ามปรามปล่อยให้ทะเลาะกันแบบนี้ แต่ดูๆ ไปก็สนุกดีกล้าเลยไม่ห้ามอะไรแม้ว่าชะเอมจะหันมาแซวเรื่องนั้นอีกกล้าก็ไม่ได้รู้สึกอายอะไรเพราะความมั่นใจและวางใจจากกวินทำให้เขาเพียงยิ้มตอบ บางครั้งเรื่องของความรักก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเรื่องแบบนี้ซะหน่อย ไว้ถึงเวลา..เขาก็คงจะยินยอมพร้อมใจ

“กลับล่ะนะเอม” กล้าโบกมือลาชะเอมที่นั่งอยู่หลังเคาน์เตอร์ เขาเลิกงานเร็วเลยคิดว่าจะกลับไปทำกับข้าวอร่อยๆ ให้กับพี่กวินขอบคุณที่คอยดูแลและเป็นห่วงเสมอ บอกพี่ธันพาแวะตลาดเพื่อซื้อของเพิ่มแล้วตรงกลับบ้าน พี่กวินเสนอให้ชะเอมจ้างงานนักศึกษามาทำกะดึกเพื่อที่จะให้เขาเลิกงานเร็วและชะเอมก็ดันเห็นด้วย เอาเถอะก็ยังถือว่าดีที่พี่กวินไม่ได้ห้ามให้ทำงานเสียเลย

“ขอบคุณนะครับพี่ธัน” แม้จะโดนห้ามแต่กล้าก็ยังทำเหมือนเดิม

“ครับพรุ่งนี้ผมจะมารับเหมือนเดิมนะครับ” เขาได้แต่พยักหน้ารับก่อนที่จะหิ้วของเดินเข้าบ้านตรงไปที่ครัวใหญ่ เพราะมาอยู่ที่นี่ทำให้กล้าพัฒนาฝีมือการทำอาหารได้หลากหลายมากขึ้นถมยังสามารถทำขนมได้อีก

“ป้าครับเดี๋ยวผมทำอาหารเย็นวันนี้เองนะครับ” กล้าตรงเข้าไปกอดเอวร่างท้วมทีกำลังเก็บของเข้าตู้เย็น

“แหม จะทำให้คุณกวินทานอีกล่ะสิคะ” ป้าหันมาแซวยิ้มๆ ก่อนที่จะปล่อยห้องครัวให้ผมและยังห้ามให้ผมทำความสะอาดอีก ง่าก็เขาไม่อยากทิ้งงานให้ป้าทำนี่น่า

ร่างขาวหมุนซ้ายหมุนขวาเดินทั่วครัวเพื่อทำอาหารให้คนพิเศษในคืนนี้แถมยังมีของหวานที่เขาเพิ่งรู้ไม่นานมานี้ว่าคนตัวโตชอบ ชอบกินของหวานและขนมหวานเพียงแต่ไม่ค่อยได้ทานเพราะจะให้คนตัวโตใส่สูทเดินหน้าเข้มเข้าร้านขนมหวานก็คงรู้สึกเขินอายเหมือนกัน เพราะงั้นพอรู้ร่างบางเลยหาโอกาสว่างทำทั้งขนมไทยและขนมเทศให้แถมยังเผือแผ่ให้คนรอบข้าง เล่าเอาทุกคนบ่นว่าต้องเข้าฟิตเนสเพราะน้ำหนักขึ้น

ฟอด

“หอมจังครับ” เพราะมัวแต่ก้มละลายน้ำตาลในน้ำกะทิเลยไม่รู้ว่ามีใครมาด้านหลังจนแรงกอดรัดที่เอวพร้อมกับแก้มที่โดนขโมยหอมไป

“ยังไม่เสร็จเลยครับ ขึ้นไปอาบน้ำก่อนไหม” กล้าหันหน้าไปถามเขาเคยชินแล้วกับการที่จู่ๆ ถูกกอดถูกหอมตั้งแต่ย้ายมาอยู่ด้วยกันได้รับรู้เลยว่าคนตัวโตนั้นชอบสัมผัสอยู่ใกล้กันต้องคว้าเขาไปกอด

“งั้นเดี๋ยวพี่ลงมานะครับ” ฟอด ยังไม่วายที่จะหอมแก้มเขาอีกครั้ง กล้าได้แต่ส่ายหัวให้กับความตอดเล็กตอดน้อยของร่างสูง หันมาทำของหวานให้เสร็จเขาก็ตั้งโต๊ะพอดีกับร่างสูงเดินลงมา ระหว่างทานข้าวร่างเล็กคอยตักกับข้าวให้กันและกัน ผลัดกันเล่าเรื่องในวันนี้ให้อีกฝ่ายฟังแม้เป็นการการทำง่ายๆ แต่มันคือการสร้างความสัมพันธ์

จนถึงเวลานอนเวลาที่ร่างเล็กรู้สึกเขินอายเพราะยิ่งเห็นเขาเคยชินร่างสูงก็หันมาใส่เพียงกางเกงนอนขายาวเพียงตัวเดียวอวดกล้ามเนื้อสวยที่เมื่อร่างเล็กตื่นขึ้นมาตอนเช้าต้องหน้าแดงทุกครั้งเมื่อได้เห็นใกล้ชิด กล้าเช็ดผมจนแห้งพาดผ้าเช็ดตัวเรียบร้อยก็ขยับขึ้นบนเตียงล้มตัวลงนอนข้างๆ คนตัวโตที่คว้าเขาไปกอดทันที ตอนนี้เขาไม่ได้นอนม้วนตัวในผ้าห่มแล้วเพราะมีความอบอุ่นที่โอบกอดเขาไว้ทุกๆ คืน ร่างขาวขยับขึ้นซบบนอกกว้าง

“หือ อ้อนอะไรพี่ครับ” กวินถามอย่างแปลกใจปกติแล้วไม่มีทางซะล่ะที่คนขี้อายอย่างกล้าจะทำอะไรแบบนี้

“ไม่ได้เหรอครับ” ไม่ใช่ว่าไม่ได้ แต่การที่น้องนอนเกยอกเขาอยู่อย่างนี้มันไม่ปลอดภัยกับน้องเลยซักนิด

“ได้สิ มีอะไรหรือเปล่า” กวินสบตากลมทีจ้องตอบในแววตามีเพียงความมั่นใจที่สื่ออกมาแต่ก่อนที่เขาจะได้ถามอะไรคนที่นอนอยู่บนอกก็ขยับตัว กดจูบที่ปลายคางแล้วยิ้มหวาน

ท่าทางแบบนี้หมายความว่ายังไง

หึย

จะไม่ทนแล้ว

กวินโอบกอดฉกชิมรสหวาน พลิกร่างบางลงบนที่นอนมือหนาลูบไล้ผิวเนียนลื่นมือ เสียงครางหวานยิ่งปลุกเร้าอารมณ์ให้ลุกโชน กวินแตะทุกส่วนด้วยความทะนุถนอมช่วงเวลาที่เขาได้เป็นหนึ่งเดียวกับคนรักมันช่างเป็นอะไรที่สุขล้น ไม่ใช่เพียงแค่เซ็กส์แต่มันคือการเมคเลิฟ กวินจูบเก็บน้ำตาที่หางตาโต

“เจ็บไหมครับ”

“ไหว อือ..อึดอัด พี่กวินช่วยด้วย” แขนเรียวตวัดโอบรอบคอหนากระซิบเสียงพร่า กวินกัดกรามแน่นเพราะความน่ารักของคนรัก ร่างใหญ่ตักตวงความหวานจนค่อนคืน ร่างบางตาปรือแทบจะหลับมิหลับแหล่รับรู้เพียงความเย็นจากผ้าขนหนูที่เช็ดตามตัว ก่อนที่จะหลับไปได้ยินเพียงคำรักข้างๆ หู กวินรั้งเอวบางเข้ามากอดหลังจากที่เช็ดตัวและใส่ชุดนอนให้น้องเรียบร้อย ในใจอิ่มเอมกับความรักและความไว้ใจที่คนตัวเล็กมีให้แม้อยากจะตักตวงให้มากกว่านี้แต่ก็สงสารร่างบางที่ดูเหนื่อยอ่อนแล้วเมื่อรอบสุดท้าย

กวินตื่นขึ้นมาทั้งๆ ที่นอนได้นิดเดียวเพราะความร้อนที่แนบอก ร่างสูงผุดลุกขึ้นมือหนาแตะหน้าผากเนียนรับรู้ถึงอุณหภูมิที่สูงใบหน้าขาซีด กวินตวัดผ้าห่มออกรีบเดินเข้าห้องน้ำเตรียมน้ำและผ้ามาเช็ดตัวร่างบาง พยายามที่จะไม่มองรอยรักที่เขาฝากไว้ทั่วผิวเนียน

“อดทนไว้ไอ้กวิน” ร่างสูงบ่นกับตัวเอง รีบเช็ดตัวอย่างรวดเร็วดึงผ้าห่มคลุมให้จนปิดคอเก็บของเรียบร้อยกวินก็โทรไปบอกเชษฐ์ว่าวันนี้จะไม่เข้าบริษัทและให้โทรเรียกลุงหมอมาให้ด้วยร่างสูงรีบวางสายหนีก่อนที่เชษฐ์จะพูดแซวอะไรอีก

“ป้าครับข้าวเช้าผมขอเป็นข้าวต้มและโจ๊กใส่ไข่ให้น้องนะครับ” พอดีกับที่กวินเปิดประตูป้านิ่มก็กำลังจะขึ้นมาถามว่าทำไมเจ้านายถึงไม่ลงไปข้างล่างเสียทีทั้งๆ ที่สายแล้ว

“ได้ค่ะ น้องกล้าเป็นอะไรรึเปล่าคะ” กวินบอกเพียงน้องไม่ค่อยสบาย สั่งเรียบร้อยร่างสูงก็เดินกลับเข้าห้อง นั่งลงข้างๆ คนป่วยเขาน่าจะเอายาให้น้องกินก่อน มือหนาคอยเช็ดตัวให้อุณหภูมิน้องลดลง เสียงเคาะประตูคนที่เข้ามาใหม่คือลุงหมอ

“ไหนคนป่วย” กวินยกมือไหว้แล้วขยับตัวให้ลุงหมอตรวจร่างบางที่นอนหลับสนิทเพราะพิษไข้

“อือ..” เสียงเล็กๆ ครางแหบพร่าเมื่อถูกพลิกตัวเพื่อที่ต้องฉีดยา พอฉีดเสร็จก็เหมือนว่าจะหลับลงอีกรอบ

“เดี๋ยวก็ดีขึ้นแล้วล่ะ ลุงฉีดยาให้แล้วทีหลังก็ถนอมๆ น้องหน่อย” ลุงหมอพูดกระเซ้าเพราะเพียงฟังการโม้ของเจ้าคนที่ตามตัวมารักษาก็เดาอะไรได้หลายอย่าง กวินถอนหายใจแรงแต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรเพียงยกมือไหว้และขอบคุณลุงหมอที่มาแต่เช้า กวินลุกไปส่งลุงหมอที่ประตูพร้อมกับรับยาที่ลุงหมอให้ไว้มีทั้งใช้กินและทา.. ถ้าน้องรู้คงตัวแดงเป็นกุ้งต้มแน่ๆ

“อือ.. พี่กวิน” กวินรู้สึกตัวเพราะเสียงแหบที่เรียกเขา นี่เผลอหลับไปสินะ

“เป็นไงบ้าง รู้สึกไม่สบายตรงไหนไหม ค่อยๆ จิบน้ำนะ” กวินค่อยๆ ป้อนน้ำอุ่นให้คนป่วย

“ดีขึ้นแล้วครับ”

“งั้นกินโจ๊กนะ” เมื่อเห็นร่างบางพยักหน้ากวินรีบยกถ้าโจ๊กมาป้อน ร่างบางกินได้เพียงครึ่งหนึ่งแม้กวินจะคะยั้นคะยอให้กินเพิ่มแต่กล้าก็รู้สึกเจ็บคอจนทานอีกไม่ไหว

“งั้นทานยาครับ” พอเห็นเม็ดยาในแก้วแล้วกล้าอยากจะส่ายหน้าไม่ยอมกินแต่ถ้าไม่กินเขาก็จะไม่หายร่างบางเลยได้แต่กลั้นใจโยนยาเข้าปากแล้วกรอกน้ำตามจนแทบหมดเหยือก

“นอนพักนะครับ” กวินดึงผ้าห่มคลุมพร้อมกับกดจูบที่หน้าผากเนียน

กล้าได้แต่นอนบนเตียงแม้จะดีขึ้นแล้วแต่คนตัวโตไม่ยอมให้เขาไปทำงานเสียที จึงได้แต่นอนหมกตัวอยู่ในห้องหนังสือ ยังดีที่ให้พี่ธันไปทำงานแทนหวังว่าจะไม่ทะเลาะกันตายหรอกนะ กล้าหยิบหนังสือในกล่องที่ยังไม่เปิดเขาลืมไปแล้วว่าเคยมีกล่องๆ นี้ กล้าค่อยๆ เปิดกล่องด้านในเป็นหนังสือที่เขาต้องใช้เวลานานเพื่อที่จะซ่อมมันเพราะดันไปทำเปียกเสียก่อน

หนังสือในวันนั้น หนังสือที่ทำให้เขาได้เจอกับคนที่ทำให้เขารู้จักกับคำว่ารักเพราะถ้าเขาไม่เลือกหนังสือพวกนี้เพลินเขาคงไม่ได้รู้จักกับพี่กวิน เพราะวันนั้นมัวห่วงคนบาดเจ็บเลยเอาหนังสือวางบนพื้นผลคือหนังสือเปียกจนเขาต้องใช้เวลาซ่อมอยู่นาน เป็นหนังสือเกี่ยวกับความรักกล้าค่อยๆ หยิบหนังสือในกล่องออกมาหอบไปที่โต๊ะข้างที่อ่านหนังสือที่กวินสั่งให้คนมาทำใหม่ เตียงยาวข้างหน้าต่างบานกว้างที่เขาชอบมานอนอ่านหนังสือที่นี่

ร่างขาวที่นอนหลับทั้งๆ ที่มีหนังสือวางไว้บนอกทำให้กวินนึกอยากจะปลุกขึ้นมาบ่นเสียจริงทั้งๆ ที่ในห้องก็เปิดแอร์แต่ไม่ยอมคลุมผ้าห่มเดี๋ยวไข้กลับกันพอดี กวินเดินไปนั่งลงข้างๆ มองใบหน้าเนียนที่หลับสนิทบนใบหน้าประดับรอยยิ้มจางจนกวินอยากรู้ว่าอะไรทำให้คนตัวเล็กยิ้มทั้งๆ ที่หลับอย่างนี้ แต่แค่เห็นร่างเล็กหลับอย่างมีความสุขข้างๆ เขา กวินก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว แม้จะจะมีเงินมากมายแต่หากขาดคนที่เป็นที่พักใจชีวิตก็คงว่างเปล่าเหมือนที่แล้วมา มือใหญ่ลูบแก้มเนียนรอยยิ้มกว้างที่ไม่มีใครเคยเห็น รอยยิ้มที่มีเพื่อคนๆ เดียว คนที่เขาเพียงสงสัยคนที่มาช่วยเขาทั้งๆ ที่ตัวเองทั้งตัวก็เล็กแค่นั้น ไหนจะเป็นคนขี้อายอีกแต่พอได้สังเกตพอได้คุยยิ่งทำให้เขาอยากปกป้อง อยากดูแล และอยากที่จะรัก..........และอยู่ด้วยกันอย่างนี้แม้จะเรียบง่ายและอาจจะแตกต่างกันไปบ้างแต่ก็เป็นส่วนที่ลงตัวสำหรับเรา
จบแล้วนะคะ 

อาจจะไม่ใช่เรื่องยาวอะไร เรื่องนี้ทีแรกเป็นเพียงเรื่องสั้น 

แต่เค้าเขียนยาวเอง TT^TT มันมือไปหน่อย 

และเป็นการทดลองเขียนแบบใหม่ 

ขอบคุณสำหรับการติดตาม น้องกล้ากับพี่กวินมาจนถึงตอนนี้นะคะ

เจอกันเรื่องใหม่ค่ะ 


ออฟไลน์ Meen2495

  • is allergic to drama.
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-4
เผลอไปแป๊บเดียว จบแล้ว
::

น่ารักเช่นเดิมค่ะคู่นี้
พี่กวินรักน้องแบบมั่นคงมากจริง ๆ
ดีจัง

ขอบคุณที่เขียนให้อ่าน แบบไม่กั๊กตอนกันเลย
แล้วจะรอเรื่องต่อไปนะคะ

"ขอบคุณค่ะ"

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ฟีลกู๊ดมากๆ
แบบเอ็นดููน้องกล้า น่ารักอะไรขนาดนี้ TT

ออฟไลน์ Tennyo_Y

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 739
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
น่ารัก ตอนแรกเลยนะอ่านไปนึกว่าพลูอะแฟนเก่าที่ทิ้งไป แถมหวงบ้านอีกงี้ อ่อ สรุป ผู้ปกครอง เล่นเอาใจหายแวบ


ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ บีเวอร์

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 392
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
น้องน่ารักกกก พี่ก็ละมุนไปอีกกกกกกก

 :hao7:

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ KARMI

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-2

ออฟไลน์ benceii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
น้องงงงง น่ารัมาก ๆ ค่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด