- แทนจันทร์ - EP 11 [17/04/2562]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: - แทนจันทร์ - EP 11 [17/04/2562]  (อ่าน 10041 ครั้ง)

ออฟไลน์ Caramel Syrup

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 465
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-2
Re: - แทนจันทร์ - EP 8 [28/03/2562]
«ตอบ #30 เมื่อ28-03-2019 21:33:02 »

มาต่อแล้ว   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ k00_eng^^

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 647
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-2
Re: - แทนจันทร์ - EP 8 [28/03/2562]
«ตอบ #31 เมื่อ28-03-2019 21:39:08 »

 :o12:

ออฟไลน์ wutwit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 259
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-2
Re: - แทนจันทร์ - EP 8 [28/03/2562]
«ตอบ #32 เมื่อ29-03-2019 06:06:41 »

มาต่อแล้ว มาทีก็สงสารที

ออฟไลน์ manneewan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: - แทนจันทร์ - EP 8 [28/03/2562]
«ตอบ #33 เมื่อ02-04-2019 12:33:10 »

  :mew6:หนูเจ้าลูก

ออฟไลน์ Mr.Embrace

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-2
Re: - แทนจันทร์ - EP 9 [03/04/2562]
«ตอบ #34 เมื่อ03-04-2019 22:57:02 »

- EP 9 -

- Tiptan’s -

   ใครต่างก็บอกว่า พวกเขาอิจฉาผม ที่ผมมีแฟนสวย เป็นถึงดาวคณะนิเทศ แต่ในความเป็นจริงแล้วนั้น จะมีสักกี่คนที่รู้ว่าผม…ไม่ได้มีความสุขเหมือนที่ใครเขาพูดกันเลยแม้แต่นิดเดียว

   ถ้าเมื่อก่อนอาจจะใช่…แต่ตอนนี้มันไม่ใช่อีกต่อไปแล้ว

   แพรเป็นผู้หญิงที่สวย สวยแบบเข้ามาในโรงเรียนครั้งแรก ผู้ชายหลายคนก็มองกันเป็นตาเดียว

   เธอไม่ได้สวยแบบที่กำลังเป็นที่นิยม แต่ต้องพูดอย่างไรดีละครับ…สวยแบบ…หากแพรจะเป็นนางเอกละคร ก็คงไม่ใช่เรื่องยากเลย      




    เราสองคนเป็นแฟนกันมา ถ้านับจริงๆปีนี้ก็เป็นปีที่สามและกำลังจะครบรอบปีที่สี่ในอีกไม่นานนี้

   ครั้งแรกที่เราคบกันตอนนั้นเราทั้งคู่อยู่ ม.4 เราสองคนเรียนอยู่โรงเรียนเดียวกัน และบังเอิญได้อยู่ห้องเดียวกัน

   ทั้งผมและแพร เราต่างก็เป็นเด็กที่เพิ่งย้ายมาใหม่เหมือนกันทั้งคู่ ทำให้ช่วงแรกๆยังไม่มีเพื่อน และด้วยความที่ส่วนใหญ่เพื่อนในห้องรู้จักกันมาอยู่แล้ว เพราะยกชั้นเลื่อนขึ้นมาจาก ม.ต้น ตามกันขึ้นมา

   ตัวผมเองที่เป็นผู้ชายมันไม่ใช่เรื่องยากอะไรสักเท่าไร กับการที่จะหาเพื่อนใหม่ สังคมใหม่ แค่เพียงเตะบอลด้วยกันสักสองสามครั้ง ก็สนิทกันได้แล้ว สำหรับผู้ชาย

   เมื่อเทียบกันกับแพรแล้วต่างกันอย่างสิ้นเชิง การหาเพื่อนใหม่เป็นอะไรที่ค่อนข้างยากสำหรับเธอ ไม่รู้ว่าเธอไม่เข้าหาเพื่อนเลย หรือเพื่อนไม่ต้อนรับเธอเลยกันแน่ และอีกอย่างด้วยความที่เธอสวยจนเกินหน้าเกินตา ทำให้ผู้หญิงหลายคนคงจะอิจฉาเธอ…

   หรืออาจจะเป็นเพราะบุคลิกของเธอที่ดูหยิ่งๆ และไม่ค่อยจะเป็นมิตรด้วยแล้ว ทำให้คนอื่นอาจจะไม่อยากคุยด้วย

   ขนาดผมเองยังเคยรู้สึกแบบนั้น…

   ครั้งแรกที่เราคุยกัน ผมเป็นคนเข้าไปทักเธอก่อน แรกๆต้องยอมรับเลยว่าคุยด้วยแล้วไม่อยากคุยต่อ ถามคำตอบคำ มันทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิดแบบบอกไม่ถูก








   แต่จุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมได้มาสนิทกับเธอก็เพราะว่าวันหนึ่ง ขณะที่ผมกำลังจะกลับบ้าน ผมถูกนักเรียนโรงเรียนที่เป็นศัตรูกันเข้ามารุมทำร้าย ทั้งๆที่ความจริง ไม่ใช่ความผิดของผมเลย เพราะผมไม่เคยมีเรื่องอะไรกับใครทั้งนั้น

   ตั้งแต่ที่แม่ผมเสีย ผมเลยคิดได้ว่าจะตั้งใจเรียนเพื่อไปเป็นหมอ ฉะนั้นเรื่องต่อยตีกันลืมไปได้เลย

   และอีกอย่างผมเพิ่งย้ายมาไม่นาน น่าจะไม่รู้จักกันกับคนพวกนี้แน่นอน มารู้ทีหลังจากพวกรุ่นพี่ว่าเป็นศัตรูกันกับพวกนักเรียนห้องท้าย พวกนี้เวลาจะเอาคืน มันไม่สนใจหรอกนะครับ ว่าจะเป็นใคร แค่เห็นว่าเป็นนักเรียนโรงเรียนคู่อริ มันก็จะเล่นงานเราทันที

   ครั้งนั้นที่รอดมาได้ก็เพราะแพรมาช่วยเอาไว้

   “ มีคนถูกทำร้ายค่ะคุณตำรวจ ”

   หลังจากที่เธอตะโกนไปแบบนั้น พวกที่มันกระทืบผมก็วิ่งหนีไป

   แพรเข้ามาหิ้วปีกผมโดยการเอาแขนของผมไปพาดไว้ที่คอของเธอ

   เราสองคนกับมาที่โรงเรียนเพื่อที่จะมาทำแผล โชคดีที่ห้องพยาบาลยังไม่ปิด เลยได้อาจารย์ที่ประจำอยู่ห้องพยาบาลทำแผลให้ พร้อมกับแจ้งไปทางฝ่ายปกครอง ให้ดำเนินเรื่องทำคดีความกันต่อไป

   “ ขอบคุณนะ ”

   “ อืม ”

   “ เราชื่อแทน ”

   “ รู้อยู่แล้ว ”

   “ รู้ได้ไง? ”

   “  เราเป็นเพื่อนห้องเดียวกัน และนายเองก็ดัง ”

   “ หื้ม ” ผมยักคิ้วเชิงสงสัย

   “  ก็เวลาฉันเขาห้องน้ำ ไม่ว่าจะเป็นรุ่นพี่ หรือรุ่นน้อง เขาก็มักจะพูดถึงนายทั้งนั้นแหละ ”

   “ พูดในห้องส้วม นี้มันดีไม่ดีวะ ”

   “ ไม่รู้…ไม่ค่อยสนใจ ”

   และหลังจากนั้น เราสองคนก็ค่อยๆสนิทกันมากขึ้น

   แพรเป็นคนที่นิสัยดีมากๆเลยคนหนึ่ง แถมยังตลกมากๆ คุยด้วยแล้วสบายใจ ไม่ได้นิสัยไม่ดีเหมือนกันกับที่เห็นภายนอก   

    เราพากันติวหนังสือ ไปกินข้าวด้วยกัน ไปเที่ยวด้วยกัน

   …สุดท้ายเราสองคน…ก็พัฒนาไปสู่ความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง…

   และเป็นผลทำให้แพรเอง มีเพื่อนมากขึ้น…แพรกลายเป็นคนเฟรนลี่ และดังมากๆในโรงเรียน

   และด้วยความดังของแพร ทำให้เริ่มเป็นที่รู้จักกันมากมายจากวงในออกไปสู่วงนอก

   แพรเริ่มได้รับความนิยมจากโลกโซเชี่ยล

   มีโมเดลลิ่ง…เข้ามาติดต่อให้ไปแคสติ้งงาน จากงานถ่ายแบบ ก็กลายเป็นโฆษณา และแพรก็เข้าสู่วงการบันเทิงอย่างเต็มตัว

   และนี้ก็เป็นจุดเริ่มต้น ของรอยร้าวความสัมพันธ์ของเราสองคน

   เรื่องที่เราคบกันต้องเป็นความลับ มีแค่เพื่อนในห้องที่สนิทเท่านั้นที่รู้ ครั้งหนึ่งเราสองคนเคยเล่นละครแกล้งทำเป็นว่าเลิกกันแล้ว

   แรกๆผมก็ไม่ได้รู้สึกอะไร เพราะเราเข้าใจ แต่ไปๆมาๆ ผมเริ่มอึดอัด มีแฟนแต่เราไม่สามารถไปไหนมาไหนด้วยกันได้

   เต็มที่แค่คุยโทรศัพท์




   ช่วงชั้นมัธยมปลายปีสุดท้าย แพรขอพักงานด้านบันเทิงไว้ก่อน เพื่อที่จะมาตั้งใจเรียน และสอบเข้ามหา’ลัยให้ได้ก่อน

   และเธอก็ติดรอบโควตา คณะนิเทศ ของมหา’ลัยที่เรากำลังเรียนกันอยู่ในตอนนี้

   

   มีข่าวออกมาว่าเธอแอบคบกับดารารุ่นเดียวกัน ที่เคยเล่นหนังด้วยกัน…

   ช่วงนั้นที่ผมเห็นข่าวก็ไม่ได้คิดอะไร แต่กลับไปถามเธอให้เรียบร้อย

   เธอก็ตอบมาว่าเป็นเพื่อนกัน

   แต่หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า ‘กำลังอยู่ในช่วงศึกษาดูใจ’

   ผมยอมรับเลยว่าเสียใจมาก ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ผมกำลังจะเตรียมตัวสอบอย่างหนักเพื่อจะเข้าคณะแพทย์ให้ได้

   เกือบจะไปไม่เป็นเหมือนกัน แต่ต้องดึงตัวเองกลับมาให้ได้ ผมโฟกัสที่อนาคตของตัวเองก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากันที่หลัง

   เรายังไม่ได้เลิกกัน แต่ตั้งแต่ที่มีข่าว เราสองคนก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย

   

   จนมาช่วงวันเปิดเรียนของมหา’ลัยที่ อยู่ๆเธอก็ทักผมมา และบอกว่า ‘เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ไหม’

   ผมไม่ได้ให้คำตอบ แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ

   เพราะลึกๆผมยังคงผูกพันกับเธออยู่ คบกันมาตั้งหลายปี จะให้ตัดใจในเร็ววันมันก็คงจะง่ายเกินไปหน่อย

   แต่ถามว่ารู้สึกเหมือนเดิมไหม ตอบได้เลยว่า ‘ไม่’

   ลองให้โอกาสเธออีกครั้ง

   และคิดว่าเราจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้

   มีใครบางคนมาเปลี่ยนความคิดนั้น นั่นคือ เจ้า ผมไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ว่าทำไมผู้ชายคนนี้ถึงมีอิทธิพลกับผมมากมายขนาดนี้

   เคยสงสัยเหมือนกันกับเพื่อนหลายคน ว่าทำไมตัวเองจะต้องมาใส่ใจเขามากมายขนาดนี้ ทั้งๆที่เราเป็นเพียงคนที่บังเอิญเจอกันเพียงเท่านั้น

   ช่วงแรกต้องยอมรับเลยว่าการที่เขามาอยู่ด้วยกันค่อนข้างลำบากใจ เพราะผมค่อนข้างที่จะรักความเป็นส่วนตัว แต่ไม่ได้ถึงขั้นเป็นภาระ เหมือนที่เพื่อนผมพูดกัน

   แต่ไม่น่าเชื่อเหมือนกันว่าการที่ได้มาดูแลใครสักคน คอยไปรับไปส่งเขา หรือทำอาหารให้เขากิน มันจะมีความสุขมากมายขนาดนี้

   จากความลำบากใจในตอนแรกแปรเปลี่ยนเป็นความเต็มใจ และยินดีที่ได้ทำ








   หลังจากที่ผมขับรถไปส่งแพรที่คณะ ผมมองดูนาฬิกาข้อมือ ยังพอมีเวลาเหลือก่อนที่จะเริ่มเรียนในคลาสแรก

   ผมขับรถวนไปตามทางเดิมที่ขับผ่านมา ไปเริ่มต้นตั้งแต่ร้านข้าวที่ทานไป คิดว่าอาจจะเจอคนที่ดื้อจนไม่ยอมขึ้นรถมาด้วยกัน

   แต่ขับไปจนถึงหน้าคณะของเขา ก็ไม่เห็นเขา อาจจะเป็นเพราะว่าขึ้นเรียนไปแล้ว ผมเลยขับรถไปยังคณะของผม

   



   เมื่อหมดคลาสแรกในตอนเช้า ผมกำลังจะโทรหาเจ้า แต่ดันโดนอาจารย์เรียกให้ไปช่วยงานก่อน

   Taan : กินข้าวก่อนเลย ไม่ต้องรอ

   ผมส่งข้อความไปหาอีกคน ให้เขากินข้าวไปก่อน ปกติผมจะไปกินข้าวด้วย แต่คาดว่าอาจารย์น่าจะให้ช่วยงานจนเกือบจะเริ่มเรียนคลาสในตอนบ่าย เพราะผมได้ยินแกสั่งข้าวเผื่อผมกับเพื่อนแล้วเรียบร้อย






   ผมหยิบมือถือมาเปิดเข้าดูที่หน้าต่างโปรแกรมแชท หลังจากเลิกเรียน แต่ไม่มีการตอบกลับใดๆของอีกฝ่ายเลย และยังไม่ขึ้นอ่านด้วย ผมเริ่มรู้สึกว่ามันแปลกๆ

   “ พวกมึงกูไปก่อน ”

   “ จะรีบไปไหนวะ ไปกินข้าวเป็นเพื่อนกูก่อน ” เต้เพื่อนสนิทของผมร้องขอ

   “ โทษที รีบ ” ผมคว้ากระเป๋าและรีบออกจากห้องทันที

   


   ผมขับรถมาจอดหน้าตึกคณะของจันทร์ เดินวนอยู่แต่ก็ไม่เจอ ผมจำได้แม่นว่าวันนี้เขามีเรียนทั้งตอนเช้าและตอนบ่าย

   เลยตัดสินใจขึ้นไปตามหาบนอาคารเรียน

   ผมเปิดตารางของอีกฝ่ายที่เซฟมา เพื่อดูห้องที่เขาเรียน ผมเพิ่งเคยขึ้นมาข้างบนครั้งแรก เพราะปกติอีกฝ่ายจะนั่งรอผมอยู่หน้าตึก

   ผมถามนักศึกษาแถวนั้น พร้อมกลับได้คำตอบว่าห้องนั้นอยู่ที่ไหน

   ผมเดินมาหยุดหน้าห้องที่มีป้ายเลขห้องแปะตรงกับในตาราง
   
   เลยเปิดประตูเข้าไป พบว่ามีเพียงนักศึกษานั่งอยู่เพียงไม่กี่คนเท่านั้น

   “ เห็นจันทร์เจ้าไหม ” ผมเดินเข้าไปถามนักศึกษากลุ่มนั้น

   พวกเธอทำหน้าเหมือนไม่รู้จัก  ผมเลยเปิดรูปที่แอบถ่ายเอาไว้ให้พวกเขาดู

   พวกเขาถึงจะนึกออก

   “ วันนี้เหมือนจะไม่มาเรียนนะ ”

   “ เมื่อเช้าก็ไม่เห็น ”

   “ ขอบคุณมาก ” ผมเดินจากพวกเธอมาหลังจากได้คำตอบ

   พยายามนึกว่าเขาจะไปอยู่ที่ไหน

   ผมขับรถวนไป พร้อมๆกับกดโทรศัพท์โทรหาเขาไปด้วย ยังโทรติด แต่ไม่มีคนรับสาย

   ในใจก็เกิดความกลัวเล็กๆว่าเหตุการณ์เดิมๆจะซ้ำรอย เลยลองขับรถไปใต้สะพานที่เคยเจอเขา

   แต่ก็ไม่เห็น…

   ผมจึงตัดสินใจกลับคอนโด เผื่อเขาจะกลับมาที่ห้องแล้ว เราอาจจะสวนทางกัน

   ผมเปิดเข้าไปในห้องสิ่งแรกที่มองคือชั้นวางรองเท้าและมีรองเท้าของเขาวางอยู่

   ผมเลยลองเรียกชื่อเขา…แต่เงียบ ห้องทั้งห้องเงียบเหมือนไม่มีคนอยู่

   เลยจะลองไปดูที่ห้องนอน กำลังจะเดินเลยไปถึงห้องนอนของเขา สายของผมดันไปสะดุดเขากับร่างที่นอนแน่นิ่งอยู่ที่พื้น มีน้ำลายฟูมปากออกมา พร้อมกับอาการชัก วินาทีนั้น เหมือนหัวใจของผมร่วงไปอยู่ที่ตาตุ่ม

   พยายามตั้งสติแล้วไปหยิบไข่ไก่จากในตู้เย็น เช็ดน้ำลายที่ฟูมปากแล้วตอกใส่ลงไปในปากของจันทร์

   ผมเองก็ไม่รู้หรอกว่าวิธีนี้จะได้ผลจริงหรือเปล่า ถึงแม้ว่าผมจะเรียนคณะแพทย์ แต่ก็ยังเรียนไม่ขั้นนี้ แต่เคยอ่านเจอมาว่าให้ทำแบบนี้

   ไม่นานจันทร์ก็อ้วกสิ่งที่กินเข้าไปออกมา ผมลองดูพบว่ามียาจำนวนหลายสิบเม็ดออกมา ผมเช็ดอ้วกที่ออกมาออกจากปาก และใช้ถุงพลาสติกครอบปากของเขาเอาไว้กลัวว่าหากขณะที่ไปโรงพยาบาลจะอ้วกจนเลอะเทอะตัวเขาอีก

   ผมอุ้มเขาขึ้นมา พร้อมกับรีบไปที่รถให้เร็วที่สุด 

     ผมวางเขาไว้ที่เบาะข้างคนขับและมาประจำตำแหน่งที่นั่งของคนขับ

   ผมเหยียบคันเร่งเร็วที่สุดท่าที่จะทำได้ โดยไม่สนใจเสียงแตรที่บีบไล่หลังมา

   ณ วินาทีนั้น ผมคิดเพียงแค่ว่า จะต้องรักษาชีวิตของเขาเอาไว้ให้ได้ กลัวว่าหากช้าไปกว่านี้ คนที่ไม่ได้สติอยู่ข้างๆจะจากผมไป หากเป็นอย่างนั้นผมคงไม่มีวันให้ไปอภัยตัวเองอีกเป็นอันขาด




   ผมมาส่งเขาถึงมือหมอ ได้แต่รออยู่หน้าห้องฉุกเฉิน ทั้งๆที่ผมอยากเข้าไปด้วยจนแถบจะขาดใจ แต่ทำได้แค่นั่งรออยู่หน้าห้อง

   ระหว่างทางที่ขับรถมา ผมโทรบอกพ่อ

   และพ่อมาอยู่เป็นเพื่อนผม ผมเครียดมากจริงๆ ผมเอาแต่โทษตัวเองที่ปล่อยให้เขาอยู่คนเดียว ทั้งๆที่พ่อเองก็เตือนผมแล้ว

   พ่อปลอบใจผมและบอกผมว่ามันไม่ใช่ความผิดของผม

   แต่คิดยังไง ผมก็ผิดจริงๆ ถ้าผมเดินไปตามเขา และไม่ปล่อยให้เขาลุกไป และไปส่งเขาที่คณะ เรื่องแบบนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น





   หลังจากนั่งรออยู่ไปเป็นชั่วโมง

   ประตูห้องฉุกเฉินก็ถูกเปิดออก พร้อมกับปรากฏร่างของผู้ชายวัยกลางคน ส่วมใส่ชุดกราวน์

   “ คนไข้พ้นขีดอันตรายแล้วนะครับ ทางเราได้ล้างท้องและน้ำยาออกมาจนหมดแล้ว แต่เนื่องจากคนไข้ทานยาเข้าไปเป็นจำนวนมาก อาจจะส่งผลให้เกิดผลกระทบต่อระบบประสาท และการตอบสนอง ยังไงเดี๋ยวรอดูอาการ ถ้าไม่มีอาการผิดปกติอะไร ก็คงกลับบ้านได้ แต่วันนี้เดี๋ยวจะย้ายไปที่ห้องพักและคงนอนดูอาการอีกสักคืน ”

   “ ขอบคุณครับ ” ผมยกมือไหว้คุณหมอ

   “ เดี๋ยวผมจะนอนเฝ้าของเองครับ พ่อกลับบ้านไปพักผ่อนเถอะครับ ”

   “ ลูกไหว ใช่ไหม ”

   “ ครับ ”

   “ โอเค งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้พ่อมาหา ”

   “ ครับ ”

   ผมไปส่งพ่อขึ้นรถและตัวเองกลับไปที่ห้องพักของจันทร์

   “ มึง พรุ่งนี้กูฝากลานะ ” ผมกดโทรศัพท์ต่อสายหาเต้

   “ ไม่ได้ พรุ่งนี้เขามีเทสย่อย ”

   “ หรอ ไปสอบย้อนหลังได้ไหม ”

   “ น่าจะได้ไม่ได้มั้งมึง ”

   “ เชี้ย เออๆ ขอบคุณมาก ” ผมกดวางสายพร้อมกับเปิดประตูเข้าไปในห้องพัก

   บนเตียงมีร่างเล็กนอนอยู่ พร้อมกับเสาน้ำเกลือ ตั้งอยู่ข้างๆ

   ผมลูบกลุ่มผมนิ่มๆบนหัว ที่พลิ้วไหวไปตามมือในยามที่ผมสัมผัส

   ผิวที่ปกติขาวอยู่แล้ว ก็ขาวซีดกว่าเดิมเหมือนกับว่าไม่มีเลือดอยู่เลย

   รู้สึกสงสารคนตรงหน้าจับใจ…

   จังหวะที่เห็นเขากำลังดิ้นทุรนทุราย ผมแถบจะเป็นบ้า

   ตอนนี้…พอเห็นว่าคนตรงหน้านี้ยังมีลมหายใจ ก็รู้สึกดีแบบบอกไม่ถูก

   ผมจูบลงไปที่หน้าผากของเขาเบาๆ หวังว่าจะช่วยบรรเทาความทุกข์ทรมานของเขาให้ลดลงไปบ้าง

   
 

   









   TBC.




   Talk;

   ตอนนี้ยาวกว่าตอนอื่นเลย มาเล่าเรื่องน้องแพรพลอยของเราให้ฟังบ้าง เป็นกำลังใจให้น้องจันทร์เจ้ากับพี่แทนไปด้วยกันนะครับ
   ขอบคุณสำหรับกำลังใจ ทุกกำลังใจที่มีให้ผมเลยนะครับ
   ถ้าใครอ่านแล้วชอบ ก็คอมเม้นเป็นกำลังใจให้กับไรท์ได้นะครับ :)
   ถ้าใครสงสัยฉากไหนตรงไหน ก็เม้นไว้ได้เลย เดี๋ยวจะมาตอบคำถามให้นะครับ

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
Re: - แทนจันทร์ - EP 9 [03/04/2562]
«ตอบ #35 เมื่อ04-04-2019 15:08:28 »

ขอให้ทั้งสองคนก้าวผ่านช่วงเวลาที่แย่ๆให้ได้นะจ๊ะ

ออฟไลน์ wutwit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 259
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-2
Re: - แทนจันทร์ - EP 9 [03/04/2562]
«ตอบ #36 เมื่อ05-04-2019 20:35:51 »

สรุปไม่ได้เป็นแฟนกันแล้ว จันทร์เจ้าก็มีสิทธิ์ดิ

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
Re: - แทนจันทร์ - EP 9 [03/04/2562]
«ตอบ #37 เมื่อ06-04-2019 01:10:00 »

 :hao5: นอกจากจะมาม่าโรคซึมเศร้า ยังมีมาม่าเรื่องคนอื่นมาป่วนอีกกกก

ออฟไลน์ Mr.Embrace

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-2
Re: - แทนจันทร์ - EP 10 [16/04/2562]
«ตอบ #38 เมื่อ16-04-2019 20:52:27 »

- EP 10 -


   แสงแดดในยามเช้าที่ลอดผ่านเข้ามาจากทางหน้าต่าง มันส่องเข้ามาที่ตาผม ทำให้ผมรับรู้ได้ว่าตอนนี้เป็นเวลาเช้าแล้ว
   ผมเปลี่ยนจากท่านอนเป็นท่านั่ง ขยับตัวบิดขี้เกียจเล็กน้อย คลายความเมื่อยจากการที่นอนบนโซฝาเพื่อเฝ้าคนป่วย
   ตัวเลขบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนเป็นสิ่งที่เตือนว่าผมควรที่จะกลับไปอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าที่คอนโด  เพื่อที่จะได้ไปให้ทันข้อทำสอบเทสย่อยที่เพื่อนได้บอกเมื่อคืน
   …มองคนที่ยังหลับไม่ได้สติอยู่บนเตียง…
   “ รอก่อนนะ เดี๋ยวกลับมา ” ผมบอกกับคนที่นอนนิ่งพร้อมกับลูบหัวของเขา ก่อนที่จะดึงผ้าห่มให้ขึ้นมาคลุมให้ที่หน้าออก เพราะกลัวว่าอีกคนจะหนาว

   

   การสอบย่อยในวันนี้ ถ้าหากจะบอกว่าผ่านพ้นไปด้วยดีไหมก็คงไม่ใช่ แล้วถ้าถามว่าแย่ไหม ก็ไม่แย่เช่นกัน

   ผมไม่ได้ทบทวนบทเรียนก่อนที่จะมาสอบ แต่เรื่องที่สอบวันนี้คือเรื่องที่เรียนไปเมื่อวาน ผมเป็นคนที่มีความจำค่อนข้างจะดี ทำให้ไม่มีปัญหากับการสอบในวันนี้ ถามว่าจำทั้งหมดได้เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์เลยไหม ผมจำไม่ได้หรอกครับ จำได้พอคร่าวๆ ทำข้อสอบไปให้พอมีคะแนน ให้คะแนนไม่น่าเกียรติจนเกินไป อาจจะเกือบผ่าน หรือไม่ก็คงจะพอผ่าน คะแนนคงไม่ได้ดีอะไร เอาความรู้ที่พอจะจำได้ มาเขียนลงไป แต่นี้แค่เก็บคะแนนย่อยไม่ได้เก็บเยอะเท่าไร เดี๋ยวไปทำข้อสอบตอนปลายภาคเอาก็น่าจะพอช่วยได้




   ผมเดินทางไปโรงพยาบาลทันทีเพราะพ่อส่งข้อความมาบอกตั้งแต่เช้าแล้วว่าจันทร์ฟื้นแล้ว
   ผมเคาะประตูห้องพักผู้ป่วยก่อนจะหมุนลูกปิดประตูเข้าไป ก็เจอคนที่นั่งอยู่บนเตียงกำลังเหม่อลอยออกไปยังนอกหน้าต่าง
   ผมเดินเข้าไปใกล้เขา เขาหันหน้ามามองผมช้าๆ ไม่ได้พูดอะไร แต่ยิ้มให้ผมบางๆ
   ผมยิ้มตอบกลับเขา
   “ กินอะไรหรือยัง ” ผมถามเขาแต่เขาไม่ได้ตอบกลับอะไร แต่หันไปมองที่ถาดที่อยู่ที่ข้างเตียงแทน
   กับคนของคนป่วยนี้ยังไงก็ไม่น่ากินเอาเสียเลย ประกอบกับคงเป็นเพราะจันทร์เจ้ากินยาเข้าไปแล้วอาจจะไปทำร้ายกระเพาะ ทำให้ต้องทานอาหารอ่อนๆ จากที่ถามหมอมา หมอบอกว่าเขายังไม่สามารถทานอะไรที่หนักๆได้ และทานได้แค่เพียงอะไรที่เป็นน้ำเท่านั้น
   ทำให้อาหารที่ผู้ป่วยกินได้มีเพียงน้ำซุปและนมหนึ่งกล่อง
   นมจืดถูกเสียบหลอดเอาไว้ ผมลองจับกล่องนมยกดู มันยังมีนมอยู่จนแถบจะเต็มกล่อง ไม่ได้ลดลงไปจากปริมาณในตอแรกเลยด้วยซ้ำ แถมน้ำซุปที่ให้มาก็ยังไม่ได้แกะเอาพลาสติกที่หุ้มเอาไว้ออกเลย
   “ ทำไมไม่กิน ”
   “ … ”
   “ ไม่หิวหรอ ”
   “ … ” เขาไม่ได้ตอบเป็นคำพูด แต่พยักหน้าลงเล็กน้อย
   “ กินน้อยขนาดนี้ แล้วจะหายไหม เดี๋ยวจะไม่มีแรงเอานะ ”
   เจ้าตัวยังคงนิ่งเงียบ
   ‘ เฮ้อ ’ ผมถอนหายใจออกมาเล็กน้อย ให้กับความดื้อของคนตรงหน้า ที่ปกติก็ดื้อมากอยู่แล้ว พอไม่สบายก็จะดื้อมากกว่าปกติ
   เขาเริ่มกัดปาก และน้ำตาคลอเบ้า เหมือนว่ากำลังจะร้องไห้
   “ ไม่ได้ว่าอะไรเลย จะร้องไห้ทำไม ” ผมลูบหัวอีกคนอย่างเบามือ กลัวว่าถ้าแรงเกินไป อีกคนจะพากันร้องไห้เอาได้
   “ ปล่อยมือจากหัวน้องกูได้หรือยัง! ” ผมหันไปมองทางต้นเสียง เป็นเสียงของผู้ชายคนหนึ่งที่ มีผิวขาวเหมือนกับคนที่ผมเพิ่งจะลูบหัวไป ส่วนสูงพอๆกันกับผม ซึ่งผมเองก็ไม่เคยเห็นหน้าและไม่เคยรู้จักกับเขามาก่อน
   ‘ น้องกู ’ ผมทวนคำพูดของเขาในใจ
   ก่อนที่อีกคนที่นั่งอยู่บนเตียงเมื่อสักครู่นี้ จะวิ่งลงจากเตียง แล้วเข้าไปกอดคนที่มาใหม่ พร้อมเรียกชื่อของคนนั้นว่า “ พี่ฉาย ”
   ชื่อที่หลุดออกมาจากปากของจันทร์ทำให้ผมหวนย้อนกลับไปนึกได้ว่า จันทร์เคยเล่าให้ฟังถึงเรื่องพี่ชายที่อยู่ต่างประเทศ
   พอนึกได้ ก็ยกมือขึ้นมาไหว้
   แต่ผมโดนเมิน…
   เขาสองคนพี่น้องเหมือนอยู่ในโลกที่มีเพียงพวกเขาสองคน คนพี่ก็โอ๋น้อง คนน้องก็อ้อนพี่ พากันลูบหัวหอมหัวกันอยู่อย่างนั้น
   ไม่รู้ทำไมแต่ผมยิ้มตาม…อาจจะเป็นเพราะว่าผมไม่เคยเห็นมุมน่ารักของคนตรงหน้าล่ะมั้ง ปกติแล้ว เขาเป็นคนนิ่งๆ เป็นคนแสดงความรู้สึกไม่เก่ง จะดีใจหรือเสียใจ ก็ไม่ค่อยจะแสดงออกมาให้ผมได้รู้
   “ พี่ฉาย… ”
   “น้องจันทร์...”
   ผลัดกันเรียกแทนตัวเองไปมาแบบไหน แล้วพากันเล่าเรื่องต่างๆ บอกคิดถึงกันเหมือนว่าไม่เจอกันมานานหลายสิบปี การแทนตัวเองที่แสนจะน่ารักของสองพี่น้อง ในบทสนทนา
   ‘น่ารัก’
   ผมยังคงมองและยืนยิ้มเหมือนคนบ้าอยู่แบบนั้น
   คนเป็นพี่เห็นผมยืนยิ้มอยู่ ก็ขยับปากใส่ผมแบบไม่มีเสียง ผมพยายามจับใจความ ก็ได้เป็นคำว่า ‘ มอง เหี้ย ไร!’  แล้วมองผมด้วยสายตาที่แข็งกร้าว แต่สองแขนก็ยังคงกอดน้องจนแถบจะจมอก
   เมื่อโดนด่าแบบนั้นผมนี้แถบจะหันหน้าไปทางอื่นไม่ทัน
   กับน้องชายนี้ทำตัวใจดีเหมือนกับเทวดา แต่กับคนอื่นนี้ดูอย่างกับยักษ์ ผมได้แต่คิดในใจแบบนั้น ไม่กล้าพูดออกไป หากพูดออกไปอาจจะเลือดกบปากเอาได้
   
   คุณหมอเดินเข้ามาพอดีกับตอนที่สองคนพี่น้องผละจากกัน
   “ แข็งแรงดีแล้วนี้ น่าตกใจเลยนะ ไม่คิดว่าจะลุกมาเดินได้เร็วขนาดนี้ งั้นเดี๋ยวหมอขอดูอาการหน่อยนะ ”
   “ ครับ ”
   “ ปวดท้องหรืออะไรไหม ”
   “ นิดหน่อยครับ ”
   “ รู้สึกหน้ามืดไหม ”
   “ ยังไม่นะครับ แต่ไม่ค่อยมีแรง ”
   “ ก็ไม่ยอมทานอะไรเลย จะมีแรงได้ยังไงล่ะ ”
   “ ไม่ค่อยหิวน่ะครับ ”
   “ ดูจากอาการคร่าวๆแล้ว ก็น่าจะให้กลับบ้านได้แล้ว ไปพักผ่อนที่บ้านได้ นี้ต้องขอบคุณเพื่อนหนูนะ ที่พามาส่งมือหมอไหว เลยล้างท้องได้ทัน ร่างกายยังไม่รับสารจากตัวยาไปเยอะเท่าไร ไม่อย่างนั้น อาจจะไม่ได้มากอดกับพี่แล้ว ”
   “ ครับ ”
   “ ยังไงช่วงนี้ก็ระวังการกินก่อนนะ กินอาหารอ่อนๆ อย่าเพิ่งทานอะไรที่ย่อยยากๆ อาจจะไม่ค่อยมีแรงเท่าไร ถ้าเป็นไปได้ก็ ควรจะนอนพักอยู่บ้านเฉยๆ ยังไม่ควรที่จะออกไปข้างนอก สัก 2 วัน พอมีแรงก็น่าจะกลับไปใช้ชีวิตตามปกติได้ อาจจะมีอาการเบลอๆอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ร้ายแรงอะไร ”
   “ ครับ ”
   “ สงสัยอะไรไหมครับ ”
   “ ไม่มีครับ ”
   “ งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ  ”
   “ ขอบคุณมากนะครับคุณหมอ ”










   “ ทำไมจันทร์ไม่บอกพี่ว่าย้ายหอ ”
   “ ก็จันทร์กลัวพี่ฉายจะดุ ”
   “ มันใช่เรื่องไหมเนี่ย ”
   “ พี่ฉายอย่างอนจันทร์เลย ”
   “ มันน่าไหมล่ะ ทำอะไรไม่เคยจะบอกพี่ ”
   “ … ”
   “ จะทำอะไรก็ต้องนึกถึงพี่บ้าง…พี่เป็นห่วง ”
   “ ฮึก ”
   “ จันทร์ไหวไหม โอเคหรือเปล่า ”
   “ … ”
   “ พี่ขอโทษนะ ที่ดูแลจันทร์ไม่ดี ”
   “ ฮือ จันทร์ขอโทษ ”
   “ มันทรมานมากเลยใช่ไหม ”
   “ มากเลยครับพี่ฉาย ”
   “ ทนอีกนิดได้ไหม เดี๋ยวพี่ก็จะกลับมาอยู่กับจันทร์แล้ว ”
   “  ฮึก จันทร์จะรอ ”
   “ อีกนิดเดียวพี่สัญญา ”
   “ ครับ ”
   “ อย่าทำอะไรแบบนี้อีกได้ไหม ”
   “ … ”
   “ ชีวิตพี่ตอนนี้ก็เหลือแค่จันทร์คนเดียว ถ้าจันทร์ไม่อยู่ แล้วพี่จะอยู่กับใคร ”
   “ เดี๋ยวพี่ฉายก็มีแฟน ”
   “ มันใช่เวลามาพูดแบบนี้ไหมเนี่ย ”
   “ ฮึก ”
   “ เดี๋ยวพี่ต้องรีบบินกลับไปแล้ว พรุ่งนี้พี่มีสอบ ”
   “ อ้าว จะกลับแล้วหรอ ”
   “ หรือยังไงดี หรือจะให้พี่ดรอปเรียนไว้ก่อนไหม ”
   “ ไม่ได้นะ พี่ห้ามทำแบบนั้นเด็ดขาด ”
   “ หรือจันทร์จะย้ายไปอยู่กับพี่ ”
   “ จันทร์อยากเรียนที่ไทยครับ ”
   “ เฮ้อ ก็ได้ แต่ยังไงน้องต้องดูแลตัวเองให้ดีนะ สัญญากับพี่ ”
   “ ครับ  จันทร์สัญญา ”
   “ ถ้าไม่สบายใจหรืออะไร ต้องโทรหาพี่ และห้ามคิดสั้นอีก โอเคนะ ”
   “ ครับ พี่ฉาย อยู่จนกว่าจันทร์จะหลับได้ไหม ”
   “ ได้ครับ นอนพักนะคนเก่ง ”
   
   บทสนทนาของสองพี่น้องที่ลอดผ่านช่องประตูออกมา ทำให้ผมพอจะได้ยินอยู่บ้าง ไม่นานพี่ชายของจันทร์ก็เดินออกมาจากห้องนอน คงแปลว่าอีกคนได้หลับไปแล้ว
   
   “ ขอคุยกับนายหน่อย ”
   “ ครับ ”
   “ ชื่อแทนใช่ไหม ”
   “ ครับ ”
   “ เข้าเรื่องเลยละกัน พี่รีบ ”
   “ ฟังจากอาหมอ พ่อของนายมาบ้างแล้ว ขอบคุณมากๆที่คอยดูแลจันทร์ แต่พี่ก็พอรู้มาว่านายทำน้องของพี่เสียใจ ”
   “ ขอโทษครับ ”
   “ จะโทษนายฝ่ายเดียวก็คงไม่ได้ ต้องโทษน้องพี่ด้วย ”
   “ ครับ ”
   “ จันทร์น่ะชอบนายมากๆเลยนะ ชอบเล่าเรื่องของนายให้ฟังเวลาโทรคุยกัน ”
   “ … ” แถบแอบดีใจแบบบอกไม่ถูก
   “ แต่นายมีแฟนอยู่แล้ว ถ้าพี่พูดไปแล้วทำให้นายอึดอัดก็ขอโทษด้วย ถามตรงๆว่า ยังอยากให้น้องพี่อยู่ด้วยไหม ถ้าไม่สะดวก พี่ก็จะหาที่อยู่ให้น้องของพี่ใหม่ จะได้ไม่รบกวนนาย ”
   “ ไม่เป็นไรครับ ผมเต็มใจ ”
   “ นายแน่ใจนะ ”
   “ ครับ ”
   “ งั้นพี่คงต้องฝากน้องของพี่ด้วย อีกไม่นานเดี๋ยวพี่ก็จะกลับมาดูแลเขาเอง แต่ถ้านายทำน้องพี่เสียใจอีก พี่จะมารับเขาไปอยู่กลับพี่ทันที ”
      
   

   ผมไปส่งพี่ของจันทร์ที่สนามบินทันเวลาเช็คอินพอดี
   กลับมาถึงห้องก็พบคนที่หลับไปตื่นขึ้นมาพอดี
   “ พี่ฉายกลับแล้วหรอ ”
   “ อืม ”
   จันทร์ไม่ได้พูดอะไรต่อ ก่อนที่จะเดินไปนั่งหน้าทีวี
   “ หิวไหม ” ผมถามพรางนั่งลงข้างๆ
   “ ไม่ครับ แล้วแทนหิวไหม ”
   “ ไม่ค่อยเท่าไร ขอคุยอะไรด้วยหน่อย ”
   “ ครับ ”
   “ ทีหลังอย่าทำอะไรแบบนี้อีก ”
   “ ขอโทษครับ ที่สร้างแต่เรื่องให้ ” อีกคนตัวเริ่มสั่น
   “ เปล่า…ไม่ใช่แบบนั้น ”
   “…”
   “ แค่กลัวจะเสียนายไป ”   
   “ … ”
   “ อย่าทำแบบนั้นอีก ขอร้อง ได้ไหม ”   
   “  ฮึก ครับ ”
   ผมใช้แขนดึงเขาเข้ามากอด ก่อนที่จะจับให้เขาหงายหน้าขึ้นมา ดวงตาสองคู่ประสานกันก่อนที่ผมจะค่อยเคลื่อนหน้าเข้าไปใกล้ใบหน้าขาว แล้วจูบทับไปที่เปลือกตา เพื่อซับน้ำตาที่กำลังไหลหยดหลังมาที่แก้ม
   ผมไล่จูบจากเปลือกตา ลงมาเรื่อยๆ ก่อนจะมาหยุดที่ริมฝีปากบาง แล้วจูบลงไปอย่างแผ่วเบา
   จากนั้น ผมใช้ปากเม้มปากของอีกคน ก่อนจะพยายามดันลิ้นเข้าไปควานหาความหวานของอีกคนที่อยู่ในอ้อมกอด
   เขาใช้มือสองข้างจับยึดที่เสื้อของผม ก่อนที่จะขย้ำมัน
   ผมผละออกจากเขาเพื่อให้เขาหายใน ก่อนจะช้อนเอาตัวเขาขึ้นมาไว้ในแขน แล้วเดินเข้าไปยังห้องนอนของผมเอง
   เขาทำหน้าตกใจเล็กน้อย
   “ ปกติแทนไม่ให้ผมเขามาในห้องนี้ครับ ”
   ก่อนที่อีกคนจะสงสัยไปมากกว่านี้ ผมวางร่างเล็กที่ตัวเบาหวิว อาจจะเพราะว่ากำลังป่วยลงบนที่นอนอย่างเบามือ
   ก่อนจะโน้มหน้าเข้าไปใกล้เขา กำลังจะประทับริมฝีปากลงไป
   “ อุ๊บ ” อีกคนเอามือปิดปาก ก่อนที่จะวิ่งไปยังห้องน้ำ
   ผมรีบตามเข้าไป เขาโก่งขออ้วก ผมทำอะไรไม่ได้นอกจากลูบหลัง
   “ เป็นไงบ้าง ”
   “ ดีขึ้นแล้วครับ ” อีกคนก้มหน้าคุยกับผมหลังจากล้างปาก ล้างคอเสร็จแล้ว
   “ งั้นนอนเลยล่ะกัน ”
   “ ครับ ”
   “ จะไปไหน ”
   “ ไปนอนไงครับ ”
   “ นอนนี้แหละ ”
   “ จะดีหรอครับ ”
   “ อือ ดี นอนด้วยกัน ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ”
   “ เอ่อ แต่ว่า… ”
   “ ห้ามแต่ หรือจะให้ฉันย้ายไปนอนห้องนายไหม ”
   “ ไม่เป็นไรครับ นอนนี้ก็ได้ครับ ”   
   “ ก็แค่นี้ นอนก่อนเลย ฉันไปอาบน้ำก่อน ”
   ผมลุกจากเตียงแล้วรีบหันหลังให้อีกคน กลัวเจ้าน้องชายของผมมันจะไปชี้หน้าเขา สงสัยคืนนี้ผมคงจะต้องจัดการกับอารมณ์ของตัวเองเสียก่อนที่จะหลับ ไม่อย่างนั้นคืนนี้ผมคงนอนไม่ได้แน่ๆ








   “ ยังไงวันนี้ก็พักตามที่หมอสั่งไปก่อน กินอะไรที่อ่อนๆด้วย ฉันซื้อโจ๊กมาให้แล้ว นมก็มีอยู่ในตู้เย็น กินข้าวกินยาให้ตรงเวลานะ ”
   “ ครับ ”
   “ เจอกันตอนเย็น ”
   ผมออกจากคอนโดเพื่อไปเรียน ส่วนจันทร์คงต้องพักผ่อนอยู่ที่คอนโดตามที่หมอสั่งให้อาการดีกว่านี้ก่อนถึงจะมาเรียนได้   
   ตอนแรกเจ้าตัวบอกว่าหายแล้ว
   พูดไม่ทันขาดคำ ก็ทำแก้วน้ำตกแตก ขอโทษเป็นยกใหญ่
   ลุกจากเตียงก็เกือบจะเป็นลม ผมเลยต้องซื้อข้าวซื้อนมมาไว้ให้ ขืนให้ทำอาหารเอง มีหวังได้เข้าโรงพยาบาลอีกรอบ
   


   “ เต้ มึงมีเพื่อนเรียนศิลปะศาสตร์ป่ะวะ ”
   “ เพื่อนไม่มี มีแต่กิ๊ก ”
   “ เออ กิ๊กก็ได้ ช่วยอะไรกูหน่อย ”
   เรื่องที่ผมให้เพื่อนสนิทช่วยคือ ไปถามงานของเด็กวิจิตรศิลป์ สาขาที่จันทร์เจ้าเรียนให้หน่อย ว่ามีงานอะไรบ้าง เพราะผมจำได้ว่า จันทร์เจ้าทำงานส่งแถบทุกวัน ไม่รู้จะสั่งงานอะไรเยอะแยะหนักหนา
   แต่อย่างว่าแหละครับ แต่ละคณะก็มีความอยากง่ายต่างกัน อย่างพวกผมก็ต้องท่องตำรากันจนแถบจะอ้วก
   และก็จะให้ฝากให้ด้วย หายไปหลายวัน ไม่บอกไม่กล่าวอาจารย์เขา อาจจะหมดสิทธิ์สอบได้
   “ เออๆ เดี๋ยวก็บอกให้ ”
   “ มึงต้องบอกเลย ”
   “ รีบจังวะ ”
   “ ก็กูจะได้เอางานไปให้จันทร์เจ้ามันทำ ”
   “ เป็นห่วงกันจังวะ ที่กับกูมึงไม่เห็นเป็นห่วงแบบนี้ ”
   “ มึงกูก็ห่วง แต่คนละแบบ ”
   “ หรอออ ”
   “ อืม ”
   “ มึงชอบเขาใช่ไหม ”
   “ ชอบเหี้ยอะไร ไร้สาระ ”
   “ เออ ขอให้จริงเถอะ ”
   “ … ”
   “ มึงจะชอบหรือไม่ชอบกูก็จะไม่ยุ่งละกัน แต่ยังไง มึงก็ควรจะเลือกสักทางนะเว้ย ไม่อย่างนั้น จะมีคนมากกว่าหนึ่งคนต้องเสียใจเพราะมึง ”
   “  เออ ”
   “ ไปๆเข้าเรียน ”
   “ แล้วงานจันทร์เจ้าอ่ะ ”
   “ โถ่ว ตอนนี้มันยังไม่เริ่มเรียน เดี๋ยวตอนเที่ยงกูไปขอให้ รีบจังอ่ะ นี้ส่งข้อความไปบอกให้ลาให้แล้ว ”
   “ … ”
   “ ไปๆ ไปเรียน ”
   เพื่อนของเขาส่ายหน้าให้กับความร้อนรนของเขา ปกติธิปแทนแถบจะเป็นคนนิ่ง สุขุม ใจเย็น แต่กับเรื่องของจันทร์เจ้าทีไร รีบร้อนตลอด ไม่เป็นตัวเองเลยสักครั้ง

    - Tiptan’s end -




   ผมเปลี่ยนช่องทีวีไปเรื่อยๆ ตาก็มองไปยังนาฬิกาอีกไม่นาน เจ้าของคอนโดก็จะกลับมา
   พอนึกถึงเขาทีไรก็พาลให้นึกถึงเรื่องเมื่อคืนอยู่เรื่อยๆ นึกทีไรอากาศรอบตัวก็ร้อนขึ้นทุกที
   “ กลับมาแล้ว ” เสียงทุ่มหน้าฟังกล่าวทักทาย
   “ ครับ ”
   “ กินข้าวหรือยัง ”
   “ เรียบร้อยแล้วครับ ”
   “ ยาล่ะ ”
   “ ก็เรียบร้อยแล้วครับ ”
   “ อ่ะนี้ ”    เขายื่นเศษกระดาษแผ่นหนึ่งให้ผมพร้อมกับถึงใส่ของ
   “ ครับ? ”
   “ งานน่ะ ทำให้เสร็จแล้วเดี๋ยวเอาไปส่งอาจารย์ให้ ”
   “ อ่อครับ ”
   ผมคลี่กระดาษดูรายละเอียดงานที่สั่ง ลองมองนาฬิกา ถ้าทำตอนนี้น่าจะพอทันส่งพรุ่งนี้เช้าอยู่ งานคราวนี้ไม่ได้ยากมาก แต่งานค่อนข้างจะละเอียด
   “ ผมขอตัวไปทำงานก่อนนะครับ ”
   “ อืม ”
   ตอนนี้เป็นเวลาเกือบตีสองแล้ว ผมนั่งอยู่กับงานชิ้นนี้มาเป็นเวลาร่วม 7 ชั่วโมง
   ผมมองงานที่เกือบเสร็จสมบูรณ์เหลือแต่ตัดเสร็จอีกเล็กน้อย แต่มันค่อนข้างจะละเอียด
   แต่ตอนนี้ตาของผมค่อนข้างจะเบลอ เลยตั้งใจว่าค่อยตื่นมาทำน่าจะดีกว่า ถ้าหากงานเละไปผมได้ทำใหม่แน่ๆ
   อีกอย่างผมว่าผมควรนอนพักก่อน กว่างานจะมาได้เยอะขนาดนี้ ผมก็แถบจะหมดแรง เพราะอ้วกออกมาก็หลายรอบ ความตายมันทรมานจริงๆแหละครับ
   ถ้าหากคนที่ฆ่าตัวตายแล้วได้ตายก็คงจะไปสบาย   
   แต่อย่างผมต้องมานั่งชดใช้เวรกรรมของตัวเองต่อไป

   ผมตื่นขึ้นมาก่อนจะเห็นว่า พระอาทิตย์ขึ้นแล้ว ก็รีบเด้งตัวขึ้นจากที่นอน ตั้งใจว่าจะนอนแปบเดียวแล้วตื่นมาทำงานต่อตอนตีห้า แต่รู้ตัวอีกที่ก็เกือบแปดโมงแล้ว
   เห็นอย่างนั้นเลยรีบไปนั่งที่โต๊ะกำลังจะจับปากกาตัดเส้น
   แต่ต้องชะงัก เมื่อเห็นว่างานที่ทำค้างไว้ เสร็จหมดแล้ว
   “ เอางานมา จะไปเรียนแล้ว ”
   “ ครับ แทนคือว่า ”
   “ ค่อยมาคุยกัน เดี๋ยวไปเรียนก่อน ”

   
   

   ผมเหม่อมองไปยังท้องฟ้ากว้าง ที่ตอนนี้เริ่มเปลี่ยนสีเป็นสีส้มเข้ม ตัดกับเส้นขอบฟ้า
   น้ำตาไหลออกมาไม่รู้ตัว
   ไม่ใช่ครั้งแรกที่เป็นแบบนี้
   แถบจะทุกครั้งที่มองท้องฟ้าในตอนเย็น ผสมกับห้องมืดๆ น้ำตาก็ไหลออกมาตลอด เศร้าแบบบอกไม่ถูก
   ไม่ได้เจ็บ ไม่ได้ปวด แต่หาเหตุผลให้ตัวเองไม่ได้เหมือนกัน ว่าทำไมถึงร้องไห้   
   ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าอะไรที่ทำให้ร้องไห้   
   …แสงของท้องฟ้าในยามพลบค่ำ
   …ห้องที่ไม่ได้เปิดไฟ
   …หรืออากาศที่หนาวเย็นเวลาที่อยู่คนเดียวแบบนี้…
   “ ร้องไห้ทำไม ”
   ผมปาดน้ำตา แล้วพยายามบังคับเสียงให้เป็นปกติก่อนจะเปล่งออกไป
   “ เปล่าครับ ”
   อีกคนลงมานอนซ้อนหลังของผม ก่อนที่จะสวมกอดผมจากข้างหลัง
   “ เป็นอะไร ”
   “  คิดถึงพ่อกับแม่ ”
   “ อยากเล่าอะไรไหม ”
   “ … ”
   “ งั้นขอถามนะ ”
   “…”
   “ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ”
   ผมคิดว่าสิ่งที่เขาถามไม่ใช่ถามว่าผมร้องไห้เพราะอะไร แต่คงเพราะว่าทำไมผมถึงเป็นโรคนี้
   “ ตอนนั้นผมอยู่กำลังจะขึ้น ม.6 ไปเที่ยวกับพ่อกับแม่ เกิดอุบัติเหตุรถคว่ำทำให้ต้องเสียพ่อไป หลังจากนั้น แม่ต้องทำงานหนักขึ้น เลี้ยงลูกสองคน พี่ฉายก็ต้องไปเรียนที่ต่างประเทศ ทำให้แม่ต้องทำงานหนักมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ถึงแม้พี่ฉายจะได้ทุน แต่แม่ก็กลัวพี่ฉายลำบากเลยต้องส่งเงินไปให้ทุกเดือน และแม่ทำงานหนัก ทำให้แถบจะไม่มีเวลาให้ผม
   ช่วงนั้นเป็นช่วงสอบเข้ามหา’ลัยพอดี ผมมีคณะที่อยากเข้าอยู่แล้ว เหมือนเราไม่ได้เผื่อใจ พอผมไปสอบ … สอบไม่ติด ตอนนั้นเคว้งมาก บอกแม่ก็ไม่ได้ พี่ฉายก็ไม่ค่อยว่าง ตัดสินใจอยู่คนเดียว ไม่รู้จะไปปรึกษาใคร ล้มอยู่สักพักหนึ่งก่อนจะฮึดสู้ขึ้นมาใหม่ได้อีกครั้ง
   และผมก็สอบติดคณะที่อยากเรียนแต่คนละมหา’ลัย กำลังจะกลับบ้านไปบอกข่าวดีกับแม่
ก็ต้องพบกับข่าวร้ายแทน
   วันนั้นแม่ไม่สบาย เลยกลับมาจากทำงานไวกว่าเวลา
   แม่…หัวใจวายเฉียบพลัน
   ผมยังจำแม่ที่ล้มลงไปกับพื้นต่อหน้าได้ดี
   หน้าตาของแม่ซูบลงอย่างเห็นได้ชัด ใต้ตาก็ลึกลงไป
   เล็บของแม่เปลี่ยนเป็นสีม่วง   
   เนื้อตัวของแม่เย็นเฉียบ
   ผมทำอะไรไม่ถูก พยายามตั้งสติแล้วโทรหาเบอร์ฉุกเฉินของโรงพยาบาล แล้วโทรหาพี่ฉาย
   กว่าพี่ฉายจะมาแม่ก็จากโลกนี้ไปแล้ว…
   หลังจากงานของแม่ผ่านไป
   พี่ฉายก็บินกลับไปเรียนต่อ
   ทีนี้ผมเลยต้องอยู่คนเดียว เริ่มเก็บตัวเงียบ และไม่ไปเรียน
   ตอนนั้นเกือบจะเรียนไม่จบ ม.6 ได้อาจารย์ที่ปรึกษามาช่วยไว้ เขามาตามผมถึงบ้าน และพูดให้ผมได้สติ แล้วกลับไปเรียนหนังสือต่อให้จบ
   แม่จากไป ทิ้งเงินที่เป็นประกันไว้ให้ผมกับพี่ฉายไว้ให้ได้ฉายเยอะพอสมควร
   นอกจากเงินที่แม่ทิ้งไว้ ก็มีโรคที่ผมเป็นอยู่ตอนนี้เขามาด้วย
   มันค่อยๆมามีส่วนร่วมในชีวิตผม จากทีละน้อยๆ จนในที่สุดมันก็มาอยู่กับผม ”

   หลังจากเล่าที่มาและอาการให้เขาได้ฟัง เขาก็กอดสวมผมแน่นกว่าเดิม ผมพลิกตัวเข้าหาความอบอุ่นนั้น ก่อนจะซุกลงไปที่อกของเขา แล้วหลับไป


    

   TBC.




     Talk.

     สวัสดีครับ สวัสดีย้อนหลังวันสงกรานต์ด้วยนะครับ

     ตอนนี้พี่ฉายมาแล้วววว และยังคลายปมอีกว่าทำไมจันทร๋เจ้าถึงเป็นโรคนี้ได้ :)

     ตอนหน้าจะพา ตะวันมาหานะ ยังไงมารออ่านด้วยนะครับ

     อ่านแล้วก็คอมเม้นต์เป็นกำลังใจให้กันได้นะครับ

     ชอบไม่ชอบก็บอกกันได้นะครับ ^^

ออฟไลน์ Mr.Embrace

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-2
Re: - แทนจันทร์ - EP 11 [17/04/2562]
«ตอบ #39 เมื่อ17-04-2019 16:31:56 »





- EP 11 -

 

 

            ช่วงสอบปลายภาคของนักศึกษาชั้นปีที่หนึ่ง กำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แล้ว นอกจากที่จะต้องอ่านหนังสือเพื่อที่จะเตรียมตัวสอบกันแล้ว เด็กคณะศิลปกรรมศาสตร์อย่างผม ก็ต้องเร่งปั่นงานทุกชิ้นให้ทันกำหนดเวลาที่จะส่งก่อนสอบ แถมหนังสือก็ต้องอ่าน ถึงแม้จะว่าจะสอบเพียงไม่กี่วิชาก็ตาม แต่วิชาที่สอบแต่ละตัวก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

            อย่างวิชาภาคที่เรียนพวกประวัติศาสตร์ทางด้านศิลปะต่างๆก็ต้องนั่งท่อง นั่งจำกันเป็นเล่ม และแน่นอนวิชาที่ยากสำหรับผม ภาษาอังกฤษ พูดแล้วก็หนักใจ กลางภาคก็คะแนนเลยคะแนนมาตรฐานมานิดเดียว แค่นิดเดียวจริงๆ คะแนนมาตรฐานอยู่ที่ 25.50 ผมทำได้ 26.00 เห็นไหมล่ะครับนิดเดียวจริง

             ทำให้ปลายภาคนี้ก็ต้องอ่านหนังสือหนักหน่อย ขืนทำคะแนนแย่ มีหวังได้ F มาดูเล่นแน่ๆ

            ผมเลือกอ่านหนังสืออยู่ที่คอนโด ไม่อยากออกไปเผชิญกับอากาศร้อน คนเยอะ คนส่วนมากเลือกที่จะไปนั่งอ่านตามที่สงบของคณะตัวเอง หรือไม่ก็ไปกองรวมกันอยู่ที่หอสมุด มีแอร์ มีไวไฟ มีปลั๊กให้ใช้ฟรี ซึ่งแน่นอนก็ต้องมากับผู้คนที่แน่นทุกพื้นที่ และเสียงดังจนไม่มีสมาธิอ่านหนังสือ

            อีกอย่าง เพราะมีคนอาสาจะติวให้ฟรีๆ ผมก็เลยอ่านอยู่คอนโด

            “ ไปหยิบหนังสือมาสิ ”

            “ แปบนึงครับ ”

            “ จันทร์ ”

            “ … ”

            “ อย่าให้ต้องนับ ”

            “ 1 ”

            “ 2 ”

            โอเค…ไปแล้ว เหตุผลที่ผมเลือกที่จะไปเพราะไม่อยากให้มันถึงสาม เพราะถ้าถึงสามแล้ว ผมต้องถูกทำโทษ ส่วนบทลงโทษนั้น ก็ทำให้ผมหายใจไม่ทัน และอุณหภูมิในห้องก็สูงขึ้นตลอดเลย เลยไม่อยากโดนทำโทษบ่อยๆ

            “ ท่องศัพท์ได้หรือยัง ”

            “ ยัง ”

            “ ทำไมดื้อ ”

            “ ท่องศัพท์ไม่ได้นี้ดื้อยังไงครับ ”

            “ ยังจะเถียง ”

            “ ไม่ได้เถียง แค่จ… ” โดนมองกลับมาด้วยสายตาดุๆ โอเคพูดได้แค่นั้น ขืนพูดอีกคำเดียวคงได้อ่านหนังสือเองแน่ๆ

            “ บอกแล้วว่าให้ท่องศัพท์ ถ้าไม่ท่องมันก็ทำข้อสอบไม่ได้ ”

            “ ก็มันท่องยากนี้ ”

            “ จันทร์แค่ไม่มีสมาธิ ”

            “ พยายามแล้ว ”

            “ ไหนท่อง ” เขาเปิดหนังสือไปหน้าคำศัพท์พร้อมกับให้ผมดูคำที่เขาชี้

            “ ทำไมคำยากงี้ ”

            “ 10 วิ ”

            “ โอ๊ย มันยากไป ”

            “ 9 ”

            ผมรีบก้มหน้าท่อง ไม่อยากเสียเวลาไปมากกว่านี้

            ได้แต่ท่องตัวอักษรภาษาอังกฤษ ในใจ พยายามนั่งท่องจำ

            “ 1 ” หมดเวลาแล้ว ก็ยังท่องไม่ได้เลยยยยย

            “ ขอต่ออีกสัก 10 วิ ไม่สิ 5 วิก็ได้ ”

            “ แล้วมั่นใจหรอ ว่าจะท่องได้ ”

            “ อืม ”

            “ แล้วถ้าท่องไม่ได้ จะให้อะไร ”

            “ ก็… ”

            “ หื้ม ”

            “ ไม่รู้ ”

            “ มีสมาธิเยอะๆ ใจเย็นๆเวลาท่อง ทำใจให้สบายๆ ค่อยๆท่อง ”

            “ ก็กำหนดเวลา ”

            “ จันทร์ลนตัวเอง 10 วินี้เยอะแล้ว ”

            “ เง้ออ ”

            “ หลับตาลง…ทำสมาธิ…เดี๋ยวลองบอกคำแปลที่แทนบอกนะ ถ้าไม่ได้ก็ข้าม ”

            “ อื้อ ”

            “ accident ”

            “ อุบัติเหตุ

            “ authority ”

            “ ข้าม ”

            “ compare ”

            “ ข้าม ”

            “ dismiss ”

            “ ข้าม…เอาคำง่ายๆหน่อย ”

            “ มันออกสอบทั้งนั้น ”

            “ เฮ้อ ”

            “ figure ”

            “ อะไรนะ ติดอยู่ที่ปากเนี่ย นึกไม่ออก…ข้ามก่อนๆ ”

            “ love ”

            “ รัก ”

            เขานิ่งเงียบไป จนรู้สึกแปลกๆ ผมเลยลองลืมตาขึ้นดู พบว่าเขากำลังจ้องหน้าผมด้วยสายตานิ่งๆ

            “ รักเหมือนกัน ”

            โอ๊ยยย ห้องร้อนอีกแล้ว ผมมองไปทางอื่นพร้อมกับใช้มือพัดเรียกลม

            “ เอ่อ วันนี้พอก่อน เดี๋ยวเราไปอ่านวิชาภาคก่อน ขอบคุณนะ ”

 

 

 

 

 

 

 

            และการสอบปลายภาคของผมก็ผ่านไปได้ด้วยดี(?) ดีจริงๆครับ ผมหมายถึงเกรดนะน่าจะ D

            “ จันทร์เจ้า ” ผมหันไปตามเสียงเรียก

            “ ครับ? ” 

            “ จำเราไม่ได้หรอ ” ผมคุ้นหน้าผู้ชายคนนี้แต่นึกไม่ออกว่าเคยเจอกันที่ไหนมาก่อน

            “ คุ้นนะ แต่นึกไม่ออก ”

            “ เราตะวันไง ”

            “ ตะวัน… ”

            “ คนที่ช่วยนายที่เป็นลม ”

            “ อ๋อ จำได้แล้วครับ ”

            “ เป็นไงบ้าง หายไปเลย คิดจะเบี้ยวหรอ ”

            “ เปล่าครับ ยังจำได้ๆ แต่เกิดเรื่องเยอะแยะมากมายเลย ”

            “ อืม แล้ววันนี้ว่างหรือเปล่า สอบเสร็จหมดแล้วไม่ใช่หรอ ”

            “ ก็ว่างครับ ”

            “ งั้น เลี้ยงวันนี้เลยได้ไหม กำลังหิว ”

            “ ได้ครับ ”

            ถ้าปกติแล้วแทนจะมารับผมกลับบ้าน แต่เขาสอบเสร็จตั้งแต่เมื่อวาน วันนี้ผมเลยบอกว่าไม่ต้องมารับ อยากให้เขาพักผ่อนให้เต็มที่ อ่านหนังสือกันจนเห็นตะวันกันมาหลายวันแล้ว ป่านนี้คงจะแบตหมดอยู่บนที่นอน เมื่อเช้าบอกว่าจะมาส่ง หยิบกุญแจห้องมานึกว่าเป็นกุญแจรถ เสียบยังไงก็ไม่เข้า เลยบอกให้กลับไปนอนก่อน

            “ แล้วจะกินอะไร ”

            “ อะไรก็ได้หรอ? ”

            “ อื้อ อะไรก็ได้ครับ ”

            “ รวยนัก? ”

            “ เปล่า…ตอบแทนบุญคุณไง ”

            “ งั้นชาบูหน้ามอละกันนะ ”

            “ ได้ครับ ”

 

 

 

 

 

            “ ทำไมกินน้อยจัง อิ่มแล้ว? ” ผมวางตะเกียบลงหลังจากกินหมูสามชั้นไป 4 5 จาน และกุ้งไปอีกนิดหน่อย

            “ ครับ ปกติผมทานได้นิดเดียว ”

            “ เอ้า! แล้วทำไมไม่บอก จะได้กินอย่างอื่น ”

            “ ไม่เป็นไรครับ ”

            “ ดื้อ ”

            “ ผมไม่ได้ดื้อนะครับ ” ทำไมใครๆก็ชอบบอกว่าผมดื้อกันนะ

            “ แล้วตะวันอิ่มแล้วหรอครับ ”

            “ อื้อ อิ่มแล้ว ”

            “ ว่าแต่คนอื่นกินน้อย คุณก็กินน้อยเหมือนกันครับ ”

            “ ปกตินี้ก็กินน้อย ”

            “ เอ้า แล้วทำไมกินบุฟเฟ่ต์ล่ะครับ ”

            “ ก็เห็นนายตัวนิดเดียว เลยอยากให้เพิ่มน้ำหนัก ”

            “ โถ่ว งั้นเก็บตังค์เลยครับ ” ผมหันไปบอกพนักงาน “ เก็บตังค์ด้วยครับ ”

            “ ค่ะ ”

            ไม่นานพนักงานก็เดินมาพร้อมกับถาดใส่เงิน ผมกำลังจะควักตังค์จ่ายแต่ช้าเกินกว่าคนที่นั่งอยู่ตรงข้าม เขาหยิบบัตรเงินสดขึ้นมายื่นให้พนักงาน

            “ จ่ายด้วยบัตรนะคะ ”

            “ ครับ ”

            “ เห้ยได้ไงอ่ะ เราบอกจะเลี้ยงก็ เราก็ต้องจ่ายสิ ”

            “ หาเงินเองได้แล้วหรอ เราน่ะ ”

            “ ยัง คุณหาได้แล้วหรอ ”

            “ ก็ยัง แต่รวย ”

            “ โอ๊ยยย ” ผมเบะปากให้กับคำพูดน่าหมั่นไส้ เลยทำให้โดนตบหัวด้วยกระเป๋าตังค์ไปหนึ่งที

            “ ฮ่า ฮ่า ฮ่า สมน้ำหน้า ”

            “ จำไว้เลยนะครับ ”

            “ กลับเลยไหม ”

            “ ครับ ”

            “ กลับยังไง ”

            “ เดินครับ ”

            “ หออยู่ใกล้หรอ ”

            “ ครับ ”

            “ อยู่ตรงไหนล่ะ ”

            “ ถัดจากมหาลัยไป 3 ป้ายครับ ”

            “ อ่ออ ใกล้กันเลย งั้นเดินกลับด้วยกัน ”

            “ ครับ ”

            “ คุณตะวัน เรียนคณะไหนครับ ” ผมพยายามเปลี่ยนบรรยากาศไม่ให้น่าอึดอัดจนเกินไป

            “ สถาปัตย์…นายล่ะ…สินกำหรอ ”

            “ ครับ ผมเรียนคณะศิลปกรรมศาสตร์รู้ได้ยังไงล่ะครับ ”

            “ ดูจากเสื้อเอาน่ะ ตัวใหญ่ๆ โคร่งๆแบบนี้ ไม่สถาปัตย์ ก็สินกำแน่ๆ ”

            “ อ่อครับ คุณอยู่ปีไหนครับ ”

            “  1 นายล่ะ ”

            “ ปีหนึ่งเหมือนกันครับ ”

            “ งั้นเลิกเรียกแบบสุภาพได้แล้ว ไม่ชินว่ะ ”

            “ แล้วให้เรียกว่าอะไรครับ ”

            “ ตะวันก็ได้ ไม่ต้องมีคุณ ”           

            “ ครับ ตะวัน ”

 

            เราคุยกันมาเรื่อยๆ เปลี่ยนเรื่องไปมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเรียน หรือเรื่องของกิน คุยกันค่อนข้างถูกตอเลย นานแล้วที่ไม่ได้เจอเพื่อนที่คุยภาษาเดียวกันแบบนี้ นอกจากพี่ฉาย กับแทน ก็มีตะวันนี้แหละครับทำให้ผมรู้สึกว่าคุยแล้วสนุกขนาดนี้ เราคุยกันจนเพลิน ไม่ได้มองทาง…ไม่นานก็มาถึงหน้าคอนโด

            “ นี้คอนโดนาย? ”

            “ ครับ...พักอยู่กับเพื่อน…แล้วตะวันละ ”

            “ ก็เดินเข้าไปอีกหน่อยก็ถึงแล้ว ”

            “ ครับ ”

            “ แล้วปิดเทอมนี้ว่างหรือเปล่า ”

            “ ก็ว่างครับ ยังไม่มีแพลนจะทำอะไร ”

            “ งั้นช่วยมาเป็นแบบให้หน่อยได้ไหม ”

            “ แบบอะไรครับ? ”

            “ ก็เทอมหน้าเราจะลงวิชาเลือก แล้วรุ่นพี่บอกว่า อาจารย์เขาจะให้ทำงานหนึ่งชิ้น โดยการถ่ายรูปทำเป็น สมุดภาพ เลยอยากจะทำให้เสร็จตั้งแต่ปิดเทอม เพราะเปิดเทอมมางานคงยุ่งน่าดู ”

            “ ครับ แล้ว? ”

            “ ก็เราตั้งใจจะทำคอนเซ็ปเกี่ยวกับคน แต่ยังหาแบบไม่ได้ ”

            “ จะดีหรอครับ ผมไม่เคยทำมาก่อน ”

            “ เอาหน่า นี้ก็ไม่เคยทำ ลองดู มีค่าเสียเวลาให้ ”

            “ แต่ว่า… ”

            “ โอเค เป็นอันว่าตกลง ไว้จะโทรไปหานะ ”

            “ ก็ได้ครับ ” ผมตอบตกลงให้กับคนที่เอาแต่ใจ อีกอย่างคิดเสียว่า ลองอะไรใหม่ๆ แล้วก็หาประสบการณ์ให้กับตัวเอง แถมถ้าอยู่ห้องเฉยๆ คงจะน่าเบื่อ

 

            บอกลากันอีกนิดหน่อย จันทร์เจ้าก็เดินขึ้นคอนโดไป จนไม่ทันสังเกตเห็นว่าทางที่ตะวันเดินกลับไปไม่ใช่ทางที่จะเดินเข้าไปอย่างที่บอก แต่เขาเดินกลับไปทางเดิมไปทางมหา’ลัย

            ตะวันไม่ได้อยู่หอใกล้จันทร์เจ้า

            ตะวันมีรถยนต์ขับให้นั่งได้สบาย ไม่จำเป็นต้องเดินมา

            แต่เหตุผลง่ายๆของการกระทำนี้ คืออยากมาส่ง แต่ไม่กล้าบอกตรง ๆ

            ทั้งหมดก็เป็นเพราะว่า ‘ชอบ’ นั้นแหละนะ

 

 

 

 

 

 

 

 

            “ ไปไหนมา กลับมืดเลย ”

            “ ไปกินข้าวกับเพื่อนครับ ”

            “ มีเพื่อนแล้วหรอ ”

            “ ครับ ก็ไม่เชิง เพิ่งรู้จักกัน ”

            “ อืม ”

            “ แทนกินข้าวหรือยัง ”

            “ ยัง…รออยู่ ”

            “ ขอโทษนะครับ พอดีผมอิ่มแล้ว จะให้นั่งเป็นเพื่อนไหม ”

            “ ไม่ต้อง ไม่หิวแล้ว ” เขาบอกแบบนั้นก่อนจะเทกับข้าวบนโต๊ะที่เตรียมเอาไว้ลงที่ถังขยะ

            “ เททำไมครับ เสียดาย ”

            “ ก็ไม่อยากกิน ”

            “ … ”

            “ นอนเลย ไม่ต้องรอ ” เขาคว้ากุญแจแล้วเดินออกไปนอกห้อง การปิดประตูเสียงดังของเขา ทำให้ผมกลัวจริงๆ ไม่รู้ตัวว่าทำอะไรผิด หรือทำให้เขาไม่พอใจ ปกติแทนไม่ใช่คนใจร้อนแบบนี้ เป็นคนมีเหตุผล แต่ครั้งนี้ไม่รู้เป็นอะไร ผมยืนตัวสั่นอยู่สักพักก่อนจะเรียกสติตัวเองกลับมา

                       

 

 

 

 

            ‘ 00.48 ’ ผมนั่งรอเขาที่โซฟา ดูเวลา ป่านนี้ก็ยังไม่กลับมา

            ‘ติ๊ด’

            เสียงคีย์การ์ดเปิดประตูห้องดังขึ้น ทำให้ผมลุกขึ้นไปดู

            เจอแทนเมาหมดสภาพ มีแพรพลอยหิ้วปีกกลับมา

            กลิ่นเหล้าคลุ้งกระจายไปทั่ว

            “ สวัสดีเจ้า ”

            “ ครับ ”

            “ แทนเขาเมามากน่ะ ยังไงช่วยเปิดประตูห้องให้หน่อย ”

            “ ได้ครับ ”

            ผมเดินตรงไปเปิดประตูห้องนอนของเขา แล้วรีบกลับมาช่วยแบกร่างไร้สติของแทน

            “ ไปทำอะไรมาครับ ถึงได้หนักกันขนาดนี้ ”

            “ คลายเครียดหลังสอบน่ะ ยังไงคืนนี้ขอรบกวนหน่อยนะ ”

            “ ครับ ”

            “ อาจจะเสียงดังไปบ้าง ยังไงขอโทษนะ ”

            “ ครับ? ”

            ผมไม่เข้าใจกับประโยคบอกเล่าของแพร เธอยิ้มให้ผมอย่างมีเลศนัยผมไม่ได้เอะใจอะไร นอกจากเดินไปปิดประตู แล้วปิดไฟให้เรียบร้อย สงสัยคืนนี้คงต้องกลับไปนอนห้องตัวอง

            ไม่เกินครึ่งชั่วโมง ก็มีเสียงของสองชายหญิงดังผ่านกำแพงมา … เป็นเสียงแห่งห้วงปรารถนา

            เป็นธรรมดาที่ชายหญิงสองคนอยู่ด้วยกันสองต่อสอง แล้วจะเกิดเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ยิ่งกับคู่ที่มีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งด้วยแล้ว…

            ไม่รู้ทำไม แต่หน่วงข้างในแปลกๆ หัวใจเต้นช้าเหมือนจะหยุดเต้น น้ำตาไหลลงมา ไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงอ่อนแอให้กับคนๆนี้อยู่เรื่อยเลย

            ทนฟังไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว…ผมหยิบหูฟังเข้ามาเสียบต่อกับโทรศัพท์แล้วเปิดเพลงดังสุดเท่าที่โทรศัพท์จะดังได้ เพื่อหวังว่าจะให้มันกลบเสียงที่ไม่น่าฟัง และผมจะได้ผ่านค่ำคืนนี้ไปได้ด้วยตัวคนเดียว

            …เคยนอนกอดกัน วันนี้ต้องนอนกอดตัวเอง…

            จะทำอะไรได้ ทั้งหมดทั้งมวลนี้ มันคือเรื่องที่ผมควรที่จะต้องเตรียมใจมาตั้งแต่แรกแล้ว

            ไม่ควรจะต้องเสียใจกับอะไรแบบนี้ แต่ควรที่จะเข้มแข็งมากขึ้น

            …ควรจะเลิกหนีปัญหา และเผชิญหน้ากับมัน…

            แต่วันนี้ขออ่อนแออีกสักวัน แล้วพรุ่งนี้จะกลายเป็นจันทร์เจ้าคนใหม่

            ได้แต่นอนกอดปลอบตัวเอง…มีแสงจันทร์ที่ลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาอยู่เป็นเพื่อน

            ร้องสะอื้นออกมาไม่ขาดสาย หวังว่าจะช่วยให้ความเจ็บข้างในอกข้างซ้ายมันจะทุเลาลงบ้าง

                                   

 

            ต้องบอกกับตัวเองว่า…พรุ่งนี้ก็เช้าแล้ว

           

           

 

 

 

       

            TBC.







     Talk.

     พี่แทนครับบ ทำอะไรน้องจันทร์!!!! ทำร้ายน้องจันทร์ทำไม ไหนบอกจะดูแลน้องมันงายยย

     ฮืออ

     พาป๊าตะวันมาหานะครับ 555 ยังจำป๊าเขากันได้อยู่มั้ย

     ช่วงนี้เราว่าง จนถึงสิ้นเดือน จะพยายามอัพบ่อยๆ

     กำลังเร่งแต่ง เพราะอยากเปิดเรื่องใหม่ :3

     อย่างไรก็ตามเป็นกำลังใจให้พี่แทน กับน้องจันทร์ด้วยนะ งับ <3

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: - แทนจันทร์ - EP 11 [17/04/2562]
« ตอบ #39 เมื่อ: 17-04-2019 16:31:56 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Mr.Embrace

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-2
Re: - แทนจันทร์ - EP 11 [17/04/2562]
«ตอบ #40 เมื่อ14-01-2020 21:09:27 »

สวัสดีครับทุกคน

ผมห่างหายจากเขียนนิยายเรื่องนี้ไปเกือบปี

เพราะด้วยความที่ว่า เรารู้สึกตัน หมดกำลังใจ หมดไฟ ไปต่อไม่ถูก

แต่ก็ไม่ได้ทิ้งไปเฉย ๆ พยายามที่จะกลับมาเขียนใหม่หลายครั้ง แต่ด้วยเพราะอาชีพ การงานและหน้าที่ ทำให้เวลาค่อนข้างน้อย

จึงได้ตัดสินใจที่จะหยุดเขียนนิยายเรื่องนี้ ...

แต่เมื่อช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา ผมได้มีเวลาพักผ่อน และทบทวนตัวเองดูแล้ว

เรากลับรู้สึกว่า เห้ยการเขียนนิยาย มันยังเป็นสิ่งที่เรารู้สึกดีเวลาได้ทำอยู่

ผมไม่กล้าพูดว่ารักมัน เพราะถ้าผมรักมัน ผมคงไม่ทิ้งเขาไป

จากที่ผมได้ทบทวนตัวเองมาสักพักแล้ว

เรารู้สึกว่า โอเค...เราควรกลับมาทำในสิ่งนี้อีกครั้งหนึ่ง

อย่างน้อยนิยายเรื่องนี้ก็จะได้เป็นเรื่องแรกที่ผมได้จนสำเร็จ

ที่มาประกาศวันนี้ คือผมตั้งใจว่าจะวางโครงเรื่องใหม่ ปรับตัวละครเนื้อหา ฝากทุกท่านติดตามด้วย

และที่สำคัญไปกว่านั้น ผมอยากได้กำลังใจจากนักอ่านทุกคน ยังไงฝากเป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะครับ

ใครที่เข้ามาอ่าน ฝากคอมเม้นเป็นกำลังใจให้ด้วยนะครับ

ผมจะพยายามอัพนิยายเรื่องนี้ให้จบให้ได้ ขอบคุณครับ

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
Re: - แทนจันทร์ - EP 11 [17/04/2562]
«ตอบ #41 เมื่อ24-04-2020 18:38:42 »

 :pig4:
 :3123:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด