ฮาเร็มอะไรนั่นน่ะ ไม่อยากมีนักหรอก <update:บทที่ 35+36(End)>
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ฮาเร็มอะไรนั่นน่ะ ไม่อยากมีนักหรอก <update:บทที่ 35+36(End)>  (อ่าน 21970 ครั้ง)

ออฟไลน์ arjinn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-1
ต้องได้กลับมาอยู่ด้วยกันนะ
โซแวน รอทีอารีนด้วย

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ sakana04

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
บทที่  35
เรื่องราวของสัตว์ประหลาด  (Beast’s part)
ครึ่งแรก

...สงครามครั้งสุดท้ายเกิดขึ้นในทุ่งร้าง  มนุษย์และอสูรต่างฝ่ายต่างต่อสู้เพื่อชิงชัยชนะ  ผู้นำฝ่ายอสูรตัดสินใจจะทำลายทุกอย่างด้วยมหาเวทสูงสุด  แต่วีรบุรุษของมวลมนุษย์ขัดขวางไว้ได้  ในที่สุดจอมบงการของอสูรก็พ่ายแพ้ลง  ส่วนประตูแห่งความวินาศก็ถูกทำลายลงด้วยน้ำมือของผู้กล้า  โลกกลับคืนสู่ความสงบสุขอีกครั้ง

“บันทึกก็จบลงแต่เพียงเท่านี้จ้ะ”  น้ำเสียงหวานใสปิดท้ายหลังจากเล่าเรื่องมาอย่างยาวนาน  เมื่อปิดหนังสือลง  เหล่าเด็กน้อยที่นั่งฟังอย่างใจจดใจจ่อก็เริ่มยกมือถาม

“คุณครูขา  คุณครู”  เด็กน้อยคนหนึ่งยกมือขึ้น  ทำให้หญิงสาวเลิกคิ้วตอบรับและรอฟังสิ่งที่เธอจะพูด  “หนูเคยได้ยินคุณปู่บอกว่า  นี่เป็นเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อสิบกว่าปีก่อนหรือคะ”

“ใช่แล้วจ้ะ”  นางตอบด้วยรอยยิ้ม  ในดวงตาสีทองคู่สวยนั้นเต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลายเมื่อนึกถึงวันวาน 

เสียงเด็กหลายคนโห่ร้องขึ้นด้วยความตื่นเต้น  มีบางคนหัวไวก็รีบถามต่อทันที  “งั้นแสดงว่าคุณครูก็อยู่ในเหตุการณ์นั้นพอดีใช่ไหมฮะ”

“ถูกต้องจ้ะ”

“คุณครูได้ร่วมสงครามด้วยหรือเปล่าคะ”

“ใช่จ้ะ”

“คุณครูคาร์ริต้าสุดยอดเลย!”  คาร์ริต้าเพียงแค่ยิ้มรับและหัวเราะเบาๆ  กับคำชมนั้น  “ในสงครามนั้น  มีคนที่สุดยอดกว่าครูตั้งเยอะแยะ”

“หมายถึงเหล่าผู้กล้าที่ร่วมสู้ด้วยกันหรือฮะ”  เด็กชายท่าทางแก่นแก้วคนหนึ่งเอ่ยขึ้น  คาร์ริต้าจำได้ดีว่าเขาคือคนที่ชื่นชอบการฟังเรื่องเล่าในสงครามอสูรมากที่สุด 

“ใช่แล้วล่ะจ้ะ  เหล่าผู้ถูกเลือก  เหล่าผู้กล้าที่เป็นแกนนำรบ  และที่สำคัญคืออดีตราชาผู้หาญกล้า”  หญิงสาวไล่เรียงนามสหายที่แสนคิดถึงก่อนที่จะยกยิ้มบางๆ

“แล้วตอนนี้ท่านอดีตราชาอยู่ที่ไหนหรือคะ”  เด็กหญิงคนหนึ่งถามขึ้นทำให้คาร์ริต้าอดเศร้าไม่ได้  แต่ไม่นานก็สามารถกลับมายิ้มได้ด้วยความหวัง

“ตอนนี้ท่านกำลังพักผ่อนจ้ะ”  หญิงสาวตอบพลางลุกขึ้น  “เอาล่ะ  วันนี้พอแค่นี้ก่อน  พวกเจ้ากลับไปรอที่โรงอาหารเถิด  ใกล้ได้เวลาอาหารเย็นแล้ว” 

“ครับ/ค่า”  เหล่าเด็กหญิงและเด็กชายต่างขานรับด้วยรอยยิ้มแล้ววิ่งไปยังอาคารโรงอาหาร  ยามบ่ายแก่เช่นนี้ผู้คนเริ่มทยอยกันกลับบ้าน  ในขณะที่คาร์ริต้าเดินไปเก็บหนังสือในอาคารก็พบหญิงสาวอีกคนเดินมาพร้อมเด็กหญิงที่อายุราวสิบขวบ

“วันนี้เหนื่อยหน่อยนะคะ”  อารีแอนนาเอ่ยด้วยรอยยิ้ม  คาร์ริต้าได้ฟังเช่นนั้นก็ส่ายหน้าปฏิเสธทันที

“ไม่เลยเจ้าค่ะ  ไม่ได้เหนื่อยอะไรมากเลย  สนุกมากด้วย”  หญิงสาวหันกลับมาคุยกับนางตรงๆ  หลังจากเก็บหนังสือเข้าที่แล้ว  “ต้องขอขอบคุณท่านหญิงอารีแอนนาจริงๆ  ที่มอบโอกาสให้ข้า”

“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก  แต่เจ้าเป็นคนหนึ่งที่ช่วยทีอารีนไว้  ข้าก็อยากตอบแทนอะไรบ้าง”  อารีแอนนาตอบ

นับตั้งแต่จบสงคราม  ทุกอย่างกลับคืนสู่ความสงบสุขอย่างแท้จริง  หลังจากแลกมาด้วยเลือดเนื้อมากมาย  เหล่าผู้คนที่ตายจากสนามรบต่างได้รับการยกย่อง  ครอบครัวที่ถูกพรากคนสำคัญได้รับการดูแล 

พลังของผู้ถูกเลือกทุกคนหายไป  เหลือเพียงความทรงจำที่ถูกเล่าขาน  ต่างคนต่างแยกย้ายกลับไปทำอาชีพเดิมหรือหาอาชีพใหม่ทำ  องค์กรที่เคยเป็นที่รวบรวมได้รับคำสั่งจากพระราชาองค์ปัจจุบันให้ปรับเป็นสถานที่พักพิงผู้ไร้ที่อยู่อาศัยและเด็กกำพร้า

ส่วนเหล่าผู้ถูกเลือกระดับสีทองนั้นหลังจากทีอารีนเข้าสู่การหลับใหลต่างก็ตัดสินใจที่จะทำในสิ่งที่ควรทำ  ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาคือสัตว์ประหลาดยกเว้นแต่ครีออนและซีวาล

มังกรที่ปรากฏในสนามรบนั้นก็ถูกปั้นแต่งไปว่าหลังจบสงครามก็บินหนีไปที่อื่น  ทั้งที่จริงแล้วยังยืนฟังอยู่ใกล้ๆ

ส่วนใหญ่พวกเขาตัดสินใจอยู่ในคาร์ไลน์ต่อ  ยกเว้นเพียงวารันและนอร์ธวินด์ที่กลับไปป่าต้องห้าม  มังกรนั้นบอกว่าไม่อยากอยู่กับมนุษย์เสียเท่าไร  ส่วนอินคิวบัสนั้นติดตามไปเฉยๆ  หลายครั้งก็แวะเวียนมาเที่ยวเล่นอยู่บ่อยๆ  และถึงแม้ว่าครีออนจะอนุญาตให้อยู่อาศัยในปราสาทได้  แต่เงือกสาวก็คิดว่าเป็นการเอาเปรียบไปหน่อยจึงตัดสินใจออกมาหางานทำ  ในตอนนี้นางได้พบกับอารีแอนนาที่ได้รับเลือกให้เป็นผู้ดูแลเด็กกำพร้าจึงได้อาสาขอทำงานด้วย

ตั้งแต่ตอนนั้นคาร์ริต้าก็ได้ทำหน้าที่เป็นครูสอนเด็กเล็กๆ  และช่วยอารีแอนนาดูแลสถานรับเลี้ยงเด็กแห่งนี้

“อุ้ย  ดูเหมือนจะมีคนมารับเจ้าแล้วนะ”  อารีแอนนาเอ่ยขึ้นพร้อมยกมือป้องปากอมยิ้ม  สายตามองไปทางประตูทางเข้าทำให้คาร์ริต้าหันไปมองตาม  กลุ่มเด็กผู้ชายที่ยังวิ่งเล่นอยู่ด้านนอกวิ่งเข้าไปหาผู้มาใหม่ด้วยรอยยิ้ม

“ท่านอัศวิน  สวัสดียามเย็นขอรับ”  เด็กน้อยต่างร้องบอกอีกฝ่ายแล้วโถมเข้าหา  ผู้มาใหม่เองก็ส่งยิ้มกลับแล้วย่อตัวนั่งลง  ชายคนนั้นทักทายกับเด็กๆ  อย่างเป็นกันเองทำให้คาร์ริต้าอดยิ้มไม่ได้  นางเดินเข้าไปหา

เมื่อเห็นคาร์ริต้าเดินมา  เร็นจึงลุกขึ้นยืนแล้วค้อมศีรษะลงเล็กน้อยๆ  ก่อนจะเอ่ยด้วยรอยยิ้ม  “ขอโทษที่มาช้านะ  พอดีมีงานด่วนเข้ามา”

“ไม่เลย  ไม่ช้าหรอก”  หญิงสาวส่ายหน้าเบาๆ  ก่อนจะคว้ามือของอีกฝ่ายมากุมไว้แล้วถามขึ้น  “วันนี้ที่ปราสาทเป็นอย่างไรบ้าง”

“อย่างที่ข้าบอก  วันนี้งานราชกิจเร่งด่วนมาก  ไหนจะงานตามปกติอีก  ฝ่าบาทเพิ่งจะได้พักเสวยมื้อกลางวันเมื่อครู่เอง  แถมยังบ่นพึมพำว่าจะตายแล้วน่าเป็นห่วงจริงๆ”  เร็นเล่าด้วยสีหน้าที่เหนื่อยล้า  แต่พอนึกถึงหน้าของพระราชาองค์ปัจจุบันซึ่งกำลังทรงงานหนักก็อดยิ้มให้กำลังใจไม่ได้  “ส่วนท่านทีอารีนก็ยังไม่มีวี่แววตื่นขึ้นมา”

“ยังงั้นหรือ”  คาร์ริต้ารับคำเสียงเศร้า  “หากท่านทีอารีนตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็คงดีสินะ”

“พูดอะไรน่ะ  ไม่ว่าอย่างไรเดี๋ยวท่านทีอารีนก็ต้องตื่นขึ้นมาอยู่แล้ว”  เร็นท้วงขึ้นเพื่อปลอบโยนอีกฝ่ายทำให้คาร์ริต้ายิ้มได้

“นั่นสินะ  สักวันหนึ่งท่านต้องตื่นขึ้นมาอย่างแน่นอน”  หญิงสาวพึมพำขึ้นขณะเหม่อมองท้องฟ้ายามเย็น  มือข้างหนึ่งเผลอยกขึ้นกุมหน้าท้องอย่างไม่รู้ตัว  “ถ้าเขาตื่นขึ้นมาก่อนเด็กคนนี้จะลืมตาดูโลกก็คงดี  หึๆ  จริงๆ  ข้าหวังให้ท่านทีอารีนตั้งชื่อลูกของเราด้วยซ้ำ”

“นั่นสินะ”  เร็นเพียงแค่อมยิ้มรับอีกฝ่ายก่อนที่จะโอบเอวของหญิงสาวไว้  หลังจากสงครามสิ้นสุดลง  ชั่วขณะหนึ่งเขาคล้ายกับไร้หลักยึด  เหตุผลของการมีชีวิตอยู่ที่ผู้วิเศษมอบให้คือการช่วยเหลือทีอารีนจนสามารถทำลายประตูแห่งความวินาศได้  แล้วหลังจากนั้น...หลังจากทุกอย่างจบสิ้นแล้วเขากลับนึกไม่ออกว่าควรทำอะไร

ความทรงจำที่หลงลืมไปในอดีตก็ไม่กลับมา  ในตอนนั้นเองที่คาร์ริต้าชักชวนให้เขาเริ่มต้นใหม่  เป็นการเริ่มต้นทุกสิ่งอย่าง  อาชีพ  ชื่อเสียง  และความรัก

ทีแรกเร็นรู้สึกผิด  ผิดที่ไม่สามารถนึกเรื่องของคาร์ริต้าออกเลยแม้แต่น้อย  ครั้นเอ่ยปากขอโทษไปหญิงสาวก็ไม่ใส่ใจสักนิด  นางคะยั้นคะยอให้เขาเริ่มใหม่

“ต่อให้เรากลับไปเริ่มกันที่ศูนย์อีกครั้ง  ข้าก็ยินดี”  คาร์ริต้าเคยบอกกับเขาเช่นนั้นด้วยรอยยิ้ม  ทำให้เร็นตัดสินใจยอมรับความสัมพันธ์นั้น  ชายหนุ่มรับรู้ส่วนลึกในใจตนเองได้  ไม่ใช่ว่าคาร์ริต้าไม่ปล่อยเขาไป  แต่เป็นตัวเขาต่างหากที่ยังมีเยื่อใยให้อีกฝ่ายอย่างไม่รู้ตัว 

อยากดูแล  ห่วงหา  อยากครอบครอง...นั่นคือความรู้สึกที่เขามีต่อคาร์ริต้า  หญิงสาวที่ทำให้เขาตกหลุมรักถึงสองครั้ง

“จะว่าไปทางป่าต้องห้ามเป็นอย่างไรบ้างนะ”  คาร์ริต้าเอ่ยถามขึ้นทำให้เร็นนึกได้  เขาได้รับเลือกให้เป็นอัศวินราชองครักษ์  ด้วยผลงานที่เคยทำไว้ก็ไม่มีใครคิดค้าน  หนำซ้ำยังมีท่านแม่ทัพใหญ่ให้การสนับสนุน  แต่ท่ามกลางการช่วยเหลือนั้นก็ทำให้ชายหนุ่มลำบากอยู่เหมือนกัน

นอกจากงานในวังที่ท่วมท้นแล้ว  ก็ยังมีป่าต้องห้ามที่เขาต้องไปดูแลบ้าง  เพราะสถานการณ์ในป่ายังไม่สงบ

“ไม่ต้องห่วงหรอก  วารันจัดการได้อยู่แล้ว”  เร็นตอบด้วยรอยยิ้มก่อนที่จะบอกว่า  “กลับปราสาทกันเถอะ  ไปเยี่ยมท่านทีอารีนกัน”

.....

“วารัน!!”  เสียงตะโกนเรียกที่ทำให้ฝูงนกแตกตื่นตกใจจนบินหนีเรียกให้สายตาของสัตว์ร้ายนับสิบคู่หันไปมอง  ผู้มาใหม่ซึ่งร่อนลงกลางลานนั้นสะดุ้งเฮือกแล้วยิ้มแห้ง  “โอ๊ะโอ  เหมือนข้าจะมาผิดจังหวะไปสินะ”

“เจ้าโง่เอ๊ย”  มังกรสีดำขนาดยักษ์ที่อยู่ด้านหลังคนตัวเล็กนั้นถอนหายใจอย่างเอือมระอาและพึมพำขึ้นเรียกอารมณ์โมโหจากนอร์ธวินด์ได้เป็นอย่างดี

“ว่ายังไงนะ  ข้าอุตส่าห์รีบบินไปที่คาร์ไลน์เพื่อขอยาให้เจ้านะ  รู้ไหมว่าข้าเกือบจะโดนเร็นตัดคออยู่แล้ว!”  อินคิวบัสหนุ่มโวยวายลั่น  ในสองแขนมีถุงยาต่างๆ  ที่หอบหิ้วมาเต็มไปหมด  ก่อนจะหันไปพาลด่าสัตว์ประหลาดรูปร่างเสือหลายตัวที่อยู่รอบๆ  “พวกเจ้าเองก็เหมือนกัน  หัดมาให้เป็นเวลาหน่อยเถอะ  เจ้าหมอนี่ไม่ได้ทำแผลกับกินยาตรงเวลามาสามวันแล้วนะ!  คิดจะฆ่ากันทางอ้อมหรือไง  เล่นวิธีสกปรกนี่หว่า  แน่จริงรอหายดีก่อนเซ่!”

“เดี๋ยวมันก็ตะปบเจ้าด้วยหรอก”  วารันในร่างมังกรเอ่ยเตือนขึ้น  แต่อีกฝ่ายกลับฉีกยิ้มกว้าง

“ไม่ต้องห่วงหรอก  เดี๋ยวเจ้าก็ต้องช่วยข้าอยู่แล้ว”

“มั่นใจเหลือเกินนะ”  วารันเห็นท่าทีนั้นแล้วอดกระตุกยิ้มไม่ได้  ขณะนั้นเองที่สัตว์ประหลาดฝูงตรงหน้าคำรามลั่นแล้วพุ่งเข้าใส่พวกเขา  เป้าหมายคือนอร์ธวินด์ที่อ่อนแอกว่า  มังกรคำรามกลับแล้วใช้กรงเล็บฟาดใส่ตัวที่คิดว่าจะทำร้ายคนของตน  ก่อนจะจัดการกับตัวที่เหลือ

ส่วนนอร์ธวินด์ใช้โอกาสช่วงที่กำลังชุลมุนไปหลบด้านหลัง  รอให้วารันจัดการสัตว์ประหลาดพวกนั้นจนหมดแล้วกลับร่างเป็นคนถึงจะเข้าไปหา  ตามตัวอีกฝ่ายมีแต่บาดแผลเต็มไปหมดทำให้รู้สึกอดห่วงไม่ได้

“เจ้าไหวแน่นะ  ให้ข้าไปตามโซแวนมาจัดการเรื่องนี้ไหม”  นอร์ธวินด์ถามขึ้นด้วยความเป็นห่วงขณะพาอีกฝ่ายมาทำแผลในวิหารโบราณ

“ข้าไม่เป็นอะไร  ไม่ต้องไปตามเจ้านั่นมาหรอก  นี่เป็นกฎของป่าแห่งนี้  ช่วยไม่ได้นี่นา”  วารันบอกเสียงเรียบขณะถอดเสื้อผ้าท่อนบนออกให้อีกฝ่ายทำแผล

นอร์ธวินด์เห็นแล้วอดทำสีหน้าเหยเกไม่ได้  บาดแผลทั่วตัววารันเป็นผลมาจากการต่อสู้กับสัตว์ประหลาดในป่าต้องห้ามที่ไม่ยอมรับเขาเป็นราชาคนใหม่

หลังสิ้นสุดสงครามอสูรแล้วโซแวนก็ไม่อยากห่างจากทีอารีนไปไหน  แต่ก็ทิ้งป่าต้องห้ามไปตลอดไม่ได้  และเพราะแบบนั้นอีกฝ่ายเลยมาก้มหัวขอให้เขามาเป็นราชาแทนตัวเอง  ทีแรกถามกันแค่ลมปากมังกรหนุ่มก็ไม่อยากรับ  แต่พอเห็นอีกฝ่ายยอมก้มหัวให้เขาก็ตกลง

นั่นเพราะวารันนับถือใจโซแวนที่ยอมทิ้งศักดิ์ศรีก้มหัวขอร้องตน  ทั้งที่ตามปกติคิเมร่าไม่ยอมก้มหัวขอร้องใครง่ายๆ

แต่การเป็นราชาของป่าต้องห้ามนั้นไม่ง่าย  เมื่อเขาประกาศตัวจะเป็นราชาย่อมมีแต่คนมาท้าชิง  หากสามารถชนะทุกตนในป่าได้  วารันก็จะขึ้นเป็นราชาทันที  จริงๆ  แล้วมีอีกวิธีที่โซแวนและนอร์ธวินด์เห็นด้วยนั่นคือให้โซแวนซึ่งเป็นอดีตราชากลับมาสละอำนาจและประกาศให้วารันเป็นแทน

วิธีนั้นง่ายก็จริง  แต่เท่ากับว่าเขาและโซแวนจะไม่มีศักดิ์ศรีในฐานะราชา  วารันจึงเลือกที่จะสืบทอดตามธรรมเนียมเก่า

“ข้าล่ะไม่เข้าใจศักดิ์ศรีของพวกมีอำนาจเลย”  นอร์ธวินด์พึมพำขึ้นพลางถอนหายใจขณะลงยาให้วารัน  สัตว์ในป่าต้องห้ามมีนับร้อยเผ่า  และทุกตัวที่รักการต่อสู้ก็ล้วนแต่ต้องการอำนาจ  พอเห็นโซแวนสละอำนาจไปก็คิดมาท้าสู้กับวารันวันต่อวันจนได้แผลมามากมายขนาดนี้ 

“ไม่ต้องเข้าใจก็ได้”  วารันเอนตัวไปด้านหลังหนุนอีกฝ่ายแล้วพึมพำด้วยรอยยิ้มออกมา  “รู้ว่าข้ารักเจ้าก็พอ  โอ๊ย!”

ทันทีที่พูดประโยคนั้นเสร็จมังกรหนุ่มก็ร้องลั่นเพราะโดนป้ายยาอย่างจังจนแสบสะท้าน  ส่วนนอร์ธวินด์นั้นได้ถอนหายใจแล้วบ่นพึมพำขึ้น  “เจ้านี่นะ  สู้มากไปจนสมองเพี้ยนหรือไง  แต่ก่อนยังด่าข้าปาวๆ  อยู่เลย”

“นิดๆ  หน่อยๆ  เองจะอายทำไมกัน”  วารันโต้กลับก่อนจะเผยความจริงออกมา  “ก็ข้ารู้สึกว่าเราไม่ค่อยหวานซึ้งแบบคนอื่นๆ  นี่”

“นี่เจ้าคิดมากเรื่องนี้เหรอ”  นอร์ธวินด์อดขำออกมาไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายชักสีหน้าไม่พอใจ  เห็นชัดว่ากำลังงอน  ดูท่าที่พูดเมื่อกี้คงรวบรวมความกล้ามานาน  พอเป็นแบบนั้นเขาก็อยากง้อขึ้นมาจึงก้มลงไปจุมพิตที่หน้าผากของอีกฝ่าย  “ไม่ต้องคิดมากหรอก  ข้ารักเจ้าอยู่แล้ว”

วารันหลับตาแล้วยิ้มออกมา  ก่อนจะพึมพำ  “ขอโทษนะที่ต้องให้มาอยู่ด้วยแบบนี้”

“หืม?”

“ทั้งที่เจ้าอยากไปเฝ้าทีอารีน  แต่ข้ากลับรั้งให้เจ้าอยู่ด้วยแบบนี้”  วารันลืมตาขึ้น  ในดวงตานั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดบางอย่าง

ตอนที่ตัดสินใจกลับมาที่ป่าต้องห้าม  เขาไม่คิดว่านอร์ธวินด์จะตามมาด้วย  ทั้งที่อินคิวบัสนี่ห่วงหาทีอารีนไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าโซแวน  เป็นสิ่งที่เขาคิดอยู่เสมอว่าดีแล้วหรือที่ไม่ให้อีกฝ่ายกลับไป

แต่ทว่านอร์ธวินด์กลับหัวเราะขึ้นแล้วบอกอย่างไม่ใส่ใจ  “ข้าก็แวะเวียนไปเฝ้าอยู่เรื่อย  แค่นั้นก็พอใจแล้วล่ะ  อีกอย่าง...ข้าจะปล่อยให้เจ้าอยู่คนเดียวได้อย่างไรกัน”

มุมปากของวารันยกยิ้มขึ้น  รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมา  ในขณะที่คิดว่ากำลังจะได้พักจู่ๆ  ก็มีเสียงร้องโวยวายดังใกล้เข้ามา  ครึ่งคนครึ่งสุนัขตนหนึ่งวิ่งมาหน้าตาตื่นทำให้มังกรหนุ่มลุกขึ้นแล้วเปลี่ยนปั้นหน้าเรียบเฉย

“มีอะไร”

“นะ...นายท่าน  คือว่า...รังของข้า...ลูกชายของข้าถูกพวกมนุษย์ลักพาตัวไป  ดะ...ได้โปรดช่วยข้าด้วยเถิด”  อีกฝ่ายเอ่ยเสียงสั่นจนเกือบพูดไม่เป็นภาษา  วารันได้ฟังแล้วก็อดถอนหายใจไม่ได้  เวลาหวานกับคนรักดูท่าจะหมดแล้ว 

“น่ารำคาญชะมัด”

คำสบถนั้นทำให้ปีศาจสุนัขที่ตัวสั่นอยู่สะดุ้งเฮือกแล้วคอตก  นึกว่าจะได้ไม่ได้รับการช่วยเหลือทว่ากลับถูกถามขึ้น  “พวกมันไปทางไหน”

“ขอรับ?  ทะ...ทางตะวันออกขอรับ”  เจ้าสุนัขเงยหน้าขึ้นมาด้วยความสับสนก่อนที่จะชี้ไปทางที่พวกมนุษย์มุ่งหน้าไป

“ทีหลังก็อย่าไปสร้างรังไว้ใกล้ชายป่านักสิ”  วารันตำหนิทิ้งท้ายก่อนที่จะแปลงร่างเป็นมังกรแล้วทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า  จากนั้นก็มุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกทิ้งให้เจ้าสุนัขยืนงงตาค้าง

“คิดว่า...จะไม่ถูกช่วยแล้วเสียอีก”

“ฮะๆ  วารันก็เป็นแบบนั้นแหละ  เขาแค่หงุดหงิดนิดหน่อยนะ”  คนแก้ต่างให้อย่างนอร์ธวินด์ต้องเดินเข้ามาบอกด้วยรอยยิ้มก่อนจะปลอบ  “ไม่ต้องเป็นห่วงนะ  เดี๋ยวลูกของเจ้าก็กลับมาแล้ว”

“ขะ...ขอรับ”  เจ้าสุนัขยกมือประสานขึ้นเพื่อภาวนา  ขณะที่นอร์ธวินด์ก็รอวารันกลับมา  ไม่นานเสียงกระพือปีกก็ดังขึ้นก่อนที่เงาร่างสีดำจะเคลื่อนมาบัดบงท้องฟ้าแล้วร่อนลงมา  วารันกลับไปร่างมนุษย์  ในมือมีลูกสุนัขสองตัวส่งเสียงร้องอยู่  เมื่อเห็นดังนั้นผู้เป็นพ่อก็รีบเข้าไปรับทันที

“ลูกพ่อ!”  ปีศาจสุนัขกอดลูกไว้อย่างทะนุถนอม  ก่อนที่จะรีบหันกลับมาขอบคุณวารันเป็นการใหญ่  “ขอบคุณท่านมากนะขอรับ  ขอบคุณจริงๆ”

“ไม่เป็นไรหรอก  ต่อจากนี้ก็ระวังตัวด้วยนะ”  เป็นนอร์ธวินด์ที่พูดขึ้นแทน  ครอบครัวปีศาจสุนัขจากไป  เหลือเพียงแค่พวกเขาสองคนในวิหารแห่งนี้  พระอาทิตย์ตกแล้ว  รอบข้างจึงเริ่มมืด  มีแสงไฟจากเวทมนตร์เท่านั้นที่คอยให้ความสว่าง  ทั้งคู่กลับเข้าไปในห้องที่ใช้หลับนอน  กินอาหารด้วยกันแล้วพักผ่อน

วารันนั้นดูเหน็ดเหนื่อยอย่างมาก  ในฐานะราชาของป่าต้องห้ามแล้วนอร์ธวินด์ก็เห็นว่าเขาทำได้ดี  แม้ว่าจะขึ้นเสียงไปบ้างจนสัตว์อ่อนแอหลายตัวกลัว  แต่ก็ให้ความช่วยเหลือทุกอย่างที่ถูกร้องขอมา  ยิ่งช่วงนี้ต้องต่อสู้กับพวกที่คิดจะแข็งข้อทำให้มังกรหนุ่มเหนื่อยเอาการ

นอร์ธวินด์เลยปีนขึ้นไปนั่งคร่อมอีกฝ่ายก่อนจะจุมพิตอย่างดูดดื่มแล้วผละออกด้วยรอยยิ้มยั่วยวน  “นี่รางวัลสำหรับความเหนื่อยยาก”

วารันเพียงแค่ยกยิ้มมุมปาก  แล้วเลื่อนมือมาโอบกอดเขาไว้แน่นก่อนจะกดลงบนเตียงอย่างรวดเร็ว  ท่าทีเหมือนคนที่อดใจรอมานาน  ทำให้นอร์ธวินด์นึกขึ้นได้ว่าตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่ป่าต้องห้ามพวกเขาก็ไม่ได้ทำกันเลย

พอเป็นแบบนั้นแล้วอินคิวบัสหนุ่มก็เกิดลังเลขึ้นมา  “ข้าว่าคืนนี้ยัง...อื้อ  เจ้า...บ้า”

วารันไม่สนเสียงค้านแล้วเริ่มทำต่อ  นอร์ธวินด์แค่ลังเลแต่ไม่นานก็ให้ความร่วมมือกับเขาเป็นอย่างดี  คืนนั้นทั้งคืนพวกเขาจึงร่วมรักกันจนถึงเช้า

สุดท้ายนอร์ธวินด์ก็นอนซมอยู่ตลอดช่วงเช้าด้วยความรู้สึกสมเพชตัวเอง  “ข้าเป็นอินคิวบัสแท้ๆ  แต่ทำไมถึงเหมือนโดนเจ้าสูบพลังไปนะ  เจ้ามังกรหื่นกาม”

วารันไม่ลังเลที่จะรับคำชมนั้นด้วยความภาคภูมิใจก่อนที่เขาจะนึกอะไรได้  “แล้วที่เจ้าไปคาร์ไลน์เมื่อวาน  ทางปราสาทเป็นอย่างไรบ้าง”

“อ้อใช่  โซแวนกับฝ่าบาทยังทะเลาะกันอยู่เลย” 

“นั่นเป็นของตายอยู่แล้ว”  วารันพึมพำขึ้น  ดูท่าความสัมพันธ์ระหว่างโซแวนและครีออนคงเป็นแบบเสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้

“นั่นสินะ  ถ้าท่านทีอารีนตื่นขึ้นมาก็คงดี”  นอร์ธวินด์พึมพำขึ้นด้วยรอยยิ้ม  “ตอนอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าน่ะสนุกจะตาย  เจ้าก็เห็นด้วยใช่ไหม  วารัน”

“ใช่  ถ้าเด็กนั่นตื่นมาก็คงดี” มังกรหนุ่มเหม่อลง  แม้จะไม่ได้ใส่ใจกับชีวิตมนุษย์มากนัก  แต่เขาก็เห็นด้วยที่ทีอารีนควรตื่นมา  ก่อนที่ร่างกายจะหมดอายุขัยไปเสียก่อน

แต่ถึงจะปรารถนาอย่างไร  พวกเขาก็ทำได้เพียงแต่ภาวนา
-----------------

ออฟไลน์ sakana04

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
บทที่  35
เรื่องราวของสัตว์ประหลาด  (Beast’s part)
ครึ่งหลัง
“ฝ่าบาท  กำหนดการของวันนี้สิ้นสุดลงแล้วขอรับ”  สิ่งที่คล้ายเสียงสวรรค์ดังขึ้น  ทันทีที่ขุนนางคนสุดท้ายออกไปเหลือเพียงแค่เร็นที่เป็นอัศวินราชองครักษ์  ครีออนก็ฟุบลงกับโต๊ะทันที  ใบหน้าที่แต่เดิมดูไม่สบายก็ยิ่งซีดหนักไปอีก

“เมื่อคืนไม่ได้นอนอีกแล้วหรือขอรับ”  เร็นถามขึ้นต่อ  ราชาหนุ่มได้แต่พยักหน้ายอมรับอย่างจำยอม  ทำให้อัศวินคู่กายอดสงสารไม่ได้  “ข้าจะไปบอกให้คนรับใช้เตรียมของว่างให้นะขอรับ”

“ขอกาแฟด้วยนะ”  ครีออนเงยหน้าขึ้นพร้อมกับจัดทรงผมของตนให้เข้าที่  ต่อให้กำหนดการของวันนี้จบลงแล้วแต่ก็ใช่ว่างานของราชาจะหมดลง  เขาต้องรับมือกับเรื่องด่วนที่อาจจะเข้ามาทั้งยังต้องสะสางงานที่ค้างคาไว้และเตรียมงานสำหรับวันต่อไป

หลังสงครามสิ้นสุดแล้ว  ครีออนในฐานะสายเลือดราชวงศ์คนสุดท้ายขึ้นเป็นราชา  แม้จะมีบางคนไม่ยอมรับ  แต่เขาก็ได้พิสูจน์ตนเองให้เป็นที่ประจักษ์แล้ว  เพราะความเสียหายของสงครามมีมากจึงต้องทะนุบำรุงบ้านเมือง  จิตใจของผู้สูญเสียทั้งหลายก็ต้องได้รับการเยียวยา  ทั้งต้องตอบแทนแด่ผู้ที่เสียสละตนในสงคราม

นอกจากนั้นเพราะอาณาจักรคาร์ไลน์อยู่ไม่ได้ถ้าหากไร้มิตรสหาย  ทั้งยังสูญเสียกำลังทหารไปมาก  เพื่อป้องกันบ้านเมืองจากภัยสงครามครีออนจึงพยายามจะสานไมตรีต่ออาณาจักรข้างเคียง  แลกเปลี่ยนผลประโยชน์ที่ยอมรับกันได้  เพราะความสามารถของราชาแห่งคาร์ไลน์ทำให้อาณาจักรปลอดภัยและกลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง

แต่ภาระหน้าที่นั้นยิ่งใหญ่เสียจนเด็กหนุ่มที่ยังไม่ยี่สิบดีหักโหม  มีหลายครั้งที่วูบกลางห้องประชุมทำให้คนอื่นใจหายใจคว่ำไปหมด  สุดท้ายแล้วขุนนางหลายคนก็ตัดสินใจจะไม่พยายามเพิ่มงานให้ราชา  หากสามารถจัดการเองได้ก็จัดการไปก่อน

ครีออนจึงได้มีเวลาพักเพิ่มขึ้นมาบ้าง  แต่ถึงกระนั้นก็ยังรู้สึกไม่พออยู่  หลายคืนที่เขาอดนอนก็ทำลายสุขภาพไปเยอะอยู่

“อยากได้รับการเยียวยาจัง...”  ครีออนบ่นพึมพำขึ้นทำให้เร็นได้แต่หัวเราะแห้งๆ  แล้วให้กำลังใจ

“เดี๋ยวก็คงมาแล้วมั้งขอรับ”

“เสด็จพ่อ!”  เสียงร้องเรียกที่ดังขึ้นทำให้ครีออนรีบลุกขึ้นทันทีด้วยใบหน้าสดใส  ประตูห้องประชุมถูกเปิดออกพร้อมร่างเล็กป้อมสองร่างที่วิ่งเข้ามา

ใบหน้าที่คล้ายกันมากซ้ำยังมีสีผมและสีตาเป็นสีดำเหมือนกันนั้นทำให้ทุกคนมองออกได้ว่าทั้งคู่คือฝาแฝด

องค์ชายรัชทายาทของคาร์ไลน์ทั้งสองวิ่งเข้ามากอดผู้เป็นพระบิดาด้วยความคิดถึง  ขณะเดียวกันก็ถามด้วยความห่วงใย  “เสด็จพ่อเหนื่อยไหมขอรับ”

“ขะ...ข้านำดอกไม้มาฝากด้วย”  แฝดคนน้องซึ่งขี้อายกว่าเอ่ยขึ้นเสียงเคอะเขิน  ในมือมีดอกไม้สีสวยอยู่ดอกหนึ่งทำให้ครีออนยิ้มขึ้น

“ขอบคุณนะ  ข้าหายเหนื่อยแล้ว  พวกเจ้า  ดื้อกับอาคีรัสหรือเปล่า”

“ข้าว่าพวกเขาสอนง่ายกว่าท่านเยอะเลย”  น้ำเสียงคุ้นหูนั้นทำให้ครีออนเงยหน้าขึ้นมอง  อาคีรัสลงนั่งตรงหน้าเขาพร้อมกับรอยยิ้ม  แต่คำพูดที่อีกฝ่ายกล่าวเมื่อครู่ทำให้เขาอดไม่พอใจไม่ได้

“ขอโทษแล้วกันที่สอนยาก”

“ข้าบอกแล้วแท้ๆ  ว่าอย่าอดนอน  ตาท่านคล้ำแล้วเห็นไหม”  ฝ่ามือหนาของอีกฝ่ายยกมาลูบแก้มเขาไปมาขณะต่อว่าทำให้ครีออนรู้สึกเคลิ้มขึ้น  เขาปล่อยลูกชายทั้งสองก่อนที่จะล้มตัวลงไปนอนตักอีกฝ่ายโดยไม่สนอะไรทั้งสิ้น

ด้านเร็นที่รู้หน้าที่ดีก็ออกสั่งทหารด้านนอกว่าอย่าเพิ่งให้ใครเข้ามา

“ฝ่าบาท...”

“ขอพักสักประเดี๋ยว”  ครีออนพึมพำขึ้นแล้วเงียบไป  ทั้งห้องก็ไม่มีใครกล้าสั่งเสียงอะไรออก 

แม้ว่าเขาจะยังไม่เป็นผู้ใหญ่แต่ในฐานะราชาย่อมต้องมีราชินี  ด้วยสถานการณ์บ้านเมืองบีบคั้นให้ครีออนต้องเลือกคนมาแต่งงานด้วย  ทั้งที่ใจเขารู้ดีว่าไม่สามารถรักผู้หญิงคนไหนได้  หนำซ้ำหลังจากอกหักจากทีอารีน  เด็กหนุ่มก็พบว่าตนดันไปตกหลุมรักผู้ชายท่าทางซื่อบื้อที่เข้ามาเยียวยาจิตใจเขาในช่วงนั้น

ผู้ชายที่มีดีแค่กล้ามเนื้อแต่ซื่อบื้อเสียจนอ่อนใจ  ทว่าก็เป็นคนที่ดึงเขาที่กำลังทุกข์ตรมออกมาได้  ครีออนพบว่าตัวเองรักอาคีรักจนอยากครอบครองหลังจากผ่านไปหนึ่งปี  แต่อีกฝ่ายไม่ได้ประสีประสาเรื่องความรักเอาเสียเลย  จนเขาต้องใช้วิธีต่างๆ  พิสูจน์จนพบว่าอาคีรัสก็ชอบพอกับตน

ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ค่อยเป็นไปค่อยไปอย่างมาก  เคยหลับนอนด้วยกันแค่หนึ่งครั้งแล้วหยุดลงเพราะเหตุผลด้านการเมือง

แม้ไม่อยากแต่งแต่ท้ายที่สุดครีออนก็ต้องเลือกผู้หญิงสักคนขึ้นมาเป็นราชินีเพื่อสืบทายาท

ทีแรกพวกผู้อาวุโสในวังจะจับคลุมถุงชน  แต่เขาออกตัวว่าจะเลือกเอง  ท้ายที่สุดก็เลือกหญิงสาวผู้งดงามคนหนึ่งขึ้นมา  กล่าวกันว่าว่าที่ราชินีคนนั้นมีหน้าตาคล้ายคลึงกับทีอารีนและเป็นคนสุขุมพูดน้อย

ทั้งคู่อภิเษกกัน  ให้กำเนิดลูกชายฝาแฝดคู่หนึ่ง  แต่แล้วราชินีก็ประชวรแล้วจากไป  หน้าที่ดูแลบุตรทั้งสองจึงตกเป็นของอาคีรัส  ผู้ที่นางไว้ใจมากที่สุด

ครีออนไม่เคยบอกใครเกี่ยวกับความรู้สึกที่มีต่อองค์ราชินี  หลายคนกล่าวหาว่าเขาไม่รัก  แต่ในใจของเขารู้ว่านางคือผู้หญิงที่ดีที่สุดในชีวิต

ครีออนคล้ายวูบหลับไปครู่หนึ่งก็ลืมตาขึ้น  รอบข้างยังคงมีแค่อาคีรัส  เร็น  และบุตรชายทั้งสองล้อมรอบ  เขาลุกขึ้นก่อนที่จะหันไปส่งยิ้มบางๆ  กับคนที่ยอมให้หนุนตัก  “ขอบคุณนะ  ช่วยได้มากเลย”

“หามิได้ฝ่าบาท”  อาคีรัสฉีกยิ้มกว้างให้ก่อนที่ครีออนจะยืนขึ้นแล้วชักชวนตามปกติ

“ไปกันเถอะ”

ทุกวันหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจแล้วพวกเขาสองคนมีห้องห้องหนึ่งที่จะต้องไปเป็นประจำ  แม้บางครั้งจะจบลงที่การทะเลาะวิวาทของคนเฝ้ากับคนเยี่ยม  แต่พักหลังๆ  แทบไม่มีปากเสียงกันเลย  อาคีรัสคาดเดาเพราะมีเด็กๆ  อยู่ด้วยเลยไม่อยากทำตัวไม่ดีเป็นแบบอยาก

เด็กน้อยสองคนวิ่งมาหน้าห้องแล้วช่วยกันเปิดประตู  ทำให้อาคีรัสต้องเร่งฝีเท้าเดินไป  ตามด้วยครีออน  ห้องนี้คือห้องบรรทมของทีอารีนตั้งแต่แรก  ร่างสูงที่นั่งอยู่ข้างเตียงหันมามองก่อนจะทักขึ้นว่า  “มาแล้วเหรอ?”

“หวัดดีขอรับ”  เด็กน้อยทั้งสองคนทำความเคารพเขาก่อนจะถามอย่างรู้ความว่า  “เสด็จลุงเป็นยังไงบ้างขอรับ”

“พูดตรงๆ  ข้ายังไม่ชินที่พวกเจ้าเรียกเขาว่าลุงเลย”  โซแวนกระตุกยิ้มขึ้นก่อนที่จะหันไปมองร่างที่อยู่บนเตียง  ทีอารีนยังคงหลับอยู่เหมือนเดิม  ช่วงสิบปีที่ผ่านมานี้มีการเปลี่ยนแปลงอยู่บ้าง  ร่างกายไม่ได้สูงขึ้นไปสักเท่าไร  จะมีแค่ผมที่ยาวขึ้นเรื่อยๆ

“ตามศักดิ์ก็ต้องเรียกแบบนั้นแหละนะ”  ครีออนเอ่ยขึ้นก่อนที่จะเดินเข้ามานั่งที่เตียงฝั่งตรงข้ามกับโซแวน  “เสด็จพี่  ข้ามาเยี่ยมแล้วนะครับ  โซแวนไม่ได้ทำอะไรไม่ดีกับท่านใช่ไหม”

“เห็นข้าเป็นคนยังไง”  คนถูกพาดพิงเลิกคิ้วถามด้วยน้ำเสียงเจือความหงุดหงิด  แต่นั่นก็เป็นเรื่องที่ไม่สามารถแก้ตัวได้  เมื่อก่อนมีครั้งหนึ่งที่ครีออนเข้ามาเยี่ยมแล้วเห็นโซแวนกำลังลักจูบทีอารีนทำให้เกิดปากเสียงกันยกใหญ่  แต่ต่อจากนั้นก็ไม่เคยเกิดเรื่องแนวนั้นขึ้นอีก

ครีออนมักจะมาเยี่ยมทีอารีนทุกวัน  คุยกับโซแวนบ้าง  นั่งเงียบๆ  บ้าง  ก่อนที่จะกลับไป  แม้ว่าจะมองอีกฝ่ายเป็นคู่กัดแต่คนที่เขาไว้ใจให้ปกป้องพี่ชายได้ก็มีแต่โซแวนคนเดียว

หลังจากพูดคุยและปล่อยให้องค์ชายแฝดทั้งสองเล่นกันอยู่ในห้องสักพักครีออนกับอาคีรัสก็กลับไป  ปล่อยให้โซแวนอยู่เฝ้าทีอารีนเหมือนเช่นทุกครั้ง

ชายหนุ่มเหม่อมองดวงจันทร์ที่ลอยนิ่งอยู่นอกหน้าต่าง  ความเงียบของตอนกลางคืนทำให้เขารู้สึกเหงาขึ้นมา  มือใหญ่เลื่อนไปกอบกุมมือของคนที่นอนอยู่มาทาบแก้มของตนเองก่อนจะพึมพำขึ้น

“จะสิบปีแล้วนะ...ผ่านไปไวเหลือเกิน”

วันนั้นเขาโอบอุ้มร่างของทีอารีนไว้โดยตลอดไม่ยอมห่างไปไหน  ไม่มีใครสามารถรักษาอาการนี้ลงได้  แม้จะใช้เวทที่อยู่ในป่าต้องห้ามแล้วก็ไม่เป็นผล  สิ่งที่พวกเขาจะทำได้ก็คือการรอ...รอจนกว่าอีกฝ่ายจะตื่นขึ้นมา

สำหรับโซแวนแล้วต่อให้เป็นร้อยเป็นพันปีเขาก็รอได้  แต่สิ่งที่ไม่เอื้ออำนวยคือร่างกายของทีอารีน

อีกฝ่ายเป็นมนุษย์  ต่อให้เมื่อก่อนเป็นจอมเวทแต่ตอนนี้ได้สูญเสียพลังทั้งหมดไปจนเป็นคนธรรมดา  ร่างกายค่อยๆ  เติบโตขึ้น  จากเด็กในวันนั้นกลายเป็นชายหนุ่ม  และแก่ตัวลงเรื่อยๆ  สิ่งที่เขากลัวมากที่สุดคือการที่ทีอารีนไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลยจนสิ้นอายุขัย

โซแวนไม่รู้ว่าตัวเองอธิษฐานไปแล้วเท่าไร  กับอะไรบ้าง  แต่ทุกครั้งเขาได้แต่ภาวนาให้ทีอารีนตื่นขึ้นมา 

“รู้ไหมว่าตอนนี้เรื่องราวของเจ้าเป็นนิทานที่เด็กๆ  ชอบกันมากนะ”  เขาเอ่ยขึ้นกับอีกฝ่ายที่ไม่สามารถโต้ตอบเขาได้  ก่อนหน้าที่พวกครีออนจะมาเขาได้เจอกับเร็นและคาร์ริต้าแล้ว  ได้ฟังเรื่องต่างๆ  ข้างนอกแก้เหงาที่ขังตัวเองไว้แบบนี้  “ตอนจบของนิทานคือโลกกลับมาสงบ  ทุกคนอยู่กันอย่างมีความสุข”

เขาเหม่อมองไปอย่างไร้จุดหมาย  “วันนั้น...วันที่สงครามสิ้นสุดลง  ข้าได้ยินเสียงสรรเสริญยินดีจากพวกมนุษย์  สัมผัสได้ถึงความสุขของพวกเขา  ก็สมกับที่นิทานเขียนไว้ดีนี่นะ”

มุมปากของโซแวนยกยิ้มขึ้นอย่างอ่อนแรง  “แต่ว่าทำไมข้าถึงไม่ยินดีกัน...”

คำถามนั้นเขารู้คำตอบดีอยู่แล้ว  “จริงๆ  แล้วตัวละครหลักอย่างเจ้าควรจะได้รับความสุขด้วยสิถึงจะเรียกว่าเป็นตอนจบของนิทาน...ใช่ไหม”

นิทานที่กล่าวถึงการเดินทางกอบกู้โลกของผู้กล้าผู้มีปณิธานแรงกล้า  ฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ  จนสามารถต่อกรกับศัตรูได้  เสียสละตัวเองทำลายทุกอย่างลงเพื่อความสงบสุขของโลก  แต่ตอนจบกลับไม่ได้อะไรกลับมาซ้ำยังต้องนอนเป็นเจ้าชายนิทรา

นั่นคือนิทานที่ทีอารีนเป็นตัวละครหลัก...เป็นโชคชะตาที่เขาได้รับมา

ไม่สิ...นี่ต้องไม่ใช่ตอนจบ

“เจ้ารีบตื่นขึ้นมาสักทีสิ...ทีอารีน”
--------------------------

ออฟไลน์ sakana04

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
บทที่  36
แด่ผู้ที่หลับใหล  (His part)
ครึ่งแรก

ทีอารีน...

เสียงใครบางคนเรียกข้าดังขึ้น  ความรู้สึกแรกที่รับรู้คือความอบอุ่นของแสงตะวันและกลิ่นหอมของดอกไม้  เสียงท่วงทำนองเพลงดังแว่วมา  ราวกับว่าได้รับการปลอบประโลมจนรู้สึกผ่อนคลายและสงบสุข

ปลดภาระต่างๆ  ที่แบกรับไว้แล้วเข้าสู่ห้วงนิทราที่แสนยาวนาน

สติข้าขาดห้วงไปตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่อาจจำได้  แต่เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกทีก็พบว่าตัวเองอยู่ในสถานที่ที่ไม่คุ้นตา

ทั้งที่พยายามนึกทบทวนหลายครั้งข้าก็พบว่าตัวเองนั้นนึกความทรงจำหลังจากชนะลูซัสไม่ออก  และไม่คุ้นสถานที่แห่งนี้ด้วยซ้ำ

ข้าลุกขึ้นจากแท่นหิน  แล้วมองรอบๆ  ก็พบว่าอยู่ในตำแหน่งใจกลางของวิหารแห่งหนึ่ง  เมื่อเดินออกไปก็เป็นทุ่งดอกไม้กว้างสุดลูกหูลูกตาที่ไม่มีใครอยู่

ไม่มีแม้แต่สัตว์หรือแมลงสักตัว

“โซแวน  ครีออน”  ข้าเริ่มเอ่ยเรียกชื่อของคนที่รู้จัก  เสียงนั้นสะท้อนก้องไปไกลแต่ไม่มีผู้ใดขานรับหรือปรากฏตัวออกมา  ในอกข้าเริ่มปวดหนึบคล้ายถูกบีบรัด  แต่ด้วยความหวังในใจลึกๆ  ทำให้ข้าวิ่งและตะโกนเรียกต่อ  “เร็น  คาร์ริต้า  นอร์ธวินด์  วารัน  อาคีรัส  ซีวาล  อยู่ที่ไหนกันน่ะ!”

ข้าไม่รู้ว่าตนเองนั้นวิ่งออกมานานเท่าไร  จนกระทั่งรู้สึกเหนื่อยจึงหยุดหอบหายใจ  รอบข้างเหลือเพียงทุ่งดอกไม้ที่เปลี่ยวร้าง

บัดนั้นข้าถึงเข้าใจ  สถานที่นี้มีเพียงข้าเพียงคนเดียว

ไม่เหลือใครแล้ว...ข้าทรุดเข่านั่งบนพื้นอย่างหมดแรง  ไม่รู้ว่าควรทำอะไรต่อไป  สิ่งที่ข้ากลัวมาตลอดคือการถูกทอดทิ้ง...เหมือนเช่นตอนนี้

“โซแวน...ทำยังไงดี”  ข้าพึมพำเสียงสั่นอย่างไร้หนทาง  หากอยู่ด้วยด้วยกันโซแวนก็คงไม่ปล่อยให้ข้าหวาดกลัวเช่นนี้

“มานั่งอมทุกข์อยู่แบบนี้ไม่ใช่ตัวท่านเลยนะขอรับ”  น้ำเสียงอ่อนโยนที่คุ้นเคยดังขึ้น  ข้าเบิกตากว้างก่อนที่จะเงยหน้าขึ้น  ตรงหน้ามีร่างสูงโปร่งกำลังย่อตัวลงมาคุกเข่าและส่งยิ้มทักทาย

แม้ว่าจะแตกต่างไปบ้างตรงที่ผมยาวขึ้นและมีปีกสามคู่ด้านหลังของอีกฝ่ายแต่ใบหน้านั้นข้าคุ้นเคยดี  ความรู้สึกประหลาดท่วมล้นขึ้นมาจนทำให้เอ่ยชื่อของอีกฝ่ายอย่างเผลอตัว

“ผู้วิเศษ”

เขาคนนั้นยิ้มรับก่อนจะยื่นมาข้างหน้า  “ลุกขึ้นเถิด  แล้วเราค่อยๆ  คุยกันก็ได้  ยังมีเวลา”

ข้ามองเขาด้วยความสับสน  แต่เพราะผู้วิเศษยังคงยกมือค้างไว้ข้าเลยเอื้อมมือไปจับก่อนที่จะถูกอีกฝ่ายฉุดให้ลุกขึ้น  ชั่วขณะหนึ่งเหมือนพื้นเอียงลง  รอบข้างบิดเบี้ยว  เมื่อได้สติอีกครั้งก็พบว่าตัวข้ามาอยู่ในสถานที่ที่ไม่คุ้นตาอีกแล้ว

“ที่นี่...”

“วิหารของข้าเอง”  ผู้วิเศษเอ่ยด้วยรอยยิ้มก่อนที่จะพาข้าไปนั่งแล้วหันไปตระเตรียมบางอย่าง  ทิ้งให้ข้ามองรอบๆ  โดยที่ในหัวเต็มไปด้วยคำถาม  อยากเอ่ยออกไปแต่ก็ยังมีเรื่องแคลงใจ

ตรงหน้าข้าคือผู้วิเศษจริงๆ  หรือ?

“หากท่านอยากถามอะไรก็ถามมาเถอะ  อย่าทำเป็นคนอื่นคนไกลกันเลย”  คำพูดของเขาทำให้ข้าสะดุ้งเล็กน้อย  เพราะปิดบังอาการไม่อยู่เลยถูกหัวเราะเบาๆ  ใส่  เจ้าตัวเดินมาวางแก้วเปล่าบนโต๊ะตรงหน้าข้าแล้วนั่งลงบ้างก่อนจะพึมพำคล้ายกับน้อยใจด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม  “เราไม่ได้เจอกันนาน  ท่านถึงกับจำข้าไม่ได้เลยรึ”

“ใครจะไปคิดล่ะว่าจะได้มาเจอเจ้าอีก”  ข้าบ่นกลับไปด้วยความรู้สึกจากใจจริง  แต่กลับมาคิดได้ว่าตอนนี้ใช่เวลามาต่อล้อต่อเถียงหรือ  ดังนั้นข้าเลยถามเขากลับไปอีก  “เป็นเจ้าจริงๆ  หรือ  ผู้วิเศษ  ก็เจ้า...”

“ข้าคือข้า  ไม่มีใครอื่นหรอก  ต่อให้ทิ้งร่างเนื้อมนุษย์ไปแล้วก็ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง  อ๊ะ  แต่พอไม่มีร่างเนื้อแล้วก็ลงไปโลกมนุษย์ไม่ได้นี่นะ”  เขาอธิบายเหมือนกับเป็นเรื่องปกติ  ท่าทีสบายๆ  นั้นทำให้ข้ารู้สึกผ่อนคลายขึ้นมา

แม้จะแตกต่างไปบ้าง  แต่เขาก็คือเขา

“แล้วปีก...”

“เป็นของที่มีติดตัวมาตั้งแต่ถือกำเนิดแล้วขอรับ  จริงๆ  ก็ไม่ค่อยชินกับสภาพนี้เหมือนกัน”  ผู้วิเศษตอบขึ้นทันทีหลังจากข้ามีท่าทีสงสัยเรื่องปีก

“จริงสิ...”  ในที่สุดข้าก็นึกออก  เพราะเห็นปีกของเขา  ความสงบเงียบและพลังด้านบวกมากมาย  สถานที่แห่งนี้คงเป็นที่อื่นไม่ได้  “ที่นี่คือสวรรค์อย่างนั้นหรือ”

“ถูกต้องพ่ะย่ะค่ะ”  เขาตอบด้วยรอยยิ้ม  ก่อนจะบอกในสิ่งที่ข้าสงสัยมาโดยตลอด  “และท่านเองก็คงสงสัยว่าทำไมตัวท่านถึงมาอยู่ที่นี่ได้”

ข้าไม่ได้พูดอะไร  ทั้งที่ใจจริงคิดว่าตัวเองตายแล้ว

ระหว่างที่ข้ากำลังจ้องเขาอยู่นั้น  จู่ๆ  ผู้วิเศษก็สบตาด้วยแล้วยื่นมือมาสัมผัสแก้มก่อนจะบีบไว้และดึงออก  ความเจ็บแปลบทำให้ข้าสะดุ้งเฮือกแล้วร้องออกมา

“โอ๊ย!!”

ผู้วิเศษที่ยังคงไม่ปล่อยมือจากข้ายกยิ้มน่ากลัวขึ้นก่อนจะพึมพำพลางถอนหายใจ  “ข้าอุตส่าห์บอกว่าไม่ให้ใช้  ไม่ให้ใช้  แต่ท่านก็ยังฝืนใช้มหาเวทอีก  คิดว่าตัวเองเก่งมาจากไหนกันเชียว”

“เจ็บ!”  ข้าร้องเสียงหลงเมื่อถูกเขาหยิก  อีกฝ่ายทำจนสาแก่ใจแล้วก็ปล่อยมือทำให้ข้ามีโอกาสแก้ตัว  “ก็จะให้ข้าทำอย่างไรเล่า  ลูซัสคิดจะใช้มหาเวททำลายทุกอย่าง  ถ้าไม่ใช้มหาเวทกลับก็ไม่มีทางอื่นสู้ได้แล้ว”

“ท่านนี่เป็นผู้เสียสละซะจริงๆ”  ผู้วิเศษยังคงพึมพำขึ้นพลางถอนหายใจ  “ทำทุกอย่างเพื่อช่วยพวกคนที่ตนรัก”

“มันก็แน่นอนอยู่แล้วนี่”  ข้าตอบอย่างมั่นใจ  “ข้าไม่ยอมให้คนที่รักต้องตายหรอกนะ”

“แล้วไม่คิดหรือขอรับว่าพวกเขาก็ไม่อยากให้ท่านตาย”  คำพูดของผู้วิเศษทำให้ข้าพูดไม่ออก  ในอกรู้สึกเจ็บขึ้นมา

ถึงแม้ข้าจะไม่เข้าใจความรู้สึกทั้งหมดของคนอื่น  แต่ก็รับรู้ได้  ไม่มีใครอยากให้คนที่รักจากไปทั้งนั้น  เพราะคิดเช่นนั้นข้าจึงตัดสินใจเสียสละตนเองแบบนี้

ทั้งที่คิดว่าเตรียมใจมาดีแล้ว...แต่กลับรู้สึกเป็นทุกข์

ทั้งที่คิดว่าได้ล่ำลาแล้วก็คงไม่ต้องห่วงอะไร...แต่บัดนี้ข้ากลับพะวงขึ้นมา  ไหนจะครีออนที่ยังเด็กในการปกครอง  ความสัมพันธ์ของผู้ติดตามคนอื่นๆ  สำคัญยิ่งไปกว่านั้นคือโซแวนจะเป็นอย่างไร

“ทำไมจะไม่คิดล่ะ”  ข้ากัดฟันถามกลับไป  ความอึดอัดที่อยู่ในอกค่อยๆ  ขับตัวขึ้นมาจนรู้สึกว่าการจะเอ่ยออกมาแต่ละคำเป็นเรื่องยากลำบาก  ต้องพูดเช่นไรถึงจะห้ามน้ำตาไม่ให้ไหลออกมากัน  “ข้ารู้ว่าพวกเขาไม่อยากให้ข้าตาย  แต่ในตอนนั้น...ตอนนั้นไม่เหลือทางเลือกอื่นแล้วนี่  ทุกอย่างบีบคั้นให้ข้าต้องทำ  เจ้าเองก็ผลักดันข้าให้ทำแบบนี้ไม่ใช่หรือ”

ข้าสูดลมหายใจเฮือก  นึกตำหนิตัวเองที่สุดท้ายแล้วก็โทษอีกฝ่าย  ผู้วิเศษเองก็ไม่ได้แก้ต่าง  เขาหลับตาลงคล้ายยอมรับก่อนจะพึมพำออกมา

“ก็จริง  พอข้าไม่อยู่แล้วท่านก็ขาดคนชี้แนะดีๆ  ไป  หลายๆ  อย่างก็ผิดพลาดจากที่คาดการณ์ไว้ด้วย”

“แต่ทุกอย่างก็เรียบร้อยไม่ใช่หรือ”  ข้าถามขึ้นเมื่อเขาพูดจบ  ลูซัสถูกกำจัดไปแล้ว  โลกกลับมาสงบสุข  ทุกอย่างก็น่าจะจบลงด้วยดี  “ทุกอย่างจบลงด้วยดีแล้วใช่ไหม”

“ตำนานของประตูอสูรปิดฉากลงแล้ว”  คำพูดของผู้วิเศษทำให้ข้าถอนหายใจด้วยความโล่งอก

“ค่อยยังชั่ว”

“จะโล่งใจตอนนี้หรือขอรับ”  แต่ผู้วิเศษกลับขัดขึ้นทำให้ข้าประหลาดใจ  เขายันตัวลุกขึ้นและโน้มหน้าเข้ามาใกล้และบอกบางอย่าง  “ถึงแม้สงครามจะจบลง  แต่ยังมีคนที่ระทมทุกข์เพราะการเศร้ารออยู่  ท่านยอมรับได้หรือขอรับ”

“เจ้าหมายความว่ายังไง”  ข้าขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาบอก  แต่พอคาดเดาได้ว่าวีรบุรุษที่พูดนั้นคงหมายถึงพวกโซแวน  พอได้ยินคำว่าไม่ได้รับความสุขความกังวลก็เกิดขึ้นในอกข้าทันที

“มีคนที่รอท่านตื่นอยู่”  คำพูดของเขาทำให้ข้าชะงัก

“มันจะเป็นไปได้ยังไง  พวกเขาจะรอไปทำไม  ก็ข้า...”  ข้าเลือกที่จะกลืนคำสุดท้ายลงไป  ผู้วิเศษมีสายตาเศณ้าหมองลง  ก่อนจะย้ำเตือนให้ข้าตระหนัก

“เพราะเป็นท่านไงเล่า  พวกเขาถึงรอ  แม้จะไม่รู้ว่าท่านจะตื่นขึ้นอีกไหมแต่ก็จะรอต่อไป”  ผู้วิเศษเน้นย้ำคล้ายจะให้ข้านึกออก  “อีกอย่างกับคนที่ท่านรัก  ท่านก็สัญญาว่าจะกลับไปมิใช่หรือ”

คำพูดของเขาทำให้ความทรงจำที่ถูกปิดไว้แตกออก  ข้าจึงจำเรื่องราวหลังจากต่อสู้กับลูซัสจนชนะได้แล้ว  โซแวนเข้ามารับข้าเหมือนที่สัญญาไว้  แต่ร่างกายตอนนั้นทั้งทรมานจนคิดว่าต้องตายเป็นแน่

แต่ข้ากลับให้สัญญาไว้กับเขา

สัญญาที่คงไม่มีวันเป็นจริง...

เมื่อนึกถึงคนที่เฝ้ารออยู่ก็อดทำให้ข้ารู้สึกเจ็บแปลบไม่ได้  หัวตาร้อนผ่าวจนไม่อาจกลั้นน้ำได้อีกต่อไป  ข้าข่มเสียงสะอื้นที่ตีขึ้นมาขณะยกมือขึ้นปิดใบหน้า

“ข้า...ข้าไม่อยากทิ้งพวกเขา  อยากเจอ...แม้อีกสักครั้ง  อยากเจอโซแวน”  ข้าพร่ำพรรณนาความปรารถนาที่อยู่ในใจ  หากรู้ว่าจะไม่มีโอกาสได้เจออีกแล้วคราวนั้นคงไม่ยอมหลับง่ายๆ

“ฝ่าบาท  ไม่สิ  ทีอารีน  เงยหน้าขึ้นเถอะ”  มือที่อบอุ่นของผู้วิเศษช้อนคางของข้าให้เงยหน้าขึ้น  เขากำลังยิ้มอย่างพอใจอยู่  “อย่าได้ร้องไห้เลย  ในที่แห่งนี้  ไม่ว่าท่านปรารถนาสิ่งใดก็จะได้รับ”

ข้าที่ไม่อาจกลั้นน้ำตาไว้ได้ร้องไห้จนดูน่าสมเพช  ขณะนั้นเองที่เขาพูดขึ้นต่อ  “เอ่ยความปรารถนาของท่านมาเถิด  ฝ่าบาท”

สิ่งเดียวที่ปรารถนาอยู่ในตอนนี้

“ข้าอยาก...อยากกลับไป  อยากพบทุกคนอีกครั้ง”  ข้าเอ่ยขึ้นน้ำเสียงปนสะอื้น  อยากคุยกับเขาตรงๆ  ทว่าน้ำตาที่หลั่งไหลออกมาไม่มีทีท่าว่าจะหมดแม้จะยกมือขึ้นปาดเท่าไร  “ข้า...อึก  ข้าไม่อยากทอดทิ้งโซแวน  ไม่อยากทอดทิ้งพวกเขา”

“เช่นนั้นก็กลับเถิด”  ผู้วิเศษเอ่ยขึ้นทำให้ข้าสวนกลับไปอย่างคนหมดหวัง

“จะให้ข้ากลับไปยังไงล่ะ  ก็ข้า...ตายแล้วนี่”

ผู้วิเศษคล้ายจะส่งเสียงประหลาดในลำคอขณะแสดงสีหน้าสับสนสุดขีด  เขาส่ายหน้ารัวๆ  เป็นคำตอบก่อนที่จะถามกลับ  “อะไรทำให้ท่านคิดเช่นนั้นกัน”

คำถามของเขาทำให้ข้าเองก็ชะงักไปด้วย  น้ำตาที่ไหลออกมาหยุดโดยพลันทำให้ข้ามีสติคิดและอธิบายให้เขาฟัง

“ก็เจ้าเป็นเทวดา  แล้วที่นี่คือสวรรค์  คนที่ขึ้นสวรรค์ได้ก็มีแต่คนตาย...ไม่ใช่หรือ”  ผู้วิเศษนิ่งเงียบไปอีกพักใหญ่ก่อนที่เขาจะหลุดยิ้มขันให้ข้า

“ไม่ใช่เสียทีเดียว  มีแต่วิญญาณและเทพเท่านั้นที่ขึ้นมาได้  หรือจะพูดให้เข้าใจง่ายๆ  ในสถานการณ์นี้ก็คือท่านยังไม่ตาย”

ข้าเบิกตากว้างอย่างห้ามไม่อยู่  ร่างเด้งขึ้นจากเก้าอี้ทันทีขณะถามย้ำ  “จริงหรือ?”

“ข้าโกหกไม่ได้  ท่านน่าจะรู้”  เขาแย้มยิ้มให้ทำให้ข้ารู้สึกเข่าอ่อนขึ้นมา  เป็นความโล่งใจและยินดีอย่างเหลือล้น  ผู้วิเศษหัวเราะขึ้นก่อนจะเดินเข้ามาพยุงข้า

“แล้วทำไมข้าถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ?”  ข้าถามขึ้นด้วยความสงสัย  เขาก็ไม่ลังเลที่จะตอบทันที

“เพราะฝืนใช้มหาเวท  ท่านเลยอยู่ในสภาวะกึ่งมรณา  ร่างกายท่านเรียกได้ตายไปแล้ว  ยังดีที่มีพลังอมตะจากท่านลูซิฟรานช่วยยื้อไว้  ตอนนี้เลยไม่เป็นอะไรแล้ว  แต่พลังอมตะก็หายไปด้วย  ส่วนวิญญาณนั้นเสียหายหนักยิ่งกว่า  เพื่อรักษาชีวิตท่าน  พระเจ้าเลยส่งท่านมารักษาอยู่ที่นี่  การหลับใหลอย่างยาวนานคือการปล่อยให้ดวงวิญญาณฟื้นฟูสภาพ”

ผู้วิเศษอธิบายทำให้ข้ากระจ่างแล้วยังอดพูดย้ำไม่ได้  “ข้ายังไม่ตาย”

“ใช่แล้ว  ท่านยังมีชีวิตอยู่บนโลกได้อีกเกือบร้อยปีกระมัง”  เขาบอกด้วยรอยยิ้มก่อนที่จะปล่อยมือจากข้า  “เช่นนั้นก็ได้เวลาแล้ว  ข้าจะส่งท่านกลับ”

ข้าพยักหน้าให้เขา  ก่อนที่จะนึกอะไรขึ้นได้  ข้ายังไม่ตาย  แต่เขาไม่มีร่างเนื้อแล้ว  นั่นหมายความว่านี่อาจเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้พบกัน

“ฝ่าบาท?”  น้ำเสียงของผู้วิเศษที่เปล่งออกมานั้นดูแปลกใจ  นั้นก็แน่นอนอยู่แล้ว  เขาคงตกใจที่จู่ๆ  ข้าก็กอด

“ผู้วิเศษ  ขอบคุณนะ  สำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง”  ข้าเอ่ยขึ้นจากใจจริงและละกอดจึงพบว่าเขากำลังยิ้มให้อยู่  ชั่วนาทีหนึ่งไม่มีใครพูดอะไรจึงเกิดความเงียบขึ้น  แต่สุดท้ายแล้วผู้วิเศษก็หันไปเตรียมรินบางอย่างใส่ถ้วยที่เขาเอามาวางตรงหน้าข้า

ผู้วิเศษยื่นแก้วใส่น้ำชามาให้ก่อนจะเอ่ยออกมา  “ฝ่าบาท  ดื่มสิ่งนี้แล้วท่านจะได้กลับไป  หลังจากนั้นก็ใช้ชีวิตต่อให้คุ้มค่านะขอรับ  เส้นทางต่อจากนี้จะต้องไม่มีขวากหนามแน่  ท่านได้รับผลตอบแทนที่ควรได้แล้ว  ข้าขออวยพร”

ข้ารับมันมาขณะส่งยิ้มให้เขา  ครู่หนึ่งเกิดการลังเลสักพักแต่สุดท้ายก็ดื่มไป  และพลันนึกอีกเรื่องออก

“จริงสิ  ผู้วิเศษ  ชื่อจริงๆ  ของเจ้าล่ะ?”  ข้าเอ่ยถามขึ้นหลังจากดื่มยา  เหมือนเขาก็เพิ่งจะนึกได้เลยร้องอ้อ  ชื่อไม่ใช่สิ่งที่เทพต้องปิดบังแล้วเช่นนั้นผู้วิเศษจึงยอมบอกนามพร้อมยื่นมือมาสัมผัสใบหน้าของข้า

ทันใดนั้นรอบข้างตัวข้าก็มีแสงประหลาดมาห่อหุ้มพร้อมความรู้สึกประหลาด  คล้ายกับตัวหดเล็กลงและร่างกายก็พลันล่องลอยออกไป

โบยบินผ่านทุ่งดอกไม้ที่บรรเลงเพลงปลอบประโลม
-------------

ออฟไลน์ sakana04

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
บทที่  36
แด่ผู้ที่หลับใหล  (His part)
ครึ่งหลัง

โซแวนคิดว่าหลังจบสงครามอสูรแล้วตัวเองจะเกษียรตัวเองออกไปใช้ชีวิตอยู่กับทีอารีนแค่สองต่อสองในที่ที่ไกลออกไป  ไม่ต้องเจอความวุ่นวาย  ไม่ต้องมาวนเวียนอยู่กับเรื่องปวดหัว  แต่น้องติดพี่อย่างครีออนดันไม่ยอมให้พาทีอารีนไปไหน  เขาเลยพาหนีไปไม่ได้  หนำซ้ำยังเจอปีศาจร้ายคอยรังควาญอีก

ใช่...ปีศาจร้ายสองตนที่มาส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวในห้องแบบนี้

“พวกเจ้าทำไมถึงไม่คิดออกไปเล่นข้างนอกบ้าง”  ในที่สุดโซแวนก็ทนเสียงหัวเราะเอิ้กอ้ากไม่ไหวเลยถามขึ้น

เด็กแฝดสองคนมุดออกมาจากใต้เตียงมองเขาตาแป๋ว  ดูไร้เดียงสา  ทั้งที่มีส่วนคล้ายทีอารีน  แต่สัดส่วนความเป็นครีออนก็ออกมามากกว่าอยู่ดีสมกับที่เป็นพ่อลูก  แต่โซแวนก็อดสงสัยไม่ได้  ทั้งๆ  ที่คนเป็นพ่อพูดน้อยหน้าตายขนาดนั้นแท้ๆ  ทำไมลูกถึงเสียงดังเอะอะแบบนี้

“ก็เสด็จพ่อไม่ให้ออกไปเล่นนี่”  แฝดคนพี่นามคาลอสบอกกับเขาเสียงใสพร้อมคลานออกมาจากใต้เตียง  ซ้ำยังบอกด้วยรอยยิ้มต่อท้ายด้วยว่า  “อีกอย่างแค่ในปราสาทนี้ก็กว้างงงงพอแล้ว  มีอะไรให้ทำตั้งเยอะแยะ”

ถึงแม้จะเป็นคนน่ารำคาญ  แต่ครีออนก็นับว่าเป็นพ่อที่ดี  พอว่างก็จะเรียกหาลูกชายทั้งสอง  และเพราะเด็กสองคนนี้ยังไม่สามขวบดีจึงไม่ยอมให้ออกไปเล่นข้างนอกเนื่องจากกลัวจะเป็นอันตราย

“แล้วทำไมถึงชอบมาเล่นที่ห้องนี้กันจัง”  ชายหนุ่มถามต่อพลางเลิกคิ้ว

“ก็มาเล่นกับท่านลุงไง  เดี๋ยวท่านลุงเหงา”  คาลอสตอบพลางแปะมือที่ขาของเขา  สีหน้าเต็มไปด้วยความมั่นใจพร้อมมุมปากที่ยกยิ้มขึ้นทำให้โซแวนอดหัวเราะเบาๆ  ไม่ได้

ถ้าบอกว่าไม่ต้องการก็คงเป็นการทำร้ายจิตใจเด็กเกินไป  แค่นี้เขาก็โดนสาวใช้นินทาว่าร้ายว่าเป็นพวกขบหัวเด็กไปแล้ว

“ให้ตายสิ  ฉันไม่เหงาหรอกน่า”  โซแวนเอ่ยพลางยกยิ้มแล้วเลื่อนมือไปกุมมือของทีอารีนที่นอนหลับอยู่บนเตียงไว้  “มีเขาอยู่ด้วยทั้งเขา”

“นี่  ท่านโซแวน  เมื่อไรเสด็จลุงจะตื่นหรือ”  ทาลอส  แฝดคนน้องเอ่ยถามขึ้นพร้อมขยับเข้ามาใกล้  เด็กคนนี้พูดน้อยกว่าคนเป็นพี่  ออกจะขี้อายด้วยซ้ำเขาเลยรู้สึกเอ็นดูว่าคาลอสจอมโวยวาย

“นั่นสินะ”  ชายหนุ่มพึมพำขึ้นเสียงเบาก่อนจะย้อนถามตัวเอง  “จะตื่นขึ้นมาเมื่อไรกันนะ...ทีอารีน”

“นี่ๆ  ลุงโซแวน  ไปหาอะไรมาให้กินหน่อยสิ”  คาลอสกระตุกขากางเกงโซแวนและเอ่ยสิ่งที่ต้องการ  เสียงท้องร้องโครกครากเป็นตัวกดดันอย่างดีจนทำให้ชายหนุ่มคิ้วกระตุก

“เฮ้อ  เจ้านี่นะ  กินเก่งแบบนี้ระวังอ้วนฉุเป็นหมูเถอะ”  โซแวนพร่ำบ่นอย่างลำบากใจ  สาวใช้เพิ่งนำของว่างมาให้เด็กแฝดเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อนไม่ทันไรก็หิวอีก  นับวันเด็กนี่กินจุขึ้นทุกที  แต่ถึงจะบ่นไปเช่นนั้นเขาก็คว้าคาลอสขึ้นมาอุ้มแล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้

ขืนทำเมินเดี๋ยวเด็กปีศาจนี่จะวิ่งไปฟ้องผู้เป็นบิดา  แล้วเจ้านั่นจะตามมาใช้อำนาจในทางมิชอบกับเขาอีก

“ทาลอส  ไปด้วยกันไหม”  โซแวนหันไปถามเด็กที่นั่งเงียบๆ  อยู่ข้างเตียง  ทาลอสส่ายหน้าเป็นคำตอบก่อนจะเล่นของเล่นต่อ

“งั้นเดี๋ยวจะเอาขนมมาฝากนะ”  ชายหนุ่มทิ้งท้ายไว้ก่อนจะออกไปนอกห้องพร้อมกับคาลอสด้วยความเร่งรีบ  ปกติแล้วโซแวนไม่เคยออกจากห้องไปไหนนานเพราะกลัวว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับทีอารีนตอนที่ตนไม่อยู่

“อ๊ะ  ผีเสื้อ”  คาลอสที่ถูกอุ้มกระเตงมาชี้นิ้วป้อมๆ  ไปยังทางเดินตรงหน้า  ผีเสื้อสีดำตัวหนึ่งบินมาทางพวกเขาอย่างไม่กลัวคน  ทีแรกโซแวนไม่คิดอะไรแต่เมื่อมันผ่านตัวไปกลับรู้สึกแปลกๆ

ความรู้สึกคุ้นเคยคล้ายกับทีอารีน...

ชายหนุ่มกังวลใจอย่างประหลาดเลยมุ่งตรงไปยังห้องครัวแล้วหอบหิ้วขนมและของว่างมาพร้อมคาลอส  สั่งให้สาวใช้เตรียมน้ำชาตามไปก่อนที่ตนจะกลับห้องอย่างเร่งรีบ

ขณะใกล้ถึงห้องนั้นเขาพลันได้ยินเสียงร้องของทาลอสดังขึ้นทำให้ชายหนุ่มรีบวิ่งไปดูทันที

“ทาลอส  เกิดอะไรขึ้น!”  เขาตะโกนถามด้วยความเป็นห่วง  เด็กคนนั้นล้มก้นจ้ำบ้ำอยู่บนพื้นหันหน้ามามองเขาแวบหนึ่งแล้วกลับไปมองที่เตียง

เมื่อโซแวนมองตามไปก็ต้องเบิกตากว้าง   คล้ายกับมือไม้อ่อนปวกเปียกไปชั่วขณะ  เขาเผลอปล่อยให้คาลอสลงไปยืนที่พื้นแล้วนิ่งอึ้งอยู่เช่นนั้น

บนเตียงนั้นร่างของทีอารีนกำลังลุกขึ้นนั่งอยู่  หลังจากลดมือที่ยกขึ้นกุมศีรษะลงแล้วก็มองไปรอบๆ  ก่อนจะหันมาสบตากับเขา

 “ที...อา...รีน”  โซแวนเอื้อนเอ่ยออกมาอย่างเชื่องช้า  คล้ายกับไม่อยากจะเชื่อ  ชายหนุ่มทรุดตัวนั่งลงบนเตียงก่อนจะหยิกแก้มตัวเองตรวจสอบดูว่าไม่ได้ฝันไป

“โซแวน...”  ทีอารีนเอ่ยเรียกชื่อของเขาเสียงแหบขณะขยับตัวจะลุกจากเตียง  ภาพของคนตรงหน้าชัดเจนดังนั้นจึงไม่น่าใช่ภาพฝัน  โซแวนถึงกับยิ้มกว้างทันทีแล้วเข้าไปประคองกอดอีกฝ่ายไว้อย่างแนบแน่น

“เจ้า...เจ้าตื่นแล้ว”  ชายหนุ่มเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงตื้นตันใจ  หัวตารู้สึกร้อนผ่าวทั้งๆ  ที่เริ่มมีน้ำรื้นออกมา  “ในที่สุดเจ้าก็กลับมา”

ทีอารีนที่ได้รับอ้อมกอดอันอบอุ่นตั้งแต่ตื่นขึ้นมาทำให้รู้สึกดีจนยิ้มออกมาได้  เขากอดตอบอีกฝ่ายอย่างโหยหาเช่นเดียวกัน  “ข้ากลับมาแล้ว”

“เสด็จลุงตื่นแล้ว”  คาลอสเอ่ยแทรกขึ้นทำให้ทั้งสองคนรู้สึกตัวว่าไม่ได้อยู่กันตามลำพัง  แม้จะเสียดายแต่โซแวนก็ละกอดอีกฝ่ายก่อนจะถามว่า  “ดื่มน้ำก่อนไหม  เจ้านอนหลับไปนานมากคงไม่ค่อยมีแรงเท่าไร”

“อืม”  ทีอารีนพยักหน้ารับทำให้ชายหนุ่มรีบผละไปเตรียมน้ำดื่มทันทีแล้วนำมาให้อย่างรวดเร็วด้วยการป้อนเองกับมือ

“ค่อยๆ  จิบ”

ชายหนุ่มที่ถูกจับป้อนน้ำดันมือของอีกฝ่ายออกเมื่อพอใจแล้วก่อนจะถามว่า  “ข้าหลับไปนานกี่ปี”

โซแวนนิ่งคิดไปสักพักก่อนจะตอบว่า  “สิบปีกว่าๆ  เห็นจะได้”

นั่นทำให้ทีอารีนเบิกตากว้างแล้วพึมพำขึ้นว่า  “นานขนาดนั้นเชียว  ข้าคิดว่าหลับไปแปบเดียวเองนะ”

“อืม  หลับนานจนมีอะไรๆ  หลายอย่างเกิดขึ้นน่ะนะ”  โซแวนตอบ  ทีอารีนที่ยังตะลึงไม่หายเหลือบมองไปที่เด็กแฝดทั้งสองคนที่เกาะเตียงอยู่ก่อนจะถามด้วยความไม่แน่ใจ

“โซแวน  เด็กสองคนนี้คือ...?”

“ลูกชายครีออน”  โซแวนตอบสั้นๆ  แต่ทำให้ทีอารีนตกตะลึงได้  “หะ?  ลูกชาย!?  ของครีออน...เขามีลูกแล้ว?”

“ใจเย็นๆ  ก่อน”  ชายหนุ่มปลอบอีกฝ่ายที่มีสีหน้าคล้ายจะเป็นลมให้รู้แล้วรู้รอด

“ข้าพลาดอะไรไปหลายๆ  อย่างเลยสินะ”  ทีอารีนพึมพำขึ้นก่อนจะขยับตัวเปลี่ยนเป็นนั่งกับเตียง  เขายิ้มอ่อนโยนขึ้นก่อนจะทักทายเด็กทั้งสองว่า  “สวัสดี  พวกเจ้าชื่ออะไรกันหรือ?”

“ข้าชื่อคาลอส”

“ส่วนข้าทาลอส”  เด็กน้อยทั้งสองคนแนะนำตัวเองกับทีอารีนพร้อมกับเข้ามาเกาะขาทั้งสองข้างไว้  ก่อนที่จะผละตัวไปเมื่อคนรับใช้นำขนมมาให้  สาวใช้ออกอาการตกตะลึงทันทีที่เห็นเขาตื่นขึ้นมา

“ไปเรียนให้องค์ราชาทราบหน่อย”  โซแวนเอ่ยคำสั่งขึ้นเธอรีบพยักหน้ารับก่อนที่จะออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว

ส่วนทีอารีนนั้นเมื่อปรับร่างกายได้แล้วหลังจากที่นอนนานจนมึนหัวก็ลุกขึ้นมา  พอเห็นเขาเซโซแวนก็รีบมาประคองโดยทันที  องค์ชายที่เพิ่งตื่นมาหันไปมองยังกระจกเพื่อตรวจดูร่างกายของตนเอง

ไม่เปลี่ยนไปเลย...

ทีอารีนขมวดคิ้วยุ่งขณะจ่อหน้ากับกระจกจนแทบจะแนบชิด  เขาไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลย  ทั้งที่โซแวนยังดูมีอายุมากกว่าเดิม  อย่างเขาก็คาดหวังให้สูงขึ้นบ้าง  แต่นี่เหมือนจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

“ข้าเปลี่ยนอะไรตรงไหนไหม  นี่  โซแวน  ข้าเปลี่ยนไปบ้างใช่ไหม”  สุดท้ายเขาก็หันไปขอความเห็นจากชายคนที่อยู่ข้างๆ  โซแวนยกยิ้มขึ้นแล้วเดินเข้ามาโอบกอดเขาไว้ด้วยสองแขน

“อืม...กอดแล้วรู้สึกดีขึ้นเยอะเลย”

“นั่นไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงสักหน่อย”  ทีอารีนแย้งด้วยสีหน้าหงุดหงิด  ก่อนจะเหลือบไปมองเด็กสองคนที่จ้องมาตาแป๋ว  การเปลี่ยนแปลงนั้นทำให้เขาอดพึมพำไม่ได้  “ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปเยอะจริงๆ  ด้วย”

“ยังมีหลายอย่างให้เจ้าตกใจ”  โซแวนเอ่ยด้วยรอยยิ้มอย่างที่ไม่ได้ทำมานานหลายปี  ความสุขที่ทะลักอยู่ในอกทำให้เขาไม่อยากละกอดจากอีกฝ่ายเลย

“เสด็จพี่!!”  เสียงเรียกอันคุ้นเคยดังขึ้นก่อนที่ประตูห้องจะถูกเปิดออกอย่างรุนแรง  ร่างสูงของครีออนก้าวเข้ามาในห้องอย่างรวดเร็วด้วยใบหน้าตื่นตกใจ

“ครีออน”  เมื่อเห็นน้องชายของตัวเองแล้วทีอารีนก็ถึงกลับยิ้มออกมาด้วยความดีใจแล้วผละจากโซแวนไปหาอีกฝ่าย  ครีออนเองก็พุ่งมาสวมกอดเขาไว้ทันทีพร้อมๆ  น้ำตาที่ไหลออกมาไม่อาจกลั้นไว้ได้

“ท่านตื่นแล้ว...ฮึก  ในที่สุดท่านก็ปลอดภัย”  ทีอารีนถูกสวมกอดไว้แน่น  เนิ่นนานกว่าที่ครีออนจะหยุดร้องแล้วถามด้วยความเป็นห่วง  “เสด็จพี่ไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหม  มีเจ็บตรงไหนอีกหรือเปล่าขอรับ”

“ไม่เป็นอะไร  ข้าสบายดีแล้ว”  เขาตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มก่อนจะถามกลับหลังจากมองไปรอบห้อง  “แล้วคนอื่นๆ  ล่ะ”

“เดี๋ยวทราบข่าวก็คงมากัน”  โซแวนเอ่ยขึ้นขณะร่ายเวทบางอย่าง  ภูติหยดน้ำสี่ตนเกิดขึ้นที่ฝ่ามือของเขาก่อนที่จะกระจายกันออกไป

“ถ้าองค์ชายฟื้นแบบนี้แล้ว  เราก็ต้องฉลองกันใช่ไหมขอรับ”  อาคีรัสเสนอขึ้นส่วนคนเห็นดีเห็นงามด้วยก็คือครีออน  เมื่อแน่ใจแล้วว่าเสด็จพี่ของตนร่วมงานได้ก็สั่งให้คนรับใช้เตรียมการทันที

ระหว่างนั้นทีอารีนพลันสังเกตได้ถึงความเปลี่ยนแปลงบางอย่าง

“พวกเขาดูสนิทกันขึ้นนะ”  เขาพูดขึ้นลอยๆ  ขณะมองไปที่ครีออนกับอาคีรัสที่ยืนคุยกัน  ต่างคนต่างก็อุ้มองค์ชายตัวน้อยไว้

“อา  เจ้าไม่รู้สินะว่าตอนนี้พวกเขาคบกันอยู่”  โซแวนเฉลยขึ้นทำให้ทีอารีนเบิกตากว้างด้วยความตกใจ

“โกหกน่า”

“ไม่ได้โกหก  เรื่องจริงต่างหาก”  อีกฝ่ายเอ่ยด้วยรอยยิ้ม  ก่อนที่จะบอกย้ำว่า  “ข้าบอกแล้วว่ามีเรื่องให้เจ้าได้แปลกใจเยอะแยะ”

ทีอารีนฟังแล้วรู้สึกไม่ดีเลย  เขาต้องทำใจไว้ขนาดไหนนะ  จริงๆ  แค่เรื่องครีออนมีลูกแล้วกับคบกับอาคีรัสอยู่ก็น่าตะลึงพอสมควรแล้ว  ไม่รวมกับที่เขาสังเกตได้ว่าตอนนี้น้องชายสูงนำหน้าไปไกลแล้วจนชวนให้รู้สึกช็อกขึ้นมา

หลังจากที่โซแวนแจ้งข่าวไปไม่เท่าไร  เร็นกับคาร์ริต้าก็มาถึงปราสาทในที่สุด  และทีอารีนก็ได้ทราบข่าวใหญ่อย่างที่สาม  เงือกสาวกำลังตั้งท้องอ่อนๆ  ทำให้อดแสดงความยินดีออกมาไม่ได้

ส่วนนอร์ธวินด์และวารันมาถึงในช่วงเย็นเพราะต้องจัดการปัญหาหลายๆ  อย่าง  อินคิวบัสหนุ่มไม่วายพุ่งเข้ามากอดทีอารีนด้วยความคิดถึง  แม้สุดท้ายทั้งสองคนจะโดนคนรักของกันและกันแยกก็ตามที

งานเลี้ยงในคืนนี้นั้นเต็มไปด้วยความปลาบปลื้มยินดีของทุกคน  อดีตราชาผู้กอบกู้โลกนี้ได้ตื่นขึ้นมาแล้ว  เหล่าผู้ที่รอคอยจึงสามารถยิ้มได้อย่างเต็มที่

ทีอารีนก็มีความสุขกับงานนี้เช่นกัน  บรรยากาศที่ไม่ได้สัมผัสมานาน  รอยยิ้มของทุกคนหลังจากโลกสงบสุขแล้ว  การได้กลับมาอยู่กับทุกคนทำให้หัวใจของเขาเบิกบานขึ้น

ความสุขมากมายล้นปรี่ออกมาและแปรเปลี่ยนเป็นน้ำตาที่จู่ๆ  ก็ไหลออกมาขณะที่ยังยิ้มกว้าง

เขาร้องไห้ราวกับเด็กท่ามกลางอ้อมกอดและคำปลอบโยนจากทุกคน

งานเลี้ยงดำเนินไปจนดึกดื่น  เมื่อเหล่าผู้ที่ดื่มเหล้าไปเริ่มไม่ไหวก็แยกย้ายกันไปนอน  ทีอารีนกลับมาที่ห้องพร้อมกับโซแวน  อีกฝ่ายดื่มไปพอสมควรพอมาถึงเตียงนอนก็ล้มแปะลงทันที

“วันนี้เป็นยังไงบ้าง”  โซแวนเอ่ยถามขึ้นขณะตัวเองเปลี่ยนมานอนตะแคงจ้องมองเขาอยู่เช่นนั้น

“สนุกดี  เห็นทุกคนมีความสุขแบบนั้นข้าก็ดีใจ”  ทีอารีนเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม  “เห็นโลกใบนี้กลับมาสงบสุขข้าก็ดีใจแล้ว”

“ดีแล้วสินะ...”  อีกฝ่ายพึมพำขึ้นน้ำเสียงงัวเงียทำให้ทีอารีนร้องห้ามไว้

“นี่  อาบน้ำก่อนสิ”  เขาเตือนขึ้นขณะที่อีกฝ่ายส่ายหน้าเป็นคำตอบจนต้องถอนหายใจ  ยังไม่ทันที่เขาจะได้ว่าอะไรต่อ  ทีอารีนก็ถูกดึงให้ล้มลงไปนอนด้วย

เมื่อตกอยู่ในอ้อมแขนกว้างก็ยากที่จะขัดขืน  เลยได้แต่ร้องประท้วงไป  “นี่  ข้าตกใจหมด”

"เหนื่อยหรือเปล่า?"  โซแวนถามขึ้นขณะที่กอดเขาไว้  "เจ้าเพิ่งตื่นมา  ร่างกายไม่เป็นอะไรหรือ"

"ข้าไหวน่า"  ทีอารีนตอบกลับเสียงเรียบ  "ก็ใช่ว่าข้าจะเดินเหินเสียที่ไหน"

เพราะร่างกายทีอารีนยังกลับมาไม่เต็มร้อยเท่าไร  ในงานเลี้ยงเขาจึงนั่งเฉยๆ  มองดูทุกคนสังสรรค์กันอย่างสนุกสนาน  และตระหนักได้ว่าตอนนี้ตัวเองไม่มีพลังฟื้นฟูร่างกายอีกแล้ว

"แต่ถ้าทำก็จะไม่ไหวใช่ไหมล่ะ"  โซแวนเอ่ยขึ้นพร้อมกับเลื่อนมือลงไปและสอดใต้กางเกงของเขาทำให้ทีอารีนสะดุ้งเฮือก 

"ก็ใช่"

ถึงจะน่าอายแต่ทีอารีนก็ตอบกลับไป  อีกฝ่ายเลยถอนหายใจอย่างเสียดายแล้วพึมพำขึ้นว่า  "งั้นข้าจะรอให้เจ้าพร้อม"

"พร้อมแล้วจะทำอะไร?"  ทีอารีนเอ่ยถามขึ้นจากคำพูดคลุมเครือของอีกฝ่าย  แต่โซแวนเพียงยิ้มกรุ้มกริ่มแล้วขบกัดที่หัวไหล่ซึ่งเปลือยเปล่าของอีกฝ่ายเบาๆ

“ก็น่าจะรู้นี่”

เมื่อถูกส่งยิ้มแฝงเลศนัยมาให้  ทีอารีนก็หน้าแดงขึ้นทันที  ขณะที่อีกฝ่ายยันตัวลุกขึ้นแล้วพึมพำอย่างเอาอกเอาใจ  “พอได้กลิ่นเจ้าแล้วก็รู้สึกหายเมาแล้ว  สมกับเป็นเจ้าจริงๆ”

“ข้าไม่ใช่เครื่องหอมหรือยาอะไรสักหน่อย”  ชายหนุ่มย้อนกลับไปด้วยรอยยิ้มก่อนที่จะสะดุ้งเพราะถูกอีกฝ่ายซ้อนตัวขึ้นอุ้ม

“ง่วงหรือยัง”  โซแวนถามขึ้นทำให้ทีอารีนขมวดคิ้วงุนงง  เขาส่ายหน้าเป็นคำตอบทำให้ชายหนุ่มยกยิ้มขึ้นแล้วอุ้มออกไปที่หน้าต่าง  “หนีเที่ยวกันเถอะ”

“หา?”  ทีอารีนหลุดเสียงร้องออกมาด้วยความงุนงง  แต่ยังไม่ทันได้ถามอะไรออกไปอีกฝ่ายก็พาเขากระโดดออกมาจากทางหน้าต่าง  มุ่งไปยังป่าต้องห้าม

“นี่  จะไปไหนน่ะ”  ทีอารีนถามขึ้นขณะกอดคอโซแวนไว้แน่น  อีกฝ่ายไม่ตอบจนกระทั่งมาถึงที่หมาย  เมื่อเขามองไปรอบๆ  ก็พลันนึกขึ้นได้

“ที่นี่...”  ทีอารีนค่อนข้างจะจำได้ดี  แม้จะมีดอกไม้ขึ้นแทรกบ้าง  แต่ก็ไม่ผิดแน่  เป็นทุ่งหญ้าที่โซแวนเคยพาเขามา  อีกฝ่ายส่งยิ้มให้ก่อนจะพาเขาเดินลงไปในทุ่งนั้น

ฝูงแมลงเรืองแสงออกจากที่หลบซ่อนบินว่อนรอบตัวพวกเขา  ทีอารีนถูกดึงเข้าไปใกล้ก่อนที่โซแวนจะกอดเขาไว้อีกครั้ง

“ข้ารอเจ้ามาตลอดเลยนะ  รู้ไหม”

“ข้ารู้แล้ว”  ทีอารีนฉีกยิ้มตอบ  อีกฝ่ายยังคงยิ้มอย่างอารมณ์ดีก่อนจะบอกสาเหตุที่พาเขามาที่นี่

“เมื่อก่อนเวลาข้าต้องการความสงบก็มักมาที่นี่  มันทำให้รู้สึกดีขึ้น”  โซแวนบอกพร้อมกับซุกหน้าลงบนไหล่เขา  “อยากให้เจ้าเห็น...มากกว่านี้  โลกที่สงบสุขเพราะเจ้า”

“อื้ม  หลังจากนี้ก็พาไปทีนะ  ที่ที่เจ้าอยากไป”  ทีอารีนอดยิ้มออกมาไม่ได้  ราวกับว่าไม่ได้เห็นอีกฝ่ายยิ้มสดใสแบบนี้มานานแล้ว

โซแวนพยักหน้าเป็นคำตอบก่อนที่จะเงยขึ้นมาถามเขาต่อ  “จริงสิ”

“อะไรหรือ”

“ก่อนที่เจ้าจะหลับไป  มีเรื่องที่ยังไม่ได้พูดกับข้าใช่ไหม”

ทีอารีนนึกขึ้นได้ทันทีว่าก่อนที่จะหลับไปนั้นเขาพยายามเอ่ยบางอย่างกับอีกฝ่ายแต่โซแวนห้ามไว้  แล้วบอกให้มาพูดหลังจากที่ตื่นขึ้นมาแล้ว

ซึ่งก็คือเวลาแบบนี้

“เจ้าจะบอกอะไรข้า”  อีกฝ่ายถามย้ำอย่างตั้งหน้าตั้งตารอ  เด็กหนุ่มอดจ้องหน้าอีกฝ่ายไม่ได้

ไม่ใช่ว่าเขาจะลืม  ทีอารีนรู้ดีว่าตอนนั้นอยากเอ่ยอะไรกับอีกฝ่าย

เมื่อก่อนตอนที่ความสัมพันธ์ยังไม่แน่นอน  เขาอยากจะบอกไปเพื่อให้มันกระจ่างชัด  เพื่อให้อีกฝ่ายได้รับรู้  สิ่งที่ได้ฝังลึกลงในจิตใจของเขาไปแล้ว

“นั่นสินะ”  เขาจงใจลากเสียงไว้แล้วกระแทกใส่ด้วยรอยยิ้ม  “ตอนนี้มันจำเป็นจะต้องบอกด้วยหรือ”

“หา?”  โซแวนเป็นฝ่ายขมวดคิ้วไม่เข้าใจทำให้ทีอารีนหลุดหัวเราะออกมา  เขาคว้าคอเสื้ออีกฝ่ายที่ห่างออกไปแล้วโน้มเข้ามาใกล้

สิ่งที่เขาอยากบอกโซแวนเมื่อตอนนั้น...ตอนนี้มันไม่จำเป็นแล้ว  เพราะพวกเขาต่างรับรู้ได้ด้วยตัวเอง

ตลอดเวลาที่ผ่านมา...การที่ยังคอยอยู่  ความปรารถนาที่จะกลับมาพบ  นั่นคือคำตอบที่เด่นชัดอยู่แล้ว

รัก...รักจนไม่อยากแยกจากไปไหนอีกแล้ว

“แต่มีที่อยากบอกเจ้าอยู่”  ทีอารีนเอ่ยขึ้นทำให้อีกฝ่ายหันมาตั้งหน้าตั้งตาฟัง

“เจ้าน่ะ...เป็นของข้าได้เพียงคนเดียวนะ”  ชายหนุ่มกระซิบบอกกับอีกฝ่ายก่อนจะมอบจุมพิตที่ห่างหายไปนานให้แก่อีกฝ่าย โซแวนตอบรับเป็นอย่างดี

ทีอารีนโอบกอดอีกฝ่ายไว้คล้ายกลัวจะหนีไปไหน  แต่ในขณะเดียวกันตัวเขาเองก็รู้สึกโล่งใจไปด้วย

ตัวเขาไม่ต้องทนทุกข์อะไรอีกแล้ว  และได้มีชีวิตปกติสุขเสียที

พ้นจากพันธนาการอันแสนทรมาน  ต่อจากนี้เขาจะได้พบกับความสุขตามคำอวยพรของพระเจ้าเพื่อตอบแทนการเสียสละของอดีตราชาผู้กล้าหาญ

ตำนานนี้จึงได้ปิดฉากลง...
--------------
END
สวัสดีค่า ในที่สุดเรื่องนี้ก็จบแล้วค่า  :sad4: ดีใจค่า ขอขอบพระคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านกันมาค่ะ สำหรับเรื่องนี้ตอนนี้เรามีเปิดพรีอยู่ค่ะ สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เพจ Sakana04 ในการพรีก็จะได้รับตอนพิเศษเพิ่มด้วย (เกี่ยวกับเรื่องในอดีตและอนาคตของเหล่าตัวละครหลัก)
ขอบพระคุณที่ให้ความสนใจต่อเรื่องนี้ค่า  :pig4:

ออฟไลน์ arjinn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-1
จบแล้ว สนุกมาก
แล้วเขาก็กลับมาเจอกัน แน่นอนอยู่แล้ว
แต่อดรู้เลยค่ะว่า ผู้วิเศษมีนามว่าอะไร

ขอบคุณคนเขียนมากๆ
จะรอติดตามเรื่องต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ nOn†ღ

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4390
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-6

ออฟไลน์ sarawutcom

  • เน็ตดีแทค 10 เม็ก 3,745บ./365วัน กด *104*579*8488034#
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 666
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-27
    • http://www.sarawutcomputer.com/
ดีแทค ระบบเติมเงิน โปรเน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว (ราคารวมภาษี 7% แล้ว)
เน็ตดีแทค 1 Mbps(เม็ก) 803บ./90วัน กด *104*591*8488034#
เน็ตดีแทค 1 Mbps(เม็ก) 1,284บ./180วัน กด *104*592*8488034#
เน็ตดีแทค 1 Mbps(เม็ก) 1,926บ./365วัน กด *104*593*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) 1,069บ./90วัน กด *104*594*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) 1,498บ./180วัน กด *104*595*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) 2,675บ./365วัน กด *104*596*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) 236บ./7วัน กด *104*388*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) 696บ./30วัน กด *104*389*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 1,711บ./90วัน กด *104*598*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 2,139บ./180วัน กด *104*578*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 3,745บ./365วัน กด *104*579*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 354บ./7วัน กด *104*398*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 1,188บ./30วัน กด *104*597*8488034#
เน็ตดีแทค 1 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 139บ./7วัน กด *104*77*8488034#
เน็ตดีแทค 1 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 535บ./30วัน กด *104*97*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 246บ./7วัน กด *104*78*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 696บ./30วัน กด *104*98*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 375บ./7วัน กด *104*79*8488034#
เน็ตดีแทค 8 Mbps(เม็ก) 95บ./8วัน กด *104*897*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 482บ./30วัน กด *104*798*8488034#
เน็ตดีแทค 2 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 380บ./30วัน กด *104*237*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 470บ./30วัน กด *104*236*8488034#
เน็ตดีแทค 12 Mbps(เม็ก) 193บ./7วัน กด *104*841*8488034#
เน็ตดีแทค 12 Mbps(เม็ก) 482บ./30วัน กด *104*842*8488034#
ยกเลิกเน็ต  กด  *103*0# โทรออก
ดีแทค  เช็คเน็ต คงเหลือ กด *101*1# โทรออก
เช็คเบอร์ตัวเอง กด *102# โทรออก
ยกเลิก SMS กินเงิน กด *137 โทรออก
เช็คเงิน คงเหลือ กด *101# โทรออก 
ติดต่อ คอลเซ็นเตอร์ กด 1678 โทรออก
เน็ตไม่อั้น ไม่ลดสปีด  โปรรวม
สมัครง่ายๆ กดตามได้เลยค่ะ
#โปรเน็ตสุดฮิต  DTAC
โปรที่คุ้มที่สุดของการใช้เน็ต
#โปรเสริมเน็ตวันนี้ #โปรเน็ตสุดฮิต #เน็ตไม่อั้นไม่ลดสปีด #โปรเน็ตดีแทค #เน็ตดีแทคเติมเงิน #โปรดีแทครายสัปดาห์ #โปรดีแทครายวัน #โปรแทครายเดือน #โปรเน็ตDTAC #เน็ตไม่จำกัด #เน็ตไม่ลดสปีด #โปรเน็ตไม่อั้นรายวัน #โปรเน็ตไม่อั้นรายสัปดาห์ #โปรเน็ตไม่อั้นรายเดือน #DTAC #สมัครเน็ต #โปรเน็ตดีดี #โปรเสริมDTAC #โปรเสริมดีแทค
https://www.facebook.com/media/set/?vanity=sarawutcomputer&set=a.1735376596730368


เน็ต เปิดเบอร์ใหม่ ย้ายค่าย เบอร์เก่า ดีแทค ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.youtube.com/watch?v=U8gZx3BTz_I


เน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว  dtac  ดีแทค ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.youtube.com/watch?v=xgJOI7_4_vg


เน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว  dtac  ดีแทค ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.facebook.com/share/p/sTA3Vv6dxR4GnW6x/?mibextid=qi2Omg


ดีแทค ระบบเติมเงิน Dtac เน็ตไม่อั้น เร็ว 12 Mbps เม็ก หมดเขต 30 เมษายน 2567
https://www.youtube.com/watch?v=-u5Ua409XKc


ดีแทค ระบบเติมเงิน เน็ตไม่อั้น เร็ว 30 Mbps(เม็ก) นาน 30 วัน ราคา 350 บาท แถมโทรฟรีทุกค่าย
https://www.youtube.com/watch?v=9ATbQS3gVwA

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด