บทที่ 36
แด่ผู้ที่หลับใหล (His part)
ครึ่งหลัง
โซแวนคิดว่าหลังจบสงครามอสูรแล้วตัวเองจะเกษียรตัวเองออกไปใช้ชีวิตอยู่กับทีอารีนแค่สองต่อสองในที่ที่ไกลออกไป ไม่ต้องเจอความวุ่นวาย ไม่ต้องมาวนเวียนอยู่กับเรื่องปวดหัว แต่น้องติดพี่อย่างครีออนดันไม่ยอมให้พาทีอารีนไปไหน เขาเลยพาหนีไปไม่ได้ หนำซ้ำยังเจอปีศาจร้ายคอยรังควาญอีก
ใช่...ปีศาจร้ายสองตนที่มาส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวในห้องแบบนี้
“พวกเจ้าทำไมถึงไม่คิดออกไปเล่นข้างนอกบ้าง” ในที่สุดโซแวนก็ทนเสียงหัวเราะเอิ้กอ้ากไม่ไหวเลยถามขึ้น
เด็กแฝดสองคนมุดออกมาจากใต้เตียงมองเขาตาแป๋ว ดูไร้เดียงสา ทั้งที่มีส่วนคล้ายทีอารีน แต่สัดส่วนความเป็นครีออนก็ออกมามากกว่าอยู่ดีสมกับที่เป็นพ่อลูก แต่โซแวนก็อดสงสัยไม่ได้ ทั้งๆ ที่คนเป็นพ่อพูดน้อยหน้าตายขนาดนั้นแท้ๆ ทำไมลูกถึงเสียงดังเอะอะแบบนี้
“ก็เสด็จพ่อไม่ให้ออกไปเล่นนี่” แฝดคนพี่นามคาลอสบอกกับเขาเสียงใสพร้อมคลานออกมาจากใต้เตียง ซ้ำยังบอกด้วยรอยยิ้มต่อท้ายด้วยว่า “อีกอย่างแค่ในปราสาทนี้ก็กว้างงงงพอแล้ว มีอะไรให้ทำตั้งเยอะแยะ”
ถึงแม้จะเป็นคนน่ารำคาญ แต่ครีออนก็นับว่าเป็นพ่อที่ดี พอว่างก็จะเรียกหาลูกชายทั้งสอง และเพราะเด็กสองคนนี้ยังไม่สามขวบดีจึงไม่ยอมให้ออกไปเล่นข้างนอกเนื่องจากกลัวจะเป็นอันตราย
“แล้วทำไมถึงชอบมาเล่นที่ห้องนี้กันจัง” ชายหนุ่มถามต่อพลางเลิกคิ้ว
“ก็มาเล่นกับท่านลุงไง เดี๋ยวท่านลุงเหงา” คาลอสตอบพลางแปะมือที่ขาของเขา สีหน้าเต็มไปด้วยความมั่นใจพร้อมมุมปากที่ยกยิ้มขึ้นทำให้โซแวนอดหัวเราะเบาๆ ไม่ได้
ถ้าบอกว่าไม่ต้องการก็คงเป็นการทำร้ายจิตใจเด็กเกินไป แค่นี้เขาก็โดนสาวใช้นินทาว่าร้ายว่าเป็นพวกขบหัวเด็กไปแล้ว
“ให้ตายสิ ฉันไม่เหงาหรอกน่า” โซแวนเอ่ยพลางยกยิ้มแล้วเลื่อนมือไปกุมมือของทีอารีนที่นอนหลับอยู่บนเตียงไว้ “มีเขาอยู่ด้วยทั้งเขา”
“นี่ ท่านโซแวน เมื่อไรเสด็จลุงจะตื่นหรือ” ทาลอส แฝดคนน้องเอ่ยถามขึ้นพร้อมขยับเข้ามาใกล้ เด็กคนนี้พูดน้อยกว่าคนเป็นพี่ ออกจะขี้อายด้วยซ้ำเขาเลยรู้สึกเอ็นดูว่าคาลอสจอมโวยวาย
“นั่นสินะ” ชายหนุ่มพึมพำขึ้นเสียงเบาก่อนจะย้อนถามตัวเอง “จะตื่นขึ้นมาเมื่อไรกันนะ...ทีอารีน”
“นี่ๆ ลุงโซแวน ไปหาอะไรมาให้กินหน่อยสิ” คาลอสกระตุกขากางเกงโซแวนและเอ่ยสิ่งที่ต้องการ เสียงท้องร้องโครกครากเป็นตัวกดดันอย่างดีจนทำให้ชายหนุ่มคิ้วกระตุก
“เฮ้อ เจ้านี่นะ กินเก่งแบบนี้ระวังอ้วนฉุเป็นหมูเถอะ” โซแวนพร่ำบ่นอย่างลำบากใจ สาวใช้เพิ่งนำของว่างมาให้เด็กแฝดเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อนไม่ทันไรก็หิวอีก นับวันเด็กนี่กินจุขึ้นทุกที แต่ถึงจะบ่นไปเช่นนั้นเขาก็คว้าคาลอสขึ้นมาอุ้มแล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้
ขืนทำเมินเดี๋ยวเด็กปีศาจนี่จะวิ่งไปฟ้องผู้เป็นบิดา แล้วเจ้านั่นจะตามมาใช้อำนาจในทางมิชอบกับเขาอีก
“ทาลอส ไปด้วยกันไหม” โซแวนหันไปถามเด็กที่นั่งเงียบๆ อยู่ข้างเตียง ทาลอสส่ายหน้าเป็นคำตอบก่อนจะเล่นของเล่นต่อ
“งั้นเดี๋ยวจะเอาขนมมาฝากนะ” ชายหนุ่มทิ้งท้ายไว้ก่อนจะออกไปนอกห้องพร้อมกับคาลอสด้วยความเร่งรีบ ปกติแล้วโซแวนไม่เคยออกจากห้องไปไหนนานเพราะกลัวว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับทีอารีนตอนที่ตนไม่อยู่
“อ๊ะ ผีเสื้อ” คาลอสที่ถูกอุ้มกระเตงมาชี้นิ้วป้อมๆ ไปยังทางเดินตรงหน้า ผีเสื้อสีดำตัวหนึ่งบินมาทางพวกเขาอย่างไม่กลัวคน ทีแรกโซแวนไม่คิดอะไรแต่เมื่อมันผ่านตัวไปกลับรู้สึกแปลกๆ
ความรู้สึกคุ้นเคยคล้ายกับทีอารีน...
ชายหนุ่มกังวลใจอย่างประหลาดเลยมุ่งตรงไปยังห้องครัวแล้วหอบหิ้วขนมและของว่างมาพร้อมคาลอส สั่งให้สาวใช้เตรียมน้ำชาตามไปก่อนที่ตนจะกลับห้องอย่างเร่งรีบ
ขณะใกล้ถึงห้องนั้นเขาพลันได้ยินเสียงร้องของทาลอสดังขึ้นทำให้ชายหนุ่มรีบวิ่งไปดูทันที
“ทาลอส เกิดอะไรขึ้น!” เขาตะโกนถามด้วยความเป็นห่วง เด็กคนนั้นล้มก้นจ้ำบ้ำอยู่บนพื้นหันหน้ามามองเขาแวบหนึ่งแล้วกลับไปมองที่เตียง
เมื่อโซแวนมองตามไปก็ต้องเบิกตากว้าง คล้ายกับมือไม้อ่อนปวกเปียกไปชั่วขณะ เขาเผลอปล่อยให้คาลอสลงไปยืนที่พื้นแล้วนิ่งอึ้งอยู่เช่นนั้น
บนเตียงนั้นร่างของทีอารีนกำลังลุกขึ้นนั่งอยู่ หลังจากลดมือที่ยกขึ้นกุมศีรษะลงแล้วก็มองไปรอบๆ ก่อนจะหันมาสบตากับเขา
“ที...อา...รีน” โซแวนเอื้อนเอ่ยออกมาอย่างเชื่องช้า คล้ายกับไม่อยากจะเชื่อ ชายหนุ่มทรุดตัวนั่งลงบนเตียงก่อนจะหยิกแก้มตัวเองตรวจสอบดูว่าไม่ได้ฝันไป
“โซแวน...” ทีอารีนเอ่ยเรียกชื่อของเขาเสียงแหบขณะขยับตัวจะลุกจากเตียง ภาพของคนตรงหน้าชัดเจนดังนั้นจึงไม่น่าใช่ภาพฝัน โซแวนถึงกับยิ้มกว้างทันทีแล้วเข้าไปประคองกอดอีกฝ่ายไว้อย่างแนบแน่น
“เจ้า...เจ้าตื่นแล้ว” ชายหนุ่มเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงตื้นตันใจ หัวตารู้สึกร้อนผ่าวทั้งๆ ที่เริ่มมีน้ำรื้นออกมา “ในที่สุดเจ้าก็กลับมา”
ทีอารีนที่ได้รับอ้อมกอดอันอบอุ่นตั้งแต่ตื่นขึ้นมาทำให้รู้สึกดีจนยิ้มออกมาได้ เขากอดตอบอีกฝ่ายอย่างโหยหาเช่นเดียวกัน “ข้ากลับมาแล้ว”
“เสด็จลุงตื่นแล้ว” คาลอสเอ่ยแทรกขึ้นทำให้ทั้งสองคนรู้สึกตัวว่าไม่ได้อยู่กันตามลำพัง แม้จะเสียดายแต่โซแวนก็ละกอดอีกฝ่ายก่อนจะถามว่า “ดื่มน้ำก่อนไหม เจ้านอนหลับไปนานมากคงไม่ค่อยมีแรงเท่าไร”
“อืม” ทีอารีนพยักหน้ารับทำให้ชายหนุ่มรีบผละไปเตรียมน้ำดื่มทันทีแล้วนำมาให้อย่างรวดเร็วด้วยการป้อนเองกับมือ
“ค่อยๆ จิบ”
ชายหนุ่มที่ถูกจับป้อนน้ำดันมือของอีกฝ่ายออกเมื่อพอใจแล้วก่อนจะถามว่า “ข้าหลับไปนานกี่ปี”
โซแวนนิ่งคิดไปสักพักก่อนจะตอบว่า “สิบปีกว่าๆ เห็นจะได้”
นั่นทำให้ทีอารีนเบิกตากว้างแล้วพึมพำขึ้นว่า “นานขนาดนั้นเชียว ข้าคิดว่าหลับไปแปบเดียวเองนะ”
“อืม หลับนานจนมีอะไรๆ หลายอย่างเกิดขึ้นน่ะนะ” โซแวนตอบ ทีอารีนที่ยังตะลึงไม่หายเหลือบมองไปที่เด็กแฝดทั้งสองคนที่เกาะเตียงอยู่ก่อนจะถามด้วยความไม่แน่ใจ
“โซแวน เด็กสองคนนี้คือ...?”
“ลูกชายครีออน” โซแวนตอบสั้นๆ แต่ทำให้ทีอารีนตกตะลึงได้ “หะ? ลูกชาย!? ของครีออน...เขามีลูกแล้ว?”
“ใจเย็นๆ ก่อน” ชายหนุ่มปลอบอีกฝ่ายที่มีสีหน้าคล้ายจะเป็นลมให้รู้แล้วรู้รอด
“ข้าพลาดอะไรไปหลายๆ อย่างเลยสินะ” ทีอารีนพึมพำขึ้นก่อนจะขยับตัวเปลี่ยนเป็นนั่งกับเตียง เขายิ้มอ่อนโยนขึ้นก่อนจะทักทายเด็กทั้งสองว่า “สวัสดี พวกเจ้าชื่ออะไรกันหรือ?”
“ข้าชื่อคาลอส”
“ส่วนข้าทาลอส” เด็กน้อยทั้งสองคนแนะนำตัวเองกับทีอารีนพร้อมกับเข้ามาเกาะขาทั้งสองข้างไว้ ก่อนที่จะผละตัวไปเมื่อคนรับใช้นำขนมมาให้ สาวใช้ออกอาการตกตะลึงทันทีที่เห็นเขาตื่นขึ้นมา
“ไปเรียนให้องค์ราชาทราบหน่อย” โซแวนเอ่ยคำสั่งขึ้นเธอรีบพยักหน้ารับก่อนที่จะออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว
ส่วนทีอารีนนั้นเมื่อปรับร่างกายได้แล้วหลังจากที่นอนนานจนมึนหัวก็ลุกขึ้นมา พอเห็นเขาเซโซแวนก็รีบมาประคองโดยทันที องค์ชายที่เพิ่งตื่นมาหันไปมองยังกระจกเพื่อตรวจดูร่างกายของตนเอง
ไม่เปลี่ยนไปเลย...
ทีอารีนขมวดคิ้วยุ่งขณะจ่อหน้ากับกระจกจนแทบจะแนบชิด เขาไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลย ทั้งที่โซแวนยังดูมีอายุมากกว่าเดิม อย่างเขาก็คาดหวังให้สูงขึ้นบ้าง แต่นี่เหมือนจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
“ข้าเปลี่ยนอะไรตรงไหนไหม นี่ โซแวน ข้าเปลี่ยนไปบ้างใช่ไหม” สุดท้ายเขาก็หันไปขอความเห็นจากชายคนที่อยู่ข้างๆ โซแวนยกยิ้มขึ้นแล้วเดินเข้ามาโอบกอดเขาไว้ด้วยสองแขน
“อืม...กอดแล้วรู้สึกดีขึ้นเยอะเลย”
“นั่นไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงสักหน่อย” ทีอารีนแย้งด้วยสีหน้าหงุดหงิด ก่อนจะเหลือบไปมองเด็กสองคนที่จ้องมาตาแป๋ว การเปลี่ยนแปลงนั้นทำให้เขาอดพึมพำไม่ได้ “ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปเยอะจริงๆ ด้วย”
“ยังมีหลายอย่างให้เจ้าตกใจ” โซแวนเอ่ยด้วยรอยยิ้มอย่างที่ไม่ได้ทำมานานหลายปี ความสุขที่ทะลักอยู่ในอกทำให้เขาไม่อยากละกอดจากอีกฝ่ายเลย
“เสด็จพี่!!” เสียงเรียกอันคุ้นเคยดังขึ้นก่อนที่ประตูห้องจะถูกเปิดออกอย่างรุนแรง ร่างสูงของครีออนก้าวเข้ามาในห้องอย่างรวดเร็วด้วยใบหน้าตื่นตกใจ
“ครีออน” เมื่อเห็นน้องชายของตัวเองแล้วทีอารีนก็ถึงกลับยิ้มออกมาด้วยความดีใจแล้วผละจากโซแวนไปหาอีกฝ่าย ครีออนเองก็พุ่งมาสวมกอดเขาไว้ทันทีพร้อมๆ น้ำตาที่ไหลออกมาไม่อาจกลั้นไว้ได้
“ท่านตื่นแล้ว...ฮึก ในที่สุดท่านก็ปลอดภัย” ทีอารีนถูกสวมกอดไว้แน่น เนิ่นนานกว่าที่ครีออนจะหยุดร้องแล้วถามด้วยความเป็นห่วง “เสด็จพี่ไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหม มีเจ็บตรงไหนอีกหรือเปล่าขอรับ”
“ไม่เป็นอะไร ข้าสบายดีแล้ว” เขาตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มก่อนจะถามกลับหลังจากมองไปรอบห้อง “แล้วคนอื่นๆ ล่ะ”
“เดี๋ยวทราบข่าวก็คงมากัน” โซแวนเอ่ยขึ้นขณะร่ายเวทบางอย่าง ภูติหยดน้ำสี่ตนเกิดขึ้นที่ฝ่ามือของเขาก่อนที่จะกระจายกันออกไป
“ถ้าองค์ชายฟื้นแบบนี้แล้ว เราก็ต้องฉลองกันใช่ไหมขอรับ” อาคีรัสเสนอขึ้นส่วนคนเห็นดีเห็นงามด้วยก็คือครีออน เมื่อแน่ใจแล้วว่าเสด็จพี่ของตนร่วมงานได้ก็สั่งให้คนรับใช้เตรียมการทันที
ระหว่างนั้นทีอารีนพลันสังเกตได้ถึงความเปลี่ยนแปลงบางอย่าง
“พวกเขาดูสนิทกันขึ้นนะ” เขาพูดขึ้นลอยๆ ขณะมองไปที่ครีออนกับอาคีรัสที่ยืนคุยกัน ต่างคนต่างก็อุ้มองค์ชายตัวน้อยไว้
“อา เจ้าไม่รู้สินะว่าตอนนี้พวกเขาคบกันอยู่” โซแวนเฉลยขึ้นทำให้ทีอารีนเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
“โกหกน่า”
“ไม่ได้โกหก เรื่องจริงต่างหาก” อีกฝ่ายเอ่ยด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่จะบอกย้ำว่า “ข้าบอกแล้วว่ามีเรื่องให้เจ้าได้แปลกใจเยอะแยะ”
ทีอารีนฟังแล้วรู้สึกไม่ดีเลย เขาต้องทำใจไว้ขนาดไหนนะ จริงๆ แค่เรื่องครีออนมีลูกแล้วกับคบกับอาคีรัสอยู่ก็น่าตะลึงพอสมควรแล้ว ไม่รวมกับที่เขาสังเกตได้ว่าตอนนี้น้องชายสูงนำหน้าไปไกลแล้วจนชวนให้รู้สึกช็อกขึ้นมา
หลังจากที่โซแวนแจ้งข่าวไปไม่เท่าไร เร็นกับคาร์ริต้าก็มาถึงปราสาทในที่สุด และทีอารีนก็ได้ทราบข่าวใหญ่อย่างที่สาม เงือกสาวกำลังตั้งท้องอ่อนๆ ทำให้อดแสดงความยินดีออกมาไม่ได้
ส่วนนอร์ธวินด์และวารันมาถึงในช่วงเย็นเพราะต้องจัดการปัญหาหลายๆ อย่าง อินคิวบัสหนุ่มไม่วายพุ่งเข้ามากอดทีอารีนด้วยความคิดถึง แม้สุดท้ายทั้งสองคนจะโดนคนรักของกันและกันแยกก็ตามที
งานเลี้ยงในคืนนี้นั้นเต็มไปด้วยความปลาบปลื้มยินดีของทุกคน อดีตราชาผู้กอบกู้โลกนี้ได้ตื่นขึ้นมาแล้ว เหล่าผู้ที่รอคอยจึงสามารถยิ้มได้อย่างเต็มที่
ทีอารีนก็มีความสุขกับงานนี้เช่นกัน บรรยากาศที่ไม่ได้สัมผัสมานาน รอยยิ้มของทุกคนหลังจากโลกสงบสุขแล้ว การได้กลับมาอยู่กับทุกคนทำให้หัวใจของเขาเบิกบานขึ้น
ความสุขมากมายล้นปรี่ออกมาและแปรเปลี่ยนเป็นน้ำตาที่จู่ๆ ก็ไหลออกมาขณะที่ยังยิ้มกว้าง
เขาร้องไห้ราวกับเด็กท่ามกลางอ้อมกอดและคำปลอบโยนจากทุกคน
งานเลี้ยงดำเนินไปจนดึกดื่น เมื่อเหล่าผู้ที่ดื่มเหล้าไปเริ่มไม่ไหวก็แยกย้ายกันไปนอน ทีอารีนกลับมาที่ห้องพร้อมกับโซแวน อีกฝ่ายดื่มไปพอสมควรพอมาถึงเตียงนอนก็ล้มแปะลงทันที
“วันนี้เป็นยังไงบ้าง” โซแวนเอ่ยถามขึ้นขณะตัวเองเปลี่ยนมานอนตะแคงจ้องมองเขาอยู่เช่นนั้น
“สนุกดี เห็นทุกคนมีความสุขแบบนั้นข้าก็ดีใจ” ทีอารีนเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม “เห็นโลกใบนี้กลับมาสงบสุขข้าก็ดีใจแล้ว”
“ดีแล้วสินะ...” อีกฝ่ายพึมพำขึ้นน้ำเสียงงัวเงียทำให้ทีอารีนร้องห้ามไว้
“นี่ อาบน้ำก่อนสิ” เขาเตือนขึ้นขณะที่อีกฝ่ายส่ายหน้าเป็นคำตอบจนต้องถอนหายใจ ยังไม่ทันที่เขาจะได้ว่าอะไรต่อ ทีอารีนก็ถูกดึงให้ล้มลงไปนอนด้วย
เมื่อตกอยู่ในอ้อมแขนกว้างก็ยากที่จะขัดขืน เลยได้แต่ร้องประท้วงไป “นี่ ข้าตกใจหมด”
"เหนื่อยหรือเปล่า?" โซแวนถามขึ้นขณะที่กอดเขาไว้ "เจ้าเพิ่งตื่นมา ร่างกายไม่เป็นอะไรหรือ"
"ข้าไหวน่า" ทีอารีนตอบกลับเสียงเรียบ "ก็ใช่ว่าข้าจะเดินเหินเสียที่ไหน"
เพราะร่างกายทีอารีนยังกลับมาไม่เต็มร้อยเท่าไร ในงานเลี้ยงเขาจึงนั่งเฉยๆ มองดูทุกคนสังสรรค์กันอย่างสนุกสนาน และตระหนักได้ว่าตอนนี้ตัวเองไม่มีพลังฟื้นฟูร่างกายอีกแล้ว
"แต่ถ้าทำก็จะไม่ไหวใช่ไหมล่ะ" โซแวนเอ่ยขึ้นพร้อมกับเลื่อนมือลงไปและสอดใต้กางเกงของเขาทำให้ทีอารีนสะดุ้งเฮือก
"ก็ใช่"
ถึงจะน่าอายแต่ทีอารีนก็ตอบกลับไป อีกฝ่ายเลยถอนหายใจอย่างเสียดายแล้วพึมพำขึ้นว่า "งั้นข้าจะรอให้เจ้าพร้อม"
"พร้อมแล้วจะทำอะไร?" ทีอารีนเอ่ยถามขึ้นจากคำพูดคลุมเครือของอีกฝ่าย แต่โซแวนเพียงยิ้มกรุ้มกริ่มแล้วขบกัดที่หัวไหล่ซึ่งเปลือยเปล่าของอีกฝ่ายเบาๆ
“ก็น่าจะรู้นี่”
เมื่อถูกส่งยิ้มแฝงเลศนัยมาให้ ทีอารีนก็หน้าแดงขึ้นทันที ขณะที่อีกฝ่ายยันตัวลุกขึ้นแล้วพึมพำอย่างเอาอกเอาใจ “พอได้กลิ่นเจ้าแล้วก็รู้สึกหายเมาแล้ว สมกับเป็นเจ้าจริงๆ”
“ข้าไม่ใช่เครื่องหอมหรือยาอะไรสักหน่อย” ชายหนุ่มย้อนกลับไปด้วยรอยยิ้มก่อนที่จะสะดุ้งเพราะถูกอีกฝ่ายซ้อนตัวขึ้นอุ้ม
“ง่วงหรือยัง” โซแวนถามขึ้นทำให้ทีอารีนขมวดคิ้วงุนงง เขาส่ายหน้าเป็นคำตอบทำให้ชายหนุ่มยกยิ้มขึ้นแล้วอุ้มออกไปที่หน้าต่าง “หนีเที่ยวกันเถอะ”
“หา?” ทีอารีนหลุดเสียงร้องออกมาด้วยความงุนงง แต่ยังไม่ทันได้ถามอะไรออกไปอีกฝ่ายก็พาเขากระโดดออกมาจากทางหน้าต่าง มุ่งไปยังป่าต้องห้าม
“นี่ จะไปไหนน่ะ” ทีอารีนถามขึ้นขณะกอดคอโซแวนไว้แน่น อีกฝ่ายไม่ตอบจนกระทั่งมาถึงที่หมาย เมื่อเขามองไปรอบๆ ก็พลันนึกขึ้นได้
“ที่นี่...” ทีอารีนค่อนข้างจะจำได้ดี แม้จะมีดอกไม้ขึ้นแทรกบ้าง แต่ก็ไม่ผิดแน่ เป็นทุ่งหญ้าที่โซแวนเคยพาเขามา อีกฝ่ายส่งยิ้มให้ก่อนจะพาเขาเดินลงไปในทุ่งนั้น
ฝูงแมลงเรืองแสงออกจากที่หลบซ่อนบินว่อนรอบตัวพวกเขา ทีอารีนถูกดึงเข้าไปใกล้ก่อนที่โซแวนจะกอดเขาไว้อีกครั้ง
“ข้ารอเจ้ามาตลอดเลยนะ รู้ไหม”
“ข้ารู้แล้ว” ทีอารีนฉีกยิ้มตอบ อีกฝ่ายยังคงยิ้มอย่างอารมณ์ดีก่อนจะบอกสาเหตุที่พาเขามาที่นี่
“เมื่อก่อนเวลาข้าต้องการความสงบก็มักมาที่นี่ มันทำให้รู้สึกดีขึ้น” โซแวนบอกพร้อมกับซุกหน้าลงบนไหล่เขา “อยากให้เจ้าเห็น...มากกว่านี้ โลกที่สงบสุขเพราะเจ้า”
“อื้ม หลังจากนี้ก็พาไปทีนะ ที่ที่เจ้าอยากไป” ทีอารีนอดยิ้มออกมาไม่ได้ ราวกับว่าไม่ได้เห็นอีกฝ่ายยิ้มสดใสแบบนี้มานานแล้ว
โซแวนพยักหน้าเป็นคำตอบก่อนที่จะเงยขึ้นมาถามเขาต่อ “จริงสิ”
“อะไรหรือ”
“ก่อนที่เจ้าจะหลับไป มีเรื่องที่ยังไม่ได้พูดกับข้าใช่ไหม”
ทีอารีนนึกขึ้นได้ทันทีว่าก่อนที่จะหลับไปนั้นเขาพยายามเอ่ยบางอย่างกับอีกฝ่ายแต่โซแวนห้ามไว้ แล้วบอกให้มาพูดหลังจากที่ตื่นขึ้นมาแล้ว
ซึ่งก็คือเวลาแบบนี้
“เจ้าจะบอกอะไรข้า” อีกฝ่ายถามย้ำอย่างตั้งหน้าตั้งตารอ เด็กหนุ่มอดจ้องหน้าอีกฝ่ายไม่ได้
ไม่ใช่ว่าเขาจะลืม ทีอารีนรู้ดีว่าตอนนั้นอยากเอ่ยอะไรกับอีกฝ่าย
เมื่อก่อนตอนที่ความสัมพันธ์ยังไม่แน่นอน เขาอยากจะบอกไปเพื่อให้มันกระจ่างชัด เพื่อให้อีกฝ่ายได้รับรู้ สิ่งที่ได้ฝังลึกลงในจิตใจของเขาไปแล้ว
“นั่นสินะ” เขาจงใจลากเสียงไว้แล้วกระแทกใส่ด้วยรอยยิ้ม “ตอนนี้มันจำเป็นจะต้องบอกด้วยหรือ”
“หา?” โซแวนเป็นฝ่ายขมวดคิ้วไม่เข้าใจทำให้ทีอารีนหลุดหัวเราะออกมา เขาคว้าคอเสื้ออีกฝ่ายที่ห่างออกไปแล้วโน้มเข้ามาใกล้
สิ่งที่เขาอยากบอกโซแวนเมื่อตอนนั้น...ตอนนี้มันไม่จำเป็นแล้ว เพราะพวกเขาต่างรับรู้ได้ด้วยตัวเอง
ตลอดเวลาที่ผ่านมา...การที่ยังคอยอยู่ ความปรารถนาที่จะกลับมาพบ นั่นคือคำตอบที่เด่นชัดอยู่แล้ว
รัก...รักจนไม่อยากแยกจากไปไหนอีกแล้ว
“แต่มีที่อยากบอกเจ้าอยู่” ทีอารีนเอ่ยขึ้นทำให้อีกฝ่ายหันมาตั้งหน้าตั้งตาฟัง
“เจ้าน่ะ...เป็นของข้าได้เพียงคนเดียวนะ” ชายหนุ่มกระซิบบอกกับอีกฝ่ายก่อนจะมอบจุมพิตที่ห่างหายไปนานให้แก่อีกฝ่าย โซแวนตอบรับเป็นอย่างดี
ทีอารีนโอบกอดอีกฝ่ายไว้คล้ายกลัวจะหนีไปไหน แต่ในขณะเดียวกันตัวเขาเองก็รู้สึกโล่งใจไปด้วย
ตัวเขาไม่ต้องทนทุกข์อะไรอีกแล้ว และได้มีชีวิตปกติสุขเสียที
พ้นจากพันธนาการอันแสนทรมาน ต่อจากนี้เขาจะได้พบกับความสุขตามคำอวยพรของพระเจ้าเพื่อตอบแทนการเสียสละของอดีตราชาผู้กล้าหาญ
ตำนานนี้จึงได้ปิดฉากลง...
--------------
END
สวัสดีค่า ในที่สุดเรื่องนี้ก็จบแล้วค่า
ดีใจค่า ขอขอบพระคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านกันมาค่ะ สำหรับเรื่องนี้ตอนนี้เรามีเปิดพรีอยู่ค่ะ สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เพจ Sakana04 ในการพรีก็จะได้รับตอนพิเศษเพิ่มด้วย (เกี่ยวกับเรื่องในอดีตและอนาคตของเหล่าตัวละครหลัก)
ขอบพระคุณที่ให้ความสนใจต่อเรื่องนี้ค่า