Ep.10 Anxiety 100%
//
“ครับผม และแล้วก็ได้ดำเนินมาถึงรอบสุดท้ายแล้วนะครับ สำหรับ การประกวด ดาวเดือนมหาลัย ประจำปีการศึกษา 2555 ของเรานะครับ เรียกได้ว่าเพียงแค่อึดใจเดียวเราก็ทำไมครับแต้ว”
“ค่ะสาม”
“ เราก็จะได้รู้กันแล้วว่าใครจะได้เป็นดาวเดือนมหาลัยของเราในปีนี้ครับ”
“ใช่แล้วค่ะสาม ซึ่งในรอบนี้นะคะ ตามชื่อรอบเลย เราจะให้ผู้เข้าแค่ขันแต่ละคนตอบคำถามนะคะ ซึ่งเราเนี่ยจะสุ่มลำดับการตอบคำถามโดยการจับฉลากโดยพวกเรานะคะ และก็จะให้ตอบไล่ไปทีละคนค่ะ”
“ครับผม ถ้างั้นเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเราจะเริ่มเลยนะครับ”
เอ้าแล้วสิเอ้าแล้วสิครับ ช่วงเวลาเยี่ยวจะเล็ดของผมมาอีกแล้ว ให้ผมยืนๆเดินๆก็ทำให้ผมหวั่นใจพอแล้ว คราวนี้ให้ผมทั้งคิดทั้งตอบคำถาม ได้ขายขี้หน้าคนก็คราวนี้ละครับ โว้ยยยยยย
“และคนแรกนะคะที่จะได้ตอบคำถามนะคะ เริ่มต้นจากเดือนก่อนนะคะ ได้แก่
หมายเลขขขขขขขขขข~”
เชี่ยโว้ยยยยเอาแล้วโว้ย มาเลยกูพร้อมมมม
“หมายเลขขขขขขขขขขขขขขขขขข~~”
มาเลยโว้ยยยยยยยยยยยยยย ถามกูมาเลยโว้ยยยยย
“หมายเลขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขข~~”
มาเลยมา ตื่นเต้นโว้ยยยยย มาเซ่ๆๆๆๆๆๆๆถามกูมาาาาาาาาา
“หมายเลขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขข~~~~~~~”
อีซั๊สสส!!! ปกติมึงต้องพูดสามครั้งแล้วบอกเลขไม่ใช่หรอ โอ้ยยยยยยยไอเหี้ย
“หมายเลขเจ็ดค่ะ”
โวยยยยย โห่ ไร ผมนี่เยี่ยวเล็ดแล้วเนี่ย
“ครับผมครับ หมายเลขเจ็ดตัวแทนจากคณะวิศวกรรมศาสตร์นะครับ ฟังคำถามให้ดีนะครับ”
“คำถามนี้มาจากตัวแทนคณะศิลปกรรมศาสตร์นะครับ คำถามมีอยู่ว่าาาาา”
“ในฐานะที่คุณเป็นตัวแทนนักศีกษามหาวิทยาลัยชั้นปีที่หนึ่ง คุณจะทำอย่างไร ให้เพื่อนนักศึกษานั้น แต่งกายถูกต้องตามกฎระเบียบของมหาลัย อันป็นแบบแผนอันเป็นอันหนึ่งอันเดียวอันดีงาม”
เชี่ยยยยยยยยย คำถามไรวะเนี่ย โหดสัส จะต้องตอบยังไงถึงจะถูกใจเขาครับเนี่ย
“ครับผม หมายเลขเจ็ดครับ เดี๋ยวจะทวนคำถามให้ฟังอีกรอบนะครับ ในฐานะที่คุณ.....”
“ไม่ต้องทวนคำถามครับ ผมขอตอบเลยครับบ”
‘อูยยยยยยยยยยยยยยยยยยย’คนดูด้านล่างต่างพร้อมใจกันส่งเสียงเมื่อเดือนคณะวิศวะขอตอบคำถามทันที
โอ้โหอีเหี้ยยยย ชอคกันไปสิครับ คำถามก็โคตรยาก แถมแทบจะตอบได้เลยหลังจากที่ฟังคำถามเสร็จ ฉลาดขนาดนี้กินอะไรเป็นอาหารเนี่ย
“ครับผม ในฐานะที่ผมเป็นตัวแทนนักศึกษานะครับ ผมไม่จำเป็นจะต้องไปพูดหรือไปรณรงค์อะไรเพื่อให้เพื่อนนักศึกษาทุกคนแต่งกายตามระเบียบหรอกครับ เพราะว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ทุกคน จะต้องปฎิบัติตามกันอยู่แล้ว ตัวผมก็จะใส่ชุดนักศึกษาอย่างถูกต้องตามกระเบียบทุกครั้งที่เข้าเรียนหรือร่วมกิจกรรมมหาลัย เป็นแบบอย่างให้คนอื่นก็พอครับ”
‘กรี้ดดดดดดดดดดดดด’ คนดูด่านล่างต่าพร้อมใจกันกรี๊ดเฮ ทันทีที่เดือนคณะวิศวะตอบคำถามเสร็จ
เชี่ยยยยยยยยยย ชอคไปสิครับ โคตรโหด คนรึอะไรครับเนี่ย ตอบได้ขนาดนี้กรรมการก็รุมเทคะแนนให้สิครับ
“ค่ะ ขอบคุณเดือนคณะวิศวะมากเลยนะคะ ขอเชิญเดือนคณะวิศวะกลับไปยืนรอประจำที่ก่อนได้เลยค่ะ”
“ค่ะ เรามาจับฉลากกันต่อนะคะ ต่อไปเป็นหมายเลขอะไรดีคะะะะะะะะะะ”
‘เบอร์หนึ่งงงงงงงงงงงงงงง’
ใจเย็นๆกันครับกองเชียร์ไม่ต้องอยากเห็นผมตอบคำถามกันขนาดนั้นก็ได้ครับ
‘เบอร์หนึ่งงงงงงงงงงงงงงงงงงง’
โอ้ยยยยไอพวกนี้มันจะตะโกนเชียร์ผมทำไมกันนักเนี่ย ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นเล้ยยยยยย ตื่นเต้นโว้ยยยยยยย
‘เบอร์หนึ่งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง’
‘เบอร์สี่~~~~~~~~~~~’
โอ้ยยยยยพอแล้วพวกมึงงงง ผมยังไม่พร้อมเชียร์เบอร์อื่นกันไปสิ
‘เบอร์หนึ่งพ่อมันชื่อติ่งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง’
เห้ยยยยยยยยยยยยยย
ไม่ต้องเชียร์พ่อโผมมมม พ่อโผมมมไม่เกี่ยว ไอเหี้ยต้น เดี๋ยวมึงโดนกู ไอ้เหี้ยยยยยยยต้นนนนนนน
“ค่ะ และเบอร์ต่อไป ที่จะได้ตอบคำถามได้แก่......”
‘เบอร์หนึ่งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง~~~~”
“เบอร์สี่ค่ะะะะะะะ”
“เบอร์สี่นะครับ ตัวแทนจากคณะพาณิชย์ศาสตร์และการบัญชีนะครับ”
“ค่ะเบอร์สี่คะ เตรียมตัวฟังคำถามของคุณให้ดีนะคะ”
“ถ้าหากคุณพบว่าเพื่อนนักศึกษาของคุณ นั้นมีอาการติดการดื่มแอลกฮอล์อย่างหนัก ทำให้ขาดเรียนบ่อยครั้งจนมีโอกาสติดเอฟ คุณจะช่วยเพื่อนของคุณอย่างไร และจะป้องกันเหตุการ์ณเช่นนี้ไม่ให้เกิดขึ้นกับเพื่อนๆคนอื่นอย่างไรคะ”
เห้ยยยยยยยคำถามโหดอีแล้ววะเฮ้ยยยยยย ใครจะไปรู้วะครับเนี่ยว่าจะช่วยเพื่อนยังไง ปกติถ้าเพื่อนผมแดกเหล้า ผมก็ได้แดกกับมันหน่ะสิครับแฮะๆ
“ทวนคำถามนะครับ ถ้าหากคุณพบว่า.......”
“เอ่ออออ ผมขอตอบเลยครับ”
เชี่ยยยยย นี่หรือว่าเขามีคะแนนความเร็วในการตอบแต่ผมไม่รู้ครับเนี่ย ทำไมไอ้พวกนี้มันโหดกันจั๊ง
“ในความคิดของผมนะครับ พวกเราเป็นนักศึกษาหน้าที่หลักของนักศึกษาคือการมาศึกษาหาความรู้........ การไปยุ่งเกี่ยวกับแอลกอฮอล์หรือพวกของมึนเมาเนี่ยเป็นสิ่งที่พวกเราไม่ควรไปเกี่ยวข้องในช่วงอายุนี้ครับ แต่ถ้าเพื่อนผมติดแอลกอฮอล์เนี่ย ผมจะไปคุยกับเพื่อนครับว่าเพื่อนผมเนี่ยเขาอาจจะมีปัญหาอะไรหรือเปล่าถึงติดแอลกอฮอล์ และผมสามารถช่วยเขาได้อย่างไรบ้าง .......”
เห้ย เออวะ แม่งคิดได้ไงวะะะะะเนี่ย
“และก็นะครับ เราสามารถป้องกันเหตุการณ์แบบนี้ไม่ให้เกิดกับคนอื่นๆโดยการที่แจ้งเรื่องไปทางมหาลัยให้จัดการกับร้านเหล้าสถานที่มอบเมาต่างๆรอบมหาลัย ถ้าหากที่ใดเปิดกิจการผิดกฎหมายก็ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสั่งปิดครับ ขอบคุณครับ”
เชี่ยยยยยยยยยยย เฉียบคม ตามใจกรรมการ แต่อย่าให้ผมเห็นแม่งไปแอ๊วหญิงร้านเหล้านะ ฮื้มมมมมมมม
“ขอบคุณเดือนจากคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชีมากนะคะ เชิญกลับไปยืนประจำที่รอได้เลยค่ะ”
“ผ่านไปสองคนแล้วนะคะ ต่อไปอยากฟังหมายเลขไหนตอบคำถามกันค่ะ กองเชียร์~~~~”
เชี่ยแม่งมีแต่คำถามยากๆทั้งนั้นเลยยยยยย ถึงตาผมละผมต้องตายแน่ๆครับบบบบ
“เบอร์ไหนดีคะะะกองเชียร์”
‘ติ่งงงง! ติ่งงงงงงงง!! ติ่งงงงงงงงงง!!! ติ่งงงงงงงงงงงงงง!!!!’
ไอซั๊ซซซซซซซ คราวนี้ไอ้เพื่อนต้นมันเตี๊ยมกับกองเชียร์ให้ตะโกนชื่อพ่อผมครับบ ไอเพื่อนประเสริฐเอ้ยยยยยยย
“สามคะ คราวนี้กองเชียร์เขาตะโกนอะไรกันคะ ได้ยินไม่ถนัดเลย”
“อ๋อเขาตะโกนว่า ‘ติ่ง’กันใช่ไหมครับ ตัวแทนในที่นี้มีชื่อพ่อแม่ใครว่า’ติ่ง’รึปล่าวครับบบบ”
‘ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ’
โอ้ยยยยยไอ้เหี้ยพี่ จะขยี้ทำไมครับบบบ ไอกองเชียร์มันก็ได้ใจกันสิครับ
‘เบอร์หนึ่งค่าาาาาาพ่อมันชื่อลุงติ่งค่าาาาาาา’
โอ้ยยยยนั้นไงเห็นไหมมมไปกันใหญ่แล้วเนี่ย
“อ๋ออ ฮ่าๆๆๆ เบอร์หนึ่งนี่เองหรอคะ” “ค่ะสามค่ะ ลุ้นกันค่ะว่าลูกชายของลุงติ่งเนี่ยจะได้ตอบคำถามข้อต่อไปรึปล่าว”
“และหมายเลขที่ได้ตอบคำถามนะครับ คืออออออออ”
‘ติ่งงงงงงงงงง!!!
ติ่งงงงงงงงงงงงงง!!!!
ติ่งงงงงงงงงงงงงงงงงงงง!!!!!!!!!!! ’
“ได้แก่หมายเลขหนึ่งค่า”
‘เฮ้!!!!!!!!!!! กรี๊ดดดดดดดดดด!!!!!’
“ไม่รู้เป็นเพราะพลังของ ‘ติ่ง’ เอ้ย ‘กองเชียร์’ หรือปล่าวนะครับทำให้เบอร์หนึ่งได้ตอบคำถาม”
“เบอร์หนึ่งครับ เอ่ออออเบอร์หนึ่งครับ เชิญที่ไมค์ด้านหน้าเลยครับ”
อ้าวเฮ่ย มือของผมสั่นรัว รู้สึกหายใจได้ไม่ทั่วท้อง ขาของผมมันก้าวไม่ออก ยิ่งเสียงเชียร์ยิ่งดังเท่าใหญ่ ก็ทำให้การเคลื่อนไหวของผมมันยากขึ้นไปเท่านั้น เส้นประสาทต่างๆในร่างกายเหมือนหยุดสั่งกายจนตัวของผมแข็งทื่อ กล้ามเนื้อส่วนเดียวที่ขยับตอนนี้คืกล้ามเนื้อข้างแก้มของผมที่ผมพยามยิ้มอยู่แต่ก็รู้สึกว่าน่าจะเป็นยิ้มที่ไม่น่ามองเท่าไหร่นัก
ผมกวาดสายตามองไปรอบ จนได้เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยอยู่ข้างขอบด้านหลังเวที คนที่ไม่เคยสนใจว่าสายตาของใครว่าจะมองตัวเขาอย่างไร และเขาพร้อมจะอยู่เคียงข้างคอยทำให้ชีวิตที่มันยากๆของผมง่ายขึ้นเพราะมีเขา
พี่เอ็ด ส่งสัญลักษณ์ชูหัวแม่โป้ง กดมันไปที่ริมฝีปากและยื่นมันไปข้างหน้า แทนความหมายส่งกำลังใจเรียกความมั่นใจของผมกลับมา เพราะว่าไม่ว่าสิ่งใดที่ผมจะทำ นั้นหมายความว่าผมไม่ได้ฝ่าฟันมันเพียงคนเดียว เพรามีเขาอยู่เคียงข้างด้วยเสมอ
ผมสูดลมหายใจเข้าแะก้าวไปข้างหน้าเวทีด้วยความมั่นใจเตรียมพร้อมจะรับบททดสอบของผม
“ค่ะ เบอร์หนึ่ง ตัวแทนจากคณะนิติศาสตร์ นะคะ คำถามของคุณมาจากตัวแทน๕ณะสถาปัตยกรรมนะคะ”
ผมมองไปยังที่คนดูอยู่ ผมมองฝ่าแสงไฟจำนวนหลายดวงที่ส่องใบหน้าผมจนทำให้การมองของผมนั้นพร่อง ถึงแม้ผมจะมองเห็นไม่ชัด แต่ผมก็สัมผัสได้ว่าท่ามกลางคนมากมายด้านล่างนั้น มี ต้น ปุ๊กกี้ พี่หนูเนค และใครหลายๆคนเป็นกำลังใจให้ผมอยู่
‘มาเลยโว้ยยคำถามจะยากซับซ้อนกว่าสองคำถามแรกแค่ไหนกูไม่กลัวมึงหรอกโว้ยยย!!!!’ ผมกล่าวกับตัวเอง
“และคำถามของคุณมีอยู่ว่า...........”
“ติ๋มมีเงินสี่สิบบาท และนำเงินนั้นซื้อไส้กรอกทอดมากิน ติ๋มซื้อไปสามไม้แต่ได้เงินทอนเกินมาสิบบาท ติ๋มนำเงินที่ทอนมาเกินนั้น ไปทำบุญช่วยแมวจรจัด ถามว่าติ๋มนั้นผิดหรือไม่”
ห้ะะะะะะะะะะะะะ
เชี่ยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
ไรวะเนี่ยยยยยติ๋มมมมมมมมมมมมมมม
ผมบอกตรงๆครับว่าผมมัวแต่ตั้งใจมองไปข้างหน้าโฟกัสหน้ายืนตัวตรงตามที่ถูกฝึกซ้อม จนผม ลืมมมมฟังคำถามมมมมมมมมมม เชี่ยเอ้ยยซวยกูแล้วรู้ตัวอีกทีก็คือคำถามจบไปแล้ว
“เอ่อ เบอร์หนึ่งครับฟังทันใช่ไหมคะ”
“คคคคครับผม”
พี่หนูเนคที่ยื่นอยู่ตรงกองเชียร์ชูแขนเรียกผมและชี้ปากของเธอให้ผมอ่านปาก
‘มายตองงง ม่ายยยท้องงงงงง ไหมมมมต้องงงงงง’
“ค่ะ จะทวนคำถามให้ฟังอีกรอบนึงนะคะ ”
“มะมะ ไม่ต้องหรอ!?” ผมอ่านปากพี่หนูเนค
“อ๋ออออ ไม่ต้องทวนคำถามใช่ไหมคะ หมายเลขหนึ่งโอ้โหเรียกได้ว่า เดือนแต่ละคนในปีนี้ไม่ยอมน้อยหน้ากันเลยทีเดียวนะคะเนี่ย ”
ชิบบบบบบบบบบบบบ
หายยยยยยยยยยยยย
แล้วววววววววววววววว
พ่อเอ้ยยยยยยยยยย ผมตื่นเต้นจนเพลออ่านปากพี่หนูเนคออกไมค์ไป แต่ผมยังฟังคำถามไม่รู้เรื่องเลยโว้ยยยย พ่อเอ้ยยยช่วยลูกด้วยยยยยยยยยยย
‘กรี๊ดดดดดดดดดดดดด ฟิลลิป ฟิลลิป ฟิลลิป!!!!!’ กองเชียร์ยิ่งส่งเสียงเข้าไปใหญ่เมื่อเห็นผมขมุบขบิบปากอย่างกระอักกระอ่วน ผมได้ไม่กำลังจะตอบบบไม่ต้องเชียร์โผมมมมมมมมมม
เชี่ยมาถึงขนาดนี้แล้ว ผมเชื่อว่าโชคชะตานั้นพาผมมาจุดนี้ได้ โชคชะตาก็ต้องพาผมให้ผ่านพ้นจุดนี้ไปได้เช่นกัน ยังไงผมก็ตอบๆไปละวะ
“เอ่ออออ ติ๋ม ติ๋มไม่ควรกินไส้กรอกทอดครับ เพราะมันเป็นอาหารขยะ อะอะอา อาหารขยะหรือจั๊งฟู๊ด กินเข้าไปมากๆจะทำให้สุขภาพไม่ดีได้ครับ เป็นสาเหตุของโรคเบาหวานและมะเร็ง.......ติ๋ม เอ่อ ติ๋มควรออกกำลังกายครับผม ขอบคุณครับ”
‘………………’
‘……………………….’
กองเชียร์ที่แผดเสียงเชียร์ผมอยู่ก่อนหน้า ต่างพากันเงียบเสียงโดยพร้อมเพรียงอย่างมิได้นัดหมาย
และวินาที้นี่แหละครับ ที่ผมได้รู้ว่า ผมได้ประสบความสำเร็จในการขายขี้หน้าตัวเองต่อคนหน้าคนร่วมพันคนแล้วครับ ฮือออออออออออ
ผมยืนฟังดาวเดือนคนแล้วคนเหล่าตอบคำถามผ่านไป ด้วยในใจหวังว่าจะมีคนทำพลาดตอบคำถามให้ได้น่าเกลียดกว่าผม(ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่ได้เกิดขึ้น) ตอนนี้ผมเป็นเสมือนร่างไร้วิญญาณหลังจากตระหนักถึงสิ่งที่ผมเพิ่งทำลงไป จนในที่สุดช่วงประกาศผลก็มาถึง เป็นไปตามคาดครับ เดือนมหาลัยและรองเดือนมหาลัยก็เป็นของคณะวิศวะและคณะบัญชี โชคดีที่ปรายฟ้า ดาวคณะผมได้ตำแหน่งรองดาวมหาลัย ทำให้พี่หนูเนคคงไม่ผิดหวังเท่าไหร่ในคืนนี้(ในความคิดผมนะครับ)
ผมเดินลงจากเวทีพร้อมกับคนอื่นๆ ตอนนี้ผมหมดแรงจนอยากจะลงไปกองอยู่บนบันไดเลยครับ แต่ก็มีคนมากออกยืนรอผมอยู่แล้วทันที่ที่ผมเดินลงมา
“เห้ย ทำไมทำหน้าอย่างงั้นละว้าาาาาา”
ผมเดินลากเท้าเข้าไปหาพี่เอ็ดอย่างหมดแรง พี่เอ็ดดึงแขนของผมเข้าไปหาตัวเขาและล๊อคคอผมไว้
“หึ เด็กดื้อ บอกพี่มาสิว่าอยากกินอะไร..... ไม่เอา ไม่เศร้าแล้วนะครับ”
“เศร้าไรละพี่ ผมไม่ได้เศร้า ผมเฟล อยากแทรกแผ่นดินหนีแล้วเนี่ย”
“ ไม่เอาหน่า อย่าเฟลดิ พี่มีขอให้เราด้วยนะ” พี่เอ็ดลูบหัวผมก่อนที่จะหยิบอะไรบางอย่างออกจากระเป๋าสะพายของเขา
“อ้ะ พี่ให้เป็นรางวัลนะครับ”
ผมรับของจากพี่เอ็ด มันเป็นกล่องขนาดเท่าฝ่ามือ กล่องนั้นถูกหุ้มด้วยกระดาษสีน้ำเงินสีโปรดของผม และผูกด้วยริบบิ้นสีเงิน
“เห้ยยย อะไรอะพี่ ให้จริงอ๋อ ผมไม่มีอะไรให้พี่นะ”
“เออออไม่เป็นไรๆ พี่อยากให้ เปิดดูเร็ว”
ผมดึงริ้บบิ้นออกและเปิดดู ข้างในกล่องนั้นถูกดอกกุหลาบและดอกคาเนชั่นสีขาวถูกจัดเรียงไว้แน่นเต็มกล่อง และที่วางอยู่บนดอกไม้ในกล่องนั้นคือ กำไลข้อมือสีเงินซึ่งมีการ์ดเล็กๆห้อยไว้อยู่
‘For all the things my hands have held the best by far is you’
(จากทุกสิ่งที่มือของฉันได้กุมมา เธอคือสิ่งที่ดีที่สุด)
“โอ้ยยยยพี่ กำไลโคตรน่ารักกกก แต่การ์ดโคตรเลี่ยนเลยหว่ะ 555555555”
“อื้ออ เอาหน่า ใส่ไปเถอะ คนอื่นจะได้รู้ว่าเด็กดื้อของพี่เจ้าของแล้ว เขาจะได้ไม่มาจับมือเรา เข้าใจมั้ย”
“ครับบบบบ เข้าใจแล้ว 555555 หึงน้องหรอ เพิ่งรู้นะเนี่ย”
“เอออ หึงสิ เป็นคนดังแล้วหนิเราอะ ทำหน้างี้กำไลหน่ะ จะเอาไม่เอา ไม่เอาพี่จะเอาไปใส่เอง”
“โอ๋ๆๆๆพี่เอ็ดคนหล่อ คนแก่ขี้งอน ขอบคุณนะครับบบบ น้องเนี่ยช๊อบบบที่สุดเลยยย”
“อื้อออออ ชอบก็ดีละ เดี๋ยวพี่ไปก่อนนะ ไอ้พวกเพื่อนในวงมันจะไปกินฉลองกัน เดี๋ยวยังไงพี่โทรหา”
“ครับผม ไว้คุยกันนะ”
หลังจากพี่เอ็ดหันหลังเดินไปได้ไม่นานพวกเพื่อนของผมก็พุ่งตัวเข้ามาหาผมเหมือนกับดักรอดูอยู่ก่อนแล้ว
“แหมมมมมแหมมมมมแหมมมมมมมมมม ฟิลลิปมึง! ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียวนะ” อีต้นเท้าสะเอวและจีบปากแซวผม
“ตอนแรกกี้ตกใจแทบแย่คิดว่าคุณฟิลลิปต้องเสียใจแน่เลยรีบเลยวิ่งมา แต่พี่เอ็ดคงทำให้ฟิลลิปรู้สึกดีแล้วเนอะ”
นั่นไงว่าแล้วเชียวครับว่าไอ้พวกเพื่อนมันต้องแอบยืนมองผมอยู่
“เฮ้ยคิดว่ากูเป็นคนยังไงวะะะะะ”
“คิกคิกคิกคิก” ปุ๊กกี้มองหน้าต้นส่งเสียงหัวเราะในลำคอ
“ฟิลลิป มึงอยากกินไส้กรอกทอดมั้ยเดี๋ยวกูพาไปเลี้ยงเองค๊าาาา” ต้นล้อผมเรื่องไส้กรอกและหัวเราะอย่างสะใจ นี่แหละครับที่เขาบอกว่า เพื่อนที่ดีจะปลอบใจ แต่เพื่อนสนิทจะซ้ำเติม
“เฮ้อออออ ยังนอยอยู่เลยนะเว่ย พวกเราออกไปจากที่นี่กันดีกว่า” ไม่ไหวจริงครับจะว่าไปแล้วผมชักจะเหนื่อยที่จะทนเป็นเป้าสายตาคนที่นี่ละครับ
“เดี๋ยวก่อนไม่คิดจะโม้เพื่อนหน่อยหรอว่าในกล่องนั้นคืออะไรห๊าาาาาาา”
“ไม่มีอะไรของขวัญพี่เอ็ดให้ กำไลดูดิ” ผมหยิบกำไลออกจากล่องขึ้นมาให้เพื่อนดู แหมจริงๆผมเห่อนะครับแต่อยากแอบไปเห่อคนเดียวที่ห้อง
“โอ๊ยตายแล้วสวยยยยยยอ๊ะะะ กำไลน้อยคล้องใจ ลองใส่ดูยังอะ ถ้าใส่ไม่ได้เป็นของกูนะ”
“ไม่ได้โว้ยยยยยยย ของพี่เอ็ดให้ทั้งทีจะให้มึงได้ไงห้ะต้น” ผมพูดพลางสวมกำไลที่ข้อมือของผม แฮะๆๆๆ
“สวยอ่ะ สวยคุณฟิลลิป คุณฟิลิปใส่แล้วเข้ากับคุณมากๆเลย”
“เอออออ ฟิลลิป วันนี้ไปนอนห้องกูกัน กูกับปุ๊กกี้ว่าจะสั่งพิซซ่ามาเลี้ยงมึง”
“โหจริงดิ งั้นรออยู่อะ ไปดิ ฮึฮึ” แฮปปี้สิครับ จะนอยด์แค่ไหนถ้าได้ของกินรับรองว่าหาย
ไม่ทันที่ผมกับเพื่อนๆจะเดินออกไป ก็มีกลุ่มคนมายืนดักรอพวกเราอยู่แล้ว
“ขอโทษนะะะะะะะ ไม่ทราบว่าจะรีบไปไหนกันหรอคะ เอ้ย ครับ” เสียงพูดผู้ชายที่คุ้นๆ พูดขึ้นมาจากด้านหลังของผม จนผมกับเพื่อนต้องหยุด ผมหันหลังกลับไปมองก็พบกับเจ้าของเสียงที่ยืนเท้าสะเอวอยู่
“น้องจำไม่ได้หรอคะะะะะะ ว่าพี่บอกว่าพี่อยากเจอน้องๆหลังจากประกวดไง” ผู้หญิงอีกคนในกลุ่มนั้น ถามพร้อมส่งสายตาคาดโทษมาที่ผม
“แหมอย่างนี้พี่เสียใจแย่เลยนะะะะะะ อุตส่าห์อยากจะคุยกับน้องแต่น้องกลับจะหนีนะคะ เอ้ย นะครับ” พี่ผู้ชายคนแรกพูดพร้อมกับเดินเข้ามาประชิดตัวผม
“อีสาม มึงจะคะหรือจะครับ มึงก็เอาสักอย่างสิ มู๊ดมันเสียเนี่ย”
“โอ้ยยยยยย อีแต้วมึงก็รู้ว่ากูทำงานมาละสมองกูปรับโหมดกลับมาไม่ทัน พูดครับ พูดครับตั้งนาน!”
“เอ่อออ พี่สามพี่แต้ว เอ็มซีมหาลัยใช่มั้ยคะ พวกพี่มีอะไรกับพวกหนูหรอคะ” ปุ๊กกี้ถามรุ่นพี่ยืนเป็นกลุ่มเกือบสิบคน ที่ผมเองก็ไม่รู้จักใครสักคนในนี้เลย
“ถ้าพี่อยากคุยกับเพื่อนหนูมากก้โทรมาสิค่ะ แต่ถ้าพี่ไม่ได้สนิทขนาดมีเบอร์เพื่อนหนู หนูว่าเราก็คงไม่มีอะไรต้องคุยกัน” เมื่อเห็นท่าทางไม่ดี ต้นก็เลยออกโรงจะปัดรำคาญแทนพวกเรา
“ปากคออออนะคะะะะะ นี่จะหาเรื่องพี่ใช่มะคะ” เอ็มซีที่ชื่อพี่ามตอนนี้เลือกพูดคะ อ่างเดียวแล้วครับ
“สาม แต้ว พอแล้ว ก็บอกแล้วไงว่าเราจะมาคุยกับน้องเขาดีๆ”ผู้หญิงคนหนึ่งที่ยืนด้านหลังพูดขึ้นมา ดูจากการแต่งตัวแล้วเธอน่าจะไม่ได้เรียนมหาลัยเดียวกับผม
“เอ่อ พี่ชื่อเคทนะคะ น้องชื่อฟิลลิปใช่ไหม” ผู้หญิงคนนั้นกล่าวทักทายผม
“ครับผม ใช่ครับ”
“พี่อยากจะคุยกับน้อง เรื่องเอ็ดหน่อยนะคะ”
“เอ่อเรื่องพี่เอ็ด มีอะไรหรอครับ?”
“น้องคุยกับพี่เอ็ดตั้งแต่เมื่อไหร่หรอ…...พี่ถามได้ไหม” พี่เคทถามผมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“เอ่ออออ หกเดือนครับ… พี่... พี่เคทถามทำไมหรอครับ”
“เอ้อออ เป็นอย่างงี้อีกแล้วสินะ” พี่เคทถอนหายใจและเบือนหน้าหนี
“พี่หมายความว่าอะไรหรอครับ อย่างนี้อีกแล้ว?”
“...................” ผู้หญิงตรงหน้าผมไม่พูดอะไร และหันหน้าไปมองเพื่อนของเธอ
“พี่ครับ หรือพี่จะบอกว่า พี่เอ็ดนอกใจผมหรอครับ”
“เอ่อน้องฟิลลิป ไม่ใช่อย่านั้นค่ะ แต่มันอาจจะฟังดูงงหน่อยนะคะ”
“......เอ็ดเขานอกใจพี่ต่างหาก”
ใบหน้าของผมรู้สึกชาไปหมดทันที่ที่ได้ยินอย่างนั้น ในใจก็ไม่คิดว่าจะเป็นไปได้ แต่อะไรหล่ะถึงทำให้ผู้หญิงคนนี้มาบอกกับผมแบบนี้
“พี่หมายความว่ายังไงหรอครับ……. ที่พี่เอ็ดนอกใจพี่” ผมถามพี่เคท
“พี่หน่ะ เป็นแฟนกับเอ็ดมาสองปีแล้วนะคะ……..”
…..
‘สองปีแล้วนะคะ’
……
“นั้นหมายความว่าคนที่ถูกนอกใจ ก็คือพี่”
‘เคทเพื่อนพี่อยู่คนละมอ ปกติเขาจะอยู่กับเอ็ดตลอดวันเสาร์อาทิตย์ วันปกติเขาไม่ค่อยได้เจอกันหน่ะ’ เพื่อนของพี่เคทพูดเสริม
“พี่ต้องขอโทษน้องด้วยนะที่มาคุยกับน้องอะไรแบบนี้ แต่พี่ขอให้น้องเลิกยุ่งกับเอ็ดได้ไหม……”
……..
‘เลิกยุ่งกับเอ็ดได้ไหม’
…….
ความรู้สึก…..เหมือนกับชนเข้ากับกำแพงใหญ่ๆแบบนี้ ความจริงที่ผมเชื่อมาตลอดกลับกลายเป็นเรื่องโกหก คำว่ารักที่เคยได้ยินและเชื่อหมดหัวใจเป็นแค่เสียงลมผ่าน ผมรู้สึกแตกร้าวไปหมดเมื่อได้ยินสิ่งที่พี่เคทบอกผม
“ได้ครับ ผม จะเลิกยุ่งกับพี่เอ็ด”
ผมบอกกับผู้หญิงตรงหน้าผม โดยคิดไปเองว่านั่นคือสิ่งที่เธออยากได้ยิน ซึ่งเป็นสิ่งตรงข้ามกับใจผมอยากจะพูดตอนนี้
“จริงหรอ น้องฟิลลิป พี่ขอบคุณมากนะคะะะ”
พี่เคทร้องไห้โหเมื่อได้ยินว่าผมตอบรับคำขอของเธอ และพุ่งตัวเข้ามากอดผมแทนคำขอบคุณ
ผมยืนอยู่เฉยๆให้พี่เคทกอดโดยไม่ได้พูดสิ่งใด
ทั้งที่ใจผมมันอยากจะลงไปร้องไห้ด้วยความไม่เข้าใจ
‘เคทๆ ไปตามเอ็ดมาแล้ว’
พี่เคทผละตัวออกจะผมและเช็ดน้ำตาด้วยแขนเสื้อ
“.......เคท มาอยู่ที่นี่ได้ไงอะ”
นี่คือสิ่งแรกที่พี่เอ็ดพูดหลังจากมองเห็นพี่เคทและสบตากับผม
“เอ็ด ไม่ต้องพูดเลยนะ ทำไมทำกับเคทอย่างนี้อะะะะะะะะ”
พี่เคทที่เหมือนจะหยุดร้องแล้วกลับน้ำตาไหลพรูออกมาพร้อมกับเข้าไปทั้งตบและตีที่แขนพี่เอ็ด นั่นทำให้ผมรู้ว่า พี่เคทก็เป็นคนที่น่าสงสารไม่น้อยไปกว่าผมในเรื่องนี้
“เคทใจเย็นๆ ฟังผมก่อน” พี่เอ็ดจับแขนพี่เคทเอาไว้เพื่อให้หยุด
“ไม่ฟัง เคทจะไม่เชื่ออะไรเอ็ดอีกแล้ว”
“เคท ผมรักเคทนะ เคทฟังผมก่อนผมอธิบายได้”
คำว่า“รัก”จากปากคนที่เรารัก เมื่อได้ยินเขาบอกคนอื่นที่ไม่ใช่เรา ความรู้สึกมันก็จะเจ็บแบบนี้สินะครับ
และตอนนี้นี่เอง ที่พี่เอ็ดจับข้อมือพี่เคทอยู่ ทำให้แขนเสื้อของพี่เคทถูกดึงลงมา เผยให้เห็นกำไลข้อมือที่ถูกแขนเสื้อบังอยู่ก่อนหน้านี้
กำไลข้อมือที่เหมือนกับเส้นที่อยู่บนข้อมือของผมในตอนนี้
“เคทผมอธิบายได้นะครับ เคทฟังผมก่อน ผมกับน้องแค่…...”
ผมไม่ปล่อยให้พี่เอ็ดพูดจนจบประโยชน์ พบไม่อยากจะฟังข้อแก้ตัวหรืออะไรที่ทำร้ายความรู้สึกของผมไปมากกว่านี้อีกแล้ว……
ผมจึงต่อยพี่เอ็ดเข้าไปที่หน้าเต็มๆหนึ่งหมัด
ผมกระชากสร้อยที่อู่บนข้อมือและปาใส่ที่เอ็ดที่ล้มอยู่บนพื้น
“ผมไม่ใช่สิ่งของที่จะให้ใครมาประกาศตัวเป็นเจ้าของ พี่เอาสร้อยเหี้ยนี่คืนไปเถอะ”
นี่คือคำพูดสุดท้าย ก่อนที่ผมจะหันหลังใหกับความรักปลอมๆที่เกิดขึ้นมาครั้งหนึ่งของผม