กาลครั้งนั้น。
“จิ” จิระหันหน้ากลับมาเผชิญกับเสียงทุ้มที่คุ้นเคย
วันนี้เขายังคงเหมือนเดิม เสื้อผ้าชุดเดิมๆที่เคยเห็น ใบหน้านั้นไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิมมากมาย
“ไว้หนวดเหรอครับ” เขาถาม อีกคนเพียงส่ายหน้าตอบกลับเบาๆ
“ยังไม่มีเวลาโกนเลย” ฝ่ามือใหญ่ลูบปลายนิ้วลงบนปลายคางและกรอบหน้า
จิระมองหน้าเขาเต็มตา ชายหนุ่มทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามกัน ดวงตาคมทอประกายได้มากกว่าเดิม
จบแล้วสินะ “แม่พี่ เป็นอย่างไรบ้าง” จิระถามอีกฝ่าย
ในคำถามที่เขารู้คำตอบดีแก่ใจ
“เสียแล้วล่ะ เมื่อสองเดือนก่อน” เขาตอบกลับพลางสบตา
จิระขืนยิ้มตอบกลับบางเบา
“พี่ทำเต็มที่แล้ว เสียใจด้วยนะครับ”
บทสนทนาไม่ได้เพิ่มเติม จิระคิดคำพูดไว้มากมาย ใช้เวลาทบทวนอยู่เนิ่นนาน
แต่กลับกลืนหายเหมือนไม่ได้ตระเตรียมมาก่อน
“พี่ไม่อยากให้จิต้องมาทนแบกรับภาระกับพี่ ลืมพี่เถอะจิระ” .
.
เขาไม่ได้ผิดอะไร
เขาไม่ได้ทำอะไรผิด จิระย้ำกับตัวเองซ้ำ ๆ ใช้เวลาทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมาช้า ๆ
จากวัน ผ่านเป็นคืน หมุนเวลาล่วงเลยมาหลายเดือน
“ทำไมถึงติดต่อมาล่ะครับ” จิระถามอีกฝ่าย
“ไม่รู้สิ พี่ไม่เคยนึกถึงใคร นอกจากจิ” เสียงทุ้มนุ่มคล้ายจะตรึงทุกความทรงจำเอาไว้
จิระได้ข่าวว่าคนตรงหน้า เดินทางกลับมาจากจังหวัดบ้านเกิด ไม่นานเขาก็ติดต่อกลับมา
จิระยังใช้เบอร์เดิม ช่องทางการติดต่อเดิม
.
.
“พี่วัฒน์ดูอะไรครับ”
จิระมองคนรักรุ่นพี่ที่มองไปทางร้านกาแฟแฟรนไซต์
“พี่อยากทำร้านกาแฟ”
“เอาสิครับ จิช่วย”
“พี่คงกลับไปเปิดที่บ้าน ช่วยกันดูแลกับแม่”
“เปิดมาหกเดือนแล้วยังขาดทุนอยู่เลย”
“มีอะไรให้จิช่วยได้ไหม”
เขากุมฝ่ามือใหญ่ไว้
“ไม่เป็นไร พี่พอเอาอยู่” ฝ่ามือนั้นเลื่อนกลับมากุมมืออีกข้างหนึ่งของตัวเองไว้
เขาอยู่ตรงไหนของอนาคตของคนๆนี้
ไม่สิ
ในอนาคตของคน ๆ นี้ เคยมีเขาอยู่บ้างไหม
มารดาของคนรักล้มป่วย หนี้สินของคนรักเพิ่มขึ้น การติดต่อเริ่มขาดระยะเป็นช่วง ๆ
จนหายไปเป็นเดือน
หลายเดือนที่จิระติดต่อคนรักไม่ได้
ใจของจิระว้าวุ่น ไล่สอบถามจากเพื่อนของอีกฝ่าย จนได้ความว่าเขาลาออกจากงานที่กรุงเทพ
และกลับไปอยู่บ้านเกิดเงียบ ๆ
ทำไมไม่บอกเขา จิระเดินทางไปที่บ้านของคนรัก เขานั่งรถโดยสารระยะยาวไปลงที่ตัวเมือง และต่อรถรับจ้างเพื่อเข้าหมู่บ้านแถบชานเมือง ตามที่ได้ข้อมูลจากเพื่อน ๆ ของคนรัก
เขาเช่าโฮสเทลไว้สำหรับพักค้างคืน ใกล้ๆกับร้านกาแฟของคนรัก
“จิ มาได้ยังไง” ชายหนุ่มตกใจที่จิระมายืนอยู่ตรงหน้า จิระซูบผอมลงจนเห็นได้ชัด
“พี่วัฒน์ ขอคุยด้วยหน่อยได้ไหมครับ”
วันนั้นเขามีปากเสียงกัน คนรักพูดอะไรออกมามากมายที่จิระไม่เข้าใจ
หลายเรื่องที่เขาเองไม่เคยได้รับรู้
“พี่ไม่อยากให้จิต้องมาทนแบกรับภาระกับพี่ ลืมพี่เถอะจิระ”
“จนตอนนี้ ผมก็ยังไม่เข้าใจหรอกนะ ว่าผมผิดอะไร” จิระสบตาคู่คมแน่นิ่ง แผ่นหลังเหยียดพิงพนักเก้าอี้ ระบายยิ้มลงริมฝีปาก พลางเสลูกตาไปในทิศทางอื่น
“พี่ ขอโทษ” เขาพูดเสียงอ่อนแรง
“ถ้าพี่กลับมา แล้วให้ผมเป็นตัวเลือกสุดท้ายที่พี่จะนึกถึง พี่กลับไปเถอะนะครับ”
จิระตัดสินใจพูดสิ่งที่อยากพูดมานาน
นี่เป็นปัญหาที่เรื้อรังมาตลอดสำหรับเขาทั้งคู่
จิระคิดมาตลอดว่าถึงสุดท้ายแล้ว มันก็คงต้องจบลงอย่างนี้
ความสัมพันธ์แบบเป็นไปเรื่อย ๆ ไม่มีพัฒนาการ ความผูกพันที่ตัดกันไม่ลง
“เรายังรักกันใช่ไหม” อีกฝ่ายถาม
จิระสบตาคู่นั้นอีกครั้ง
“ผมยังรักพี่” เหมือนเดิมจิระเผลอกลั้นหายใจ
“ผมไม่รู้ว่าพี่เข้าใจไหม ผมอาจจะเป็นคนเห็นแก่ตัว
ผมแค่อยากให้พี่นึกถึงผมเป็นคนแรก ในวันที่พี่เจอปัญหา
ผมอยากเป็นคนที่พี่เล่าให้ฟังได้ทุกเรื่อง
แต่พี่ทำเหมือนผม.. เป็นคนอื่น”
.
.
“เห็นพี่วัฒน์ไหมครับ”
จิระทักทายเพื่อนในกลุ่มของคนรัก
“อ้าว ไอ้วัฒน์ไม่บอกหรอว่ามีนัดสอนพิเศษให้น้อง”
“เปล่าครับ”
“พี่โทรหามันให้ไหม”
“ไม่เป็นไรครับ ขอตัวนะครับ”
มีอะไรทำไมไม่บอก
“เจ็ดปีเลยนะครับ พี่วัฒน์ไม่เสียดายเวลาบ้างเหรอ”
“ชอบค่ายอาสาเหรอเรา”
จิระจำได้ว่าเขาเป็นรุ่นพี่ในชมรม ผู้ชายตัวสูงใหญ่ ใส่แว่น มีรอยยิ้มที่น่ามอง
“ผมชอบงานอาสาครับ สนุกดี”
“เอาเบอร์มาสิ”
“ครับ?”
“ถ้ามีงานอาสาอื่นที่ไม่ใช่ของชมรมพี่จะโทรถามเรา เผื่ออยากไป” “โกรธพี่มากไหม” เขาถาม
จิระส่ายหน้า
“มัน.. แก้ไขอะไรไม่ได้แล้วล่ะครับ”
“ที่พี่อยากเจอจิวันนี้ พี่คิดมาตลอดว่าต้องทำอย่างไร
.. ถึงจะมีจิเหมือนเดิม”
เขาเค้นยิ้ม
“แต่ถ้าทำแบบนั้น พี่คงเห็นแก่ตัวมาก ถ้ายังรั้งจิไว้
ลืมพี่เถอะจิระ”
จิระเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์หลังจากนั้น
ปิดกั้นทุกช่องทางสื่อสาร
ถ้ายังเห็น ใครบ้างจะไม่รู้สึก 。
https://www.youtube.com/embed/xbZyjScHnAw?ecver=2