Novel No well [ชีวิตจริง ยิ่งกว่านิยาย(วาย)] : Ch 1.1 ฟ้าใส [up 13/6/17]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Novel No well [ชีวิตจริง ยิ่งกว่านิยาย(วาย)] : Ch 1.1 ฟ้าใส [up 13/6/17]  (อ่าน 1853 ครั้ง)

ออฟไลน์ somuch

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ

เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ3
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์ และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาทของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม




--------------------------------------------------------------------------

ความซวยของเก้าชีวิตเริ่มขึ้นหลังจากที่เขาอ่านนิยายวายของน้องสาว และ...หลุดเข้ามาในนิยาย

ความซวยซ้ำซ้อนคือเขาดันหลุดเข้ามาในตัวประกอบ สถานะลูกไล่ของตัวโกงที่ตายอย่างอนาถ

ไม่! เขาไม่ยอมเด็ดขาด

เรื่องอะไรเขาต้องเอาชีวิตมาทิ้ง เขาจะต้องเปลี่ยน...เปลี่ยนมันให้หมดนั่นแหละ!!


Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-06-2017 21:33:49 โดย somuch »

ออฟไลน์ somuch

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-0
บทนำ








ชื่อของเขาคือ ‘เก้าชีวิต’


   ชื่อประหลาดๆ แต่พอมาเปรียบเทียบกับพี่น้องท้องเดียวกันแล้วก็นับว่าเข้าพวก เขามีพี่ชายชื่อกันภัย น้องสาวฝาแฝดชื่อแก้วตา ส่วนน้องชายคนสุดท้องชื่อเก่งกล้า พวกเขาเป็น 4 พี่น้องตัว ก. ที่จะนับความโดดเด่นแล้ว...ก็ไม่มีอะไรโดดเด่นนอกจากมีพี่ชายที่หล่อและซื่อบื้อมาก กับน้องชายที่ฉลาดแต่โคตรน่ากลัว

   เขามีชีวิตปกติธรรมดามาตลอด เป็นผู้ชายธรรมดา ในครอบครัวชนชั้นกลางธรรมดา ผลการเรียนก็ธรรมดา จนเขาเข้าเรียนปี 1 ในมหาวิทยาลัย...อันที่จริงปัญหาไม่ได้อยู่ตอนเขาเข้ามหาวิทยาลัย แต่มันเกิดจาก ‘น้องสาว’ เจ้าปัญหา

   “เก้า ว่างไหม?” เขาเงยหน้าขึ้นจากหนังสืออ่านเล่นในมือ สบกับดวงตากลมๆ ของน้องสาวฝาแฝดที่โครงหน้าไม่ค่อยจะคล้ายคลึงเขาสักเท่าไหร่ แก้วตาเป็นสาวน้อยน่ารัก แม้จะไม่ได้สวยจัดแต่ก็นับว่าน่ารักน่ามอง

   “ไม่ว่าง ก็เห็นอยู่ว่าปานมา” เขาพยักเพยิดไปยังคนข้างกายที่เงยหน้าส่งยิ้มกล้าๆ กลัวๆ ให้เขาทีหนึ่ง

   เมื่อเทียบกับรูปร่างหน้าตาของเขา ที่มองตั้งแต่หัวจรดเท้าก็ไม่มีอะไรโดดเด่น ปานที่เป็นเพื่อนกับเขามาตั้งแต่เด็กก็เกือบจะเรียกได้ว่าตรงข้าม ‘ปาณัท’ เป็นผู้ชายหล่อ ถ้ามองแค่หน้าอย่างเดียวยัยแก้วให้นิยามว่า “หล่อร้ายและดูเลว” ซึ่งนิยามนี้ไม่มีตรงไหนที่เข้ากับนิสัยปานเลยสักนิดเดียว

   ปานเป็นคนขี้กลัว ขี้อาย เขาที่เป็นทั้งเพื่อนข้างบ้านและเพื่อนร่วมชั้นเลยเป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของปาน แต่ถึงแม้เขาจะสนิทกับปานก็จริง แต่ยัยแก้วนี่เรียกได้ว่าตรงกันข้าม เขาไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมปานถึงได้กลัวยัยแก้วนัก อาจจะเป็นเพราะสายตาของน้องสาวฝาแฝดของเขาที่ชอบกวาดมองแว่นสายตาหนาๆ ผมกระเซอะกระเซิง และการแต่งตัวเชยๆ ของปาน บางครั้งก็ทำตาวาวๆ ดูไม่น่าไว้ใจ ปานเลยตื่นตระหนกเวลาเห็นยัยแก้วเหมือนหนูเจอแมว

   “งั้นก็ว่างสิ” ยัยแก้วยิ้มหวาน นั่งแทรกลงบนโซฟาที่เขากับปานนั่งกันอยู่คนละมุม “เก้ากับปานช่วยอ่านให้แก้วหน่อย แก้วจะเอาไปส่งสำนักพิมพ์ ช่วยตรวจปรูฟรอบสุดท้ายให้ที”

   เห็นได้ชัดว่านี่เป็นคำสั่งไม่ใช่คำขอร้อง

   น้องสาวฝาแฝดของเขาดึงปีกกระดาษเอสี่ส่งให้ปาน แล้วเปิดไฟล์ในคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คของเธอส่งให้เขาแทน รอยยิ้มของแก้วทำให้ปานรีบพยักหน้าหงึกหงัก รีบหยิบปึกเอสี่ไปซุกตัวอยู่มุมโซฟา

   “ทำไมไม่ให้กล้าช่วยอ่านล่ะ...” เขาพึมพำถามแบบขอไปที

   “กล้าน่ะเหรอ? เก้าก็ไปสิ แก้วไม่กล้ากวนน้องหรอก” ยัยแก้วไม่กล้าหือกับน้องชาย แต่กลับกล้าจิกหัวใช้พี่ชายฝาแฝด รวมถึงเพื่อนของพี่ชายฝาแฝดอย่างไม่ตะขิดตะขวงใจ

   เขาถอนหายใจเฮือกอย่างยอมรับชะตากรรม ก่อนจะขมวดคิ้วเมื่ออ่านชื่อเรื่อง

   “มึงเป็นเมียกู อย่าเสือกมองใคร” แค่อ่านชื่อเรื่องเขาก็รู้สึกหน้ามืดเหมือนจะเป็นลม เงยหน้ามองสบดวงตาทอยิ้มของน้องสาวฝาแฝด “แนวไหน?”

   “แนวที่แก้วชอบ” ยัยตัวแสบตอบหน้าตาย ก่อนจะกระพริบตาปริบๆ “น่า ใช่จะเป็นครั้งแรกที่อ่านสักหน่อย เรื่องนี้สนุกนะ แก้วโพสต์ลงในเน็ต มีคนตามอ่านตั้งเยอะ ถือเป็นเรื่องดังเลยแหละ” ยัยแก้วยืดอกอย่างภาคภูมิใจ แถมยังไม่ลืมยกยอตัวเอง

   เขารู้สึกสงสัยจริงๆ ว่าคนที่ชอบนิยายเรื่องนี้จะเป็นสิ่งมีชีวิตแบบไหน

   เหลือบมองปานที่พลิกหน้ากระดาษอ่านเรื่อยๆ แบบเคยชินแล้วก็ปลงตก นึกสะเทือนใจแทนเพื่อนสนิทที่ถูกการเวลาหล่อหลอมให้กลายเป็นลูกไล่ยัยแก้วอย่างสมบูรณ์แบบ เท่านั้นไม่พอ ยังมีการเอาปากกามาขีดฆ่าคำผิดให้เรียบร้อย เห็นได้ชัดว่าเคยชินกับการถูกบังคับให้ทำอย่างอ้อมๆ แบบนี้มาหลายครั้ง

   เก้าถอนหายใจเฮือก บอกตัวเองว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ถูกบังคับให้อ่านนิยาย ‘ชายรักชาย’ เมื่อทำใจได้ จึงก้มหน้าก้มตาอ่านนิยาย...ที่ถ้าให้พูดตามตรง เขาว่ามันคืออาวุธชีวภาพดีๆ นี่เอง

   หลายชั่วโมงต่อจากนั้น เก้าถามตัวเองมาตลอดทางว่าเขาทำบ้าอะไรอยู่ จากนั้นก็แช่งชักหักกระดูกพี่กันที่ชอบตามใจยัยแก้วจนเคยตัว...ช่างเถอะ เขาก็เป็นอีกคนที่ตามใจยัยแก้วด้วย ไม่งั้นจุดจบคงไม่ต้องมานั่งอ่านนิยายของยัยนี่แบบนี้

   นิยายเรื่องนี้ หากให้เขาสรุปง่ายๆ คือ

   “นายเอกเป็นผู้หญิงที่มีจู๋ชัดๆ” ยัยแก้วเอาหมอนฟาดใส่เขาทันทีที่เขาหลุดวิจารณ์ออกไป

   หากนึกภาพไม่ออก เขาจะสรุปนิยายขนาด 200 กว่าหน้า A4 ให้ฟังสั้นๆ

   ตัวเอกของเรื่องชื่อ “ฟ้าใส” เป็นเด็กบ้านจน ชีวิตยากลำบาก ลำบากสุดๆ แบบที่คนๆ หนึ่งจะลำบากได้ ตื่นเช้ามาทำงานบ้าน ไปเรียน กลับมาจากเรียนก็ไปทำงานข้างนอก ทำกับข้าว ทำงานบ้าน ตกระกำลำบากยากแค้น แถมต้องเลี้ยงดูยายแก่ๆ ที่เอาแต่ใช้งาน และทุบตี โชคดีที่ฟ้าเป็นเด็กที่เกิดมารูปร่างหน้าตาดี ผิวพรรณขาวสะอาดสะอ้าน...ถึงตรงนี้เก้าก็สงสัยจริงๆ ว่าฟ้านี่... ต่อให้ทำงานตากแดด หามรุ่งหามค่ำ แต่ตั้งแต่บทแรกจนบทสุดท้าย ยังสามารถใช้คำบรรยายว่า “ฟ้าเป็นเด็กหนุ่มรูปร่างผอมเล็ก แลดูบอบบางอ้อนแอ้น ผิวขาวนวลเนียนเหมือนผิวเด็ก ซ้ำใบหน้าเล็กๆ ยังหวานหยด” จนเก้าอยากจะถามเคล็ดลับความงามจริงๆ ว่าทำไมถึงสามารถเป็น “ร่างเล็กมีผิวขาวที่แค่จับเบาๆ ก็ช้ำเป็นรอย” ได้เสมอต้นเสมอปลาย ทั้งที่แสงแดดเมืองไทยสามารถล้มควายตายได้ทั้งเป็น

   ว่าชีวิตที่บ้านลำบากแล้ว ชีวิตวัยเรียนของฟ้าลำบากกว่า เนื่องจากฟ้าถูกตัวร้ายที่เป็นเพื่อนร่วมรุ่มดูถูกเหยียมหยามมาตั้งแต่เล็กๆ ทั้งๆ ที่ฟ้าแอบชอบตัวร้ายมาตลอด พอมาถึงตรงนี้  เก้าอดเหยียดหยามรสนิยมที่ติดมาโซนิดหน่อย....ไม่สิ พอมองโดยภาพรวมแล้วเขากล้าฟันธงเลยว่าฟ้าเป็นมาโซคิสม์ขั้นรุนแรง เพราะขนาดถูกตัวร้ายทำร้ายต่อหน้าเพื่อนร่วมชั้น รุมแกล้ง ด่าทอ ยังงมงายชอบเขาไม่เลิกรา มาตาสว่างเลิกชอบตอนไปเจอพระเอก...ที่ถ้าให้พูดตามตรงเขาว่าไอ้หมอนี่ซาดิสม์ยิ่งกว่าตัวโกงอีก
เรื่องมาเริ่มจริงๆ ตอนฟ้าสอบเข้าคณะวิศวกรรมศาสตร์ของมหาวิทยาลัยชื่อดังได้ ฟ้าดีใจมาก จากนั้นจึงทำงานอย่างหนัก ไปเป็นเด็กเสิร์ฟในร้านอาหาร ทำงานหนัก รายได้น้อยเพื่อส่งตัวเองเรียน แต่จะไม่ยอมไปขายตัวตามคำชักชวนของเพื่อนร่วมงาน ไม่ยอมลดศักดิ์ศรีตัวเองเด็ดขาด...ตรงนี้เก้าเริ่มสงสัยในไอคิวของฟ้าขึ้นมาอีกครั้งว่าถ้าสอบเข้ามหาลัยดังได้ ทำไมไม่ไปเป็นติวเตอร์ส่วนตัวกันหา! เงินดีกว่ากันเห็นๆ เขาไม่เข้าใจระบบความคิดของฟ้าขึ้นมาจริงๆ ว่าในชีวิตฟ้า การทำงานนี่เหลือแค่สองทางหรือไงกัน!

   จากนั้นฟ้าก็เจอกับ “แซนด์” พระเอกของเรื่องที่อยู่คณะสถาปัตย์ ซึ่งครบเครื่องพระเอกของนิยายวายระดับมหาวิทยาลัย คือหล่อ รวย เรียนเก่ง ขับรถหรู และอยู่คอนโด

   แซนด์ไปเที่ยวที่ร้านอาหารกึ่งผับที่ฟ้าทำงานอยู่ แต่ไม่รู้ทำไมถึงคิดว่าฟ้าเป็นเด็กขายบริการ จึงหิ้วกลับคอนโด...และเกิดฉากอัศจรรย์ หลังจากเสร็จสมอารมณ์หมายจึงรู้ความจริงว่าฟ้าไม่ได้ขาย แต่ไม่ทันแล้วไง... ฟ้าที่ถูกทำร้ายร่างกายและจิตใจจึงขอร้องให้พระเอกปล่อยตัวเองไป แต่ด้วยความติดใจ...ใช่ไหม? อันนี้เก้าเดาเพราะมันไม่มีเฉลย แต่หลังจากเหตุการณ์คืนนั้นพระเอกจึงบังคับให้ฟ้าใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน

ตอนแรกเป็นการบังคับ บังคับทุกสิ่งทุกอย่างเท่าที่คนๆ หนึ่งจะบงการได้ แต่ต่อมาก็คอยตามใจ... ตามรับ ตามส่ง ตามหึง ตามหวง จนเกิดเป็นความรัก...ที่เก้าก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ามันเกิดความรักขึ้นตอนบรรทัดไหน เพราะเท่าที่อ่านมา เห็นฟ้าพูดแค่ ครับ หรือไม่ก็ “คุณแซนด์ อย่าครับ ผมจะฟังคุณแล้ว” และ “คุณแซนด์ ผมไม่ได้มีอะไรกับเขา”

    ส่วนพระเอก เขาจำได้ขึ้นใจว่าพูดเป็นอยู่ไม่กี่คำคือ “มึงเป็นเมียกู อย่าแรดให้มาก” และ “มาหากูเดี๋ยวนี้”

   เอาล่ะ...เขาไม่ควรสงสัยสินะว่าไปรักกันตอนไหน...

   เนื้อเรื่องหลายสิบตอนต่อจากนั้นมีแค่พระเอกปล้ำ นายเอกขัดขืน และนายเอกสมยอม จากนั้นก็พระเอกปล้ำ นายเอกขัดขืน นายเอกสมยอม และเกิดเป็นความรัก(ที่ก็ไม่รู้ว่าบรรทัดไหน) อ้อ เนื้อเรื่องมีอีกอย่างที่เก้าอยากกล่าวถึง คือหลังจากพระเอกซั่มนายเอกครั้งแรก คาดว่าคงเผลอไปกดปุ่มปล่อยฟีโรโมนของนายเอก ก่อเกิดเป็นพระรองคนที่หนึ่ง ซึ่งเป็นรุ่นพี่ พระรองคนที่สอง ที่เป็นเพื่อนพระเอก ตามมาด้วยเพศผู้อีกมากมายที่กระเหี้ยนกระหือรืออยากได้นายเอกกันเป็นบ้าเป็นหลัง เรียกได้ว่า ไม่สนใจเพศหญิงกันอีกแล้วในชีวิตนี้ ยินยอมพร้อมใจเป็นเกย์กันหมด

แต่ในบรรดาคนที่มารุมชอบนายเอก คนที่เก้างงมากที่สุดคือตัวโกง เพราะช่วงแรกที่นายเอกหลงรักแทบจะยินยอมพลีกายถวายตัวให้ ตัวโกงกลับไม่สนใจซะงั้น แต่พอพระเอกได้ปุ๊ป กลับหันมาสนใจนายเอกเอาดื้อๆ ทั้งที่เก้าพลิกอ่านไปมา เขาก็ยังเห็นนายเอกเป็น “เด็กหนุ่มรูปร่างผอมเล็ก แลดูบอบบางอ้อนแอ้น ผิวขาวนวลเนียนเหมือนผิวเด็ก ซ้ำใบหน้าเล็กๆ ยังหวานหยด” ไม่เห็นมีเปลี่ยนที่ตรงไหน

แม้เก้าจะงง แต่ตัวร้ายยังคงดำเนินขนบตัวร้ายต่อไป เมื่อหันมาสนใจนายเอก แต่คราวนี้นายเอกไม่เล่นด้วย(สันนิษฐานว่าอาจจะซาดิสม์ไม่สะใจเท่าพระเอก) เลยกลับมาจะฉุดนายเอกไปข่มขืน สุดท้าย ตัวโกงก็ถูกพลังและอิทธิพลของพระเอก และสองพระรอง ทำร้ายจนบ้านแตกสาแหรกขาด ชีวิตตกต่ำยับเยิน จนสุดท้ายเป็นหนี้พนัน โดนนักเลงรุมกระทืบจนตาย ...อนาถจนเก้าอยากจะยืนไว้อาลัยให้ตัวโกงของเรื่องนี้สามวินาที

   หลังจากนั้นก็มีดราม่า ซึ่งเป็นดราม่าครอบครัวสุดคลาสสิคซึ่งพระเอกกับนายเอกฝ่าฝันผ่านมันมาได้อย่างสวยงาม และครองรักกันอย่างหวานชื่น แฮปปี้เอนด์ดิ้งสุดๆ

   “เป็นไง?” ยัยแก้วที่เล่นเกมส์รอ เห็นเขาอ่านมาจนถึงหน้าสุดท้ายก็ถามยิ้มๆ “สนุกไหม?”

   “...แน่ใจนะว่าเป็นนิยายดัง?” เขาที่ถูกฟีโรโมนน้องฟ้าเล่นงานจนมึนเผลอหลุดถามออกไป

   “เก้าว่าแก้วเหรอ!” เก้าไม่ได้ตั้งใจจะว่า แต่เขาหมายความตามนั้นจริงๆ

   เก้าลูบหน้าตัวเอง นอกจากจะสงสัยความงามที่ควรค่าแก่การเป็นพรีเซนเตอร์ด้านความงามของนายเอก เขาก็สงสัยเหลือเกินว่าพระเอกมันเอาเวลาไหนไปทำโปรเจค เห็นเทียวไล้เทียวขื่อนายเอกตลอดวัน แถมยังต้องไปช่วยที่บ้านบริหารกิจการ ไปเที่ยวกลางคืน และคอยซั่มนายเอกทุกคืน แต่ยังหล่อร้ายไม่มีโทรมตั้งแต่ตอนแรกจนตอนสุดท้าย หรือเขาจะเข้าใจผิดไปว่าคณะสถาปัตย์มันเรียนหนัก

   ส่วนนายเอก ปากบอกว่าเป็นนหยิ่งในศักดิ์ศรี แต่สุดท้าย นอกจากคำว่าไม่ที่กลายเป็นสมยอมใน 5 นาทีต่อมา ก็ไม่เห็นว่าจะขัดขืนอะไรพระเอกอีก แถม...ที่บรรยายว่านายเอกสู้ชีวิตมาตั้งแต่เด็ก แต่เท่าที่อ่านมา นอกจากสกิลแม่ศรีเรือนที่ล้นปรี่ เขาก็ไม่เห็นนายเอกจะทำอะไรเป็นสักอย่าง พระเอกดูแลทุกเรื่อง จนเก้านึกเป็นห่วงอนาคตของไอ้หมอนี่จริงๆ ว่าถ้าโดนพระเอกทิ้งจะทำยังไง

   “ปานว่าตัวโกงน่าสงสาร” ปานที่อ่านจบแล้วเช่นกันท่าทางหดหู่ เห็นได้ชัดว่ามีสกิลการมองข้ามความเป็นนิยายชายรักชายได้ในระดับสูงมาก “เขาไม่ได้ทำผิดขนาดนั้น”

   ยัยแก้วที่ฟังคำวิจารณ์นั้นยิ้มแปลกๆ ตาเป็นประกายวูบวาบ เห็นแล้วไม่น่าไว้ใจอย่างยิ่ง “ปานคิดแบบนั้นเหรอ?”

   “อือ” ปานตอบงงๆ ท่าทางตกใจกับรอยยิ้มของยัยแก้วไม่น้อย “ปานพูดอะไรผิดเหรอ?”

   “ไม่จ้า” ไอ้ ไม่จ้า ของยัยแก้วนี่เก้าฟังแล้วก็รู้ทันทีว่ามันมีอะไรบางอย่าง

   “ถ้าเป็นเก้า” เขาเคาะหน้าจอคอมพลางแสดงสีหน้าเหยียดหยามอย่างไม่ปิดบัง “เก้าจะไม่เอาชีวิตไปวางไว้กับไอ้พระเอกที่อารมณ์ขึ้นลงเหมือนคนหมดเมนส์ เก้าจะแอบเก็บเงินมันก่อน จากนั้นเอาไปลงทุนทำกิจการบางอย่าง ไม่ก็หลอกเอาหุ้นมันมา เผื่อมันทิ้ง เราจะได้มีชีวิตไม่ลำบาก” เขาวิเคราะห์เป็นจริงเป็นจัง แบบที่ก็ไม่รู้ว่าจะจริงจังไปหาสวรรค์วิมานอะไร “ส่วนตัวโกง ถ้าเก้าหล่อเลวแบบตัวโกง จะไปสนไอ้ฟ้าอะไรนี่ทำซากอะไร! ใช้ชีวิตเสพสุขไปวันๆ ก็สบายจะตาย”


   ยัยแก้วหัวเราะลั่น ท่าทางพออกพอใจในคำตอบ “โอเค แก้วขอบคุณสำหรับคำวิจารณ์”

   “อ่ะ ปานแก้คำผิดให้แล้วนะแก้ว” ปานที่เป็นคนดีเสมอต้นเสมอปายยื่นปึกนิยายคืนให้แก้ว “ขอให้ได้ตีพิมพ์เป็นเล่มนะ”

   “จ้า ขอบคุณปานมากนะ” ยัยแก้วยิ้มตาหยี ก่อนจะหอบกระดาษและโน้ตบุคเต็มอ้อมแขน “งั้นแก้วขึ้นห้องก่อน ปานก็กลับบ้านได้แล้ว ดึกแล้ว ฝันดีจ้า” พูดจริงยัยตัวแสบก็หันหลังวิ่งขึ้นห้องไปทันที

   เก้าหาวหวอด เขาเงยหน้ามองนาฬิกาก็พบว่านี่ก็ 4 ทุ่มแล้ว จึงบอกลาปานที่อยู่บ้านข้างๆ ส่วนตัวเองก็เดินขึ้นห้องนอน เนื่องจากบ้านของเขาเป็นครอบครัวชนชั้นกลาง ไม่ได้มีเงินทองอะไรมากมาย ดังนั้นเขาจึงต้องนอนห้องเดียวกับน้องชายที่อยู่ชั้น ม.5

   ตอนที่เขาเดินเข้ามาในห้อง เก่งกล้ากำลังก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสืออยู่บนเตียง พอเห็นเขาเดินเข้าห้องก็เงยหน้าขึ้นก่อนจะขมวดคิ้วใส่ เห็นดังนั้นเขาก็ตัวเกร็งขึ้นมา

   “โทษที พี่กวนกล้าเหรอ” ดีกรีความเกรงกลัวที่บ้านเขามีต่อน้องชายคนสุดท้องนั้น...มากกว่าที่มีให้พี่ชายคนโตเกือบสามเท่า

   “...เปล่า” แต่พอพูดจบกลับจ้องเขานิ่งๆ จนเก้าสะบัดร้อนสะบัดหนาว

   เขาหัวเราะแหะๆ รีบเข้าไปอาบน้ำก่อนจะเข้านอน แม้เขาจะง่วงมาก แต่ไม่กล้าขอให้น้องชายบังเกิดเกล้าปิดไฟ ซึ่งโดยปกติ กล้าก็ไม่สนใจเขาอยู่แล้ว แต่ในวันนี้...

   “กล้าจะนอนแล้วเหรอ?” เขาถามงงๆ เมื่อเห็นน้องชายเดินไปปิดไฟจนทั้งห้องมืดสนิท ปกติกล้าจะนอนทีหลัง แต่ตื่นก่อนเขาเสมอ ซึ่งนี่...นับว่าแปลกมากๆ

   “เปล่า” กล้าตอบเท่านั้นก่อนจะเดินไปที่ประตูพร้อมหนังสือในมือ เห็นอย่างนั้นเขายิ่งงุนงงไปใหญ่ เพราะน้อยครั้งที่กล้าจะลงไปอ่านหนังสือข้างล่างตอนกลางดึกแบบนี้

   เขาไม่กล้าถามซ้ำ ได้แต่งุนงงไม่เข้าใจ โดยเฉพาะเมื่อกล้าหันหลังกลับมาหา พร้อมกับขยับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ร้ายกาจที่เขาเห็นกี่ครั้งเป็นอันต้องขนลุกขนพอง

   “ราตรีสวัสดิ์ พี่ชาย”

   ในตอนนั้นเขายังไม่รู้...ว่าเรื่องราวที่เริ่มต้นขึ้นในคืนนั้น จะเปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล












TBC





สวัสดีค่ะ ^______________^

เปิดนิยายเรื่องใหม่ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ เรื่องนี้ เกิดจากความอยากเขียนนิยายทะลุมิมติ ทะลุนิยาย ลองคิดไปคิดมา เออ ถ้าผู้ชายปกติ ทะลุมาในนิยายวายคงสนุกดีพิลึก หลักจากนั้นเราก็กลั่นกรองพลอตแนวยอดนิยม(655555) มาให้ตัวเอกเราลองทะลุมิติไปสักหน่อย จะอลหม่านแค่ไหน ต้องมารอลุ้นค่ะ

บอกก่อนว่า ตัวเอกของเรา จะไม่ได้ทะลุแค่เรื่องเดียวค่ะ พ่อหนุ่มเก้าชีวิตเป็นผู้ชายซวยซ้ำ ซวยซ้อนซ่อนเงื่อน

หวังว่าคงจะชอบกันนะคะ  :mew1:

ออฟไลน์ somuch

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-0
Series 1 : มึงเป็นเมียกูอย่าเสือกมองใคร

บทที่ 1.1   : ฟ้าใส







   เก้ายืนมองเด็กผู้ชายรูปร่างเล็กบางที่นั่งร้องไห้กระอืดๆ อยู่บนพื้นด้วยความงุนงง


   เขากระพริบตา ก่อนจะมองไปรอบห้องเรียนที่ไม่คุ้นเคยเลยสักนิด สิ่งที่คุ้นเคยที่สุดมีเพียงอย่างเดียวคือเด็กหนุ่มในชุดนักเรียนที่ยืนทำหน้าตื่นตระหนกอยู่ข้างกายเขา ใบหน้าหล่อเหลานั้นมองไปยังร่างเล็กอย่างทำอะไรไม่ถูก


   “กะ...กูบอกแล้วไงว่าอย่าเข้ามาใกล้กูอีก” เสียงเด็กหนุ่มสั่นเทาเล็กน้อย ทำท่าละล้าละลังเหมือนอยากจะเข้าไปช่วย แต่กลับรีๆ รอๆ กล้าๆ กลัวๆ


   หา...?


   เขามองเด็กหนุ่มข้างกาย มองใบหน้าคุ้นเคยที่เห็นมาตั้งแต่เด็กยันโตอย่างประหลาดใจ คนอย่าง ‘ปาณัท’ เนี่ยนะพูดกู-มึง? ไอ้ผู้ชายมุ้งมิ้งที่ผู้หญิงด่ายังทำได้แค่คอหดเนี่ยนะ กล้าตวาดคนอื่น?


   “ฟะ...ฟ้าขอโทษ ฟะ....ฟ้าจะไม่ทำอีกแล้ว” ร่างเล็กบนพื้นช้อนดวงตากลมโตขึ้น เก้าเกือบจะหลุดผิวปาก


   อื้อหือ ผู้ชายหน้าตากระจุ๋มกระจิ๋มเหมือนตุ๊กตาขนาดนี้...เกิดมาเขาก็เพิ่งเคยพบเคยเจอเนี่ยแหละ


   “อะ...เออ!” ปานกระแทกเสียง ก่อนจะเป็นฝ่ายถอยทัพก่อน “งะ...งั้นกูไปก่อนนะ ยะ...อย่าตามมาล่ะ!”


   พูดจบปานก็รีบหันหลัง หันมาบุ้ยใบ้ใส่เขาที่ยังคงไม่เข้าใจอะไรสักอย่าง “ไปเร็วกันต์” จากนั้นปานก็เดินลิ่วออกจากห้องจนเกือบจะกลายเป็นวิ่ง


   ใครวะกันต์?


   เก้ายืนรากงอกอยู่ตรงนั้น เขามองไปทางประตู ก่อนจะถอนสายตากลับมายังเด็กหนุ่มที่นั่งจุ้มปุ๊กอย่บนพื้นพลางปาดน้ำตาป้อยๆ แล้วถอนหายใจเฮือก


   เขาตบไปตามกระเป๋ากางเกงหาของ ก่อนจะยืนอึ้งอยู่พักหนึ่งเมื่อพบว่าตนเองสวมชุดนักเรียนมัธยมไม่แตกต่างไปจากปาน เก้าพยายามคิดสมองเค้นทบทวนว่าเขาได้ไปงานพวกรับน้องธีมนักเรียนมัธยมอะไรเทือกนี้เมื่อไหร่ แต่ความทรงจำล่าสุดที่จำได้ ตัดจบอยู่ที่เขาล้มตัวลงนอนบนเตียง ก่อนหลับสนิทไป


   เขาฝันหรือ?


   เด็กหนุ่มลองหยิกตัวเอง แต่สิ่งที่ได้กลับมามีเพียงความเจ็บจี๊ดที่แล่นไปถึงสมอง คิ้วของเขาขมวดยุ่งเข้าหากัน ไม่เข้าใจสักนิดเดียวว่ามันเกิดอะไรขึ้น


   เสียงร้องไห้ดึงสติเขากลับมาอีกครั้ง เก้าถอนหายใจเฮือก เขาล้วงผ้าเช็ดหน้าจากกระเป๋ากางเกง คลี่ออกมาเช็คความสะอาดเล็กน้อยก่อนจะนั่งลง


   “เอ้า เช็ดน้ำตาซะ” เขายื่นผ้าเช็ดหน้าให้ร่างเล็กที่สะดุ้งเฮือกทันที หมอนั่นเงยหน้าที่เปรอะน้ำหูน้ำตาไปหมดมองเขาด้วยความงุนงงผสมสานกับความหวาดหวั่น แม้เขาจะไม่เข้าใจสักนิดว่าตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้น แต่เขาทนเห็นคนร้องไห้ไม่ได้ โดยเฉพาะสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ที่ดูช่วยเหลือตัวเองไม่ได้แบบนี้


   อีกฝ่ายมองเขาด้วยท่าทางไม่ไว้ใจ ชวนให้นึกถึงสุนัขตัวเล็กๆ จนเขาเผลอขยับยิ้มรับ “นายชื่ออะไร?”


   “กันต์! กลับบ้านได้แล้ว!” เสียงตะโกนของปานเรียกให้เก้าถอนหายใจเฮือก แม้จะยังไม่เข้าใจอะไรสักอย่าง แต่การตามคนรู้จักคนเดียวในตอนนี้ไปน่าจะเป็นเรื่องที่ดีที่สุด


เขาลุกขึ้นยืน ร่างเล็กบนพื้นจ้องเขาตาไม่กระพริบ ดวงตาคู่นั้นฉายประกายสับสนและหวาดหวั่น ซ้ำยังมีความสงสัยใคร่รู้ปะปนอยู่ไม่น้อย ริมฝีปากคู่นั้นสั่นน้อยๆ ก่อนจะพูดเสียงเบาคล้ายกระซิบ


“ฟ้า...ฟ้าใส...”


“หืม???” ชั่วขณะที่เก้ารู้สึกเหมือนหูแว่ว เขากระพริบตา ท่าทางคงจะดูงุนงงเสียยิ่งกว่าเด็กหนุ่มบนพื้น อีกฝ่ายเลยเอ่ยอีกครั้ง


“เราชื่อฟ้า...ฟ้าใส”


ตอนนั้นเองที่เก้ารู้สึกเหมือนโลกหมุนคว้าง ภาพตรงหน้าของเขาตัดวูบกลายเป็นมืดสนิท เสียงสุดท้ายที่เขาได้ยินคือเสียงร้องอย่างตื่นตระหนกของใครสักคน จากนั้นเขาก็ไม่รับรู้อะไรอีก








มันเหมือนจะเป็นฝันซ้อนฝัน


เก้าไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ความทรงจำของเด็กผู้ชายที่ชื่อ “กันต์กวี” นั้นไหลพรั่งพรูเข้ามาในหัวเขาเหมือนท่อน้ำแตก เด็กน้อยกันต์กวีที่เป็นลูกชายคนเดียวของลูกน้องคนสนิทของตระกูล ‘สิรสิงหา’ เขาเกิดมาในปีเดียวกับคุณชายน้อยของตระกูลสิรสิงหา


‘ปมุต สิรสิงหา’


ชีวิตก่อนหน้านั้นของเด็กชายเรียบง่ายมาก ในภาพความทรงจำที่เก้าเห็นค่อนข้างเลือนรางเหมือนภาพถ่ายสีซีเปีย จนเมื่อเด็กชายอายุได้ 7 ขวบ กันต์กวีสูญเสียพ่อและแม่ไปในอุบัติเหตุ ตระกูลสิรสิงหาจึงรับเขามาเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม ทุกคนคิดว่าชีวิตเขาจะเหมือนในนิยายที่โดนคนในบ้านครอบครัวบุญธรรมกลั่นแกล้งน่ะหรือ?


ไม่เลย ชีวิตต่อจากนั้นของกันต์นั้นเรียบง่ายและสุขสบาย แทบไม่ต่างอะไรจากคุณชายของตระกูล เขาเข้ากับ ‘ปัน’ คุณชายตัวจริงของตระกูลได้ดีมาก สนิทกันเหมือนเป็นพี่เป็นน้องกันจริงๆ ปันแทบจะเชื่อฟังกันต์ทุกอย่าง ถ้ากันต์บอกซ้าย ปันอาจจะต่อต้านบ้างแต่ไม่มีทางไปทางขวาเด็ดขาด


แต่เก้าคิดว่า...ไอ้เด็กกันต์นี่คงจะกินอิ่มนอนหลับ ชีวิตสุขสบายมากเกินไป พอเริ่มเข้ามัธยมต้น ถึงได้เริ่มชักชวนเด็กดีอย่างปันไปในทางเสียหาย ชวนโดดเรียนบ้าง แอบกินเหล้า หนีเที่ยว หาเรื่องวิวาท ทำตัวเป็นขาใหญ่ เห็นว่ามีตระกูลสิรสิงหาให้ท้ายถึงได้ทำตัวกร่างตามอำเภอใจ ทำเอาเก้านึกอยากจะตบหัวไอ้เด็กเกรียนนี่รำไร แต่พอเห็นหน้า...เขาก็ถอนหายใจเฮือก


ไอ้เด็กเปรตกันต์กวีมันหน้าเหมือนเขาอย่างกับแกะ


เก้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เขารู้สึกเหมือนกึ่งฝันกึ่งตื่น ภาพที่เห็นเหมือนตัวเองกำลังมองย้อนไปในความทรงจำที่ไม่ใช่ของเขา...แต่ก็เหมือนใช่


ภาพใบหน้าของปันตั้งแต่เด็กจนโตนั้นคือใบหน้าของปาน...เพื่อนสนิทเขาชัดๆ เขาจำไม่เห็นได้ว่าเพื่อนเขาไปเป็น ปมุท สิรสิงหาตั้งแต่เมื่อไหร่


แต่นั่นยังไม่ใช่ส่วนที่แย่ที่สุดที่เขาเห็น เพราะทันทีที่เด็กฟ้าใสโผล่เข้ามาในความทรงจำ เขาก็รู้ทันทีว่าความเป็นเด็กเปรตของกันต์กวีนี่เลเวลแอดวานซ์จริงๆ


เขาไม่แน่ใจว่าไอ้เด็กกันต์มันชอบเด็กฟ้าใส หรือหวงเพื่อน หรือแค่อยากกวนตีนกันแน่ เพราะตอนมันจับเค้าได้ว่าฟ้าใสแอบชอบปัน มันก็เริ่มปั่นหัวปันที่หัวอ่อนเป็นเต้าหู้ให้เริ่มกลั่นแกล้งฟ้า สารพัดสารเพจนเก้าเห็นแล้วยังตีนกระตุก ปันที่ใจอ่อนคงไม่ค่อยอยากแกล้งเท่าไหร่ อย่างน้อยข้อนี้ของเด็กปันก็เหมือนปานไม่มีผิด ดูจากสีหน้าที่ดูไม่ค่อยเต็มใจนั่นก็รู้ เก้าคิดว่าถ้าเกิดปันโตมาในสภาพแวดล้อมเดียวกับปาน สองคนนี้คงเหมือนกันราวกับก๊อปแล้ววาง


ทั้งที่ปันเป็นเด็กดีขนาดนี้ แต่ไอ้กันต์...ไอ้เด็กเปรตโรคจิตนี่ทั้งขู่ ทั้งปลอบ ทั้งหลอกล่อ จนเก้านึกหดหู่ใจแทนพ่อของไอ้ปันโดยแท้ ไม่รู้ว่าโตไปใครจะเป็นเจ้านาย ใครจะเป็นลูกน้อง


ความทรงจำไหลเรื่อยราวกับชมภาพยนต์ ภาพสุดท้ายที่เขาเห็นคือภาพใบหน้านองน้ำตาของเด็กฟ้าใส...และตอนนี้เก้าก็รู้แล้วว่าเด็กนั่นร้องไห้ทำไม


มันเริ่มต้นขึ้นจากกันต์เด็กเปรต...ที่ดันแกล้งฟ้าใสโดยเขียนจดหมายสารภาพรักและลงชื่อของปัน ใช่...ไอ้เด็กบ้าที่เล่นแกล้งคนโดยไม่คำนึงถึงอะไรหลอกล่อให้ฟ้าใสมาเจอกับปัน อีกทางหนึ่งก็เป่าหูปันที่สมองคงมีไว้ยัดนุ่นเหลวๆ ว่าไอ้เด็ก ‘ตุ๊ด’ นั่นจะมาให้ท่า น่ารังเกียจต่างๆ นานา วิธีการแกล้งที่ดูเหมือนเด็กประถมขนาดนี้ไอ้บ้าสองตัวนี่ก็ยังหลงเชื่อเข้าไปได้ เก้านึกทึ่งไม่น้อยในความไร้เดียงสาจนถึงขั้นเกือบปัญญาอ่อน


‘อยากเปลี่ยนไหม?’


เสียงกระซิบกระซาบดังขึ้น เก้าสะดุ้งเฮือก เขาเหลียวมองไปรอบกาย ภาพตรงหน้าที่เขาเห็นเต็มไปด้วยรูปของเด็กฟ้าใสตั้งแต่เล็กจนโต จากนั้นก็วูบไปมา กลายเป็นเลือนรางไม่ชัดเจนเหมือนเงาสะท้อนบนผิวน้ำ


“เปลี่ยนอะไร?” เขาสับสนไปหมด


‘ชะตาชีวิต’


เปลี่ยนชะตาชีวิต?


คำพูดเหมือนมุขของพวกหมอดู 18 มงกุฏจนน่าขำ แต่เก้ากลับขำไม่ออก เขางุนงง สับสน ซ้ำยังหวาดหวั่น เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น นี่เป็นความจริงหรือเป็นความฝัน


‘ต้องเปลี่ยนนะ...เปลี่ยนชะตา ไม่อย่างนั้นจะกลับไปไม่ได้’


เสียงนั้น...พอฟังอีกครั้งกลับคุ้นหูอย่างประหลาด แต่เก้ากลับนึกไม่ออกว่าเคยได้ยินจากที่ไหน เขามองไปรอบๆ มองใบหน้าของฟ้าใสอย่างไม่เข้าใจอะไรเลยสักนิด


‘ถ้าไม่เปลี่ยน...ก็ต้องตายแบบกันต์กวีในนิยาย จะเอาแบบนั้นเหรอ?’


เสียงนั้นพูดขู่อีกครั้ง เก้าหน้าถอดสี แม้เขาจะจำชื่อไอ้กันต์กวีนี่ไม่ได้ แต่เขาจำชื่อ ปมุต สิรสิงหา กับเด็กฟ้าใสได้ดี ในเมื่อสองคนนั้นเป็นตัวละครในนิยายของน้องสาวที่เขาอ่านเมื่อตอนเย็น เป็นนายเอกกับตัวโกงที่ตายอย่างอนาถ...


“เดี๋ยวนะ...นี่ฉันหลุดเข้ามาในนิยาย...” เก้าหลุดแค่นเสียงเหมือนละเมอ


‘พูดอย่างนั้นก็ได้’


“บ้าน่า...” ให้ตายเก้าก็ไม่เชื่อเด็ดขาด!


‘ไม่มีเวลาแล้ว ต้องไปแล้ว...อย่าตายนะ...’


เสียงที่คุยกับเขาค่อยๆ แผ่วจางลง เก้าสะดุ้ง เขารีบร้องเรียกอย่างลนลาน “เดี๋ยวสิ! แล้วจะต้องเปลี่ยนยังไง!”


‘เรื่องนั้น...’ ไม่รู้ว่าเก้าหูแว่วหรือเปล่า แต่เขาได้ยินสำเนียงยานคางติดจะรำคาญจนทำให้นึกถึงเก่งกล้า...น้องชายของเขาขึ้นมา
‘คิดเอาเองสิ’











เขาลืมตาขึ้น


ภาพแรกที่เห็นคือใบหน้าเยาวว์วัยที่ดูคุ้นตา หมอนั่นชะโงกมอง ท่าทางดูตื่นเต้นผสมกังวลใจ “กันต์...มึงฟื้นแล้ว” หมอนั่นพูดจบก็ส่งยิ้มโง่ๆ ให้เขาหนึ่งดอก


เก้ายกมือขึ้นลูบใบหน้าตนเอง สมองเขายังสับสน โดยเฉพาะกวาดตามองไปรอบตัว...ห้องนอนที่ไม่คุ้นเคย ความทรงจำที่ยิ่งไม่คุ้นเข้าไปใหญ่ทำให้เขามึนหัวเล็กน้อย


เก้าก้มลงมองฝ่ามือตนเองที่ขนาดหดเล็กลงไปมาก แม้เขาจะไม่ใช่ผู้ชายร่างสูงใหญ่ แต่ไซส์มือของเขาไม่สมควรหดเหลือไซส์นี้ ไม่ต้องพูดถึงรูปร่างที่เหมือนตัวหดลงจนเหมือนสมัย ม.ต้น


“มึงโอเคไหม...กันต์?” เสียงไม่แน่ใจของคนข้างกายยิ่งทำให้เขาปวดหัว


“ไม่โอเค”


“ไปโรงพยาบาลไหม? กูจะไปบอกคนขับรถให้ กูโทรบอกพ่อเรื่องที่มึงเป็นลมตอนเย็นแล้วนะ พ่อบอกกูว่าให้กูใจเย้นรอดูอาการมึงก่อน ถ้ามึงไม่ดีขึ้นเลยค่อยพาไปโรงพยาบาล แต่กูว่าหน้ามึงดูซีดมากเลย มึงปวดตรงไหน ไม่โอเครึเปล่า? กันต์ มึง...”


“หยุดพูด” ไอ้เด็กบ้าที่รัวเป็นชุดนี่ดูตกอกตกใจยิ่งกว่าเขาอีก


เขามองใบหน้าที่เหมือนปานเหมือนพิมพ์เดียวแต่กลับไม่เนิร์ดเท่า ไอ้หมอนั่นพยักหน้าขึ้นลงเร็วๆ ท่าทางเหมือนหมาน้อยนี่ก็ยิ่งเหมือนปาน มัน เฮ้อ...


เก้าชีวิตถอนหายใจ เขาคิดว่าตัวเองแก่ขึ้นอีกราวสิบปี


คนที่มีชีวิตเรียบง่ายมาตลอด 18 ปีอย่างเขา จู่ๆ มาวันหนึ่งกลับ...หลุดไปในนิยาย... ให้ตายเถอะ เขารู้สึกเหมือนนี่เป็นเรื่องล้อกันเล่นเสียมากกว่า แต่สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัวมันชัดเจนเสียจนเขาหลอกตัวเองไม่ได้


เขามองหน้าปาน กวาดขึ้นลงก่อนจะยกมือขึ้นกดกระบอกตา “ปาน ไม่สิ ปัน ออกไปก่อน เราอยากอยู่คนเดียวเงียบๆ”


เด็กหนุ่มตรงหน้าทำหน้าเบ้ คลับคล้ายจะไม่ยินยอมพร้อมใจ แต่พอเขามองกลับนิ่งๆ อีกฝ่ายจึงชะงัก แล้วพยักหน้ารับอย่างฝืนๆ “ได้ งั้นกูออกไปก่อน มีอะไรก็เรียกนะ จะกินข้างก็บอกนะ เดี๋ยวให้ป้าแย้มเอาข้าวขึ้นมาให้ แล้ว...”


“ปัน ออกไป” เขาพูดอีกครั้ง อีกฝ่ายจึงยอมล่าถอยออกไปแต่โดยดี


เก้าถอนหายใจ เขารู้สึกปวดหัวจี๊ดเหมือนไมเกรนจะขึ้น เขาเงยหน้าขึ้น มองภาพเงาของเด็กม.ต้นที่สะท้อนมาจากกระจกที่ติดไว้บนตู้เสื้อผ้าที่ปลายเตียงก็ยิ่งรู้สึกหดหู่ ความเป็นจริงตอกย้ำว่าตัวเขาไม่ได้อยู่ในโลกเดิมที่จำได้อีกต่อไป


เอาล่ะ เขาต้องใจเย็นๆ


เก้าพยายามตั้งสติ เขาพยายามรวบรวมความคิดที่ถูกตีแตกกระจายให้มารวมกันช้าๆ เรื่องทำใจ...มันต้องมีทำใจม่ได้อยู่บ้าง แต่พอไตร่ตรอง เขาคิดว่านั่นไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน จริงๆ เขาคิดว่า เรื่องที่โชคดีที่สุดคือ ต่อให้เขาหลุดเข้ามาในนิยาย ก็ยังหลุดเข้ามาในร่างของตัวละครที่สามารถใช้ชีวิตอย่างสุขสบายจนแก่ตายได้ ขอแค่ใช้ชีวิตอย่างถูกต้องเท่านั้น


เอาล่ะ ปัญหามันอยู่ตรงนี้ ‘ใช้ชีวิตอย่างถูกต้อง’


เขาจำได้ดีเลยว่าปันในนิยายตายแบบน่าอนาถแค่ไหน ต่อให้เขากันต์ไม่ได้ แต่ในเมื่อเป็นคนสนิทกัน จุดจบคงไม่สวยงามเท่าไหร่ ดังนั้น นี่เป็นปัญหาที่เขาต้องแก้ไขก่อนหน้าปัญหาอื่น และโชคดี ที่เขาย้อนกลับมาตั้งแต่สมัย ม.ต้น ก่อนที่อะไรๆ มันจะสายเกินไป และเขาคิดว่า หากจะแก้ไขให้ได้อย่างยื่น คือแก้ไขที่ต้นตอของปัญหาที่ชื่อว่า...


“ฟ้าใส”









TBC

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด