บทนำ
ชื่อของเขาคือ ‘เก้าชีวิต’
ชื่อประหลาดๆ แต่พอมาเปรียบเทียบกับพี่น้องท้องเดียวกันแล้วก็นับว่าเข้าพวก เขามีพี่ชายชื่อกันภัย น้องสาวฝาแฝดชื่อแก้วตา ส่วนน้องชายคนสุดท้องชื่อเก่งกล้า พวกเขาเป็น 4 พี่น้องตัว ก. ที่จะนับความโดดเด่นแล้ว...ก็ไม่มีอะไรโดดเด่นนอกจากมีพี่ชายที่หล่อและซื่อบื้อมาก กับน้องชายที่ฉลาดแต่โคตรน่ากลัว
เขามีชีวิตปกติธรรมดามาตลอด เป็นผู้ชายธรรมดา ในครอบครัวชนชั้นกลางธรรมดา ผลการเรียนก็ธรรมดา จนเขาเข้าเรียนปี 1 ในมหาวิทยาลัย...อันที่จริงปัญหาไม่ได้อยู่ตอนเขาเข้ามหาวิทยาลัย แต่มันเกิดจาก ‘น้องสาว’ เจ้าปัญหา
“เก้า ว่างไหม?” เขาเงยหน้าขึ้นจากหนังสืออ่านเล่นในมือ สบกับดวงตากลมๆ ของน้องสาวฝาแฝดที่โครงหน้าไม่ค่อยจะคล้ายคลึงเขาสักเท่าไหร่ แก้วตาเป็นสาวน้อยน่ารัก แม้จะไม่ได้สวยจัดแต่ก็นับว่าน่ารักน่ามอง
“ไม่ว่าง ก็เห็นอยู่ว่าปานมา” เขาพยักเพยิดไปยังคนข้างกายที่เงยหน้าส่งยิ้มกล้าๆ กลัวๆ ให้เขาทีหนึ่ง
เมื่อเทียบกับรูปร่างหน้าตาของเขา ที่มองตั้งแต่หัวจรดเท้าก็ไม่มีอะไรโดดเด่น ปานที่เป็นเพื่อนกับเขามาตั้งแต่เด็กก็เกือบจะเรียกได้ว่าตรงข้าม ‘ปาณัท’ เป็นผู้ชายหล่อ ถ้ามองแค่หน้าอย่างเดียวยัยแก้วให้นิยามว่า “หล่อร้ายและดูเลว” ซึ่งนิยามนี้ไม่มีตรงไหนที่เข้ากับนิสัยปานเลยสักนิดเดียว
ปานเป็นคนขี้กลัว ขี้อาย เขาที่เป็นทั้งเพื่อนข้างบ้านและเพื่อนร่วมชั้นเลยเป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของปาน แต่ถึงแม้เขาจะสนิทกับปานก็จริง แต่ยัยแก้วนี่เรียกได้ว่าตรงกันข้าม เขาไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมปานถึงได้กลัวยัยแก้วนัก อาจจะเป็นเพราะสายตาของน้องสาวฝาแฝดของเขาที่ชอบกวาดมองแว่นสายตาหนาๆ ผมกระเซอะกระเซิง และการแต่งตัวเชยๆ ของปาน บางครั้งก็ทำตาวาวๆ ดูไม่น่าไว้ใจ ปานเลยตื่นตระหนกเวลาเห็นยัยแก้วเหมือนหนูเจอแมว
“งั้นก็ว่างสิ” ยัยแก้วยิ้มหวาน นั่งแทรกลงบนโซฟาที่เขากับปานนั่งกันอยู่คนละมุม “เก้ากับปานช่วยอ่านให้แก้วหน่อย แก้วจะเอาไปส่งสำนักพิมพ์ ช่วยตรวจปรูฟรอบสุดท้ายให้ที”
เห็นได้ชัดว่านี่เป็นคำสั่งไม่ใช่คำขอร้อง
น้องสาวฝาแฝดของเขาดึงปีกกระดาษเอสี่ส่งให้ปาน แล้วเปิดไฟล์ในคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คของเธอส่งให้เขาแทน รอยยิ้มของแก้วทำให้ปานรีบพยักหน้าหงึกหงัก รีบหยิบปึกเอสี่ไปซุกตัวอยู่มุมโซฟา
“ทำไมไม่ให้กล้าช่วยอ่านล่ะ...” เขาพึมพำถามแบบขอไปที
“กล้าน่ะเหรอ? เก้าก็ไปสิ แก้วไม่กล้ากวนน้องหรอก” ยัยแก้วไม่กล้าหือกับน้องชาย แต่กลับกล้าจิกหัวใช้พี่ชายฝาแฝด รวมถึงเพื่อนของพี่ชายฝาแฝดอย่างไม่ตะขิดตะขวงใจ
เขาถอนหายใจเฮือกอย่างยอมรับชะตากรรม ก่อนจะขมวดคิ้วเมื่ออ่านชื่อเรื่อง
“มึงเป็นเมียกู อย่าเสือกมองใคร” แค่อ่านชื่อเรื่องเขาก็รู้สึกหน้ามืดเหมือนจะเป็นลม เงยหน้ามองสบดวงตาทอยิ้มของน้องสาวฝาแฝด “แนวไหน?”
“แนวที่แก้วชอบ” ยัยตัวแสบตอบหน้าตาย ก่อนจะกระพริบตาปริบๆ “น่า ใช่จะเป็นครั้งแรกที่อ่านสักหน่อย เรื่องนี้สนุกนะ แก้วโพสต์ลงในเน็ต มีคนตามอ่านตั้งเยอะ ถือเป็นเรื่องดังเลยแหละ” ยัยแก้วยืดอกอย่างภาคภูมิใจ แถมยังไม่ลืมยกยอตัวเอง
เขารู้สึกสงสัยจริงๆ ว่าคนที่ชอบนิยายเรื่องนี้จะเป็นสิ่งมีชีวิตแบบไหน
เหลือบมองปานที่พลิกหน้ากระดาษอ่านเรื่อยๆ แบบเคยชินแล้วก็ปลงตก นึกสะเทือนใจแทนเพื่อนสนิทที่ถูกการเวลาหล่อหลอมให้กลายเป็นลูกไล่ยัยแก้วอย่างสมบูรณ์แบบ เท่านั้นไม่พอ ยังมีการเอาปากกามาขีดฆ่าคำผิดให้เรียบร้อย เห็นได้ชัดว่าเคยชินกับการถูกบังคับให้ทำอย่างอ้อมๆ แบบนี้มาหลายครั้ง
เก้าถอนหายใจเฮือก บอกตัวเองว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ถูกบังคับให้อ่านนิยาย ‘ชายรักชาย’ เมื่อทำใจได้ จึงก้มหน้าก้มตาอ่านนิยาย...ที่ถ้าให้พูดตามตรง เขาว่ามันคืออาวุธชีวภาพดีๆ นี่เอง
หลายชั่วโมงต่อจากนั้น เก้าถามตัวเองมาตลอดทางว่าเขาทำบ้าอะไรอยู่ จากนั้นก็แช่งชักหักกระดูกพี่กันที่ชอบตามใจยัยแก้วจนเคยตัว...ช่างเถอะ เขาก็เป็นอีกคนที่ตามใจยัยแก้วด้วย ไม่งั้นจุดจบคงไม่ต้องมานั่งอ่านนิยายของยัยนี่แบบนี้
นิยายเรื่องนี้ หากให้เขาสรุปง่ายๆ คือ
“นายเอกเป็นผู้หญิงที่มีจู๋ชัดๆ” ยัยแก้วเอาหมอนฟาดใส่เขาทันทีที่เขาหลุดวิจารณ์ออกไป
หากนึกภาพไม่ออก เขาจะสรุปนิยายขนาด 200 กว่าหน้า A4 ให้ฟังสั้นๆ
ตัวเอกของเรื่องชื่อ “ฟ้าใส” เป็นเด็กบ้านจน ชีวิตยากลำบาก ลำบากสุดๆ แบบที่คนๆ หนึ่งจะลำบากได้ ตื่นเช้ามาทำงานบ้าน ไปเรียน กลับมาจากเรียนก็ไปทำงานข้างนอก ทำกับข้าว ทำงานบ้าน ตกระกำลำบากยากแค้น แถมต้องเลี้ยงดูยายแก่ๆ ที่เอาแต่ใช้งาน และทุบตี โชคดีที่ฟ้าเป็นเด็กที่เกิดมารูปร่างหน้าตาดี ผิวพรรณขาวสะอาดสะอ้าน...ถึงตรงนี้เก้าก็สงสัยจริงๆ ว่าฟ้านี่... ต่อให้ทำงานตากแดด หามรุ่งหามค่ำ แต่ตั้งแต่บทแรกจนบทสุดท้าย ยังสามารถใช้คำบรรยายว่า “ฟ้าเป็นเด็กหนุ่มรูปร่างผอมเล็ก แลดูบอบบางอ้อนแอ้น ผิวขาวนวลเนียนเหมือนผิวเด็ก ซ้ำใบหน้าเล็กๆ ยังหวานหยด” จนเก้าอยากจะถามเคล็ดลับความงามจริงๆ ว่าทำไมถึงสามารถเป็น “ร่างเล็กมีผิวขาวที่แค่จับเบาๆ ก็ช้ำเป็นรอย” ได้เสมอต้นเสมอปลาย ทั้งที่แสงแดดเมืองไทยสามารถล้มควายตายได้ทั้งเป็น
ว่าชีวิตที่บ้านลำบากแล้ว ชีวิตวัยเรียนของฟ้าลำบากกว่า เนื่องจากฟ้าถูกตัวร้ายที่เป็นเพื่อนร่วมรุ่มดูถูกเหยียมหยามมาตั้งแต่เล็กๆ ทั้งๆ ที่ฟ้าแอบชอบตัวร้ายมาตลอด พอมาถึงตรงนี้ เก้าอดเหยียดหยามรสนิยมที่ติดมาโซนิดหน่อย....ไม่สิ พอมองโดยภาพรวมแล้วเขากล้าฟันธงเลยว่าฟ้าเป็นมาโซคิสม์ขั้นรุนแรง เพราะขนาดถูกตัวร้ายทำร้ายต่อหน้าเพื่อนร่วมชั้น รุมแกล้ง ด่าทอ ยังงมงายชอบเขาไม่เลิกรา มาตาสว่างเลิกชอบตอนไปเจอพระเอก...ที่ถ้าให้พูดตามตรงเขาว่าไอ้หมอนี่ซาดิสม์ยิ่งกว่าตัวโกงอีก
เรื่องมาเริ่มจริงๆ ตอนฟ้าสอบเข้าคณะวิศวกรรมศาสตร์ของมหาวิทยาลัยชื่อดังได้ ฟ้าดีใจมาก จากนั้นจึงทำงานอย่างหนัก ไปเป็นเด็กเสิร์ฟในร้านอาหาร ทำงานหนัก รายได้น้อยเพื่อส่งตัวเองเรียน แต่จะไม่ยอมไปขายตัวตามคำชักชวนของเพื่อนร่วมงาน ไม่ยอมลดศักดิ์ศรีตัวเองเด็ดขาด...ตรงนี้เก้าเริ่มสงสัยในไอคิวของฟ้าขึ้นมาอีกครั้งว่าถ้าสอบเข้ามหาลัยดังได้ ทำไมไม่ไปเป็นติวเตอร์ส่วนตัวกันหา! เงินดีกว่ากันเห็นๆ เขาไม่เข้าใจระบบความคิดของฟ้าขึ้นมาจริงๆ ว่าในชีวิตฟ้า การทำงานนี่เหลือแค่สองทางหรือไงกัน!
จากนั้นฟ้าก็เจอกับ “แซนด์” พระเอกของเรื่องที่อยู่คณะสถาปัตย์ ซึ่งครบเครื่องพระเอกของนิยายวายระดับมหาวิทยาลัย คือหล่อ รวย เรียนเก่ง ขับรถหรู และอยู่คอนโด
แซนด์ไปเที่ยวที่ร้านอาหารกึ่งผับที่ฟ้าทำงานอยู่ แต่ไม่รู้ทำไมถึงคิดว่าฟ้าเป็นเด็กขายบริการ จึงหิ้วกลับคอนโด...และเกิดฉากอัศจรรย์ หลังจากเสร็จสมอารมณ์หมายจึงรู้ความจริงว่าฟ้าไม่ได้ขาย แต่ไม่ทันแล้วไง... ฟ้าที่ถูกทำร้ายร่างกายและจิตใจจึงขอร้องให้พระเอกปล่อยตัวเองไป แต่ด้วยความติดใจ...ใช่ไหม? อันนี้เก้าเดาเพราะมันไม่มีเฉลย แต่หลังจากเหตุการณ์คืนนั้นพระเอกจึงบังคับให้ฟ้าใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน
ตอนแรกเป็นการบังคับ บังคับทุกสิ่งทุกอย่างเท่าที่คนๆ หนึ่งจะบงการได้ แต่ต่อมาก็คอยตามใจ... ตามรับ ตามส่ง ตามหึง ตามหวง จนเกิดเป็นความรัก...ที่เก้าก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ามันเกิดความรักขึ้นตอนบรรทัดไหน เพราะเท่าที่อ่านมา เห็นฟ้าพูดแค่ ครับ หรือไม่ก็ “คุณแซนด์ อย่าครับ ผมจะฟังคุณแล้ว” และ “คุณแซนด์ ผมไม่ได้มีอะไรกับเขา”
ส่วนพระเอก เขาจำได้ขึ้นใจว่าพูดเป็นอยู่ไม่กี่คำคือ “มึงเป็นเมียกู อย่าแรดให้มาก” และ “มาหากูเดี๋ยวนี้”
เอาล่ะ...เขาไม่ควรสงสัยสินะว่าไปรักกันตอนไหน...
เนื้อเรื่องหลายสิบตอนต่อจากนั้นมีแค่พระเอกปล้ำ นายเอกขัดขืน และนายเอกสมยอม จากนั้นก็พระเอกปล้ำ นายเอกขัดขืน นายเอกสมยอม และเกิดเป็นความรัก(ที่ก็ไม่รู้ว่าบรรทัดไหน) อ้อ เนื้อเรื่องมีอีกอย่างที่เก้าอยากกล่าวถึง คือหลังจากพระเอกซั่มนายเอกครั้งแรก คาดว่าคงเผลอไปกดปุ่มปล่อยฟีโรโมนของนายเอก ก่อเกิดเป็นพระรองคนที่หนึ่ง ซึ่งเป็นรุ่นพี่ พระรองคนที่สอง ที่เป็นเพื่อนพระเอก ตามมาด้วยเพศผู้อีกมากมายที่กระเหี้ยนกระหือรืออยากได้นายเอกกันเป็นบ้าเป็นหลัง เรียกได้ว่า ไม่สนใจเพศหญิงกันอีกแล้วในชีวิตนี้ ยินยอมพร้อมใจเป็นเกย์กันหมด
แต่ในบรรดาคนที่มารุมชอบนายเอก คนที่เก้างงมากที่สุดคือตัวโกง เพราะช่วงแรกที่นายเอกหลงรักแทบจะยินยอมพลีกายถวายตัวให้ ตัวโกงกลับไม่สนใจซะงั้น แต่พอพระเอกได้ปุ๊ป กลับหันมาสนใจนายเอกเอาดื้อๆ ทั้งที่เก้าพลิกอ่านไปมา เขาก็ยังเห็นนายเอกเป็น “เด็กหนุ่มรูปร่างผอมเล็ก แลดูบอบบางอ้อนแอ้น ผิวขาวนวลเนียนเหมือนผิวเด็ก ซ้ำใบหน้าเล็กๆ ยังหวานหยด” ไม่เห็นมีเปลี่ยนที่ตรงไหน
แม้เก้าจะงง แต่ตัวร้ายยังคงดำเนินขนบตัวร้ายต่อไป เมื่อหันมาสนใจนายเอก แต่คราวนี้นายเอกไม่เล่นด้วย(สันนิษฐานว่าอาจจะซาดิสม์ไม่สะใจเท่าพระเอก) เลยกลับมาจะฉุดนายเอกไปข่มขืน สุดท้าย ตัวโกงก็ถูกพลังและอิทธิพลของพระเอก และสองพระรอง ทำร้ายจนบ้านแตกสาแหรกขาด ชีวิตตกต่ำยับเยิน จนสุดท้ายเป็นหนี้พนัน โดนนักเลงรุมกระทืบจนตาย ...อนาถจนเก้าอยากจะยืนไว้อาลัยให้ตัวโกงของเรื่องนี้สามวินาที
หลังจากนั้นก็มีดราม่า ซึ่งเป็นดราม่าครอบครัวสุดคลาสสิคซึ่งพระเอกกับนายเอกฝ่าฝันผ่านมันมาได้อย่างสวยงาม และครองรักกันอย่างหวานชื่น แฮปปี้เอนด์ดิ้งสุดๆ
“เป็นไง?” ยัยแก้วที่เล่นเกมส์รอ เห็นเขาอ่านมาจนถึงหน้าสุดท้ายก็ถามยิ้มๆ “สนุกไหม?”
“...แน่ใจนะว่าเป็นนิยายดัง?” เขาที่ถูกฟีโรโมนน้องฟ้าเล่นงานจนมึนเผลอหลุดถามออกไป
“เก้าว่าแก้วเหรอ!” เก้าไม่ได้ตั้งใจจะว่า แต่เขาหมายความตามนั้นจริงๆ
เก้าลูบหน้าตัวเอง นอกจากจะสงสัยความงามที่ควรค่าแก่การเป็นพรีเซนเตอร์ด้านความงามของนายเอก เขาก็สงสัยเหลือเกินว่าพระเอกมันเอาเวลาไหนไปทำโปรเจค เห็นเทียวไล้เทียวขื่อนายเอกตลอดวัน แถมยังต้องไปช่วยที่บ้านบริหารกิจการ ไปเที่ยวกลางคืน และคอยซั่มนายเอกทุกคืน แต่ยังหล่อร้ายไม่มีโทรมตั้งแต่ตอนแรกจนตอนสุดท้าย หรือเขาจะเข้าใจผิดไปว่าคณะสถาปัตย์มันเรียนหนัก
ส่วนนายเอก ปากบอกว่าเป็นนหยิ่งในศักดิ์ศรี แต่สุดท้าย นอกจากคำว่าไม่ที่กลายเป็นสมยอมใน 5 นาทีต่อมา ก็ไม่เห็นว่าจะขัดขืนอะไรพระเอกอีก แถม...ที่บรรยายว่านายเอกสู้ชีวิตมาตั้งแต่เด็ก แต่เท่าที่อ่านมา นอกจากสกิลแม่ศรีเรือนที่ล้นปรี่ เขาก็ไม่เห็นนายเอกจะทำอะไรเป็นสักอย่าง พระเอกดูแลทุกเรื่อง จนเก้านึกเป็นห่วงอนาคตของไอ้หมอนี่จริงๆ ว่าถ้าโดนพระเอกทิ้งจะทำยังไง
“ปานว่าตัวโกงน่าสงสาร” ปานที่อ่านจบแล้วเช่นกันท่าทางหดหู่ เห็นได้ชัดว่ามีสกิลการมองข้ามความเป็นนิยายชายรักชายได้ในระดับสูงมาก “เขาไม่ได้ทำผิดขนาดนั้น”
ยัยแก้วที่ฟังคำวิจารณ์นั้นยิ้มแปลกๆ ตาเป็นประกายวูบวาบ เห็นแล้วไม่น่าไว้ใจอย่างยิ่ง “ปานคิดแบบนั้นเหรอ?”
“อือ” ปานตอบงงๆ ท่าทางตกใจกับรอยยิ้มของยัยแก้วไม่น้อย “ปานพูดอะไรผิดเหรอ?”
“ไม่จ้า” ไอ้ ไม่จ้า ของยัยแก้วนี่เก้าฟังแล้วก็รู้ทันทีว่ามันมีอะไรบางอย่าง
“ถ้าเป็นเก้า” เขาเคาะหน้าจอคอมพลางแสดงสีหน้าเหยียดหยามอย่างไม่ปิดบัง “เก้าจะไม่เอาชีวิตไปวางไว้กับไอ้พระเอกที่อารมณ์ขึ้นลงเหมือนคนหมดเมนส์ เก้าจะแอบเก็บเงินมันก่อน จากนั้นเอาไปลงทุนทำกิจการบางอย่าง ไม่ก็หลอกเอาหุ้นมันมา เผื่อมันทิ้ง เราจะได้มีชีวิตไม่ลำบาก” เขาวิเคราะห์เป็นจริงเป็นจัง แบบที่ก็ไม่รู้ว่าจะจริงจังไปหาสวรรค์วิมานอะไร “ส่วนตัวโกง ถ้าเก้าหล่อเลวแบบตัวโกง จะไปสนไอ้ฟ้าอะไรนี่ทำซากอะไร! ใช้ชีวิตเสพสุขไปวันๆ ก็สบายจะตาย”
ยัยแก้วหัวเราะลั่น ท่าทางพออกพอใจในคำตอบ “โอเค แก้วขอบคุณสำหรับคำวิจารณ์”
“อ่ะ ปานแก้คำผิดให้แล้วนะแก้ว” ปานที่เป็นคนดีเสมอต้นเสมอปายยื่นปึกนิยายคืนให้แก้ว “ขอให้ได้ตีพิมพ์เป็นเล่มนะ”
“จ้า ขอบคุณปานมากนะ” ยัยแก้วยิ้มตาหยี ก่อนจะหอบกระดาษและโน้ตบุคเต็มอ้อมแขน “งั้นแก้วขึ้นห้องก่อน ปานก็กลับบ้านได้แล้ว ดึกแล้ว ฝันดีจ้า” พูดจริงยัยตัวแสบก็หันหลังวิ่งขึ้นห้องไปทันที
เก้าหาวหวอด เขาเงยหน้ามองนาฬิกาก็พบว่านี่ก็ 4 ทุ่มแล้ว จึงบอกลาปานที่อยู่บ้านข้างๆ ส่วนตัวเองก็เดินขึ้นห้องนอน เนื่องจากบ้านของเขาเป็นครอบครัวชนชั้นกลาง ไม่ได้มีเงินทองอะไรมากมาย ดังนั้นเขาจึงต้องนอนห้องเดียวกับน้องชายที่อยู่ชั้น ม.5
ตอนที่เขาเดินเข้ามาในห้อง เก่งกล้ากำลังก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสืออยู่บนเตียง พอเห็นเขาเดินเข้าห้องก็เงยหน้าขึ้นก่อนจะขมวดคิ้วใส่ เห็นดังนั้นเขาก็ตัวเกร็งขึ้นมา
“โทษที พี่กวนกล้าเหรอ” ดีกรีความเกรงกลัวที่บ้านเขามีต่อน้องชายคนสุดท้องนั้น...มากกว่าที่มีให้พี่ชายคนโตเกือบสามเท่า
“...เปล่า” แต่พอพูดจบกลับจ้องเขานิ่งๆ จนเก้าสะบัดร้อนสะบัดหนาว
เขาหัวเราะแหะๆ รีบเข้าไปอาบน้ำก่อนจะเข้านอน แม้เขาจะง่วงมาก แต่ไม่กล้าขอให้น้องชายบังเกิดเกล้าปิดไฟ ซึ่งโดยปกติ กล้าก็ไม่สนใจเขาอยู่แล้ว แต่ในวันนี้...
“กล้าจะนอนแล้วเหรอ?” เขาถามงงๆ เมื่อเห็นน้องชายเดินไปปิดไฟจนทั้งห้องมืดสนิท ปกติกล้าจะนอนทีหลัง แต่ตื่นก่อนเขาเสมอ ซึ่งนี่...นับว่าแปลกมากๆ
“เปล่า” กล้าตอบเท่านั้นก่อนจะเดินไปที่ประตูพร้อมหนังสือในมือ เห็นอย่างนั้นเขายิ่งงุนงงไปใหญ่ เพราะน้อยครั้งที่กล้าจะลงไปอ่านหนังสือข้างล่างตอนกลางดึกแบบนี้
เขาไม่กล้าถามซ้ำ ได้แต่งุนงงไม่เข้าใจ โดยเฉพาะเมื่อกล้าหันหลังกลับมาหา พร้อมกับขยับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ร้ายกาจที่เขาเห็นกี่ครั้งเป็นอันต้องขนลุกขนพอง
“ราตรีสวัสดิ์ พี่ชาย”
ในตอนนั้นเขายังไม่รู้...ว่าเรื่องราวที่เริ่มต้นขึ้นในคืนนั้น จะเปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล
TBC
สวัสดีค่ะ ^______________^
เปิดนิยายเรื่องใหม่ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ เรื่องนี้ เกิดจากความอยากเขียนนิยายทะลุมิมติ ทะลุนิยาย ลองคิดไปคิดมา เออ ถ้าผู้ชายปกติ ทะลุมาในนิยายวายคงสนุกดีพิลึก หลักจากนั้นเราก็กลั่นกรองพลอตแนวยอดนิยม(655555) มาให้ตัวเอกเราลองทะลุมิติไปสักหน่อย จะอลหม่านแค่ไหน ต้องมารอลุ้นค่ะ
บอกก่อนว่า ตัวเอกของเรา จะไม่ได้ทะลุแค่เรื่องเดียวค่ะ พ่อหนุ่มเก้าชีวิตเป็นผู้ชายซวยซ้ำ ซวยซ้อนซ่อนเงื่อน
หวังว่าคงจะชอบกันนะคะ