ตอนที่ 14_คำตอบของหัวใจ...
การเดินทางสิ้นสุดลงที่หน้าประตูห้อง...ผมล้วงกุญแจห้อง...ธีร์ยืนพิงไหล่ซ้ายกับผนังข้างประตูรอกล่าวราตรีสวัสดิ์...ในมือยังคงช่วยถือข้าวของตามขึ้นมาส่งอยู่ ผมเงยหน้าขึ้นมาสบตาธีร์อย่างครุ่นคิดชั่วครู่
"ขอบคุณนะธีร์...ที่เดินขึ้นมาเป็นเพื่อน" ธีร์ขมวดคิ้ว....
“พี่นุ...” เสียงของธีร์ผ่านริมฝีปากออกมาแผ่วเบา แทบไม่ได้ยิน แววตาทักท้วง...ลมหายใจสะดุด
“เอ่อ...พี่หมายถึง...ขอบคุณที่เป็นเพื่อนเดินขึ้นมาส่งไง...” ผมพูด...ธีร์ถึงยิ้มออก
"เต็มใจอยู่แล้วครับ..." ธีร์ตอบ ยิ้มกว้าง นัยน์ตาเป็นประกายวูบวาบ
“คอแห้งจังครับพี่นุ....” ธีร์กระแอมเบาๆ ผมอมยิ้ม ไขกุญแจเปิดประตู ก้าวเท้าเข้าไปในห้อง...ธีร์มองตามตาละห้อย
“เข้ามาดื่มอะไรก่อนไม๊ธีร์...ถ้ายังไม่ง่วง"
“ไม่ง่วงครับ ไม่ง่วง...” ธีร์ยิ้มกว้างจนตาหยี...หัวใจเต้นแรงเพราะดีใจ...ธีร์เดินออกไปยืนตรงระเบียงมองออกไปด้านนอก..ส่วนผมเองก็เดินไปเปิดตู้เย็น
“อยู่ตั้งชั้นเจ็ด...ไม่กลัวเหรอครับ...” ธีร์ถาม ผมส่ายหน้าแทนคำตอบ
“ดื่มอะไรดี...”
“อะไรก็ได้ครับ...ดื่มได้หมดยกเว้นยาพิษ...” ผมเดินเข้ามาใกล้ยื่นแก้วน้ำส้มให้ ธีร์กุมมือของผมเอาไว้...ยกแก้วน้ำส้มในมืออีกข้างขึ้นดื่ม
“อร่อยจัง...” ธีร์ยิ้มทำตาซึ้ง ผมยืนนิ่งไปชั่วครู่คิดถึงเรื่องราวที่คุยกับเจมส์ที่ชายหาดเมื่อเช้า...
“คิดอะไรอยู่ครับพี่นุ...” มือธีร์ที่เกาะกุมมือของผมอยู่กระชับแน่นเข้า
“พี่นุครับ...กำลังคิดเรื่องของเราอยู่หรือเปล่า...” ธีร์ยื่นหน้าเข้ามาใกล้มาก เสียงนุ่มทุ้มลึกดังอยู่ใกล้หู ผมเงยหน้ามองธีร์ นัยต์ตาคู่นั้นของธีร์ทอดมองผมอย่างอ่อนโยน...ประกายตาบ่งบอกความในใจ
“พี่นุครับ...ผมรู้ว่ามันเร็วไป....ผมรักพี่นุนะครับ...เรามาเป็นแฟนกันนะ ผมไม่อยากรออีกแล้ว” ธีร์ขยับตัวเข้าใกล้ผมที่ตัวเย็นเฉียบยังยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าธีร์ที่ยืนพิงระเบียงอยู่เล็กน้อย..ธีร์ดึงร่างผมเข้ามาใกล้ผมก็ไม่ขืนตัว โอนอ่อนตามมาเหมือนตุ๊กตา ธีร์โอบเอวผมเอาไว้หลวมๆ
“รู้ไม๊ว่าผมมีความสุขมากที่เราได้อยู่ด้วยกันอย่างนี้...พี่นุรู้สึกอย่างผมไม๊ครับ” เสียงธีร์จริงจัง สายตาของผมจับอยู่ที่แผ่น อกหนากว้างของธีร์....ธีร์หายใจแรง แผ่นอกแกร่งกำยำขยับขึ้นลงเพราะจังหวะหัวใจที่เต้นแรงขึ้น...
“พี่นุมองตาผมสิครับ แล้วจะเห็นว่าผมจริงใจแค่ไหน” ธีร์ยื่นหน้าเข้ามาใกล้
“...ธีร์....พี่ขอให้สิ่งที่ธีร์พูดออกมา เป็นการกระทำด้วยได้มั้ย???”
“ได้สิครับ”
“แต่พี่ขอเวลาอีกซักนิด...ขอเวลาให้พี่ได้ไตร่ตรองเสียก่อน...ธีร์คงเข้าใจพี่นะ...”
“ผมเข้าใจครับ...”
“พี่ขอบคุณธีร์มากนะที่ทำทุกอย่างให้พี่ถึงขนาดนี้...พี่รู้ว่าธีร์ทำให้พี่มันมากเหลือเกิน แต่อยากให้รู้ไว้ว่า สิ่งที่พี่ต้องการมากที่สุดคือความรักที่จริงจัง มั่นคง มันเป็นสิ่งเดียวที่พี่ต้องการ...พี่คงทนไม่ได้หากความรักที่ได้ต้องถูกแบ่งให้คนอื่น เพราะถ้าพี่ตัดสินใจแล้ว ก็หมายความว่าพี่มั่นใจแล้ว” ผมพูดยาว...ซึ่งไม่บ่อยนักที่ผมจะพูดยาวขนาดนี้
“ผมรักพี่นุนะครับ....หัวใจของผมเป็นของพี่นุคนเดียว”
“กายด้วย ไม่ใช่หัวใจอย่างเดียว” ผมเสียงเข้ม
“ยังไงอย่าให้ผมรอนานนักนะครับพี่นุ...” ธีร์รัดตัวผมแน่นขึ้น ใบหน้าก้มลงซุกไซร้ซอกคอของผม พยายามที่จะเลื่อนมาด้านหน้า จมูกโด่งคมบดเบียดกับใบหูผมจนร้อนผ่าว ริมฝีปากของธีร์เผยอ ก่อนจะทาบทับลงบนแก้มซ้าย แล้วย้ายมาจนถึงมุมปาก ลมหายใจอุ่นๆของธีร์กระทบผิวหน้าของผมทำให้รู้สึกราวกับเป็นขี้ผึ้งกำลังถูกไฟลน ผมใจเต้นแรง หายใจไม่ออก รู้สึกเหมือนจะขาดใจเสียให้ได้ผมแหงนหน้า ปากเผยออ้าเพื่อจะสูดอากาศเข้าไปต่ออายุลมหายใจที่กำลังจะขาดห้วง....ความร้อนในช่องท้องเหมือนลาวากำลังจะพุ่งขึ้นมาถึงกลางอก ลำคอที่ถูกริมฝีปากร้อนผ่าวของธีร์กำลังบดเบียดอยู่เหมือนถูกนาบด้วยเหล็กเผาไฟ....ใจจะขาดแล้ว...ไม่ไหวแล้ว...หากธีร์ไม่หยุดตอนนี้ผมก็คงจะหลอมละลายลงกองบนพื้นในวินาทีนี้นี่เอง...'
“ธีร์...”
“พี่นุ...” สองเสียงครางประสานกัน...แผ่วเบาแทบไม่ได้ยิน...ผมรู้สึกอ่อนแรงจนต้องยกมือขึ้นมายึดต้นแขนแกร่งที่โอบรัดอยู่เพื่อพยุงตัวเอาไว้ ภาพหลายภาพในความคิดคำนึงเริ่มเลือนจาง ความว่างเปล่าเข้ามาแทนที่...ผมหลับตาลง...รู้สึกถึงอากาศรอบตัวที่ยกให้ลอยขึ้นไปเบื้องบน...เงียบสงัด...กาลเวลาหยุดนิ่ง...เสียงเดียวที่ได้ยินคือจังหวะหัวใจสองดวงเต้นประสานกัน...
ธีร์อิดออดไม่ยอมกลับบ้านจนผมต้องเอามือดันหน้าอกธีร์ให้ถอยออกไปให้พ้นประตู พร้อมกับขู่ว่าจะไม่ให้มาหาอีกแล้วหากยังดื้อดึงอยู่
“ผมจะคอยอยู่เป็นยามเฝ้าพี่นุอ๊า... กลัวว่าจะมีพวกไม่กลัวบาปมาเกาะแกะแฟนชาวบ้านเค้า”
“โห...ขี้ตู่...พี่ยังไม่ได้รับปากอะไรเราซักหน่อย...ไปเป็นแฟนเราตั้งแต่เมื่อไหร่กัน..”
“ไม่รู้อ่ะ...พี่นุเองยอมให้ผมจูบตั้งหลายครั้งแล้ว...ยังไม่เรียกว่าเป็นแฟนกันอีกเหรอ...พี่นุก็เห็นแล้วนาว่าผมน่ะจริงจัง..จริงใจกับพี่นุขนาดไหน...” ธีร์พูดแล้วยิ้ม
“ไม่ต้องจริงจังมากก็ได้ เอาแค่จริงใจธรรมดาก็พอ”
“ทำไมเหรอ กลัวผมจริงจังแล้วก็โดนผม...”
“หยุดพูดนะ....แล้วก็หันหลังกลับเดินไปเดี๋ยวนี้เลย...จะนอนแล้วเว้ย...” ธีร์ยิ้มทำปากส่งจูบให้ผมแล้วถอยให้พ้นจากประตูไปยืนยิ้มมองผมที่ก้มหน้าปิดประตูช้าๆ ธีร์เดินผิวปากอย่างอารมณ์ดีไปตามทางเดิน สลับกับหันหลังไปมองประตูห้องของคนที่เขารัก ระยะทางถึงลิฟท์ใกล้เกินไป จนเขาอยากเดินย้อนกลับไปกลับมาสักร้อยรอบ เพื่อชื่มชมกับความรู้สึกอิ่มเอมเช่นนี้...ผมยืนพิงประตูคิดอะไรอยู่ซักพัก...นี่เท่ากับว่าผมเปิดพื้นที่ให้ธีร์เข้ามายืนอยู่เต็มหัวใจแล้วใช่มั้ย...สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อกี้มันยังคงหยุดอยู่ที่เดิมคือหยุดอยู่ที่รอยจูบของธีร์ไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้น...ผมกับธีร์ไม่ได้มีอะไรกัน...ถึงไม่เกินเลยไปขั้นนั้นแต่ใจผมก็ปล่อยใจเกินกว่าครึ่งไปแล้ว...ผมมั่นใจอะไรเร็วไปหรือเปล่านะ...กับคนเคยเจ้าชู้มันจะมั่นคงกับผมนานแค่ไหนกันนะ...ถ้าคิดกันแบบร้ายๆ..ช่วงนี้เค้ายังไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการไง...ทุกอย่างเลยยังดูดีอยู่...พูดดี..รับปากต่างๆนาๆถ้าเราเผลอไปมีอะไรกับเค้าล่ะ...ทุกอย่างยังจะสวยงามแบบนี้มั้ย...????....แต่ถ้าคิดในแง่ดี...ถ้าเค้าพร้อมจะปรับตัวเพื่อเรา...ทุกอย่างออกมาจากใจจริงๆอย่างนี้นะเหรอ.....เราถึงจะมอบทุกอย่างให้เค้าด้วยความเต็มใจ..ถึงแม้ตอนนี้ภาพของคนหนึ่งกำลังชัดขึ้นแต่ลึกๆลงไปก็ยังคงมีภาพของอีกคนซ้อนกันอยู่ดี.....
วันนี้ผมขาดเรียนหนึ่งวันเพราะมันเพลียจริงกับการเดินทางในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา...กว่าผมจะตื่นก็เกือบสิบโมงเช้าแล้วผมมองตารางเรียนที่ติดอยู่ข้างๆเตียง..โอเค..วิชานี้ยังไม่เคยขาดไม่มีปัญหา...ผมหยิบโทรศัพท์มาดูบนหน้าจอปรากฏ 11 สายที่ไม่ได้รับกดดูมีแต่เบอร์ธีร์ทั้งนั้น...คงมารอรับผมเหมือนเดิมล่ะสิ...ผมลุกจากเตียงเดินไปหยิบปฏิทินตั้งโต๊ะมาดูว่าเหลือเวลาซ้อมหลีดอีกเท่าไหร่...นับๆดูแล้ว..เหลือเวลาอีกไม่ถึงสองอาทิตย์แล้วแฮะ...ผมหยิบไม้กวาดมาทำความสะอาดห้องนิดหน่อยหลังจากที่ปล่อยให้รกมานานในช่วงที่ผ่านมา...ทำเสร็จแล้วจึงคว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าไปอาบน้ำ...พออาบออกมาก็มีมาม่าเป็นอาหารหลักเหมือนเดิมจะออกไปไหนได้ละครับ...ก็รถไม่มีนี่หว่า...วันนี้แล้วสินะที่ผมจะได้รถคืนมาซักที...ว่าแต่พอผมมีรถเป็นของตัวเองเหมือนเดิมแล้วระหว่างผมกับธีร์มันจะเป็นยังไงต่อไปวะ...อาจจะเปลี่ยนไปหรือเหมือนเดิมอย่างที่ธีร์บอกไว้ก็ได้ใครจะไปรู้...ผมรู้สึกใจหายนิดๆเมื่อนึกถึงเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้...เสียงเคาะประตูดังที่หน้าห้อง...ผมเดินไปเปิดแง้มๆดู...ก็เห็นธีร์ยืนหน้าแป้นแล้นอยู่ ในมือหิ้วถุงบะหมี่มาสองถุง
“อ้าว...ธีร์...เข้ามาก่อนดิ...” ผมบอกแล้วเปิดประตูเข้ามา
“เกโรงเรียนก็ไม่โทรบอกผมซักนิด...” ธีร์ตัดพ้อเล็กๆแล้วส่งถุงบะหมี่ให้ผม
“พอดีหลับยาวเลยอ่ะ...เพิ่งจะตื่นเหมือนกัน...” ผมบอกแล้วเทบะหมี่ใส่จานแล้วยกมาวางบนโต๊ะญี่ปุ่นที่ใช้นั่งกับพื้น ธีร์ลงจากเตียงเลื่อนลงมานั่งที่โต๊ะมองผมตาแป๋ว
“แล้วนึกยังไงซื้อบะหมี่แห้งมาฝากเนี่ย...อารมณ์ไหนน้ออ” ผมถามแล้วเลื่อนจานบะหมี่ส่งให้ธีร์
“เห็นเพื่อนบอกว่าอร่อยอ่ะครับ...แล้วก็คิดว่าพี่นุคงยังไม่ได้ทานอะไรแน่เลย...ก็เลยซื้อมาฝาก..พี่นุไม่ชอบหรือครับ..”
“ไม่...” ผมแกล้งตอบเสียงแข็งทำเอาธีร์หน้าเสียเลย
“งั้นผมออกไปซื้อให้พี่นุใหม่ดีกว่า...” ธีร์บอกแล้วทำท่าจะลุกขึ้นจนผมต้องร้องห้าม
“เฮ้ยธีร์...ล้อเล่นน่า...ที่บอกว่าไม่น่ะไม่ใช่ไม่ชอบ...ไม่พอต่างหาก...”
“แกล้งผมนะ...เดี๋ยวเจอดี..ขอบอก...” ธีร์พูดแล้วหยิบตะเกียบคีบบะหมี่เข้าปาก...ธีร์คีบลูกชิ้นส่งมาให้ผม
“ลูกชิ้นเจ้านี้อร่อยนะครับพี่นุ...” ผมหยิบลูกชิ้นจากธีร์ใส่ปากแล้วเราต่างคนต่างทานกันอย่างเงียบๆ...
“เดี๋ยวเราออกไปร้านซ่อมรถกันเลยมั้ยธีร์...ไม่รู้เสร็จรึยัง...” ผมบอก...มือก็กำลังเก็บจานไปล้างโดยธีร์เองก็หยิบผ้ามาเช็ดโต๊ะแล้วพับโต๊ะเก็บไปวางไว้ที่เดิม
“ผมว่า...ออกไปตอนพี่นุไปซ้อมหลีดทีเดียวเลยดีกว่ามั้ยครับ...จะได้ไม่ต้องย้อนไปย้อนมาบ่อยๆ” ธีร์เดินมาเกาะอยู่ที่ขอบประตูห้องน้ำยืนดูผมล้างจาน
“เอาอย่างนั้นก็ได้...เพิ่งจะบ่ายสองเอง...” ผมบอกแล้วล้างจานต่อ...ธีร์ยิ้มๆแล้วเดินกลับมานั่งที่เตียง..ผมเดินเอาจานออกไปคว่ำที่ตะกล้าตรงระเบียง...มองดูแล้วท้องฟ้ามืดครึ้มเหมือนกับฝนกำลังเตรียมจะเทลงมาอย่างหนัก
“เมื่อกี้แดดยังจ้าอยู่เลยนะครับ...” ธีร์เดินตามออกมาที่ระเบียง
“จะได้ซ้อมกันมั้ยนี่วันนี้...” ผมบอกแล้วถอนใจเฮือกนึง
“ก็ดีครับ..ถ้าพี่นุไม่ได้ซ้อม...พี่นุจะได้ติดฝนอยู่กับผมที่นี่...”
“หลีกไปเลย...มายืนขวางประตูอยู่ได้...” ผมพูดแล้วเดินกลับเข้าไปในห้อง...แต่ไม่ได้นั่งที่เตียงครับป้องกันไว้ก่อนเพื่อความปลอดภัยของตัวผมเองอยู่กับธีร์สองคนทีไรได้เรื่องทุกทียิ่งบรรยากาศครึ้มๆฝนตกเป็นใจอย่างนี้เหมาะกับการเสียตัวแท้ๆ...เหอๆ...นี่ผมคิดอารายออกปายยยย...!!!! ผมหันไปอีกทีก็เห็นธีร์นอนหลับไปแล้ว ธีร์อยู่ในลักษณะเอนหลังกึ่งนั่งกึ่งนอนมือกอดหมอนไว้แนบกับอก ผมนั่งลงกับพื้นแล้วเริ่มมองธีร์นอนหลับบนเตียงอย่างเพลิดเพลินพลางนึกเปรียบเทียบกับอีกคนที่อยู่ในจิตใจ
...ธีร์ดูหล่อกว่า หล่อมาเป็นอันดับหนึ่งคงเพราะธีร์ตาสวยและยิ้มสวยทั้งยังยิ้มกว้างอยู่เป็นประจำ หุ่นก็คงพอๆ กัน แต่เจมส์ดูหนากว่าหน้าตาเป็นรอง...ผมยิ้มกว้าง ตาเหม่อลอยเมื่อนึกถึงอะไรเรื่อยเปื่อย ธีร์ขยับตัว ผมหันหน้ามามองคนตัวโตดูหลับสนิท อกกว้างสะท้อนขึ้นลงเป็นจังหวะ ตาผมมองต่ำลงไปยังส่วนล่างของธีร์ ตาหยุดมองตรงส่วนนั้นของธีร์ชั่วครู่...อืม ท่าทางไม่ใช่ย่อย ตัวโตขนาดนี้ก็คง...บ้าหรือวะไอ้นุ มาอ่านกินคนนอนหลับอย่างนี้ได้ยังไง...ผมคิดในใจ...ทำไมจะไม่ได้ ก็เราชอบเขานี่นา...ชอบหรือ...เราชอบธีร์แล้วหรือ...ผมถอนหายใจ ความคิดวนกลับมาเรื่องเดิมอีกครั้ง...ผมจะเลือกใครดี...เลือกยากนัก เลือกไอ้กิ๋วไปซะเล๊ย...เฮ้ย...ความคิดนั้นทำเอาผมสะดุ้ง...ผมลองยืนหน้าเข้าไปมองหน้าธีร์ใกล้ๆจนแทบจะแนบชิดกันในใจอดนึกถึงรสจูบของธีร์ไม่ได้
”เฮ้ย...ไม่ได้ๆ...เราจะทำแบบนี้ไม่ได้...” ผมรีบสะบัดหน้ารีบลุกจากตรงนั้นเดินไปยืนที่ประตูออกไประเบียง...โดยที่ผมไม่รู้เลยว่าธีร์หลี่ตามองตามหลังผมไปอย่างยิ้มๆ...ผมยืนเอาไหล่ซ้ายพิงประตูไว้นิดๆ...มองสายฝนที่กำลังเทลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา...ผมสะดุ้งเมื่ออ้อมแขนของธีร์สอดเข้ามาโอบเอวผมไว้หลวมๆ
“เมื่อกี้จะลักหลับผมเหรอพี่นุ...” ธีร์พูดแล้วเอาคางซุกลงตรงซอกคอ
“จั๊กกะจี้น่าธีร์...พี่มองดูคนเจ้าชู้ต่างหาก...ใครเค้าจะไปลักหลับเราอ่ะ...” ผมพูดแล้วหนีบคอ หนีการซุกไซร้
“แล้วทำไมไม่ทำล่ะครับ...ถ้าเป็นพี่นุ...ผมยอม...” ธีร์จูบใต้ใบหู เผยอปากพยายามจะเม้มใบหูนุ่ม
“พอเถอะธีร์...”
“ไม่...”
“เดี๋ยวใครเห็น ปล่อยเหอะธีร์...” ผมพยายามดิ้นเพราะไม่รู้ว่าจะห้ามตัวเองได้นานแค่ไหน
“ฮื่อ...เลิกห้ามผมซะทีนะครับพี่นุ...เข้าไปในห้องกับผมนะ...” ธีร์เสียงอู้อี้
“ไม่เอา...ต้องไปทำงานแล้วเดี๋ยวเค้ารอกันนาน...” อีกนิดเดียวผมคงต้องแพ้ใจตัวเองแน่ๆ...ธีร์รุกผมหนักเหลือเกิน... “ก็ได้ครับ...พี่นุทรมานผมอีกแล้วนะเนี่ย...” ธีร์หยุดการกระทำแล้วพลิกตัวผมหันมาสบตา...คราวนี้ผมไม่โดนจูบแต่โดนซุกไซร้ซะจนระทวยแทน...เฮ้อออ...รอดไป...