คาโอรุซังตอนที่ 1
ถัดจากรั้วสูงและประตูไม้มันเงา คือเรือนญี่ปุ่นหลังใหญ่หลังหนึ่ง ถัดมาเป็นหมู่แมกไม้ร่มรื่น และเดินราวๆ 200 เมตร คือเรือนญี่ปุ่นหลังเล็กๆ คาโอรุซังอาศัยอยู่ที่นี่ และตอนนี้กำลังก้มหน้าก้มตาถอนวัชพืชอย่างตั้งใจจนอดที่จะคิดว่าไม่ได้ว่าเขาช่างตั้งใจเหลือเกินและเขาก็ดูมีความสุขกับมัน
คาโอรุซังอาศัยอยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อ 5 ปีก่อน ตอนที่เขาถูกมาที่นี่ตอนนั้นคาโอรุซังเองก็คงไม่รู้ว่าเขาจะอยู่ที่นี่นานขนาดนี้
คาโอรุซังเงยหน้ามองท้องฟ้าตอนเช้าใสกระจ่างราวกับกระจกใส
“จะได้เวลาแล้วสิเนอะ” คาโอรุซังรำพึง วันนี้เปิดเรียนวันแรกด้วยสิ ยังไม่ทันที่คาโอรุซังจะลุกขึ้น ทาคุงก็เดินเข้ามา
เด็กหนุ่มอยู่ในสูทฟอร์มสีน้ำเงินเข้ม เจ้าตัวดูเขินและเกร็งเล็กน้อยก็เขาไม่ได้อยู่ใส่ชุดนักเรียนมา 2 ปีแล้วและคิดว่าคงไม่มีโอกาสได้ใส่อีกแล้ว ทว่าตอนนี้เขากลับจะไปโรงเรียนอีกครั้ง
ถ้าคาโอรุซังบอกว่าเท่มากเลยก็คงจะดีไม่น้อย
“รู้สึกเหมือนจะเท่ยังไมไม่รู้นะ” ใบหน้าขาวซีดประดับรอยยิ้มที่เด็กหนุ่มคนหนึ่งเลือกที่จะเรียนต่อเพราะคำแนะนำจากเขา ผู้ซึ่งเคยเป็นครูมาก่อนอดดีใจไม่ได้
“ต้องชมว่า เท่มากหรือไม่ก็ดูดีมากเลย ไม่ใช่เหรอครับ” แต่ทาคุงรู้สึกว่านั้นเป็นคำพูดที่ดีว่าบอกว่าเขาเท่ๆตรงๆซะอีก
คาโอรุซังแค่ยิ้มตอบ ถึงจะแค่นั้นแต่ริมฝีปากของทาคุงก็โค้งยิ้มตาม นานๆครั้งที่คาโอรุซังจะยิ้มทั้งดวงตาแบบนี้ เพราะคาโอรุนั้นมักจะยิ้มที่ริมปากแต่ดวงตาก็นั้นกลับว่างเปล่า
“วันนี้ฉันทำของโปรดของทาคุงด้วยนะ” คาโอรุซังบอกลุกขึ้นปัดฝุ่นจากชุดยูกะตะสีเทา 2 3 ครั้งและเดินนำขึ้นมาบนเรือน เสียงโลหะกระทบบางอย่างมีเสียงเบาๆทุกครั้งที่ก้าวเดิน หากสังเกตจะเห็นว่าคาโอรุจะเดินลากเท้าข้างที่โดนล่ามโซ่เอาไว้ มันเป็นโซ่เส้นหนาแค่ 3 เซนติเมตรแต่มันยาวพอที่จะให้คาโอรุซังเดินไปรอบๆเรือนทำให้มันหนักพอสมควร
“ว๊าว แฮมเบอร์เกอร์ นี่ของโปรดที่สุดของผมเลยนะเนี่ย”
“ก็วันนี้ต้องพิเศษหน่อยไม่ใช่เหรอ”
“ขอบคุณนะครับ” เด็กหนุ่มว่าเสียงเบาลง นอกจากพ่อกับแม่ที่ตายไปก็คงมีคาโอรุซังที่ดีกับเขา
“กินเยอะๆนะฉันทำไว้เพียบเรียบเลย”
“แน่นอนครับ”
คาโอรุซังพลิกตัว เขานอนยังไม่หลับ เขาได้ยินเสียงฝีเท้าที่คุ้นเคยใกล้เข้ามามือของเขาก็เกร็งโดยไม่รู้ตัว เสียงเลื่อนเปิดประตูทำให้เขาหลับตาลง
“หลับแล้วเหรอ?” เสียงทุ้มถามจากด้านหลังก่อนที่จะก้มลงจูบบนแก้มเนียนๆ คาโอรุค่อยๆเปิดดวงตาขึ้นและลุกขึ้น
“กลับมาแล้วเหรอ?”
“ครับ”แล้วมือใหญ่ก็จับที่ไหล่และให้เขาหันหน้ามา
“กลับมาแล้วครับ” คาโอรุมองใบหน้าคนตรงหน้าในความมืดแต่เขาก็มองเห็นประกายดวงตานั้นในความมืดเช่นนี้
ทาเคอากิเพิ่งกลับมาถึงเขาก็มาหาคาโอรุทันที
“กินอะไรมาหรือยัง?”
“ครับกินมาแล้ว” ทาเคอากิกอดร่างผอมเข้ามาสูดกลิ่นกายของอีกฝ่าย ร่างกายเบื้องล่างดูจะตื่นตัวขึ้นมาเล็กน้อยแล้วเขาจะอดใจไว้ได้ไหมนะ?
คงไม่ได้
หลายวันที่ไปเกียวโตเขาคิดถึงคนตรงหน้ามาโดยตลอด วันนี้จะกอดคนในอ้อมแขนให้หายคิดถึง
“เหรอ”
“ครับ และตอนนี้ผมอยากกินคาโอรุซัง” ดวงตาคมกริบวิววับในความมืดก่อนที่พรมจูบที่แก้มอีกฝ่ายแล้วก็ริมฝีปากนิ่มนั้น ยูกะตะถูกดึงลงจากไหล่บาง คาโอรุสั่นเล็กน้อย เขาทำได้แค่ตั้งรับแต่ปล่อยให้ไปเป็นไปตามความต้องการของทาเคอากิ
คาโอรุสะดุ้งตื่นหัวใจเต้นระรัว ตัวเย็นไปหมดแต่กลับเหงื่อกลับออก
คาโอรุจะลุกขึ้นแต่ตัวโดนทาเคอากิโอบกอดเอาไว้และเขายังหนุนแขนอีกฝ่ายอยู่ต่างหาก คาโอรุจึงค่อยๆยกแข็งที่เต็มไปกล้ามเนื้อของอีกฝ่ายไปจากร่างกายแล้วลุกขึ้นนั่ง
เอามือที่วางทามหัวใจกำลังปลอบว่าไม่ตัวเองว่าไม่เป็นไร แต่น้ำตาก็ไหลออกมาแม้จะมือปาดน้ำนั้นครั้งแล้วครั้งเล่าแต่มันก็ไม่เหือดแห้งไปสักที
ในน้ำตานั้นไม่มีเสียงสะอื้น ในความเงียบนั้นคาโอรุสงบใจลงได้
ฝันร้าย ตอนนี้ตื่นแล้ว ว่าแล้วก็ล้มตัวลงนอนอีกครั้ง
คราวนี้คาโอรุฝันถึง พ่อ แม่และน้องชาย พ่อของคาโอรุเป็นครูที่เข้มงวดแต่ก็ใจดีและเป็นแบบอย่างที่ดีให้เขาและคาโอริน้องชาย แม่ของคาโอรุนั้นเป็นคุณแม่ที่ใจดีมากๆและมักจะทำกับข้าวที่คาโอรุและน้องชอบเสมอ ส่วนคาโอรินั้นตอนเด็กๆนั้นร่างกายอ่อนแอแต่พอโตขึ้นกลับแข็งแรงจนเป็นนักกีฬาเบสบอลของโรงเรียนในตำแหน่งเอสซะด้วย คาโอรุและคาโอริเป็นพี่น้องที่สนิทกันมากจริงๆ ในฝันพวกเขา 4 คนกินข้าวพร้อมหน้า คาโอริมักจะเล่าเรื่องที่โรงเรียนให้พวกเขาหัวเราะเสมอๆ เป็นความฝันที่มีความสุขเหลือเกิน ตอนนี้ทุกคนกำลังทำอะไรอยู่นะ จะคิดถึงเขาไหมนะ ถ้ายังคิดถึงพวกเขาก็จะเป็นทุกข์ ถ้าไม่คิดถึงเขาก็คงเสียใจแต่เขาอยากที่จะเสียใจ…
อากาศฤดูใบไม้ผลิเย็นสบายกำลังดี คาโอรุซังหลับตาพริ้มขดตัวเข้าหาอกแกร่งของทาเคอากิเหมือนเด็กโดยไม่รู้ว่ามีสายตาคมกริบกำลังจ้องมองด้วยสายตารักใคร่ คนที่นี่ต่างรู้กันดีว่านายน้อยของแก๊งมีคนรัก คือ คาโอรุซัง ที่อาศัยอยู่เรือนแยกหลังนี้ แต่คนที่เคยพูดกับคาโอรุซังมีไม่เพียงไม่กี่คน อย่างโนดะคนสนิทของทาเคอากิ ทาโอะคุงที่ได้รับมอบหมายให้มาดูแล และอีกไม่กี่คนที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น
คาโอรุขยับตัวงัวเงียแล้วปรือตาขึ้นจนมองเห็นดวงตาที่มองเขาอยู่ คาโอรุจะลุกขึ้น
“ไม่นอนต่ออีกหน่อย?” ทาเคอากิถามกอดคนผอมไว้ในอ้อมแขนจะไม่ยอมปล่อย
“ ไม่ล่ะ” คาโอรุลุกขึ้น “ วันนี้เธอไม่รีบไปทำงานเหรอ?” คาโอรุถามเพราะปกติเขาตื่นขึ้นมาก็มักจะไม่เจอทาเคอากิแล้ว
“ทำงานหนักซะนาน วันนี้ได้หยุดซะที” ทาเคอากิกอดคาโอรุซังเข้ามาอีก
“อยากกินอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า?” คาโอรุถามคิดจะทำกับข้าวที่ทาเคอากิอยากทาน
“เอาเป็นปลาซะบะย่างเกลือ กับซุปมิโซะเหมือนเดิมก็ได้ครับ”
“สลัดด้วยดีไหม?”
“ครับ และก็ผมจะช่วยด้วย”
คาโอรุซังยิ้มเบาบางบนใบหน้า หากแม้นก็ไม่รู้ว่าคาโอรุรู้สึกยินดีหรือเปล่า
ทาคุงนอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนระเบียงทางเดิน โดยมีสมุดวิชาคณิตศาตร์ที่เขาโอดคราญว่าได้การบ้านตั้งแต่อาทิตย์แรกที่เปิดเรียน วันนี้ถึงแม้เป็นวันอาทิตย์ทาคุงก็ไม่สามารถพักผ่อนได้อย่างที่คิด
“อะไรกันเนี่ย เรียนไม่กี่วันก็มีการบ้านแล้ว หัวอย่างผมจะไปทำได้ยังไง” ทาคุงบ่นตาไม่แลสมุดแม้แต่น้อย
“เขาต้องไล่ผมออกแน่เลยคาโอรุซัง”
“ไม่หรอก”คาโอรุซังปลอบตายังมองปลาคาร์ฟสีสวยในสระเล็กๆขอบสระมีหินก้อนใหญ่ก้อนน้อยประดับอย่างสมดุลและเพื่อกันไม่ให้ขอบสระพังทลายลงไป
“คาโอรุซังจะไปรู้อะไร ในห้องมีแต่คนเก่งๆทั้งนั้น มีผมโง่อยู่คนเดียว”
“คนที่ไปเรียนคือคนที่ไม่รู้ เพราะฉะนั้นนักเรียนก็คือคนที่ไม่รู้ ทาคุงลองทำดูก่อน ถ้าไม่เข้าใจตรงไหนก็ถามฉันได้”
“จริงเหรอครับ?”
“อืม” คาโอรุตอบมั่นใจแล้วลุกขึ้นไปนั่งข้างๆทาคุงเป็นการบังคับกลายๆว่าได้เวลาทำการบ้าน
“คาโอรุซังนี้ให้ความรู้สึกเหมือนอาจารย์ที่โรงเรียนเลยนะครับ แบบนี้ก็เหมือนอยู่โรงเรียน 7 วันเลยสิครับ”
“ก็…ฉันเคยเป็นครูมาก่อนนะ”
“เอ๊ะ จริงหรือครับ?!” ทาโอะคงไม่เคยรู้มาก่อน
“นานมาแล้วล่ะ”
“แล้วทำไมเลิกซะแล้วครับ?”
“…………….” คาโอรุซังไม่ได้ตอบแต่เงยหน้ามองต้นสนญี่ปุ่นที่สูงเหนือหลังคาขึ้นไป ทาคุงเห็นโซ่ที่อยู่ข้อเท้าของคาโอรุซังแล้วไม่กล้าถามต่อ ก้มหน้าก้มตาแก้โจทย์เลขแบบมั่วๆ
ทาคุงคาใจเรื่องคาโอรุซังมานานแล้วเขาถามโนดะผู้เป็นอามาหลายครั้งแต่ก็ไม่ได้รับคำตอบที่เป็นเรื่องเป็นราวสักเท่าไร วันนี้คิดว่าจะลองถามอาดูอีกสักครั้งและจะต้องรู้เรื่องคาโอรุซังให้ได้
“ทำไมคาโอรุซังถึงเลิกเป็นครูล่ะครับ?” โนดะเลิกคิ้วขึ้นไม่คิดว่าทาโอะจะรู้เรื่องนี้
“อาไม่ต้องมาปิดบังผมเลยนะ”
“หนอยแกไปเรียนไม่กี่วันทำเป็นสั่งนะ เรียนมันจบเถอะ ฉันจะได้ไม่ต้องเสียเงินฟรี โรงเรียนเอกชนค่าเทอมไม่ใช่ถูกๆรู้ไหม!”
“รู้แล้วน่า รีบเล่ามาเถอะ”
“จะอยากรู้ไปทำไม?” โนดะไม่ยอมบอกง่ายๆ
“อาให้ผมไปดูแลคาโอรุซัง ผมก็ต้องรู้เรื่องอะไรบ้าง จริงไหมครับ?”
โนดะคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะบอกว่าคาโอรุซังเคยเป็นครูมาก่อนจริงๆ
“แล้วทำไมถึงเลิกละครับ?”
“ก็จะไม่ให้เลิกได้ยังไงละ ….” โนดะเงียบไปเฉยๆ
“อาครับ?” ทาโอะไม่ยอม
“โดนล่ามโซ่ไว้แบบนั้นจะไปสอนได้ไง?!”
ทาโอะรู้ว่าคาโอรุไม่ได้ต้องการที่จะอยู่ที่นี่ เขาเคยได้ยินมาว่าสาเหตุที่คาโอรุซังโดนล่ามโซ่ เพราะคิดไปจากทาเคอากิซัง เขาไม่เข้าใจว่าจะต้องทำถึงขนาดนี้เลยหรอ ทำไมไม่คิดถึงคาโอรุซังบ้าง ตั้งแต่ได้มาอยู่ที่นี่ก็ 2 ปีแล้ว คาโอรซังโดนล่ามโซ่ไว้ตลอดเวลาเขาไม่เคยไปไหนไกลกว่าที่โซ่ยาวถึง และคาโอรุซังก็ไม่เคยแกะมันออกราวกับว่ามันมีแล้วมันเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายเขา
“แล้วคาโอรุซังมาอยู่ที่นี่นานหรือยัง?”
“อื---ม” โนดะคิด “ ก็ 5 ปีได้แล้วมั้ง”
“ 5 ปีนี้ก็อยู่เรือนเล็กมาตลอดเหรอครับ?”
“เออ”
“แล้ว?”
“ไม่ต้องถามอะไรแล้ว” โนดะชิงเดินหนีไปก่อนที่จะหลุดปากไปมากกว่านี้
คาโอรุซังมองสมุดที่ทาโอะวางลืมไว้เหมือนตกอยู่ในภวังค์ ความรู้สึกต่างๆที่มีม้วนตัวในจิตใจเขาก่อนที่จะตกตะกอนลงเหมือนเศษดินตกพื้นบ่อ แล้วน้ำตาเขาก็ไหลอาบแก้มลงมาก่อนที่มีสะอื้นตามมา พอรู้ตัวว่าตนเองกำลังร้องไห้ก็รีบหักห้ามมือผอมปิดปากไม่ให้เสียงสะอื้นเล็ดลอดออกมา
จะร้องไห้ทำไม ในเมื่อมันไม่มีประโยชน์อะไรขึ้นมา กรงที่ขังอยู่นี้ไม่มีใครหยิบยื่นกุญแจให้ ไม่มีใครเปิดประตูให้เขาออกไป อิสรภาพนั้นไม่คิดตั้งนานแล้ว
ทาโอะกลับมาเอาสมุดที่ลืมไว้มองคาโอรุซังด้วยความสงสาร
เช้าต่อมาคาโอรุซังนอนป่วยอยู่บนฟูก ทาเคอากิรีบให้หมอของแก๊งมาตรวจในทันที
“ฉันไม่เป็นไรหรอก” คาโอรุซังบอก หนังตาเขาหนักอึ้งแต่ร่างกายกลับไม่มีแรงเลย
“เพราะคาโอรุซังเอาแต่ไปตากลมอยู่ข้างนอกนั้นแหละครับ ถึงอากาศจะเย็นสบายแต่ใส่ยูกะยะบางๆแบบนั้น ไม่ดีต่อร่างกายนะครับ” ทาคุงว่านั่งข้างฟูกสีหน้าบ่งบอกว่าเป็นกังวลและไม่พอใจอยู่
“ขอโทษนะที่ทำให้ยุ่งยาก”
“แล้วเขาเป็นยังไง?” ทาเคอากิถามหมอ
“เป็นไข้หวัดธรรมดาครับ แต่เพราะร่างกายเขาผายผอมประกอบกับอาจจะมีเครียดเลยทำให้อาการแย่กว่าคนทั่วไป ผมจะจัดยาลดไข้และยาให้บำรุงไว้ให้นะครับ รบกวนดูแลคนไข้ให้ทานยาตามเวลาด้วย”
“ครับ” ทาเคอากิกล่าวขอบคุณแล้วแล้วให้โนดะไปหมอคลินิก ทาคุงเห็นว่าตนจะเป็นส่วนเกินรีบตามโนดะออกไป
“ทำไมถึงไม่ดูแลตัวเองละครับ?”
“………….”
“โกรธผมหรือครับ?”
“เปล่า”
“โกรธผม ทำไมไม่มาลงกับผม ทำร้ายตัวเองทำไม?”
“เปล่า” เพราะคาโอรุซังป่วยอารมณ์จึงอ่อนไหวกว่าปกติ น้ำตาไหลอาบลงมา
“คาโอรุซัง?”
“ฉันนึกถึงเมื่อก่อน……… ฉันมีอิสระ”
“ผมจะปลดโซ่ออกถ้าคาโอรุซังรับปากว่าจะไม่หนี”
“ทาเคอากิคุงปล่อยฉันไปได้ไหม ฉันอยู่ที่นี่นานไปแล้ว”
“………………………………….” เป็นฝ่ายทาเคอากิที่เป็นฝ่ายเงียบบ้าง เขาไม่ตอบเพราะเขาทำไม่ได้
“ 5 ปีแล้วนะที่ฉันไม่ได้เจอหน้าครอบครัว และ 5 ปีแล้วที่พวกเขาไม่รู้ว่าฉันเป็นตายร้ายดียังไง”
“ผมจะพาไป ถ้าคาโอรุซังต้องการ”
“ไม่ใช่ ไม่ใช่แบบนั้น” คาโอรุซังส่ายหน้าน้ำตาเปรอะเปื้อนไปทั้งแก้ม
“คาโอรุซังพักผ่อนเถอะครับ เดี๋ยวเราค่อยคุยเรื่องนี้กันใหม่”
“………..”
คาโอรุซังรู้ว่าพูดอะไรไปก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงแต่เขาก็มีความหวังว่าสักวันหนึ่ง ….สักวันหนึ่งเขาจะเดินบนท้องถนนได้ เขาจะสามารถเดินออกจากบ้านในตอนเช้าและกลับมาในตอนเย็น เขาจะหัวเราะได้เมื่อได้ยินเรื่องตลก เขาจะดุนักเรียนที่เรียกชื่อแรกเขาเหมือนเพื่อนรุ่นเดียวกัน เขาจะชมเชยคนที่ทำคะแนนได้ดี เขาไปดูคาโอริเล่นเบสบอลพร้อมทั้งถ่ายวีดีโอและกลับเอามาเปิดที่บ้านให้คาโอริขวยเขิน และเห็นสีหน้าภูมิใจของพ่อกับแม่
ทาเคอากิออกไปแล้วทาคุงที่แอบอยู่จึงเข้ามาคาโอรุซัง
“คาโอรุซัง?” ทาคุงทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
“เด็กโง่” คาโอรุซังว่าแล้วผล็อยหลับไป
**********
เรื่องสั้น 3 ตอนจบเน้อเจ้าค่ะ