แน่นอนว่าห้องน้ำในความหมายของมาร์ชอยู่อีกฟากหนึ่งของโรงเรียน เขารู้สึกกระชุ่มกระชวยทีได้ออกมานอกห้องสี่เหลี่ยม รู้แล้วทำไมคนเขาถึงได้ชอบโดดเรียนกัน มันสดชื่นอย่างนี้นี่เอง
สดชื่นขึ้นไปอีกเมื่อได้เจอคนที่อยากเจอสักที แต่คราวนี้ถึงกับหัวใจเต้นผิดจังหวะ เมื่ออาจารย์ก้องอยู่ในกางเกงขาสั้นตัวเดียว รองเท้าผ้าใบ เขากำลังจัดเก็บอุปกรณ์บางอย่างให้เข้าที่ แค่มองแผ่นหลังกับมัดกล้ามเนื้อแข็งแรงนั่น ก็เล่นเอาหน้าร้อนขึ้นมาได้ มาร์ชก้มตัวลงหลบหลังพุ่มไม้ตัดแต่งหน้าโรงยิม เมื่อก้องภพหมุนตัวมา ยิ่งได้เห็นชัดๆในแสงสว่างชัดๆยิ่งน่าตื่นเต้นเข้าไปใหญ่ พาให้คิดถึงเมื่อวาน ที่ร่างกายกำยำโอบกอดเขาไว้ มัดกล้ามทำงานขยับตัวบ้าคลั่ง ส่งเสียงเสียเร่าร้อนเหมือนคนควบคุมตัวเองไม่ได้ ผู้ชายมาดเฉียบตรงหน้านี่น่ะหรือ ที่เมื่อคืนเพิ่งจะเสียศูนย์ให้กับเด็กผู้ชายแบบเขา
ดีใจเล็กๆ
ไม่สิ.....ติดใจเลยล่ะ
ติดใจอย่างร้ายกาจ
“สวัสดีครับ” มาร์ชเข้าไปทักอาจารย์ก้องจากข้างหลัง ครูหนุ่มแปลกใจหันมาตามเสียง เขาอุส่าห์หลบลี้หนีหน้าไปหาอะไรกินเสียไกลตอนกลางวัน ไหงมาเจอในเวลาเรียนได้ล่ะ
“ไม่มีเรียนเหรอ?”
“ทีอาจารย์ยังไม่มีสอนเลย”
เด็กนักเรียนต่อปากต่อคำ ก้องภพมองรอยยิ้มน่าหมั่นเขี้ยวนั่น จะหลบหนีไปก็คงไม่มีประโยชน์ เป็นผู้ใหญ่ขนาดนี้แล้วจะให้มาทำตัวลับๆล่อๆแบบเด็กๆก็คงไม่ใช่ ถึงจะใช้เวลาทำใจอยู่นาน แล้วตอนนี้ก็ยังไม่พร้อมที่จะพูดถึงมันและแสนจะกระดากอาย แต่จะให้หนีปัญหาต่อไปเขาก็ทำไม่ได้เหมือนกัน
“ขอคุยด้วยหน่อยสิ เรื่องเมื่อวานน่ะ” อาจารย์หนุ่มบอกไปพลางคว้าเสื้อตัวเก่าขึ้นมาใส่ก่อนเพราะเห็นท่าทางเด็กตรงหน้าจะไม่มีสมาธิ
มาร์ชพยักหน้ารับ เดินตามเข้าไปนั่งในห้องเก็บของแต่โดยดี ในใจก็หวาดหวั่นอยู่ลึกๆ ว่าอาจจะได้ฟังคำพูดที่ไม่อยากฟัง ก้องภพปิดประตูล็อคไว้ ลากเก้าอี้มานั่งตรงข้าม ครูพละใช้เวลาทำใจสักครู แล้วเริ่มบทสนทนาแบบไม่อ้อมค้อม
“มาร์ช...เธอรู้ไหมว่าฉันมีครอบครัวแล้ว”
เด็กชายพยักหน้า หัวใจสั่นไหววูบ เขารู้อยู่แล้ว รู้อยู่แก่ใจ แล้วก็ไม่อยากพูดถึงมันด้วย
“เข้าใจใช่ไหมว่าเราจะทำแบบนั้นไม่ได้อีก”
เขาคิดอยู่นานกว่าจะตอบ
“แต่อาจารย์...ทำมันไปแล้วนะ”
“มาร์ช....ฉันมีครอบครัวต้องรับผิดชอบ”
เด็กนักเรียนเงียบไปพักใหญ่
“แล้วใครจะรับผิดชอบผมล่ะ....”
ก้องภพนิ่งอึ้ง..
“อาจารย์ก็มีผมเหมือนกันไม่ใช่เหรอ”
...กับข้ออ้างเอาแต่ได้ของเด็กมัธยม มันสมเหตุสมผลเสียด้วย แต่ก็ฟังดูเห็นแก่ตัวเสียเหลือเกิน
“ไหนเธอ....บอกฉันเองว่า เธอไม่ใช่เด็กผู้หญิง....ฉันไม่ต้องคิดมากไม่ใช่หรือไง” ผู้ใหญ่สวนกลับ คราวนี้เป็นเด็ก ที่เป็นฝ่ายอึ้งไปบ้าง ถูก....เขาพูดคำนั้นออกมาเอง ด้วยอารมณ์ไหนก็ไม่ทราบได้ แต่ตอนนี้มันย้อนกลับมากรีดหัวใจเขาเอง บาดเจ็บหนัก ไม่ทันได้ตั้งตัว ก้องภพมองดูเด็กนักเรียนดิ้นรนหาคำพูดแก้ต่าง ดูออกว่าเขาเจ็บปวดสาหัสกับประโยคนั้น ห้ามใจตัวเองไว้ไม่ให้สงสาร ทั้งๆที่อยากจะเข้าไปปลอบใจจะขาด
“......แต่ผมชอบอาจารย์นะ” เสียงสารภาพของเขาสั่นเครือ ในใจเบาโหวง นี่กำลังจะถูกทิ้งใช่ไหม ทำไมมันเร็วอย่างนี้นะ
“....ขอบคุณมากนะ” ก้องภพลูบหัวเขาแผ่วเบา นั่นยิ่งทำให้ทุกอย่างแย่ลงไปอีกร้อยเท่า เสียงสะอื้นเล็ดลอดออกมา ครูหนุ่มดึงตัวเด็กนักเรียนเข้ามากอด มาร์ชกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ไออุ่นสัมผัสจากผู้ใหญ่ตรงหน้ากลายเป็นหมอกควันจางๆเมื่อรับรู้ว่ามันกำลังจะจากไป เขากอดมันไว้แน่นทีสุดเท่าที่จะทำได้ ฝ่ามือลูบลงไปปลอบประโลมความรู้สึกกลับกลายเป็นยิ่งโศกเศร้า
“ฮึก....ฮืออ...อาจารย์...จะทิ้งผมจริงๆเหรอ” คำพูดซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกนั้นเล่นเอาคนฟังใจหาย ถึงแม้พยายามทำใจแข็งเข้าไว้เพียงใด ก้องภพกำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว สูดหายใจเข้าลึกเพื่อไม่ให้ตัวเองใจอ่อนไปมากกว่านี้ ทั้งหมดนี้ก็เพื่อทั้งตัวเขาเอง ตัวเด็กนักเรียน และครอบครัว เพื่อทุกๆคน
“มาร์ช ฟังนะ...” อาจารย์หนุ่มผละออก ภาพตรงหน้าทำเอาเขาเกือบจะไม่ไปต่อ เมื่อเห็นน้ำตาเกาะอยู่บนใบหน้าอ่อนเยาว์ ร่วงผลอยลงบนตัก มาร์ชเป็นเด็กที่มีภายนอกดูไร้เดียงสาอยู่แล้ว ยิ่งบวกกับน้ำตาเข้าไปยิ่งแย่เข้าไปใหญ่
แย่ต่อหัวใจเขานี่แหละ
“มันดีกับตัวเธอเองนะ....ถ้าชอบฉัน ก็เชื่อฉันสักครั้งได้ไหม?”
“.....ฮึก....อา....อาจารย์....กะ....กอดผมก่อน...ดะ....ได้ไหม”
อาจารย์หนุ่มตอบสนองต่อคำขอเล็กๆนั้น เขากอดร่างกายที่บัดนี้เปราะบางไปถึงขั้วหัวใจเอาไว้ เสมือนว่าประคับประคองให้หัวใจของมาร์ชเต้นต่อไปได้ เด็กชายปลดปล่อยอารมณ์ออกมา ไม่มีอะไรจำเป็นต้องปิดบัง ไม่มีอะไรเหลือให้ต่อรอง เหลือเพียงแต่ความจริงที่ต้องเผชิญ
ตรงกันข้ามกับก้องภพที่กำลังต่อสู้กับจิตใจตัวเองอย่างหนักหน่วง…..
และได้แต่หวังว่ามันผ่านพ้นไปได้ด้วยดี.....
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
talk; อาจารย์ก้องจะทำใจแข็งไปได้สักกี่น้ำกันเชียว