เธอมีชู้
Special's Dew เป็นชู้ไม่ได้ตั้งใจ
[ดิว]
สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เสียงปิดประตูดังสนั่นก้องอยู่ในหูของผมเหมือนกับเสียงร้องไห้ปานจะขาดใจของผู้ชายคนหนึ่ง ผมกระชับอ้อมแขนของตัวเองกับร่างกายของพี่แมทเอาไว้ กลัวว่าเขาจะไม่ปกป้องผม กลัวว่าจะต้องเจ็บตัวอีก แม้ว่าจะรู้สึกถึงการจากไปของคนที่ทำร้ายร่างกายกัน
“ไม่เป็นไรนะดิว บอมไปแล้ว...” เสียงของร่างสูงค่อนข้างสั่น ผมไม่เข้าใจว่าเขาจะมีน้ำเสียงเหมือนคนร้องไห้ทำไม
“ผมกลัว...” ผมเงยหน้ามองเขา มองคนที่ผมรัก ใบหน้าหล่อเหลายามนี้ยับเยิน เขาเองก็โดนไปไม่น้อยเหมือนกัน
“ไม่เป็นไรนะ ไม่มีอะไรต้องกลัวแล้วล่ะ” พี่แมทยิ้มบางให้กับผม พร้อมทั้งโอบกอดปลอบปละโลมผมอยู่นานสองนาน
ผมไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อน ยอมรับว่าการที่พี่บอมเข้ามาแล้วทำร้ายกันขนาดนี้เป็นเรื่องหนักหนาสาหัสมากสำหรับผม แต่นั่นไม่เท่ากับสิ่งที่เขาตะโกนใส่หน้าผมหรอก คำพูดนั้นยังก้องอยู่ในหู ไม่ได้หายไปไหน ถึงพี่แมทจะปลอบ จะทำแผลและดูแลผมดีแค่ไหน ผมก็เอาแต่เหม่อคิดถึงคำพูดของเขา
ตอนที่เข้ามา ผมรู้ได้ทันทีว่านี่คงไม่ใช่การทะเลาะกันของพี่น้อง พี่บอมเองก็ประกาศตัวปาวๆ ว่ามีความสัมพันธ์อย่างไรกับพี่แมท แต่ผมเองนั่นแหละที่ไม่ยอมรับความเป็นจริง ผมยังอยากจะเชื่อมั่นว่าผมเป็นตัวจริงของพี่แมท ไม่ใช่พี่บอม
มันเป็นความรู้สึกที่เห็นแก่ตัว แต่ก็อยากยื้อเอาไว้ให้สุดความสามารถของตัวเอง เพราะผมรักพี่เขาไปแล้ว....รักไปจนหมดหัวใจ
“พักอยู่กับพี่ก่อนไหม...” หลังจากใส่เสื้อผ้า ทำแผลเรียบร้อยพี่แมทก็เอ่ยกับผมเสียงนุ่ม
“ครับ” และผมก็ยอมตอบกลับไปง่ายๆ ทั้งที่ในหัวยังคงว้าวุ่นอยู่กับสิ่งที่เกิดขึ้น
พี่แมทเก็บอารมณ์เก่ง เขาแค่ยิ้ม ทุกอย่างก็ดูเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมเดินเข้ามาในห้องนอนที่เราได้ใช้เวลาคลุกอยู่ด้วยกันมาร่วมสามวัน ข้างนอกพี่แมทกำลังทำความสะอาดห้องและเก็บกวาดข้าวของ ส่วนผม...แค่เอนกายนอนเท่านั้น
กลิ่นตัวจางๆ ของพี่แมทยังอยู่บนที่นอน ผมลูบไล้มันด้วยความรัก..
ผมกับพี่เขาเราคบกันง่ายมาก วันแรกที่ตกลงคบกันผมก็ยอมพี่เขาเสียแล้ว มันเหมือนกับว่าพอเราชอบเขาแล้วเราก็ยอมที่จะให้เขาทุกอย่างที่เขาต้องการ ความสัมพันธ์ระหว่างชายกับชายมันไม่มีอะไรเสียหายอยู่แล้ว ผมจึงไม่คิดเล่นตัว อาจเพราะคำพูดที่แสนจะอ่อนโยนของพี่แมทก็ได้ที่ทำให้ยอมง่ายเสียเหลือเกิน เขาเจ้าเล่ห์...เป็นเสือที่น่าตี
หลังจากเก็บห้องนอนเรียบร้อยพี่แมทก็เดินเข้ามา เขาทิ้งกายลงข้างๆ สวมกอดผมเอาไว้แล้วนิ่งงันไป ไม่มีคำพูดใดๆ หลุดออกมาจากริมฝีปากของคนข้างๆ มีแค่เสียงลมหายใจและความอบอุ่นที่ทำให้ผมรู้สึกว่าเขายังอยู่กับผมเท่านั้น ผมพลิกกายหันไปหาเขา มองใบหน้าที่ต่อให้ช้ำก็ยังคงหล่อและดูดีในสายตาผม เขาหลับตาสนิท อย่างกับคนนอนหลับไป แต่บางอย่างบอกให้ผมรู้ว่าพี่แมทไม่ได้หลับเลย
“พี่แมทครับ...” ผมลองเรียกเขาดูเบาๆ
“ครับ...”
“อธิบายให้ผมฟังได้ไหมครับ...” ความเจ็บแล่นริ้วขึ้นที่ใจเมื่อตั้งคำถามใส่อีกฝ่าย ผมรู้ว่าความจริงมันจะเจ็บ แต่ผมยังอยากได้ยินมัน อยากรู้ว่าพี่แมททำแบบนี้เพราะพี่แมทรักผมจริงๆ ใช่ไหม ไม่ใช่ทำเพราะว่าต้องการเอาชนะอีกคน
“พี่ยังไม่พร้อมที่จะพูดดิว พี่ไม่ไหว...เพลีย” พี่แมทตัดบทด้วยการหันหลังให้กับผม เป็นการกระทำที่เจ็บกว่าให้คำตอบ ผมเม้มปากแน่น ตัดสินใจทำในสิ่งที่ค่อนข้างวัดใจพอสมควร
“งั้น ถ้าพี่พร้อมจะพูดเมื่อไหร่...ติดต่อมานะครับ” ผมอยากเรียกร้องความสนใจ จึงพูดแบบนั้นแล้วลุกขึ้นจากที่นอน ก้าวไปเก็บข้าวของของตัวเอง
พี่แมทแค่ขานตอบอืมแล้วก็นอนต่อไป ไม่มีท่าทีสนใจหรือแคร์อะไรผมแม้แต่น้อย สิ่งที่แมททำตอนที่พี่บอมเข้ามาคืออะไร การที่เขาปกป้องผมไม่ได้แปลว่าเขาเห็นผมดีกว่าหรือรักผมมากกว่างั้นหรอ ทำไมเขายังเมินผมได้แบบนี้
เจ็บกายก็ว่าสุดทนแล้ว...
แต่เจ็บที่ใจผมจะทนมันได้ยังไงกัน...
เมื่อสองวันก่อนผมยังคิดว่ามันเป็นวันที่ดีที่สุดของผม ได้ใช้ชีวิตร่วมกับคนที่ตัวเองรัก ถึงมันจะเป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆ แต่มันก็วิเศษมากๆ พี่แมทไม่เคยให้ผมมาห้อง การที่ผมได้มาก็เหมือนการได้ก้าวเข้ามาในชีวิตของเขามากขึ้นอีกก้าว รู้สึกความรักเรามั่นคงอย่างที่ไม่เคยรู้สึกต่อใครมากขนาดนี้มาก่อน แต่แล้วผ่านไปสองวัน...มันก็กลายเป็นวันที่เลวร้ายที่สุดของผมไปเสียได้
ทำไมสวรรค์ถึงเล่นตลกกับชีวิตผมได้มากขนาดนี้ พวกท่านเห็นความรู้สึกของมนุษย์เป็นอะไร ของเล่นหรือ เห็นคนเสียใจจะเป็นจะตายมีความสุขมากนักหรือไง ผมไม่ตลก ไม่สนุกด้วยทั้งนั้น ผมเจ็บ เสียใจ
ผมนั่งปาดน้ำตามาตลอดทาง มันห้ามไม่ได้เมื่อคิดถึงสิ่งเลวร้ายที่สุดที่แมทได้ทำกับผม นั่งคือเขาอาจจะหลอกผมมาตลอด เขามีตัวจริงอยู่แล้ว อยู่กินกับพี่บอมมานานและผมเป็นชู้รักของเขาเท่านั้นเอง การปกป้อง เป็นเพียงภาพมายา เขาแค่ไม่อยากให้ผมเจ็บ นั่นไม่ได้หมายความว่าเขารักผม
กลับกัน...พี่แมทอาจไม่เคยรักผมก็ได้
ทำไมไม่ถึงไม่ใส่แหวนที่ผมซื้อให้ เพราะว่ามันจะทำให้คนที่บ้านรู้น่ะสิว่าตัวเองแอบมีกิ๊ก ทำไมไม่ให้มาที่ห้อง ก็เพราะคนที่ห้องของคือตัวจริงของเขายังไงล่ะ
สรุปแล้ว...พระเจ้าหรือพี่แมทกันแน่ที่เล่นกับความรู้สึกของผม
“เฮ้ย! ไอ้หมาดิว...นี่ไปฟัดกับหมามาหรอ” เสียงเอ่ยทักจากบ้านฝั่งตรงข้ามไม่ได้เรียกความสนใจของผมเท่าไหร่ ผมมองแค่บ้านตัวเอง คิดถึงสีหน้าของพ่อและแม่ที่เห็นสภาพผม
ผมจะบอกพวกท่านอย่างไร...
“อ่าว ใบแดกหรอวันนี้ หรือหมามันกัดลิ้นมึงขาด”
“หุบปากไปไอต้น! กูไม่เล่น!” ผมปาดน้ำตาแล้วหันไปตวาดไอ้คนปากเสีย
แต่เมื่ออีกฝ่ายเห็นสภาพผมจริงๆ มันก็นิ่งค้างอยู่ตรงรั้วบ้านของตัวเอง สายตาที่มองมามีทั้ความสงสัยและสงสาร ผมไม่สนใจ หันกลับมาที่บ้านของตัวเองอีกครั้ง ชั่งใจว่าจะเปิดเข้าไปเผชิญหน้ากับพ่อแม่ดีไหม แต่ไม่ทันได้ตัดสินใจ ไหล่ก็รับรู้ถึงน้ำหนักที่กดทับ ผมหันไปมองคนด้านหลัง ไอบ้าปากหมาที่กัดจิกผมได้ทุกวี่ทุกวันที่บังเอิญเจอกัน
ต้นเป็นเพื่อนบ้าน จริงๆ เขาเป็นรุ่นพี่เพราะปัจจุบันมันอยู่ปีสองแล้ว แต่ผมไม่เคยเรียกมันว่าพี่เลยสักครั้ง คงเพราะเราเห็นกันมาตั้งแต่เด็ก และมันก็ปากหมามาตั้งแต่สมัยก่อนแล้ว ผมเกลียดขี้หน้ามัน และตอนนี้ก็โคตรจะเกลียดมากขึ้นไปอีก
“จะเอาหน้าแบบนี้ไปพบพ่อแม่ คงไม่ดีมั้งมึง” เสียงของต้นดูอ่อนลง
“ไม่ต้องเสือก” ผมว่า สะบัดไหลออกแล้วเปิดประตูบ้าน
อะไรจะเกิด...ผมก็คงต้องปล่อยมันไป เหมือนกับเรื่องวันนี้ที่ผมทำอะไรไม่ได้สักอย่างนั่นแหละ
เมื่อพ่อกับแม่เห็นใบหน้าที่ยับเยินของลูกชาย ท่านทั้งสองก็ซักไซร้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงมีสภาพแบบนี้ ผมไม่เคยมีเรื่อง มีปัญหากับใครมาก่อน เรื่องชกต่อยไม่ต้องพูดถึง เด็กเรียนอย่างผมมีแต่เรียนกับเรียนเท่านั้น
“ผมโดนลูกหลงน่ะครับ ไม่มีอะไรหรอก...” ผมโกหกออกไปเพื่อปกป้องพี่แมท รู้ดีว่าถ้าบอกความจริง อะไรจะเกิดขึ้น
พ่อกับแม่ไม่เชื่อ พยายามซักไซร้ต่อ แต่เมื่อเห็นผมร้องไห้ ท่านก็ทำแค่ปลอบและเลิกถามคำถามที่ทำให้ผมจนปัญญาตอบ ผมขอตัวขึ้นห้อง ขังตัวเองให้จมอยู่กับความรู้สึกแย่ๆ
ผมเฝ้ารอเสียงมือถือของตัวเอง หวังให้มันดังขึ้น เป็นสายของพี่แมท แต่ไม่ว่าจะรอเท่าไหร่ มือถือก็ยังคงนอนนิ่งสนิทอยู่อย่างนั้นไม่มีการเคลื่อนไหว ความเงียบและสงบมันทำร้ายจิตใจของผมให้ช้ำหนักขึ้นเรื่อยๆ
พี่แมทไม่คิดแม้แต่จะโทรมาหา ไม่คิดจะถามว่าผมเป็นยังไง แผลที่ร่างกายไม่ดีขึ้นซ้ำร้ายไข้ยังขึ้นอีก จิตใจผมอ่อนแอลงมากกว่าเดิม ผมจมลงไปในวงวนแห่งความเศร้าไม่มีสิ้นสุด อยากได้ยินเสียงคนที่ตัวเองรัก อยากได้ยินคำอธิบาย โกหกก็ได้...ถ้าแค่พี่ยังต้องการผมอยู่ ขอให้บอก ขอให้พูด ผมพร้อมที่จะให้อภัยและเชื่อมันสุดหัวใจ เพื่อที่ผมจะได้ไม่เสียพี่ไป
บางครั้ง ผมก็คิดอย่างคนเห็นแก่ตัวว่า...ไหนๆ พี่แมทก็เสียพี่บอมไปแล้ว มาคบจริงจังกับผมได้ไหม คนแบบนั้นน่ะปล่อยเขาไปเถอะ อย่าไปสนใจเลย อย่าใส่ใจเขาเลย ได้โปรดหันมาหาผม ผมที่รักพี่แมทที่สุด
แต่ดูเหมือนคำอ้อนวอนของผมจะไม่ประสบผล...
(เราเลิกกันเถอะดิว....พี่ขอโทษ แต่พี่ทิ้งบอมไม่ได้จริงๆ)
“ครับ...”
(แล้วเรื่องที่เกิดขึ้น...พี่ขอ....คือพี่)
“ผมไม่บอกพ่อกับแม่หรอกครับ”
(ขอบคุณมากนะ ขอให้ดิวเจอคนดีๆ นะครับ)
“ครับ”
เมื่อเขาโทรมา...เขาได้ทำร้ายหัวใจผมเป็นครั้งสุดท้ายด้วยความว่าเลิกกัน ผมได้ยิน ผมก็ไปไม่เป็น อยากรั้ง แต่พูดไม่ออก ไม่รู้ควรจะพูดอะไร หน้ามันชาไปหมด หัวใจปวดร้าวอย่างกับจะแตกออกเป็นเสี่ยง ผมต้องเก็บกลั้นน้ำตาและเสียงสะอื้นอย่างสุดความสามารถ เพื่อปล่อยเขาไปโดยไม่ให้เขารู้สึกแย่
ใช่...พี่แมทไม่รู้สึกแย่ แต่ผมเหมือนจะตาย
ผมร้องไห้หนักมาก พ่อกับแม่ไม่อยู่จึงไม่อดกลั้นเมื่อสายนั้นตัดทิ้งไปแล้ว น้ำตาและเสียงคร่ำครวญดังลั่นห้องนอนเล็กๆ ของตัวเอง สถานที่แห่งนี้ก็มีความทรงจำของผมกับพี่แมทมากมาย
เขามักมาหาตอนเย็นๆ มานั่งทำรายงานและเราก็กอดกันบนเตียง สัมพันธ์ทางกายเป็นอะไรที่พี่แมทชอบทำ เขาว่ามันเป็นการบอกรักที่ดีที่สุด ผมก็ยินดีที่จะรับคำว่ารักของเขาด้วยวิธีนี้ เรามีความสุขด้วยกัน...ผมรู้สึกเช่นนั้น และผมเองก็มีความสุขกับมันมากเหลือเกิน
แต่ตอนนี้...ห้องนี้เหมือนคุกที่ขังผมเอาไว้กับความเจ็บปวด มองไปทางไหนก็มีแต่ความทรงจำมากมาย และทุกความทรงจำมันเป็นความเจ็บปวด เพราะมันสวยงาม มันถึงทำร้ายผมมากขนาดนี้
สายตาของผมสะดุดกับบางอย่างบนโต๊ะเครื่องเขียน น้ำตาอันมากมายไม่สามารถบดบังความแวววาวของคัตเตอร์ได้ ผมเดินไปคว้ามันมาก่อนจะทรุดลงที่ข้างเก้าอี้ ในหัวยังมีแต่ภาพของเรา ในขณะที่คมมีดกรีดผ่านผิวให้เลือดได้ไหลออกมา ผมก็ยังคงฟูมฟายร้องไห้ราวกับมันจะสามารถทำให้ความเป็นเรานั้นหวนกลับคืนมา
“เฮ้ย!” เสียงทุ้มของบุคคลไม่ได้รับเชิญทำให้ผมชะงัก ผมหันไปมองทางประตู ต้นยืนอยู่ตรงนั้น
“มึงทำเหี้ยไรเนี่ยดิว บ้าไปแล้วหรอวะ!!!” ต้นพุ่งเขามากระชากคัตเตอร์ออกไปจากมือผม เขาเก็บมันเข้าด้ามดีแล้วๆ แล้วสอดใส่กระเป๋ากางเกงยีนสีซีด
“ไม่ต้องมาเสือกเรื่องของกู ออกไป”
“กูไม่ออก...กูไม่ให้มึงทำร้ายตัวเองหรอก แค่อกหัก จำเป็นต้องทำขนาดนี้ไหมวะ!”
“เรื่องของกู”
“เรื่องของมึงก็เรื่องของกูนั่นแหละ!!!” คำพูดของต้นทำให้ผมฉงน จึงมองหน้ามัน แต่ภาพของต้นก็พล่าเลือนพร้อมกับความอุ่นที่ริมฝีปาก...
“อื้อ!!!”
************จบ Special's Dew*************
พี่ชายข้างบ้านนั่นคือใครกันนะ
ถ้าคนเขียนจะแต่งเรื่องน้องดิวแยกจะมีคนอ่านไหมคะ ฮาาา