<Fic RicSung> Safe in the moonlight (จบในตอนค่ะ)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: <Fic RicSung> Safe in the moonlight (จบในตอนค่ะ)  (อ่าน 2508 ครั้ง)

ออฟไลน์ น้ำพริกแมงดา

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +272/-0
    • เข้ามาเป็นคุยกันกับ "น้ำพริกแมงดา" ใน facebook page นะคะ
    ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
    เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
    กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


    ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
    http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

    ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
    http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

    ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

    1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
    การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

    2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
    หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
    หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
    และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
    การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
    ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

    เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

    3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

    4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

    5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
    เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

    6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

    7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
          7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
          7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
          7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
                - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

    8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

    9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

    10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

    11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

    บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
    นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

    12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

    13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

    14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

    15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
    (1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
    (2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
    ....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
    - ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
      (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
    - ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
    - ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
    - ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
    - ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

    16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

    17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
    ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

    18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ
Share This Topic To FaceBook

ออฟไลน์ น้ำพริกแมงดา

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +272/-0
    • เข้ามาเป็นคุยกันกับ "น้ำพริกแมงดา" ใน facebook page นะคะ
Re: <Fic RicSung> Safe in the moonlight (จบในตอนค่ะ)
«ตอบ #1 เมื่อ15-12-2016 14:55:48 »

เอริกทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงก่อนสูดหายใจแรงๆ กรุ่นคิดย้อนนึกลำดับเหตุการณ์ระทึกขวัญที่เพิ่งผ่านพ้นไปไม่กี่ชั่วโมง...
เมื่อคืนเป็นวันฮาโลวีน เขาไม่ได้ไปปาร์ตี้ที่ไหน ผู้บริหารบริษัทอย่างเขาอยู่ทำงานที่บริษัทจนดึกเหมือนปกติในช่วงปลายเดือน เขาออกจากบริษัทลงลิฟท์ที่ตึกมาตอนห้าทุ่มไปยังลานจอดรถชั้นล่าง ยังไม่ทันได้ขึนรถ เขาก็ถูกคนร้ายสามคนประชิดตัว พวกมันชกเขาที่ท้องและรวบตัวโปะยาสลบก่อนจะเอาถุงกระสอบคลุมหัวเขา เขามึนงงสะลึมสะลืออยู่ในถุงกระสอบ ตอนนี้ล่ะคือสิ่งที่ชายหนุ่มหยุดไว้กรุ่นคิดว่าเกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้น เอริกจำได้และรู้สึกว่ามีใครมาช่วยเขาไม่นานต่อจากนั้น สัมผัสของคนคนนั้นยังติดอยู่จนเช้านี้ ที่เขาตื่นมานอนหน้าห้องตัวเองอย่างปลอดภัยราวกับแค่ลืมคีย์การ์ดทำให้เข้าห้องไม่ได้ สัมผัสจากคนที่มาช่วยเขานั้น เป็นสัมผัสที่เขาคุ้นเคย และโหยหามันมาตลอดสามสิบปีนี้...

“นี่จองฮยอกลูกจะไม่อยู่กับแม่จริงๆใช่มั้ย!?”
เขานึกถึงความทรงจำสมัยเด็กๆ ซักประมาณเจ็ดขวบ ตอนนั้นครอบครัวของเขาที่มีพ่อแม่และเขาอยู่ด้วยกันที่อพาตเม้นต์แห่งหนึ่งในแหล่งที่พักคนทำงานแถวใจกลางเมือง พ่อแม่ของเขาเป็นพนักงานบริษัททั่วไป ที่บางวันก็กลับบ้านดึกตามสภาพเศรษฐกิจในยุคนั้นที่ตกต่ำทำให้ทุกอาชีพทำงานกันหนักมากขึ้น จึงทำให้ลูกชายคนเดียวอย่างเขาต้องไปอยู่กับชินฮเยซอง นักศึกษาหนุ่มเพื่อนข้างห้องใจดีที่พ่อแม่ของเขาไว้ใจรบกวนฝากเขาให้อยู่ในความดูแลเกือบทุกวันจนกว่าพ่อแม่จะมารับเขาในเวลาห้าทุ่ม ซึ่งก็เป็นเวลาที่เขาเข้านอนแล้ว
“ไม่เอา จะอยู่กับพี่ฮเยซอง” เด็กชายจงฮยอกตอบด้วยความงัวเงียและโผเข้ากอดฮเยซองที่อุ้มมาส่ง แม้จะถึงที่นอนห้องตัวเองแล้วแต่เขาก็ยังอยากกลับไปอยู่กับพี่ชายใจดีข้างห้องอยู่ดี ทำเอาพ่อแม่และฮเยซองยิ้มให้กับความซื่อของเด็กน้อย ฮเยซองจึงต้องค่อยพูดกับเด็กน้อย
“ไม่เอาน่าจองฮยอก เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็เจอกันอีกนี่ไง”
“ไม่อ่ะ พี่ฮเยซองเป็นแฟนผมก็ต้องอยู่กับผมสิ” พอจบประโยคนั้นแม่ของเขาก็ขำไม่หยุด ส่วนฮเยซองที่ถูกตู่ว่าเป็นแฟนก็ลูบหัวเขาอย่างใจดี เขายังจำได้ถึงสายตาอบอุ่นที่พี่ชายหน้าสวยนั้นมองเขา
“เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็เจอกันไง คนเป็นแฟนกันเค้าต้องแยกกันบ้างสิ เดี๋ยวไม่คิดถึงกันหรอก”
“เป็นแฟนกันต้องคิดถึงกันใช่มั้ยฮะพี่?”
“อื้ม ใช่แล้วจองฮยอก”
มุนจงฮยอกวัยสามสิบเจ็ดถอนหายใจให้ความรู้สึกหนึ่งที่เข้ามาครอบคลุม กับคนที่เขาเคยออกตามหาแต่ทว่าล้มเลวครั้งแล้วครั้งเล่า “พี่ครับ รู้รึเปล่าผมคิดถึงพี่ทุกวันเลย....”

โดยไม่ได้สนใจเสียงข่าวภาคเช้าในทีวีที่เปิดทิ้งไว้เป็นเพื่อน

“เกิดอุบัติเหตุรถยนต์ตกเขาเมื่อเช้ามืดที่ผ่านมาค่ะ โดยรถคันดังกล่าวได้ระเบิดขณะตกไปด้านล่าง เบื้องต้นพบผู้เสียชีวิตสามศพค่ะ สืบสวนพบว่ารถดังกล่าวเป็นรถที่ถูกสวมทะเบียน ตำรวจกำลังสืบสวนคดีนี้ในขั้นต่อไปค่ะ”

“ฝีมือนายรึเปล่า?”
อีจีฮุนมองตาชินฮเยซองผู้นั่งถัดไป เจ้าตัวพยักหน้าสารภาพอย่างอิดโรย ด้วยใช้พลังไปเยอะและไม่สามารถโกหกเพื่อนที่อ่านใจคนออกได้ แม้กระทั่งเขาที่พยายามปกปิดอะไรก็ตาม ดวงตากลมโตคมเข้มที่มักจะฉายแววอบอุ่นจากใบหน้าหล่อเหลาจ้องถามเพื่อนรักแบบจริงจัง
“นายไปทำอะไรมา”
“เดี๋ยวค่อยเล่าให้ฟังนะ” ดวงตาเรียวเล็กมองตอบปัดเพื่อนผู้มีความสามารถพิเศษ ความต้องการของร่างผอมบางในผมสีบลอนด์อ่อนเวลานี้เขาต้องการเพียงแค่การนอนเท่านั้น
“ก็ได้ๆนายต้องเล่าให้หมดนะ”
“อื้อ อาหารเช้าอยู่ในตู้เย็นนะ บอกคังทาด้วย”
“ได้ๆ ขอบใจมากนะ”
พอจีฮุนรับปาก ฮเยซองก็เดินสะโหลสะเหลกลับไปยังห้องนอนตัวเอง สวนกับคังทาที่ออกมาจากห้องน้ำ ร่างสูงโปร่งผมสีน้ำตาลเข้มสวมแว่นสายตาในชุดคลุมอาบน้ำมองฮเยซองที่อ่อนแรงก็พอเดาได้ว่าเพื่อนเขาคงใช้พลังงานไปมากกลับเรื่องเมื่อคืน และก็อยากรู้ไม่แพ้จีฮุนเหมือนกัน เขามองเพื่อนสนิทผู้มีรอยยิ้มระบายบนหน้าที่ยืนมองเขาอยู่
“นายกินข้าวเช้าหรือยัง”
“ยัง ฮเยซองบอกว่าเตรียมไว้ให้ในตู้เย็นนะ”
“อื้อ ขอบใจ”
จีฮุนและคังทาเดินไปที่ห้องครัวก่อนจะเปิดตู้เย็น ที่นอกจากอาหารทั่วไป ก็ยังมีอาหารสุดพิเศษที่ฮเยซองจัดเตรียมไว้อย่างว่า พวกเขาหยิบถุงเลือดสดสีแดงกล่ำบ่งบอกคุณภาพระดับดีที่วางไว้ตรงกลางขึ้นมาก่อนจะรีบดื่มจนหมดอย่างรวดเร็ว
“อาห์ ชื่นใจ” คังทาอุทานออกมาอย่างมีความสุขหลังจากปาดหยดเลือดเข้าปาก เขี้ยวแหลมคมวาววับโผล่ออกมาจากริมฝีปากทั้งสองคนตามสัญชาติญาณของเผ่าพันธุ์ ใช่ พวกเขาคือแวมไพร์ แม้จะผ่านกาลเวลามาเป็นร้อยปี แต่ก็ยังมีสภาพร่างกายอยู่ที่วัยหนุ่มเต็มตัว
“นานแล้วที่เราไม่ได้ดื่มเลือดมนุษย์แบบนี้ ต้องขอบคุณฮเยซอง”
“อืม นายพอรู้มั้ยฮเยซองไปทำอะไรมาเมื่อคืน” จีฮุนลองถามคังทาเพื่อนสนิทอีกคนในกลุ่ม
“ไม่แน่ใจนะ เมื่อคืนชั้นออกไปเยี่ยมพวกยองจุนที่ในป่ามา ตอนชั้นกลับมาก็เห็นแค่ห้องนายเปิดไฟ ไม่รู้ว่าฮเยซองกลับมาหรือยัง”
“นานแล้วนะที่ฮเยซองไม่ได้ออกไปล่าเลือดมนุษย์”
“อืม นั่นน่ะสิ คงจะเหนื่อยมาก ถึงได้หมดแรงกลับมาแบบนี้”
“นายคิดว่ามีอะไรมากกว่านี้หรือเปล่าคังทา” จีฮุนขอความเห็นจากเพื่อนเจ้าความคิดที่รู้จักนิสัยฮเยซองดีไม่แพ้กัน
“ไว้เราต้องคุยกับฮเยซองแล้วล่ะ” เจ้าของแววตาเยือกเย็นตอบอย่างกรุ่นคิด มันไม่แปลกที่ฮเยซองจะออกล่าเลือดมนุษย์ แต่ในความรู้สึกเขานั้นสัมผัสได้ว่าน่าจะมีอะไรมากกว่านั้นสำหรับเพื่อนคนนี้

เอริกเหม่อมองดูภาพเมืองหลวงมุมสูงจากห้องทำงาน ความทรงจำแสนหวานสมัยเป็นเด็กกลับเข้ามาหาเขาและปักหลักอยู่ในห้วงความคิดอย่างสลัดไม่ออก เขาไม่อาจคาดเดาได้เลยว่าจะไปเริ่มต้นตามหารักแรกที่จากไปของเขาได้ที่ไหน  ครั้งสุดท้ายที่เขาพบกับฮเยซอง คือตอนที่อีกฝ่ายนั้นเก็บของออกจากห้องพัก เขาและแม่ไปร่ำลาเพื่อนบ้านหนุ่มใจดี พี่ฮเยซองนั่งลงคุกเข่าให้สูงเท่าเขา ก่อนจะเข้ามากอดเขาโดยที่เขาก็กอดร่างผอมบางนั้นแน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้เช่นกัน
“เป็นเด็กดีนะจองฮยอก”
“พี่ไม่ไปไม่ได้เหรอครับ”
ฮเยซองส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้มมุมปากแต่แววตานั้นเศร้าไม่แพ้เด็กน้อยที่ร้องอุทรณ์ ก่อนจะยืนขึ้นและโค้งอำลาแม่ของเขา
“ไปก่อนนะครับคุณนายมุน ดูแลตัวเองนะครับ”
“ค่ะ ขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่ผ่านมาอีกครั้งนะน้องฮเยซอง”
คนทั้งสองโค้งอำลากันตามมารยาท ก่อนที่ฮเยซองจะมองเขาและเดินนำคนที่จ้างมาช่วยย้ายของจากไป
“คนใจร้าย ไม่บอกสักคำว่าย้ายไปอยู่ไหน” เอริกพึมพำกับตัวเอง เขาไม่แน่ใจเลยว่าใครมาช่วยเขากันแน่ แต่ทุกสิ่งที่พอจำได้มันทำให้เขานึกถึงแค่คนนี้แต่เพียงผู้เดียวจริงๆ
“ยืนเหม่ออะไรอยู่ครับเจ้านาย” คิมดงวาน GM และเพื่อนสนิทของเขาถือวิสาสะเข้ามา เพราะติดต่อผ่านเลขาฯหน้าห้องแล้วไม่ได้รับการตอบรับใดๆจากผู้บริหารหนุ่ม
“มีอะไรรึเปล่า?”
“ก็มีน่ะสิ แฟ้มงานเรื่องนโยบายปลายปีอ่ะ”
“เห็นแล้ว ก็ดีนะ แต่ยังไม่ได้เซ็นต์”
“อ่าวทำไมล่ะวะ”
“วันนี้เซ็งๆ”
“หะ ว่าไงนะ!?” ดงวานแทบไม่เชื่อหูตัวเอง ว่าได้ยินคำพูดนี้ออกจากปากของคนที่มีความรับผิดชอบสูงมากอย่างเอริก
“เป็นอะไร ไม่สบายหรือเปล่า วันนี้นายดูลอยๆนะ”
“ก็คงงั้น”
“นายเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัทก็จริง แต่ควรใช้สิทธิ์พักร้อนประจำปีบ้างก็ดีนะ ปีนี้นายยังไม่ได้ไปไหนเลยนี่นา”
“อืม นั่นน่ะสิ” เอริกคิดตาม “หรือชั้นควรจะไปพักร้อนอย่างที่นายว่าจริงๆ สมัยนี้ส่งงานทางเมลล์ได้นี่ ชั้นก็ลืมไป”
“ก็เซ็นต์งานที่ชั้นส่งให้ก่อนละกัน” ดงวานกลั้วหัวเราะ ก่อนถามต่อ “นี่เป็นไร คิดมากเรื่องแอนดี้เหรอ”
“หึหึ เปล่า” เอริกตอบแบบนึกขำ “ทำไมชั้นต้องคิดมากด้วย ชั้นไม่ได้คิดอะไรกับเค้าแล้วนี่”
“งั้นก็แล้วไป”
 ดงวานรับคำ และคิดตาม ตั้งแต่เห็นเพื่อนคนนี้มาตั้งแต่สมัยเรียน ไม่ว่ามีแฟนมากี่คน เป็นผู้ชายหรือผู้หญิง แต่ทุกคนจะมีส่วนคล้ายๆกัน คือมีรูปร่างหน้าตาน่ารัก ดวงตาเรียวยาว ปากนิดจมูกหน่อย ผิวขาว รูปร่างผอมบาง ทั้งแอนดี้รุ่นน้องที่เอริกเคยคบหาจริงจังอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะรักๆเลิกๆกันอีกหลายรอบ และฮยอนจินคุณหมอสาวสวย ที่เอริกเพิงล้มเหลวกับการออกเดทก็เช่นกัน แม้ทุกคนจะน่ารักถูกใจ แต่เอริกก็ไม่เคยคบใครได้นาน ดงวานเคยฟังจากปากของแอนดี้ว่าการคบกับเอริกเหมือนมีแต่ความว่างเปล่า เอริกนั้นแค่ชอบเขา แต่แอนดี้ก็รู้สึกได้ว่าในใจของเอริกมีใครคนหนึ่งอยู่เต็มหัวใจ บ่อยหลังที่เขาได้ยินเอริกละเมอเรียกชื่อคนคนนั้นออกมาและร้องไห้
  ดงวานสรุปเอาเองว่าทุกคนคงรู้สึกและสัมผัสได้เหมือนแอนดี้ ว่าลึกๆแล้วเอริกคงแค่ต้องการตัวแทนจากคนในใจที่หายไป เท่านั้น

เอริกขับรถกลับที่พัก หลังจากเคลียร์งานและยื่นขอพักร้อนกับฝ่ายบุคคลเรียบร้อยแล้ว ในใจของเขาห่อเหี่ยวเพราะความรู้สึกโศกเศร้ากับการจากลาตอนเด็กเคลือบอยู่ในใจและสมองของเขาหนักขึ้น เขาจำได้ดีว่าตอนนั้นกว่าเขาจะทำใจได้ก็ใช้เวลาไม่น้อย ก่อนจะต้องย้ายออกจากที่พักนั่นไปอยู่อเมริกาตามพ่อแม่ที่ได้ทุนไปศึกษาต่อ ชีวิตใหม่ที่นั่นทำให้เขาลืมความโศกเศร้าที่โซลไปได้ไม่น้อย มีแค่บางครั้งที่มันกลับมา แต่ก็ไม่เคยทำอะไรเขาได้เท่าครั้งนี้
“บ้าเอ๊ย! ตอนนี้พี่อยู่ที่ไหนนะ!?”
ชินฮเยซองเดินออกมากจากห้องนอนของเขาในเพนเฮ้าส์หรู ที่เป็นชั้นบนสุดของคอนโดมิเนียมใจกลางเมือง อันเป็นทรัพย์สินของคังทา นักธุรกิจผู้ลึกลับและร่ำรวยที่สุดคนหนึ่งของประเทศนี้ เมื่อถึงห้องนั่งเล่นเขาก็พบกับเพื่อนทั้งสองที่ดูเตรียมพร้อมสอบปากคำเขาอยู่ และก็จริงอย่างว่า เพียงแค่เขามองตาจีฮุนผู้มีพลังจิตแข็งแกร่ง ก็รับรู้ได้ว่าเขาต้องให้ปากคำเพื่อนรักทั้งสองอย่างเสียไม่ได้แล้ว
“พวกนายรอชั้นตื่นเพื่อเรื่องนี้เลยใช่มั้ยหะ!?”
“ประมาณนั้นล่ะ” คังทาไม่อ้อมค้อม “นายบอกได้มั้ยล่ะ ว่าเมื่อคืนไปทำอะไรมา”
“เมื่อคืนชั้นไปดื่มกับจอนจิน” ก่อนจะหยุดและถอนใจเล่าต่อ”ตอนกลับชั้นรู้สึกว่า มีใครคนนึงกำลังได้รับอันตรายอยู่อีกที่นึง ชั้นไม่สามารถปฏิเสธความรู้สึกที่ว่าชั้นต้องช่วยเค้าได้ เลยตัดสินใจเข้าไปช่วย และโจรที่นายเห็นในข่าว หลังจากสูบเลือดพวกมันแล้ว นั่นล่ะ วิธีทำลายหลักฐานของชั้น”
“แล้วนายรู้มั้ยว่านายไปช่วยใคร” จีฮุนถาม
“ตอนแรกก็ไม่รู้หรอก พอดูในบัตรประชาชนเค้า” ฮเยซองหัวใจเต้นแรงที่จะเล่าให้จบโดยพูดถึงคนคนนั้น “พวกนายจำจองฮยอกได้มั้ย เด็กที่เคยมาอยู่ห้องชั้น เมื่อสามสิบปีที่แล้วไง”
“จำได้สิ แฟนนายอ่ะเหรอ ฮ่ะๆๆ” คังทาหัวเราะร่วนทันทีเมื่อนึกถึงเด็กชายคนนั้นและเรื่องเก่าๆ....
ในวันนั้น เมื่อสามสิบปีก่อน ที่แวมไพร์อย่างคังทาและจีฮุนนึกสนุกอยากเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยดูบ้าง พวกเขาได้เจอผู้คนยุคใหม่มากมาย ได้วิชาความรู้เพิ่มขึ้น และได้รู้จักมนุษย์หนุ่มหน้าสวยใจดีอย่างชินฮเยซองที่เหมือนจิ๊กซอว์อีกตัวมาเติมเต็มชีวิตของพวกเขาให้สดใสขึ้น วันนั้นเป็นช่วงใกล้สอบ เขาสองคนเลยไปติวหนังสือกันที่ห้องของฮเยซอง เมื่อไปถึงก็พบว่าฮเยซองรับดูแลลูกชายของเพื่อนบ้านด้วย พวกเขายังจำครั้งแรกที่เจอเด็กชายจองฮยอกได้ดี...
“พี่ฮเยซองงี่...” เด็กน้อยวิ่งตื๋อมาหาเพื่อนของเขาทันทีที่เปิดประตูเข้ามาในห้อง แต่ก็หยุดชะงักลงทันทีเมื่อเห็นพวกเขาทั้งสอง
“พวกพี่เป็นใครอ่ะ? ถึงมาอยู่กับพี่ฮเยซองของผม!!”
คังทากับจีฮุนหลุดขำทันทีเมื่อได้ยินประโยคหวงก้างแก่แดดของเด็กผู้ชายตรงหน้า
“พี่เป็นเพื่อนพี่ฮเยซองของนายไงล่ะ พี่ชื่อคังทา ส่วนคนนี้ พี่จีฮุน แฟนพี่ฮเยซองของนาย” จีฮุนมองเพื่อนเขินๆก่อนจะชกที่แขนคังทาเบาๆแก้เขิน
“หะ!!ไม่อ่ะ พี่ฮเยซองเป็นแฟนผมคนเดียว พี่อย่ามาโกหกผมนะ” เด็กชายหันไปหาฮเยซองและคว้าเอวบางมากอดออดอ้อน
 “ใช่มั้ยฮะ ผมเป็นแฟนพี่คนเดียวใช่มั้ย?”
แต่ฮเยซองนึกสนุกเล่นกับเพื่อน “ใครบอกล่ะ พี่มีแฟนหลายคนเลยนะ นอกจากนายกับจีฮุนพี่ก็มีอีกเยอะเลยล่ะ”
“ไม่จริง พี่เป็นแฟนผมคนเดียว!!”
ฮเยซองนึกสนุกจึงไปยืนคั่นกลางระหว่างจีฮุนและคังทาก่อนจะหอมแก้มของทั้งสองคนต่อหน้าเด็กชายจองฮยอก คังทาเล่นด้วยโดยการหอมแก้มอิ่มของเพื่อนกลับและกอดเอวแน่นๆ ต่างกับจีฮุนที่แสดงอาการเขินออกมาจนหน้าแดงไปหมด จองฮยอกเห็นอย่างนั้นก็อ้าปากค้างยืนนิ่ง เขามองฮเยซองอย่างผิดหวังและกำลังจะร้องไห้ ฮเยซองเห็นท่าทีจริงจังชองเด็กข้างห้องก็ใจอ่อน
 “อ่ะๆพี่ล้อเล่นๆ” และเข้ากอดก่อนจะอุ้มเข้าเอว “ป่ะ เดี๋ยวกินข้าวกับพวกพี่กัน”
จองฮยอกเบาสะอื้นลงแล้ว มือเล็กๆปาดน้ำตาตัวเองและกอดคอฮเยซองแน่น เด็กชายยิงคำถามที่ทำให้ฮเยซองและเพื่อนๆต้องจำไม่ลืม
“พี่เป็นแฟนผมคนเดียวใช่มั้ยฮะ?”

“เด็กคนนั้นโตขนาดไหนแล้วนะ ถ้าตอนนี้ก็อายุ 30 กว่าแล้วสิ ใช่มั้ย” คังทาถามด้วยความอยากรู้
“โตขึ้นมากเลยล่ะ ถ้าชั้นไม่เปิดดูบัตรประชาชนในกระเป๋าชั้นก็ไม่รู้หรอกว่าใคร”
“เหรอ แล้วเค้าจำนายได้รึเปล่า”
“ไม่นะ ตอนนั้นเค้าถูกคลุมหัว ชั้นพาเค้าไปส่งที่ห้อง ก่อนจะเก็บโจรพวกนั้นอย่างที่นายเห็นนี่ล่ะ”
“แค่นี้จริงๆเหรอฮเยซอง”ดวงตากลมโตที่มักจะฉายแววอบอุ่นของจีฮุนมองตรงไปที่เพื่อนรักอย่างใคร่รู้ ฮเยซองพยายามตัดบทสนทนาทั้งหน้าไมค์และหลังไมค์กับเพื่อนๆให้ได้
“อืม แค่นี้ล่ะ ว่าแต่ ยองจุนเป็นไงมั่งคังทา?”
“ก็ดีนะ ยองจุนฝากความคิดถึงมาให้นายล่ะ”
“อืม” ฮเยซองตอบรับแค่นั้นก็ได้ยินเสียงสัญญาณจากเครื่องตอบรับที่ประตูดังขึ้น มีไม่กี่คนที่สามารถขึ้นมาบนเซฟเฮาส์สุดหรูแห่งนี้ได้ ร่างโปร่งบางได้ทีขอตัว
 “เดี๋ยวชั้นไปดูนะ”
จีฮุนและคังทาพยักหน้ารับรู้ และมองตามหลังเพื่อนไป คังทาหันมามองหน้าหล่อเหลาของจีฮุนที่นิ่งลงเพราะกำลังรู้สึกอะไร
“นายคิดว่าไง”
“มันก็ไม่เกี่ยวกับชั้นแล้วนี่” ปากอิ่มนั้นพรูลมหายใจออกมา “ก็ชอบจนเลิกชอบไปนานแล้ว มันไม่มีประโยชน์หรอกนะ ทีจะสู้กับคนในใจของฮเยซองได้”
“นายหมายความว่า ฮเยซองรักเด็กคนนั้น?”
“ก็ประมาณนั้นล่ะ” จีฮุนตอบพร้อมยิ้มเศร้าๆ “นายเห็นฮเยซองสนใจใครบ้างล่ะ”
บทสนทนาจบลงเมื่อฮเยซองพาพัคจอนจินเข้ามา
“อ่าว จอนจิน” คังทาทักน้องชายคนสนิทของพวกเขา
“หวัดดีครับ พี่คังทา พี่จีฮุน เมื่อคืนไปไหนมาหรือเปล่าครับ”
“ไปเยี่ยมเพื่อนในป่ามาน่ะ เอ้อ วันนี้มีอะไรมาให้พี่ดูมั้ย”
“มีครับ ส่งให้ทางอีเมลล์แล้ว”
“อ่อ ลืมไป คนสมัยนี้เขาใช้อีเมลล์กันเนอะ ฮ่าๆๆ” คังทาหัวเราะให้กับตัวเอง ที่เผลอลืมไปกับการทำงานดำเนินธุระต่างๆในยุคนี้ จีฮุนเลยบอกน้องชายตรงหน้า
“อย่าถือสาพี่เลยนะจอนจิน แค่ใช้สมาร์ทโฟนเป็นนี่ก็ดีใจจะตายอีกรอบอยูแล้ว”
“ไม่หรอกครับ” ร่างสูงปฎิเสธด้วยรอยยิ้มสดใสตามประสา คังทาและจีฮุนภาคภูมิใจในตัวพัคจอนจินคนนี้ในฐานะตัวแทนผู้ดำเนินธุรกิจแทนบุคคลไร้สภาพทางกฎหมายอย่างพวกเขา
“ขอบใจนะจินนี่” คังทารู้ดีว่าเขาพูดประโยคนี้กับคนตรงหน้าบ่อยแค่ไหน แต่เขาก็รู้สึกอย่างนั้นจากใจจริง
“ครับ งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”
พี่ๆทั้งสองพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มใจดี เมื่อจอนจินออกไป จีฮุนจึงเสนออะไรบางอย่างกับฮเยซอง
“ชั้นว่าพวกเราไปพักร้อนบนเกาะกันเถอะ นานแล้วที่เราไม่ได้อาบน้ำแร่ท่ามกลางแสงจันทร์ น่าจะดีนะ นายว่ามั้ย”
“เหย ปุปปับขนาดนั้นเลย” ฮเยซองตกใจ
“ก็สมัยนี้ดูงานที่ไหนก็ได้นี่ ถ้ามีสัญญาญมือถือ ชั้นก็อยากไปเหมือนกัน ไม่ได้ไปบ้านบนเกาะนานแล้ว”
“อืม ตามใจพวกนายละกัน” ฮเยซองไม่ปฏิเสธ ก็ดีเหมือนกัน เผื่อเขาจะได้ลืมความทรงจำเก่าๆ
.........ที่มีเด็กคนนั้นได้บ้าง

“พี่ฮเยซองค้าบบบ” เสียงใสๆร่าเริงจากเด็กชายจองฮยอกลูกเพื่อนบ้านบอกให้ฮเยซองต้องรีบออกไปรับ พอเขาเปิดประตูก็เห็นเด็กชายที่สูงแค่เอวยืนทำตาแป๋วออดอ้อนก่อนจะโผเข้ามากอด ฮเยซองยิ้มขำก่อนจะคุกเข่าลงเพื่อให้อยู่ในระดับเดียวกันและอุ้มเข้าไปในห้องโดยให้เด็กชายเกาะบ่า
“วันนี้มีการบ้านอะไรบ้าง จองฮยอก”
“มีภาษาอังกฤษ จากคลาสติวเตอร์ค้าบ”
“เหรอ งั้นเรามาทำการบ้านก่อน แล้วค่อยไปอาบน้ำและกินข้าวกันนะ”
“ฮับ”
เด็กชายรับคำอย่างมีความสุข ก็เป็นอีกวันที่เขาได้ดูแลเด็กชายมุนจองฮยอก หลังจากสอนการบ้านเขาก็ทำอาหารเย็นกินกัน ที่มักจะเป็นเมนูง่ายๆ อย่างข้าวผัดกิมจิ ซูเจบี(ก๋วยเตี๋ยวทำมือแบบเกาหลี) ข้าวหน้าหมูอบโคชูจัง(ซอสพริกเกาหลี)เป็นต้น ทุกเมนูหนักไปทางรสชาติน้ำมันงาที่เขาชอบ แต่จองฮยอกก็กินอาหารฝีมือเขาหมดทุกมื้อ แต่แรกนั้นฮเยซองรู้สึกถูกชะตากับเด็กคนนี้ที่เข้ากับเขาได้ดี แม้หลังๆจะชอบพูดอะไรแปลกๆไปบ้าง อย่างชอบบอกว่าเจ้าตัวเป็นแฟนของเขา แต่เขาก็ไม่คิดอะไรมาก เด็กวัยนี้คงกำลังอยู่ในวัยเลียนแบบ และคงไม่รู้ว่าผู้ชายเป็นแฟนกันไม่ได้หรอก แต่ฮเยซองก็ไม่อยากพูดอะไรให้จองฮยอกเสียใจ เขาไม่อยากเห็นน้ำตาของเด็กน้อยเอาเสียเลย
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนสองทุ่มเวลาของละครโทรทัศน์ก็มาถึง จองฮยอกนั้นดูท่าจะตั้งใจดูเป็นพิเศษตามประสาเด็กวัยกำลังเรียนรู้ ฮเยซองเองเห็นว่าละครไม่น่าจะมีอะไรเลยขอตัวไปอาบน้ำก่อนจะกลับมาอยู่กับเพื่อนบ้านตัวน้อยอีกครั้ง
ละครจบแล้วฮเยซองจึงปิดทีวีและพาจองฮยอกเข้านอนตอนสามทุ่ม จองฮยอกนอนลงบนข้างขวาของเตียงเล็กๆของเขา เขาห่มผ้าให้เด็กน้อยและจะลุกออกไปอ่านหนังสือก่อนนอนสักหน่อย
“พี่ฮเยซอง...” จู่ๆ จองฮยอกก็ลุกขึ้นยืนบนเตียงและเรียกเขา
“มีอะไรจองฮยอก?”
ไม่มีคำตอบจากเด็กชาย มีแต่การจู่โจมที่ริมฝีปากจากริมฝีปากเล็กๆของเด็กชายวัยเจ็ดขวบ ที่พยายามจะรุกรานกลีบปากบางของเขา ฮเยซองตกใจและพยายามตั้งสติผลักเจ้าตัวแสบออกห่าง
“ทำอะไรของนายเนี่ย!?!?”
“ก็จูบไง” เด็กชายตอบหน้าตาเฉย “คนเป็นแฟนกันเค้าก็ต้องจูบกันไม่ใช่เหรอฮะ”
“ใครเป็นแฟนนายกัน พี่ไปรับปากนายตอนไหน!” ฮเยซองเริ่มไม่ยอมเล่นด้วย “แล้วนี่ไปจำมาจากไหนกันฮะ ถ้าแม่นายรู้ว่าทำแบบนี้แม่นายตีนายแน่”
พอได้ยินคำขู่แค่นั้นเด็กชายก็เริ่มหน้าเสีย แต่ก็ยังไม่ยอมจนมุม
“ผมเป็นแฟนกับพี่ไม่ได้เหรอครับ?”
“ผู้ชายเป็นแฟนกันไม่ได้หรอกจองฮยอก พี่เป็นผู้ชาย นายก็เป็นผู้ชายเหมือนกับพี่นะ”
“ไม่จริงอ่ะ ผมรักพี่ ทำไมผมจะเป็นแฟนพี่ไม่ได้!”
แม้จะเป็นคำพูดง่ายๆจากเด็กชายวัยเจ็ดขวบ แต่ก็ทำให้ชินฮเยซองนิ่งไปเหมือนต้องคำสาป เขาเริ่มเข้าใจในตัวเด็กชายใหม่แล้ว ความรักไร้เดียงสาที่จองฮยอกมอบให้มันไม่ใช่เรื่องล้อเล่นอย่างที่เขาคิด เขาจับไหล่เด็กชายที่มองเขาไม่วางตาและโอบกอดร่างเล็กกว่าไว้อย่างทะนุถนอมแนบอก
“เป็นน้องชายของพี่นะ”
“ไม่ ผมจะเป็นแฟนพี่ ผมไม่อยากเป็นน้องพี่”
ฮเยซองไม่ต่อคำใดๆกับการยืนกรานอย่างดื้อรั้นนั้น นอกจากกอดเด็กดื้อแน่นขึ้น เขาได้ยินเสียงหัวใจดวงเล็กเต้นโครมครามในอ้อมกอดตัวเอง แขนเล็กๆนั้นกอดรัดลำตัวเขาแน่นเหมือนกับไม่อยากจากไปไหน เขารู้สึกสงสารจองฮยอกเหลือเกินที่ต้องเผชิญกับความไม่สมหวังตั้งแต่วัยนี้ มันเป็นไปไม่ได้จริงๆที่จองฮยอกจะเป็นอะไรกับเขาไปมากกว่าน้องชาย...



ออฟไลน์ น้ำพริกแมงดา

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +272/-0
    • เข้ามาเป็นคุยกันกับ "น้ำพริกแมงดา" ใน facebook page นะคะ
Re: <Fic RicSung> Safe in the moonlight (จบในตอนค่ะ)
«ตอบ #2 เมื่อ15-12-2016 14:56:35 »

SUVสีขาวคันใหญ่สัญชาติอังกฤษทะยานอยู่บนถนนเส้นล่องใต้ออกนอกเมือง จีฮุนที่รับหน้าที่ขับอยู่ทางด้านซ้ายลอบมองกระจกหลังดูฮเยซองที่นั่งเหม่อลอยไปนอกหน้าต่าง คังทาที่นั่งเบาะหน้าเองก็มองตาม และรีบละสายตาก่อนที่เป้าหมายจะรู้ตัว
“เอ้อ นายใช้ GPS มั้ยจีฮุน” คังทาแนะนำ
“เหอะ ชั้นว่าชั้นจำทางได้นะ”
“แต่พวกเราไม่ได้ไปบ้านบนเกาะมากี่ปีแล้ว ป่านนี้ทางสร้างใหม่ มีอะไรเพิ่มอีก ลองเปิดดูซิ”
“ไม่เอาอ่ะ ยังไงมันก็ไปในทางเดิมไม่ได้เหรอ ก็ขับๆคลำๆทางไปนี่ล่ะ เปิด GPS เสียเวลา”
“ตามใจนายก็ละกัน” คังทาตอบเรียบๆ ก่อนจะปิดตานอนเอาแรง แต่จู่ๆ ฮเยซองที่เบาะหลังก็มีอาการไม่ค่อยสู้ดี ใบหน้าหวานสวยนั้นแดงก่ำด้วยเลือดที่สูบฉีดผิดปกติ ลมหายใจหอบถี่ติดขัดเหมือนใกล้จะขาดใจ ฮเยซองตัดสินใจพูดอะไรบางอย่าง ที่ทำให้เพื่อนทั้งสองต้องหยุดรถเพื่อไปดูอาการ
“จีฮุน...เปลี่ยนเส้นทาง เลี้ยวขวาด้านหน้าแล้วขึ้นเขา”
“เดี๋ยว มันเกิดอะไรขึ้นฮเยซอง นายจะให้ชั้นพานายไปไหน”
“ชั้นจำเป็นต้องไปช่วยเค้า”
“ช่วยใคร!?”คังทาถามอย่างร้อนรน
“นายอย่าเพิ่งถามได้มั้ย จีฮุน ออกรถแล้วขับตามที่ชั้นบอกทาง”
จีฮุนมองหน้าเพื่อนนิ่งๆแล้วพยักหน้าตกลง คนทั้งสองคาดเข็มขัดนิรภัยก่อนที่สมรรถนะรถหรูจะพาพวกเขาทะยานไปยังที่ที่ฮเยซองบอกทางซึ่งออกนอกเส้นทางไปจากเดิมมากในเวลาไม่นานนัก เมือถึงเนินเขาแห่งหนึ่ง ฮเยซองที่นั่งเบาะหลังก็เปิดประตูรถและถลาวิ่งไปบนเขาตามสัญชาติญาณที่สัมผัสด้วยความเร็วลม จนคังทาและจีฮุนมองหน้ากันก่อนจะวิ่งตามไป ก่อนจะพบว่า มีคนร้ายสามคนพยายามจะทำร้ายใครคนหนึ่งที่ถูกกระสอบคลุมหัวอยู่ ฮเยซองไม่รอช้าที่จัดการคนพวกนั้นในระยะประชิด เขี้ยวขาววาววับโผล่ออกมาจากริมฝีปากสีกุหลาบก่อนจะฝังลงบนคอของคนร้ายที่จับตัวเหยื่อ และสูบเลือดสดๆจนร่างแกร่งชองชายฉกรรจ์ขาวซีดเหือดแห้ง และพุ่งตรงไปบีบคออีกสองคนในเวลาอีกไม่กี่วินาทีต่อมา
เขารู้ดี เป็นแวมไพร์ไม่ได้ฆ่าคนได้ตามใจชอบ แต่ในการนี้ เขาจำเป็นต้องทำ ตามที่สัญชาติญาณข้างในมันสั่งอย่างปฏิเสธไม่ได้ เมื่อจัดการคนร้ายหมดแล้วร่างผอมบางของฮเยซองก็เข้าไปดึงกระสอบที่คลุมด้านบนของเหยื่อก่อนจะช้อนร่างไร้สติอุ้มขึ้นมาในวงแขนทรงพลังเหนือมนุษย์ เขามองหน้าคนในอ้อมแขนด้วยความดีใจที่สามารถปกป้องคนคนนี้ไว้ได้อีกครั้ง

เอริกตื่นมาจากการปลุกของเสียงคลื่นที่ซัดเข้าฝั่ง ดวงตาคมกล้าพยายามปรับเข้าหาแสงแดดและลมทะเลที่พัดตึงกระทบผิวหน้า เขาจำได้ว่าตัวเองไม่ได้อยากมาพักร้อนริมทะเล เขากำลังจะไปแคมปิ้งนอกเมือง แต่จู่ๆก็ถูกลักพาตัว ที่น่าจะเป็นคนกลุ่มเดิมที่เขาก็ยังไม่รู้ว่าเป็นใคร เขาไม่ได้สติ และก็ได้รับการช่วยเหลือให้ปลอดภัย พร้อมกับความรู้สึกเดิมๆ ที่ทิ้งไว้
อย่างชัดเจนขึ้นกว่าเดิม
“พี่ฮเยซอง....”
ริมฝีปากหนาพึมพำแค่นั้นก่อนจะหยุดหันไปมองตามเสียงเปิดประตูที่ปรากฏร่างสูงใหญ่ของผู้ชายคนหนึ่งเข้ามา
“คุณฟื้นแล้ว” ความอารีจากน้ำเสียงอบอุ่นนั้นฉายออกมาทั้งสีหน้าและแววตา
“ผมอยู่ที่ไหนครับเนี่ย?” เอริกพยายามรวบรวมสติและกำลังเพื่อชันตัวขึ้นมานั่ง แต่ก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับความบอบช้ำที่ชายโครง
“บนเกาะ” ใบหน้าหล่อเหลาเข้าไปประคองให้คนเจ็บนอนราบก่อนจะตอบสั้นๆแค่นั้น
“ผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”
“เรื่องมันยาวน่ะ เอาเป็นว่าตอนนี้คุณปลอดภัยแล้วก็ละกัน”
“ขอบคุณมากๆนะครับ คุณ...”
“อีจีฮุน ผมชื่อ จีฮุน” มือหนายื่นมือไปก่อนที่เอริกจะยื่นมือมาแล้วสัมผัสกัน
“ผม มุนจองฮยอก ฝากตัวด้วยนะครับ”
“อื้ม พักผ่อนต่อนะ”
“ครับ ขอบคุณครับคุณจีฮุน”
ร่างสูงพูดกับเขาแค่นั้นก่อนจะออกไป เขารู้สึกอบอุ่นปลอดภัยแล้วก็จริง เอริกมองตามและพยายามนึกให้ออกว่าเขาเคยเจอผู้ชายคนนี้ที่ไหน แต่ก็นึกไม่ออกเสียที
และเขาก็ยังคิดค้างกับความรู้สึกเดิมๆ ที่ยังตราตรึงอยู่ในใจ เขาค่อยๆคลำตามจุดที่มีความรู้สึกเจ็บแปลบจากการถูกทำร้าย และเอามือก่ายหน้าผาก มีหลายเรื่องเหลือเกินที่เป็นปริศนาดำมืดรอเขาเข้าไปทำการพิสูจน์หาคำตอบ ซึ่งก็ไม่รู้จะเริ่มจากเรื่องไหนดี?
ฮเยซองค่อยๆเปิดประตูและปิดลงอย่างเบามือ กลัวคนที่นอนหลับบนเตียงจะรู้สึกตัว เขาและคังทากับจีฮุนค่อยๆเดินอย่างไร้เสียงซึ่งเป็นความสามารถอย่างหนึ่งของพวกเขา ร่างสูงโปร่งยืนมองเอริกที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียงกลางห้อง ด้วยความรู้สึกที่หลากหลายในหัวใจ
“เด็กคนนี้โตขึ้นเยอะจริงๆชั้นจำแทบไม่ได้เลย” คังทากระซิบกับเพื่อนๆด้วยเสียงเบาที่สุด
“อืมใช่” จีฮุนตอบรับ “และเค้าก็จำชั้นไม่ได้”
“แต่ชั้นเชื่อว่าเค้าน่าจะจำฮเยซองได้นะ ว่าไง”
ฮเยซองค่อยๆเอื้อมมือไปลูบผมหนาอย่างทะนุถนอม ไม่มีคำพูดใดๆจากริมฝีปากบอบบาง
“นายจะหลบหน้าหมอนี่ไปตลอดไม่ได้หรอก เค้ากำลังกลับมาคิดถึงนายอยู่ทุกลมหายใจ และตอนนี้เค้าก็กำลังนึกอยู่ด้วยว่าเคยเจอชั้นที่ไหน” จีฮุนผู้อ่านใจคนออกให้คำแนะนำกับสิ่งที่เขาเห็น
“นั่นสิ” คังทาสมทบ “สามสิบปีสำหรับมนุษย์มันไม่ใช่น้อยๆเลยนะ นายเองก็ควรจะทำอะไรตามใจตัวเองบ้างนะฮเยซอง”
ฮเยซองไม่ตอบอะไรนอกจากก้มมองเด็กชายในวันวานที่เขามีชะตาผูกพันธ์ เอริกจะว่าอย่างไรถ้าหากเจอเขาอีกครั้ง ในสภาพที่เขาแทบไม่มีอะไรเปลี่ยนไปจากเมื่อสามสิบปีก่อนเลย

เอริกอยู่บนเกาะนี้มาสามวันแล้ว เขาพบว่าที่ที่เขาอยู่เป็นส่วนหนึ่งของ Private villa โครงการหนึ่ง ที่จีฮุนน่าจะเป็นผู้บริหารคนหนึ่งของโครงการนี้ จีฮุนดูแลเขาเป็นอย่างดี ทั้งอาหารสามมื้อและพาหมอมาตรวจดูอาการทุกวันจนเขาดีขึ้น แม้เขาจะเห็นแค่จีฮุนและพนักงานที่มาช่วยดูแล แต่ก็รู้สึกได้ว่าจีฮุนไม่น่าจะอยู่ที่นี่แค่คนเดียว
ยิ่งอยู่ด้วยกันเขาก็ยิ่งรู้สึกคุ้นเคยกับผู้ชายท่าทางใจดีคนนี้ แต่ก็นึกไม่ออกอยู่ดีว่าเคยพบเจอกันเมื่อครั้งใด
หรือทุกๆคืนที่เขาเข้านอน เขาก็รู้สึกได้ว่า ได้รับสัมผัสอบอุ่นจากคนที่มาช่วยเขา มันเหมือนความฝัน แต่เขาก็รู้สึกได้ถึงมันในความจริง อาจจะเป็นด้วยฤทธิ์ยาที่ทำให้เขาลืมตามาดูไม่ได้ว่าที่สัมผัสอยู่มันคืออะไรกันแน่ ที่ทำให้เขารู้สึกหวานขมในอก ทรมานจากการไม่ได้คำตอบได้เพียงนี้
บ่อน้ำร้อนกลางแจ้งอยู่ถัดออกมาจากที่พักของพวกเขาไม่ไกลนัก ที่นี่คือจุดหมายที่จีฮุนตั้งใจจะมาพักผ่อน ในคืนวันเพ็ญนี้เป็นวันที่ดีที่สุดในรอบหลายปีที่เผ่าพันธุ์แวมไพร์อย่างพวกเขาจะได้เติมพลังจากแสงจันทร์ น้ำในบ่อกำลังอุ่นสบาย ทำให้แวมไพร์หนุ่มทั้งสามรู้สึกสดชื่นจากข้างใน ร่างเปลือยเปล่าของชายหนุ่มทั้งสามดำผุดดำว่ายอยู่ในบ่ออย่างไม่รู้เบื่ออยู่พักใหญ่ จนกระทั่งเลยเที่ยงคืนที่แสงจันทร์ลดพลังลง พวกเขาจึงมาพักแช่น้ำนิ่งๆที่ด้านข้าง จีฮุนหันมาถามฮเยซองที่กลับมากรุ่นคิดเรื่องเดิมๆอีกครั้ง
“แล้วนายจะเอาไงต่อไป”
“พวกนายคิดว่าไง”
“บางเรื่องนะ อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิดไปเถอะ ถ้านายไม่อยากสร้างความเจ็บปวดให้ตัวเองและก็หมอนั่นไปมากกว่านี้” คังทาออกความเห็น โดยมีจีฮุนรีบสมทบ
“อืม ชั้นเห็นด้วย”
“แต่ชั้นไม่ได้เป็นมนุษย์แล้วนะ” ฮเยซองตัดพ้อ
“แล้วยังไง นายคิดว่าเป็นแบบเรามันไม่มีหัวใจเหรอ” แววตาของจีฮุนเศร้าลง เสียงนั้นสร้างเห็นใจแก่ผู้ฟังเป็นอย่างมาก
“ชั้นขอโทษ” ฮเยซองลูบไหล่เปลือยเปล่าของคนข้างๆอย่างรู้สึกผิด
“ไม่เป็นไร อย่างที่ชั้นบอกไง แวมไพร์อย่างเราก็มีหัวใจ นายจะไม่ทำตามใจก็เรื่องของนาย แต่หมอนั่นไม่ได้มีชีวิตอยู่ตลอดกาลแบบพวกเรานะ นายคิดเองก็ละกัน”
ความเงียบเข้ามาครอบงำหลังจากจีฮุนพูดจบ เขาและคังทาขอตัวขึ้นไปก่อน ปล่อยให้ฮเยซองได้อยู่คนเดียว และคิดลงมือทำอะไรสักอย่างกับเรื่องที่ค้างคาอยู่นี้
ร่างโปร่งที่อยู่ลำพังดำดิ่งลงในน้ำแร่อุ่น ดวงตาเรียวรีหลับลงและลืมขึ้นเมื่อโผล่เหนือผิวน้ำ ความกังวลหลายสิ่งกำลังรบรากันอยู่ในความคิดเขา ฮเยซองเก็บคำของเพื่อนมาคิด มนุษย์อย่างเอริกมีเวลาในชีวิตไม่มากนัก เขาควรจะต้องรีบจัดการกับมันให้จบลงเสียที

เป็นอีกวันที่ผ่านไปบนเกาะนี้ของเอริก เขาตื่นแต่เช้าเพื่อกินข้าวและกินยา ทุกวันตอนสิบโมงจะมีหมอเข้ามาตรวจอาการ วันนี้หมอบอกว่าอาการช้ำในของเขาดีขึ้นแต่ก็ต้องพักรักษาตัวและกินยาต่อไปใน ช่วงบ่ายเขาขอจีฮุนออกไปเดินเล่นรอบบ้าน ก่อนจะกลับมากินมือมื้อเย็นที่วันนี้ เป็นซูเจบี(ก๋วยเตี๋ยวเกาหลีทำมือ) เพียงแค่เอริกเห็นอาหารในชามก็นิ่งไปเหมือนถูกสะกด
“เป็นอะไรไปคุณจองฮยอก”
“เปล่า แค่คิดถึงตอนเด็กๆ เคยมีคนทำเมนูนี้ให้ผมกิน มันหน้าตาเหมือนแบบนี้”
“เหรอ ลองชิมดูสิ”
ช้อนสีเงินตักลงในชาม เพียงแค่คำแรกที่เข้าปาก ก็ทำให้ชายหนุ่มแทบนั่งไม่ติดเก้าอี้ รสชาตินี้ไม่ว่าจะผ่านมากี่ปีเขาก็ไม่มีวันลืม
“พี่ฮเยซอง...”
“คุณว่าอะไรนะ”
“ใครเป็นคนทำซูเจบีนี้?”
“เด็กในครัวล่ะ คุณถามทำไม”
“ผมขอเจอคนทำหน่อยได้มั้ย!?” เอริกขอร้องอย่างร้อนรน ทำเอาจีฮุนเองก็ตกใจ ก่อนจะตัดสินใจพูดอะไรออกไป
“ครัวอยู่ทางซ้ายของบ้าน ถ้าเค้ายังอยู่นะ”
เพียงแค่นั้นเอริกก็ถลาเปิดประตูและพุ่งออกไปทางซ้ายของบ้านที่เป็นครัวแบบเปิด เพียงแค่เห็นด้านหลัง หัวใจของเขาก็แทบหยุดเต้น เขาไม่มีเวลามาถามตัวเองว่านี่คือความจริงหรือความฝัน สิ่งที่เขาทำคือวิ่งเขาไปรวบร่างโปร่งบางจากทางด้านหลังทันที ร่างสูงโปร่งที่เขาเคยกอดได้แค่เอวเมื่อสามสิบปีก่อน บัดนี้เขาสามารถโอบกอดได้ทั้งร่างแล้ว
ชินฮเยซองถอนใจ เขารู้ดีว่าถึงจุดนี้ไม่สามารถหลบซ่อนหรือปิดบังอะไรได้อีก ตั้งแต่ตัดสินใจทำซูเจบีให้เอริก เขาก็เตรียมใจยอมรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมา ตลอดสามวันมานี้หัวใจของเขาเต้นแรงกว่าปกติ โดยเฉพาะตอนนี้ที่อยู่ในอ้อมกอดหนาแน่นจากเด็กเมื่อวานซืนในขณะนี้ แผ่นหลังของเขาเริ่มเปียกชื้นจากน้ำตาที่หลังรินของชายหนุ่ม เสียงสะอื้นแสนสะเทือนใจนั้นไม่อาจทำให้เขานิ่งดูดายอีกต่อไป ร่างบางค่อยๆหันไป แต่ดูเหมือนว่าอาการของเอริกจะหนักขึ้น
“พี่ฮเยซอง!!!!! พี่ฮเยซองจริงๆด้วย!!!!!”
เอริกจ้องมองเขาก่อนจะลูบไปทั่วหน้า เร็วกว่าที่เขาจะมองหน้าอีกฝ่ายให้เต็มตา เอริกก็พุ่งเข้าไปกอดเขาแน่น เขาสัมผัสได้ว่าน้ำตาของชายหนุ่มย้ายมาไหลรินที่บ่าเขา ดวงตาเรียวรีเองก็มีน้ำตาซึมออกมาเช่นกันก่อนจะกอดร่างหนากว่าที่รัดเขาไว้แน่น หัวใจของทั้งคู่เต้นเร็วรัวแข่งกัน จนหูอื้อไม่ได้ยินเสียงใดๆ
“อย่าทิ้งผมไปไหนอีกนะ” เอริกละออกมาเพื่อขอร้องคนที่ตามหาตรงหน้า
“อื้ม พี่จะไม่ทิ้งนาย” ฮเยซองรับคำหนักแน่น เขาตัดสินใจแล้วว่าจะไม่หนีความจริงในใจของตัวเอง ต่อจากนี้ไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาจะลองให้มันเกิดไป
“พี่สัญญากับผมแล้วนะ” เอริกคาดคั้นทั้งน้ำตา
“พี่สัญญา”
จุมพิตหนักแน่นของเอริกหลังคำสัญญาคือการสิ้นสุดของการรอคอยและความทุกข์ในใจของเขาตลอด30ปี หัวใจของเขาแทบเต้นทะอุออกมาจากอกข้างซ้าย คนในอ้อมกอดของเขามียังมีตัวตน มีเลือดเนื้อและลมหายใจ เขาสูบความหอมหวานจากริมฝีปากบางนั้นอีกครั้ง หลังจากที่เคยอาจหาญสัมผัสมาเมื่อตอนเจ็ดขวบ เขาไม่รู้จะดีใจอย่างไรที่ได้กลับมาครอบครองรักแรกและรักเดียวของเขาอีกครั้งในตอนนี้
จีฮุนและคังทามองภาพนั้นจากอีกมุมหนึ่งด้วยรอยยิ้มมุมปาก เขาดีใจที่ในที่สุดฮเยซองตัดสินใจเปิดเผยตัวกับเอริก ซึ่งก็เท่ากับได้ปลดล๊อคบางอย่างในใจของตัวเองไปด้วย จากนี้ต่อไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาก็ไม่อาจหยั่งรู้ แต่ตอนนี้พวกเขานั้นยินดีกับภาพที่เห็นตรงหน้าเป็นอย่างมาก

มื้อเย็นวันนี้เต็มไปด้วยความสุขสมกับเป็นวันพักร้อนบนเกาะ นอกจากกลุ่มเพื่อนทั้งสามที่กินข้าวด้วยกันเกือบทุกวัน มื้อนี้พิเศษกว่านั้นเพราะมีมุนจองฮยอกเด็กเมื่อวานซืนที่หลังจากพบหน้าฮเยซองแล้วก็ไม่ได้ออกห่างจากข้างกายเพื่อนเขาเลย พวกเขารู้สึกว่า ใบหน้าสวยหวานของฮเยซองนั้นงดงามกว่าทุกวันเพราะมีความสุขจากการได้ปลดเปลื้องพันธนาการในใจที่เจ้าตัวสร้างขึ้นเองส่วนหนึ่งออกจนหมด เขารู้ว่าฮเยซองยังกังวลกับหลายเรื่องที่จองฮยอกยังไม่รู้ แต่เขาก็เชื่อว่าทั้งคู่จะสามารถผ่านพ้นไปด้วยกันได้ ตอนนี้จองฮยอกคือเอริก ชายหนุ่มวัยสามสิบเจ็ด ในปี 2016ที่ไม่ว่าจะรักกันแบบไหนก็สามารถใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันในสังคมอย่างเปิดเผยได้
“เดี๋ยวนะ ผมจำพี่ได้แล้ว พี่จีฮุน พี่คังทา ผมเคยเจอพวกพี่ และพี่คังทาเคยอำว่าพี่จีฮุนเป็นแฟนพี่ฮเยซอง”
“พี่ไม่ได้อำนะ” คังทาปฎิเสธหน้านิ่ง
“ง่ะ ไม่จริงใช่มั้ยครับพี่ฮเยซองงี่” เอริกได้ทีออเซาะ แขนยาวนั้นกอดรัดเอวบางอย่างออดอ้อน ฮเยซองถอนใจหน่ายๆเพราะอายเพื่อนและขำการกลับวัยของชายหนุ่มคนนี้ ก่อนจะลูบหัวปลอบใจ
“ไม่หรอก ฮเยซองเป็นแฟนคุณคนเดียว” คราวนี้จีฮุนให้คำตอบเองพร้อมรอยยิ้มจริงใจ จนเอริกใจชื้น
“จริงเหรอครับ” คราวนี้เขากอดฮเยซองแน่นขึ้น จนฮเยซองร้องอุทรณ์ให้ปล่อยมือ เขาไม่ทำตาม จนกว่าจะได้คำตอบที่พอใจ
“ใครแฟนนาย นายพูดเองคนเดียวทั้งนั้น”
“ตอนนั้นผมยังโตไม่ทันพี่ ตอนนี้ ผมโตทันพี่แล้วนะ พี่เป็นแฟนผมได้จริงๆรึยังล่ะครับ?” คำถามนั้นทำเองฮเยซองและเพื่อนๆใจเต้นไปตามกัน ใบหน้าขาวเนียนนั้นฝาดแดงไปด้วยสีเลือดอย่างเขินอาย
“นะครับ เป็นแฟนผมนะ” เอริกรบเร้าอีกครั้ง ดวงตาคมกล้าสลดลง
“ไม่สงสารผมเหรอ ผมรอพี่มาสามสิบปีแล้วนะ เนี่ย..ผมจะถูกไอ้พวกนั้นตามมาเก็บอีกเมื่อไหร่ก็ไม่รู้...”
พอได้ยินอย่างนั้นฮเยซองก็ใจสั่นไหว “อย่าพูดอย่างนั้นสิ นายจะต้องปลอดภัย”
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันนะ แต่ก่อนผมจะตายจริงๆ ผมขอมีพี่เป็นแฟนได้มั้ยล่ะครับ”
ฮเยซองมองหน้าเพื่อนๆอย่างขอความเห็น คังทากับจีฮุนที่พยายามเก็บอาการขำส่งยิ้มและพยักหน้าให้เป็นคำตอบ ก่อนจะกลับมามองหน้าหล่อที่กำลังเว้าวอนเขาอยู่ใกล้ๆ เขาลูบผมดำขลับนั้นก่อนจะคว้ามากอดแนบอก และกระซิบข้างหูอย่างแผ่วเบา แต่ทว่าหนักแน่น
“นายจะต้องไม่เป็นอะไร เพราะนายเป็นแฟนพี่!”

หลังจากมื้อเย็นจบลง ฮเยซองก็เดินไปส่งเอริกที่ห้องพัก โดยที่อีกฝ่ายพยายามอ้อนวอนให้เขามานอนด้วยกันให้ได้ แต่ฮเยซองจำต้องใจแข็งปฎิเสธ จึงถูกเด็กเมื่อวานซืนหอมทั้งสองแก้มและจูบเป็นการมัดจำก่อนจะยอมให้เขาออกมา
“ชั้นนึกว่านายจะนอนห้องหมอนั่นซะอีก”คังทาแปลกใจที่เห็นเพื่อนรักเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น แทนที่จะอยู่กับเอริกบนชั้นสองของบ้าน
“ทำไมชั้นต้องนอนกับเจ้านั่น”
“นายก็ไม่น่าถามนะ ฮ่ะๆ” จีฮุนเย้าแหย่
“พอเลยเจ้าบ้าทั้งสอง! แล้วเป็นไงมั่งคังทา นายได้เบาะแสคนร้ายบ้างรึยัง”
“อืมได้ล่ะ คนร้ายที่พยายามเก็บจองฮยอกคือมาเฟียแก็งค์นึงในเมืองหลวง”
“เหรอ แล้วนายรู้มั้ยพวกมันทำไปเพื่ออะไร”
“เท่าที่ได้ข้อมูลตอนนี้นะ พวกมันต้องการเข้าถือหุ้นในบริษัทที่จองฮยอกทำงานเพื่อให้เป็นแหล่งฟอกเงินล่ะ มันพยายามบีบบอร์ดบริหารและคุกคามหลายทางอยู่ การเก็บกรรมการผู้จัดการสักคนก็เป็นหนึ่งในนั้น”
“มันเป็นใครอ่ะ นายรู้จักมั้ย”
“ขอดูก่อนนะว่าพวกมันมีที่มาที่ไปยังไง”คังทายิ้มบางๆให้พร้อมคำตอบ
“นายกลัวจะเป็นคนของเผ่าหมี หรือคนของพวกหมาป่างั้นเหรอ?” จีฮุนลองถามเพื่อนดู
“อืม ชั้นไม่อยากให้เรามีเรื่องกับใคร” ฮเยซองมีสีหน้ากลัดกลุ้มอย่างเห็นได้ชัด จนคังทาต้องออกปาก
“ไม่เอาน่า นายอย่าคิดอะไรไปล่วงหน้าสิ นี่มันสมัยไหนแล้ว เราไม่จำเป็นต้องทะเลาะกับพวกนั้นเหมือนเมื่อร้อยปีก่อนแล้วนะ”
“อืม ชั้นว่านายควรคิดถึงเด็กคนนั้น ไม่ใช่สิ จองฮยอกให้มากๆดีกว่า หมอนั่นแคร์นายมากนะ”
“นั่นสิ ถ้ากลับไปนายจะเอายังไงล่ะ”
“ชั้นต้องคุยกับจองฮยอกล่ะ ว่าจะเอายังไงเรื่องที่เค้าถูกตามแบบนี้ ไม่รู้หมอนั่นแจ้งความไปรึยังด้วย”
“ไม่ต้องห่วง ถ้าหมอนั่นแจ้งความ ชั้นว่ายังไงก็สาวถึงนายไม่ได้ นายวางใจเถอะ”
“ขอบใจพวกนายมากนะ”
ฮเยซองซาบซึ้งในนำใจของเพื่อน ๆ เป็นอย่างมาก ในเมื่อเพื่อนๆและทุกอย่างเป็นใจให้เขาขนาดนี้ เขาก็พร้อมจะมีเอริกเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตอีกครั้ง

วันหยุดของพวกเขาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ตอนนี้เขากำลังเก็บของใช้บางส่วนเพื่อจะไปอยู่กับเอริกตามที่ฝ่ายนั้นเรียกร้อง เขามองห้องนอนสุดหรูแสนอบอุ่นของตัวเองที่คุ้นเคย ถ้าเป็นไปได้เขาอยากให้เอริกย้ายมาอยู่ที่นี่ด้วยกันเสียมากกว่า แต่ก็ได้แค่คิด เพราะเขามีหลายเรื่องที่ยังไม่อยากให้เอริกรับรู้ในตอนนี้
“นายไม่ลืมอะไรใช่มั้ย”คังทาย้อนถามก่อนจะติดเครื่องรถเพื่อออกไปส่ง
“ไม่นะ ชั้นไม่ได้เอาอะไรไปเยอะ”
จีฮุนที่อ่านใจคนออกและเห็นสีหน้าเหงาๆของเพื่อนเลยเอ่ยปากแซว
“สดชื่นหน่อยสิฮเยซอง คนย้ายไปอยู่กับแฟนเค้าทำหน้าแบบนี้กันเหรอหะ”
ฮเยซองไม่ตอบอะไรนอกจากแสดงสีหน้าอิดออดมากขึ้น
“น่า ถ้าหมอนั่นรับได้ ชั้นก็พร้อมให้เค้ามาอยู่กับพวกเรา ถ้าหมอนั่นไม่รังเกียจนะ”
“อื้อ ขอบใจนะจีฮุน” ได้ยินอย่างนั้นรอยยิ้มก็ปรากฏบนหน้าของฮเยซอง

การเดินทางในเมืองใช้เวลาไม่นานก็ถึงที่พักของเอริก ที่พอรู้ว่าฮเยซองตกลงย้ายมาอยู่กับเขาในวันนี้ก็แทบนับวินาทีรอการมาของฮเยซอง เพียงแค่เขาเห็นว่าฮเยซองมากดกริ่งที่ประตูก็พุ่งออกไปเปิดรับด้วยความดีใจ กับความฝันที่หายไปของเขากลับมาเป็นจริงอีกครั้ง เขารีบเปิดประตูและคว้าตัวฮเยซองมากอดทันที
“นี่ น้อยๆหน่อยจองฮยอก” ฮเยซองเขินที่ถูกกอดและอายเพื่อนๆที่มองอย่างขบขัน เอริกหันมาโค้งเคารพคนทั้งสองและช่วยฮเยซองถือสัมภาระแต่ก็ยังไม่ปล่อยมือข้างหนึ่งออกจากเอวเล็กของคนรัก คังทาเห็นอย่างนั้นเลยออกปากแซวทีเล่นทีจริง
“พี่ฮเยซองเค้าไม่ไหนจากนายแล้ว ห่างๆเค้าบ้างก็ได้”
“จริงๆนะครับ?” เอริกหันไปถามเจ้าตัว
“จริงสิ นี่นายถามแบบนี่บ่อยไปแล้วนะ”
“ก็ผมกลัวนี่นา”ชายหนุ่มได้ทีออดอ้อนตามประสา และก็เป็นเหมือนทุกครั้งที่ฮเยซองต้องลูบหัวปลอบใจเด็กชายในร่างผู้ใหญ่คนนี้
“นายจะกลัวอะไร พี่ก็อยู่นี่แล้ว”
จีฮุนเห็นแบบนี้เลยไม่อยากอยู่เป็นก้างขวางคอ “งั้นพวกชั้นขอตัวกลับก่อนนะ”
“อ่าวไม่อยู่กินข้าวกันก่อนเหรอ”
“ไม่อ่ะ แฟนนายอยากอยู่กับนายสองคนใจจะขาดแล้ว ฮ่ะๆ พวกชั้นไปล่ะ มีอะไรก็ติดต่อมา”
“อืม ขอบใจพวกนายมากเลยนะ” ฮเยซองเข้าไปสวมกอดเพื่อนรักทั้งสองแน่น เขารู้สึกใจหายอย่างที่จีฮุนและคังทาสัมผัสได้ สามสิบปีมานี้ไม่เคยมีสักวันเลยที่พวกเขาจะไม่เจอหน้ากัน การบอกลาเพื่อนๆนั้นเนิ่นนานจนเอริกมองค้อนด้วยความหวง
“พอล่ะ ทำยังกะจะไม่เจอกันอีกแน่ะ ฮ่ะๆ” คังทาลูบผมสีบลอนด์ของเพื่อนรัก เขาเองก็ใจหายเหมือนกันที่จะไม่ได้เจอฮเยซองที่บ้านอีก
“นะ มีอะไรก็โทรมา ดูแลจองฮยอกให้ดีก็ละกัน” จีฮุนสมทบก่อนจะออกจากประตูห้อง เอริกโค้งลาเพื่อนทั้งสองของฮเยซองก่อนจะปราดเขามาประชิดตัวคนรักที่มีส่วนสูงไม่ต่างกัน ดวงตาของเขามีแต่ภาพสะท้อนของฮเยซอง เขาอยากจะสัมผัสริมฝีปากสีอ่อนบอบบางนั้นเหลือเกิน แต่ก็ช้ากว่าเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นมา ชายหนุ่มจิ๊ปากขัดใจก่อนจะหยิบโทรศัพท์แล้วกดรับ
“ครับ...คืนนี้เลยเหรอ...ได้...ได้สิ...เดี๋ยวชั้นไป..อืม..ขอบใจนะ”
พอวางสายเขาก็กรอกตาและรีบรวบตัวฮเยซองก่อนจะบ่นกระปอดกระแปดแบบออเซาะ
“เย็นนี้อดกินข้าวกับพี่เลย ผมมีนัดด่วนกับท่านประทานและบอร์ด เดี๋ยวต้องออกไปเลยเนี่ย”
“ไม่เป็นไร นายพูดยังกะมันใช้เวลาทั้งคืนงั้นแหล่ะ” ฮเยซองลูบหน้าคนรัก แค่เพียงเอริกได้ยินคำว่า “ทั้งคืน” ก็ทำให้เขาคิดไปไกลในทันที แววตาออดอ้อนของเอริกเปลี่ยนไปอย่างที่ฮเยซองไม่เคยเห็นมาก่อน มันน่ากลัวว่าเวลาที่พวกเขาใช้ล่าเหยื่อเสียด้วยซ้ำ
“แล้วผมจะรีบมาอยู่กับพี่ “ทั้งคืน”นะครับ”
ฮเยซองตีสีหน้าขรึมแล้วรีบดันหลังเอริกไปแต่งตัวออกจากบ้านทันที เขาตัดสินใจออกไปข้างนอกกับเอริกด้วย ก่อนจะลงจากรถก็ถูกเด็กบ้าตัวแสบขโมยหอมแก้มไปอีกครั้ง คิดแล้วก็ทั้งเขินละขำตัวเองกับการลงเอยที่ไม่คาดฝันนี้

การนัดหมายด่วนของเอริกคือการเข้าไปให้ปากคำกับตำรวจที่บริษัท ผู้กองลีมินอูนายตำรวจร่างเล็กที่มีบุคลิกคล่องแคล่วเป็นผู้รับผิดชอบคดีปองร้ายที่เขาและผู้บริหารคนอื่นเจอ แน่นอนว่าการสอบปากคำครั้งนี้กระทำอย่างเงียบๆและผู้กองลีก็มาเป็นการส่วนตัวนอกเครื่องแบบกับเจ้าหน้าที่อีกสามคน เอริกให้การไปตามที่เขาพบเจอ มินอูให้เจ้าหน้าที่ขอภาพจากกล้องวงจรปิดแต่ก็ได้ข้อมูลแค่นั้นเพราะเอริกไม่สามารถให้การใดๆที่เป็นประโยชน์อีกต่อไปได้ นอกจากบอกว่าเขารอดชีวิตเพราะมีพลเมืองดีเห็นเหตุการณ์และช่วยเหลือไว้ได้ทันท่วงที
“เอาเป็นว่าทางตำรวจจะเร่งสืบสวนคดีนี้ให้เร็วที่สุดนะครับ ขอบคุณทุกท่านสำหรับข้อมูลนะครับ” ผู้กองลีโค้งให้ทุกคนเป็นการขอบคุณก่อนจะแยกย้ายกลับไป เอริกเดินไปยังรถของเขาที่มีฮเยซองรออยู่ไม่ไกล คนทั้งสองขึ้นรถและไปหาอะไรกินที่ร้านอาหารไม่ไกลจากละแวกนั้น แต่ในขณะที่เอริกและฮเยซองกำลังจะขึ้นรถกลับบ้าน เขาก็ถูกรถคันหนึ่งจอดเทียบ คนในรถลงมาเพื่อจะทำร้ายผู้บริหารหนุ่ม ดูท่าว่าคราวนี้จะมีคนระดับหัวหน้าแก็งค์มาด้วย แต่คราวนี้เขาไม่ได้อยู่คนเดียว ชินฮเยซองรีบวิ่งมายืนข้างคนรักในทันที แต่เพียงเขาขยับตัว คนที่คาดว่าเป็นลูกพี่ก็ชักปืนออกมาแต่ก็ช้ากว่าฮเยซองที่ปราดเข้าไปบีบคอและเหวี่ยงร่างนั้นกระเด็นไปหลายเมตร เขาพยายามไม่เอาชีวิตพวกนี้ต่อหน้าเอริกและพยายามต่อสู้แบบออมแรงให้เหมือนคนปกติที่สุด ด้วยความที่ฝ่ายอันธพาลมีคนมากกว่าและมีอาวุธทำให้เอริกเสียท่าถูกมีดแทงเข้าที่ท้องด้านขวา เพียงแค่นั้นความอดทนของฮเยซองก็หมดลง เขี้ยวแหลมคมที่แยกคำรามออกจากปากสวยปรากฏต่อสายตาของมือมีดรวมทั้งเอริก คนร้ายที่คิดจะวิ่งหนีก็ถูกแขนยาวของฮเยซองก็บีบคอจนหมดสติให้กองอยู่ตรงนั้น ก่อนที่คนร้ายที่เหลือจะวิ่งเตลิดกระจายตัว ร่างเล็กว่องไวของผู้กองลีก็โผล่มาพร้อมลูกน้องกลุ่มเดิมและกำลังเสริมอีกหนึ่งคันรถ
“หยุด นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจล้อมไว้หมดแล้ว วางอาวุธและอยู่ในความสงบ”
คนร้ายไม่ต่อสู้พร้อมหมอบลงอย่างหวาดผวากับสิ่งที่เพิ่งพบเจอจึงทำให้ง่ายต่อการจับกุมเป็นอย่างมาก ผู้กองลีสั่งเรียกรถพยาบาลเพราะเห็นเอริกถูกแทง คนเจ็บถูกหามขึ้นรถฉุกเฉิน ส่วนฮเยซองต้องตามผู้กองลีไปให้ปากคำที่โรงพักทันที

ออฟไลน์ น้ำพริกแมงดา

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +272/-0
    • เข้ามาเป็นคุยกันกับ "น้ำพริกแมงดา" ใน facebook page นะคะ
Re: <Fic RicSung> Safe in the moonlight (จบในตอนค่ะ)
«ตอบ #3 เมื่อ15-12-2016 14:57:32 »

“นายคบกับหมอนั่นอยู่เหรอ?” คือคำถามแรกที่ผู้กองลี หรือลีมินอูถามคนรู้จักอย่างชินฮเยซองในห้องสอบสวนที่สถานีตำรวจ เขาคิดไม่ผิดที่ตัดสินใจเลือกตามเอริกหลังสอบปากคำ มากกว่าจับคนร้ายได้ทันทีคือเจอเพื่อนคนนี้ด้วย
“เดี๋ยว!นี่เป็นคำถามสอบปากคำเหรอคุณตำรวจ”
“เอาตามนั้นก็ได้ มันก็เป็นประโยชน์กับรูปคดีนะ ว่าไงฮเยซอง หมอนั่นเป็นแฟนนายเหรอ?”
“อืม” ฮเยซองพยักหน้ายอมรับ
“เหรอ คบกันมานานยังอ่ะ?”
“ไม่นานหรอก ยังไม่ถึงสองสัปดาห์เลย”
“เหรอ..”
“พอเลยมินอู รีบๆถามอะไรที่มันเข้าเรื่องดีกว่า ชั้นเป็นห่วงจองฮยอก”
“จ้าๆ” ร่างเล็กยิ้มจนตายิบหยี “เฮ้อ อิจฉาหมอนั่นจังเลยเนอะ”
ตำรวจหนุ่มเริ่มสอบปากคำคนรู้จักอย่างเป็นทางการในเวลาไม่นานก็ปล่อยตัวพยานบุคคลออกมา เขารู้ดีกว่าต้องทำยังไงต่อไป...
ฮเยซองเดินทางไปโรงพยาบาลตามที่ผู้กองลีให้ข้อมูล เอริกออกจากห้องฉุกเฉินไปยังห้องพักที่โรงพยาบาลจัดไว้ให้นอนพักในคืนนี้แล้ว เมื่อเขาเปิดประตูเข้าไปก็พบกับพ่อและแม่ของเอริกที่เขาไม่ได้เจอมาสามสิบปีเช่นกัน
“น้องฮเยซอง!”หญิงวัยกลางคนรีบเดินเข้ามาหาเขาทันที แม้ฮเยซองจะไม่เปลี่ยนไปจากตอนที่จากกันแต่ก็ไม่ใช่เวลาตกใจกับสิ่งนั้น
 “ใช่น้องฮเยซองหรือเปล่าคะ”
“ครับ สวัสดีครับคุณมุน คุณนายมุน ไม่ได้เจอกันตั้งนานเลยนะครับ”
เพียงแค่นั้นแม่ของเอริกก็โผเข้ากอดเพื่อนบ้านใจดีที่คุ้นเคย คนเป็นพ่อก็มองฮเยซองด้วยความซาบซึ้งเช่นกัน เขาตบบ่าฮเยซองและพูดด้วยเสียงสั่นเครือเล็กน้อยว่า
“พี่ดีใจนะ ที่เจอเราอีกรอบ”
ความทรงจำของพ่อกับแม่เอริกเมื่อสามสิบปีก่อนปรากฏภาพชัดขึ้นอีกครั้ง วันนั้นที่ประเทศมีปัญหาทางการเมืองและเศรษฐกิจเข้าขั้นวิกฤต ประชาชนออกมาชุมนุมประท้วงรัฐบาลบริเวณใจกลางเมืองที่ไม่ไกลจากโรงเรียนของเอริกในตอนนั้น วันนั้นชินฮเยซองไปรับเขาที่โรงเรียนตามปกติที่วันไหนพ่อกับแม่ของเอริกไม่ว่างก็จะรบกวนให้ไปรับแทน เพียงแค่เดินออกมาไม่นานก็เกิดจลาจลกลางเมือง ฮเยซองพยายามปกป้องเอริกอย่างสุดความสามารถเพื่อหนีออกมาจากตรงนั้น เมื่อเขาอุ้มเอริกวิ่งข้ามถนนจนตัวเองถูกรถที่พุ่งชนบาดเจ็บสาหัสแต่เอริกไม่เป็นอะไรในอ้อมกอดของเขา
 ในตอนนั้นฮเยซองเหมือนจะไม่อาจเอาชีวิตรอด แต่ก็มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น จนเมื่อหายดีออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฮเยซองก็มาเก็บของที่ห้องพักและไม่ได้บอกพวกเขาว่าย้ายไปอยู่ที่ไหน และไม่ได้ส่งข่าวคราวมาอีกเลย พ่อแม่ของเอริกสอบถามสารทุกข์สุขดิบของฮเยซองด้วยความคิดถึง เมื่อมองใกล้ๆก็พบว่าฮเยซองที่เด็กว่าพวกเขาแค่สิบปีไม่เปลี่ยนไปจากที่เคยเห็นเมื่อสามสิบปีก่อนเลย แต่ก็ไม่กล้าออกปากถามเรื่องนี้นอกจากให้คำตอบเองว่าอีกฝ่ายคงไปทำศัลยกรรมเหมือนคนรวยในประเทศนี้คนอื่นๆ ฮเยซองมองไปยังเอริกที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียงผู้ป่วย ข้างเตียงสายน้ำเกลือเจาะที่มือข้างซ้าย
“แล้วจองฮยอกเป็นยังไงมั่งครับ?”
“ปลอดภัยแล้วล่ะ ได้ยินว่าฮเยซองเป็นคนช่วยเจ้านี่ไว้อีกครั้ง พี่ก็ไม่รู้จะขอบใจยังไงดีเลย”
ผู้เป็นพ่อพยายามโค้งคำนับขอบคุณฮเยซองอย่างที่เคยทำเมื่อสามสิบปีก่อน ฮเยซองรีบห้าม ใบหน้าอ่อนเยาว์มองหน้าชายวัยกลางคนตรงหน้าด้วยความอารีย์
“อย่าคิดมากเลยครับ จองฮยอกไม่เป็นอะไรผมก็ดีใจแล้ว”
“น้องฮเยซองอย่าถ่อมตัวอีกเลย จองฮยอกรอดชีวิตเพราะน้องฮเยซองหลายครั้งแล้ว พวกพี่ไม่รู้จะขอบคุณเรายังไงจริงๆ”
“พี่ฮเยซอง...พี่ฮเยซอง อย่าทิ้งผมไป...พี่ครับ...”
ไม่ทันที่แม่เอริกจะพูดอะไรต่อ ผู้ป่วยบนเตียงก็ละเมอออกมา ทำให้ทั้งสามคนที่คุยกันอยู่ต้องรีบมาดู แม่เอริกสบทบกับสิ่งที่พูดไปเมื่อครู่
“ตั้งแต่น้องฮเยซองไม่อยู่ จองฮยอกก็นอนละเมอแบบนี้บ่อยมาก ตอนเด็กๆพี่ต้องปลอบแกว่า เดี๋ยวฮเยซองก็กลับมาหา และก็ไม่น่าเชื่อเลยนะ ว่ามันจะเป็นจริง”
คนเป็นแม่น้ำตาซึม ฮเยซองเข้าไปลูบผมเอริกอย่างที่ชอบทำทุกครั้งเวลาปลอบโยนคนคนนี้  แม้จะรักเด็กเมื่อวานซืนคนนี้มากกว่าเดิมแค่ไหน แต่ก็กลุ้มใจที่ไม่รู้ว่าเอริกจะยังรักเขาอยู่หรือไม่ กับความจริงที่เขาเป็นทุกวันนี้


“คดีไปถึงไหนแล้วมินอู” ฮเยซองออกมาคุยกับผู้กองลีที่แวะมาเยี่ยมเอริกในวันต่อมา เอริกตื่นมาให้ปากคำเพิ่มเติมก่อนจะสลบไปอีกครั้งด้วยฤทธิ์ยา ทำให้ฮเยซองสามารถคุยกับผู้กองมินอูเป็นการส่วนตัวมากขึ้น
“ก็กำลังสืบเรื่องเส้นทางการฟอกเงินของแก็งค์นี้อยู่นะ”
“เฮ้อ ขอให้จับได้เร็วๆเถอะ” มินอูสัมผัสได้ว่าเพื่อนมีความกลุ้มใจไม่น้อยเลยถามออกไป
“นายกลัวอะไร”
“หลายอย่างอ่ะ กลัวว่า แก็งค์นี้จะเป็นคนของยองจุน และก็คนของนายด้วย”
“ฮ่ะๆ ไม่หรอก หมาป่าอย่างเราไม่ทำแบบนี้แน่นอน นายสบายใจได้” มินอูหัวเราะก่อนจะยีผมสีบอนด์นุ่มมือนั่นเล่น ถ้าสำนักงานตำรวจมีความลับ หนึ่งในความลับพวกนั้นก็คือเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่มาหลายสิบปีแต่ยังไม่แก่ลงอย่างลีมินอูคนนี้นี่ล่ะ หมาป่าหนุ่มขรึมลงเมื่อจะถามเรื่องต่อไป
“หมอนั่นรู้แล้วใช่มั้ย?”
“อื้ม” ฮเยซองตอบแค่นั้นก่อนจะทอดสายตามองคนที่หลับอยู่ เขาก็อยากรู้เหมือนกันว่าเอริกจะว่าอย่างไร ไม่ทันที่ฮเยซองจะคิดอะไรต่อไป ประตูห้องก็มีเสียงเคาะสองครั้งก่อนจะมีผู้ชายสองคนเข้ามา ฮเยซองลุกไปต้อนรับผู้มาเยี่ยมทันที
“เอริกหลับอยู่เหรอครับ?” ชายหนุ่มร่างสันทัดหน้าตาคมคายสอบถามถึงผู้ป่วย
“หะ?!?”
ฮเยซองไม่คุ้นชื่อนี้ ทำให้อีกฝ่ายต้องรีบเปลี่ยนสรรพนามทันที
“จองฮยอกน่ะครับ เค้าหลับอยู่ใช่มั้ย?”
“ครับ หลับไปแล้ว หลังจากถูกสอบปากคำ” ฮเยซองมองไปยังเพื่อนตัวเล็กด้วยสายตาล้อเลียน
“อ่าว สวัสดีครับผู้กอง”
“สวัสดีครับคุณคิม”
ดงวานไม่เคยเห็นฮเยซองมาก่อนจึงลองถามชายแปลกหน้าคนนี้
“อ่า คุณคือ?”
“ผม ชินฮเยซอง ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”
เพียงแต่ฮเยซองแนะนำตัว ทำให้ผู้ชายทั้งสองคนถึงกับมองหน้ากัน อีกคนที่มาด้วยนั้นถึงกับเย็นวาบไปทั้งตัว
“ผมคิมดงวานนะครับ เพื่อนและลูกน้องของจองฮยอก ส่วนนี้ แอนดี้ รุ่นน้องของพวกเราครับ”
“ยินดีที่รู้จักครับ” ฮเยซองจับมือทักทายตามมารยาท แต่ก็สังเกตว่าอาการของแอนดี้ดูเกร็งๆไม่เป็นธรรมชาติหลังจากรู้ว่าเขาชื่ออะไร
“งั้นผมขอตัวนะ สอบปากคำพยานครบแล้ว”
“ครับ เชิญ” ฮเยซองตอบรับก่อนเดินไปส่งเพื่อน และรีบกลับมารับหน้าคนทั้งสองทันที น่าแปลกที่คนทั้งสองไม่ถามอะไรเขามาก คิมดงวานยืนกอดอกมองเพื่อนเงียบๆ ส่วนแอนดี้ที่เข้าไปยืนข้างเตียงนั้นมีสีหน้าไม่ค่อยสู้ดี ถึงแม้เขาจะอ่านใจใครไม่ออกเหมือนจีฮุน แต่ก็พอรับรู้ได้ว่าจองฮยอกของเขาต้องเป็นคนพิเศษสำหรับผู้ชายตาแป๋วคนนี้
ก็แน่ล่ะ สามสิบปีที่ผ่านมากับชีวิตผู้ชายคนหนึ่ง ต้องผ่านร้อนผ่านหนาวมาไม่น้อย นี่ก็คงเป็นแค่คนหนี่งในชีวิตของจองฮยอก ฮเยซองเห็นอย่างนั้นเลยไม่เป็นส่วนเกินของความเป็นส่วนตัวของคนทั้งสอง
“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”
“ไม่เป็นไรครับ อยู่ด้วยกันนี่ล่ะ” แอนดี้หันมาบอกเขาพร้อมรอยยิ้ม “พี่ฮเยซองใช่มั้ยครับ”
“ครับ”
“พี่คงดีใจและมีความสุขซะทีนะครับ” เขาหันไปบอกกับเอริกที่นอนอยู่ด้วยเสียงเบาๆ แม้จะพูดด้วยความยินดีแต่ดวงตากลมโตนั้นฉายแววเศร้าจนน่าใจหาย ตามด้วยรอยยิ้มของคิมดงวานที่มอบให้เขาก่อนเดินไปตบไหล่แอนดี้และโอบไว้ก่อนเขย่าเบาๆ เรื่องอะไรแอนดี้จะจำชื่อนี้ที่เอริกชอบละเมอออกมาตอนอยู่กับเขาไม่ได้ ชายหนุ่มรู้สึกตื้อๆให้กับปริศนาที่แสนเจ็บปวดของอดีตคนรักที่กระจ่างในวันนี้
“ฝากดูแลเค้าด้วยนะครับ” แอนดี้หันมาบอกเขาก่อนเตรียมตัวกลับ ฮเยซองได้แต่รับคำและส่งคนทั้งสอง เขามองแอนดี้ด้วยความรู้สึกเห็นใจ พร้อมกับนึกเคืองเอริกที่ลืมเขาไม่ได้แต่ก็ไม่อยากเห็นคนรักทำร้ายหัวใจคนอื่นแบบนี้
วันนี้ทั้งวันฮเยซองต้องพบเจอคนมากหน้าหลายตาที่มาเยี่ยมเอริก นอกจากพ่อและแม่ของเอริกที่เขารู้จักคุ้นเคยก็มีทั้งท่านประธานและกรรมการผู้จัดการบริษัทคนอื่นๆที่มาเยี่ยมในตอนเย็น หมอฮยอนจินอดีตคู่เดทของเอริกที่มาเยี่ยมเมื่อช่วงบ่าย ที่เขาและเธอต่างก็ตกใจเมื่อพบหน้าเพราะคนทั้งสองมีหน้าตาละม้ายคล้ายกัน และนึกอายหญิงสาวที่เจ้าเด็กบ้านั่นจับมือเขาไม่ปล่อยต่อหน้าเธอ และจีฮุนกับคังทาที่มาเยี่ยมก็เพิ่งกลับไปเมื่อครู่นี้
“วันนี้พี่เหนื่อยเลยนะครับ” เอริกที่ปรับเตียงเป็นกึ่งนั่งกึ่งนอนหันมาคุยกับฮเยซองที่เพิ่งนั่งลงข้างๆ
“ไม่หรอก” ใบหน้าอ่อนเยาว์ตอบพร้อมรอยยิ้ม
“ตลกดี ที่คืนแรกของพวกเราต้องอยู่ที่โรงพยาบาลอย่างนี้ หึหึ” ใบหน้าคมคร้ามหัวเราะให้กับโชคชะตาของตัวเองที่ทำอะไรก็ไม่ถึงที่สุดเสียที
“อีกวันนึงนายก็ได้ออกไปแล้ว พูดมากน่า”
“นั่นสิครับ พี่ก็เตรียมตัวให้ดีก็แล้วกัน” ฮเยซองเบือนหน้าใส่สายตาหวานหยดที่เต็มไปด้วยความต้องการของเอริก เขารู้สึกทำตัวไม่ถูกที่ตกอยู่ในสภาวะลูกไก่ในกำมือเด็กเมื่อวานซืนแบบนี้ เขาจะลุกหนีแต่ก็ไวกว่ามือยาวที่คว้าแขนเขาไว้ได้
“หรือจะถอดสายน้ำเกลือแล้วทำตอนนี้เลย หมดคนเยี่ยมแล้วด้วย”
“หยุดนะ!นายนี่มันจริงๆเลย!”ฮเยซองพยายามใช้แรงแบบมนุษย์แกะมือกาวนั่นแต่ก็ไม่ออก จนสัญชาติญาณดิบบอกให้สู้ ทำให้เอริกถึงกับร้องโอ๊ยเมื่อเขาแกะมือออก
“พี่ขอโทษ” ฮเยซองพูดเสียงอ่อย เอริกมองหน้าคนรักแล้วยิ้มให้อย่างไม่ถือโทษก่อนจะขออะไรจากฮเยซอง
“พี่บอกผมได้มั้ย ว่าตอนที่พี่ไม่อยู่ พี่ไปอยู่ที่ไหนมา แล้วพี่ไปทำอะไรมาบ้าง?”
“เอาเรื่องไหนก่อนดีล่ะ มันเยอะนะ”
“ที่พี่ไม่เปลี่ยนไปเลยอ่ะครับ รวมถึงเพื่อนๆพี่ด้วย พวกพี่ไม่เหมือนผมใช่มั้ย?”
ฮเยซองนิ่งอยู่สักพักกับคำถามอ้อมๆที่ตรงประเด็นของคนรัก ก่อนจะพยักหน้ายอมรับ
“พี่เล่าให้ผมฟังได้รึเปล่า?”

ฮเยซองถอนใจก่อนจะเล่าเรื่องเก่าที่เอริกอยากรู้ ที่วันนั้นเขาประสบอุบัติเหตุเกือบถึงแก่ชีวิต โรงพยาบาลทุกแห่งในเมืองหลวงเนืองแน่นไปด้วยผู้ป่วยที่เป็นผู้บาดเจ็บจากการสลายการชุมนุมใจกลางเมือง ทันทีที่คังทากับจีฮุนรู้เรื่องของเขา ก็ให้ชาลีพัคพ่อของพัคจอนจิน ผู้ถือกรรมสิทธิ์ต่างๆให้พวกเขาในเวลานั้นจัดการย้ายฮเยซองที่ยังไม่ได้สติไปโรงพยาบาลเอกชนที่พวกเขาถือหุ้นใหญ่ทันที
“พี่จะเอาพี่ฮเยซองไปไหนอ่ะ?” เอริกที่มาเฝ้าฮเยซองกับครอบครัวร้องห้ามเมื่อเห็นคังทาพาเจ้าหน้าที่มาย้ายตัวเพื่อนรักออกไปจากห้องไอซียู คังทาคุกเข่าลงเพื่อจะคุยกับเด็กชาย
“พี่จะเอาพี่ฮเยซองของนายไปรักษากับหมอเก่งๆ ไง เค้าจะได้หายเร็วๆ”
“จริงเหรอครับ”
“อื้ม จริงสิ พี่ฮเยซองจะหาย นายเชื่อใจพี่นะ”
คังทาสวมกอดเด็กชายจองฮยอกแล้วลูบผมก่อนจะรีบเดินจากไป พ่อแม่ของเอริกอาสาช่วยคุณชาลีจัดการเรื่องที่เหลือที่นี่แล้วให้ทางโน้นล่วงหน้าไปที่ใหม่ก่อนจะรีบเดินทางตามไป
แต่การรักษาจากหมอที่เก่งที่สุดก็ไม่เป็นผล อาการของฮเยซองทรุดลงเรื่อย ๆ จนเข้าสู่อาการโคม่า เพื่อนทั้งสองตัดสินใจลงมือทำกับสิ่งที่คิดไว้ก่อนหน้านี้ เขาขอให้หมอทุกคนออกไป โดยอ้างว่าจะสั่งเสียเป็นครั้งสุดท้าย
จีฮุนกับคังทามองร่างผอมของเพื่อนรักที่กำลังจะหมดลมหายใจอยู่บนเตียง เขาพยักหน้าให้แก่กัน ก่อนที่จีฮุนจะร่ายมนต์ซึ่งเป็นการเปิดทาง และคังทาก็จัดการฝังเขี้ยวแหลมบนต้นคอของเพื่อนที่เส้นเลือดใหญ่และปล่อยพลังในตัวออกมา เพียงแค่นั้น ร่างที่แทบไร้วิญญาณก็มีอาการตอบสนอง กระตุกเกร็งเป็นจังหวะ สัญญาณชีพบนเครื่องกลับมาเต้นเร็วกว่าปกติ มือเรียวนั้นกำผ้าปูที่นอนเกร็ง ก่อนจะลืมตาและหายใจออกทางปากดังเฮือกพร้อมกับเขี้ยวแหลมสี่ซี่ทั้งสองข้าง จีฮุนที่เตรียมเลือดสดในถุงไว้รีบกรอกใส่ปากเพื่อนจนหมดถุงก่อนที่เพื่อนเขาจะสลบไปในสภาพที่สดใสอิ่มเอิบเหมือนคนปกติที่นอนหลับอย่างมีความสุข

ฮเยซองตื่นขึ้นมาก็พบกับเพื่อนทั้งสองและครอบครัวมุน เพียงแค่เอริกเห็นว่าฮเยซองฟื้นแล้วก็วิ่งเข้ามากอดฮเยซองที่อยู่บนเตียง ทั้งสองกอดกันแน่น แม้ฮเยซองจะได้กลิ่นจากทุกคนแปลกไปแต่ก็รักษาอาการไว้อยู่ เขากอดเด็กชายที่เขาสามารถปกป้องไว้ได้ก่อนจะแบ่งรับแบ่งสู้คำขอบคุณจากพ่อแม่ของเอริกที่แทบนั่งลงไปคำนับเขา อาการของฮเยซองฟื้นตัวเร็วกว่าผู้ป่วยปกติ เพียงแค่วันรุ่งขึ้นเขาก็สามารถออกจากโรงพยาบาลได้ แต่ก็มีอาการแปลกไปที่เขาหิวแต่เลือดเท่านั้น จนเพื่อนทั้งสองบอกความจริงกับเขาและพาเขาไปพักฟื้นรักษาตัวที่บ้านพักในป่ากับโกยองจุนเพื่อนชาวหมี ที่ทำให้เขารับสภาพชีวิตใหม่ได้เร็วขึ้น และมีความสุขกับชีวิตมากขึ้น ก่อนจะกลับมาเก็บของและร่ำลาครอบครัวมุนในอีกสองสัปดาห์ต่อมาเพื่อไปเรียนรู้ชีวิตในรูปแบบนักล่านี้กับเพื่อนผู้มีพระคุณทั้งสอง คุณชาลีจัดการให้เขาและเพื่อนๆพักการเรียนแต่ยังคงสถานะนักศึกษาอยู่หนึ่งเทอม เมื่อเขากลับมาเรียนต่อที่เมืองหลวง สิ่งแรกที่เขาทำคือการไปเยี่ยมครอบครัวมุน แต่ก็พบว่าเอริกและครอบครับไม่ได้อยู่ที่อพาตเม้นต์นั้นแล้ว
เอริกได้ฟังเรื่องทั้งหมดจบก็ได้แต่อึ้ง น้ำตาซึมออกมาอีกครั้งจากดวงตากลมโตนั้น เขาทั้งเสียใจที่ตัวเองเป็นต้นเหตุให้คนรักเคยบาดเจ็บถึงแก่ชีวิต และดีใจที่คนรักยังมีชีวิตอยู่เพื่อมาเจอเขาในวันนี้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนและเป็นแบบไหนก็ตาม สำหรับเขา ฮเยซองในวันนี้ ก็คือพี่ฮเยซองคนเดิมที่เป็นรักแรก รักเดียวของเขาตั้งแต่วันนั้น แต่ก็ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่เขาสงสัย
“แล้ว พี่รู้ได้ยังไงครับว่าผมอยู่ไหน ตอนที่ถูกทำร้าย?”
“ก็ไม่รู้สิ ความรู้สึกข้างในของพี่มันทรมาน และก็มีภาพที่นายโดนจับโผล่มาพร้อมสถานที่ อืม ก่อนหน้านี้นายเคยโดนจับมาก่อนหรือเปล่า”
“เปล่าครับ” เอริกตอบยิ้มๆ “รู้อย่างนี้ผมน่าจะถูกจับตั้งนานแล้วสินะ จะได้เจอพี่ไวๆ”
“เด็กบ้า!พูดอะไรแบบนั้น” ฮเยซองต่อว่าคนรัก เขาก็ไม่อาจรู้ได้เช่นกันว่าทำไมถึงมีสายใยแห่งความผูกพันกับผู้ชายคนนี้เหนียวแน่นเหลือเกิน
อาจจะเป็นดวงจิตสุดท้ายก่อนเป็นแบบนี้ ที่เขายังมีความเป็นห่วงอาวรณ์แก่เอริกคนเดียวก็เป็นได้ ที่เป็นเป็นพันธะสัญญาว่าเขาจะปกป้องเอริกเองเมื่อมีอันตรายถึงชีวิต

“นายไม่กลัวพี่ใช่มั้ย?”
ฮเยซองเลียบเคียงถาม แต่ก็ได้รอยยิ้มและแววตาที่มองเขาด้วยความรักกลับมาและคำขออีกอย่าง
“ขึ้นมานอนกอดผมได้มั้ยครับ”
ฮเยซองไม่ขัดข้องก่อนจะปรับเตียงและเปิดเหล็กกันข้างเตียงออก เอริกอมยิ้มอย่างมีความสุขก่อนเขยิบไปให้ฮเยซองมานอนข้างเขา เพียงแค่ร่างผอมบางลงนอน เขาก็ปราดเขาไปกอดและซบลงที่อกข้างซ้ายพอดี ฮเยซองตกใจเล็กน้อย แต่ก็ใช้แขนยาวของเขาโอบเอริกไว้หลวมๆ
“เจ็บแผลจัง” เอริกออดอ้อนและกระชับกอดแน่นขึ้น ฮเยซองส่ายหน้าให้กับความพยายามทำตัวน่ารักของคนในอ้อมแขน  ตอนนี้หัวใจคนทั้งสองเต้นแรงแข่งกัน ไม่มีใครพูดอะไรนอกจากโอบกอดกันและกันไว้ให้ผ่านคืนนี้ไปด้วยกัน

End

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: <Fic RicSung> Safe in the moonlight (จบในตอนค่ะ)
«ตอบ #4 เมื่อ15-12-2016 16:29:10 »

ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
Re: <Fic RicSung> Safe in the moonlight (จบในตอนค่ะ)
«ตอบ #5 เมื่อ16-12-2016 09:08:52 »

หูยยยยย อิจฉาเอริก
ดีจับเลยได้อ่านงานของคุณน้ำพริกแมงดาอีก อิอิ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด