
-------------------------------------------------------------------------------------------------------
ตอนที่ 53"ถามทำไม เป็นห่วงหรือประชด แล้วจะประชดทำไม จะห่วงผมทำไม....รักผมรึไง"ผมพูดออกไปโดยที่ไม่ตั้งใจ จะกลับคำก็ไม่ได้เพราะท่าทางคนฟังจะได้ยินชัดเต็มสองหู ผมรีบเดินหนีเพื่อกลับเข้าบ้านแต่มันก็ดันคว้าแขนเอาไว้ก่อนที่จะเดินผ่าน
" ไม่ต้องตอบหรอก ถามเล่นๆ เฉยๆ พอดีเบลอๆ น่ะ"ผมรีบพูดก่อนที่มันจะพูดอะไรออกมา ผมคงอินกับบรรยากาศระหว่างผมกับแพรมากไปล่ะมั้งเลยเผลอพูดออกไปแบบนั้น มือที่กุมรอบแขนแน่นจนแกะไม่หลุด ตัวผมเซไปตามแรงดึงจนเกือบปะทะเข้ากับแผ่นอกถ้าไม่ยันเอาไว้ พอจะเงยหน้าขึ้นมาด่าก็ต้องรีบหลบหนีหน้าที่ก้มลงมาหา...แต่คงช้าไป
" อุ๊บ! อื้ออ....."ผมพยายามดันและเบี่ยงหน้าหนีแต่ก็ติดมือแกร่งที่จับท้ายทอยและ กอดช่วงเอวไว้แน่น ริมฝีปากที่แนบชิดพร้อมเรียวลิ้นตวัดพัวพันช้าๆ ไม่ได้เรียกร้องให้สนองตอบ เพียงครู่เดียวปากที่แนบสนิทก็ถอนออกไป แต่ถอนไปแค่เพียงเล็กน้อย ลมหายใจอุ่นยังรดใบหน้าจนต้องเสหลบไปมองด้านข้างเมื่ออีกคนทำท่าจะก้มลงมา อีกครั้ง ปากอุ่มเฉียดผิวแก้มจนรู้สึกได้ เสียงกระซิบแผ่วเบาดังอยู่ข้างหูชัดเจนพอๆ กับริมฝีปากที่กดแนบข้างขมับ
".........รัก"
วงแขนที่กระชับรอบเอวค่อยๆ คลายลงก่อนจะปล่อยให้เป็นอิสระทั้งตัว ผมยืนนิ่งรู้สึกเหมือนทั้งตัวกลายเป็นหิน ไม่สามารถขยับตัวออกห่างได้ ในขณะเดียวกันมันก็ไม่ถอยห่างไปจากผม เรายังยืนชิดกันอยู่โดยที่ไม่ได้สัมผัสกัน มีเพียงลมหายใจอุ่นๆ ที่แสดงว่ามันยังยืนอยู่ใกล้ๆ เสียงพูดคุยลอดผ่านออกมาจากในบ้านและเหมือนจะตรงมาทางนี้ทำให้ผมรีบถอยออก ห่างในขณะที่ยังหันหน้ามองที่พื้น เสียงฝ่าเท้าย่ำเดินห่างออกไปในขณะที่ผมยังคงก้มหน้านิ่งอยู่ที่เดิม...ไม่ ได้ยิน...จะดีกว่านี้ไหม...หากยังคงแกล้งไม่รับรู้....จะเป็นอย่างไร
ผม เดินกลับเข้าบ้าน เดินเลี่ยงกลุ่มคนที่ยังนั่งคุยกันในห้องนั่งเล่นกลับเข้าห้องตัวเองเพียง ลำพัง แรงกอดเมื่อกี้แม้จะไม่แรงมากแต่ก็ทำให้รู้สึกเจ็บ....เป็นเพราะรอยช้ำ บริเวณหน้าอก....หรือ...เพราะคนที่กอด ถ้าไม่ได้ยินคงไม่ต้องกลับมานอนคิดมาก ทุกอย่างก็คงเหมือนเดิม ความรู้สึกผมก็คงง่ายๆ เหมือนเดิม ไม่ต้อง...ซับซ้อนและสับสนแบบนี้ ไม่เคยคิดเลยสักนิดว่าจะได้ยินคำนั้น ต่อให้ใครต่อใครพูดอ้อมค้อมบอกใบ้ขนาดไหนก็ยังทำเป็นไม่เข้าใจได้ ยังยึดมั่นในความคิดตัวเองได้...ผิดจริงๆ...ที่เผลอถามออกไป
วันนั้น ทั้งวันผมพยายามปลีกตัวออกห่างจากทุกคนโดยอ้างว่าเจ็บแผลและอยากนอนพัก ทั้งๆ ที่ไม่จำเป็นต้องหลบ เพราะอีกคนก็วุ่นอยู่กับงานในไร่จนไม่ได้กลับมากินข้าวพร้อมคนอื่นๆ เช่นกัน
" พรุ่งนี้พี่นพกับพี่หน่อยจะถ่ายชุดแต่งงานกันล่ะ พายไปด้วยกันนะ พี่หน่อยให้มาบอก"นุเดินเข้ามานั่งข้างๆ ขณะที่ผมนอนอ่านนิตยสารท่องเที่ยวอยู่
"ไปที่ไหนล่ะ"
"ก็ในรีสอร์ทกับในไร่นี่ล่ะ เห็นว่าเป็นทีมฟรีแลนซ์ของพี่ตั้มจากกรุงเทพฯ พี่นัทก็จะมาพรุ่งนี้ด้วย"
"ก็ได้ อยากเห็นพี่หน่อยใส่ชุดแต่งงานเหมือนกัน"ผมรับคำแล้วก้มอ่านบทความท่องเที่ยวที่เปิดค้างไว้
"คนเรานี่น้า...."นุเหมือนจะพูดต่อแต่ก็ไม่พูด หันมามองหน้าผมแล้วก็อมยิ้มแบบคนรู้ทัน
"อะไรนุ"
"ก็เปล่า พอดีวันนี้บังเอิญไปเห็นเลิฟซีนนิดหน่อยเลย.....อิจฉา"
" นุ!!"ผมเรียกนุเสียงดังเพราะตกใจ ไม่คิดว่าจะมีใครเห็นตอนนั้น นุหัวเราะแล้วก็รีบวิ่งออกไปจากห้องปล่อยให้ผมนั่งคนเดียวต่อไป มันออกจะผิดคาดที่นุเอาเรื่องวันนี้มาล้อผม โดยที่ไม่มีท่าทีหึงหวงหรือน้อยใจอะไร
รุ่งเช้านุปลุกให้ผมตื่น ตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางเพราะคนอื่นกำลังเตรียมตัว พี่หน่อยพี่นพก็แต่งหน้าแต่งตัวเสร็จแล้ว ผมรีบอาบน้ำแล้วเดินออกมารวมกับทุกคน ทีมงานของพี่นัทมาถึงเมื่อคืน ผมออกมาก็เห็นทุกคนทยอยขนของขึ้นรถกระบะ พี่หน่อยกับพี่นพอยู่ในชุดกางเกงยีนส์เสื้อยืดสีขาวสกรีนลายรูปหมีสองตัวหัน หน้าเข้าหากัน ใบหน้าทั้งคู่แต่งแค่บางๆ เท่านั้น พอทุกอย่างพร้อมเราก็ขึ้นรถตู้โดยมีมันเป็นคนขับขับนำรถกระบะอีกที รถขับห่างออกไปจากตัวรีสอร์ทและไร่มากขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้ตีห้าอยู่เลย ผมไม่รู้ว่าเขาจะไปถ่ายกันที่ไหนถึงได้ไปตั้งแต่แดดยังไม่ออก
ปลายทางที่เรามาถึงเป็นที่ราบเรียบๆ และโล่ง มีสายน้ำเล็กๆ ไหลผ่าน บรรยากาศแบบนี้คงต้องเป็นคนที่ชอบเที่ยวจริงๆ ถึงได้เข้ามาเห็น เพราะมันไม่ได้อยู่ติดกับถนนสายหลัก แต่ต้องขับลงทางดินเข้ามาด้านใน อุปกรณ์สำหรับการถ่ายภาพถูกขนลงมาอย่างรวดเร็ว ผมเห็นมันยืนคุยกับทีมงานสักพักก็เดินไปคุยกับพี่นพพี่หน่อยในรถตู้ แสงแดดอ่อนๆ ตอนเช้าเริ่มมีให้เห็นก็เริ่มลงมือถ่ายภาพกัน โดยที่มันเป็นตากล้อง
ภาพหลายภาพที่มันเป็นคนจัดท่าทำเอาผมกับนุนั่ง เขินตาม ใบหน้าที่เกือบจะแนบชิดกันของพี่สองคนทำให้ลุ้นอย่างใจระทึก ช่อดอกไม้ที่เหลือก้านไว้ยาวและมีเพียงริบบิ้นถูกแล้วทิ้งปลายยาวลากพื้น เป็นอีกหนึ่งอย่างที่ลงตัว เมื่อมันได้ภาพทุกอย่างที่ต้องการก็เปลี่ยนสถานที่กันใหม่อีกครั้ง คราวนี้เป็นทุ่งดอกทานตะวันที่บานสะพรั่งรับแสงแดด เรายังไม่ลงมือถ่ายเพราะทุกคนแวะที่ร้านอาหารฝั่งตรงข้ามเพื่อรอให้แดด แรงกว่านี้ พี่นพกับพี่หน่อยเปลี่ยนเสื้อยืดสีขาวเป็นสีฟ้าอ่อน ตอนนี้แดดแรงมากๆ ผมกับนุมองดูอยู่ห่างๆ สักพักก็เดินดูบรรยากาศรอบๆ มีบันไดให้ปีนขึ้นไปสำหรับยืนถ่ายรูปข้างบนให้เห็นทุ่งดอกทานตะวันกว้างขวาง ที่นี่ใช้เวลาน้อยกว่าที่แรก เสร็จจากที่นี่พวกเราก็กลับมาที่รีสอร์ท พี่นพกับพี่หน่อยต้องอาบน้ำแต่งตัวแต่งหน้าใหม่ คราวนี้ผมก็ไม่ต้องนั่งรถตามคนอื่นๆ เพราะผมได้รับอภิสิทธิ์ให้ขับรถกอล์ฟตามหมู่คณะ ชุดแต่งงานสีขาวฟูฟ่องขับให้ผิวขาวกระจ่างมากขึ้น ผมไม่รู้ว่าเป็นเพราะชุดหรือบรรยากาศถึงได้เห็นว่าสองคนนี้หล่อและสวยที่สุด เมื่ออยู่ในชุดแต่งงานและยืนข้างกัน
การถ่ายภาพในรีสอร์ทและไร่องุ่น เป็นหน้าที่ของช่างภาพอีกคน โดยที่มันไม่เข้าไปยุ่งด้วย นานๆ ครั้งถึงจะเห็นช่างภาพคนนั้นเดินมาปรึกษา ส่วนมันก็คอยถ่ายรูปด้วยกล้องอีกตัวให้พี่อั๋นกับน้องแพร ถึงชุดและหน้าจะไม่ได้เตรียมพร้อมเหมือนอีกคู่ แต่ก็เหมาะสมลงตัวกันทุกอย่าง สีหน้าของน้องแพรแสดงถึงความสุขอย่างที่ผมไม่เคยเห็น แววตาพี่อั๋นเองก็แสดงถึงความรักที่มีให้อย่างไม่ปิดบัง ผมยืนยิ้มมองดูสองคู่รักอย่างรู้สึกอบอุ่นในหัวใจตามบรรยากาศรอบๆ ตัว
ไม่รู้ว่าผมรู้สึกไปเองหรือเปล่า เสียงชัตเตอร์ของกล้องดังอยู่ใกล้ๆ ผมหลายครั้ง บางครั้งหันไปก็จะเห็นมันยืนมองอยู่พร้อมกล้องในมือ และครั้งสุดที่เห็นคือเลนส์กล้องกำลังจับที่ใบหน้าผมจริงๆ ด้วย ผมรีบหันหนีแล้วเดินไปจูงมือนุเดินไปดูพี่นพกับพี่หน่อยแทน
กว่าจะถ่ายรูปกันเสร็จก็บ่ายคล้อยเข้าไปแล้ว ชุดแต่งงานที่นำมาถ่ายไม่ได้มีเพียงชุดเดียว ผมค่อนข้างเห็นใจพี่หน่อยที่ต้องแต่งหน้าใหม่บ่อยๆ และชุดนั่นก็ดูน่าอึดอัดใช่หยอก หลังจากเก็บของเสร็จทุกคนก็รวมกันที่บ้านใหญ่เพื่อทานอาหารก่อนที่ทีมงานพวก นั้นจะแยกกลับไปเช็คงานกัน
มื้อเย็นเป็นการเลี้ยงขอบคุณทีมงานของป้าภา เราไปนั่งกินอาหารกันที่ลานหน้าบ้าน โต๊ะและเก้าอี้มีพนักงานของรีสอร์ทมาจัดเตรียมพร้อมอาหารเสร็จสรรพ เตาย่างบาร์บีคิวและสเต็กตั้งอยู่ด้านข้าง วันนี้ทั้งวันผมยึดนุเอาไว้ข้างกายจนเหมือนฝาแฝด แม่นั่งคู่กับป้าภาและก็ลุกเข้าไปในบ้านเมื่อทานอิ่ม
"ไม่เจอน้องพายตั้งนาน สบายดีนะครับ"พี่นัทเดินมานั่งข้างๆ นุแล้วชะโงกหน้ามาถามผม
"ก็ดีครับ พี่ล่ะครับ"
"ช่วงนี้ก็งานหนักหน่อย ไอ้สองคนนั้นเล่นไม่เข้าไปช่วยงานเลย"พี่นัทพยักหน้าไปทางสองหุ้นส่วนที่นั่งพูดคุยกับพี่นพพี่หน่อย
"แล้วนี่พี่นัทจะกลับเมื่อไหร่ครับ วันเดียวงานก็เสร็จหมดซะแล้ว"ผมคิดว่าจะถ่ายกันสักสองวัน แต่เห็นบอกว่าค่าเช่าชุดแพงเอาการเลยครับ
" พรุ่งนี้ครับ แล้วนุบอกพายหรือยังว่าจะกลับพร้อมพี่"พี่นัทก้มหน้าพูดกับนุ ผมเลยจ้องไปที่นุบ้าง ไม่เห็นบอกเลยว่าจะกลับ ผมคิดว่าจะอยู่กับผมจนหมดปิดเทอมเสียอีก
"เอ่อ...ก็ไม่อยากทิ้งห้องไว้นานๆ น่ะ งานด้วย มาเที่ยวแบบนี้แต่ได้เงินปกติก็เกรงใจพี่ตั้มเหมือนกัน"
"ก็ไหนบอกว่าจะอยู่กับพายไง"ผมท้วงถึงคำที่เคยพูดกันไว้
"ก็..."นุอ้ำอึ้งไม่ตอบอะไรจนพี่นัทต้องพูดเอง
"พี่ให้นุกลับเองแหล่ะ ห่างกันนานๆ พี่ก็คิดถึงเหมือนกันนี่ครับ"
"หา....อย่าบอกนะว่า...."ผมจ้องหน้าพี่นัทสลับกับนุ พี่นัทยิ้มรับส่วนนุพยักหน้าเบาๆ
"พี่นัทแต่งงานแล้วมายุ่งกับเพื่อนผมทำไม ผมไม่ยอมนะ"
"เดือนหน้าพี่ก็หย่าแล้ว พี่ไม่ได้หลอกเพื่อนเราหรอกน่ะ"
"แล้วนุล่ะ ก็ไหน...."ไหนว่านุรักมันไง ไหนว่า...ยังรัก
" เดี๋ยวนุเล่าให้ฟังก็ได้ ไปคุยกันที่อื่นดีกว่านะ นุอายน่ะ เดี๋ยวคนอื่นได้ยิน"นุพูดพร้อมดึงมือผมให้ลุกตามไปในบ้าน แล้วเข้ามานั่งคุยกันในห้องนอน
"ก่อนหน้าที่นุจะทะเลาะกันพายวันนั้น น่ะ...นุมีอะไรกับพี่นัทช่วงที่พี่ตั้มไม่มาหาน่ะ นุไม่ดีเองล่ะ แต่พายก็เห็นใช่มั้ยว่าพี่นัทเขาแบบ...พูดจาดีน่ะ นุก็ชอบๆ พี่เขาเหมือนกัน พอมีเรื่องกันก็ได้พี่นัทนี่แหล่ะที่คอยโทรหาแล้วก็มาดูแลแทนพี่ตั้ม พี่ตั้มก็รู้เรื่องนี้นะ พี่นัทเขาไม่ได้ปิดอะไร"
"อะไรกัน พอไม่เอาก็โยนให้เพื่อนเหรอ ทำแบบนี้ได้ไง"
" ไม่ใช่แบบนั้นหรอกพาย นุคิดว่านุรักพี่ตั้ม แต่มันเป็นแบบกึ่งเคารพมากกว่า ก็พี่ตั้มเขาดูแลให้ความช่วยเหลือหลายอย่าง นุก็อยากตอบแทนเขา รักน่ะมันก็รักอยู่ แต่คิดว่าคงไปกันไม่ได้หรอก เวลาอยู่กับพี่ตั้มบ่อยครั้งนุก็อึดอัด แต่กับพี่นัทมันไม่เหมือนกัน พี่นัทเอาใจนุมากๆ เลยนะ ตามใจนุบ่อยๆ แล้วนุก็สามารถอ้อนพี่นัทได้ กับพี่ตั้มนี่ไม่ค่อยกล้าอ้อนเท่าไหร่"
".......เอาเถอะ ถ้าชอบกันจริงๆ พายจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง แต่ยังไม่หย่าแบบนี้พายไม่ชอบเลยนะ"
" พี่นัทเขาก็ห่วงเรื่องนี้เหมือนกัน ก่อนหน้านี้เลยใช้โทรศัพท์อื่นโทรหานุตลอด กลัวภรรยาเขาสืบได้น่ะ ตอนนี้เคลียร์กันได้แล้วนุก็ดีใจ ก่อนมานี่เหมือนทางนั้นเขาจะระแคะระคายมาบ้างเลยพยายามตามหาตัว พี่ตั้มเลยพามาอยู่ที่นี่ รอให้พี่นัทมารับ แต่ความจริงนุว่าพี่ตั้มอยากให้พายมีเพื่อนคุยมากกว่า แล้ววันนี้ถ้าพี่นัทเมาพายก็อย่าเข้าใกล้มากนักนะ"
"อะไร มาหึงอะไรพาย พายไม่ยุ่งหรอกน่ะ"
" ไม่ใช่หรอกน่ะ แต่กลัวพี่ตั้มหึงพายต่างหาก เห็นพี่นัทบอกว่าเคยพาพายกลับคอนโด แล้วแบบ...จะปล้ำตอนพายหลับน่ะ แต่พี่ตั้มกลับมาก่อน เจอต่อยปากแตกเลย"
"เฮ้ย! เมื่อไหร่ ไม่เห็นรู้"
" ไม่รู้สิ นุก็จำไม่ได้แล้ว พี่นัทเล่าให้ฟังขำๆ เฉยๆ แต่นุก็แอบหึงพายเหมือนกันนะ พี่นัทบอกว่าแรกๆ ชอบพายมากเลย แต่เจอสกัดดาวรุ่งซะก่อนเลยต้องถอย"นุพูดไปก็หัวเราะไป ท่าทางจะสีความสุข มิน่าวันนี้ร่าเริงได้ทั้งวัน ผมก็ดันดึงนุได้ข้างตัวตลอด น่าสงสารพี่นัทเหมือนกัน
"เอาเข้าไปหัวเราะเข้าไป อิจฉาจริงคนมีความรักเนี่ย"ผมแกล้งหยิกแก้มนุเบาๆ ก็โดนตีมือกลับมา นุยืนยันว่าจะกลับพร้อมพี่นัทวันพรุ่งนี้ ผมเองก็จนใจ
เราเดินกลับ ออกมานั่งข้างนอกเพราะกลัวคนอื่นเข้ามาตาม ด้านนอกคงเริ่มเมากันบ้างแล้ว ไวน์และเหล้าลดไปจากเดิมเยอะ ผมกับนุเองก็นั่งจิบไวน์องุ่นร่วมด้วย สองคู่รักที่ถ่ายรูปในวันนี้ท่าทางจะมีความสุขมาก คุยไปยิ้มไปตลอดเวลา พี่นัทกับนุเองก็นั่งตักนั่นป้อนนี่กันเรื่อยๆ ผมดื่มจนเริ่มรู้สึกมึนเลยจะขอตัวไปอาบน้ำนอนก่อน
"นุ...พายไม่ไหวแล้วนะ เริ่มมึนๆ แล้ว ไปนอนก่อนแล้วกันนะ"ผมลุกขึ้นแล้วพยายามทรงตัวให้ตรง
" อืม...คืนนี้นุไม่ไปนอนกับพายนะ"นุพูดอ้อมแอ้มเบาๆ ผมมองหน้าแดงๆ นั่นแล้วก็เข้าใจ นานๆ เจอกันทีนี่นะ ไม่อยากขวางความสุขเขา ผมพยักหน้ารับแล้วประคองตัวเองเข้าห้องนอนอย่างทุลักทุเล กว่าจะอาบน้ำเปลี่ยนชุดได้ก็หวิดจะล้มในห้องน้ำเสียหลายรอบ แต่พอเปิดประตูห้องน้ำออกมาก็ไม่แน่ใจว่าตัวเองตาฝาดเพราะเมามาก หรือเพราะใครอีกคนที่พยายามหลบหน้ามานั่งอยู่บนเตียงจริงๆ
---------------------------------------------------------------------------------------------------

จะ.....เสร็จป่ะเนี่ย
