[YAOI] - Mirror ผู้ชายในกระจก - 11 บทส่งท้าย [อัพ 30/11/2016] END
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [YAOI] - Mirror ผู้ชายในกระจก - 11 บทส่งท้าย [อัพ 30/11/2016] END  (อ่าน 16614 ครั้ง)

ออฟไลน์ Take

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 80
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0




เอ็ดเวิร์ดขมวดคิ้วให้กับคำพูดของมาวิส ทันทีที่ตื่นขึ้นมาเขาคิดว่านอนหลับแค่ไม่กี่ชั่วโมงจึงไม่ได้ถามพยาบาล แต่นี่มันกลับไม่ใช่อย่างนั้นเลยสักนิด...เอ็ดเวิร์ดคิดถึงหน้าคนรออยู่ที่บ้าน ใจของเขาสั่นระรัวจนแทบควบคุมไม่อยู่ เขาถอดเข็มน้ำเกลือที่อยู่ตรงแขน แรงกระชากที่มีทำให้เลือดมันไหลย้อนไปสู่ท่อสายยาง เอ็ดเวิร์ดกระทำอุกอาจท่ามกลางสายตาของมาวิสและไดอาน่า



ชายหนุ่มที่ยังคงดื้อดึงอยากกลับบ้านกลับสิ้นท่าให้กับคำสั่งของผู้เป็นพ่อ มาวิสและไดอาน่าไม่ยอมให้เอ็ดเวิร์ดกลับไปที่พักจนกว่าจะหาย



“ไม่ได้ครับ คุณต้องพักผ่อน”



ชายผู้เป็นผู้รักษายังคงไม่ยอมอีกเช่นกัน ในเมื่อเอ็ดเวิร์ดเป็นคนไข้ ร่างกายยังไม่แข็งแรง คงจะให้กลับบ้านในตอนนี้ก็คงจะไม่ได้



“ผมไม่เป็นอะไร ขอบคุณมากครับ ผมจะกลับบ้าน”



ร่างสูงยังคงดื้อดึง เอ็ดเวิร์ดลุกขึ้นจากเตียง สองขาที่ยังไม่ได้หย่อนถึงพื้นกลับเกิดเซกระทันหันเพราะอาการวูบไหว ด้วยร่างกายที่ยังไม่ปรับสภาพ เอ็ดเวิร์ดยังคงไม่หายขาดจากอาการที่เป็น คนหนุ่มที่แข็งแรงอย่างเขาจึงกลายเป็นคนอ่อนแอได้อย่างไม่มีข้อกังขา



“แกต้องอยู่ที่นี่เอ็ดเวิร์ด!” มาวิสออกคำสั่ง



“ผม...” เอ็ดเวิร์ดจะท้วง เขาอยู่ที่นี่ไม่ได้ เขาต้องกลับไปที่บ้าน



“มันคือคำสั่งของฉัน”



คนที่เหนือกว่าย่อมเป็นมาวิสอยู่ดี เขาเป็นถึงผู้บริหาร มีลูกน้องนับร้อยนับพัน ให้มันรู้กันไปว่าลูกชายคนโตจะทำให้เขาผิดหวัง



เอ็ดเวิร์ดก้มหน้าทำตามความต้องการ อาการของเขาเริ่มกำเริบ เขาแทบมองไม่เห็นผู้คนที่อยู่รอบด้าน มันพร่ามัวและเรือนราง หายใจก็ติดขัด จนหมอและพยาบาลต้องวิ่งกันให้วุ่นเพื่อรักษา รอบข้างที่เริ่มเอะอะเอ็ดตะโรแต่เอ็ดเวิร์ดกลับไม่ได้ใส่ใจ สิ่งเดียวที่เขารับรู้ก็คือเสียงของมาดามไดอาน่าที่กำลังร้องไห้



กว่าที่เอ็ดเวิร์ดจะตื่นมาอีกทีก็ล่วงเลยไปเป็นช่วงพลบค่ำ พ่อกับแม่ของเขาก็กลับไปแล้วเหลือแต่เพียงพยาบาลสาวที่คอยดูแล ถึงจะหลับไปอีกรอบแต่อาการของเอ็ดเวิร์ดก็ยังไม่หาย เขายังคงรู้สึกมึนหัวอยากจะอาเจียน เมื่อดูแลเสร็จพยาบาลก็ออกไป เหลือแต่เพียงผู้ป่วยที่นอนเดียวดายอยู่บนเตียงคนไข้ เอ็ดเวิร์ดหันมองไปนอกหน้าต่างที่มีแสงจันทร์สาดส่อง ถ้าผ่านไปอีกคืนนี่ก็เป็นคืนที่สามที่เขาไม่ได้กลับบ้าน...เอ็ดเวิร์ดทนไม่ไหว ถึงจะต้องขัดคำสั่งของมาวิสเขาก็จะต้องกลับบ้าน ในตอนที่ไม่มีใครอยู่เขาดึงสายน้ำเกลือที่ถูกเจาะใหม่อีกครั้ง สองขายาวก้าวเท้าออกจากห้องโดยที่พยายามไม่ให้ใครเห็น ทางข้างหน้าที่เริ่มบิดเบี้ยวจนต้องหรี่ตามองเพื่อปรับสภาพให้มันมองเห็นได้ชัด ทุกย่างก้าวที่เดินมันเหมือนมีตะปูมาทิ่งแทงจนก้าวขาแทบไม่ออก



แต่ถึงอย่างนั้นเอ็ดเวิร์ดก็จะต้องกลับบ้าน!



“ฮึก ฮือ ฮือ”



ในบ้านที่ไร้ผู้คนอาศัยอยู่ ในบ้านที่ไม่มีใครนอกเสียจากคนที่อาศัยอยู่ในกระจก อาร์เจนร่ำไห้อย่างน่าสงสาร ทำไมเอ็ดเวิร์ดไม่กลับมา เอ็ดเวิร์ดหายไปไหน  สองวันมานี้มีแต่คำถามซ้ำๆ เดิมๆ วนเวียนอยู่เต็มไปหมด ใบหน้าหวานเปราะเปื้อนไปด้วยหยาดน้ำสีใส ดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำจนน่ากลัวเพราะผ่านการร้องไห้มาหนัก



“เอ็ด...เอ็ด หายไปไหน”



สองมือเล็กทุบไปที่กระจกรัว ทำไมถึงออกไปไม่ได้ ทำไมถึงต้องถูกขังอยู่ในกระจก



“เอ็ด ฮือ ฮือ”



ใจของอาร์เจนเหมือนจะขาดรอนๆ เสียงสะอื้นที่ดังอย่างไม่ขาดและมันก็ยังจะคงดังต่อไปเรื่อยๆ อาร์เจนคิดถึงเอ็ดเวิร์ด



ปัง!



เสียงประตูที่เปิดดังทำให้คนตัวเล็กสะดุ้งโหยง อาร์เจนทอดมองไปยังเบื้องหน้า พลันใบหน้าที่เคยร้องไห้ก็มีรอยยิ้มด้วยความหวัง แต่มันก็แค่เพียงแค่ชั่วครู่เดียวเท่านั้น เมื่อคนที่กลับมามีสภาพอิดโรย ร่างสูงที่คุ้นเคยคลานเข้ามายังในห้อง



“อาร์...เจน”



เสียงแหบแห้งของเอ็ดเวิร์ดเอ่ยเรียกชื่อตน



“เอ็ด!”



ยิ่งเห็นสภาพของอีกฝ่ายก็ยิ่งทำให้อาร์เจนร้อนรนมากกว่าเก่า เอ็ดเวิร์ดเป็นอะไรทำไมถึงได้เป็นอย่างนี้

เอ็ดเวิร์ดขยับร่างกายที่โรยราไปหาอาร์เจนที่อยู่ด้านหน้า สายตาที่มัวหมองเห็นแต่เพียงกระจกที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงมุมห้อง ในนั้นมีคนที่รักกำลังร้องไห้ เอ็ดเวิร์ดได้แต่คิด อย่าร้องไห้...ไม่เป็นอะไร ไม่ต้องห่วง มันไม่มีอะไรทั้งนั้น เดี๋ยวมันก็ดี...แต่มันก็เป็นเพียงแค่ความคิด เอ็ดเวิร์ดยังคงคลานไปหาอาร์เจน เขาเอื้อมมือหมายที่จะไปคนด้านหน้า ยิ่งใกล้กับกระจกเท่าไหร่ก็ยิ่งได้ยินเสียงร้องที่ดังก้องกังวาลด้วยความทรมาน



“ฮืออ เอ็ด...”



ไม่ไหว...ร่างกายมันไม่ขยับ



สิ้นไร้เรี่ยวแรงของคนหนุ่ม เอ็ดเวิร์ดไม่ขยับเขยื้อนพร้อมกับเสียงกรีดร้องของคนในกระจก

 



เอ็ดเวิร์ดที่ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง มันเป็นครั้งที่สองที่เขาตื่นขึ้นมาในห้องพยาบาลสีขาวคาดว่าจะเป็นห้องเดิมที่ตื่นมาเมื่อครั้งแรก แต่คราวนี้กลับมีสายตาดุของเพื่อนสนิทมองมาทางเขา วิกเตอร์กำลังโกรธและก็คงเป็นห่วงในคราวเดียวกัน เอ็ดเวิร์ดไม่ได้ถาม เขารู้ว่าตัวเองทำผิดอะไร ถ้าต้องถูกต่อว่าเขาขออยู่อย่างสงบนิ่งเพื่อรอรับคำด่าทอแต่โดยดี



“อาการเป็นยังไงบ้าง”



ถึงวิกเตอร์จะโกรธเอ็ดเวิร์ดขนาดไหนแต่พอเห็นหน้าเจ้าตัวแล้วเขาก็โกรธไม่ลง เอ็ดเวิร์ดหนีออกจากโรงพยาบาลทำตัวราวกับเด็กสิบขวบ หลังจากที่เขารู้ข่าวก็รีบตามหา และที่ที่เขาไปที่แรกก็คือบ้านของเอ็ดเวิร์ด



ร่างของเพื่อนสนิทได้นอนแน่นิ่งอยู่หน้าประตูห้องตัวเอง สภาพเขาเห็นไม่อาจพูดได้เต็มปากว่าเอ็ดเวิร์ดปลอดภัย เขาตัวร้อนและหอบใจหายอย่างแรง เนื้อตัวก็เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ในช่วงเวลานั้นวิกเตอร์กลัวเสียจริงว่าเขาจะสูญเอ็ดเวิร์ดไปตลอดกาล



“อืม ไม่เป็นไร” คนป่วยเอ่ยน้ำเสียงแหบแห้ง เขาขยับร่างกายไม่ได้อย่างที่ใจคิดเนื่องด้วยตัวของเขาถูกมัดด้วยผ้า



“เขามัดไว้เพื่อกันนายหนี”



วิกเตอร์เดินมาอยู่ตรงข้างเตียง เขามองดูคนป่วยที่ถูกมัด เห็นแล้วมันก็ช่างน่าใจหายใจ แต่มันเป็นคำสั่งของเอิร์ลมาวิส ถ้าไม่ทำตามก็คงจะไม่ได้ การกระทำของเอ็ดเวิร์ดที่หนีออกจากโรงพยาบาลเมื่อคืนทำให้มาดามไดอาน่าล้มป่วยไปอีกคน  ผู้คนรอบด้านต่างก็ออกตามหากันจ้าละหวั่น...วิกเตอร์ไม่รู้ว่าบ้านหลังนั้นมีอะไรดี ทำไมเอ็ดเวิร์ดถึงได้อยากกลับไปนัก



วูบหนึ่ง...วิกเตอร์คิดถึงกระจกบานใหญ่ที่เขาเห็นอยู่ในห้องของเอ็ดเวิร์ด ชายหนุ่มนึกฉงน แต่ว่าบางทีอาจจะไม่ใช่ เขาคงคิดมากไปเอง



วิกเตอร์กลับไปแล้ว เพราะมีงานด่วนที่จะต้องทำ เหลือเพียงแค่เอ็ดเวิร์ดอยู่ในห้อง เขายังคงถูกมัด คุณหมอและนางพยาบาลต่างก็เข้ามาตรวจอาการปกติ หลังจากที่ได้ทานข้าวละทานยาไป ด้วยฤทธิ์ของมันเอ็ดเวิร์ดจึงได้หลับไปอีกครั้ง การปฐมพยาบาลก็เป็นไปอย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาผู้ป่วย จวบจนล่วงเลยเข้าวันที่ห้า เอ็ดเวิร์ดก็ถูกแก้มัดแต่ก็ยังมีพยาบาลเข้ามาคอยคุมตลอด 24 ชั่วโมง



เอ็ดเวิร์ดรู้สึกผิดที่ทำให้มาดามไดอาน่าล้มป่วย เขารู้สึกผิดที่ต้องทำให้คนรอบข้างเดือดร้อน แม้จะคิดถึงอาร์เจนขนาดไหน สิ่งที่เขาทำได้ก็มีแค่ทนเพื่อรักษาตัวให้หาย เป็นคนไข้ที่ดีเพื่อที่จะได้กลับบ้านเร็วๆ



“เอ็ดเวิร์ด”



เลดี้พริซซิลล่า ดักลาส ผู้เป็นคนรักเก่าของเอ็ดเวิร์ด เธอเข้ามาเยี่ยมชายหนุ่มพร้อมกับตระกล้าผลไม้ เธอมองดูคนป่วยที่ซูบผอมไปมากจนน่าใจหาย แต่ถึงอย่างนั้นเอ็ดเวิร์ดก็ยังคงดูแข็งแรงกว่าตอนที่เห็นเมื่อครั้งล่าสุด “คุณเป็นยังไงบ้างคะ”



“ผมไม่เป็นอะไร”



มันยังเป็นคำตอบเดิมๆ ที่เขาตอบอยู่เหมือนกับทุกคนที่เข้ามาเยี่ยม ไม่สิ...เรียกได้ว่าร่างกายของเขาเริ่มเป็นปกติ ไม่ได้แย่กว่าเมื่อสามวันที่แล้วสักนิด



“คุณดูผอมลงไปมากนะคะ”



“ครับ”



นี่เขายังดูผอมอีกหรือ...เอ็ดเวิร์ดคิดฉงน เขาว่าเขากินมากแล้วนะ ทำทุกอย่างตามหมอสั่ง แต่พริซซิลล่าก็ยังบอกว่าเขาผอม ถ้าอย่างนั้นเอ็ดเวิร์ดต้องกินมากกว่านี้หรือเปล่านะ



“เอ็ดเวิร์ด”



พริซซิลล่าใจหาย...ปกติแล้วเอ็ดเวิร์ดเป็นคนสงบนิ่งแล้วก็เยือกเย็นก็จริง แต่ไม่ว่าครั้งไหนเขาก็ยังคงดูดีเสมอ แต่ที่ดูย่ำแย่ไปกว่าเก่าคงเพราะว่ากำลังป่วย พริซซิลล่านั่งลงข้างเอ็ดเวิร์ด มือบางทาบทับไปที่หลังมือของคนป่วย แววตาของพริซซิลล่าเต็มไปด้วยความหมายที่เอ็ดเวิร์ดรู้ดียิ่งกว่าใครๆ



เมื่อถ่านไฟเก่ามันยังไม่ดับ มีหรือที่เธอจะยอมอยู่นิ่งๆ



“ฉันเป็นห่วงคุณ เอ็ดเวิร์ด”



“ผมรู้”



ร่างสูงยังคงทำเป็นนิ่ง เขาสบตามองไปยังหญิงสาวอดีตคนรัก



“คุณก็รู้ ว่าฉัน...” หญิงสาวละคำ “ยังรักคุณอยู่ ฉันยังรักคุณ เอ็ดเวิร์ด”



ดวงตาที่สบประสานพร้อมกับความเงียบงันของคนทั้งคู่ ในห้องที่ว่างเปล่ามีแต่เพียงสายลมพัดอ่อนๆ จากนอกหน้าต่างเท่านั้น



เอ็ดเวิร์ดไม่รู้



พริซซิลล่าก็ไม่รู้



สายตาหนึ่งกำลังจับจ้อง และทุกการกระทำ ทุกคำพูดเขาได้ยินชัดเจนจนหมดตั้งแต่ครั้งแรก แล้วคนๆ นั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกเสียจาก...เอิร์ล มาวิส เนวิลล์



ออฟไลน์ ayumu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 65
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
สนุกมากค่ะ ตื่นเต้นดี แบบคาดเดาอะไรไม่ได้เลย อาร์เจนน่ารักมากๆ ที่คุณพ่อได้ยินอาจจะทำให้คิดไปว่าที่เอ็ดเป็นแบบนี้เพราะพริซซิลล่าก็ได้  ลุ้นมากๆเลยค่ะ

ออฟไลน์ Take

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 80
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
สนุกมากค่ะ ตื่นเต้นดี แบบคาดเดาอะไรไม่ได้เลย อาร์เจนน่ารักมากๆ ที่คุณพ่อได้ยินอาจจะทำให้คิดไปว่าที่เอ็ดเป็นแบบนี้เพราะพริซซิลล่าก็ได้  ลุ้นมากๆเลยค่ะ

ขอบคุณคะ ><

ออฟไลน์ sang som

  • เจ็บจิต!!
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-6
สนุกมากเลยค่ะ ชอบมากไม่ชอบนังชะนีพลิสเลยจริงๆ

ออฟไลน์ chandrarat

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :กอด1: :กอด1: อาร์เจนน่ารักมากๆ เลย  เอ็ดอย่าเป็นอะไรนะ ฮือออออ  :sad4: :sad4:

ออฟไลน์ Take

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 80
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0




กว่าที่เอ็ดเวิร์ดจะออกจาโรงพยาบาลได้ก็ปาไปเป็นอาทิตย์ ทันที่เขาได้รับอนุญาตให้กลับบ้านเอ็ดเวิร์ดก็รีบตรงไปที่บ้านอย่างไม่รีรอ เสื้อสูทสีเทาอ่อนตัดกับกางเกงสีดำกับหมวกรูปทรงยาวตามสมัยถูกสวมพร้อมกับแว่นตาประจำกาย...เอ็ดเวิร์ดนั่งรถม้าจากสถานพยาบาล ตลอดระยะทางที่เต็มไปด้วยผู้คนคับคั่งเพราะเป็นถนนในช่วงกลางวันไม่เหมือนกับตอนกลางคืน การค้าย่อมมีตลอดทาง ไหนจะต้องระวังคนเดินถนน



หญิงสาวมากมายที่อยู่ในชุดกระโปรงบานสะพรั่งลากไปจนถึงพื้น พวกเธอใส่เสื้อผ้าสีสันสดใส ดันทรวงอกเอิบอิ่มจนแทบทะลักออกมาด้านนอก นั่นเป็นความเชื่อว่าการแต่งตัวเช่นนี้จะทำให้พวกเธอดูสวยและสง่า แต่สำหรับเอ็ดเวิร์ด...เขาไม่ได้สนใจสิ่งเหล่านั้นสักนิด



ผู้หญิงแม้จะงามเพียงใด...ก็ไม่อาจสู้คนที่อยู่ภายในใจเพียงคนเดียว



“อาร์เจน!”



ร่างสูงร่ำร้องหาคนที่คิดถึงใจแทบขาด เขาวิ่งตรงไปยังห้องนอนขนาดใหญ่ที่คุ้นเคย



“เอ็ด!”



คนผมขาวทาบทับมือไปที่กระจกบานใสที่กั้นระหว่างพวกเขาทั้งคู่...เอ็ดเวิร์ดก็ทำเช่นเดียวกัน ร่างสูงสมส่วนนั่งยองไปตรงหน้าคนตัวเล็ก เขาถอดหมวกออกก่อนที่จะเอื้อมมือไปสัมผัสตรงนิ้วเรียวของอีกฝ่าย อาร์เจนน้ำหูน้ำตาไหลพราก ดวงตาและจมูกแดงก่ำ ใบหน้าหวานที่เปราะเปื้อนไปด้วยคราบหยาดน้ำสีใส คงผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักไม่ต่างจากอาทิตย์ก่อนที่เห็น



“เอ็ดไม่เป็นอะไรใช่ไหม ฮึก ฮือ ฮือ” ริมฝีปากบางสั่นระริกเอื้อนเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง



“อย่าร้องไห้”



เอ็ดเวิร์ดอยากเช็ดคราบน้ำตานั่นนัก เขาไม่ชอบใจที่เห็นอาร์เจนร้องไห้เท่าไหร่ แต่อกด้านซ้ายมันกลับเต้นด้วยความยินดี



อนึ่ง...เขาได้รับความรักจนล้นเปี่ยม



“ผม...ผมเป็นห่วง”



ห่วงแสนห่วง



กลัวแสนกลัว



ทำไมกันนะ...ทำไมถึงออกนอกกระจกไม่ได้ ทำไมถึงได้ไม่เหมือนวันนั้น...เขาสามารถออกไปข้างนอกได้ละก็ก็คงไม่ต้องมานั่งรอคอยด้วยความกลัวเช่นนี้



“ฮึก อย่า...อย่าหายไปไหนอีกนะ”



เสียงสะอื้นยังคงเอื้อนเอ่ย ถ่อยคำที่แสนจะธรรมดาแต่มันกลับอัดแน่นไปด้วยความห่วงใย อาร์เจนคงทนไม่ได้แน่ๆ ถ้าเกิดว่าต้องสูญเสียเอ็ดเวิร์ดไปตลอดกาล ภาพเหตุการณ์เมื่อครั้งนั้นมันยังคงตราตรึงอยู่ในความทรงจำ เอ็ดเวิร์ดที่ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงล้มลงต่อหน้าโดยที่เขาไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้สักนิด อาร์เจนไม่อยากรู้สึกอย่างนั้นอีกแล้ว



มันทรมานเกินไป



จนเหมือนกับตายอีกครั้ง



“จะไม่ทำอีกแล้ว อย่าร้องไห้เลยนะ”



“ฮืออ เอ็ด...”



สองร่างยังคงเบียดเสียดอยู่ตรงบานกระจกกั้น ถึงจะอยู่กันคนละโลก คนละฝั่ง แต่หัวใจสองดวงกลัวเกี่ยวเชื่อมกันอย่างน่าประหลาด หยาดน้ำตาแห่งความเปรมปรีมันยังไหลรินอย่างต่อเนื่อง ใบหน้าหวานทาบทับไปบนกระจกให้ตรงกับตำแหน่งหน้าอกของเอ็ดเวิร์ด เพียงแค่เห็นหน้า...แค่นี้ก็ดีใจเหลือเกิน



หลังจากที่ออกมาจากโรงพยาบาลเอ็ดเวิร์ดก็กลับมาทำงานตามปกติ เขาทำงานในส่วนที่ตัวเองขาดไปอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง เอ็ดเวิร์ดก็ยังคงเป็นเอ็ดเวิร์ด ที่ยังบ้างานอยู่ตลอดเวลา การทำงานที่มากโขทำให้เขาแทบลืมเรื่องของพริซซิลล่าไปเสียซะสนิท ไม่สิ...แทบเรียกได้ว่าเขาไม่ได้จำด้วยซ้ำ จนกระทั่งได้เห็นหน้าพริซซิลล่าที่อยู่กับดอม...เอ็ดเวิร์ดก็ยังคงทำนิ่ง เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแม้ว่าจะมีสายตาแห่งความห่วงหาอาทรณ์ส่งมาก็ตาม



พริซซิลล่าคืออดีต...



แล้วมันก็คงเป็นเช่นนั้นต่อไป...



 

“เฮ้อ...”



มันเป็นอีกครั้งที่เอ็ดเวิร์ดได้ยินเสียงของวิกเตอร์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ร่างสูงกำยำดูเหนื่อยล้ากว่าที่ทวน หมวกสีน้ำตาลอ่อนถูกเอามาพัดเพื่อระบายความร้อน คนร่างสูงเอนกายไปทางด้านหลัง วิกเตอร์รู้สึกเหนื่อยหน่ายจากการทำงานเหลือเกิน ร่างกายมันดูย่ำแย่ลงไปทุกขณะเมื่อต้องอดหลับอดนอนไปหลายวันทีเดียว



ตระกูล ‘เกรย์’ เป็นตระกูลขุนนางเก่าแก่ที่สืบเชื้อสายกันมาอย่างยาวนาน คอยรับใช้ราชินีอลิซาเบธ ขจัดเรื่องราวที่ชวนปวดหัวให้กับชนชั้นสูง พ่อของเขาเป็นถึงนายทหารชั้นผู้ใหญ่ เรียกว่าเป็นที่ยำเกรงต่อผู้คนก็ว่าได้...วิกเตอร์เองก็เช่นกัน นอกจากเขากับตระกูลเนวิลล์จะเป็นคู่ค้าทางธุรกิจแล้ว งานอีกอย่างหนึ่งที่วิกเตอร์ทำก็คือทำหน้าที่ในการสืบคดีให้กับองค์ราชินี



ความอ่อนล้าจากการที่ต้องอดหลับอดนอนหลายวัน วิกเตอร์จึงเลือกตรงดิ่งมาที่บ้านเอ็ดเวิร์ดในวันหยุด อย่างน้อยสถานที่นี้เขาก็ยอมรับว่าสบายใจกว่าที่ไหนๆ



“คดีเป็นยังไงบ้าง”



เอ็ดเวิร์ดแสดงตัวเป็นเจ้าบ้านที่ดี เขาเอาน้ำมาเสิร์ฟให้กับคนที่กำลังเหนื่อย นานๆ ทีจะเห็นวิกเตอร์เป็นแบบนี้ ตระกูลขุนนางชั้นสูงก็มักจะวุ่นวายเสมอ พ่อของเขาเองก็เช่นกัน แต่ตัวเอ็ดเวิร์ดที่ไม่ยุ่งวุ่นวายเรื่องของภายใน เขาไม่ชอบ ถึงในอนาคตมันจะหลีกเลี่ยงไม่ได้เนื่องด้วยสภาวะทางครอบครัวและสิ่งแวดล้อม หน้าที่อันหนักอึ้งในตำแหน่ง ‘เอิร์ล’ แล้ว มันช่างหนักหนาสาหัสจริงๆ



“ยังหาตัวคนร้ายไม่ได้”



วิกเตอร์กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด คดีที่พูดถึงเป็นคดีเกี่ยวกับฆาตกรใจโหด ที่ฆ่าหญิงสาวเป็นว่าเล่น...แจ็ก เดอะ ริปเปอร์ (Jack the Ripper)



ฆาตกรต่อเนื่องที่ฆ่าคนในย่าน ‘ไวต์ชาเปล’ ถิ่นยากจนในย่านอีสต์เอนด์ของกรุงลอนดอน ในช่วงครึ่งปีหลังมานี้ทางสำนักพิมพ์ได้ทำการประโคมข่าวและตั้งสมญานามให้กับฆาตกรผู้นี้ ถึงจะมีการสืบสวนและมีทฤษฏีที่น่าเชื่อถือมากมายขนาดไหน แต่ก็ไม่สามารถบ่งบอกโฉมหน้าที่แท้จริงของผู้ร้ายรายนี้ได้



เหยื่อทั้งหมดของแจ็ก เดอะ ริปเปอร์ เป็นโสเภณี และเป็นผู้หญิง เหยื่อทุกรายจะถูกเชือดคอ หลังจากนั้นก็จะถูกชำแหละตรงช่องท้องหรือที่อวัยวะเพศ บางครั้งก็ตัดอวัยวะของเหยื่อออกมากองอยู่ด้านนอก ข้อสัญนิฐานของผู้ที่สืบคดีจึงอาจเป็นไปได้ว่าแจ็ค เดอะ ริปเปอร์ เป็นคนมีความรู้เกี่ยวกับทางการแพทย์หรือไม่ก็พวกคนชั้นกลางที่ทำอาชีพเกี่ยวกับขายเนื้อ คนร้ายยังคงจับไม่ได้ แม้ว่าจะล่วงเลยเวลามามากโขก็ตาม



“เหนื่อยหน่อยนะ”



เอ็ดเวิร์ดช่างเห็นใจเพื่อนสนิทนักที่ดันมาทำคดียากขนาดนี้



“อืม”



ร่างสูงยิ้มบาง เขาหรี่ตามองคนนั่งอยู่ด้านข้างจนเอ็ดเวิร์ดต้องขมวดคิ้ว



“อะไร”



“แค่เห็นหน้านาย ฉันก็หายเหนื่อยแล้ว”



วิกเตอร์หยอดคำหวาน แต่เอ็ดเวิร์ดกลับหัวเราะเบา มันไม่ใช่เรื่องขำหรือเรื่องน่าหัวเราะต่อความรู้สึกของมนุษย์ เอ็ดเวิร์ดรู้ว่าวิกเตอร์พูดเล่น เขามักจะพูดเช่นนี้อยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว... แต่เอ็ดเวิร์ดไม่รู้ว่าตัวเองกำลังคิดผิด วิกเตอร์ไม่ได้พูดเล่น เขาพูดอย่างที่ใจคิด บ่งบอกความรู้สึกตัวเองออกมาจนล้นเปี่ยม เขาชอบเห็นตอนที่เพื่อนสนิทหัวเราะ มันเหมือนกับว่าโลกทั้งใบกำลังสดใส



ใครอีกคน...



ที่อยู่อีกฝากฝั่งหนึ่ง...



กำลังไม่พอใจ...



อาร์เจนเม้มริมฝีปากแน่น เขานั่งกอดเข่าอยู่ตรงที่เดิมของโลกอีกฝั่ง ฝั่งที่เขาอยู่มันช่างเงียบเหงาและวังเวง ผิดกับฝั่งของเอ็ดเวิร์ดที่มีแต่เสียงหัวเราะ อีกอย่าง...ผู้ชายคนนั้นมาอีกแล้ว อาร์เจนกำลังคิดถึงวิกเตอร์...ผู้ชายคนนั้นมีความรู้สึกอื่นเกินเลยมากกว่าคำว่า ‘เพื่อน’



สายตานั่นที่บ่งบอกถึงความรักและความหวงแหน อาร์เจนย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจ เพียงแต่ว่าคนอยู่ใกล้ตัวกลับมองไม่เห็น แต่อาร์เจนรู้อยู่เต็มอก...ความเดือดดาลเข้ามาแทนที่ ร่างน้อยเริ่มหายใจรุนแรง ความรู้สึกบางอย่างกำลังปะทุเดือดขึ้นมาในจิตใจอย่างเชื่องช้า มันกัดกินความรู้สึกไปทีละนิด จนในที่สุดก็กลายเป็นความไม่พอใจ


ออฟไลน์ ayumu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 65
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
อาร์เจนลูก กอดหน่อยๆ :กอด1:  เอ็ดหน่ะ เค้าให้ความสำคัญกับหนูมากนะ ใจเย็นๆ
เป็นห่วงเอ็ดจังเลย  :mew6:

ออฟไลน์ chandrarat

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อาร์เจนโกรธแบบนี้ จะมีพลังขนาดที่ออกมาจากกระจกได้อีกรึเปล่า เอ็ดกลับบ้านมาแล้ว พลังก็จะโดนดูดจนป่วยหนักอีกมั้ยอ่า
เป็นห่วงเอ็ดจัง  :sad11: :sad11:

ออฟไลน์ Take

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 80
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0




เหมือนมีบางอย่างมาปะทุเดือนในห้วงอารมณ์ ดวงตาทั้งสองข้างที่เป็นสีนิลกาฬก็เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างไม่รู้ตัว ฝ่ามือบางที่ทาบทับบนกระจกมีพลังบางอย่างที่อาร์เจนมองไม่เห็น มันกำลังถูกปลดปล่อยออกมาจากร่าง ไม่สิ...พลังนั้นมันถูกปล่อยมาทั่วร่างจนเส้นผมสีขาวปลิวไสว



เอ็ดเวิร์ด!



ออกไปจากที่นี่!



นิ้วเรียวยาวค่อยๆ โผล่พ้นออกมานอกกระจก อาร์เจนไม่รู้ตัว เงาดำทะมึนก็ถูกปลดปล่อยจากร่างกายขาว มันแผ่ขยายไปทั่วท้องห้อง



บางอย่าง...กำลังแล่นอยู่ในห้วงความทรงจำที่ลืมเลือน



‘ทำไม ทำไม...’



...เราเลิกกันเถอะ ฉันหมดรักเธอแล้ว



‘ไม่จริง! คุณโกหก!’



...เราเลิกกันเถอะ



“ไม่...”



‘ผมรักคุณ’



...ไปซะ! ฉันไม่อยากเห็นหน้าแก!



‘ได้โปรด ฮึก ฮือ’



…ออกไป!



ความทรงจำบางอย่าง มันกำลังไหลเข้ามาอย่างช้าๆ อาร์เจนเปลี่ยนเป็นจับไปที่หัวที่มันเริ่มปวดอย่างกะทันหัน ร่างน้อยทรุดเข่าลงกับพื้นพร้อมกับส่งเสียงด้วยความทรมาน



...ตายซะ!



...ตายไปซะ!



เสียงหนึ่งยังคงดังในหัว



‘ไม่ว่าคุณจะทำผิดขนาดไหน แค่คุณพูดเพียงคำเดียว...’



สิ่งที่ยังอยู่ในความทรงจำ



“ม่ายย!!!!”



อาร์เจนกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง ควันสีดำอันใหญ่ก็ยิ่งแผ่ขยายพัดพาเอกสารที่อยู่บนโต๊ะ รวมทั้งหนังสือนิทานให้ปลิวไสวกระจัดกระจายไปทั่วห้อง ยิ่งคิดถึงสิ่งที่ลืมเลือนก็ยิ่งเจ็บปวดจนแทบอยากร้องไห้ มันมีบางอย่างที่มากกว่านั้น บางอย่างที่ทำให้อาร์เจนเจ็บปวดเสียจนอยากฆ่าให้ตาย



เพล้ง!



ด้วยพลังที่ถูกปลดปล่อยกะทันหัน แจกันที่ตั้งประดับอยู่ในห้องเอ็ดเวิร์ดจึงแตกละเอียด เสียงที่ดังกึกก้องไปทั่วทำให้คนที่อยู่ด้านนอกวิ่งเข้ามาในห้อง



เอ็ดเวิร์ดมองไปรอบห้องที่มีแต่ควันสีดำ รูปร่างของมันเขาเคยเห็นเมื่อครั้งตอนที่เจอกับอาร์เจนครั้งแรก แต่ใหญ่ยิ่งกว่า รูปร่างของมันยังคงน่าเกลียดน่ากลัวไม่เปลี่ยน เมื่อเห็นท่าว่าจะไม่ดีเอ็ดเวิร์ดจึงได้รีบวิ่งไปหาคนผมขาวที่อยู่ในกระจก สิ่งที่เอ็ดเวิร์ดเห็นมีเพียงแค่เพียงตัวของอาร์เจนที่หงายหลังไปทางด้านหลัง คนตัวเล็กกำลังหมดแรงอยู่อีกฝากหนึ่ง



“อาร์เจน!”



ร่างสูงยังคงตกตะลึง เขาเอ่ยเรียกชื่อคนผมขาว...อาร์เจนก็ล้มลงไปกับพื้นเสียแล้ว ใบหน้าขาวที่ซีดเผือกเป็นทุนเดิมกลับขาวยิ่งกว่าเก่า เอ็ดเวิร์ดทำอะไรไม่ได้นอกเสียจากตะโกนเรียกคนสลบอยู่ฝั่ง เขาไม่เคยเห็นอาร์เจนเป็นเช่นนี้ ใจของชายหนุ่มเต้นระรัวไปด้วยความกังวล



“เอ็ดเวิร์ด มีอะไรหรือเปล่า”



วิกเตอร์ที่เห็นเอ็ดเวิร์ดหายไปนานจึงได้เข้ามาดู เขาขมวดคิ้วให้กับสภาพห้องที่เห็น ห้องทั้งห้องราวกับว่าถูกรื้อจากบุคคลภายนอก แจกันก็แตกละเอียดไม่มีชิ้นดี แต่แทนที่เอ็ดเวิร์ดจะเข้ามาดูส่วนที่เสียหายแต่กลับเดินไปอยู่ตรงบานกระจกที่ยังตั้งตระหง่านอยู่ด้านหน้า แต่น่าแปลก...กระจกบานนั้นมันกลับตั้งอยู่ที่เดิม ไม่มีอะไรเสียหาย ไม่แม้แต่จะถอยห่างออกมาจากที่เดิม



“แมวมันคงเข้ามา”



มันคือคำแก้ตัวที่ไม่ค่อยน่าเชื่อสักเท่าไหร่ วิกเตอร์มองไปยังบานหน้าต่างที่ถูกเปิดทิ้งไว้ สายลมที่พัดอ่อนๆ ทำให้ผ้าม่านหน้าต่างปลิวไสวไปตามแรงลม ในเมื่อเอ็ดเวิร์ดบอกเช่นนั้น เขาก็จะเชื่อ แม้ว่าส่วนลึกของจิตใจแล้วมันไม่อยากเชื่อเต็มร้อยก็ตาม...วิกเตอร์รู้ว่าไม่ควรแคลงใจกับเอ็ดเวิร์ด แต่ความรู้สึกบางอย่างมันห้ามกันไม่ได้ ยิ่งเห็นดวงตาที่ซื่อออกมาด้วยความเศร้านั้นมันก็ยิ่งทำให้เห็นว่าเอ็ดเวิร์ดให้ความสำคัญกับกระจกบานนั้นมากขนาดไหน



มันมีอะไรดี?



ถึงตอนนี้วิกเตอร์ก็ยังไม่รู้...เขามองมันก็เป็นกระจกเก่าธรรมดา ที่เห็นได้ทั่วไป ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ หรือว่าบางที...มันอาจไม่ได้เป็นไปอย่างที่เขาคิด



กระจกบานนั้น...มันอาจมีบางอย่าง...ที่วิกเตอร์ไม่รู้

 



อีกทางด้านหนึ่ง ตระกูลเนวิลล์และลูกสาวตระกูลดักลาสกำลังทานอาหารอยู่บนโต๊ะอาหารสไตล์ยุโรป พริซซิลล่าในชุดสีชมพูอ่อนมีระบายตรงกระโปรงอย่างสวยงามอย่างชนชั้นสตรีชั้นสูง ริมฝีปากบางเผยรอยยิ้มให้กับบุคคลที่จะเป็นว่าที่พ่อกับแม่ในอนาคตในฐานะลูกสะไภ้ของตระกูลเนวิลล์



“เนื้อแกะอย่างดี แม่เตรียมเอาไว้ให้ ลองทานดูซิจ๊ะพริซซิลล่า” มาดามไดอาน่าเชื้อเชิญให้เลดี้พริซซิลล่าทานอาหารมือพิเศษที่เธอเตรียมเอาไว้ให้ “ดอม ตักให้พริซซิลล่าสิ”



“ครับ” ลูกชายคนรองพยักหน้ารับพลางเอื้อมมือไปตัดเนื้อแกะที่ถูกปรุงรสได้อย่างดิบดีให้กับคู่หมั่น



พริซซิลล่ายิ้มสวย “ขอบคุณคะ”



หญิงสาวตักเนื้อเข้าปาก ด้วยมารยาทที่ถูกอบรมสั่งสอนมาอย่างดีจึงทำให้เธอดูเป็นผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบต่อหน้ามาดามไดอาน่า



“อร่อยไหม”



“ค่ะ” เธอพยักหน้าตอบรับ “หายดีแล้วเหรอคะ” ก่อนเป็นฝ่ายเอ่ยถาม



“ยังเลย สงสัยเป็นโรคคนแก่” มาดามไดอาน่าพูดติดตลก เธอป่วยตั้งแต่รู้ว่าเอ็ดเวิร์ดหนีออกจากโรงพยาบาล ถึงจะผ่านมาร่วมอาทิตย์แต่ก็ยังคงไม่หายขาด



บนโต๊ะอาหารที่มีเสียงพูดประปรายของเหล่าหญิงสาว เอิร์ลมาวิสที่นั่งอยู่หัวโต๊ะสุดได้แต่เพียงส่งรอยยิ้มบางให้กับมาดามไดอาน่าผู้เป็นภรรยาและเลดี้พริซซิลล่าคอยฟังเรื่องราวต่างๆ ที่พวกเธอเจื้อยแจ้วโดยมีดอมเป็นคนคอยเสริมบ้างบางเวลา แต่สิ่งที่มาวิสไม่ชอบที่สุดก็คงจะเป็นตอนที่พริซซิลล่าเอาแต่เอ่ยพูดเรื่องของเอ็ดเวิร์ด ด้วยความเป็นผู้ใหญ่และไม่ต้องการจะทำให้บรรยากาศบนโต๊ะทานอาหารต้องมัวหมอง เอิร์ลมาวิสถึงเก็บความไม่พอใจเอาไว้ เขาคอยมองพฤษติกรรมของเลดี้พริซซิลล่าอย่างเงียบๆ



ครั้งหนึ่งเมื่อก่อนที่จะได้เจอกับดอมเธอเองก็เคยมานั่งตรงนี้แต่คนที่เธอนั่งด้วยกลับเป็นชายอีกคนที่ไม่ได้เป็นคู่หมั่น เอ็ดเวิร์ดเคยเป็นคนที่เธอตกลงปลงใจที่จะแต่งงานด้วยเพราะด้วยฐานะทางสังคมที่อยู่ชนชั้นสูงในระดับเดียวกัน ครอบครัวของเอ็ดเวิร์ดและครอบครัวของเธอต่างก็ไม่ได้น้อยหน้ากันสักนิด



แต่เอ็ดเวิร์ดกลับปล่อยให้เธอต้องทนเหงาเพราะการบ้างานของเจ้าตัว ด้วยความสาวและความสวยกับอายุที่ยังคงเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น พริซซิลล่าก็ยังคงเป็นผู้หญิงทั่วไปอยู่ดีที่ต้องการการเอาอกเอาใจจากแฟนหนุ่ม แล้วเอ็ดเวิร์ด...ก็ให้เธอไม่ได้



มันจวบเหมาะกับช่วงจังหวะที่ดอมกลับมาพอดี เธอได้เจอกับดอมครั้งแรกก็ตอนที่กำลังเดินอยู่ในตลาด ในตอนนั้นพริซซิลล่ากำลังเดือดร้อนต้องการขอความช่วยเหลือเพราะถูกเหล่าคนไม่ดีเข้ามาทำร้ายคิดจะลักทรัพย์เพราะเห็นว่าเป็นลูกผู้ดี ดอมที่อยู่แถวนั้นจึงได้เข้ามาช่วยและกลายเป็นอัศวินของเธอในทันที



ความเหงาที่ถูกคนรักหมางเมินมีมากจึงทำให้หญิงสาวเลือกที่จะรักคนใหม่ แม้ว่าผู้ชายคนนั้นจะเป็นน้องชายของอดีตคนรักก็ตาม...ดอมที่เป็นคนรักใหม่ เขามีดีทุกอย่าง ถึงภายนอกจะทำตัวเหลวแหลกแต่ดอมกลับเก่งกว่าที่คิด เขาสามารถจัดการเรื่องต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งยังคอยดูแลเธอในคราวเดียวกัน จึงทำให้พริซซิลล่าคิดว่าดอมคือคนรักที่สมบูรณ์แบบและเธอเองก็รักดอมมากเช่นกัน



แต่พริซซิลล่าคิดผิด...ถึงดอมจะดีขนาดไหน แต่ภายในจิตใจมันไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าแท้จริงแล้วเธอก็ยังคงรู้สึกรักเอ็ดเวิร์ดเช่นเดียวกัน ยามที่ถูกเอ็ดเวิร์ดหมางเมินเธอก็ยิ่งโหยหา แม้กระทั่งในเวลาเช่นนี้...พริซซิลล่าก็ยังคงคิดถึงเอ็ดเวิร์ด



หลังจากที่ทานอาหารจนเสร็จพริซซิลล่าก็ยังอยู่ในบ้านเนวิลล์ เธอรอดอมอยู่ในห้องโถงใหญ่ด้านล่าง มาดามไดอาน่าก็กลับขึ้นห้องไปแล้วโดยมีเอิร์ลมาวิสคอยเป็นคนดูแลอยู่ไม่ห่าง ส่วนดอมก็ขอตัวไปเคลียร์งานให้เสร็จเพื่อที่ว่าจะได้มีเวลาให้เธอมากขึ้น



ความเบื่อหน่ายที่ต้องทนรอคู่หมั่นเป็นชั่วโมง จึงทำให้พริซซิลล่าเลือกที่จะเดินเล่นรอบห้องโถง เธอมองรูปวาดจิตกรรมที่ถูกแขวนอย่างสวยงาม แต่ละภาพมันบ่งบอกได้ถึงรสนิยมของผู้สะสม...พริซซิลล่าเดินดูไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเดินมาถึงชั้นสองของตัวบ้าน ดวงตาของเธอก็มองไปเห็นหญิงรับใช้สาวที่ถือถังสำหรับทำความสะอาดออกจากห้องเอ็ดเวิร์ด...ด้วยความคิดถึงที่ยังคงมีต่อชายหนุ่มจึงทำให้พริซซิลล่าเดินไปยังห้องที่เพิ่งถูกปิดไปเมื่อสักครู่



หญิงสาวชั่งใจอยู่ชั่วครู่หนึ่ง เธอรู้ว่ามันไม่ดีที่ต้องแอบเข้าไปในห้องของผู้อื่น จิตใต้สำนึกมันก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่ามันไม่สมควร เธอกับเอ็ดเวิร์ดจบไปแล้ว สำหรับพวกเขามันก็เป็นแค่เรื่องอดีตเท่านั้น พริซซิลล่ากำลังจะเป็นว่าที่ลูกสะไภ้ของตระกูลเนวิลล์ แต่เธอก็ไม่อาจหักห้ามใจได้อยู่ดี



ไม่มีใครอยู่และไม่มีใครเห็น



พริซซิลล่าเดินเข้าไปข้างใน หญิงสาวเดินไปตรงเตียงที่เป็นที่เคยนอนของเอ็ดเวิร์ด ทุกอย่างมันยังคงอยู่ดีเหมือนเดิม ยังคงสะอาดเพราะห้องนี้ได้รับการดูแลอยู่ตลอดเวลา กลิ่นไอของชายหนุ่มที่คุ้นเคยทำให้พริซซิลล่าอยู่ในห้วงความคิดของตัวเอง เธอเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าที่อยู่ไม่ไกลนัก หยิบเสื้อนอกสีเทาเข้มชิ้นหนึ่งออกมาจากตู้



เธอคิดถึงเอ็ดเวิร์ด...



เสื้อของเอ็ดเวิร์ด...



ห้องของเอ็ดเวิร์ด...



พริซซิลล่ากอดเสื้อคนคิดถึงไว้แน่นแนบอก ราวกับว่ามันเป็นตัวแทนของเจ้าของห้อง...โดยที่เธอไม่รู้ ว่ามีคนกำลังแอบมองอยู่ด้านนอก สายตาคมมองการกระทำของเธออย่างเงียบๆ ภายใต้บานประตูที่ถูกปิดไว้ไม่สนิท



เอิร์ล มาวิส เนวิลล์ ถอนหายใจยาวให้กับว่าที่ลูกสะไภ้ในอนาคต นับว่าเป็นครั้งที่สองที่เขาเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ ครั้งหนึ่งก็ที่โรงพยาบาล ครั้งนี้ก็ที่ห้องของเอ็ดเวิร์ด...ถึงพวกเขาจะเคยคบกันมาก่อนแต่มันก็เป็นเพียงแค่อดีต



บางที...คงต้องตัดไฟแต่ต้นลม









TAKE

ขอบคุณที่ยังมีคนหลงเข้ามาอ่านนะค๊าา ขอบคุณมากคะ ><

ออฟไลน์ ayumu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 65
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
คุณพ่อเข้าใจผิดนะค่ะ ไม่ว่าพริซซิลล่าจะรู้สึกยังไงในตอนนี้ เอ็ดเปลี่ยนใจไปรักอาร์เจนแล้วนะ นี่คงคิดจะให้พริซซิลล่ากับดอมรีบแต่งงานกันแน่ๆ เฮ้อ พริซซิลล่าจะเสียใจตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้ว เพราะเธอเป็นเลือกเองนะให้มันเป็นแบบนี้ ยอมรับเหอะตอนนั้นตัวเองแย่มากที่เลิกกับพี่แล้วมาหมั้นกับน้องแทน ใจร้ายกับเอ็ดมากนะนั่น
วิกเตอร์เริ่มสงสัยแล้วล่ะ  :mew2:
อาร์เจน :sad4:  ใครกันนะที่ทอดทิ้งคนน่ารักอย่างอาร์เจนได้ลงคอ คือความทรงจำเริ่มกลับมาแล้ว เงาดำน่ากลัวมากอ้ะ คนที่ทำร้ายจิตใจอาร์เจนในอดีตคงไม่ใช่เอ็ดใช่ม้ายยยอย่าเลย  :monkeysad:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [YAOI] - Mirror ผู้ชายในกระจก - 7.2 [อัพ 7/10/2016]
« ตอบ #39 เมื่อ: 07-10-2016 22:01:22 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Take

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 80
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0




กว่าอาร์เจนจะฟื้นขึ้นมาก็ปาไปอีกวัน เอ็ดเวิร์ดนั่งเฝ้าคนอีกฝั่งอยู่หน้ากระจกไม่ไปไหน เพราะแตะเนื้อต้องตัวไม่ได้จึงทำให้นึกกลัวว่าจะสูญเสียอาร์เจนไปตลอดกาล ถ้าเกิดเป็นเช่นนั้นเขาคงทนไม่ได้ อาร์เจนเปรียบเหมือนลมหายใจและชีวิต



“ปวดหัวไหม ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า เจ็บตรงไหนไหม”



ร่างสูงถามรัวๆ ด้วยสีหน้าที่แสดงถึงความเป็นห่วงเป็นใยจนคนในกระจกถึงกับอดขำ ไม่ได้ ที่ขำเพราะว่าเอ็ดเวิร์ดคงลืมไปแล้วเสียมั้ง



“เอ็ด...ผมไม่ใช่คนนะ”



คนถูกแซวเก้อเขิน “นั่นสิ”



อาร์เจนใช่มนุษย์...



เขาเป็นแค่วิญญาณที่ยังสิงอยู่ในกระจก เพื่อรอวันที่จะไปเกิดใหม่ มันนานแค่ไหนไม่รู้...หลังจากที่ได้พบกับเอ็ดเวิร์ดชีวิตประจำวันที่เลื่อนลอยก็เปลี่ยนไปสิ้นเชิง อาร์เจนมีความสุขทุกครั้งที่อยู่กับผู้ชายคนนี้ เอ็ดเวิร์ดคือความหมายของชีวิต



มือบางที่ทาบอยู่บนกระจก ฝ่ามือของอาร์เจนอยู่ตรงตำแหน่งเดียวกับคนอีกฝั่ง ทั้งที่เป็นผู้ชายเหมือนกันแต่ขนาดร่างกายกลับแตกต่างกันเหลือเกิน...สองสายตาที่สบประสาน ดวงตาของคนทั้งคู่เต็มไปด้วยความหมายที่ลึกซึ้ง ร่างสูงใหญ่เขยิบเข้ามาใกล้กับคนตัวบางตรงหน้า ใกล้จนได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นดัง



ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก



ริมฝีปากหนาทาบทับไปที่บานกระจกพร้อมกับอาร์เจนเช่นกัน ลิ้นเปียกชื้นกำลังทำการแสดงเต้มรำด้วยความเชื่องช้าแต่มันกลับหอมหวานจนน่าลิ้มลอง ร่างกายมันเป็นไปโดยอัตโนมัติ มันร้อนรุ่มเหมือนดั่งไฟเผา น่าแปลกที่วิญญาณกลับรู้สึกเช่นนี้ ช่วงกลางลำตัวก็ปวดหนึบ มันเต้นตุบๆ ตามจังหวะของหัวใจที่เต้นกระหน่ำ ความรู้สึกอยากกระหายที่ไม่ได้มีมานานเริ่มเข้ามาเป็นดั่งเกลียวคลื่นที่ซัดสาด จนอาร์เจนแทบทนไม่ไหวต้องร่ำร้องหาชายหนุ่ม



“เอ็ด...”



กายขาวบิดเร้าด้วยความทรมาน เฉดเช่นเดียวกับคนร่างสูง



“อา...อาร์เจน”



สัมพันทางกายเริ่มทำผ่านกระจก...เอ็ดเวิร์ดลูบไล้ไปที่แผ่นใสแทนการสัมผัสกับเนื้อนวลโดยตรง เขายอมรับอย่างหน้าไม่อายว่าต้องการอาร์เจนมากเหลือเกิน เมื่อร่างกายสัมผัสกันไม่ได้ ทั้งอาร์เจนกับเอ็ดเวิร์ดก็เหมือนรู้กันโดยสัญชาตญาณ พวกเขาเคลื่อนมือไปยังกลางลำตัวที่มีบางอย่างกำลังนูนพองไม่แพ้กัน



“...เอ็ด” อาร์เจนเอ่ยเรียกชื่ออีกครั้ง



“ฉันต้องการเธอ”



นัยน์ตาสื่อความต้องการอย่างเห็นได้ชัดจนคนฟังหน้าแดงซ่าน...อาร์เจเค้นยิ้มบางอย่างเขินอาย ถึงจะเป็นเพียงวิญญาณ ถึงจะเป็นสิ่งที่หลายคนอาจไม่เชื่อว่ามีจริง แต่ความรู้สึกนี้มันไม่ได้โกหก อาร์เจนก็ต้องการเอ็ดเวิร์ดเช่นเดียวกัน



ร่างน้อยเคลื่อนหน้าเข้าใกล้อีกครั้งพลางทำท่าจูบให้ตรงกับริมฝีปากของคนตัวสูงกว่า อาร์เจนทำตามที่เอ็ดเวิร์ดต้องการเสมอ ไม่ว่าอะไรก็ทำให้ได้ทั้งนั้น...สองร่างพากันเบียดเสียดแผ่นกระจก อาจเพราะเคยเป็นมนุษย์มาก่อนอาร์เจนถึงได้ทำตามสัญชาตญาณโดยง่าย มือบางจับไปที่แก่นกายของตัวเอง เอ็ดเวิร์ดก็เช่นเดียวกัน



ความใหญ่โตสมชายชาตรีถูกงัดออกมาสู้ลมด้านนอก เอ็ดเวิร์ดยังคงจับจ้องคนอีกฝั่ง เขายิ้มให้กับสิ่งที่น่ารักสมกับเจ้าตัวด้วยความชอบใจ ตรงแก่นกลางลำตัวมันช่างเหมือนเจ้าของเสียจริง แต่คนถูกจ้องกลับเขินอายจนแทบอยากหนีไปให้พ้นๆ แต่ถูกสายตาคมจับเอาไว้จึงทำให้แม้แต่ขาก็ไม่อาจขยับหนีได้อย่างใจนึก



“ฉันรักเธอ”



คำบอกรักที่ถูกเอ่ยอย่างไม่ทันตั้งตัว หัวใจก็ยิ่งเต้นกระหน่ำ



“ผมก็รักเอ็ด”



มันเป็นความรักของคนสองคน ถึงจะเป็นผู้ชายเหมือนกันแต่เอ็ดเวิร์ดกลับไม่เคยนึกรังเกียจ เขารักอาร์เจนมากจนไม่อาจสูญเสียไปได้



เอ็ดเวิร์ดคลำไปที่ของสงวน เขาสาวมือขึ้นลงไปมาสลับเบา ส่วนหัวที่มีสีแดงดูน่าอร่อยก็เริ่มมีน้ำปริ่มตรงปลาย เสียงครางอื้ออ้าในลำคอของชายหนุ่มมันทำให้คนฟังคล้อยตามอารมณ์มากกว่าเก่า ราวกับว่ามีมนต์สะกด อาร์เจนทำอย่างเอ็ดเวิร์ดบ้าง ทุกครั้งที่จับต้องไปตรงส่วนกลางลำตัวก็ยิ่งเสียวกระสัน ใบหน้าหวานทาบทับไปบนกระจก ลมหายใจอุ่นร้อนถูกเป่าพ่นพร้อมกับจินตนาการที่ไร้ขอบเขต



เอ็ดเวิร์ดกำลังโลมเลีย



เอ็ดเวิร์ดกำลังจูบ



เอ็ดเวิร์ดกำลังสอดใส่เข้ามาด้านใน



“อ๊า!~”



ไม่นานนักเสียงครางหวานก็หวีดร้องพร้อมกับสิ่งหนึ่งที่ออกมาจากส่วนปลาย เอ็ดเวิร์ดก็เช่นเดียวกัน แก่นกายขนาดใหญ่ปล่อยพ่นน้ำสีขาวราดรดไปบนบานกระจาก ความเหนื่อยหอบถาโถมเข้าสู่คนทั้งคู่ ถึงจะปลดปล่อยห้วงอารมณ์ไปแล้วแต่มันก็ยังไม่เพียงพอ



พวกเขาหัวเราะ...แล้วลงมือทำมันอีกครั้ง



โดยที่เอ็ดเวิร์ดไม่รู้...ว่าความสุขนั้นกำลังจะจบลง



 

ด้วยความเป็นห่วงในตัวเพื่อนสนิท จึงทำให้วิกเตอร์มาหาเอ็ดเวิร์ดอีกครั้งในวันถัดไป...เขากำลังคิดว่าหลังจากที่เอ็ดเวิร์ดออกมาจากโรงพยาบาลก็ดูแปลกๆ เอ็ดเวิร์ดดูสนใจกระจกบานนั้นจนน่าเป็นห่วง ยิ่งตอนเห็นกำลังเก็บเศษซากของแจกัน เอ็ดเวิร์ดเอาแต่ทำหน้ากระวนกระวายเหมือนมีอะไรทำให้เขาต้องเป็นกังวล ส่วนเรื่องอะไรนั้นวิกเตอร์ยังไม่รู้ แล้วเขาก็จะต้องรู้ให้ได้!



บานประตูที่ไม่ได้ล็อก มันสามารถเปิดออกมาจากด้านนอกได้ วิกเตอร์นึกเอ็ดเจ้าของบ้านนักที่สะเพร่าไม่ยอมล็อกแต่โดยดี ถ้าเกิดว่ามีโจรกับขโมยขึ้นมาจะทำยังไง



“ฮะ ฮะ”



วิกเตอร์เดินเข้ามาในบ้าน เขาได้ยินเสียงหัวเราะดังมาจากอีกทาง เขาจำได้ว่ามันเป็นเสียงของเอ็ดเวิร์ด



แล้วเอ็ดเวิร์ดกำลังหัวเราะกับใคร?



ความสงสัยที่มีมากทำให้ชายหนุ่มเลือกที่จะเดินย่องเข้าไปเงียบๆ ทำตัวราวกับหัวขโมยที่ต้องการบุกมาปล้นเจ้าของบ้านในทีเผลอ...วิกเตอร์เดินตรงมายังห้องของคนน่าสงสัย เขาได้ยินเสียงหัวเราะและพูดคุยดังชัดเจนขึ้น จนอดไม่ได้ที่จะต้องมองลอดไปยังช่องประตูที่ถูกเปิดแง้มออกด้วยฝีมือของตน



ภาพที่เห็น...เอ็ดเวิร์ดนั่งอยู่หน้ากระจก เขายังคงใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวตามสไตล์ ใส่กางเกงขายาวเหมือนทุกครั้ง แขนตรงข้อศอกถูกพับขึ้นเพื่อให้ดูทะมัดทะแมง หัวใจของชายหนุ่มเต้นระรัวอย่างไม่ทราบสาเหต แล้วสิ่งที่ทำให้ตกตะลึงไปกว่านั้นก็คือเอ็ดเวิร์ดที่กำลังเคลื่อนหน้าไปจูบกระจก



“เอ็ดเวิร์ด!” วิกเตอร์ขานเรียกชื่อคนที่ทำตัวแปลก เอ็ดเวิร์ดที่นั่งอยู่หน้ากระจกหันมองคนที่เข้ามาใหม่ ครู่หนึ่งวิกเตอร์เห็นเอ็ดเวิร์ดทำสีหน้าไม่พอใจแต่ก็แปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มบางในแบบฉบับของเจ้าตัว “นายคุยกับใคร?”



ด้วยความสงสัยจึงได้เอ่ยถามในทันที



“เปล่านี่” คนตอบลุกขึ้นยืน “นายมีอะไรหรือเปล่าวิกเตอร์”



คนถูกเรียกขมวดคิ้วให้กับท่าทีที่ใจเย็นของอีกฝ่าย เอ็ดเวิร์ดทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทำราวกับว่าเมื่อครู่นี้ที่เขาได้ยินเอ็ดเวิร์ดพูดคุยมันเป็นสิ่งที่เขาหูฟาดไปเอง ตั้งแต่เอ็ดเวิร์ดได้กระจกบานนี้มาเขาก็ดูแปลกๆ



“ฉันว่า...นายลองไปหาหมอดูไหม เอ่อ หน้านายยังดูซีดอยู่เลย ฉันกลัวว่านายจะยังไม่หายดี” มันเป็นข้ออ้างที่วิกเตอร์คิดขึ้นมาได้ อย่างน้อยความรู้สึกบางอย่างมันก็บอกกับเขาว่าเอ็ดเวิร์ดควรถอยห่างออกจากกระจกบานนั้น



“ฉันหายดีแล้ว นายกังวลมากไปแล้ววิกเตอร์” ร่างสูงแสร้งหัวเราะ



“ฉันว่านายกำลังป่วย” วิกเตอร์ก็ไม่ลดละความพยายามเช่นกัน ในตอนนี้เขาอยากให้เอ็ดเวิร์ดไปหาหมอ



“ฉันไม่ได้บ้า!” เอ็ดเวิร์ดเผลอขึ้นเสียงใส่ ดวงตาภายใต้แว่นถลึงตามองเพื่อนสนิท เอ็ดเวิร์ดกำลังแสดงกิริยาไม่ดีต่อหน้าวิกเตอร์ เขารู้ว่าไม่สมควรที่จะขึ้นเสียงใส่ แต่เมื่อสักครู่ร่างกายมันเป็นไปเอง เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะทำเช่นนั้น







TAKE

ต้องขออภัยอย่างยิ่งที่มาช้า เนื่องจากว่าเป็นเรื่องที่ใครๆ ก็ทราบดีอยู่แล้วว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้นกับประเทศเรา ถึงพ่อหลวงจะไม่อยู่แล้ว แต่เราก็ต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด เทคเองก็เช่นกัน ถึงจะเสียใจขนาดไหนก็ต้องเก็บมันไว้แล้วเดินหน้าต่อ

ทุกคนก็ด้วยเหมือนกันนะคะ

ปล.ขอบคุณที่หลงเข้ามาอ่านกันนะค๊าาาา เรื่องนี้ไม่มีไรมากและใกล้จบแล้วเน้อออ

ออฟไลน์ wan_sugi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-2
อา....ใกล้จบแล้วเหรอ กำลังสนุกเลย ชอบค่ะ

ออฟไลน์ ขวัญจิรา

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
มาต่อเร็วๆนะ

ออฟไลน์ Take

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 80
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0




“เอ็ดเวิร์ด นายดูแปลกไปนะ” สายตาคมเหลือบมองไปยังกระจกที่ตั้งตระหง่านอยู่ด้านข้าง



“ฉัน...ขอโทษ” เอ็ดเวิร์ดกล่าวเสียงเบา



ครู่หนึ่ง...เอ็ดเวิร์ดที่กำลังสำนึกผิด ในขณะที่เขากำลังจะเอ่ยปากอีกครั้ง เขาเห็นวิกเตอร์พุ่งตรงไปยังสิ่งที่ตั้งอยู่ด้านข้าง ดวงตาของเขามองมันอย่างน่ากลัว แล้วเอ็ดเวิร์ดก็รู้ว่าวิกเตอร์กำลังจะทำอะไร



“หยุดนะ!”



ความโกลาหลเริ่มเกิดขึ้นอย่างกระทันหันเมื่อวิกเตอร์ทำทุกอย่างเพื่อให้คนที่เขารักออกห่างจากกระจกบานนั้น แต่กับอีกคนที่ต้องการจะปกป้อง ถึงวิกเตอร์จะวิ่งเร็วและสูงกว่าเอ็ดเวิร์ดขนาดไหน แต่เอ็ดเวิร์ดก็ยังอยู่ใกล้กระจกกว่าอยู่ดี ในช่วงจังหวะที่วิกเตอร์กำลังเอื้อมมือไปปัดบานกระจกให้หล่นพื้นแตก เอ็ดเวิร์ดก็จับไปที่ข้อมือแกร่งของอีกฝ่ายแล้วเหวี่ยงให้ไปอีกทาง ด้วยแรงที่หนักหน่วงจึงทำให้วิกเตอร์เซถอยไปหนึ่งก้าวจนเกือบล้มเพราะการทรงตัวไม่อยู่



“นายจะทำอะไร!”



อาร์เจนที่มองอยู่ในกระจกรู้สึกใจเต้นระส่ำไม่แพ้คนด้านนอก เมื่อสักครู่เขาคิดว่าตัวเองจะต้องแตกไปแล้วเสียอีก ถ้าเอ็ดเวิร์ดห้ามไม่ทันคงแย่แน่ แววตาสั่นยังคงมองไปที่บุคคลทั้งสอง เอ็ดเวิร์ดทำท่าโกรธเคืองเพื่อนสนิท แต่อีกคนกลับมีสีหน้านิ่งเรียบ



“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”



ร่างสูงท้วมของเอิร์ลมาวิสเดินเข้ามาได้จังหวะ เขามาหาเอ็ดเวิร์ดที่บ้านเช่นเดียวกับวิกเตอร์ เห็นห้องไม่ได้ล็อคจึงได้เดินเข้ามาอย่างถือวิสาสะแต่กลับได้ยินเสียงเหมือนคนกำลังมีปากเสียงจึงได้รีบเข้ามาดู



“คุณพ่อ”



เอ็ดเวิร์ดขมวดคิ้วมองอย่างฉงน เขาไม่คิดว่าพ่อของเขาจะมาที่นี่ด้วย...มาวิสมองชายหนุ่มทั้งสองสลับกันไปมา เขาต้องการคำตอบแต่ดูเหมือนว่าจะยังไม่มีใครสามารถตอบคำถามเขาได้ในตอนนี้ แต่สิ่งที่ทำให้มาวิสสนใจมากกว่านั้นกลับเป็นสิ่งที่ตั้งอยู่ด้านข้างเอ็ดเวิร์ด



กระจกบานใหญ่กับลวดลายที่คุ้นตา



เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน...ไม่สิ เขาเคยเห็นมันแน่ๆ และแน่นอนมาวิสก็ยังคงจำได้ดีไม่มีวันลืมเลือน



แต่คนด้านหลัง...



สิ่งที่อยู่ในกระจก...



สายตาของอาร์เจนมองคนมาใหม่ เพียงแค่เห็น...เพียงแค่ได้ยินเสียง แม้จะไม่ได้ชัดเจนอะไรนัก และถึงแม้ว่าคนตรงหน้าจะเปลี่ยนไปมากขนาดไหน แต่สำหรับอาร์เจนแล้วเขากลับจำคนๆ นี้ได้ติดตา



กรี๊ด!!!!!!



อาร์เจนตะโกนก้องจนคนได้ยินถึงกับสะดุ้งเฮือก เขาเหลียวหลังหันไปมองคนในกระจกที่เริ่มมีแสงเปล่งออกมาจากร่าง ดวงตาของอาร์เจนแดงก่ำอย่างน่ากลัวกำลังเบิกโผลงกว้างมองมาทางเขา



ไม่ใช่! อาร์เจนกำลังมองไปข้างหลัง



ด้านหลัง!



เงาดำทะมึนลอยออกมานอกกระจกบานใหญ่ รูปร่างของมันเริ่มแผ่ขยายจนกว้างไพศาล ความเคียดแค้นที่เห็นหน้าคนหักหลังเริ่มปะทุเดือด ผู้ชายใจร้าย ผู้ชายที่ฆ่ากันได้อย่างเลือดเย็น...วิญญาณของชายผมขาวปรากฏกายให้ผู้คนได้เห็น ทั้งความเกลียด ความโกรธ มีเพียงให้แค่คนๆ เดียว รูปร่างที่เปลี่ยน ใบหน้าที่ดูชรามากขึ้น



“มาวิส!”



เสียงของอาร์เจนแหบกระด้าง



เอ็ดเวิร์ดนึกฉงน อาร์เจนรู้จักพ่อของเขา...รู้จัก เอิร์ล มาวิส เนวิลล์



ท่ามกลางความตกตะลึงของคนหนุ่ม มาวิสมองร่างขาวที่คุ้นตาอย่างไม่อาจที่จะละสายตาไปได้ เขารู้จักคนๆ นี้ดี ทั้งหน้าตา รูปร่างไม่ได้เปลี่ยนไปกว่าเมื่อสามสิบปีก่อนสักนิด เพียงแค่ว่าผมที่เคยเป็นสีดอ่อนกลับเป็นสีขาวก็เท่านั้น



“ลี”



มาวิสเอ่ยครางเรียกชื่อในลำคอ แต่มันกลับทำให้เอ็ดเวิร์ดได้ยินอย่างชัดเจน  พ่อของเรารู้จักอาร์เจนอย่างนั้นหรือ...ไม่น่าเป็นไปได้



แต่คนที่สงสัยมากที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นวิกเตอร์ เขามองเห็นสิ่งที่อยู่ในกระจก ผู้ชายตัวเล็กผมขาว ดวงตาสีแดงก่ำอย่างน่ากลัว บางอย่างที่เขาสงสัยมานานมีอยู่ในกระจกอย่างที่คิด ไหนจะกลุ่มควันสีดำที่ออกมานอกกระจกตรงนั้นอีก มันลอยมาทางพวกเขาเรื่อยๆ บางส่วนก็กลายเป็นพายุหมุนลูกเล็กปัดทุกอย่างที่ขวางหน้าจนล้มระเนระนาดไปจนหมด



“หึหึ ในที่สุดก็เจอตัว” อาร์เจนแสยะยิ้มร้าย



เขาไม่มีทางลืมหรอก...ไม่มีทางลืมคนที่ทำร้ายกันได้เด็ดขาด!



“ลี...นี่เธอ ตายไปแล้วไม่ใช่เหรอ”



มาวิสพยายามทรงตัวให้อยู่ เขาเริ่มหายใจไม่ออกเนื่องด้วยความอึดอัดบางอย่างกำลังถาโถมเข้ามา



“ใช่! ผมตายไปแล้ว...ตายไปเมื่อวันที่ถูกคุณทรยศ”



เกลียด!



เขาเกลียดมาวิส!



“ผมเกลียดคุณ! อ๊าก!!!”



มือบางถูกยกขึ้นมาเหนือหัว อาร์เจนปล่อยพลังให้ไปจับสิ่งของที่อยู่ไม่ไกลนัก มันเป็นเก้าอี้ที่เอาไว้ใช้สำหรับทำงานของเอ็ดเวิร์ด แต่อาร์เจนในเวลานี้เขาไม่อาจยั้งคิดได้ว่าไม่สมควรเอาของคนที่รักมาทำลาย... มาวิสก้าวถอยหลังจะหลบเมื่อรับรู้ได้ว่าอันตรายกำลังคลืบคลานเข้ามาใกล้ แต่ยังไม่ทันที่เขาจะเตรียมรับมือกับสิ่งที่กำลังจะถูกขว้างมาก็ไม่ทันการเสียแล้ว เมื่อเก้าอี้ตัวนั้นมันกำลังลอยมาทางเขาจนเกือบประชิดตัว





ผัวะ!



เสียงหนึ่งดังสนั่น คนกระทำเบิกตาโผลงเมื่อเห็นเอ็ดเวิร์ดเอาตัวเข้ามาบังคนที่เกลียดไม่ให้บาดเจ็บ เขาล้มไปกับพื้นด้านล่าง...วิกเตอร์ที่เห็นจึงได้รีบวิ่งเข้ามาประคองด้วยความเป็นห่วง



“ปกป้องมันทำไม!” อาร์เจนแผดเสียงร้องถาม



หัวของเอ็ดเวิร์ดมีเลือดไหลเพราะถูกแรงกระแทก ดวงตาคมจับจ้องมาทางคนผมขาวที่บัดนี้อยู่นอกกระจก



“เขาเป็นพ่อของฉัน”



ถึงเอ็ดเวิร์ดจะเคยนึกน้อยใจพ่อตัวเองขนาดไหน แต่มาวิสก็ยังขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อ...คนเป็นลูกไม่สามารถทนเห็นคนในครอบครัวต้องได้รับบาดเจ็บ เอ็ดเวิร์ดยังไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมอาร์เจนกับพ่อถึงได้รู้จักกัน แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาทั้งสอง แล้วนั่น...ก็ต้องเป็นสิ่งที่เขาจะต้องรู้ให้ได้อย่างแน่นอน แต่เอ็ดเวิร์ดก็ไม่อยากให้อาร์เจนทำร้ายคนอื่น



คนผมขาวส่ายหน้า เขาไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน เพราะการทำร้ายเอ็ดเวิร์ดเมื่อสักครู่ทำให้อาร์เจนถึงกับหยุดนิ่งไปชั่วขณะ เขาแทบไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน เอ็ดเวิร์ดกับมาวิสคือพ่อลูก พวกเขามีความสัมพันธุ์กันทางสายเลือด



“ผมไม่สน! เขาทำให้ผมต้องตาย! เขาทรยศผม! ผมไม่มีวันยกโทษให้เขาเด็ดขาด!”



ความโกรธ ความเกลียดยังคงมี ดวงตาของอาร์เจนยังคงเป็นสีเลือด ใครจะรู้ความทรมานของเขา ใครจะรู้ว่าเขาเจ็บปวดขนาดไหนกับการที่ต้องถูกคนรักมาหักหลัง เขาปล่อยพลังให้ควันขนาดใหญ่ลอยคละคลุ้งไปทั่วห้อง รูปร่างของมันก็เริ่มน่าเกลียดน่ากลัว ควันพวกนั้นเริ่มกระจัดกระจายไปทั่วห้อง ลมหายใจที่ของคนที่ยังหายใจก็เริ่มติดขัด อาร์เจนใช้พลังตนเองปัดเอ็ดเวิร์ดออกห่างจนกระเด็นไปอีกทางพร้อมกับวิกเตอร์ มุ่งหมายจะทำร้ายคนเกลียดชังเพียงคนเดียวที่ยังคงมีลมหายใจและปล่อยให้ตัวเขาต้องทรมานอยู่เป็นนับสิบๆ ปี



พลังของอาร์เจนปกคลุมร่างใหญ่ เขาจับมาวิสฟาดไปที่กำแพงโดยที่ไม่ได้แตะเนื้อต้องตัวสักนิด แรงอัดที่มีทำให้คนร่างใหญ่ถึงกับกับกระอัก มาวิสที่ร่วงหล่นสู่พื้นจับไปที่หน้าอกที่ถูกกระแทก แต่ยังไม่ทันที่เขาจะตั้งตัวก็ถูกจัดการอีกครั้ง คนผมขาวไม่มีความปรานียังคงทำร้ายต่อเนื่อง...เอ็ดเวิร์ดที่จะวิ่งเข้ามาห้ามกลับถูกซัดกระเด็นไปอีกทางไม่แพ้กัน เพียงแค่ว่าไม่โดนทำร้ายเท่ามาวิส



“ไปอยู่กับผมเถอะ มาวิส”



ดวงตาแดงกำลังร้องไห้



“ไปอยู่กับผม”



คนเจ็บที่ตอนนี้มีสภาพโรยรา มาวิสมีเลือดไหลออกจากปาก เนื้อตัวของเขาก็เขียวช้ำ ร่างน้อยจับไปที่คอของอีกฝ่ายแล้วยกลอยขึ้นจนขาของมาวิสลอยจากพื้น มาวิสดิ้นพล่านเพราะเริ่มหายใจไม่ออก เขาหรี่ตามองคนกระทำ แต่มาวิสไม่เคยคิดโทษคนตรงหน้าเลยถ้าจะทำให้เขาตาย ถ้ามันเป็นความต้องการเขาก็จะทำมัน



“ฉัน-รัก-เธอ นะลี” เขากระซิบบอกเสียงเบา



“โกหก!!”



แต่อาร์เจนกลับไม่เชื่อ คนรักกันที่ไหนถึงได้ทำร้ายกันลงคอขนาดนี้ หรือว่าที่ทำมาทั้งหมดก็เพราะอยากหาหนทางเอาตัวรอด ผู้ชายคนนี้ไม่เปลี่ยนเลย ไม่เคยเปลี่ยนสักนิด ยังคงใจร้ายเหมือนเก่า



“ฉัน แค่ก แค่ก รักเธอ”



มาวิสเอ่ยอีกครั้งคำเดิม ไม่ว่าจะเป็นตอนนี้หรือความรู้สึกเมื่อสามสิบปีก่อน เขาก็ยังคงรักอาร์เจนไม่เปลี่ยน ดวงตาสีเข้มสื่อถึงความจริงใจ



อาร์เจนยิ้มเยาะ



“ถ้ารักกันก็ไปอยู่กับผมสิ คุณปล่อยให้ผมต้องตายอย่างทรมาน ผมองก็จะทำให้คุณทรมานเช่นกัน”



มาวิสเริ่มหายใจไม่ออก เขาเหมือนกำลังจะขาดใจตายเสียให้ได้ ดวงตาสีเข้มเริ่มมีน้ำปริ่มตรงปลาย แต่ใช่ว่ามาวิสจะเสียดายชีวิต เพียงแค่เขากำลังนึกถึงความหลัง วันที่สูญเสียคนที่รักไป



“ฉันไม่ได้ทิ้งเธอ แค่ก แค่ก”



“โกหก! อย่ามาโกหกผม!”



ไม่เชื่อ…เขาไม่มีวันเชื่อใจผู้ชายคนนี้อีกเด็ดขาด เรื่องทั้งหมดมันเป็นแค่คำลวง เชื่อใจไม่ได้ ไม่ว่าใครหน้าไหนก็เชื่อไม่ได้ทั้งนั้น



อาร์เจนก็แค่...ไม่อยากกลับไปโดนทำร้ายเหมือนเมื่อครั้งก่อนก็เท่านั้น









TAKE

อดีตของอาร์เจนกำลังจะเปิดเผยละเน้อ เรื่องราวอาจไม่เข้มข้น แต่ก็ขอบคุณมากที่หลงเข้ามาอ่านกัน และก็ขออภัยที่มาช้านะจ๊ะ ><

ออฟไลน์ wan_sugi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-2
ลุ้นให้มีคนตาย ตายตกตามกัน...
จะได้ผิดขนบ การจบแบบ happy ending จัง

ออฟไลน์ Take

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 80
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0



30 ปีก่อนหน้า



มาวิส เนวิลล์...ในวัยอายุยี่สิบปี เขาเป็นลูกของ เอิร์ล รุ่นก่อน ‘เอิร์ล วิลเลี่ยม เนวิลล์’ ผู้มีชื่อเสียงอัดโด่งดังและเป็นที่เกรงขาม สำหรับบุคคลภายนอกแล้วพวกเขาต่างก็อิจฉาที่มาวิสมีคอบครัวที่สมบูรณ์แบบ ทั้งฐานะและหน้าตาทางสังคม



มาวิสคือคนหนุ่มที่มีอนาคตไกล



เขาจะกลายเป็น ‘เอิร์ล’ ในอีกไม่ช้า แต่ถึงอย่างนั้นภายในจิตใจของชายหนุ่มกลับรู้สึกว่างเปล่า เขาทำตามที่พ่อสั่งทุกอย่าง เพียงเพื่อให้เหมาะสมกับวงศ์ตระกูล ไม่เว้นแม้กระทั้งคู่ชีวิต...คู่หมั่นที่ไม่เคยเห็นหน้าแต่ก็เหมาะสมกันทุกอย่าง อีกไม่นานมาวิสก็ต้องเข้าพิธีแต่งงานกับเธอ



ด้วยความเบื่อหน่ายจึงทำให้มาวิสออกมาเดินเล่นด้านนอกคฤหาส แล้วนั่นก็เป็นครั้งแรกที่ทำให้เขาได้เจอกับ ‘ลี’



ลูกชายของชาวบ้านที่อยู่ละแวกนั้น...เพียงแค่เห็นครั้งแรกก็ทำให้หัวใจของชายหนุ่มพองโต เด็กผู้ชายที่ดูอายุน้อยกว่าเขาแต่ดูราวกับเทวดาที่ตกลงมาจากสวรรค์ ใบหน้าที่ขาวนวล เส้นผมตรงสีน้ำตาลเข้มดูเข้ากับนัยตาสีนิลกาฬ คนตัวบางใส่เสื้อผ้าเลอะมอมแมมเผยยิ้มมาให้ มันเป็นรอยยิ้มบริสุทธิ์ที่ชวนน่าหลงใหล



ไม่สิ...มาวิสหลงใหลผู้ชายคนนี้ไปแล้ว



ลีเป็นลูกชายชาวบ้านที่อยู่ในละแวกนั้น ถึงจะอยู่ใกล้กันแต่มาวิสไม่เคยเห็นหน้า นั่นอาจเพราะเขาเอาแต่อยู่ในบ้าน...แต่การที่มาวิสได้เจอกับลีมันทำให้เขาเริ่มมีความหมายในชีวิตมากขึ้น เขาได้เรียนรู้อะไรมากมายจากคนตัวเล็ก



หัวใจตัวเองก็เช่นกัน...



มาวิสหลงรักลี...



ลีเองก็เช่นกัน...เขาหลงรักมาวิสที่เป็นผู้ชายเหมือนกัน เมื่อหัวใจสองดวงต่างหัวใจตรงกัน ในค่ำคืนหนึ่งสองร่างจึงได้รวมเป็นหนึ่งเดียว ท่ามกลางทุ่งหญ้าและแสงไฟจากตะเกียง ในห้องที่มีแต่เพียงชายสองร่างกำลังร่วมรักกันท่ามกลางความสุขสม พวกเขากลายเป็นของกันและกันอย่างเต็มตัว



“ผมรักคุณ มาวิส”



“ฉันก็รักเธอ ลี”



คำบอกรักที่เอื้อนเอ่ย คำหวานที่เสนาะหู หัวใจของมาวิสเต้นระรัวให้กับความรักที่น่าหอมหวาน และในค่ำคืนนั้นสองร่างก็ยังคงเบียดเสียดกันจนเกือบถึงเช้าและคำสัญญาที่พวกเขาทั้งคู่ต่างก็ให้กันไว้

แต่ความลับที่ปกปิด ก็ถูกเปิดเผยเมื่อวิลเลี่ยมรู้ความสัมพันธุ์ของมาวิสกับผู้ชายอีกคน สำหรับวิเลี่ยมแล้วเรื่องที่มาวิสจะไปหาเศษหาเลอข้างนอก เขาไม่ได้ว่า แต่ถ้าหากจะเอาคนอื่นมายกย่องเชิดหน้าชูตาให้อยู่ร่วมสังคมเดียวกับเขา ยิ่งคนๆ นั้นเป็นผู้ชายด้วยก็ยิ่งแล้วใหญ่ วิลเลี่ยมไม่มีทางยอมรับเรื่องนี้โดยเด็ดขาด!



ผู้เป็นพ่อใช้คำสั่งที่เหนือกว่าให้มาวิสเลิกยุ่งกับลีแต่กลับถูกลูกชายคนเดียวปฏิเสธ... มันเป็นครั้งแรกที่เขายอมที่จะขัดใจพ่อแม่ และมันก็เป็นครั้งแรกที่เขาอยากจะเลือกทางเดินโดยตนเอง มาวิสยอมที่จะออกจากวงศ์ตระกูลเพื่อไปใช้ชีวิตอยู่กับคนที่รัก



เขาอาศัยชีวิตอยู่กับลีท่ามกลางความลำบาก เดิมทีความรู้ที่มาวิสมีมันสามารถที่จะหางานทำและเลี้ยงดูลีได้อย่างสบาย แต่ทั้งหมดนั้นก็ถูกขัดขวางโดยพ่อของเขา... มาวิสยังคงกัดฟันสู้ เขาทำงานแรงงานขั้นต่ำและอยู่อย่างแร้งแค้น ด้วยความที่ไม่เคยลำบากมาก่อนในชีวิตทำให้มีบางครั้งที่มาวิสหัวเสียจนไปลงกับลีจนเกิดมีปากเสียงกันเล็กน้อย แต่ทุกครั้งมันก็มักจะจบลงด้วยดีเสมอ



ครั้งหนึ่งด้วยความที่อยากจะเอาใจลี มาวิสได้ถูกใจกระจกบานใหญ่ที่ถูกตั้งวางขายอยู่หน้าร้าน ลวดลายที่ถูกทำอย่างประณีตและสวยงาม บรรจงตกแต่งลวดลายอย่างวิจิตรศิลป์



มาวิสเลือกมันให้ลีด้วยความตั้งใจ



พวกเขาอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข



จนกระทั่ง...



วันหนึ่ง...เขาได้กลับไปบ้านตามปกติ มาวิสที่เป็นถึงลูกชายของ เอิร์ล วิลเลี่ยม เนวิลล์ กลับถูกพ่อของตัวเองจับ...ในเมื่อใช้ทั้งไม้อ่อนและไม่แข็งมาวิสก็ไม่มีทางที่จะเลิกกับลี เขาจึงให้คนไปจับมาวิสกลับมาและขังเอาไว้ โดยที่ไม่ได้ทิ้งอะไรไว้เลย



มาวิสพยายามหนี เขาถูกจับมาหลายวัน นึกเป็นห่วงลีที่ป่านนี้คงนั่งเป็นห่วงเขาอยู่เป็นแน่ แต่บานประตูที่แข็งแกร่งมันไม่สามารถทำให้เขาหนีออกไปได้ จนสุดท้ายก็ต้องยอมจำนนกับผู้เป็นพ่อ...เมื่อมาวิสไม่คิดหนีทำให้วิลเลี่ยมรู้สึกพอใจอย่างมาก เขาได้เข้ามาในห้องที่ขังลูกชายตัวเองเอาไว้และเอาจดหมายจากลีไปให้มาวิสอ่าน



เนื้อความในจดหมายเป็นคำบอกลาและการไร้สิ้นซึ่งรัก



ลีบอกเลิกกับมาวิส



มาวิสเสียใจอย่างมาก ในคราวแรกเขาก็ไม่เชื่อแต่ด้วยหลักฐานที่เห็นกับตา มาวิสเห็นลีกำลังนอนกับผู้ชายคนอื่นในบ้านที่พวกเขาเคยอยู่ด้วยกัน



แล้วความรักของมาวิสก็จบลง



เขากลับมาทำตามสิ่งที่เอิร์ลวิลเลี่ยมสั่งอีกครั้งอย่างไม่คัดค้าน อยู่ในกรอบของตระกูลอย่างเดิมจนกระทั่งได้เจอหน้ากับคู่หมั่นสาวที่ไม่เคยเห็นหน้า ‘เลดี้ไดอาน่า’



มาวิสเป็นสุขบุรุษกับเธอทุกอย่าง ทั้งให้เกียรติและพาไปออกงานเต้นรำ จนมาวิสและไดอาน่ากลับกลายเป็นคู่ที่น่าอิจฉาที่สุด... ในคืนหนึ่งก่อนที่จะแต่งงานขณะที่มาวิสไปงานเต้นรำกับไดอาน่าอีกเช่นเคย เขาได้เจอกับลีอีกครั้ง คำขอร้องอ้อนวอน คำบอกรักของคนที่เคยหักหลังไม่อาจทำให้มาวิสใจอ่อนได้ เขาบอกเลิกกับลีอย่างเป็นทางการและปล่อยให้ลีอับอายต่อหน้าผู้คนที่ดูถูกดูแคลนว่าเป็นพวกรักร่วมเพศ ไม่มีแม้กระทั่งความเห็นใจ







TAKE

อดีตที่ทรมานของอาร์เจน เพราะรักมากจึงแค้นมาก แต่เป็ฯเพราะกาลเวลาจึงทำให้ความทรงจำลืมเลือน จนโชคชะตาได้พากลับมาพบกันอีกครั้ง

และเรื่องนี้...ก็กำลังจะจบในอีกไม่กี่ตอน

แล้วก็ลองเดาตอนจบกันสิค๊าา อิอิ

ออฟไลน์ ขวัญจิรา

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก ฆ่าฉันที่ มันคางมากอะ รีบมาต่อนะ

ออฟไลน์ April❤

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2
มาต่อเร้วๆน้าาา กะลังลุ้นน

ออฟไลน์ Take

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 80
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0





“มาวิส...คุณจำได้หรือเปล่า ฮึก ถึงสัญญาของเรา”



เขาไม่ตอบคำถามนั่นในทันที ได้แต่มองคนกำลังขาดใจด้วยสีหน้านิ่งเรียบ



“ฉันจำไม่ได้”



แล้วนั่นก็เป็นคำตอบที่เขาเลือกที่จะตอบก่อนที่จะหันหลังเดินจากไป แล้วหลังจากคืนนั้นเขาก็ไม่ได้ข่าวของลีอีกจนถึงวันแต่งงาน



ลี...ได้ฆ่าตัวตายไปแล้ว



โดยที่มาวิสไม่รู้...ไม่รู้ถึงความจริงที่เกิด



ลีไม่ได้ฆ่าตัวตายแต่ถูกทำให้ตายต่างหาก!



มาวิสกำลังเข้าใจผิด...เขาไม่ได้คิดนอกใจแต่เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดเพราะเป็นการจัดฉากของเอิร์ลวิลเลี่ยม... ผู้ชายคนนั้นต้องการให้เขากับมาวิสเลิกกันถึงได้ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้มาวิสเข้าใจผิด แล้วมันก็เป็นความจริงดั่งที่เขาหวัง มาวิสสั่นคลอนในความรักกับสิ่งที่เห็นมากกว่าจะถามไถ่ มาวิสเลือกที่จะหนีไปมากกว่าที่จะเข้ามาปลอบประโลม แต่ด้วยความรักที่ยังคงมีทำให้ลีจะพยายามอธิบายให้เข้าและหวังว่ามาวิสจะเชื่อ แต่สุดท้ายแล้วก็มีแต่ความเสียใจเท่านั้น



ลีถูกมาวิสทำให้เสียหน้า เขาถูกดูถูกและกล่าวหาสารพัดจากคนที่ไม่รู้จัก ต้องกลายเป็นคนผิดทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิด



มีแต่ความสิ้นหวังและความเสียใจ



ในคืนวันแต่งงานของมาวิส เป็นวันที่ทรมานที่สุดสำหรับผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังร้องไห้เพราะความรัก เขาเจ็บช้ำจากคนที่รักยังไม่พอแต่กำลังจะมาตายในวันมงคลของอีกฝ่าย



ร่างน้อยผมสีเข้มและนัยน์ตาสีเข้มถูกมัดมือมัดปากเอาไว้ เขากำลังถูกผู้ชายหลายคนหิ้วไปในทิศทางที่ไม่รู้ รอบด้านมีแต่เสียงอีกทึกเต็มไปหมด



ลี...ถูกโยนเข้าไปในหลุม



เขากรีดร้อง อยากจะขอความช่วยเหลือแต่ปากที่ถูกปิดเอาไว้ไม่สามารถตะโกนออกไปได้ ถึงจะถูกปิดตาแต่ลีก็รู้ดีว่ากำลังถูกทำอะไร



ฝังทั้งเป็น!



นั่นคือสิ่งที่คนใจร้ายกำลังทำกับเขา มาวิสใจร้ายมากจริงๆ มาทำให้รักและหลอกลวง คำว่า ‘รัก’ ที่เขาพูดมันก็เป็นเพียงแค่ลมปาก เมื่อหมดความต้องการมาวิสก็ทอดทิ้งเหมือนหมาข้างถนนตัวหนึ่ง ไม่เพียงแค่นั้นแต่คนใจร้ายกลับคิดจะฆ่ากันได้อย่างเลือดเย็น



ดินที่กลบฝังร่างมาพร้อมกับแรงกระแทกตรงช่องท้อง สิ่งใหญ่โตที่เหมือนกับเป็นเสาหรือท่อนไม้ใหญ่มันกำลังกระทุ้งมาที่หน้าท้องแบบราบ ร่างอันน้อยนิดไม่สามารถรับความเจ็บปวดซ้ำๆ ได้มากนัก ไม่นานนักร่างของเขาก็ชาชินเพราะความเจ็บปวดจนเจียนขาดใจ



หนึ่งคนกำลังสุขสมในวันวิวาห์



หนึ่งคนกำลังตายอย่างทรมาน



ก่อนที่ดินจะกลบหน้าจนหมด ลีได้ให้คำสัตย์สาบานว่าจะตามจองล้างจองพลางมาวิสจนกว่าผู้ชายใจร้ายคนนั้นจะตายอย่างทรมาน...วิญญาณที่ถูกกักกันด้วยความเคียดแค้นออกมาจากร่างทันที่สิ้นลมหายใจ



สีของผมที่เคยเป็นสีน้ำตาลเข้มแปรเปลี่ยนเป็นสีขาว



ดวงตาที่เคยทอประกายสดใสสีดำกลับกลายเป็นสีแดงฉาน



วิญญาณของลีที่ออกจากร่างล่อยไปสิงอยู่ในบานกระจกที่มาวิสเลือกให้เป็นของขวัญ สิ่งที่ล้ำค่าที่เคยเก็บรักษาเอาไว้



แต่โชคร้าย...กระจกบานนั้นกลับถูกขายทอดไปไกลแสนไกลก่อนที่จะทำการแก้แค้น วันเวลาที่ผ่านไปวันแล้ววันเล่าทำให้ความทรงจำที่มีเริ่มจางหายไปทีละนิดจนผ่านล่วงเลยไปหลายสิบปี...วิญญาณในกระจกก็ลืมเลือนในสิ่งที่คิดจะทำ กลายเป็นวิญญาณเร่รอนที่รอให้มีเจ้าของมารับ



แล้วลี...ก็ได้เจอกับเอ็ดเวิร์ด

 



มาวิสไม่อยากจะเชื่อ... เรื่องที่เล่ามาทั้งหมดมันเป็นความจริงอย่างนั้นหรือ เขาเข้าใจลีผิดมาตลอด ลีไม่เคยนอกใจเขา ไม่เคยมีใครอีกคน ทั้งหมดมันเป็นแผนลวงของ ‘เอิร์ล วิลเลี่ยม’ ผู้ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นพ่อของตัวเอง...มาวิสนึกแค้นใจตัวเองนัก ทำไมเขาถึงได้โง่งมขนาดนี้ ไม่เชื่อในความรักที่ลีมีต่อเขา เอาแต่โทษโชคชะตาที่เล่นตลก แต่ไม่เลย...คนที่ผิดจริงๆ คือเขาเองที่หูเบา สมควรแล้วที่จะตายด้วยน้ำมือของคนที่รัก...มันสมควรแล้วจริงๆ



“คุณเห็นหรือยังว่าผมต้องทุกข์ทรมานขนาดไหน!” ร่างน้อยแผดเสียงกร้าว ดวงตาแดงมีหยาดน้ำตาไหลลงมาข้างแก้มยามที่มองหน้าผู้ชายใจร้าย “ไปอยู่กับผมเถอะ มาวิส”



ดวงใจร้าวรานราวกับว่ามันจะแหลกสลายไปอีกครา รอบกายที่เป็นเหมือนดั่งพายุกำลังโหมกระหน่ำพัดแรงมากขึ้น เขากำลังจะแก้แค้นผู้ชายคนนี้ ตลอดระยะเวลาสามสิบปีที่ถูกขังอยู่ในกระจกมันช่างทรมาน แล้วเขาก็จะทำอย่างนี้กับผู้ชายคนนี้บ้าง มาวิสจะต้องถูกขังอยู่ในกระจกกับตนโดยที่ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด จะต้องทรมานเพราะความเหงาตลอดไป



เอิร์ล มาวิส รู้ชะตากรรมของตัวเองดี เขาที่เคยแดดิ้นเอาตัวรอดในคราวแรกแปรเปลี่ยนเป็นนิ่งเฉย ในเมื่อถ้ามันเป็นสิ่งที่อีกคนต้องการทำไมเขาจะให้ไม่ได้ ชายวัยกลางคนหลับตานิ่งสนิทยามที่รู้สึกถึงแรงบีบอัดตรงลำคอ อีกไม่นานเขาก็จะขาดอากาศหายใจแล้วสิ้นลมไปในที่สุด



อาร์เจนเม้มริมฝีปากแน่น มาวิสที่ยอมโอนอ่อนแต่โดยดี มันน่าจะสะใจ มันน่าจะมีความสุข แต่อาร์เจนกลับร้องไห้อย่างไร้เสียงสะอื้น อีกไม่นานคนๆ นั้นก็จะตาย แค่ออกแรงอีกเพียงนิดเดียวผู้ชายคนนั้นก็จะไม่มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้แล้ว



แต่ว่า...แต่ว่า...



“ฉันรัก...ลี”



เสียงแหบแห้งเอ่ยในวินาทีสุดท้าย มือของอาร์เจนกำลังสั่นอย่างเห็นได้ชัด เขากำลังอยู่ในห้วงอารมณ์ที่กำลังแปรปรวน



ทำไม่ได้...ทำไม่ได้...



หมับ!



แต่ยังไม่ทันที่อาร์เจนจะคิดอะไรมากกว่านี้ ร่างของเขากลับถูกโอบกอดโดยผู้ชายอีกคน ร่างสูงใหญ่ของเอ็ดเวิร์ดกำลังโอบกอดแผ่นหลังบางไว้แน่น อาร์เจนนิ่งงันกับความรู้สึกที่ได้รับ เขารู้สึกเพียงแค่ไออุ่นของผู้ชายที่ยังมีชีวิต



“ในที่สุด...ฉันก็ได้สัมผัสเธอ”



เอ็ดเวิร์ดที่ยอมเสียงชีวิตเข้าไปกอดวิญญาณที่อาจสัมผัสไม่ได้ เขาไม่สนใจอดีตของอาร์เจน ไม่สนใจว่าเมื่อก่อนพ่อของเขากับอาร์เจนจะเคยเป็นอะไรมาก่อน และไม่สนใจชื่อเดิมของอาร์เจน...ในเวลานี้ เอ็ดเวิร์ดรู้แค่ว่าเขาได้ทำในสิ่งที่อยากทำมาตลอด



กอดกับคนที่รัก...



“...เอ็ด”



ดวงตาสีแดงเริ่มกลับกลายเป็นสีอ่อน ดวงหน้าหวานยังคงมีน้ำตาคลอไม่ขาดสาย ผู้ชายคนนี้มักจะทำให้เขาต้องแปลกใจเสมอ แม้กระทั่งเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ ยังจะมาทำเรื่องเช่นนี้อีก...อาร์เจนร้องไห้ เขากอดคนร่างสูงด้วยความซาบซึ้งใจ ผิดกับคนด้านหลังที่กำลังมองมาด้วยสายตาเจ็บปวด...วิกเตอร์ปวดใจเหลือเกินที่เห็นเอ็ดเวิร์ดวิ่งเข้าไปกอดผู้ชายผมขาว



คนสำคัญของเอ็ดเวิร์ด ที่ไม่ใช่มนุษย์



ร่างน้อยอ่อนกำลังลง ในวินาทีที่มาวิสกำลังจะสิ้นลมหายใจ ร่างของเขาร่วงหล่นมาสูพื้นเบื้องล่าง เพราะการหายใจที่ติดขัดมานานทำให้เขาไอโครกเครก ดวงตาสีฟ้าทอดมองไปยังลูกชายคนโตที่กำลังกอดอยู่กับวิญญาณอดีตคนรัก



“ฮึก ฮืออ เอ็ด...”



อาร์เจนร้องไห้



เอ็ดเวิร์ดก็เช่นกัน



เขารักอาร์เจน...ความรู้สึกนั้นตอนนี้มันก็ยังคงอยู่ ถึงอาร์เจนจะมีเจตนร้ายทำร้ายพ่อของเขาแต่มันก็ไม่อาจทำให้ความรักที่เขามีต่อผู้ชายผมขาวคนนี้ลดลงแม้แต่เสี้ยวหนึ่งของหัวใจ...สองร่างที่กอดกันท่ามกลางสายตาสองคู่ กลุ่มควันสีดำเริ่มหดขนาดเล็กลง มันกลับเข้าไปอยู่ในกระจกอีกครั้ง



มาวิสรู้...ลูกชายคนโตกำลังหลงรักอดีตคนรักของเขา ผู้ชายด้วยกันย่อมที่จะดูออกถึงอีกฝ่ายจะไม่ได้พูดอะไรมาก เรื่องของพวกเขาทั้งสองคนเกิดขึ้นได้ยังไงอันนี้ยังคงเป็นปริศนาสำหรับมาวิส แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขาจะต้องบอกให้รู้



มาวิสไม่ได้สั่งฆ่าคนรัก



“ลี” เอ่ยเรียกเสียงแผ่วจนถูกเรียกหันมามอง...มาวิสเดินไปหาคนผมขาว รอยยิ้มบางกับดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลที่ทอประกายยังคงทอดมองคนรักด้วยความรักล้นเปี่ยมไม่เปลี่ยนจากเมื่อครั้งที่ยังรักกันใหม่ๆ เลยสักนิด



“ฉันมีเรื่อง...” มือหนาเอื้อมมือจะคว้าคนผมขาวแต่กลับถูกเอ็ดเวิร์ดกันท่าเมื่อลูกชายได้ดึงคนตัวเล็กให้ถอยห่าง



เอ็ดเวิร์ดไม่ชอบ...ถึงพวกเขาทั้งสองคนจะเคยเป็นคนรักกันแต่มันก็แค่อดีต อาร์เจนในตอนนี้ไม่ใช่ลีที่พ่อรู้จัก แต่อาร์เจนคือคนที่เขารักในปัจจุบัน



“ฉันมีเรื่องต้องบอก” มาวิสเริ่มพูดอีกครั้ง “ฉันไม่ได้เป็นคนสั่งฆ่าเธอ เรื่องทั้งหมดมันเป็นการเข้าใจผิด คนที่ฆ่าเธอ...คือ” ชายกลางคนกล้ำกลืนน้ำลายลงคอย่างอยากลำบาก เขากำมือแน่นเมื่อคิดถึงคนร้ายตัวจริง



“พ่อของฉันเอง”



คำสารภาพเอื้อนเอ่ยออกมจากปากของชายวัยกลางคน ในตาสีฟ้าเศร้าหมองลงยามที่คิดถึงอดีตที่ตัวเองเคยทำเอาไว้ อย่างน้อยมาวิสก็ไม่อยากให้คนที่เขารักเข้าใจผิด ไม่ว่าจะเป็นเมื่อก่อนหรือตอนนี้ ถึงจะแต่งงานกับไดอาน่าแต่ไม่เคยมีสักครั้งที่เขาจะลืมคนรักเก่า...มาวิสเอ่ยปากพร่ำบอกว่า ‘ขอโทษ’ ถ้าเขามั่นใจในความรักคงไม่เกิดเรื่องเช่นนี้



ลีก็คงจะไม่ตาย



เรื่องทั้งหมดเริ่มกระจ่าง...ความเคียดแค้นที่มีในคราวแรกก็มลายหาย...คนกำลังสำนึกผิดก็ร้องไห้อย่างไม่อายโดยที่ไม่สนใจสายตาของวิกเตอร์หรือเอ็ดเวิร์ดเลยสักนิด



“ฉัน...ขอโทษ”



มาวิสสำนึกผิดทั้งน้ำตา



คนฟังยิ้ม...ยิ้มด้วยรอยยิ้มที่เปี่ยมล้นไปด้วยความสุข ดวงตาที่กลับมาเป็นสีนิลกาฬเหมือนดั่งเดิม



“มาวิส...ครั้งหนึ่งผมเคยบอกกับคุณใช่ไหม” อาร์เจนทวงคำสัญญา



มาวินพยักหน้ารับ “อืม”



‘ต่อให้คุณทำผิดขนาดไหน’



“ต่อให้คุณทำผิดขนาดไหน”



‘ขอเพียงแค่...’



“ขอเพียงแค่...”



‘คุณพูดเพียงคำๆ เดียว ผมก็พร้อมจะยกโทษให้’



“คุณพูดเพียงคำๆ เดียว ผมก็พร้อมจะยกโทษให้”



สามสิบปีก่อน...มาวิสเคยพูดเช่นนั้น เขาเคยบอกกับคนรักเขาไว้ พร้อมให้คำมั่นสัญญา



“ฉัน...ขอโทษ”



คำขอโทษที่ถูกเอื้อนเอ่ยออกมาจากจิตใจอีกครั้ง อาร์เจนรู้สึกได้...เขายิ้มกว้างอีกครั้งให้กับคนรักเก่าพลันแสงสว่างก็เกิดขึ้นรอบตัวพร้อมกับเส้นผมของอาร์เจนที่เป็นสีขาวกลับกลายเป็นสีน้ำตาลเข้มเหมือนครั้งที่ยังมีชีวิต



แต่...ร่างกายที่เอ็ดเวิร์ดกำลังกอดกลับค่อยๆ โปรงแสง จนเอ็ดเวิร์ดไม่สามารถที่จะจับต้องได้ เขาตื่นตะลึกเมื่อรู้ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น



“อาร์เจน!”



ไม่นะ! เขาไม่อยากสูญเสียอาร์เจนไป!



“เอ็ด”



“ไม่นะ อาร์เจน...อย่าไปนะ”



เอ็ดเวิร์ดทนไม่ได้...เขาไม่อาจทนสูญเสียอาร์เจนไปได้ ถึงคนตรงหน้าจะไม่ใช่มนุษย์แต่เป็นวิญญาณที่สิงอยู่ในกระจก ถึงอย่างนั้นเขาก็รับได้ ขอแค่อาร์เจนอยู่กับเขา...ไม่ว่าอาร์เจนจะเป็นอะไรเขาก็รับได้ทั้งหมด



“อย่าไปนะ อยู่กับฉัน”



“...ผม...อยากอยู่กับเอ็ด” อาร์เจนร้องไห้ เจ็บปวดเหลือเกินที่เอ็ดเวิร์ดทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากอยู่ด้วยกันตลอดไป แต่วิญญาณย่อมมีวันแตกดับ โลกของเขากับเอ็ดเวิร์ดมันเป็นแค่เส้นขนาด ถึงจะรักกันมากเพียงไหนก็ไม่อาจอยู่ด้วยกัน



มาวิสคือชีวิตแต่เอ็ดเวิร์ดคือลมหายใจ



อาร์เจนคงอยู่ไม่ได้ถ้าขาดเอ็ดเวิร์ด



เขาคืนที่สอนทุกอย่างให้จนเหมือนกลับมาเป็นมนุษย์อีกครั้ง...เอ็ดเวิร์ดคือผู้ชายคนแรกที่มอบความสุขให้กับวิญญาณที่เอาแต่ล่องลอยในโลกกว้างอย่างไร้จุดหมาย คือสิ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจเพียงหนึ่งเดียว...แต่ตอนนี้



คงต้องจากกันแล้ว...



“ถ้าผมได้เกิดใหม่อีกครั้ง แล้วถ้าพวกเราได้เจอกันอีก”



“ไม่..อาร์เจน ฉันรักเธอ...ฉันรักเธอ ฮึก”



“ถ้า...ผม ฮึก ได้เจอกับเอ็ดอีกครั้ง ผมก็จะรัก...รักเอ็ดเวิร์ด”



มันเป็นครั้งแรกที่อาร์เจนเรียกชื่อเอ็ดเวิร์ดเต็มๆ แต่มันก็เป็นครั้งสุดท้ายอีกเช่นกัน...ร่างวิญญาณของผู้ชายผมขาวหายล่องลอยไปในอากาศที่สัมผัสไม่ได้



แล้วกระจกวิเศษก็แตก...



เพล้ง!





TAKE

โอ้วววว ม่ายยยยยยยย ฮือออ เกิดอะไรขึ้นกับอาร์เจนละเนี่ยยย ทำไมกระจกถึงแตก โฮววว อยากจะร้องไห้ กระซิกๆ T^T

ออฟไลน์ ขวัญจิรา

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก      ค่างอีกแล้วหืออออออออออออออออออออ :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [YAOI] - Mirror ผู้ชายในกระจก - 9.1 [อัพ 12/11/2016]
« ตอบ #49 เมื่อ: 14-11-2016 15:34:05 »





ออฟไลน์ wan_sugi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-2
หลากอารมณ์มากมาย แต่เป็นสิ่งที่ควรจะเป็น++

ออฟไลน์ Take

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 80
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0


เนื่องด้วยจากว่าเรื่อง ผู้ชายในกระจก จะมีการออกหนังสือกับ สนพ.รสิตา ในเร็วๆ นี้ ส่วนราคาอันนี้ยังไม่แน่ใจ แต่ถ้ามีคนสนใจรบกวนกดลิ้งค์แบบสำรวจที่อยู่ด้านล่างได้เลยจ้าา

ขอบคุณมากๆ ค่าาา

 จิ้มๆๆๆ ลิ้งค์ แบบสำรวจ

https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLScdheqKwqRdSffO03WvU5dERLCFnfwpbKkTks-E4NFWTKdiSQ/viewform



-------------


อาร์เจน...



จากไปแล้ว...



คนที่เอ็ดเวิร์ดรักจากไปอย่างไม่มีวันกลับ ไม่เหลือแม้แต่กระจกให้เอาไว้ดูต่างหน้า บานกระจกที่เอ็ดเวิร์ดเคยนั่งคุยอยู่ด้วยทุกวันบัดนี้มันเหลือแต่เพียงเศษซากแก้วที่แตกละไม่เป็นชิ้นดี...เมื่อยามที่กระจกแตกร่วงหล่นสู่พื้นก็เหมือนกับหัวใจของเอ็ดเวิร์ดได้แตกไปด้วย นิ้วมือของเขาเต็มไปด้วยรอยบาดแผลที่ถูกคมของกระจกบานเพราะพยายามที่จะต่อมันให้เหมือนดังเดิม



การกระทำของเขาอยู่ในสายตาของมาวิสและวิกเตอร์ พวกเขาทั้งสองอนาตใจที่เห็นเอ็ดเวิร์ดเป็นแบบนั้นจึงต้องเข้ามาช่วยกันห้าม ถ้าไม่อย่างนั้นมือของเขาคงเต็มไปด้วยบาดแผลที่มากมายกว่านี้แน่ กว่าจะดึงให้คนตัวสูงออกห่างจากเศษแก้วได้ก็ใช้เวลาอยู่มากโข มาวิสกลับไปขึ้นรถม้าที่จอดอยู่หน้าบาน เขาพาเอ็ดเวิร์ดกลับบ้านในทันที...พอมาถึงก็เจอกับมาดามไดอาน่าและรอนที่ต่างก็พากันตกตะลึงในสภาพลูกชายคนโต พวกเขามีความอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเอ็ดเวิร์ดแต่ทั้งมาวิสและวิกเตอร์ก็ไม่มีใครพูดอะไรออกไปทั้งนั้น พวกเขาปล่อยให้เอ็ดเวิร์ดอยู่กับตัวเอง อย่างน้อยก็ได้แต่หวังว่าเวลาจะช่วยรักษาบาดแผลในจิตใจของผู้ชายหัวใจบอบช้ำคนนี้ได้



หลังจากวันนั้นมาวิสก็สั่งให้คนรื้อห้องเก็บของที่อยู่ทางด้านหลังบ้าน มาวิสนึกถึงคำที่อาร์เจนเคยพูดเอาไว้ก่อนที่จะจากไป เขาจำได้ว่าห้องเก็บของนี้พ่อของเขาสร้างเอาไว้ก่อนที่จะถึงวันแต่งงาน บางทีศพของอาร์เจนอาจจะอยู่ใต้นี้ก็เป็นได้



ใช้เวลาหลายวันกว่าที่คนของมาวิสจะรื้อห้องเก็บของเสร็จ เอ็ดเวิร์ดที่รู้ข่าวก็ไปดูให้เห็นกับตา เดิมทีสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขาเป็นสี่เหลี่ยมขนาดเล็กเพื่อเอาไว้เก็บของอันที่ไม่ได้ใช้แต่ตอนนี้กลับถูกรื้อออกจนเหลือแต่เพียงความว่างเปล่า



ใต้พื้นดินที่อยู่ลึก



ขาเสาบ้านข้างหนึ่งที่ปักอยู่ใต้ดิน



มีศพหนึ่งอยู่ในนั้น



ศพของมนุษย์ที่ถูกย่อยสลายไปตามกาลเวลาจนเหลือแต่เพียงกระดูกสีขาวที่ถูกย้อมไปด้วยสีดำของดิน เอ็ดเวิร์ดเข้าไปกอดอย่างไม่นึกรังเกียจ น้ำตาของลูกผู้ชายไหลไม่อายผู้คนรอบข้าง...ตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นในกระจกจนถึงวันนี้ ไม่ว่าเมื่อไหร่อาร์เจนก็สวยสำหรับเขาเสมอ ริมฝีปากสั่นจูบไปที่หน้าผากของอีกคน เขามอบรอยยิ้มอบอุ่นให้กับโครงกระดูกตรงหน้าเหมือนทุกครั้งที่พบกัน



...ฉันรักเธอ



...รัก



...รัก

 



หลายเดือนผ่านไป



เอ็ดเวิร์ดทำใจได้ เขากลับมาใช้ชีวิตดั่งเฉดเช่นปกติอย่างที่เคยเป็นมา เอ็ดเวิร์ดยังคงเป็นเอ็ดเวิร์ดคนเดิม ภายใต้แว่นกรอบหนาเขายังคงทำงานอย่างมุ่งมั่นเพื่อจะได้ลืมเลือนสิ่งที่ทำให้หัวใจบอบช้ำ อาร์เจนหายไปจากโลกนี้แล้วแต่เอ็ดเวิร์ดยังคงอยู่ เขายังต้องทำหน้าที่ในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง



แม้ว่าหัวใจจะตายไปแล้วก็ตาม



เมื่อทำงานจนเสร็จเอ็ดเวิร์ดก็หยิบนาฬิกาที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงตัวเองมาดู มันเป็นเวลาเกือบเที่ยงแล้ว วันนี้เขามีนัดกับวิกเตอร์ในตอนบ่ายจึงต้องออกก่อนกำหนด



“พี่”



เสียงของดอมดังมาจากด้านหลัง เขาเดินมาพร้อมกับพริซซิลล่า เธอยังอยู่ในชุดกระโปรงบานยาวแลดูสวยเสมอ



“สวัสดี เอ็ดเวิร์ด” พริซซิล่าเอ่ยทัก



“สวัสดี” ร่างสูงทักอดีตคนที่เคยรักด้วยสีหน้าเจือปนไปด้วยรอยยิ้มบาง



“จะไปหาพี่วิกเตอร์เหรอ” ดอมถาม



เอ็ดเวิร์ดทำเพียงแค่พยักหน้ารับ...เรื่องของดอม น้องชายคนที่เขาเคยนึกชัง บัดนี้หัวใจของเอ็ดเวิร์ดปล่อยวางแทบทุกอย่าง เขาไม่ได้อิจฉาหรือริษยาดอมเหมือนเมื่อครั้งก่อนแต่อย่างใด...เอ็ดเวิร์ดทำในสิ่งที่ดอมไม่คาดคิด เขาเดินเข้าใกล้น้องชายตนเองก่อนที่จะจับมือของดอมกับพริซซิลล่าให้มาซ้อนทับกัน ไม่เพียงแค่ดอมที่แปลกใจเท่านั้น พริซซิลล่าเองก็นึกแปลกใจเช่นกัน



“ขอให้มีความสุข”



มันเป็นครั้งแรกที่เอ็ดเวิร์ดอวยพรพวกเขาทั้งคู่ด้วยใจจริง ชายหนุ่มยิ้มให้กับบุคคลทั้งสอง...เอ็ดเวิร์ดปล่อยมือดอมกับพริซซิลล่า ร่างสูงตบไปที่บ่าของน้องชายตัวเองอีกครั้งแล้วเดินจากไป เหลือแต่เพียงสายตาของดอมกับพริซซิลล่ามองตามหลัง



พอคุยกับดอมเสร็จเอ็ดเวิร์ดก็ไปหาวิกเตอร์ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง เพื่อฉลองชัยที่จับแจ็ค เดอะริปเปอร์ได้ เขาจึงต้องเป็นฝ่ายมาเลี้ยงเพื่อนหนุ่ม...อีกไม่นานวิกเตอร์ที่ทำผลงานได้สำเร็จก็จะได้ขึ้นเป็นเอิร์นตามพ่อของเขา งานที่วิกเตอร์ทำก็คงจะยิ่งยุ่งมากขึ้น



พวกเขาคุยกันไปเรื่อยเปื่อยแทบไม่มีสาระ ทั้งเรื่องงานและคนรอบข้าง บางครั้งก็หญิงสาวที่เดินผ่านไปผ่านมา มันเป็นหัวข้อสนทนาได้ดีเลยสำหรับชายหนุ่มทั้งสองคน...วิกเตอร์มองเพื่อนสนิทตัวเองที่กลับมาหัวเราะได้อย่างเก่า ไม่เหมือนกับเมื่อหลายเดือนก่อนที่เอ็ดเวิร์ดเอาแต่ทรมานตัวเองจนต้องพาเข้าโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น



รอยยิ้มของเอ็ดเวิร์ด



ใบหน้าของเอ็ดเวิร์ด



ทุกอย่างของเอ็ดเวิร์ดมันคือสิ่งที่เขาชอบ



“ขอบใจที่มาเลี้ยง” วิกเตอร์ขยิบตาให้ชายหนุ่มตรงหน้า ท่าทีของเขาทำให้เอ็ดเวิร์ดอดที่จะหัวเราะไม่ได้ โดยที่คนมองกลับมองว่ามันน่ารักเสียจนอยากจะฟัดให้หนำใจ จนถึงตอนนี้ความรู้สึกของวิกเตอร์ที่มีต่อเอ็ดเวิร์ดก็ยังไม่จางหาย เมื่อก่อนเคยรักเอ็ดเวิร์ดอย่างไรตอนนี้ก็รักอย่างนั้น



“แล้วเจอกัน” เอ็ดเวิร์ดโบกมือลา เขาหันหลังเตรียมที่จะขึ้นรถม้าที่จอดอยู่แต่กลับถูกวิกเตอร์เรียก



“เอ็ดเวิร์ด”



ชายหนุ่มหันมองคนเรียก



“รู้ใช่ไหมว่าฉันรักนาย”



คำสารภาพที่เอ่ยออกมาอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว เอ็ดเวิร์ดขมวดคิ้วให้กับคนพูด



“ฉันรู้” เขายิ้มเล็กน้อยตามแบบฉบับ



ทำไมเขาจะไม่รู้...วิกเตอร์เป็นห่วงและรักเขาขนาดไหน วิกเตอร์เป็นเพื่อนที่ดีเสมอ...แต่ดูเหมือนว่าคำว่า 'รัก' ของอีกฝ่ายจะไม่เหมือนกับคำว่ารักของเอ็ดเวิร์ด นัยน์ตาสีเข้มมันบ่งบอกได้ว่าจริงจังกับการพูดขนาดไหน วิกเตอร์ทำแค่เพียงสูดอากาศเข้าปอดเฮือกใหญ่ แล้วเอ่ยคำว่ารักให้อีกคนได้ยิน



“ฉันรักนายนะเอ็ดเวิร์ด”



คนถูกสารภพยังคงเงียบงัน...เอ็ดเวิร์ดเริ่มเข้าใจความหมายของคนพูด



“ขอบใจนะ”



แล้วนี่...ก็เป็นคำตอบของเอ็ดเวิร์ด



รับความปารถนาดีแต่ไม่อาจรับรัก



เอ็ดเวิร์ดไม่สามารถที่จะรับรักวิกเตอร์ได้ เขาเห็นวิกเตอร์เป็นแค่เพียงเพื่อนคนหนึ่ง ถ้าต้องรักใครสักคนเพราะความสงสารมันก็คงไม่ดีแน่ๆ ดังนั้นเพื่อเป็นการไม่ทำลายความรู้สึกของอีกฝ่ายเอ็ดเวิร์ดจึงทำแค่เพียงขอบคุณก็เท่านั้น



เอ็ดเวิร์ดก้าวขึ้นรถม้า



วิกเตอร์ยังคงมองตามหลัง



เขารู้ดีว่าจะต้องถูกปฏิเสธ แต่ความรู้สึกบางอย่างมันกำลังบอกกับวิกเตอร์ว่าสมควรที่จะพูดออกไป...วิกเตอร์ก็แค่ไม่อยากเสียใจตามหลัง อย่างน้อยเขาก็ยังได้บอกความรู้สึกตัวเองออกไปดีกว่าที่จะให้มันต้องมาระเบิดจนอกแตกตายไปซะก่อน



ความรักที่เอ็ดเวิร์ดไม่สามารถให้ได้ เหลือแค่เพียงความเป็นเพื่อนก็ยังดี...เขาแอบรักเพื่อนสนิทมาตั้งแต่ครั้งยังเด็ก ความรักของวิกเตอร์มันเป็นเพียงแค่การแอบรักมาตั้งแต่ต้น ถึงจะไม่ได้เป็นเจ้าของแต่วิกเตอร์ก็ไม่เคยนึกแค้นเอ็ดเวิร์ดสักนิด...ร่างสูงมองตามแผ่นหลังเอ็ดเวิร์ดจนลับสายตา เขาได้แต่หวัง...หวังว่าสักวันหนึ่งเอ็ดเวิร์ดจะกลับมามีความสุขอีกครั้ง





TAKE

อีกไม่เกิน 2 หรือ 3 ตอนก็จะจบแล้วเน้อ

คือใกล้จบแล้วก็ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดี เอาไว้พูดตอนจบทีเดียวดีกว่าเนอะ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-11-2016 07:30:00 โดย Take »

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ Lemon_Tea

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1641
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-2
รอคอยตอนต่อไป

ออฟไลน์ Take

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 80
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0


เนื่องด้วยจากว่าเรื่อง ผู้ชายในกระจก จะมีการออกหนังสือกับ สนพ.รสิตา ในเร็วๆ นี้ ส่วนราคาอันนี้ยังไม่แน่ใจ แต่ถ้ามีคนสนใจรบกวนกดลิ้งค์แบบสำรวจที่อยู่ด้านล่างได้เลยจ้าา

ขอบคุณมากๆ ค่าาา

 

 

จิ้มๆๆๆ ลิ้งค์ แบบสำรวจ
https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLScdheqKwqRdSffO03WvU5dERLCFnfwpbKkTks-E4NFWTKdiSQ/viewform

 

 

คนถูกสารภาพรักนั่งอยู่บนรถม้า เขานึกแปลกใจที่วิกเตอร์รักเขา เอ็ดเวิร์ดไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ลองนึกย้อนดูเมื่อสมัยครั้งที่ยังเป็นเด็ก ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ ทั้งเวลทุกข์ เวลาเศร้า เขาก็มีวิกเตอร์คอยอยู่เคียงข้าง บางทีมันอาจแปลกไปมาตั้งนานแล้วแค่เอ็ดเวิร์ดไม่รู้เท่านั้น... รถม้ายังคงขับเคลื่อนไปทางด้านหน้าเพื่อไปยังจุดหมายที่เอ็ดเวิร์ดบอก พลันสายตาของเขาก็ไปสะดุดสิ่งหนึ่งที่อยู่ข้างทาง

 

“จอดก่อน”

 

“ครับ”

 

ร่างสูงลงจากรถอย่างระมัดระวัง เขามองไปยังจุดหมายที่อยู่ไม่ไกลนักจึงได้ให้รถม้าที่มาด้วยกลับไปก่อน...ชายหนุ่มเดินกลับหลัง เขาเดินไปหาเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ยืนขายดอกไม้อยู่ไม่ไกลนัก เด็กผู้หญิงที่แต่งตัวมอซอ เธอสวมหมวกฟางสีน้ำตาลอ่อนที่ประดับด้วยดอกไม้ประปราย

 

“ดอกไม้ไหมคะ ราคาไม่แพง”

 

เด็กสาวยิ้มกว้างพลางยื่นดอกไม้กำหนึ่งมามาให้

 

“ฉันเอาทั้งหมด”

 

เด็กสาวตาโต เธอรู้สึกตาวาวเมื่อดอกไม้ที่อยู่ในตระกร้าถูกขายหมดในคราเดียว...รอยยิ้มบริสุทธิ์ของเด็กน้อยมันทำให้เอ็ดเวิร์ดคิดถึงใครอีกคนที่ได้จากโลกนี้ไปนานแสนนาน

 

“ขอบคุณคะ ขอให้คุณมีความสุข”

 

มันเป็นคำอวยพรจากเด็กสาวตัวเล็กๆ ที่มีต่อชายหนุ่มตรงหน้าก่อนที่เด็กคนนั้นจะวิ่งจากไป เอ็ดเวิร์ดเองก็เช่นกัน...เขาต้องไปยังจุดหมายซึ่งอยู่อีกไม่ไกลนัก เดินไปจากตรงนี้ไม่นานก็น่าจะถึง ร่างสูงมองดอกไม้ที่อยู่ในมือ เขาได้แต่หวังว่าคนที่ได้รับมันจะชอบ

 

ตุบ!

 

“ขอโทษครับ”

 

เดินเพียงไม่กี่ก้าว ใครคนหนึ่งก็เดินมาชน เอ็ดเวิร์ดหันมองชายคนนั้นที่วิ่งไปอย่างเร่งรีบ...เขาไม่สนใจกับสิ่งที่เกิดแต่กลับเลือกที่จะเดินไปทางด้านหน้าต่อ รอบด้านเริ่มห่างไกลผู้คนมากขึ้น มีแต่เพียงทุ่งหญ้าที่ไกลสุดลูกหูลูกตา รอบข้างของเขาก็เต็มไปด้วยป้ายชื่อของคนตาย

 

ที่นี่เป็นสุสาน

 

และที่นี่ก็มีอาร์เจนอยู่

 

“อาร์เจน”

 

เขาเอ่ยเรียกชื่อคนรัก...มันยังคงเป็นชื่อที่เขาตั้งให้ตั้งแต่พบกันครั้งแรก ร่างสูงวางดอกไม้ที่เพิ่งซื้อมาตรงหน้าป้ายหลุมที่เป็นรูปกากบาต เขาคลี่ยิ้มบางให้กับคนรัก เอ็ดเวิร์ดล้วงหยิบบางอย่างขึ้นมาจากกระเป๋า มันเป็นสร้อยคอที่ใส่รูปของเขาเอาไว้ แต่กรอบของมันทำมาจากกระจก

 

กระจกที่เคยเป็นที่อยู่ของอาร์เจน

 

“ฉันคิดถึงเธอ”

 

เอ็ดเวิร์ดที่ไม่มีรูปถ่ายของอาร์เจน ไม่ว่าจะหายังไงก็ไม่มีเลยสักใบ เศษบานกระจกที่แตกจึงได้เปรียบเสมือนเป็นตัวแทนของคนที่รัก

 

‘เอ็ด...’

 

เหมือนได้ยินเสียงเรียก

 

ในหัวของเขาเต็มไปด้วยใบหน้าของอาร์เจน

 

เอ็ดเวิร์ดยืนมองหลุมศพด้วยหัวใจที่ปวดร้าว ดวงตาสีเข้มทอประกายเศร้าหมองอย่างเห็นได้ชัด ใครเล่าจะมีความสุข ใครเล่าจะยังยิ้มอยู่ได้ เอ็ดเวิร์ดแค่เก็บซ่อนความร้าวรานเอาไว้ในอก จนถึงบัดนี้เขาก็ยังคงทำใจไม่ได้สักนิด

 

ร่างสูงที่ยืนอยู่หน้าหลุมศพเปลี่ยนเป็นมานั่งด้านข้าง รอบกายของเขาที่ไม่มีใครทำให้ไม่ต้องกังวลว่าใครจะได้ยิน เอ็ดเวิร์ดยังคงต่อหน้าอาร์เจนเฉดเช่นเหมือนเจ้าตัวยังคงอยู่ เขาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทุกวันให้อาร์เจนฟัง ในมือของเขาก็ยังคงกำสร้อยที่หวงแหนเอาไว้แน่นพร้อมกับลมหายใจที่เริ่มติดขัด

 

“จริงสิ...ฉันลืมเล่าอีกเรื่องให้เธอฟัง”

 

เอ็ดเวิร์ดเริ่มหายใจไม่ออก

 

“ก่อนที่จะมาเจอกับเธอ ฉันได้ชนกับผู้ชายคนนึงเข้า”

 

มือของเขากุมไปช่องท้อง เสื้อสูทด้านในสีขาวถูกซับด้วยสีแดงของเลือด

 

ก่อนที่จะมาที่นี่...เขาถูกชนโดยคนที่ไม่รู้จัก ชายที่ชนเอามีดแทงตรงท้องก่อนที่จะปล้นเอากระเป๋าเงินที่อยู่ในมือไป ถึงมันจะเพียงแค่ครั้งเดียวแต่ก็คิดว่ามันน่าจะโดนจุดสำคัญอยู่ ถึงอย่างนั้นเอ็ดเวิร์ดก็ยังไม่ร้องขอความช่วยเหลือหรือรีบไปโรงพยาบาล เอ็ดเวิร์ดยังคงเดินมายังจุดหมายที่เขาคิดไว้ตั้งแต่แรก พูดคุยกับอาร์เจนเหมือนตอนที่ยังนั่งอยู่หน้ากระจก เล่านิทานให้ฟังเหมือนแต่ก่อน

 

อาร์เจนอยู่ในกระจก

 

ผมสีเงินที่สวยยามสะท้อนกับแสงอาทิตย์

 

รอยยิ้มที่ตราตรึงใจ

 

“เธอยังจำได้หรือเปล่า ฉันเคยให้สัญญากับเธอเอาไว้”

 

เอ็ดเวิร์ดหลับตาลงด้วยความเหนื่อยล้า มือที่กำสร้อยคอไว้แน่นเริ่มคลายออก

 

...ถ้าเธอเป็นกระจกวิเศษ

 

...ฉันก็จะเป็นราชินีใจร้าย

 

...เพื่อที่จะได้อยู่ด้วยกัน...ตลอดไป

 

 

“ฉันไม่มีทางให้เธอหายไปเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนฉันก็จะอยู่กับเธอ จะไม่ปล่อยให้เธอต้องเหงา ฉันสัญญา”

 

 

 

 

TAKE

แต่งตอนนี้แล้วมันปวดใจ...

 

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ wan_sugi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-2
เลือกที่จะไปหาอาเจนสินะ ยอมตายดีกว่าตายทั้งเป็น...
ใจคอ เด็ดเดี่ยวจริงๆ

ออฟไลน์ sang som

  • เจ็บจิต!!
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-6
น้ำตาไหล

ออฟไลน์ Tennyo_Y

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 739
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
โห อ่านท่อนสุดท้ายปุ๊ป น้ำตาซึมเลยอะ สะเทือนใจ เอ็ด คงอยากไปอยู่กับอาร์เจน ขอให้ได้อยู่ด้วยกันเถอะ แม้จะเป็นแค่เพียงวิญญาณ

ออฟไลน์ KARMI

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-2

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด