[SF โน่กัน's] กาลครั้งหนึ่ง ED
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [SF โน่กัน's] กาลครั้งหนึ่ง ED  (อ่าน 1191 ครั้ง)

ออฟไลน์ Mabel

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
   กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีชายคนหนึ่งที่ชื่อว่า 'ความรัก' ความรักไม่รู้ว่าเขาเกิดขึ้นมาได้อย่างไร เขาไม่เคยเห็นผู้ให้กำเนิด 'ความรัก' เกิดมาท่ามกลางความมืดมนและว่างเปล่าความรักเฝ้าตามหาอะไรบางอย่างที่ทำให้ตัวเขารู้สึกไม่เหน็บหนาว เขาอ้างว้าง เขาสับสน เขารู้สึกว่าอะไรยังขาดหายไป ความรักเริ่มออกเดินทางบนถนนสายที่ไม่มีจุดเริ่มต้น ถนนสายนี้ทอดยาวไกลไปในความมืดมิดและดูท่าไม่มีที่สิ้นสุด ความรักเริ่มท้อใจ เมื่อไหร่เขาจะเจอเพื่อนร่วมทางเสียที
 
จนวันหนึ่งเขาเจอแสงสว่างที่อยู่ไกลๆ เขาจึงเดินเข้าไปหาเธอ เธอคนนั้นคือ 'ความจริงใจ' เขาจับมือเธอเดินไปด้วยกันจนพบกับเด็กสองคน เขาแนะนำตัวว่าทั้งสองคือ 'ความประทับใจ' และ 'ความผูกพัน' ทั้ง 4 ออกเดินทางไปด้วยกันจนพบกับ 'ความขัดแย้ง' กับ 'ความเศร้า' แต่เขาก็ผ่านมันมาได้เพราะ ความรัก ความเชื่อใจ ความประทับใจ และ ความผูกพัน
 
ข้าก็คือชายผู้นั้นนามว่าความรัก ออกตามหาสิ่งที่ขาดหายจนกระทั่งได้มาเจอกับเจ้า เจ้าก็เปรียบเสมือความเชื่อใจของข้านะกัน เราเดินมาจนพบความประทับใจและความผูกพันของกันและกันแล้วนะ เราจะผ่านความขัดแย้งและความเศร้าไปด้วยกัน
 
"เราจะผ่านมันไปได้ด้วยกันใช่ไหม?" ข้าหันไปถามไอ้ตัวเล็กที่นอนหลับอยู่ข้างๆข้า
 
"ยามบ่ายแบบนี้คงไม่มีอะไรสุขเกินกว่าการนอนให้ข้าเล่านิทานให้ฟังอีกแล้วใช่ไหม" ข้ายื่นมือไปหวังจะบีบจมูกคนตรงหน้าอย่างมันเขี้ยวแต่มือของข้าก็ทะลุหน้าหวานไป
 
เราสองคนจะผ่านมันไปได้จริงๆใช่ไหม ...
 
"อ๊ะ ทำไมภาคินไม่เล่านิทานต่อล้าา" กันค่อยๆพยุงตัวขึ้นนั่งพลางขยี้ตาด้วยความงัวเงีย
 
"จบแล้ว"
 
"จบแล้ว?? กันยังไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย" กันว่างอนๆพลางมองหน้าข้า สายตาแบบนั้นข้ารู้นะว่าอยากจะอ้อน
 
"ไปกินข้าวกันเถอะ ข้าหิวแล้ว" ข้าพูดก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินไปหยิบอาหารกลางวันที่คนตัวเล็กนำมา ข้ากินของมนุษย์ได้นะ รู้ยัง?
 
"ทำไมภาคินถึงรู้สึกนิทานเยอะแยะเลยล่ะ" กันถามพลางตักข้าวใส่ปาก
 
"ข้าอ่านมาจากหนังสือของท่านภูติคนก่อน ฆ่าเวลา" กันพยักหน้าให้ข้าอย่างหายสงสัยแล้วก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อ
 
"พรุ่งนี้กันต้องกลับไปเรียนแล้วอะ" พรุ่งนี้? กลับแล้ว? ม่ายยยยยยยยย (>_<)
 
"ข้าไม่ให้กลับบ!! เจ้าพึ่งมาเมื่อวานเองนะ พรุ่งนี้จะกลับแล้ว ขี้โกง" ข้าว่าอย่างน้อยใจ เวลาของข้ากับเจ้ามันต่างกันนะ เจ้ามีอะไรให้ทำจนลืมข้า แต่ข้าทำอะไรไม่ได้ ได้แต่คิดถึงเจ้า ใครมันจะทรมานกว่ากันเล่าาา!!!
 
"โอ๋ๆ กันไปเรียนแค่ 5 วันก็กลับมาแล้วน้าาา" กันพยายามจะปลอบข้าเต็มที่ แต่มันไม่ได้ทำให้ข้าหายคิดถึงเจ้าเลยนะ!!
 
"จ๊างงงงงงงงง สวยไหมม อ่ะกันให้" กันสวมมงกุฎดอกไม้ให้ข้าเช่นทุกครั้ง ในตอนที่ดันเข้ามาใกล้ ตัวของเจ้า มือของเจ้า หอมจังง
 
"ตัวเจ้าหอมเหมือนดอกไม้เลยนะ" ข้าพูดก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้กันพลางทำจมูกฟุดฟิด
 
"เห็นกันเป็นดอกไม้หรือไง" กันว่างอนๆก่อนจะพองแก้ม ข้าว่ามันน่ารักน่าหยิกมากกว่าน้าา
 
"เจ้ารู้ไหมว่าดอกไม้ที่นี้ไม่ชอบเจ้า"
 
"เอ๋? เพราะว่ากันเด็ดคุณดอกไม้ตลอดเลยหรออ" เด็กน้อยของข้าคลานเข้าไปคุยกับกลุ่มดอกไม้ใกล้ๆ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปแค่ไหนเจ้าก็ไม่โตเลยน้าา
 
"พวกมันบอกว่าตัวของเจ้ามีกลิ่นหอมกว่าพวกมันเสียอีก" ข้าพูดก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆไอ้ตัวเล็กแล้วสูดอากาศเข้าปอดเฮือกใหญ่
 
"อ่าาา สดชื่นจังน้าาาา" กันวิ่งมาหวังจะตีข้าแต่ก็ต้องทะลุตัวข้าแล้วหน้าไถลไปกับพื้นเช่นทุกที
 
"เจ็บอ่า เพราะภาคินเล่นอะไรไม่รู้เรื่อง!" กันพูดพลางเอามือกุมหัวตัวเอง คงจะเจ็บน่าดู
 
"ข้าว่าถ้าเจ้ายังไม่ยอมจำว่าแตะต้องตัวข้าไม่ได้ เจ้าก็ต้องชินกับการเจ็บตัว เลือกเอา" ข้าพูดก่อนจะวางมือไว้เหนือหัวของกันแล้วร่ายมนต์เบาๆความเจ็บของกันก็หายเป็นปลิดทิ้ง
 
"ไม่เอา!!!!" กันประกาศกร้าว ถึงยังไงก็ยังคิดแบบนั้นอยู่สินะ
.
.
.
.
.
"ทำไมล่ะ ทำไมต้องมีคนมารักล่ะ?" เสียงเล็กของเด็กชายวัย 10 ขวบพูดขึ้น
 
"เพราะหากไม่มีใครรักข้า ข้าก็จะต้องอยู่ที่นี้ตลอดไปนะ"
 
"ตลอดไปก็ดีแล้วไม่ใช่หรอ?" เด็กชายที่ดูจะไม่เข้าใจอะไรเลยในสิ่งที่ร่างสูงอธิบายให้ฟัง
 
"แต้ข้าจะไม่ได้แตะต้องตัวเจ้าเลยนะ จับมือก็ไม่ได้ กอดก็ไม่ได้" ร่างสูงพูดขึ้น เด็กชายเขยิบมาใกล้ๆร่างสูงก็จะจ้องหน้าร่างสูงเอาไว้
 
"กัน รัก คุณ!!!" เสียงที่ออกมาจากลำคอเล็กอย่างมั่นใจทำให้ร่างสูงถึงกับไปไม่เป็น
 
"กันรักคุณภาคิน ได้ยินไหมท่านภูติ!!" เด็กชายยืนขึ้นก็จะตะโกนขึ้นไปบนฟ้าราวกับรู้ว่ามีใครกำลังมองเขาอยู่
 
"เจ้ายังเด็กเกินไปที่ท่านภูติบนนั้นจะรับฟังนะ" ข้าพูดขัดขึ้น กันหันมามองหน้าข้าด้วยแววตาที่แปลกไป ไม่ใช่แววตาที่มุ่งมั่นเมื่อกี้แต่เป็นแววตาที่สั่นเครือ
 
"กันจะอยู่กับคุณตลอดไป จนถึงวันสุดท้ายนะ"เด็กชายนอนทับร่างของร่างสูงเอาไว้ถึงมันจะไม่นุ่มแต่มันก็รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นจากร่างนั้น
 
"กันจะเป็นเจ้าสาวของคุณนะ...ภาคิน" ร่างสูงไม่รู้ว่าที่เด็กชายพูดนั้นเขาเข้าใจมันทั้งหมดหรือเปล่า แต่ดีใจจังเลยนะ รู้สึกถึงความเชื่อใจที่เด็กชายมีให้เขาอย่างสุดหัวใจ

.
.
.
.
.
"ภาคิน.....ภาคิน!!!!" เสียงหวานดังขึ้นเรียกสติข้ากลับมา ข้าหันไปมองกันที่ทำหน้าเหวี่ยงๆ
 
"เจ้าว่ายังไงนะ?"
 
"นี่ไม่ได้ฟังเลยใช่ไหม กันอุตส่าห์พูดตั้งนาน เสียเวลาจริงๆ" ไอ้ตัวเล็กบ่นขึ้นอย่างไม่พอใจกับการกระทำของข้า
 
"ค่อยๆว่าข้าก็ได้ ข้าสำนึกผิดไม่ทัน" ทำไมเด็กน้อยในอดีตกับไอ้ตัวเล็กในปัจจุบันมันถึงจ่างกันนัก พอกันโตขึ้นเขาก็ขี้เหวี่ยง ขี้วีน ขี้หงุดหงิดมาก แต่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องมาระบายกับข้า -O-
 
"ภาคินชอบเหม่อทุกที คิดถึงใครอยู่ล่ะ" กันพูดขึ้นพลางจ้องหน้าข้าอย่างคาดโทษ นี่ข้าผิดอะไร?

"ข้าก็คิดถึงเด็กน้อยของข้าไง"
 
"คิดถึงทำไม แล้วเด็กน้อยของภาคินคือใคร ทำไมกันไม่เห็นรู้เรื่อง แล้วทำไมต้องคิดถึงด้วย" กันรัวถามคำถามใส่ข้าจนข้าไม่รู้จะตอบคำถามไหนก่อนเลย นอกจากจะเยอะมากแล้วข้ายังลืมคำถามแรกๆด้วย - -
 
"เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้นะ"
 
"ทำไมกันจะรู้ไม่ได้?" ไอ้ตัวเล็กพูดพลางพองแก้มราวกับแมวน้อยที่กำลังโกรธ
 
"ไม่จำเป็นก็คือไม่จำเป็นสิ" พอข้าพูดแบบนั้นหน้าตาน่ารักก็ค่อยๆก้มหน้าลงอย่างสำนึกผิด(?)ข้าเขยิบหน้าเข้าไปใกล้ๆก่อนจะกระซิบเบาๆที่ข้างหูของกัน
 
"เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องของตัวเองหรอกนะ" เมื่อประโยคนั้นออกจากปากข้ากันก็เงยหน้าขึ้นพลางอมยิ้มน้อยๆ แก้มแดงๆแบบนั้นน่าฟัด(?)จางงงง
 
"ภาคินสงสัยไหมว่าสองเราคนจะรักกันยังไง" จู่ๆกันก็ตั้งคำถามที่แสนจะดราม่าขึ้น
 
"ไม่รู้สิ มันอาจจะเป็นไปไม่ได้ก็ได้มั้ง" ข้าตอบพลางมองหน้ากันที่กำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่
 
"นั้นสินะ ความรักของเรามันเป็นไปไม่ได้เลย...." กันเว้นระยะไว้อย่างลังเล
 
"ไม่แน่ว่าชาติหน้าเราอาจจะเกิดมาคู่กันก็ได้นะะ" ไอ้ตัวเล็กตรงหน้าผมทำท่าทางดีใจแต่มันไม่ใช่เลย ภายในแววตาหวานๆนั่นมันปิดบังอะไรได้ไม่มิด
 
"ข้าสัญญาไม่ว่าจะเกิดกี่ชาติ ข้าก็จะเคียงคู่กับเจ้าตลอดไป" ข้าลั่นวาจาที่คิดว่าน่าจะทำให้คนฟังเชื่อใจข้าได้บ้างไม่มากก็น้อย
 
"เดี๋ยวนะ ภาคินเป็นภูติอยู่ที่ศาล กันก็ขอพรได้ใช่ไหม?" เอ่อ...มันก็ควรจะเป็นแบบนั้นเพียงแต่ข้ามาเป็นภูติที่นี้เพียงเพื่อรับโทษ ชีวิตของข้าช่างน่าสงสารยิ่งนัก ;_;
 
"ถ้าปาฏิหาริย์หรือท่านภูติมีจริงๆ ขอให้กันกับภาคินได้รักกันในชาตินี้ด้วยเถิดด ... "
 
"สาธุ...เห้ยยยย!!" กันมองหน้าข้าอย่างตกใจพลางเลิกคิ้วประมาณว่าเป็นอะไร
 
"มีอะไรหรอ?"
 
"ทำไมเจ้าถึงขออะไรที่เป็นไปไม่ได้แบบนั้นเล่าา" คำขอของเจ้าไม่ได้ส่งมาถึงข้าแต้ส่งไปถึงท่านภูติเจ้าของศาลนี้จริงๆต่างหาก ถ้าท่านภูติได้ยินเขาคงคิดว่าข้าเป่าหูกันแน่ๆ
 
"ทำไมล่ะ? ก็มันเรื่องจริ-" ข้าไม่ปล่อยให้ไอ้ตัวเล็กพูดต่อข้าหยุดเขาโดยการเอาดอกไม้ใกล้ๆมือตีปากสวยน่าจุมพิต -O-
 
"ภาคิน!!! บอกให้หยุดดีๆก็ได้นี่นา!" กันลุกขึ้นก่อนจะตะคอกข้า ถ้าข้าบอกให้เจ้าหยุดดีๆทำเหมือนเจ้าจะฟังข้า
 
"เจ้าเคยฟังข้าหรอเด็กดื้อ?" กันตวัดสายตามาจ้องข้าอย่างเอาเรื่อง
 
"กันโตแล้วนะะ!! พอเลยๆ กันกลับบ้านแล้ว"
 
"เดี๋ยวข้าไปส่ง"
 
"ไม่ต้อง!!!" มีหรือที่ภูติอย่างข้าจะฟัง ข้าเดินไปข้างๆกันพลางลอบมองปฏิกิริยาไอ้ตัวเล็กไปด้วย เดี๋ยวอาทิตย์หน้าก็คงจะลืม ตั้งแต่กันโตมาเด็กชายผู้ไร้เดียงสาและอ่อนโยนชองข้าก็หายไปอย่างเห็นได้ชัด
 
เมื่อก่อนหากข้าให้ทำอะไรก็ทำ ใช้ไปไหนก็ไป ตอนนี้ลองเอ่ยปากใช้สักคำสิหูข้าคงเฉาไปหลายวันเป็นแน่ แต่ทำยังไงได้ ก็ข้ารักไปแล้วนี่นา ถึงกันจะขี้เหวี่ยง ขี้วีน ขี้หงุดหงิด ขี้โมโห ขี้งอน แต่ก็มี ความน่ารัก และความรักที่เขามีนั้นแหละเป็นข้อที่ทำให้ข้าหลงใหลในตัวของเขา(มีข้อดีสองข้อเองเรอะะ:กัน)



พระจันทร์เต็มดวงในคืนนี้ช่วงงดงามจริงๆเลยนะ ข้าคิดเสมอว่าสักวันเจ้ากับข้านะได้มานั่งชมจันทร์ท่ามกลางสายลมที่พัดสัมผัสร่างกายไปแบบนี้ หากข้าไม่ได้ทำผิดและโดนลงโทษในครั้งนั้นตอนนี้ข้าคงอายุ 63 ปีแล้วสินะ หากเป็นเช่นนั้นข้ากับเจ้าก็คงไม่ได้พบกันแบบนี้แน่ ข้าเชื่อนะว่ามันคือพรหมลิขิต
 
"คำขอของมนุษย์ผู้นั้นกล้าหาญดีนะ" เสียงที่คุ้นหูดังขึ้น ข้าเงยหน้ามองขึ้นแต่ก็ไม่พบอะไรนอกจากดวงดาวที่ส่องแสงยามค่ำคืน
 
"ท่านภูติ...สินะ" ข้าลุกขึ้นก่อนจะเดินไปนั่งที่ริมลำธารเช่นทุกวัน
 
"ข้ามาที่นี้ข้ามีเรื่องจะบอกเจ้า" ร่างของชายวัยกลางคนปรากฏขึ้นอีกฝากฝังของลำธาร
 
"มีธุระอะไรหรอ?"
 
"พูดจาเช่นนั้นมันน่าจะให้อยู่ที่นี้ตลอดกาลจริงๆ" ท่านภูติเอ่ยพร้อมนั่งลงที่พื้นหญ้าตรงข้ามกับข้า
 
"วาระสุดท้ายของเจ้าสิ้นสุดลงแล้วนะ" ห่ะ? วาระสุดท้าย? ของข้าเนี่ยนะ ทำไมข้าถึงจากโลกนี้ไปเร็วจังงงง T_T
 
"ท่านหมายความว่าอย่างไร?"

"อะไรกัน เจ้าเรียกร้องมาตลอดไม่ใช่รึว่าอยากไปชดใช้กรรมแล้วเกิดใหม่น่ะ" เขาพูดพลางมองหน้าข้า

"แต่ท่านบอกว่าถ้าข้าทำให้มนุษย์ตกหลุมรักข้าได้ ข้าจะได้อยู่ที่นี้จนถึงวาระสุดท้ายของเขาไม่ใช่หรอ?" ข้ายังจำได้ทุกคำที่ท่านผู้นั้นพูด
 
"แล้วเจ้าจะอยู่ที่นี้ไปทำไม? ไปเกิดใหม่ไม่ดีกว่าหรอ เจ้าคิดว่ามนุษย์ผู้นั้นจะทนรักกับเจ้าที่ทำไม่เพียงเพียงสัมผัสนานเท่าใด?" ร่างของท่านภูติหายไปจากอีกฝั่งก่อนจะมาปรากฏกายอยู่ตรงหน้าของข้า
 
"ข้า...เชื่อใจ" ข้ามั่นใจว่าถึงอย่างไรกันก็จะไม่ทิ้งข้า ข้ารู้สึกแบบนั้น
 
"เจ้าจะบอกว่าเจ้าจะอยู่ที่นี้จนถึงวาระสุดท้ายของมนุษย์ผู้นั้นหรอ?" ข้าเพียงพยักหน้าขึ้นลงช้าๆแทนคำตอบ
 
"เจ้าแน่ใจใช่ไหม?" เสียงที่กดต่ำของท่านภูติเหมือนว่ากำลังหาความมั่นใจจากข้าอยู่
 
"ข้าแน่ใจและแน่นอน" ข้าพูดก่อนจะลุกขึ้น ข้ากำลังจะเดินเข้าศาลไปแต่ท่านภูติก็เรียกไว้เสียก่อน
 
"ข้าคงทำให้ไม่ได้" ข้าหันหน้าไปมองคนตรงหน้าด้วยแววตาที่ขุ่นมัว
 
"อะไรกัน ท่านจะผิดคำกับข้าหรอ?" ชายตรงหน้ายิ้มขึ้นก่อนจะเดินเข้ามาแตะที่ไหล่ของข้า
 
"เจ้าอยู่ที่นี้ก็ไม่ได้ช่วยให้งานข้าเบาลงเลยแม้แต่น้อย ไปเสียเถิด......" เสียงที่ออกจากลำคอนั้นทำให้สติของข้าดับวูบ พื้นที่ในหัวสมองของข้ากลายเป็นสีขาว ข้ามองไม่เห็นอะไร นอกจากร่างของใครบางคนห่างออกไป เขาหันหน้ามาพลางระบายยิ้มให้ข้าอย่างคุ้นเคย
 
กัน.....



เฮ้ออออ วันเสาร์แล้วนะ กันนั่งรถตู้กลับบ้านทุกวันเสาร์ตอนแรกก็จะกลับแค่ช่วงว่างๆที่ไม่มีการบ้านแต่กันก็อยากกลับบ้านไปเจอคุณพ่อคุณแม่คุณยาย แล้วก็ภาคิน เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ที่กันกับภาคินได้รู้จักกัน ภาคินเป็นคนดี อ่อนโยน เข้าใจในทุกๆเรื่อง เพราะอย่างงั้นกันถึงไม่คิดจะมองคนอื่นไง
 
"คุณแม่ค้าบบ กันกลับมาแล้วน้า" ผมเดินเข้าไปกอดคุณแม่ที่อยู่ในครัว
 
"มาพอดีเลย กินเค้กไหมลูก?" คุณแม่ถามกันโดยที่มือก็ยังหั่นผักทำกับข้าวอยู่
 
"คุณแม่ซื้อเค้กหรอมาครับ?" ผมถามขึ้นพลางมองไปที่กล่องเค้กบนโต๊ะอาหาร
 
"เปล่าจ้ะๆ เพื่อนบ้านใหม่เขาให้มาจ้ะ"

"เพื่อนบ้านใหม่หรอครับ?" กันถามด้วยความสงสัย เพราะบ้านข้างๆไม่มีคนอยู่มาตั้งแต่กันจำความได้แล้ว
 
"จ้ะ เขาพึ่งย้ายมาเมื่อสามวันก่อน" กันพยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนจะเดินออกไปข้างนอก
 
"อย่ากลับเย็นนะลูก" คุณแม่ตะโกนไล่หลังมาเมื่อเห็นท่าทางรีบร้อนของกัน
 
"ค้าบบบบบบบบบบบ" คิดถึงภาคินจัง ป่านนี้จะทำอะไรอยู่นะ กันรีบวิ่งตรงเข้าไปในป่าอย่างคุ้นเคยไม่ต้องกลัวหลงอีกแล้วเพราะว่ากันมาบ่อยจนจำต้นไม้ได้ทุกต้นล่ะ ฮ่าๆ (เวอร์:ไรต์)

กันวิ่งมาถึงลานกว้างที่มีดอกไม้หลากหลายพันธุ์ กันแวะอรุณสวัสดิ์ยามบ่ายคุณดอกไม้ก่อนจะเด็ดมาร้อยเป็นมงกุฎ ถึงภาคินจะว่ากันยังไงกันก็ทำได้แค่มงกุฎดอกไม้ที่คุณแม่สอนเนี่ยแหละ กันเอาดอกไม้หลากสีสันมาร้อยจนเป็นมงกุฎดอกไม้น่ารักกรุ้งกริ้งๆ(?)
 
กันเดินเข้ามาลึกเรื่อยก่อนศาลเจ้าเก่าแก่จะปรากฏตรงหน้า กันมองหาภาคินแต่ก็ไม่เจอเลย ไปไหนของเขานะ กันเดินอ้อมมาหลังศาลเจ้าก่อนจะพบร่างของชายคนหนึ่งนั่งอยู่ที่ริมลำธาร
 
"ไม่คิดจะไปนั่งที่อื่นบ้างหรออ" กันพูดก่อนจะเอามงกุฎดอกไม้วางไว้บนหัวของเขา
 
"เจ้ากล้าหาญดีนะ เจ้ามนุษย์" เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น แต่ทว่า เสียงนั้นมันไม่ใช่เสียงของคนที่กันปรารถนาจะพบ
 
"คุณเป็นใคร?" กันถามพลางถอยหลังออกห่างจากชายคนนั้นอย่างระแวดระวัง
 
"ข้าก็คือภูติเจ้าของศาลที่นี้ไง" เขาพูดก่อนจะยืนขึ้นแล้วหันหน้ามาหากัน
 
"โกหก ศาลเจ้านี้เป็นของภาคินนะ!" กันตอบกลับอย่างเอาเรื่อง นิสัยไม่ดีมาแอบอ้างเป็นภาคินได้ไง
 
"ไม่รู้อะไรเลยก็อย่ามาทำปากดีไปหน่อยเลย ข้าไม่ได้เอ็นดูเจ้าเหมือนไอ้หื่นนั่นหรอกนะ" อารายยยย!! คนๆนี้เป็นใครร กล้าดียังไงมาหาว่าเราปากดี!?
 
"โตเป็นผู้ใหญ่แล้วก็หัดพูดจามีมารยาทหน่อยเส้! แล้วไอ้หื่นนั่นมันใครกันนน!!!" กันเถียงกลับอย่างไม่เกรงกลัว คิดว่าตัวเองเป็นใครห๊ะ?!!
 
"เจ้านี่กล้าหาญมากจริงๆนะ นอกจากจะรักภูติที่ไม่สามารถสัมผัสเจ้าได้แล้วยังกล้าต่อปากต่อคำกับภูติอย่างข้าอีก น่านับถือจริงๆ" ชายคนนั้นพูดพลางทำท่าคารวะ
 
"ภาคินอยู่ไหน" กันเลิกเถียงกับคนหน้าตายแล้วถามถึงคนที่กันอยากเจอ
 
"อยู่ในที่ที่เหมาะสม" ห๊ะ? ที่ที่เหมาะสม? ละเมอหรือเปล่าเนี่ย - -
 
"หมายความว่ายังไง?"
 
"ถึงวาระสุดท้ายของเจ้านั่นแล้ว ข้าเลยส่งให้เขาไปที่ชอบๆ" ชายคนนั้นพูดก่อนจะนั่งลงบนพื้นหญ้า
 
"แล้วที่ชอบๆของเขาคือที่ไหน?" กันถามแล้วนั่งลงตรงข้ามเขาเช่นกัน
 
"เจ้านั่นไม่เหมาะกับที่นี้ แล้วก็นะตอนนี้เจ้านั่นไม่ได้เป็นภูติอีกต่อไปแล้ว"
 
"ทำไมล่ะ?"

"เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้เหตุผล" เมื่อเขาเอ่ยประโยคนั้นออกมาร่างตรงหน้าก็หายไป

"เดี๋ยวสิ เดี๋ยวก่อน!!!" ไม่ทันแล้ว ที่นี้ไม่มีใครอีกต่อไปแล้ว ที่ชอบๆหมายถึงการไปสู่สุคติสินะ ภาคินไม่อยู่แล้ว? ภาคินทิ้งกันไปแล้ว? ภาคินจะไม่กลับมาแล้วจริงๆใช่ไหม
 
ภาคินไม่อยากให้กันเป็นเจ้าสาวแล้วใช่ไหม...


"กลับมาแล้วหรอลูก เอากับข้าวไปให้เพื่อนบ้านใหม่หน่อยสิลูก" ผมยังไม่ทันเดินเข้าบ้านก็เจอคุณแม่ยืนอยู่หน้าบ้าน
 
"ครับผม" ผมรับถ้วยต้มยำกุ้งจากคุณแม่มาแล้วเดินไปยังบ้านข้างๆ ผมกดออดหน้าประตูบ้านของเขา ไม่นานนักเสียงเปิดประตูก็ดังขึ้น
 
"ผมเอาต้มยำกุ้งที่แม่ทำมาหะ...เห้ยยยย!!!!" ผมเผลอปล่อยถ้วยต้มยำกุ้งจนตกแตกอยู่ที่พื้น
 
"เอ้าๆ ระวังหน่อยสิ" เขาพูดพลางก้มเก็บเศษถ้วยที่แตกบนพื้น
 
"ทำไมล่ะ..."
 
"ทำไมอะไรหรอ?" เขาเงยหน้าขึ้นมามองกันด้วยสายตาที่สงสัย

"ทำไมถึง..." กันพูดอะไรไม่ออกแล้ว มีคำถามมากมายในหัวจนกันไม่รู้จะเอาคำถามไหนมาถามก่อนดี
 
"ถือถ้วยแค่นี้ยังทำตกเลยนะ ระวังหน่อยสิ เด็กน้อย" คำพูดกับรอยยิ้มที่น่าหมั่นไส้ถูกส่งมาที่กัน ไม่รู้จะถามอะไรก็ไม่ต้องถามมันแล้ว กันกระโดดกอดคนตรงหน้าอย่างโหยหา
 
"ทำไมล่ะ ทำไม"
 
"ในที่สุดข้าก็ได้สัมผัสตัวเจ้าสักทีนะ" เขาโอบกอดกันไว้แน่นราวกับรู้ว่าหากปล่อยไปเราจะไม่ได้กอดกันอีกแล้ว
 
"กันไปเจอคุณภูติมาเขาบอกว่าภาคินไปที่ชอบๆแล้ว" กันเล่าให้เขาฟังถึงสิ่งที่กันเจอมา
 
"ก็นี่ไง ที่ที่ข้าชอบ" ภาคินคลายกอดออกแล้วจับมือกันไว้
 
"ทำไมล่ะ?" กันถามพลางมองหน้าภาคินอย่างอยากรู้อยากเห็น

"ถ้าเจ้าอยากรู้ข้าจะเล่าให้ฟัง..."
.
.
.
"ไม่! ข้าจะขออยู่เป็นภูติตลอดกาลหากต้องจากกับกัน" ข้ายืนกรานว่ายังไงก็ไม่มีวันทิ้งกันแน่นอน

"เจ้าทนไหวหรอกับร่างกายเช่นนี้?"
 
"ข้าทนได้....."
 
"แต่ข้าทนไม่ได้ เจ้าจงกลับไปเถิด กลับไปสู่ชะตากรรมของเจ้า" ท่านภูติเอ่ยก่อนจะร่ายมนต์ออกมา
 
"ทำไมข้าถึงผมอยู่ที่นี้ได้?" ข้ามองไปรอบตัวก่อนจะพบกับบรรยากาศที่คุ้นตา
 
"วาระสุดท้ายของการเป็นภูติมันจบลงแล้ว" เสียงของท่านภูติดังขึ้น ข้าหันไปมองคนที่นั่งอยู่บนโซฟา
 
"หมายความว่ายังไง?"
 
"วาระของการเป็นมนุษย์ของเจ้ายังไม่จบสิ้นแต่ข้าให้เจ้ามาเป็นภูติเสียก่อน เท่ากับเจ้าเข้ามาอยู่ในโลกใหม่ ส่วนโลกมนุษย์ของเจ้า ข้าก็หยุดมันไว้ให้แล้ว" คนตรงหน้าพูดก่อนทุกอย่างรอบตัวข้าจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม จากบ้านที่ทรุดโทรมจากการไม่มีคนอยู่มาหลายปีก็กลับมาสะอาดตาอีกครั้ง
 
"หมายความว่าตอนนี้ข้าก็อายุ 29 เหมือนเดิมใช่ไหม?" ข้าถามท่านภูติซึ่งเขาก็พยักหน้าขึ้นลงช้าๆ
 
"ข้าเห็นถึงความพยายามและความรักของเจ้าทั้งสองแล้ว ขอให้รักษามันตลอดไป ถือว่านี้คือบทลงโทษข้องความรักแล้วกัน" เมื่อจบประโยคร่างของท่านภูติก็หายไป

.
.
.
"อย่างนั้นเองหรอ..." คนตัวเล็กบนตักของข้าพูดอย่างเข้าใจ
 
"ตัวเจ้ายังหอมเหมือนเดิมเลยนะ" ข้าเอาหน้าซุกอยู่ที่แผ่นหลังบางๆของกัน
 
"ทำไมถึงไม่ยอมปล่อยกันไปล่ะ ถ้าทำแบบนั้นก็จะได้ไม่ต้องมามีชะตากรรมบนโลกอีก ไม่ดีหรอ?" กันหันมาถามข้าด้วยแววตาที่สงสัย

"ก็ข้ารักเจ้า" ข้าตอบไปตามความจริง เพราะถึงข้าถึงชดใช้กรรม 10 ชาติเพื่อจะได้เคียงข้างกับคนตรงหน้านี้ข้าก็ยอม
 
"ทำไมภาคินถึงรักกันล่ะ?"
 
"ข้าตอบไม่ได้"
 
"ทำไมล่ะ?"
 
"ไม่มีเหตุผล" กันตวัดหางตามามองข้าอย่างข้องใจ
 
"ภาคินไม่ได้รักกันจริงๆใช่ไหม" คนตัวเล็กว่าอย่างน้อยใจ
 
"รักสิ" ข้าพูดก่อนจะเอาคางเกยไหล่ของกัน
 
"งั้นเพราะอะไรล่ะ?" กันยังไม่ลดละความอยากรู้อยากเห็น
 
"ที่ข้ารักเจ้าเพราะเจ้ามีหน้าตาที่งดงาม ที่ข้ารักเจ้าเพราะเจ้ามีเสียงที่ไพเราะ ที่ข้ารักเจ้าเพราะเจ้ามีน้ำใจโอบอ้อมอารีต่อคนรอบข้าง" ข้าตอบไอ้ตัวเล็กบนตักอย่างอ่อนใจ
 
"ถ้ากันขี้เหร่ภาคินจะไม่รักกันหรอ? ถ้ากันไม่สามารถเอื้อนเอ่ยได้อีกแล้วภาคินจะไม่รักกันใช่ไหม? ถ้ากันไม่มีน้ำใจภาคินก็จะไม่รักกันอีกต่อไปแล้ว?" กันพูดพลางมองหน้าข้าอย่างไม่ละสายตา
 
"ใช่ถ้าหากเจ้าไม่มีสิ่งที่ข้ารักข้าคงรักเจ้าต่อไปไม่ได้แล้ว...นี่คือสิ่งที่ข้าอยากให้เจ้ารับรู้มาตลอดสิ่งที่เจ้าถามเกี่ยวกับเหตุผลในความรักของข้า ถ้าเหตุผลทั้งหมดนั้น หมายถึงความรัก ตอนนี้ข้าจึงไม่รักเจ้าแล้ว" ข้าพูดก่อนจะจับหน้าหวานๆให้สบตาข้า
 
"แต่ความรักไม่ต้องการเหตุผล เหตุผลทั้งหมดไม่ใช่ความรัก ข้ารักเจ้าที่ทั้งหมดของความเป็นเจ้ารักที่หัวใจและความคิดของเจ้า" ข้าก้มหน้าลงไปทาบริมฝีปากกับริมฝีปากแดงสดของกัน สัมผัสที่ละมุนทำให้ข้าเคลิ้มเผลอทำรุ่มร่ามกับคนตัวเล็กไป
 
"อื้อ...อืมม" เสียงเล็กท้วงอยู่ในลำคอมือบางก็พลางทุบที่อกของข้าอย่างคัดค้าน ข้าถอนจูบออกปล่อยคนตรงหน้าให้เป็นอิสระ
 
"อย่าพยายามถามเหตุผลของความรักของข้าอีกเลย เพราะข้ารักเจ้าด้วยทั้งหมดของหัวใจของข้า" ข้าดึงกันเข้ามากอด ตัวเจ้าช่างนุ่มและหอมมากจริงๆ นี่น่ะหรอสัมผัสที่ข้าโหยหามาตลอด 15 ปี มันช่างน่าหลงใหลเสียจริงๆ ...
 
เมื่อ 'ความรัก' และ 'ความเชื่อใจ' ได้เจอกับ 'ความเศร้า' เขาทั้งสองก็สามารถผ่านไปได้เพราะ 'ความรัก' ได้มอบความรักของเขาให้ความเชื่อใจและ 'ความเชื่อใจ' ก็มอบความเชื่อใจของตัวเองให้แก่ความรัก
 
ข้าเชื่อว่าไม่มีอะไรที่จะสำคัญมากไปกว่าความรักที่ข้ามีให้เจ้าและความเชื่อใจที่เจ้ามอบให้ข้าอีกแล้ว เมื่อเราจับมือเดินไปด้วยกันเราจะพบเจอ 'ความประทับใจ' และ 'ความผูกพัน' ของเราทั้งสองคน


____________________________________________________________________________________________

จบแล้วจ้าาา ขอบคุณที่ติดตามและจะขอบคุณมากๆหากจะติดตามกันต่อไปนะคะ

 :bye2:
 

 
 

 

Share This Topic To FaceBook

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด