ตอนที่ 1
อึ้งครับเหมือนร่างกายมันไม่ยอมขยับ ทุกอย่างเหมือนหยุดนิ่งอยู่กับที่ เมื่อได้เห็นใบหน้านั้นอีกครั้งหลังจากผ่านมาได้ครึ่งปี คนๆ นั้นไม่เคยเปลี่ยนไปเลย ผมทั้งดีใจทั้งมีความสุขไม่อยากจะเชื่อว่าผมจะได้เจอกับคนๆ นั้นอีกครั้ง นี่ผมยังไม่ได้เตรียมใจเลยนะ
.
.
.
.
ผมเจอเค้าครั้งแรก เมื่อฤดูร้อนปีที่แล้วผมกับเพื่อนกลุ่มใหญ่มาเที่ยวทะเลกันที่ไทย ตอนแรกผมก็ไม่อยากจะมาสักเท่าไรเพราะไม่รู้จักประเทศนี้แถมยังไม่รู้จักภาษาเลยสักตัวแต่เพราะเพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มของผมมีแฟนสาวเป็นคนไทยเธอก็หน้าตาธรรมดาไม่ได้มีอะไรโดดเด่นแต่ไม่รู้ทำไมมันถึงได้ชอบได้
พวกเรามาพักที่บ้านของเธอคนนั้นเพราะมันอยู่ใกล้กับทะเลผมว่าผมอยากพักโรงแรมมากกว่า
อาหารที่นี่ก็อร่อยดีครับ แฟนสาวของเพื่อนผมเธอทำอาหารเก่ง แต่ว่าหน้าตามันแปลกนิดหน่อยแถมไม่ค่อยรู้วิธีกินด้วย
ก็ดีครับถึงจะไม่ค่อยชอบแต่ก็ได้เปลี่ยนบรรยากาศ ผมว่าถ้าให้ผมมาคนเดียวผมก็คงไม่ยอมมาแน่
วันนี้เป็นวันสุดท้าย ผมเดินถือกล้องมาคนเดียวเดินไปเรื่อยๆ เก็บภาพไปเรื่อยๆ แบบไม่มีจุดหมายก่อนจะไปจับกับผู้ชายคนหนึ่งจังหวะที่เค้าหันมายิ้มให้ก้องผมพอดีโดยไม่รู้ตัว
ผมเหมือนต้องมนต์ ทุกอย่างเหมือนหยุดอยู่กับที่ และเหมือนมีเพียงแค่เราสองคน ร่างกายมันสั่งให้เดินไปหาคนที่อยู่ตรงหน้า โดยที่สมองมันยังไม่ได้ทำงาน
โครม.......”โอ้ยย.....@#$^%!@*^5!@#6$$#*^$+) “อย่างกับภาษามนุษย์ต่างดาวเพราะผมฟังไม่รู้เรื่องเลยสักคำ รู้แค่ว่าเธอร้อง ผมเองก็เช่นกัน
ผมไม่ได้มองทางเลยนอกจากคนๆ นั้นเลยไปสะดุดกับเธอเข้า ผมพยายามขอโทษแต่เหมือนเธอจะฟังไม่รู้เรื่องกว่าเธอจะยอมคนๆ นั้นก็หายไปแล้ว
ผมพยายามวิ่งหาเค้าจนทั่วแต่ก็ไม่เจอไม่รู้ว่าเค้าไปไหน ไม่รู้ว่าเค้าเป็นใครผมมีเพียงรูปถ่ายใบเดียวของเค้า และเย็นวันนั้นพวกเราต้องกลับฝรั่งเศสแต่ผมยังไม่อยากกลับผมเลยขออยู่ต่ออีก 2-3 วันเพื่อนๆ ต่างตกใจกันยกใหญ่เพราะผมเป็นคนเดียวที่ดูเหมือนจะไม่อยากมาที่สุด
ผมไม่ได้พูดอะไร ผมย้ายไปอยู่โรงแรงใกล้ๆ แถวนั้นผมพยายามหาคนๆ นั้นทุกวันแต่ก็ไม่เจอเลยผมไม่รู้ว่าเค้าเป็นใครแล้วก็ไม่รู้ว่าจะไปหาเค้าได้ที่ไหน
หลังจากนั้นสองสามวันผมก็กลับประเทศ
บอกไว้ก่อนนะว่าผมไม่ได้เป็นเกย์มาก่อน ผมไม่ได้ชอบหรือถูกใจผู้ชายคนอื่นๆ ผมค่อนข้างที่จะหมดหวังเรื่องของคนๆ นั้น แต่ก็เหมือนว่าผมไม่สามารถมองคนอื่นได้อีก ไม่สิในหัวมีแต่เรื่องของคนๆ นั้น
บอกตรงๆ ผมเป็นคนเจ้าชู้นะ ผมมีเซ็ตครั้งแรกตอนอายุ 14 กับแฟนเพื่อน เพราะเธอมาอ่อยผมก่อน ผมเป็นคนหน้าตาดีครับอันนี้ขอชมตัวเองหน่อยแล้วกัน
จากนั้นผมก็เข้าเรียนมหาลัยสาขากฎหมาย และผมก็ได้เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนมาเรียนที่ประเทศไทย(อันนี้ผมเป็นคนเลือกเองเพราะกะจะมาหาคนๆ นั้นต่อ)
ผมมากับเพื่อนอีกคนที่ชื่อ อันเทีย แฟร์ริก ก็คนที่ผมเคยเกลิ่มก่อนหน้านี้ว่ามีแฟนเป็นสาวไทยนั่นไงครับมันก็มาเรียนที่นี่ด้วยเพราะได้ข่าวว่าแฟนมันมาสอนหนังสืออยู่แถวนี้
.
.
.
งั้นขอกลับมายังปัจจุบันนะครับ
ผมกับแฟร์ริกเราแนะนำตัวก่อนจะเข้าไปนั่ง คนๆนั้นเค้ายิ้มให้ผมด้วย ผมนี่แทบละลายไปกับรอยยิ้มของเค้าเลยให้ตาย ไม่สิแล้วผู้ชายหน้าตาดีอีกคนที่นั่งข้างเค้าเป็นใครวะ
ผมแอบสังเกตเห็นนะว่าผู้ชายหน้าตาดีที่นั่นข้างคูล จะชอบยิ้มแบบไม่จริงใจสักเท่าไรเวลาที่ไม่พอใจอะไรเค้าก็มักจะยิ้ม แต่ถึงจะไม่จริงใจแต่ก็เป็นรอยยิ้มที่ดูดีมากๆ
ที่จริงแล้วผมออกเสียงชื่อของคนที่ผมชอบไม่ถูกนะครับ จะว่ายังไงดีแหล่ะคือผมออกเสียงชื่อของผู้ชายที่ผมชอบไม่ได้เพราะมันค่อนข้างยากนิดหน่อย ถึงผมจะเรียนภาษาไทยมานิดหน่อยก่อนจะมาที่นี่ก็เถอะ
พวกเค้ามักยอล้อกันบ่อยๆ ซึ่งนั่นก็ทำให้ผมอิจฉา ที่จริงผมพยายามจะไปคุยกับเค้านะแต่ติดที่ผู้หญิงพวกนี้ไม่ให้ผมไปและคนๆ นั้นก็ไม่เคยอยู่คนเดียวเลยจนวันหนึ่งหลังจากนั้น 2 อาทิตย์ หลังเลิกคลาบเค้าก็เดินมาหาผมพร้อมกับกระซิบข้างหูผมทำให้ผมหน้าแดง ผมโคตรตื่นเต้นและมีความสุข
“ชอบกฎเหรอ....” ในที่สุดเค้าก็รู้ว่าผมนะชอบเค้า ผมดีใจจนพูดอะไรไม่ออก แถมตอนนี้ก็โคตรจะเขิน นี่แสดงว่าเค้าก็มองผมมาตลอดเช่นกันสินะ ผมพยับหน้าตอบเค้าไป
“เสียใจด้วยนะไอ้กฎมันมีแฟนแล้ว ^^“ เค้ายิ้มพร้อมกับพูดว่ามีแฟนแล้ว นี่เค้ามีแฟนแล้ว
“แต่กูยังไม่มีแฟนนะอยากลองคบกับกูมั้ยหละ^^ “อะไรนะผมไม่เข้าใจตกลงเค้ามีแฟนแล้วหรือว่ายังไม่มีกันแน่
“ล้อเล่นนะเด็กน้อย ก็เห็นทำหน้าหงอย เลยกะจะแกล้มเล่นเฉยๆ ไอ้กฎมันมีแฟนแล้วและมันก็รักแฟนมันมากด้วย ถ้าตัดใจจากมันได้ก็จะเจ็บน้อยลงนะ “ เค้าพูดพร้อมกับขยี้ผมผมเบาๆ ก่อนจะออกไปจากห้อง
นี่ผมงงไปหมดแล้วนะ เดียวก็ว่ามีเดี๋ยวก็ว่าไม่มีนี่ตกลงเค้ามีแฟนแล้วหรือว่ายังกันแน่ แล้วไอ้ที่ว่าล้อเล่น แถมยังบอกว่ารักแฟนมากนั่นมันอะไรกัน
จู่ๆ ไอ้แฟร์ริกมันก็มองผมพร้อมกับหัวเราะออกมาเสียงดัง
“มีอะไรน่าขำวะ “ ผมหันไปตะวัดสามตาใส่มัน
คนกำลังสับสนอยู่มันก็ยังขำอยู่ได้ ไอ้แฟร์ริกมันรู้ว่าผมน่ะชอบหมอนั่นมาก เพราะผมเป็นคนเล่าให้มันฟังเองหลังจากที่ผมเจอหมอนั่นอีกครั้ง
“มีสิจะไม่ให้ขำได้ไงแหล่ะ ก็หลังจากที่มันกระซิบบอกอะไรมึงสักอย่างมึงก็หน้าแดง แล้วก็พยับหน้า พอมันบอกว่าเสียใจด้วยกฎมีแฟนแล้วมึงก็ทำหน้าหงอย พอมันว่ามันยังไม่มีแฟนแล้วขอมึงคบมึงก็ก็เงียบ มันเลยบอกว่าล้อเล่นแล้วก็ลูบหัวมึง “
“นี่ตกลงว่ามึงชอบมันหรือเพื่อนมันกันแน่วะ 555 “
“กูก็ต้องชอบมันอยู่แล้วสิ เดียวนะนี่มึงบอกมันขอคบกูเหรอ “
“แน่นอน “
ผมรีบวิ่งออกไปจากห้องเพื่อตามมันไปแต่มันก็หายไปแล้วรถมันก็ไม่อยู่แล้วด้วย ผมไม่รู้ว่าจะติดต่อมันยังไงด้วย
นี่รู้มั้ยตลอด 2 อาทิตย์ที่ผ่านมานี่ผมรู้ทั้งเวลาเข้าเรียน มุมที่มันชอบอยู่ โต๊ะที่มันชอบนั่งประจำ แต่ผมแค่ไม่มีโอกาสได้ไปคุยกับมันเท่านั้น
ไอ้แฟร์ริกถือของของผมวิ่งตามผมมา “นี่มึงจะรีบไปไหนวะ “มันพูดก่อนจะลากผมไปนั่งที่ไม้หินอ่อนข้างตึกเรียน
ก่อนจะถามขึ้น “มันกระซิบบอกอะไรมึงวะ “
“มันถามกูว่ากูชอบมันใช่มั้ย “
“แน่ใจนะว่ามันถามมึงแบบนั่น แล้วทำไมมันต้องบอกว่าเพื่อนมันมีแฟนด้วยหละ “
“กูไม่รู้........ไม่สิเพื่อนมันเหรอหมายความว่าไง......”
“งั้นมึงฟังกูนะ “
“มึงชอบกฎเหรอ มึงชอบกุลเหรอ หรือมึงชอบกูเหรอ อันไหนวะ “
“มันก็เหมือนกันไม่ใช่ “
“ไม่เหมือนเว้ย ชื่อแรกเป็นชื่อเพื่อนมัน อันที่2 ก็ชื่อมันส่วนอันสุดท้ายก็ใช้แทนตัวเอง กูว่ามึงน่ะจะฟังผิดแล้ววะ มันต้องบอกมึงแน่เลยว่ามึงชอบเพื่อนมัน มันถึงได้บอกว่าเพื่อนมันมีแฟนแล้ว กูว่ามึงเข้าใจผิดแล้วหว่า555 “
ไอ้แฟร์ริกมันพูดไทยได้คล้อนครับเพราะมันพูดบ่อย ยิ่งเวลาอยู่กับแฟนมันพวกมันมักจะพูดไทยกันมากกว่า
แล้วกูจะรู้ได้ไงวะ ว่ามันหมายความว่าไง กูพึ่งเรียนภาษาไทยมายังไม่ถึง 3 เดือนเลยนะเว้ย แถมมันก็พูดเหมือนๆ กันอีก
อึ้งครับ คือผมไม่รู้ว่าเพื่อนมันชื่ออะไรเพราะเพื่อนมันไม่ค่อยพูดเวลาอยู่ในห้องส่วนใหญ่จะชอบยิ้มด้วยรอยยิ้มแสแสร้งมากกว่า และผมก็ไม่เคยคุยกับพวกนั้นด้วย
.
.
.
วันนี้ผมตั้งใจจะบอกเค้าว่าผมน่ะชอบเค้าไม่ใช่ชอบเพื่อนเค้า ผมกับไอ้แฟร์ริกมาแต่เช้าเพราะผมเป็นคนลากมันมาเอง ที่ที่มันชอบจอกรถมีรถของใครสักคนมาจอดเอาไว้แล้ว ซึ่งนั่นก็ทำให้ผมค่อนข้างแปลกใจอยู่เหมือนกัน ผมกับไอ้แฟร์ริกนั่งรอมันที่ไม้หินอ่อนข้างๆ ตึกเพื่อรอมันแต่ก็ไม่เห็นรถมันมาเลยจนใกล้จะถึงเวลาเรียนแล้วแต่มันก็ยังไม่มา ไอ้แฟร์ริกเลยลากผมขึ้นมาบนห้องเพราะเราจะเริ่มคลาสเรียนกันแล้ว
บอกตรงๆ ผมเป็นห่วงมันมากไม่รู้ว่ามันจะเป็นอะไรหรือเปล่าเพราะปกติมันมักจะมาก่อนเวลาเสมอ
อ้าว....ไหนมึงว่ามันยังไม่มาไง ไอ้แฟร์ริกมันหันมาถามผมด้วยสายตา ผมส่ายหน้าตอบเพราะไม่รู้เหมือนกัน อาจารย์ยังไม่เข้าห้องผมเลยเดินเข้าไปหามันเพื่อจะบอกแต่
“ไงครับน้องเคนัน ^^ “ จู่ๆ มันก็ทักผมแถมยังเรียกซะสนิกจนผมทำตัวไม่ถูก มันดึงผมไปนั่งกลางระหว่าผมกับเพื่อนมันที่ชื่อคล้ายกับมัน
“นี่กิ๊กใหม่ของคุณเพื่อนกุลเองครับ “ กุลคนที่ผมแอบชอบพูดขึ้น มันทำให้ผมอึ้งและทำตัวไม่ถูก
“ถ้ากูเชื่อมึงกูไม่ไปแดรกหญ้าแทนข้าวเลยเหรอวะ ^^“
“ไม่ใช่เว้ยพวกมึงสองตัวนี่แฟนเค้าต่างหาก “ ผู้ชายในห้องอีกคนที่ชื่อบอลก็มาเกาะหลังผมเอาไว้พร้อมกับพูดขึ้น ก่อนที่พวกผู้หญิงในห้องจะเดินมาร่วมวงบอกชอบผมอีกแรง จนตอนนี้มันกลายเป็นเรื่องตลกขบขำไปแล้วครับ
“พอเลยๆ พวกมึงนะหน้าน้องมันแดงจนจะไหม้แล้วเนี้ย “
“เฮ้ย.....เพื่อนกฎไม่บอกชอบน้องเค้าบ้างเหรอครับ “
“นี่แฟนกู ^^“ เพื่อนของกุลที่ชื่อกฎพูดขึ้นพร้อมกับชูรูปของผู้ชายคนหนึ่งในมือถือให้พวกผมดูพร้อมกับยิ้ม ก่อนที่อาจารย์จะเดินเข้ามาในห้อง
“เล่นอะไรกัน “อาจารย์ผู้ชายคนนั้นพูดขึ้น
“ไอ้กฎมันเอารูปแฟนมาอวดอีกแล้วครับอาจารย์ “
“เฮ่อ.....กลับไปนั่งที่กันได้แล้วไป “
สรุปคือคาบนี้ทั้งคาบผมนั่งอยู่ข้างกุลคนที่ผมชอบ ผมแทบจะไม่มีสมาธิเรียนเลยเพราะหัวใจมันเต้นแรงและเร็วมาก ผมรู้สึกประมาทมาก มากกว่าครั้งแรกที่ผมมีอะไรกับผู้หญิงซะอีก ทั้งที่แค่ได้นั่งใกล้มันแค่นี้เอง รู้สึกอย่างกับได้รังวัลอะไรสักอย่างอย่างนั่นแหล่ะ
.
.
.
“เฮ้ย...กูกลับก่อนนะเว้ยเพื่อน “
พอเลิกคลาบเรียนปุ่บ กุลก็ลุกออกจากที่นั่นพร้อมกับตบบ่าผมแบบก่อนจะรีบเดินออกไปจากห้องโดยที่ผมยังไม่ทันจะพูดอะไรเลยสักคำ ทั้งที่ผมอยากจะคุยกับเค้ามาตลอดแท้ๆ
“จะรีบไปหนวะไอ้กุล “
“กิ๊กกูนัดกินข้าว....... “ กุลพูดพร้อมกับชูโทรศัพท์ขึ้นมาท่าทางระรื่น แต่ผมกลับรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะตายซะให้ได้
“ไปก่อนนะ.....” เพื่อนของกุลพูดหลังจากที่เก็บของเสร็จ แล้วก็เดินออกไป ไอ้แฟร์ริกก็เดินมาตบบ่าผมเบาๆ
“กูว่าคนที่มึงชอบคงอยากเปิดโอกาศให้มึงได้อยู่กับเพื่อนมันน่ะ “
“ทำไมแหล่ะ “
“ก็มันคิดว่ามึงชอบเพื่อนมันไง “
“ไม่ใช่นะมึงก็รู้..........”
“กูรู้แต่มันไม่รู้.............”
และอีกสองคาบต่อจากนั้นกุลก็พยายามเปิดโอกาสให้ผมได้อยู่กับเพื่อนมัน ผมอยากบอกมันว่ามันเข้าใจผิดแต่ก็หาโอกาสบอกไม่ได้สักทีพอผมอ้าปากจะพูดก็มักจะมีเสียงพูดขึ้นแทรกตลอด
มันไม่ใช่แค่วันนั้นนะ ต่อจากนั้นอีกก็ด้วย ผมไม่มีโอกาสได้คุยกับเค้าเลยทั้งที่ผมอุส่าได้มานั่งข้างเค้าแล้วแท้ๆ แต่ก็แทบไม่มีโอกาสได้พูดอะไรเลย
วันนี้หลังจากคาบเรียนสุดท้ายกุลชวนผมกับแฟร์ริกไปดื่มครับ เพื่อนผู้ชายในห้องอีก 2-3 คนด้วย ครั้งนี้ผมจะต้องบอกเค้าให้ได้ว่าผมชอบเค้า............
.
.
.
“สวัสดีครับพี่พูน “ กุลพูดก่อนที่คนอื่นๆ ในกลุ่มจะยกมือไหว้ ผมกับไอ้แฟร์ริกก็ทำตามแบบงงๆ เพราะไม่รู้ว่าคนๆนั้นเป็นใคร หรือใหญ่มาจากไหน เค้าก็ยกมือไหว้ตอบกลับมา
“โทษทีนะ ตอนแรกกะว่าจะให้มันมาคนเดี๋ยวแต่มันไม่ยอมจะเอาพี่พูนมาด้วย “ จู่ๆ กุลก็หันมากระซิบบอกผม ผมรู้สึกเขินมากเลย ผมไม่ชินเลยที่เค้าทำอะไรแบบนี้ ไม่สิผมต้องบอกเค้าว่าผมชอบเค้าไม่ใช่เพื่อนเค้า
“คือ......
“Oh! my sweet honey ทางนี้ๆ “
ผมหยุดชะงัดทันทีที่ได้ยินเค้าพูดแบบนั้นพร้อมกับหันไปตามทางที่เค้ามองเพื่อมองว่าใครคือคนนั้น ผู้ชายหน้าตาดีอีกคนทำหน้ามั่วเหมือนไม่พอใจอะไรสักอย่าง
“กูไม่เล่นเว้ยไอ้เหี้ย......“
“พี่พูนหวัดดีครับ “
“เรียกซะเพื่อนไม่มีตัวเลือกเลยนะตัวเอง ว่าแต่คราวนี้ทะเลาะอะไรกับพี่กรอีแหล่ะ หรือพี่กรจะพาสาวเข้าโรงแรมอีกแล้ว “
“หุบปากไปเลยไอ้กุลก่อนที่มึงจะได้แดรกตีนกูแทนแดรกเหล้า “
“ครับๆ น้องกุลคนนี้จะหุบปากให้เงียบสนิกแล้วครับ ^^“
“นี่ตกลงมึงเป็นเมียรองเดือนเหรอวะ “ ภูเพื่อนในห้องของผมพูดขึ้น
“ไม่ใช่เว้ย อย่างกูเป็นได้แค่ผัวเท่านั้น “
“กูก็ไม่เอามันเป็นเมียเหมือนกัน “ คนที่กุลเรียกว่าที่รักก็พูดขึ้น นี่คงเป็นแค่โจ๊กขำๆ สินะ ผมรู้สึกโล่งอย่างบอกไม่ถูกที่มันเป็นแค่เรื่องล้อเล่นขำๆ
“ดีแล้วเพราะกูสยองวะ 555 “
“ไอ้เหี้ยกฎ .......”
“พี่พูนดูสิพวกนั้นมันรวมหัวว่าน้อง “
“พี่ก็คิดแบบนั้นนะ “ พอคนที่ชื่อพูนพูดจบทั้งโต๊ะต่างหัวเราะกันไอ้แฟร์ริกก็ด้วย ทั้งที่ผมยังไม่ค่อยเข้าใจว่าพวกนั้นพูดอะไรเพราะพวกเค้าพูดค่อนข้างเร็วและผมก็ฟังไม่ค่อยทัน
“น้องเคนันอยู่ข้างพี่ใช่มั้ย “ จู่ๆ กุลก็หันมากอดเอวผมเอาไว้พร้อมกับซบหน้าลงมาที่ตักผม นั่นยิ่งทำให้ผมเขินและรู้สึกแปลกๆ ตอนนี้หัวใจของผมเต้นแรงและเร็วมากจนไม่รู้จะทำยังไง
“เฮ้ยๆ......มึงจะเล่นอะไรก็ดูหน้าน้องเคนันของกูด้วยดิวะ ตอนนี้หน้าน้องเค้าเป็นนางเอกหนังจีนไปแล้วเนี้ย “ท็อปเพื่อนในห้องอีกคนพูดขึ้น ส่วนไอ้แฟร์ริกก็เอาแต่หัวเราะขำๆ เหมือนเป็นเรื่องสนุก
“พูดแบบนี้มึงอยากได้แฟนเป็นนางเอกหนังจีนสินะ “ จู่ๆ กุลก็ปล่อยมือจากผมพร้อมกับถือแก้วเหล้าแล้วเดินไปหาท็อป
“ไม่เว้ยไม่....หยุดเลยนะมึงไอ้กุล ตอนนี้กูกับน้องอึ้งย้งเราขาดกันแล้วเว้ย “ท็อปพูดพร้อมกับเดินหนี ผมไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไรแต่ไอ้แฟร์ริกกับคนอื่นๆ ดูเหมือนจะเข้าใจพวกเค้าต่างหัวเราะกันอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง
ทั้งที่ผมอยากจะบอกกุลเค้าเหลือเกินว่าผมนะชอบเค้ามากขนาดไหนแต่เพราะเราไม่มีโอกาสได้อยู่กันแค่สองคนเลย และผมเองก็ต้องดื่มไม่หยุดเพราะมีแต่คนเดินมาชนด้วยตลอด
“เฮ้ยยย....ไหวมั้ยละนั่น “
ตอนแรกผมกะจะลุกไปห้องน้ำแต่เพราะดื่มเยอะไปจนรู้สึกไม่ไหว กุลเลยประคองผมเอาไว้ โดยการโอบผมจากทางด้านหลังพร้อมกับพูดใกล้ๆ หูผมทำเอาผมแทบส่างเมา
“เดี๋ยวกูพาน้องเค้าไปห้องน้ำแปบ “ กุลพูดก่อนจะพยุงผมเดินไปห้องน้ำ ในที่สุดผมก็จะได้อยู่กับเค้าสองต่อสองสักที ผมจะต้องบอกเค้า
“คูลชอบนะ “ ผมบอกเค้าไปแล้ว ในที่สุดผมก็ได้บอกเค้า
“โทษๆ พี่ไม่ใช่ไอ้กฎ “
ไม่ใช่นะ เค้าไม่เข้าใจ ผมไม่ได้ชอบเพื่อนเค้าผมชอบเค้าต่างหากผมควรทำยังไงดีเค้าถึงจะเข้าใจว่าผมน่ะชอบเค้าไม่ใช่เพื่อนเค้า ผมรู้ว่าผมออกเสียงชื่อเค้ากับชื่อเพื่อนเค้าคล้ายๆ กันแต่ผมไม่ได้หมายถึงเพื่อนเค้าผมหายถึงเค้าต่างหาก
“I love you “ ผมจับเสื้อของเค้าเอาไว้พร้อมกับพูดคำนั้นออกมา
“เมาแล้วจริงๆ สินะที่เห็นกูเป็นไอ้กฎเนี้ย ^^“
“นี่เปลี่ยนจากไอ้กฎมาชอบกูไม่ได้เหรอ หึหึ...เรานี่ท่าจะบ้าแหงของแบบนั้นจะเปลี่ยนกันได้ง่ายๆสักที่ไหน “
ไม่ใช่นะทำไมเค้าไม่เข้าใจสักทีว่าผมชอบเค้าไม่ได้ชอบเพื่อนเค้า นี่ผมควรทำยังไงเค้าถึงจะเข้าใจสักที
ผมดึงเค้ามาจูบเพราะยังไงไม่ว่าผมพูดอะไรไปเค้าก็ไม่เข้าใจอยู่ดี เค้าดูจะอึ้งๆ แต่ผมว่าคราวนี้เค้าน่าจะเข้าใจได้แล้วนะว่าผมชอบเค้า
“อยากทำแบบนี้อีกนะ ถ้ายังรักไอ้กฎอยู่เพราะกูคงทนไม่ได้ “ เค้าพูดพร้อมกับสีหน้าที่ดูเจ็บปวดนิดหน่อยก่อนจะผละผมออก แล้วก็เดินออกไป
ไม่น่ะผมไม่อยากให้มันจบแบบนี้ ผมควรทำยังไงดีผมไม่รู้จริงๆว่าตัวเองควรจะทำยังไงดี
.
.
.
“เป็นอะไรวะเคนัน “ไอ้แฟร์ริกมันหันมาถามผมหลังจากที่เรานั่งในรถกำลังจะกลับมาหอ
“เค้าบอกประมาณว่าเค้าชอบกู แต่เค้าคิดว่ากูชอบเพื่อนเค้าทั้งที่กูพยายามแล้วแต่เค้าก็ไม่เข้าใจสักที ทำไมภาษาของเรามันถึงไม่เหมือนกันวะ ไม่สิทำไมกูถึงเรียกชื่อเค้าไม่ได้สักทีวะ “
ทั้งที่ผมรักเค้าและเค้าก็รักผมแต่ทำไมเค้าต้องพยายามดันผมไปให้เพื่อนเค้าด้วยผมไม่เข้าใจเลยสักนิด ตอนนี้ผมรู้สึกเจ็บเจ็บเอามากๆ ผมนั่งระบายให้ไอ้แฟร์ริกฟัง พร้อมกับร้องไห้ไปด้วยเพราะรู้สึกแย่เอามากๆ อาจเป็นเพราะผมดื่มมาด้วยหละมั้งนะ
.
.
.
วันนี้เป็นวันจันทร์แล้วครับ แต่ผมยังลุกไม่ขึ้นเพราะไม่สบาย อาจเป็นเพราะวันนั้นหลังจากกลับผมโดนฝนด้วยนิดหน่อยผมเลยเป็นไข้ วันนี้เลยไปเรียนไม่ได้ ผมอยากเจอหน้าเค้าแต่ลุกไม่ขึ้นจริงๆ นะ ไอ้แฟร์ริกเลยไปเรียนคนเดียวตอนนี้เลยเหลือแค่ผมคนเดียวที่ยังอยู่ในหอ
ก๊อกก๊อกก๊อก......เสียงประตูห้องของผมดังขึ้นแต่ผมไม่อยากจะลุกออกไปเปิดประตูเลยให้ตายสิใครมาเอาป่านี้วะเนี้ย ผมคิดในใจก่อนจะพยายามตะเกียดตะกายไปเปิดประตู
ต้องใช้คำว่าตะเกียดตะกายเลยเพราะร่างกายมันแทบไม่มีแรง ผมไม่ค่อยป่วยครับ แต่ถ้าได้ป่วยจะป่วยหนักเอามากๆ
ผมแทบจะลมจับ ร่างกายก็อ่อนแรงจนพยุงตัวเองไม่ไหว หลังจากที่เห็นหน้าคนที่มา ตอนแรกผมไม่คิดว่าจะเป็นเค้า เค้าคว้าเอวผมเอาไว้ก่อนจะอุ้มผมพาไปที่เตียง
นี่ผมกำลังฝันอยู่ใช่มั้ย
เค้าแค่แตะหน้าผาของผมเบาๆ แต่มันกลับทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นจนน้ำตามันไหลออกมา
“ขอโทษนะที่ไม่เข้าใจนายสักที ชอบนายนะ...... “ เค้าพูดพร้อมกับก้มลงมาจูบซับน้ำตาให้ผมเบาๆ
นี่ผมไม่ได้ฝันใช่มั้ยเค้าบอกว่าเค้าชอบผม เค้าเข้าใจผม เค้าเข้าใจสิ่งที่ผมพยายามจะสื่อออกไปแล้ว ขอร้องแหล่ะอยากเป็นแค่ความฝันเลยนะเพราะมันโหดร้ายเกินไปถ้าเป็นแค่ความฝัน
“กินยาหรือยัง.......” เค้าถามผมหลังจากที่เอามือออกจากหน้าผากผมแล้ว ผมส่ายหัว
“งั้นกินโจ๊กก่อนนะ พี่ก็มาเมื่อกี้ “ ค้าพูดก่อนจะเดินไปแกะโจ๊กใส่จานแล้วยกมาให้ผม ก่อนจะป้อนผมจนหมดตามด้วยยา
ตอนนี้ผมรู้สึกง่วนจนลืมตาแทบไม่ขึ้นแล้วเพราะฤทธิ์ยานอนหลับในยาที่ผมพึ่งกินไปบวกกับร่างกายที่เจ็บไข้ของผม แต่ผมยังไม่อยากหลับ ผมกลัวว่าถ้าผมตื่นขึ้นมาอีกครั้งมันจะเป็นเพียงความฝัน ผมไม่อยากให้มันเป็นแค่ความฝันผมจับมือของเค้าแน่น ผมจะไม่ยอมปล่อยมือนี้เด็ดขาดนี่คือความตั้งใจก่อนจะค่อยหลับไป
.....................................จบตอนที่ 1................................