The Marauder::Friendship managed
[/b]
เช้าวันจันทร์ยังคงวุ่นวายเหมือนอย่างทุกที รอบห้องอาหารเต็มไปด้วยเสียงโหวกเหวกโวยวายของบรรดานักเรียนที่คุยกันดังเจื้อยแจ้ว ยกเว้นเพียงแต่กลุ่มตัวป่วนปี 3 ถ้าลองมองแบบผ่าน ๆ ก็คงจะเห็นเด็กหนุ่มผมดำรูปร่างหล่อเหลาสองคนนั่งกินอาหารเช้าข้างกันเงียบ ๆ ตรงข้ามกับเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลรูปร่างท้วม ส่วนที่แปลกก็คงจะเป็นเพราะไม่มีการแอบกระซิบหัวเราะกัน หรือการที่เด็กหนุ่มผมดำชี้ฟูไม่พยายามส่งกลอนบอกรักให้เด็กสาวผมแดง หรือการที่คนผมดำอีกคนไม่สนใจจะขยิบตาส่งให้สาว ๆ เหมือนทุกที
“เจมส์”
เสียงห้าวจาก ซิริอัส เรียกความสนใจจากอีกฝ่าย นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มส่งความสงสัยผ่านแว่นสายตาไปให้ เพราะปากยังคงเต็มไปด้วยขนมปังปิ้งที่เจ้าตัวเพิ่งจะยัดเข้าปาก
“นายไม่คิดว่าครั้งนี้มันผิดปกติหรอ”
“นายหมายถึงเรื่องไหนล่ะ”
“ไม่เอาน่า นายก็รู้นี่ว่าเรื่องอะไร”
เมื่อเห็นเพื่อนรักขมวดคิ้ว เขาจึงหยุดกินแล้วหันมาทำหน้ายุ่งเป็นเพื่อนอีกคน มือข้างหนึ่งยกขึ้นขยี้หัวตัวเองด้วยความเคยชิน ส่วนสิ่งที่ทำให้เขาสองคนนั่งเครียดกันอยู่นี่ก็คือการที่เพื่อนรักของเขาสองคนหายตัวไปนานผิดปกติ
“อืม…แต่เครียดไปก็ไม่ได้ทำให้รีมัสกลับมาเร็วขึ้นนะ” เสียงเล็ก ๆ จากเด็กหนุ่มร่างท้วมตรงหน้าพูดแทรกขึ้นมา
“นายก็สนใจแต่ของกินนี่ ปีเตอร์” เสียงซิริอัสที่สวนกลับอย่างเสียดสีทำให้ ปีเตอร์รีบก้มหน้าไปสนใจอาหารตรงหน้าตัวเองต่อ
“เฮ้ย ซิริอัส อย่าระบายอารมณ์ใส่เพื่อนสิ ที่ปีเตอร์พูดมามันก็ถูกนะ” เมื่อฟังเจมส์พูดซิริอัสก็ถอนหายใจออกมาดัง ๆ ส่วนปีเตอร์ก็เงยหน้ามาส่งสายตาขอบคุณก่อนจะก้มลงไปจัดการอาหารตัวเองต่อ
“โอ๊ย ชั้นทนไม่ไหวแล้ว ชั้นไปก่อนนะ!!!” ว่าแล้วซิริอัสก็กระชากกระเป๋าตัวเองลุกขึ้นเดินออกไป
“เฮ้ย! ซิริอัส รอด้วย” ปีเตอร์กับเจมส์รีบเก็บสัมภาระต่าง ๆ ก่อนจะวิ่งตามไปทันที ทิ้งไว้แต่สายตาของเหล่านักเรียนที่มองตามด้วยความสงสัย
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
“ชั้นควรจะดีใจไหมที่วันนี้พวกเธอเข้าห้องเรียนทันเวลา ว่าไง พอตเตอร์ แบล็ก เพ็ตติกรู”
เสียงของศาสตราจารย์มักกอนนากัลเรียกเสียงหัวเราะเบา ๆ ของเด็กนักเรียนในห้อง ช่วยดึงความสนใจของซิริอัสออกจากเรื่องหงุดหงิดได้พอสมควร แต่ก่อนที่ซิริอัสจะได้ตอบกวนอารมณ์ศาสตราจารย์คนโปรดของพวกเขา ประตูห้องเรียนก็เปิดออกเผยให้เห็นร่างบาง ๆ ของเด็กหนุ่มผมสีชา รอยยิ้มน้อย ๆ ประดับบนใบหน้าขาวซีด
“ขอโทษที่มาสายนะครับ” เสียงนุ่ม ๆ เอ่ยออกมาเบา ๆ ก่อนที่ศาสตราจารย์จะปรายตามองก่อนจะพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต ดวงตาทอแสงอ่อนลงด้วยความเห็นใจก่อนจะกลับมาเริ่มการสอนต่อ ร่างผอมบางค่อย ๆ เดินเข้ามาโดยมีสายตาสามคู่จ้องมองมาตลอดทาง จนเมื่อเขามานั่งที่ตัวเองเรียบร้อย ซิริอัสก็ไม่รีรอที่จะเอ่ยปากคุยทันที
“รีมัส ทำไมงวดนี้กลับมาช้าขนาดนี้” รีมัสก้มลงหยิบสมุดตัวเองก่อนจะตอบกลับเบา ๆ
“พอดีมีปัญหาระหว่างเดินทางน่ะ นายควรสนใจเรียนนะ ซิริอัส”
“ไปเยี่ยมแม่ ทำไมได้แผลกลับมาเยอะแบบนี้” พอกล่าวจบเพื่อนตัวบางข้าง ๆ ก็เผลอเอามือที่วางบนโต๊ะซ่อนไว้ที่ตักตัวเอง ก่อนจะทำเป็นจดโน้ตที่ศาสตราจารย์สอนอยู่หน้าห้องด้วยมือที่พันไว้ด้วยบาดแผล โดยที่ไม่รู้เลยว่าการกระทำนั้นเป็นตัวกระตุ้นอารมณ์ของเพื่อนตนเอง
“รีมัส! คิดว่าชั้นจะไม่สังเกตรึไง แผลบนตัวของนายน่ะ! ฮะ!”
“ซิริอัส เบา ๆ หน่อย ใจเย็น ๆ” รีมัสพยายามปรามเมื่อเห็นอีกฝ่ายเริ่มจะเสียงดัง แต่ก็ดูจะไม่ได้ผล
“นายหายไปสามวัน! รีมัส! สามวัน! นายคิดว่าชั้นจะใจเย็นได้ไหม! แล้วดูสภาพนาย! มีแต่ผ้าพันแผลเต็มตัวจนดูไม่ออกแล้วว่านี่มันคนหรือซอมบี้!”
“แบล็ก! มันคงจะดีกว่านี้ถ้าเธอจะห่วงเพื่อนโดยไม่รบกวนคนอื่นนะ!!” เสียงของศาสตราจารย์ช่วยทำให้ซริอัสยอมสงบลง เหลือเพียงแค่ถอนหายใจอย่างหงุดหงิดก่อนจะบ่นอุบอิบอยู่คนเดียวเบา ๆ เกี่ยวกับการที่คนแก่ไม่เข้าใจความรู้สึกของเด็ก ไปตลอดชั่วโมงพร้อมส่งสายตาบอกเพื่อนตัวบางเป็นนัย ๆ ว่าหมดคาบต้องเคลียร์กันต่อ รีมัสก็ได้แต่ส่งยิ้มเนือย ๆ ไปให้ แต่พอหมดคาบจริง ๆ กลับไม่เป็นอย่างที่วางแผน เพราะตัวเขากับเจมส์ต้องรีบไปเรียนมักเกิลศึกษาต่อ ในขณะที่รีมัสถูกศาสตราจารย์เรียกตัวไว้ พอนักเรียนออกจากห้องหมดทุกคน รีมัสจึงเดินไปหาศาสตราจารย์หน้าห้อง
“มีอะไรรึเปล่าครับ”
“ลูปิน วันนี้เธอดูซีด ๆ นะ ยังไม่หายดีหรอ”
“ผมไม่เป็นอะไรนี่ฮะ” แต่มือของศาสตราจารย์วางนาบมาบนหน้าผากก่อนจะเลิกคิ้วมองเด็กหนุ่มตรงหน้า แต่อีกฝ่ายก็จ้องตอบอย่างดื้อดึง
“ลูปิน เธอตัวร้อนนะ ชั้นว่าเธอมีไข้”
“ผมไม่เป็นไรจริง ๆ นะฮะ”
“ชั้นว่าเธอควรจะไปพักต่อนะ”
“แต่ถ้าผมหยุดนานไป เพื่อน ๆ จะสงสัยเอาได้นะฮะ” พูดพลางส่งยิ้มอ่อน ๆ ให้หญิงสูงวัยตรงหน้า เธอรู้ว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าต้องเจอปัญหาหนักขนาดไหน จึงได้ถอนหายใจออกมา ก่อนจะยกมือขึ้นมาลูบผมสีชาตรงหน้าอย่างเบามือด้วยความเอ็นดูระคนสงสาร
“ลูปิน ชั้นรู้ว่าเธอไม่สบาย และชั้นยอมรับในการตัดสินใจของเธอ แต่ชั้นคิดว่าเธอควรจะเปิดใจให้คนอื่นบ้าง ชั้นอยากเห็นเธอยิ้มออกมาจากใจเธอ ชั้นคิดว่าการขยับมุมปากไม่เรียกว่าการยิ้มหรอกนะ” เธอหยุดมองสายตาที่สับสนอย่างสงสาร ก่อนที่คนเด็กกว่าจะรีบเบือนหน้าหนีอย่างดื้อดึง
“เอาเถอะ ดูแลตัวเองด้วย อย่าฝืนมากล่ะ ชั้นไม่คิดว่าแบล็กกับพอตเตอร์จะปล่อยเธออยู่ในสภาพนี้หรอกนะ”
“ขอบคุณครับ” เด็กหนุ่มโค้งตัวให้เล็กน้อยก่อนจะเดินออกจากห้องเรียนไป
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------
แต่อาการของเด็กหนุ่มเริ่มจะแย่ลงเรื่อย ๆ จากการลากสังขารไปเรียนวิชาต่าง ๆ ตลอดทั้งวันรวมกับการที่ไม่ยอมกินอาหารกลางวัน อาการจึงทรุดลงมากขึ้นในช่วงเวลาอาหารเย็นที่เจ้าตัวดูเหมือนจะทำเพียงแค่เขี่ยอาหารในจานไปมา เหงื่อซึมออกมาและหน้าก็ออกแดง ๆ แสดงให้เห็นว่ามีไข้ ซึ่งอาการทั้งหมดก็ไม่ตกอยู่ในสายตาของเพื่อนผมดำทั้งสองคน
“รีมัส นายควรกินอาหารเข้าไปบ้างนะ ตอนนี้นายดูโทรมมาก บอกเลย” เจมส์พูดขึ้นหลังจากจัดการอาหารของตัวเองเสร็จ รีมัสเพียงเงยหน้าขึ้นมายิ้มเล็กน้อยก่อนจะเขี่ยอาหารเล่นต่อ
“รีมัส นายกินเสร็จแล้วรึยัง” ซิริอัสกล่าวขึ้นบ้าง ก่อนจะสบตากับเจมส์อย่างมีความหมาย
“อ่า…พอดีชั้นไม่ค่อยหิวน่ะ มีอะไรรึเปล่า”
“ถ้ากินเสร็จแล้วก็ตามมา” ไม่รอช้า ซิริอัสก็ลุกขึ้นแล้วกระโดดข้ามโต๊ะท่ามกลางเสียงบ่นของคนรอบข้างไปดึงต้นแขนรีมัสแล้วค่อย ๆ ลากออกจากห้องอาหารไป โดยมีเจมส์กับปีเตอร์ถือกระเป๋าตามไป
เนื่องจากบาดแผลตามร่างกายที่ยังไม่ฟื้นตัวดีบวกกับอาการไข้ที่กำลังลุกลามทำให้รีมัสรู้สึกเหนื่อยมาก แม้จะเดินมาไม่ไกลเท่าไหร่ และซิริอัสก็คงจะสังเกตเห็นจึงผ่อนฝีเท้าให้ช้าลงจนเจมส์กับปีเตอร์ตามมาทัน ก่อนทั้งหมดจะพากันเลี้ยวเข้าห้องเรียนว่าง ๆ ข้างทาง พอเข้ามาในห้องซิริอัสก็ปล่อยแขนรีมัสที่หอบน้อย ๆ และส่งสายตาสงสัยให้เพื่อนทั้งสามคน
“รีมัส แม่นายป่วยจริงหรอ” ซิริอัสเริ่มคำถามต่อเมื่อเห็นว่าอยู่กันลำพังแค่ 4 คน
“ใช่ ชั้นถึงต้องกลับไปเยี่ยมบ่อย ๆ ไง” อีกฝ่ายตอบกลับมานิ่ม ๆ ตามนิสัย
“พวกชั้นอยากไปเยี่ยมเธอบ้าง” คราวนี้เป็นเจมส์ที่พูดขึ้น
“ชั้นไม่คิดว่าจะเหมาะ แต่เธอคงจะยินดีที่ได้รู้ว่าพวกนายเป็นห่วง”
“แม่นายเป็นอะไร ทำไมถึงไปเยี่ยมไม่ได้ล่ะ”
“ชั้นก็ไม่รู้เหมือนกันนะ”
“ไปเยี่ยมแม่ ทำไมกลับมาทีไร ถึงมีแผลกลับมาทุกครั้ง” คำถามจากซิริอัสทำให้รีมัสนิ่งไปสักพักก่อนจะตอบออกมาเบา ๆ
“ชั้นคิดว่าคงเป็นเพราะชั้นซุ่มซ่าม…” เสียงนิ่ม ๆ นั้นเหมือนกระชากขีดความอดทนของซิริอัสให้หมดไป คนตัวสูงคว้าหมับเข้าที่ไหล่ทั้งสองข้างของเพื่อนก่อนจะผลักไปกระแทกผนังห้องเรียนอย่างลืมตัวว่าอีกฝ่ายกำลังป่วย
“เฮ้ๆ ซิริอัส ใจเย็น ๆ รีมัสไม่สบา…”
“ซุ่มซ่าม? หกล้ม? คนบ้าอะไรที่หกล้มจนได้แผลขนาดนี้” เจมส์พยายามห้ามปรามด้วยเห็นว่าเพื่อนตัวเล็กของเขากำลังบาดเจ็บ แต่ซิริอัสหงุดหงิดจนลืมตัวและไม่คิดจะสนใจฟัง
“อ่า…อาจจะเป็นคนแบบชั้นไง” เสียงนิ่ม ๆ ยังคงตอบคำถาม แต่เจ้าตัวก็ไม่กล้าสบตาเพื่อนตรงหน้า รีมัสรู้สึกว่าแผลตรงหน้าท้องเค้าเปิดออกมาใหม่อีกครั้งจากการโดนกระแทกเมื่อครู่ เพราะรู้สึกถึงของเหลวอุ่น ๆ ที่เริ่มซึมออกมา
“รีมัส มี 2 อย่างในโลกนี้ที่ทำให้ชั้นทนไม่ได้” พิษไข้เริ่มหนักขึ้นจนรู้สึกว่าพื้นห้องมันเอียง ๆ
“นั่นก็คือศาสตร์มืดกับคนโกหก” เสียงที่ดังก้องในหูชัดเจนและสร้างความเจ็บช้ำได้อย่างไม่น่าเชื่อ แต่เพียงไม่นานร่างเล็ก ๆ เริ่มรู้สึกว่าแรงกดที่ไหล่ถูกกระชากออกไปพร้อมกับเงาของใครบางคนที่ทาบทับลงมา
“ซิริอัสใจเย็น ๆ รีมัสไม่สบายอยู่นะ” เจมส์ที่เห็นท่าไม่ดีจึงรีบมาดึงซิริอัสออกพร้อมเอาตัวเข้าไปแทรกกลางระหว่างเพื่อนทั้งสองคน ก่อนจะหันกลับมาเพื่อหว่านล้อมรีมัส แต่เมื่อเขาหันกลับไป ร่างเล็ก ๆ ของเพื่อนตรงหน้าก็เอนตัวลงมา ยังดีที่เจมส์ไวพอที่จะรับน้ำหนักที่ทิ้งตัวลงมาได้ทันก่อนที่เพื่อนของเขาจะหัวกระแทกพื้น เมื่อเจมส์จับตัวรีมัสไว้ได้ถนัดมือ ก็รับรู้ได้ถึงไอร้อนจากคนตรงหน้าก็แผ่ออกมาทันที หน้าของรีมัสซีดขาวแต่มีริ้วแดง ๆ แบบคนมีไข้ ส่วนซิริอัสกับปีเตอร์นั้นก็ได้แต่ยืนตกตะลึง ทำอะไรไม่ถูกเมื่อเห็นเพื่อนเป็นลมไปต่อหน้า
“รีมัส…รีมัส!” เจมส์พยายามเขย่าตัวเรียกสติเพื่อนในอ้อมแขน แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ผล จนกระทั่งเขารู้สึกถึงของเหลวอุ่น ๆ ที่มือของเขา ซึ่งเมื่อยกขึ้นมาดูก็ต้องตกใจ ก่อนจะมองสำรวจตามร่างกายของเพื่อนตรงหน้าอย่างตื่นตระหนก
“ซิริอัส! เปิดเสื้อรีมัสดูเร็ว เหมือนว่ารีมัสจะเลือดออก” เมื่อได้ยินเจมส์พูดดังนั้น ซิริอัสก็ได้สติ รีบเดินมาช่วยเปิดเสื้อดูก่อนจะต้องตกใจ เมื่อเห็นบาดแผลที่มีผ้าก๊อซพันอยู่รอบเอวบัดนี้ ผ้าขาวแทบจะถูกย้อมเป็นสีแดงไปหมดแล้ว หลังจากทั้งคู่ได้สติก็รีบพยุงเพื่อนคนละข้าง โดยที่ซิริอัสต้องใช้มือกดบาดแผลที่ตอนนี้มีเลือดไหลออกมามากมายจนน่าตกใจ เพื่อพาไปส่งห้องพยาบาล โดยมีปีเตอร์คอยเปิดประตูให้
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
“ซิริอัส ชั้นว่าเราควรบอกรีมัส”
เสียงของเจมส์ทำลายความเงียบระหว่างพวกเขาที่หน้าห้องพยาบาล เรียกความสนใจจากเพื่อนทั้งสองคน ก่อนคนที่ถูกเอ่ยนามจะตอบรับ
“เมื่อไหร่”
“ทันทีที่เราเข้าไปเยี่ยมได้”
“อืม…ก็ดี...แล้ว..”
ยังไม่ทันจะได้ปรึกษากันต่อ ประตูห้องพยาบาลก็เปิดออก
“เอาล่ะ หนุ่ม ๆ เข้าเยี่ยมได้ แต่จำไว้ว่าเพื่อนเธอต้องรีบพักผ่อนนะ”
เมื่อได้ยินดังนั้นพวกเขาจึงรีบพากันเดินเข้าไป เมื่อไปถึงเตียงเป้าหมาย ก็เห็นเพื่อนของเขานอนเอาหลังเอนพิงกับหัวเตียงอยู่ หน้ารีมัสยังคงซีดเซียวอยู่แต่เจ้าตัวก็แย้มรอยยิ้มน้อย ๆ ทักทายผู้มาเยี่ยม
“เป็นไงบ้าง นายทำพวกเราตกใจมากเลยนะ” เจมส์เอ่ยทักก่อนหลังจากที่พวกเขายืนล้อมเตียงรีมัส
“ขอโทษที แต่ชั้นไม่เป็นไรแล้วล่ะ”
เมื่อได้ยินดังนั้น ซิริอัสเตรียมอ้าปากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เจมส์ส่งสายตามมาห้ามไว้ก่อน
“รีมัส พวกเรามีเรื่องสำคัญจะถาม”
รีมัสส่งสายตาสงสัยมาขึ้นมามอง แต่มีเสี้ยวเวลาหนึ่งที่เจมส์สังเกตถึงแววตื่นตระหนกแต่ทำเป็นไม่สนใจ
“นายมีอะไรอยากบอกพวกเราไหม…พวกความลับไรงี้”
“ไม่มีนี่” เจ้าตัวว่าพลางหลบสายตาลงไปจ้องมองมือที่ถูกพันผ้าพันแผลเอาไว้
“รีมัส นายน่าจะรู้ตัวนะว่าโกหกไม่เก่ง” ซิริอัสกล่าขึ้นบ้างก่อนเจมส์จะเสริมขึ้นมา
“เรารู้ว่านายเป็นมนุษย์หมาป่า”
เมื่อพูดจบก็เกิดความเงียบขึ้นชั่วครู่ก่อนที่คนป่วยจะหัวเราะออกมาเบา ๆ แม้จะเห็นได้ชัดว่าเจ้าตัวไม่ได้รู้สึกขำไปด้วยเลย
“พวกนายพูดอะไรกัน”
“รีมัส นายจะปิดบังพวกเราต่อไปทำไม” เจมส์กล่าวเรียบ ๆ ก่อนจะจ้องคนบนเตียอย่างมีความหมาย
“ก็ไม่ได้ปิดบังอะไรนี่” คนป่วยเอ่ยออกมาเบา ๆ ซึ่งนั่นทำให้ซิริอัสอดทนใจเย็นต่อไปไม่ไหว
“เลิกโกหกได้แล้ว! นายคิดว่าพวกเราโง่นักรึไงฮะ!”
“โอเค! เออ! ใช่! ชั้นเป็นมนุษย์หมาป่า! เป็นปีศาจกระหายเลือด ที่จ้องแต่จะหาเนื้อสด ๆ ฉีกกินเล่น! พอใจรึยัง!” เสียงตะโกนของรีมัสที่เอ่ยขึ้นทั้งน้ำตาทำให้เพื่อนทั้งสามคนจ้องมองอย่างตกตะลึง
“เอ่อ..รีมัส พวกเราไม่ได้…”
“เอาซิ! ประกาศให้ทั่ว! ยกพวกกันมาเลย จะทำอะไรดีนะ จะฆ่าดี หรือทรมานก่อน แต่ทางที่ดีจับส่งกระทรวงเลยดีไหม ฮ่าๆๆๆ”
เสียงหัวเราะทั้งน้ำตาจากคนป่วยที่ไม่เคยร้องไห้ให้พวกเขาเห็นมาก่อนยิ่งทำให้พวกเขารู้สึกผิดที่ไล่ต้อนเพื่อนหนักเกินไป
“แบล็ก เอาไงดีล่ะ อ้อ! นายบอกชั้นนี่ว่าเกลียดทั้งศาสตร์มืดทั้งคนโกหก ชั้นไง! ชั้นเป็นมันหมดเลย! นายคงจะรังเกียจไหม เมื่อสิ่งที่นายเกลียดสองอย่างยืนอยู่ข้าง ๆ นายตลอด 2 ปีที่ผ่านมา พอตเตอร์ เพ็ตติกรู เอาสิ! พวกนายสามคนถนัดนี่ เอาเลย จะกำจัดมนุษย์หมาป่าน่ารังเกียจแบบนี้ยังไงให้สะใจดีนะ แค่คิดก็สนุกแล้ว”
“รีมัส! ฟังก่อน…ชั้นไม่…นั่นนายจะทำอะไร”
ซิริอัสรีบถามเมื่อเห็นเพื่อนตัวเล็กที่พอตะโกนเสร็จก็พยายามยันตัวเองขึ้นจากเตียงอย่างยากลำบาก มือสองข้างของเขารีบพยุงเพื่อนตัวเล็กเอาไว้จากด้านหลังโดยมองข้ามแรงขืนตัวของเพื่อนตรงหน้า
“ชั้นเหนื่อยแล้ว แบล็ก ชั้นจะอยู่ต่อที่นี่ทำไมในเมื่อคนทั้งโรงเรียนกำลังจะขับไล่ชั้นในเร็ว ๆ นี้ รับรองเพียงแค่นายกลับไปนอนหลับอีกตื่น นายจะไม่ได้เห็นชั้นอีกตลอดไป”
เพื่อนตรงหน้าพูดจบก็สะอื้นจนตัวโยน ซิริอัสเหลือบตาขึ้นมามองเพื่อนอีกสองคนในห้อง ซึ่งพวกเขาทั้งหมดต่างก็รู้สึกสงสารคนป่วยตรงหน้าเหลือเกิน
“รีมัส ได้โปรดกลับมาเรียกพวกเราอย่างเดิมเถอะ” ปีเตอร์ขอร้องออกมาเบา ๆ ก่อนจะเดินไปนั่งบนเตียงใกล้ ๆ สองคนที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว ในขณะที่เจมส์เดินเข้ามาสวมกอดเพื่อนตรงหน้าทันที แม้ว่าคนถูกกอดจะเบิกตาขึ้นมองอย่างตกใจแต่เจมส์ก็ไม่สนใจ
“รีมัส ฟังนะ พวกเราไม่ได้ตั้งใจจะทำให้นายกลัวแบบนี้”
“ใช่ แล้วพวกเราก็ไม่สนใจปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้หรอกนะ” ซิริอัสเสริมขึ้น
“เล็กน้อย! มันไม่เล็กน้อยหรอกนะ! ชั้นเป็นปีศาจ!” รีมัสประท้วงขึ้นทันทีก่อนจะขืนตัวออกมา แต่เจมส์จับไหล่เพื่อนเอาไว้ไม่ให้ถอยหนีไปไหน
“รีมัส ฟังนะ นายเป็นคนดี ดียิ่งกว่าใครที่ชั้นเคยพบมา นายอ่อนโยนและช่วยเหลือคนรอบข้างอยู่เสมอ เพราะงั้นอย่าพูดว่าตัวเองเป็นปีศาจอีก”
“ใช่ นายช่วยสอนการบ้านให้ชั้นด้วย แม้แต่ศาสตราจารย์ยังไม่อยากทำเลยนะ” ปีเตอร์เสริมขึ้น
“ไม่! พวกนายไม่เข้าใจ ชั้นอันตราย ชั้นมีสิทธิ์จะทำร้ายนาย กัดนาย หรือแม้แต่ฆะ ฆ่านาย”
“แต่นายไม่ทำ รีมัส แผลตามตัวนายเป็นสิ่งที่บอกให้รู้ว่านายยินดีเจ็บเจียนตายทุกเดือนเพื่อป้องกันอันตรายให้คนรอบข้าง”
“ช่ายยยย ปัญหาเดียวของนายคือนายแค่ไม่เป็นตัวของตัวเองเดือนละครั้ง” ซิริอัสเสริมมานิ่ง ๆ
“แต่…”
“ไม่มีแต่ รีมัส! เราจะวางแผนป่วนคนอื่นได้ยังไงถ้าขาดมันสมองของกลุ่มไปจริงไหม” เจมส์แทรกขึ้นมา
“ใช่ และถึงแม้นายจะพยายามหนีไป แต่พวกเราจะไม่ปล่อยนายไว้หรอกนะ นายต้องเป็นเพื่อนกับพวกเราตลอดไป” ซิริอัสเสริมขึ้น
“พวกเรารักนายนะ รีมัส” ปีเตอร์กล่าวขึ้นบ้าง
“ขอบคุณนะ ขอบคุณจริง ๆ พวกนายไม่รู้หรอกว่าสิ่งนี้มีค่ากับชั้นมากแค่ไหน” รีมัสพูดพร้อมกอดเจมส์โดยมีซิริอัสกับปีเตอร์โน้มลงมาสวมกอดทับอีกชั้นหนึ่ง
หากใครแอบมาห้องพยาบาลคืนนั้นจะได้เห็นเด็กหนุ่ม 4 คนนอนเบียดกันอยู่บนเตียงพยาบาลสองเตียงที่ลากมาต่อกัน แม้พยาบาลที่คิดจะมาไล่ก็ตัดใจทำไม่ลง ก่อนเจ้าตัวจะถอนหายใจออกมาแล้วรูดมาดปิดเตียงเหล่านั้นไว้พร้อมกับรอยยิ้มด้วยความเอ็นดู
...บทส่งท้าย...
เสียงโวยวายจากเด็กหนุ่มผมดำสองคนที่เสกคาถาใส่กันอย่างสนุกสนานบริเวณสวนหลังโรงเรียนโดยมีเพื่อนตัวท้วมคอยเชียร์อยู่ข้าง ๆ เรียกรอยยิ้มจากเด็กหนุ่มอีกคนที่หลบมาอ่านหนังสือใต้ต้นไม้ ก่อนจะหัวเราะออกมาน้อย ๆ เมื่อเพื่อนของเขาเริ่มเปลี่ยนไปใช้วิธีมักเกิลวิ่งไล่กันธรรมดาแทน
“ช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง ลูปิน” เสียงทักจากด้านหลังทำให้เด็กหนุ่มสะดุ้งน้อย ๆ ก่อนจะหันไปเจอศาสตราจารย์มักกอนนากัลมองลงมา เจ้าตัวรีบลุกขึ้นโค้งให้หญิงชราก่อนจะตอบเบา ๆ
“ก็ปกตินะฮะ”
“เรื่องที่ชั้นพูดคราวก่อน เธอได้ไปคิดต่อรึเปล่า”
รีมัสเลิกคิ้วน้อย ๆ ก่อนจะทบทวนความจำ และเผลอยิ้มออกมาเมื่อนึกขึ้นได้ว่าคำแนะนำหลังเลิกเรียนที่ศาสตราจารย์เคยบอกเขาคืออะไร
“ฮะ”
“คิดแล้วทำรึเปล่า”
“ก็…ประมาณนั้นฮะ ขอบคุณนะฮะ” เจ้าตัวว่าเบา ๆ ก่อนจะยิ้มให้ศาสตราจารย์อย่างสุภาพ
“ดีแล้ว ชั้นอยากเห็นนักเรียนของชั้นยิ้มจริง ๆ ซะที งั้นชั้นไปละ ก่อนที่ชั้นจะอยากกักบริเวณเพื่อนของเธอ”
ว่าแล้วศาสตราจารย์ก็เดินจากไป ก่อนจะยิ้มออกมาเมื่อได้ยินเสียงตะโกนจากเบื้องหลัง
“เฮ้! รีมัส! มาวางแผนป่วนงานโรงเรียนกันต่อดีกว่า!”
--The End--
เป็นมือใหม่หัดแต่งฟิกนะคะ ถ้ายังไงอ่านแล้วคอมเมนต์หรือมีอะไรแนะนำเพิ่มเติมนี่จัดเต็มเลยนะคะ >/////<