[เรื่องสั้น] แอพรัก 'อินสตาแกรม'
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องสั้น] แอพรัก 'อินสตาแกรม'  (อ่าน 16358 ครั้ง)

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
มาทันลุ้นตอนที่เขาจะเจอกันพอดีเลย

ออฟไลน์ larynx

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 821
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
ขอให้เจอกันไวๆ  :กอด1:

ออฟไลน์ Phitprim

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0

  Ton’s Part

    ผมตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่พร้อมกับข้อความคอมเม้นคอมเม้นกับจำนวนไลค์ที่โชว์หลาบนหนาจอ เพราะไม่ได้ปิดการใช้สัญญาณไวไฟเมื่อคืน จำนวนคอมเม้นและยอดไลค์ไม่ได้น่าตกใจอะไรมากมายเมื่อเทียบกับข้อความของใครบางคน

    ‘ขอคิดค่าถ่ายจักรยานครับ 555+ #ล้อเล่น’

    ดูเหมือนว่าเป็นคอมเม้นเล่นสนุกของคนที่เล่นโซเชี่ยลทั่วไป แถมยังโชคดีที่เขาไม่ได้โกรธเคืองอะไรที่ไปถ่ายของของคนอื่นโดยพละกาล และไม่ใช่ตกใจเพราะว่าเจ้าของจักรยานมาพบเจอคนที่แอบถ่ายอย่างผม แต่ที่ผมตกใจนั่งจ้องโทรศัพท์มือถือตั้งแต่เช้าแบบนี้ นั้นก็เพราะชื่อผู้ใช่ที่มาคอมเม้น

    ‘ @__xxxx ’

    บอกไม่ถูกเลยว่าตอนนี้รู้สึกอย่างไร ตกใจด้วย ดีใจด้วย ตื่นเต้นด้วยละคนกันไป จนไม่เป็นอันทำอะไรเลื่อนดูแต่คอมเม้นเนี่ยแหละ ผมควรตอบเขากลับไหมนะ

    “เป็นอะไร นั่งยิ้มน้อนยิ้มใหญ่” เพื่อนรูมเมทถามด้วยหน้าสงสัย

    “…..” แต่ผมยังคงเล่นโทรศัพท์มือถือต่อโดยไม่สนใจ

    “ถามแล้วไม่ตอบอีก ไปดีกว่า”

    เพื่อนร่วมห้องพูดโดยไม่สนใจเข้าห้องอาบน้ำไป ปล่อยให้เหลือเพียงแค่ผมคนเดียวที่อยู่ในห้องนอนที่คิดอยู่ว่าจะตอบอะไรกลับไปหาเขาดี

    ‘ขอโทษที่ถ่ายโดยไม่ได้ขอนะครับ คือผมเห็นว่าจักรยานสวยดี แสงตอนนั้นก็ดีด้วย เลยอยากจะถ่ายมาเป็นที่ระลึก ถ้าพี่จะคิดค่าถ่ายผมก็ยินดีนะครับ ขอโทษอีกครั้งนะครับ ขอบคุณครับ @__xxxx’

    ผมรัวแป้นพิมพ์ลงบนหน้าจอด้วยความว่องไวเท่าทีตัวเองจะคิดได้ จนได้ข้อความที่ยาวยืดปรากฏบนจอ ผมเขียนตามที่ผมคิดจากสมอง แต่พอลองกลับมาอ่านทวนข้อความซ้ำอีกครั้งหนึ่ง กลับรู้สึกแปลกๆเปล่งๆอย่างบอกไม่ถูก จนต้องลบทิ้งทั้งปืด ก็เลยคิดว่าเค้าก็บอกว่าแค่ล้อเล่นคงไม่ต้องตอบหรอกมั้ง

    แต่เขาเป็นเจ้าของจักรยาน แถมเป็นคนที่ผมติดตามในโลกโซเชี่ยลมาสักพักจนเริ่มชอบภาพของเขา ก็เป็นโอกาสที่ดีนะที่จะได้ตอบเขาบ้าง ปกติก็ไม่เคยไปคอมเม้นในรูปเขาเลยเนี่ยนะสิ ชนเข้าผ่านทางนี้ไปเลยดีไหม

    ‘ผมชอบภาพของพี่เอ็กซ์มากเลยครับ พี่ถ่ายสวยมาก ผมชอบจริงๆนะครับ ผมอยากถ่ายให้ได้แบบพี่บ้าง ผมไม่คิดเลยครับว่าพี่เอ็กซ์จะมาคอมเม้นรูปของผม ผมดีใจมากเลยครับ ผมขอโทษด้วยนะครับเรื่องจักรยานที่แอบถ่าย ผมชอบภาพของพี่จริงๆนะครับ @__xxxx’

    ผมพิมพ์เพราะอยากชื่นชมเขาเลยเขียนจากก้นบึ้งหัวใจจนหมดเปลือก แต่ก็เหมือนภาพวนซ้ำสอง เพราะพอกลับมาอ่านอีกทีกลับกลายเป็นว่า เหมือนเด็กน้อยแอบชอบรุ่นพี่มานาน แล้วมาสารภาพรักให้รุ่นพี่ได้รับรู้ผ่านแอพพิเคชั่น เหมือนคนที่อายที่จะบอกความจริงจนไม่กล้าบอกซึ่งๆหน้า คิดแล้วก็เขินจนต้องลบข้อความในช่องสี่เหลี่ยมให้หมดอีกครั้ง

    เมื่อคิดไม่ได้ว่าจะตอบอะไรกลับไปดี ผมรีบเข้าไปหาอาจารย์กรูผู้รอบรู้ทุกเรื่องในโลก  นั้นคือ Google นั้นเอง ไม่รอช้ารีบใส่คำค้นหาในช่องข้อความทันที

    ‘ตอบข้อความในอินสตาแกรม’

    รอโหลดเพียงครู่เดียวก็มีผมรับแสดงออกมามากกว่า 229,000 รายการ แต่ก็ไม่มีข้อมูลที่ต้องการ สงสัยข้อความอาจจะกว้างเกินไป จะต้องค้นหาให้ลึกลงไปอีก

    ‘ตอบข้อความของรุ่นพี่อย่างไรในอินสตาแกรม’

    จากตอนแรกคิดว่าจะเจอคำตอบที่ตรงตามต้องการสักรายการหนึ่ง แต่กลับไม่มีสิ่งที่อยากได้ หนำซ้ำรายการค้นหายังมีเพิ่มมากขึ้นเป็นสองเท่า  สงสัยไม่ต้องตงต้องตอบกันแล้ว

    “ทำไมทำหน้าเครียด”

    เพื่อนร่วมห้องที่เสร็จกิจธุระในห้องน้ำภายในเวลาไม่ถึงสิบนาที ออกมาด้วยสภาพด้วยสภาพกึ่งเปลือย ด้านล่างมีเพียงผ้าสีขาวเหน็บไว้อย่างหลวม อีกผืนพาดอยู่บนบ่า ปลายด้านหนึ่งถูกมือขวาใช้สัมผัสกับเส้นผมเพื่อเช็ดหยดน้ำที่ลู่กับเส้นผม พร้อมหน้าตาที่บอกว่าสงสัยอย่างรุนแรง และต้องการคำตอบบัดเดี๋ยวนี้

    “ไม่รู้จะตอบอะไรดี”

    ผมตอบแล้วทิ้งหน้าลงกับหมอนวางโทรศัพท์ไว้ข้างตัว คนเพิ่งอาบน้ำเสร็จเดินเข้ามาใกล้หัวเตียงของผมและฉวยเอาโทรศัพท์ของผมไปถือในมือเอง

    “จะตอบใครว่ะ”

    “พี่ที่ชื่อเอ็กซ์”

    “ที่ดูไอจีพี่เขาเมื่อวานอ่ะนะ”

    “ใช่ๆ”

    คนเป็นเพื่อนนั่งเลื่อนไปเลื่อนมาสักพัก และพิมพ์อะไรบางอย่าง ผมที่มองอยู่ชะเง้อหน้าไปมองในจอ ตั้งใจจะเช็คเพื่อความแน่ใจว่าไม่ได้พิมพ์อะไรแปลกๆลงไป แต่ผมช้าไปเพราะยังไม่ทันได้ดูข้อความก็ถูกส่งออกไปเสียแล้ว

    ‘5555 @__xxxx’

    เป็นคำตอบที่ไรสาระบ้าบอคอแตกมาก ผมที่เห็นก็รีบกระโดดสปิงตัวดะจะงับหัวไอ้คนที่พิมพ์ข้อความส่งไปโดยไม่ถามความเห็นผมสักคำ แต่มันดันหลบได้ แถมวิ่งหนีไปทั่วห้องจนผมและมันเริ่มเหนื่อยจนหอบ ผมเลยหยุดและทิ้งตัวลงกับที่นอนพร้อมหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูข้อความที่เพิ่งถูกส่งไปอีกที

     ตอบแบบนี้น่าจะดีที่สุดแล้ว

    ผมคิดในหัวก่อนจะลุกขึ้นและไม่หันกลับมาสนใจข้อความนั้นอีก แต่ความคิดอีกอย่างนึงก็แวบเข้ามาในหัวว่า...เขาจะตอบกลับมาอีกไหมนะ




    
X’s Part

    ช่วงสิบโมงของวันนี้ผมมีนัดเพื่อมาทำงานให้กับคุณลุงโชคชัย หรือคนที่เป็นผู้ว่าจ้างของผมนั้นเอง อันที่จริงนัดคือสิบนาฬิกาสามสิบนาที แต่เพื่อป้องกันการมาไม่ตรงเวลา ผมจึงรีบออกจากบ้านและมาถึงนัดหมายก่อนเวลา

    สถานที่พูดคุยคือร้านกาแฟเล็กๆในซอยที่เล็กไม่แพ้กัน กว่าจะหาเจอใช้เวลาเดินหาอยู่ไม่น้อย แต่ต้องบอกว่าคุ้มค่าจริงๆที่ได้มาเจอ เพราะบรรยากาศในร้านเงียบสงบ น่านั่ง เหมาะสำหรับพักผ่อน นั่งอ่านหนังสือแบบสบายๆ และที่สำคัญคือถ่ายรูปได้สวยมาก องค์ประกอบในร้านดูเยอะไปนิด แต่ติทส์อย่างลงตัว

    ผมซึ่งชื่อชอบร้านแบบนี้ที่หายากนักในกรุงเทพมหานครฯ ก็ต้องถือโอกาสเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึกเสียหน่อย ไม่ลืมเซลฟี่ให้ติดใบหน้า เป็นการสร้างแลนด์มาร์คว่าเคยมาที่นี่จริง

    ในร้านผู้คนค่อนข้างน้อย มีเพียงผมที่นี่งอยู่โซนมุมร้าน และอีกคนที่นั่งอยู่ถัดจากผมไปอีกสามโต๊ะ ด้านที่กว้างที่สุดของร้านมีชั้นหนังสือเป็นผนัง และหนังสือเป็นร้อยเป็นพันเล่มอยู่บนชั้น สภาพหนังสือค่อนข้างยับเยินพอสมควรตามเวลา แต่ที่สภาพดีอยู่ก็ยังคงมี

    ระหว่างรอคุณลุงโชคชัย ผมสั่งมอคค่าที่ผมชอบเป็นที่สุดของบรรดากาแฟทั้งหลาย บางทีอาจจะเรียกว่าชอบไม่ได้ แต่ต้องเรียกว่าหลงใหลมากกว่า เพราะความลงตัวของรสชาติระหว่างกาแฟกับช็อคโกแลตมันช่างละมุนละไมเมื่อสัมผัสกับปลายลิ้น
    เรียกว่าหลงใหลแล้ว ก็แสดงให้เห็นว่าชอบมาก ผมเคยลองไปเรียนเป็นบาริสต้าจากผู้เชี่ยวชาญฝีมือดีจากฝรั่งเศส เสียเงินไปเกือบครึ่งหมื่น แต่สิ่งที่ได้คือกาแฟไหม้ในรอบแรก จนครบหกเดือนรอบสุดท้ายของผมกาแฟก็ยังคงไหม้เหมือนเดิม จนคนสอนถึงกับเพลีย นั้นคือเหตุผมว่าทำไมผมไม่เป็นบาริสต้า

    กรุ๊งกริ๊ง

    เสียงกระดิ่งติดประตูดังขึ้นเรียกความสนใจของผมให้หันไปทางผู้มาเยือนคนใหม่ นั้นคือผู้ชายวัยชราซึ่งมีผมขาวหงอกเป็นสิ่งบ่งบอก หน้าตาของเขายิ้มแย้มแจ่มใส ดูเป็นคุณปู่ใจดี เขามองซ้ายมองขวาผมจึงโบกมือให้คุณลุงโชคชัยรู้

    “สวัสดีครับ” ผมพูดทักทายพร้อมยกมือไหว้

    “ไหว้พระเถอะ” ลุงตอบผม

    คุณลุงโชคชัยใส่เสื้อลายสก็อตสีส้มไซต์ใหญ่พอดีกับขนาดตัวอวบตามวัย กางเกงยีนส์สีเข้มที่ดูก็รู้เลยว่าเพิ่งซื้อใหม่ได้ไม่นาน

    “มาก่อนเวลาเยอะเหมือนกันนะ เด็กสมัยนี้นี่รีบกันจริง” ลุงฑุดเหมือนบ่นกับตัวเอง ส่วนผมก็ทำได้แค่ยิ้มเล็กน้อย

    “ผมเป็นนักศึกษา....”

    ผมยังไม่ทันแนะนำตัวเสร็จคุณลงโลคชัยก็ขัดขึ้นมาก่อน

    “ทำตัวสบายๆเถอะ ลุงติดตามเธอมานานแล้ว เรามาพูดเรื่องงานเลยดีกว่านะ”

    ลุงพูดด้วยท่าทีสบายไม่ตึงเครียดเหมือนการคุยงาน นี่ผมโชคดีชะมัด ได้งานค่าจ่ายสูง แถมคนจ้างยังใจดีอีก ดีมันวันเพอร์เฟคดีของผมใช่หรือเปล่า

    “คือวันนี้ลุงอยากให้เธอถ่ายวีดีโอให้ลุงหน่อย ตามที่ได้คุยกับอาจารย์”

    “ครับ ว่าแต่คุณลุงจะให้ไปถ่ายลูกสาว แต่ทำไมถึงนัดมาคุยกันที่นี่ล่ะครับ”

    ผมถามข้อข้องใจของผม เพราะตามที่พูดคุยกับอาจารย์ งานที่ผมต้องทำคือถ่ายรูปลูกสาวของคุณลุงสมชายตามสถานที่ต่างๆ ซึ่งคุณลุงจะพาไปเอง แต่ตอนนี้มีเพียงแค่ผมกับคุณลุงเท่านั้น ยังไม่เห็นลูกสาวของเขาเลย  จนผมเริ่มไม่แน่ใจว่าผมมาถูกงานแน่หรือเปล่า

     “อ๋อ ลูกลุงเรียนเต้นบัลเล่ต์อยู่  อีกสักพักเราจะไปหากัน โรงเรียนอยู่ไม่ไกลจากที่นี่หรอก”

    ผมทำท่าเข้าใจก่อนจะหาเรื่องพูดคุยกับคุณลุงแก คุณลุงเป็นคนน่ารัก เข้าใจโลก ชีวิตของลุงผ่านโลกมาเยอะมาก จากครอบครัวที่ขายข้าวเหนียวหมูปิ้งกันก้อนเกลือกินตั้งแต่ยังเด็ก  ชีวิตเติบโตมาโดยการเป็นเด็กวัด มีโอกาสเล่าเรียนหนังสืองูๆปลาๆ จนอายุสิบห้าปีเสาหลักของบ้านก็เสียชีวิตลง ลุงก็ออกเลยต้องออกจากต่างจังหวัดมาทำงานในกรุงเทพมหานครฯ

     มาแค่วันแรกก็ถูกมิจฉาชีพหลอกเงินไปทั้งกระเป๋า เหลือติดตัวแค่บาทสองบาท ลุงแกคิดจะปลดชีวิตตัวเอง แต่โชคยังมีอยู่ เพราะมีเสี่ยใจบุญมาเจอลุงแกร้องไห้ร้องห่มก็เกิดสงสาร ลุงถึงได้มีงานทำในอู่ซ่อมรถ ชีวิตอยู่ดีมีสุข

    จนอายุยี่สิบห้า ลุงโชคชัยพบรักกับสาวโรงงานเย็บผ้า หลังจากนั้นก็ออกมาสร้างเนื้อสร้างตัวจนมีครอบครัว ได้ให้กำเนิดลูกสาวคนแรกและคนเดียวขึ้น แต่โชคดีกลับมีโชคร้าย พวกเขาให้กำเนิดน้องพลอยมาลืมตาดูโลก ในวัยที่คุณลุงนั้นอายุสี่สิบเข้าไปแล้ว...ซึ่งช้าเกินไป

    เด็กน้อยป่วยเป็นมะเร็งตั้งแต่อายุยังไม่ถึงหนึ่งขวบ และเลวร้ายยิ่งกว่า แม่ของเด็กน้อยจากไปตั้งแต่น้องพลอยยังจำความไม่ได้ ด้วยโรคร้ายนี้เองน้องพลอยจะอยู่ได้อีกไม่ถึงสามเดือน แต่ด้วยความเป็นพ่อของลุงโชคชัย เขาอยากจะอยู่กับลูกให้นานที่สุด ถึงแม้ด้วยวัยอาจจะอยู่ได้อีกไม่กี่สิบปี เขาก็คงจากโลกนี้ไปไม่ต่างกัน แต่เขาก็อยากเก็บความทรงจำของครอบครัวเอาไว้จนวินาทีสุดท้าย

    นี่สินะ  เรื่องจริงยิ่งกว่าในละคร แค่นั่งฟังยังทำให้บ่อน้ำตาเอ่อ แต่ต้องกลั้นเอาไว้

    เมื่อถึงเวลาใกล้เลิกเรียนบัลเล่ต์ของน้องพลอย คุณลุงก็พาเดินมาที่โรงเรียนสอนเต้นไม่ไกลไม่ใกล้จากร้านกาแฟนัก

    “คุณพ่อ!!!”

    เสียงใสของเด็กน้อยผมเปียในชุดสีชมพู วิ่งออกมาจากเก้าอี้แล้วกระโดดกอดขอลุงโชคชัยอย่างเต็มรัก ลูกสาวยิ้มจนตาหยีมาให้กับพ่อ ดูเผินๆแล้วน้องพลอยดูเหมือนเด็กปกติทั่วไป ร่าเริงสดใสตามวัย

    เราทั้งสามคนเดินทางโดยรถไฟฟ้าไปยังสวนสาธารณะ โรงเรียน พิพิธภัณฑ์ และที่สุดท้ายคือบ้าน  บ้านชั้นเดียวหลังเล็กเหมาะสำหรับคนสองสามคน ในบ้านถูกจัดอย่างเป็นระเบียบ มีห้องรับแขกที่มีของเล่นกระจายทั่วห้อง ผนังบ้านเต็มไปด้วยภาพวาดจากสีไม้ ลายเส้นแบบเด็กๆทำให้ดูกลมกลืนไปอีกแบบ

    ภาพส่วนใหญ่คาดว่าคนจะเป็นจินตนาการของน้องพลอย มีทั้งเจ้าหญิง ปราสาท รถม้า เสื้อผ้า บางรูปก็เป็นสัตว์โลกน่ารัก น้องพลอยดูมีพรสวรรค์ด้านนี้มากเลยทีเดียว

    แต่ผมชอบภาพที่อยู่ตรงกลางที่สุด ภาพที่มีผู้ชาย ผู้หญิง และเด็กน้อย พร้อมบ้านหลังใหญ่ ผมมองภาพนี้แล้วรู้สึกหน่วงได้หัวใจขึ้นมา น่าเสียดายที่ทุกอย่างคงไม่เป็นเป็นไปตามที่เธอฝัน

    “วันนี้ลุงขอบใจมากนะ เดี๋ยวลุงโอนเงินเข้าบัญชีให้วันพรุ่งนี้”

    ลุงโชคชัยบอกขอบคุณ แถมยังหยิบถุงขนมห่อเล็กส่งมาด้านหน้า ผมรับเอาไว้แล้วกล่าวขอบคุณ

    “พี่ชายจะกลับแล้วหรือคะ” เด็กน้อยผมเปียวิ่งออกมาพร้อมยิงคำถามใส่

    ผมย่อตัวลงไปนั่งยองๆ ให้ใบหน้าของผมและน้องพลอยอยู่ในระดับเดียวกัน เธอเป็นเด็กที่น่ารักจริงๆ น่าเสียดายที่อยู่ในโลกนี้เพียงไม่นาน

    “ครับ  มีความสุขมากๆนะน้องพลอย  ผมลานะครับคุณลุง” ผมพูดพลางลูบหัวน้องพลอยด้วยความเอ็นดู แล้วบอกลาลุงโชคชัย

    นี่ก็เกือบสี่โมงเย็นแล้ว เริ่มเหนื่อยอยู่เหมือนกันนะเนี่ย  กลับบ้านไปนอนเลยดีไหมนะ

    พลั๊ก!

    “โอ๊ะ!”

     ผมร้องด้วยความตกใจ เพราะระหว่างเดินบนฟุตบาทที่มีผู้คนเดินกันให้แน่น ก็ถูกใครสักคนชนเข้า ผมเลยเบี่ยงตัวหลบ แต่ไม่ทันได้สังเกตคนที่ยืนอยู่อีกฝั่งหนึ่ง กล้องตัวใหญ่ที่ถูกคล้องคออยู่จึงกระแทกเข้าที่หน้าท้องของผู้เคราะห์ร้ายเต็มๆ  ตายล่ะ กล้องไม่ใช่ถูกๆ ตัวนี้เก็บตั้งเป็นปีเลยนะกว่าจะได้มา

    “โอ๊ย!”

    เสียงของคนที่เดินอยู่ริมสุดของทางโดนกล้องตัวใหญ่อัดไปร้องขึ้น ผมเลิกสนใจกล้องตัวโปรด แล้วรีบถามอาการตามมารยาท

    “เป็นอะไรหรือเปล่าครับ?”

    “พะ  พี่เอ็กซ์” คนตรงหน้าตอบผมเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน

    “อะไรนะครับ?” ผมถามซ้ำอีกครั้ง

    “อะ เอ่อ อ๋อ ผมเจ็บท้อง ใช่ ผมเจ็บท้อง” เค้ารีบตอบออกมา ทำให้ผมยิ่งหน้าสลดเข้าไปใหญ่ ว่าแต่ทำไมผมถึงรู้สึกคุ้นๆอย่างบอกไม่ถูก ช่างเถอะ ตอนนี้ต้องขอโทษเขาก่อน

    “จะเป็นอะไรไหมถ้าผมจะเลี้ยงกาแฟคุณเป็นการขอโทษ” ผมเสนอขึ้นมา

    “จะดีหรือครับ”

    “ถ้าคุณไม่รังเกียจ...”

    “ตกลงครับ”

    คนตอบพูดออกมา ผมพยักหน้าเข้าใจและเลือกร้านที่ไกลที่สุด คู่กรณีดูอายุไม่น่าหายจากผมมากเสียเท่าไหร่ น่าจะพอๆกันเลยด้วยซ้ำ ก็คงจะเป็นโชคดีอีกล่ะมั้ง ที่เจอคนคุยง่าย ถ้าโดนมนุษย์ป้าอะไรทำนองนี้คงต้องถึงตำรวจแทนมาดื่มกาแฟเป็นแน่ แค่คิดก็สยอง




เย้ๆ พี่เอ็กซ์ น้องต้น เจอกันแล้ว เจอกันนิดดียวด้วย5555+
ตอนหน้าเป็นตอนจบแล้วเน้อออออออออ

ออฟไลน์ ketekitty

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
เค้าเจอกันแล้วค่ะ ...... :katai2-1:

ออฟไลน์ NuNam

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3
มาอีกนะคะ มาเยอะๆ ^^

ออฟไลน์ cchompoo

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-4
 เจอกกันแล้ว :z2:

ออฟไลน์ pannuna

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 449
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ใครเป็นรุกเป็นรับคะเนี่ยยยเดาไม่ออกกก  :ling1:
น่ารักมากกกก

ออฟไลน์ Phitprim

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
size=14pt]
    Ton’s Part

    บอกผมที่ว่านี่เป็นเรื่องจริง ผมเจอพี่เอ็กซ์ตัวเป็นๆ แถมเขาชวนผมไปดื่มกาแฟด้วยกันอีก อะไรจะบังเอิญขนาดนี้ แต่เหมือนว่าเขาคงจะไม่รู้จักผม ก็นั้นนะสิ เขาจะมารู้จักผมได้ยังไงกัน ผมไม่ได้เป็นคนโด่งดังขนาดที่ใครใครก็ต้องรู้จักเสียหน่อย

    ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ ผมออกจากหอมาในช่วงบ่ายเพื่อจะมาซื้อของกินพวกขนมขบเคี้ยว และของสดเพื่อเอาไปแอบทำอาหารในหอพัก ทำไมต้องแอบน่ะหรือ ก็เพราะในหอมีกฎห้ามประกอบอาหารทุกชนิดบนหอพัก นี่กะจะให้เด็กมหา’ลัยวัยกำลังโต ขาดแคลนสารอาหารหรืออย่างไรกัน

    แต่แดดประเทศไทยก็ไม่เป็นใจให้ผมออกนอกหอสักเท่าไหร่ หนำซ้ำวันนี้พระอาทิตย์ยังดูร่าเริงแจ่มใสเบิกบานแผ่รังสียูวีเอ ยูวีบี ยูวีซี และความร้อนมาปะทะผิวหนังของผม  จนกลัวว่าถ้าออกมายืนนานมากกว่านี้ผมอาจมีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งผิวหนังได้เลยนะเนี่ย

    ผมตัดสินใจกลับเข้าหอขึ้นไปยังชั้นหก เปิดประตูเข้าห้องแล้วเล่นคอมพิวเตอร์อย่างสบายใจ สบายมากจนลืมดูเวลาว่ามันเกือบจะสี่โมงเย็นแล้ว ผมรีบปิดคอมพิวเตอร์ลงแล้วออกไปซื้อของเข้าหอสักที

    ตอนเย็นคนวัยทำงาน เด็กนักเรียน แม่ค้าพ่อค้าแผงลอยก็พากำนมากรูกันบนฟุตบาททางเดินกันอย่างหนาแน่น ทางถนนก็เช่นกัน รถเล็กรถใหญ่ติดกันจนเป็นอัมพาต และยังปล่อยควันพิษสีดำ กลิ่นฉุนออกมาไม่น้อย มันทำให้ผมคิดว่า ผมยอมเป็นมะเร็งผิวหนังตอนกลางวันดีกว่าเป็นปอดดำแทนดีไหม แต่...มันก็ไม่ดีพอๆกันนั้นแหละ

    แล้วก็คงเป็นโชคร้ายซ้ำสอง เจอผู้คนจำนวนมากอัดกัน ไม่วายโดนวัตถุขนาดหนักกระแทกเข้าเต็มท้อง ผมหน้าตาบิดเบี้ยวเมื่อโดนสัมผัส แต่ก็ถูกแทนที่ด้วยอาการตกใจ เมื่อคนที่ผมหันไปพบ คือพี่เอ็กซ์!!

    ผมไม่ได้สนใจคำถามที่ได้ยินด้วยซ้ำ เพราะกำลังตกตะลึงอยู่ คุณเคยเป็นไหมครับ เวลาเคยเจอคนที่แอบชอบหรืออะไรประมาทนี้ ภาพในตามันจะสั่น ใจมันรัว สมองเบลอไปชั่วขณะ นั้นคืออาการที่ผมกำลังเป็น แต่เดี๋ยวนะ  ทำไมผมต้องเอามาเทียบกับเรื่องของผมด้วย มันไม่เกี่ยวเสียหน่อย

    ความรู้สึกที่กล้องตัวใหญ่มาโดนท้อง ไม่ได้กระทบกระเทือนต่อผมมาก แต่ในสมองกลับบอกว่านี่เป็นโอกาสดี ปากผมเลยขยับไปว่า

    “อะ เอ่อ อ๋อ ผมเจ็บท้อง ใช่ ผมเจ็บท้อง”

    เอาเป็นว่า กลับมาที่สถานการณ์ปัจจุบัน ผมนั่งอยู่ในร้านกาแฟแห่งหนึ่ง ร้านเปิดเพลงเบาๆ แต่ผมไม่เบาไปกับเพลงด้วย

    “ผมขอโทษจริงๆนะที่ชนคุณ” พี่เอ็กซ์พูดด้วยสีหน้าเศร้า

    “ไม่เป็นไรครับ พี่เอ็กซ์”

    “คุณรู้จักชื่อผมด้วยหรือ” จากหน้าเศร้าเปลี่ยนเป็นสีหน้าสงสัยจนคิ้วขมวดแทน

    “ครับ ผมตามไอจีพี่มานานแล้ว”

    “อ๋อ อย่างนี้นี่เอง”

     เราไม่ได้คุยอะไรกันต่อ ต่างคนต่างนั่งเล่นโทรศัพท์และจิบกาแฟ แต่ผมไม่ได้ทำแค่นั้น ผมแอบมองเขาอยู่ ผมพยายามหาเรื่องคิดมาพูด แต่กลับไม่กล้าถามเมื่อเห็นเขายิ้มให้กับหน้าจอ คงจะคุยกับใครสักคน ไม่เพื่อนก็แฟน

    “แล้วไอจีคุณชื่ออะไร?” เขาละออกจากหน้าจอแล้วเงยหน้าถามผม แถมยังยื่นโทรศัพท์มาตรงหน้า สื่อว่าให้ผมพิมพ์มันลงไป ผมรับโทรศัพท์สีดำมาไว้ในมือและกดอย่างว่าง่าย แต่ผมส่งโทรศัพท์นั้นกลับไปเมื่อพิมพ์เสร็จแล้ว โดยไม่ได้กดค้นหา

    ผมอยากให้เขากดเองมากกว่า...

    ผมคิดในหัวเล่นๆถ้าเขากดค้นหาแล้วรู้ว่าตัวเองฟอลผมอยู่แล้วจะเป็นยังไงกัน แต่คำตอบที่ได้ยินน่าตกใจกว่านั้น
    “คุณนี่เองที่ถ่ายจักรยานผม ฮ่าๆ” เขาพูดพร้อมรอยยิ้ม

    ผมลืมไปได้ยังไงกันว่าผมเป็นคนที่ไปแอบถ่ายจักรยานเขามาโดยไม่ได้รับอนุญาต พี่เขาจะว่าอะไรผมไหมนะ ทำไมอยู๋ๆก็รู้สึกเหน็บหนาว แถมเกร็งต้นต้นแขนอีก

    “เฮ้ย! เป็นอะไรรึเปล่า ไม่ต้องเครียด”

    “ฮ่ะๆ” ผมหัวเราะแบบฝืนสุด

    “ทำไมถึงตอบกลับมาว่า 5555 ล่ะ” พี่เขาถามแถมยังยื่นโทรศัพท์มาให้ผมดู

    “ก็...ผมไม่รู้จะตอบกลับว่าอะไรดีอ่ะ”

    เขาหัวเราะออกมาเหมือนเป็นเรื่องตลก ทำให้ผมยิ่งเขินไปใหญ่ ทำไมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเด็กเลยนะ ทั้งๆที่เขาและผมอายุห่างกันแค่ปีเดียวเอง

    “ไม่รู้จะตอบอะไร ก็ไม่ต้องตอบก็ไหนนี่ ของคนอื่นคุณยังไม่เห็นตอบ”

    “เพราะผมอยากคุยกับพี่ไงครับ”

    ทำไมประโยคเหมือนประโยคบอกรักอย่างไรชักกล สมองผมนี่ไม่เคยคิดก่อนจะพูดเลยนะ มีแต่ปากเนี่ยนะสิที่พูดก่อนคิด
    พี่เอ็กซ์ไม่ได้พูดอะไรต่อแต่ก้มหน้าก้มตามองโทรศัพท์บ้าง กล้องบ้าง เขาไม่พอใจผมหรือเปล่านะ ก็ใช่นะสิ ผู้ชายที่ไหนเขาอยากได้ยินประโยคหวานแหววจากผู้ชายด้วยกันบ้างล่ะ

    “เรียนวิศวะใช่ไหม” อยู่ๆคนเล่นกล้องก็ถามขึ้นมาไม่มีปี่มีขลุ่ย

    “ใช่ครับ พี่เอ็กซ์มีอะไรหรือเปล่า”

    “ถามแค่ที่เรียนต้องมีอะไรด้วยหรอ ฮ่าๆ” พี่เอ็กซ์พูกกลั้วหัวเราะ

    พี่เอ็กซ์เป็นคนที่เหนือความคาดหมายจริงๆ พูดกับคนที่เพิ่งเคยเจอกันครั้งแรกได้อย่างสบาย ไม่มีตะกุกตะกัก หรือทำตัวไม่ถูกแบบผมออกมาสักนิด แถมตอนนี้ผมยังไม่รู้จะชวนคุยอะไรต่อแล้วเนี่ยนะสิ อุตส่าห์มีโอกาสได้รู้จักกันแล้วแท้ๆ อยากชวนคุยใจแทบขาด แต่สมองนึกคำถามไม่ออก คนตรงข้ามก็ดูไม่สนใจอะไรเลยนอกจากกล้องตัวใหญ่ของตนเอง

    “ฮึก” เสียงสะอื้นดังขึ้นไม่ใกล้ไม่ไกล

    เมื่อเงยหน้าก็พบกับเจ้าของเสียงนั้น พร้อมน้ำสีใสที่เลื่อนไหลบนใบหน้าขาวออกมาจากดวงตาแดงกล่ำ สิ่งที่เห็นทำให้ผมเกิดอาการชะงักค้าง ตามด้วยเครื่องหมายอัศเจรีย์แสดงอาการตกใจไม่น้อย

    “พี่เอ็กซ์เป็นอะไร!!” ผมพูดและเอื้อมมือไปแตะมือข้างหนึ่งของพี่เอ็กซ์อย่างอัตโนมัติ

    “อะ เอ่อ ฮ่า ฮ่าๆๆๆๆ” จากเสียงละอื้นเมื่อไม่นานกลับกลายเป็นเสียงหัวเราะเข้ามาแทนที่

    ผมได้แต่เงิบรับประทานกับอารมณ์แปรปวนของคนตรงหน้า

    “ฮ่าๆ คือ...ไม่มีอะไร แบบว่าเศร้านิดหน่อย”

    “เศร้า?”

    “อ่าฮะ ก็ดูดิ วันนี้ต้องไปทำงานถ่ายรูปให้คนนี้อ่ะ รูปสาวเขาเป็นมะเร็ง อีกไม่กี่เดือนก็เสียแล้ว ก็เลยแบบว่า...เศร้านิดหน่อย”

    พี่เอ็กซ์พูดพลางเช็ดน้ำตาออกจากข้างแก้ม แล้วเลื่อนหน้าจอกล้องให้หันมาทางผม เพื่อให้ดูภาพได้ถนัดยิ่งขึ้น สิ่งที่เห็นในจอคือผู้ชายตัวใหญ่คนหนึ่งที่อุ้มเด็กน้อยตัวเล็กไว้ในออมกอด แขน บรรยากาศรอบข้างเต็มไปด้วยต้นไม้ มือของเด็กน้อยมีดอกไม้เล็กๆถืออยู่ และทั้งคู่นั้นกำลังยิ้มอยู่แต่สายตานั้นไม่ได้อยู่ที่กล้อง พวกเขากำลังจ้องมองกันอยู่ต่างหาก

    “ถ่ายสวยนะครับ”

    “ชมกันโต่งๆแบบนี้ ผมก็ไปไม่ถูกน่ะสิ”

    “ก็มันเป็นเรื่องจริงนี่ครับ ภาพของพี่เอ็กซ์สวยจะตาย”  ผมยังไม่หยุดชื่นชม

    “พอเลยคุณ อืม นี่ก็เย็นแล้วคุณจะกลับเลยไหม?” พี่เอ็กซ์ถามเมื่อดูนาฬิกาที่ข้อมือนั่น

    “กลับเลยก็ดีครับ” ผมตอบทั้งทีใจจริงอยากอยู่ต่อตรงนี้อีกสักนิด

    “ยังเก็บตังเลยเนอะ เอ่อ...คุณจับมือผมอยู่”

    คำพูดของพี่เอ็กซ์ทำให้ผมเพิ่งรู้สึกตัวว่าจับมือเขามานานเท่าไหร่แล้ว ผมรีบชักมือออกแล้วลูบท้ายทอยตัวเองแก้เก้อ เขินจริง สงสัยตกใจน้ำตาคนตรงหน้าจนลืมตัวไป

    พี่เอ็กซ์ยกมือขึ้นเรียกพนักงานให้มาเช็คบิลที่โต๊ะ พนักงานสาวใส่ชุดมัธยมปลายเดินมาพร้อมใช้ปากกาจดยิกยิกลงในกระดาษ และยื่นกระดาษมาทางด้านของผม ในกระดาษสรุปราคาทั้งหมดเป็นจำนวนเงินเก้าสิบบาทถ้วน ผมหยิบธนบัตรมูลค่าหนึ่งร้อยบาทไทยออกจากกระเป๋า ยื่นให้พนักงาน

    “เดี๋ยวผมจ่ายเอง” อีกคนบอกแต่ก็ช้ากว่าผม

    พนักงานรับเงินจากผมแล้วรีบเดินจากไป เพราะในร้านคนค่อนข้างแน่นร้าน

    “คุณจะเลี้ยงผมทำไม ผมเป็นคนชนคุณนะ”

    “ไม่เป็นไรครับผมอยากเลี้ยง” ผมตอบแล้วส่งยิ้มไปให้

    พี่เอ็กซ์ไม่พูดอะไรต่อ พวกเราเดินออกจากร้านมา แล้วกล่าวล่ำลากันเพื่อแยกจากกันที่หน้าร้าน

    “ครั้งหน้าผมจะเลี้ยงคุณคืนนะ” เขาพูดก่อนหันหลังเดินไปตามทางอีกเช่นเคย

    “พี่เอ็กซ์ครับ”

    ผมเรียกชื่อเขาอีกครั้งเมื่อนึกได้ว่ายังไม่ได้บอกอะไรบางอย่างให้อีกคนได้รู้ เจ้าของชื่อหันหน้ากลับมาก่อนจะเลิกคิ้วเป็นคำถามว่ามีอะไร

    “ผมชื่อต้นนะครับ เลิกเรียกผมว่าคุณได้แล้ว”

    คนฟังหัวเราะออกมาอย่างนึกขำ และผมก็ได้รอยยิ้มและคำพูดชวนฝันจากเขามาเป็นการตอบแทน

    “ครับ น้องต้น”

    ผมรู้สึกอิ่มเอมสุขอุราในหัวใจอย่างกระชุ่มกระชวย เดินไปอีกทางอย่างล่องลอย แถมริมฝีปากก็คลี่ยิ้มไม่หุบ พอนึกทบทวนคำพูดอีกครั้งก็เผลอก้มหน้าหัวเราะออกมา จนลืมไปเลยว่ากำลังอยู่ในที่สาธารณะ

    ผมว่า...พี่เขาคงไม่ได้เป็นไอดอลผมหรอกครับ

    ก็แฟนคลับที่ไหน ใจเต้นระรัวกับไอดอลขนาดนี้

    


    


  X’s Part

    ผมกลับมายังหอของตัวเองตามปกติ แต่ที่ไม่ปกติคือเสียงในหัวของผม ทำไมในหัวผมยังนึกถึงเพียงแต่เรื่องเมื่อตอนเย็น ตอนแรกก็ตกใจอยู่หรอกที่เจอคนที่แอบถ่ายจักรยาน เลยเผลอบอกไป  แถมยังไปร้องไหลน้ำตาไหลเป็นเด็กน้อยต่อหน้าอีก อายเป็นบ้า

    บ้า บ้า บ้า บ้า บ้า บ้า

    “เฮ้ย ทำไรว่ะ ทุบซะหมอนบุบ”

    เพื่อนมิคที่เข้ามาตอนที่ผมกำลังนอนฟุบลงกับหมอนหันไปนอกหน้าต่าง จึงทำให้ไม่เห็นผู้มาเยือนใหม่ เป็นเรื่องปกติที่มันจะเข้ามาในห้องของผม เพราะผมไม่เคยล็อคประตู เพราะว่าเวลาคนเข้าออกขี้เกียจเดินไปเปิดให้ แถมหอนี่ก็เป็นหอชายด้วยกันทั้งนั้น

    “เปล่า” ผมตอบเสียงเบา บอกให้มันรู้เรื่องในหัวผมไม่ได้นะ ไม่อย่างนั้นมันต้องล้อผมแน่ๆ

    “โกหก ” รู้ทันอีก

    “เออ แล้วนายมีอะไร”

    “เพื่อนมาหานี่ต้องมีอะไรด้วยหรือครับ วันนี้หายไปทั้งวันก็ไม่บอกเพื่อน นี่เห็นคนอื่นสำคัญกว่าใช่ไหม ไปจีบใครมาบอกดีๆ....” คนเป็นเพื่อนยังสาธยายไม่หยุด

    “เออ ถามอะไรหน่อย” ผมเริ่มตั้งคำถาม ซึ่งพอมิคได้ยินก็หูผึ่งทันที

    “ถามมาเลยครับเพื่อน” ไม่วายกระโดดขึ้นมาบนเตียงแถมยังเกี่ยวคอผมเข้าไปใกล้จนต้องพลักออก

    “คืออย่างนี้...กูว่า...แบบ...เอ่อ....”

    “มีอะไร อ้ำๆอึ้งๆอยู่ได้ เจอรักแท้หรือไง” มันพูดออกมาเล่นๆ แต่ตรงใจผมมาก

    “รู้ได้ไงว่ะ” ผมพูดเสียงเบาหวิว

    “เรื่องจริงดิ กูพูดเล่นนะเนี่ย ไหนครับไหน ไปเจอใครมาเล่าให้เพื่อนฟังหน่อย”

    มิคพูดอย่างนั้น ทำให้ผมยอมเปิดปากเรื่องที่เจอมาเมื่อตอนเย็นของวัน รวมไปถึงเรื่องที่เขาแอบถ่ายจักรยานของผมไปด้วย

    ความจริงผู้ชายอย่างผมไม่ควรจะมานั่งคิดถึงเรื่องของผู้ชายอีกคนหรือเปล่า แต่ว่าผมดันคิดเรื่องของคนอื่นวนไปวนมาจนรู้สึกไม่สบายใจ เลยหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตเพื่อหาคำตอบจากหลายความคิดเห็น ผมลองพิมพ์อาการของผมไปสั้นๆ

    ‘สงสัยเจอรักแท้ครับ’

      ความคิดเห็นจากเว็บไซต์ทำให้ผมใจกระตุก ถึงแม้จะรู้สึกอยู่แล้วว่าเป็นอาการตกหลุมรักหรืออะไรบ้าง ผมเคยมีแฟนเป็นผู้หญิงก่อนหน้านี้ และก็พอจะเข้าใจว่ารักเป็นอย่างไร แต่ก็…ไม่คิดว่าจะเกิดชอบผู้ชาย

    มันก็แปลกอยู่นะ ผมเพิ่งจะรู้จักเขาได้ไม่นาน จะนับเป็นชั่วโมงยังได้ แถมไม่เคยรู้สึกว่าชอบผู้ชายมาก่อนเลย ทั้งๆที่คนรอบกายก็เป็นเพศเดียวกันเสียส่วนใหญ่ คิดมาถึงตรงนี้ก็รู้สึกว่าผมฟุ้งซ่านเกิดไปหรือเปล่า ถึงขนาดหาข้อมูลในเน็ตเลยทีเดียว

    นี่มันเด็กประถมแอบชอบผู้หญิงครั้งแรกชัดๆ!!!

    “อาจจะเพราะชอบถ่ายรูปเหมือนๆกันหรือเปล่า มึงก็เลยคิดว่ารู้สึกว่าชอบเขา แต่จริงๆมึงอาจจะชอบงานเขาอะไรเงี้ย”

    “แล้วทำไมต้องคิดถึงแต่เรื่องนี้ด้วย ปกติเจอผู้ชายด้วยกันก็ต้องวางตัวปกติ แต่นี่กูวางตัวไม่ค่อยถูกเท่าไหร่ด้วยนะ”

    “ก็เพิ่งเจอกันไงก็วางตัวไม่ถูกบ้าง ที่คิดแต่เรื่องเขาก็เพราะไปทำอะไรน่าอายไว้ไง ก็เลยคิดมาก”

    มันก็จริงอย่างที่มิคว่า ผมอาจจะคิดเยอะคิดมากไปจริงๆ แต่ก็ยังไม่คลี่แคลงใจอยู่ดี

    “เอางี้ดิ ถ้ามึงคิดว่าชอบเขา  มึงก็ลองคุยๆกันไปก่อน”    

    “จะคุยกับเขายังไง เบอร์ติดต่ออะไรก็ยังไม่มี”

    “ไปขอ”

    “ฮะ!!”

    “ไปขอไง ไม่ขอแล้วจะได้ไหมเล่า”

    “มันไม่แปลกๆหรือไง อยู่ๆก็ไปขอเบอร์เขา” ผมบ่นหงุบหงิบ

    มิคเอื้อมมือมาลูบหัวผมแล้วขยี้เบาๆ ส่วนผมก็ได้แต่คิดแล้วคิดอีก ความคิดของของมิคก็เป็นข้อเสนอที่ดีอยู่ไม่น้อย จะลองดูก็คงไม่เสียหาย...

    “ก็ต้องลองไง เดี๋ยวไปเป็นเพื่อน” มิคพูดด้วยรอยยิ้ม แต่ผมก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี

    พวกเรานั่งคุยกันอยู่นานนับชั่วโมงจนลืมเวลา พอรู้สึกตัวอีกที่ก็เกือบจะหนึ่งทุ่มแล้ว ไอ้มิคก็กลับห้องของตัวเองไป ส่วนผมก็นอนอยู่บนเตียงเช่นเดิม นอนเล่นโทรศัพท์และส่องไอจีของคนที่พบกันเมื่อตอนเย็น แต่ไม่มีการเคลื่อนไหวของแอพพิเคชั่น

    ผมเลยเลือกที่จะโพสต์รูปลงในอินสตาแกรมของตนเอง นิ้วไล่ไปยังหน้าจอเลื่อนภาพมาสองสามครั้ง ก็พบกับรูปภาพของชายหลังที่แอบถ่ายเอาไว้ ตัดสินใจกดรูปนั้นพร้อมเขียนประกอบว่า

    ‘ขอบคุณค่ากาแฟ’

    มองหน้าจออยู่ครู่เดียว ก็ตัดสินใจยกเลิกการอัพโหลด เพราะกลัวอีกคนหนึ่งจะรู้ว่าตัวผมนั้นมีความรู้สึกที่พิเศษต่อเขา


    เป็นเช้าอีกวันที่ผมมาเรียนตามปกติ แต่ไม่ปกติคือหลังจากที่คลาสในช่วงเช้านั้นจบ ผมและเพื่อนทั้งแก๊งมารวมตัวกันในโรงอาหารที่คณะวิศวะกรรมศาสตร์ ซึ่งเด็กนิเทศอย่างพวกเรา ไม่ค่อยจะมีเรียนในคณะแห่งนี้เท่าไหร่ แถมพวกเรายังอยู่ในดงเสื้อช็อปของเหล่าเด็กวิศวะแล้วรู้สึกหวาดเสียวชักกล

    สายตาพยายามสอดส่ายหาคนที่ตามหา แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะพบเสียที สงสัยจะมาเสียเที่ยวแล้วล่ะมั้ง พออคิดอย่างนั้นก็ทำได้แต่เขี่ข้าวมันไก่ในจานฆ่าเวลา

    “มึงจะเขี่ยข้าวทำไมเนี่ย"

    “อย่าเครียดเพื่อน”

    “ถึงมึงจะชอบผู้ชาย แต่พวกกูก็ไม่ได้รังเกียจมึงนะ”

    คือเพื่อนผมเว่อน์กันเกินไปครับ แค่บอกว่ารู้สึกว่าจะชอบผู้ชาย มีนก็ตีโพยตีพายว่ากลัวผมจะคิดว่าพวกมันรังเกียจผมที่ชอบผู้ชาย แต่ความจริงคือผมไม่ได้คิดเรื่องนั้นเลยต่างหาก

    “แล้วคนคนนั้นลักษณะเป็นอย่างไร สูง เตี้ย ดำ ขาว อ้วน หรือผอม “

    “สูงกว่ากู ผมดำสั้น  ไม่ผอมนะ แต่ก็ไม่ได้อ้วนมาก ไหล่กว้างนิดหน่อย แล้วก็ผิวขาว”

    “งั้นคงไม่ใช่โต๊ะข้างๆ” มิคพูด

     แต่ระยะหว่างโต๊ะที่พวกผมนั่งกับโต๊ะข้างๆห่างกันเพียงนิดเดียวเท่านั้น ถึงแม้เสียงในโรงอาหารจะดังสนั่น แต่ก็คงไม่สามารถกลบเสียงของมิคได้

    “เมื่อกี้พูดว่ายังไงนะ” เสียงคนใส่เสื้อช็อปโต๊ะข้างๆดังขึ้น

     พวกผมทั้งหมดถึงกับสะดุ้ง โดยเฉพาะตัวคนพูด อยู่ดีไม่ว่าดีอีกจนได้ไอ้มิคเอ๊ย

    “เปล่าครับ ไม่มีอะไร ไม่ได้พูดถึงพี่เลยครับ พวกผมคุยเล่นกันเฉยๆ” ไอ้มิคหันไปฉีกหน้ายิ้มพร้อมพูดตอบ แต่หน้าพี่เสื้อช็อปนี่ไม่ได้ดูโหดน้อยลง

    “คือพวกผมตามหาคนอยู่ครับ สูงๆ ขาวๆ ไหล่กว้างๆ พวกพี่รู้จักไหมบ้างไหมครับ” เพื่อนอีกคนหนึ่งพูดเพื่อเปลี่ยนประเด็น

    “บอกแค่นั้นใครจะไปรู้ว่ะ  มีชื่อไหม” พี่เสื้อช็อปถามกลับมาด้วยน้ำเสียงเปล่าลง ทำให้รู้สึกปลอดภัยไปเปราะหนึ่ง

    “ชื่อต้นครับ” ผมตอบบ้าง พี่เสื้อช็อปเหมือนทำหน้าอ๋อเหมือนนึกอะไรขึ้นได้

    “ที่อยู่ปีหนึ่ง วิศวะอุตฯหรือเปล่า”

    วิศวะน่ะใช่ แต่ไม่รู้ภาคเนี่ยนะสิ

    “น่าจะใช่ครับ”

    “อยู่ตรงนั้นไงกำลังเดินมาตรงนี้”

    พี่วิศวะชี้ให้ดูยังหน้าประตูโรงอาหาร พวกผมจึงหันไปมองแล้วพบกับคนชื่อต้นจริงๆด้วย แถมเหมือนว่ากำลังจะมุ่งหน้ามาทางนี้

    “มีธุระอะไรกับต้นมันล่ะ”

    “อ๋อ เพื่อนผมมันจะมาจีบน้องต้นเขาอ่ะครับ พวกพี่ช่วยพวกผมหน่อยดิ”

    ไอ้มิคพูดออกไปไม่ถามผมสักคำ พี่วิศวะกลุ่มนั้นหันมาทางผมเป็นคำถามว่าเรื่องจริงหรือเปล่า ผมได้แต่ทำท่าทีอึกอักเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มและพยักหน้า แต่ทีจริงผมไม่ได้มาจีบสักหน่อย แค่มาทำความรู้จักเฉยๆ

    ไม่ได้ยืดสาวความต่อ เจ้าของชื่อคำว่าต้นก็มาหยุดยังโต๊ะของพี่ว้ากพอดิบพอดีแถมยังมีเพื่อนตามมาอีกเป็นพวง ผมพอจะเดาได้ว่าพี่เสื้อช็อปโต๊ะข้างๆคงจะเป็นแก๊งพี่ว้ากแน่ๆ เพราะพอรุ่นน้องมาปุ๊บก็ตีหน้าโหดกว่าเดิมปั๊บ แถมยังทำเป็นยัดอาหารใส่ปากไม่สนใจคนมาใหม่เลยสักนิด

    “พี่ว้ากครับ พวกผมมาขอลายเซ็นครับ” ต้นพูดขึ้น

    ต้นยังไม่ได้สังเกตว่าผมกำลังมองเขาอยู่ อาจจะเพราะคนเยอะ และตั้งใจจะมาขอลายเซ็นพั้ว้ากเลยไม่ได้สนใจคนรอบข้าง
    “คิดว่าผมจะให้ง่ายๆหรือครับ” พี่ว้ากวิศวะพูดแต่ไม่ได้มองหน้ารุ่นน้อง

    “ผมยอมทำทุกอย่างเลย แลกกับลายเซ็นรุ่นพี่” รุ่นน้องสมทบเข้าไปอีก

    พี่ว้ากที่เพิ่งคุยกับพวกผมเมื่อกี้หันมาสบตากับผมครู่หนึ่ง แต่ผมเดาความหมายไม่ออกว่าจะสื่อถึงอะไร แต่ผมก็ต้องเสียวสันหลังวาบเมื่อเขากระตุกยิ้ม....ทำไมขนลุกแปลกๆ

    “งั้นปีหนึ่งทั้งหมดไปร้องเพลงและเต้นกลางโรงอาหารนี้ เสียงดังๆให้ผมได้ยินจนกว่าผมจะกินข้าวเสร็จ  ส่วนคุณผมจะให้เป็นกรณีพิเศษ...โดยการไปขอเบอร์ ไลน์ เฟซบุ๊ค ที่อยู่ และถ่ายรูปคู่กับผู้ชายคนนั้น” พี่ว้ากว่ายาวเหยียด แต่ทำให้ทั้งผม ทั้งเพื่อนผม ทั้งน้องปีหนึ่งทั้งหลาย หน้าตาตกตะลึงกันไปเป็นแทบ

    “ทะ..ทำไมผมไม่ต้องทำเหมือนคนอื่นๆ”

    “เพราะผมสั่งไง!!  เร็วๆก่อนที่ผมจะเปลี่ยนใจ พวกคุณก็ด้วย!!” พี่วิศวะพูดกับน้องปีหนึ่งทุกคน ปีหนึ่งคนอื่นๆวิ่งไปยังกลางโรงอาหารเหลือเพียงแค่ต้นคนเดียวที่เป็นปีหนึ่ง

     ต้นหันมามองหน้าผมพร้อมกับหน้าแดงหน่อยๆ ท่าทีลุกลี้ลุกลนทำตัวไม่ถูกชวนให้น่ามอง ทำไมอยู่ๆผมรู้สึกร้อนที่หน้าขึ้นมา

    “เอ่อ...พี่เอ็กซ์ครับ ขอเบอร์ ไลน์ เฟซบุ๊ค และก็ที่อยู่หน่อยได้ไหมครับ” ต้นพูดต่อหน้าผม ส่วนตัวผมก็ทำท่าทีไม่ถูก เมื่อหันหน้าไปมองเพื่อนๆก็ได้รับสัญญาณว่า

    ให้เลย

     ให้เลยยยยย

    ให้เลยยยยยยยยย

    ให้เลยยยยยยยยยยยยย

    ให้เลยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

    เพื่อไม่ให้คนอื่นๆจับพิรุทได้ว่าผมแอบคิดลึกกับคนตรงหน้า จึงต้องยื่นมือไปคว้าโทรศัพท์มาไว้ในมือ พิมพ์ทำไอดีไลน์ ช่องทางการติดต่อสื่อสารทั้งหมดลงบนหน้าจอ เสร็จแล้วจึงยื่นกลับไปให้เจ้าของ

    “อิ่มละ กลับกันเหอะ” ผมพูดแบบไม่ปรึกษาใคร พวกเพื่อนที่นั่งได้แต่ทำหน้าเหวอแต่ก็ยอมลุกเก็บของ

    “พี่เอ็กซ์ครับ ถ่ายรูปกับผมหน่อยได้ไหมครับ”

    “ได้สิ”

    ผมและต้นขยับตัวเข้าไปใกล้กันมากขึ้น ผมรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก รู้สึกทำตัวไม่ถูก ผู้ชายสองคนถ่ายรูปคู่กันกลางโรงอาหาร ดูยังไงก็แปลก ผมพยายามหายใจให้เป็นปกติที่สุด ถึงแม้ภายในใจจะเต้นระรัวเป็นจังหวะกลอง คนถือกล้องดูจะไม่ชำนาญการใช้กล้องหน้าเท่าไหร่ ทำให้เก็บภาพใบหน้าของผมและเขาได้ไม่หมด

    “ขยับมาทางนี้หน่อยครับ”

    คนถือกล้องโอบไหล่ของผมเพื่อให้เข้าไปใกล้ตัวเขามากขึ้น ตอนนี้ใบห้าของเราแทบจะติดกัน ผมสัมผัสได้ขึ้นไอร้อนจากร่างกาย และลมหายใจที่เป่ารดลงมาบริเวณต้นคอ ยิ่งทำให้หัวใจของผมเต้นกังมากกว่าเดิมเข้าไปอีก

    แชะ!

    เสียงชัตเตอร์ดังขึ้นเป็นอันว่าสำเร็จภารกิจ ผมขอตัวทันทีเพราะรู้ว่าถ้าอยู่นานกว่านี้ หัวใจผมคงได้หลุดออกมาจากร่างจริงๆแน่

    กลุ่มของผมเดินออกจากโรงอาหารมาและตรงไปยังคณะนิเทศศาสตร์เพื่อเรียนต่อ พวกเพื่อนผมพูดแซวเป็นเกลียว ล้อไม่หยุด จนผมต้องออกปากด่าว่าพวกมันพร้อมทำตาขึงใส่ พวกมันเลยยอมจำนน แต่ไม่วายแอบหัวเราะคิกคักกันให้ผมได้ยิน

    จะว่าไป...ผมยังใจเต้นไม่หายเลยนะเนี่ย

    ผมคงชอบเขาจริง....

    เมื่อกี้ก็คงทำไปเพราะคำสั่งของพี่ว้ากนั้นแหละ เขาคงไม่ได้คิดอะไรกับผมหรอก แต่ก็ต้องขอบคุณพวกพี่วิศวะที่ช่วยผมด้วย ที่เหลือก็รอว่าเขาจะแอดมาหรือเปล่า ถ้าแอดมา...ผมคงดีใจมาก แต่ถ้าไม่..ผลมันก็ชัดเจน

    “ไอ้เอ็กซ์ ดูไอจีเร็ว”

    เพื่อในกลุ่มพูดขึ้น ผมจึงรีบปลดล็อกหน้าจอของต้นเอง เข้าสู่แอพพิเคชั่นอันคุ้นเคย ฟีดแรกที่เห็นทำให้ใจผมฟู่ฟอง เหมือนกับว่าผมจมอยู่ในฟองอากาศ รอยยิ้มบนใบหน้าเผยออกมาอย่างอัตโนมัติ

    ‘ขอจีบได้ไหมครับ พี่เอ็กซ์ @__xxxx ’

    รู้ใบหน้าของผมและเขาที่โชว์หลาพร้อมแคปชั่นแสดงประโยคคำถาม เพื่อความมั่นใจผมกลับไปมองยูสเซอร์เนมนั้นอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ  และมันก็ใช่เขาจริงๆ ต้นจริงๆด้วย

    จะตอบกลับไปว่าอะไรดีนะ?

    ผมใช้นิ้วสัมผัสหน้าจอจนเกิดคำสั้นๆแต่ได้ใจความ นับหนึ่งสองสามในใจก่อนจะกดคอมเม้นลงไปใต้รูปภาพที่ผมเพิ่งเห็นได้ไม่นาน

    คุณคิดว่าผมจะตอบว่าอะไรหรือครับ

    ผมไม่บอกหรอก...พวกคุณน่าจะรู้กันดีอยู่แล้ว

     



  อีกด้านหนึ่ง....
    ชายหนุ่มที่ตัดสินใจโพสต์รูปภาพที่ได้ถ่ายคู่กับคนที่ชื่นชอบลงบนอินสตาแกรมของตนเอง หลังจากลงรูปนั้นไปเพียงไม่กี่นาทีใจของเขาก็กระวนกระวาย เพราะไม่มีสัญญาณตอบรับจากคนที่กล่าวถึง

    หรือเขาควรรีบลบรูปภาพก่อนที่คนคนนั้นจะมาเห็นเข้า  ถ้าลบตอนนี้น่าจะยังทัน

    แต่ยังไม่ทันได้ทำ แจ้งเตือนสีส้มรูปหัวใจก็เด้งขึ้นมา เขากดเข้าไปดูก็พบว่า คนที่แท็กถึงได้กดไลค์รูปของเขาแล้ว แสดงว่าเขาต้องเห็นรูปนี้ ลบคงจะไม่ทันแล้วล่ะ 

    เขาจะปฏิเสธเราไหมนะ

    ทำได้เพียงแค่คิดให้หัววุ่น แต่ก็เช่นเคย คิดยังไม่ทันเสร็จ ความกังวลนั้นก็หายไป พร้อมแทนที่ด้วยความดีใจที่เอ่อล้นแทน

    ‘ตกลง’

    คอมเม้นสั้นๆ แต่เข้าใจง่าย รู้สึกเหมือนหูนั้นอื้ออึงอยู่สักพัก

    ตกลง....นี่พี่เขาก็ใจตรงกับผมหรือเปล่า  อย่างไรก็ช่างเถอะ ชอบไม่ชอบไม่รู้ แต่ต่อจากนี้ต้องจีบให้ได้ล่ะนะ ก็ไปขอจีบเขาแล้วนี่นา





----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
                                   จบแล้ว ตั้งแต่เริ่มลงนี่เข้ามาเช็คคอมเม้น มาเช็คยอดอ่านแทบตลอด
                                       ขอบคุณนักอ่านทุกๆคนที่ติดตามเรื่องแรกของเรานะ
              งานอาจจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ รู้สึกไม่ถนัดเวลามีบทสนทนา แต่ชอบบทบรรยาย ถึงมันจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่
                                     ขอบคุณคำติชมของทุกคนด้วยนะ เรื่องต่อไปจะพัฒนาให้ดีขึ้นกว่านี้
                                       และขอให้ทุกคนติดตามเรื่องต่อๆไปของเราด้วยน้าาาาาา อิอิ

    ปล. วางแผนว่าจะแต่งเรื่องสั้นเกี่ยวกับอิสตาแกรมต่อ แต่เป็นคู่อื่นๆ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-04-2016 19:38:34 โดย Phitprim »

ออฟไลน์ NuNam

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3
 :pig4:

ออฟไลน์ double9JH

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1809
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-7
จีบกันแล้วววว   :impress2:

พี่ว๊ากให้ความร่วมมือดีมากเลย 555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [เรื่องสั้น] แอพรัก 'อินสตาแกรม'
« ตอบ #39 เมื่อ: 01-04-2016 20:20:41 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ketekitty

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
ต้องขอบคุณพี่ว๊าก อย่างเป็นทางการด้วยนะคะ 555

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
กล้าๆ อย่างนี้แหล่ะจะได้แอ้ม 555

ออฟไลน์ monoo

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1957
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +101/-4
 :-[

ออฟไลน์ flimflam

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 881
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-4
พี่ทำดีค่ะ 555555555555
ต้นไม่ต้องจีบก็ติดนะจริงจริ๊ง

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
อร๊ายยยยยย น่ารักอ่ะ ยิ้มไปตลอดเลยล่ะ อร๊ษยยยย :-[ :-[

ออฟไลน์ MSeraph

  • This too shall pass
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1751
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
น่ารักกกอะ. เขินกันไปก้เขินกันมา
ต้นคงอยากวิ่งกลับไปกราบพี่ว้ากคนนั้นเลยมั้ง
55555555555
พี่เอ็กซ์ก้นะ เขินจะตายละมาทำฟอร์ม555
ขอบคุณค่าาา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-07-2016 17:53:07 โดย MSeraph »

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
น่ารักดี ๆๆๆ

ออฟไลน์ chaichan

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
น่ารักมากค่ะ ต่อเร็วๆนะคะ

ออฟไลน์ DREAM COME TRUE

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 379
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
สนุกดี ^^

ขอบคุณนะครับสำหรับเรื่องน่ารักๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [เรื่องสั้น] แอพรัก 'อินสตาแกรม'
« ตอบ #49 เมื่อ: 27-09-2016 13:25:35 »





ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ purple

  • Aventador FC
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 355
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
น่ารักมากค่ะ

ออฟไลน์ Aomampapeln

  • แมวเหมียว เมี๊ยว เมี๊ยว~
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
น่ารักอะ เหมียวเขินตัวบิดหหมดแล้ว...ใจละลายๆๆ :mew1: น้องต้นต้องขอบคุณพี่ว้ากนะ กามเทพตัวน้อยๆ!??? 555

ออฟไลน์ ป้ากิ่งkingkarn

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 308
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
น่ารักมากกกก  ชอบมากๆ รออ่านคู่อื่นนะคะ ขอบคุณค่ะ^^♥♡

ออฟไลน์ tear0313

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
 :pig4:

ออฟไลน์ momonuke

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 753
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
น่ารักกกกกกก

ออฟไลน์ Mayana

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 424
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ `ลoงสิจ๊ะ™

  • รักคือรัก จะให้หักห้ามใจนั้นยาก
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 310
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ถึงตาลายกับสีตัวอักษรนิดนุ้ง. แต่ก็ชอบนะคะเรื่องเรื่องน่ารัก ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆให้อ่านนะคะ

ออฟไลน์ snice_cz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 727
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-0
ถ้าไม่มีพี่ว๊ากกกอาจจะไม่ได้จีบกันแล้วนะ คิคิ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด