ตอนที่ 28
“ฮัลโหลฟ้า ว่าไง?”
“หืม? เพิ่งถึงบ้านมึงอ่ะ อ่าวลืมบทละครหรอ ให้เอาไปให้ปะ? ได้ๆ เดี๋ยวเอาไปให้ที่หอประชุม”
เชอเบทวางสาย หยิบกุญแจรถที่เพิ่งวางขึ้นมาอีกรอบก่อนจะเดินขึ้นห้องหาบทละครที่จำได้ว่าอีกฝ่ายอ่านทิ้งไว้บนหัวเตียง
ช่วงนี้มีเรื่องให้ไปหอประชุมทุกที คราวก่อนฟ้าก็ลืมไฟแชคเลยหงุดหงิดไม่ได้สูบบุหรี่ วันก่อนนู้นก็แบตหมดให้เอาพาวเวอร์แบงค์ไปให้
กลุ่มคนในหอประชุมเลยกลายเป็นเรื่องคุ้นตาเข้าไปทุกที กลุ่มเด็กทำฉากก็คุ้นหน้าว่าเป็นเพื่อนๆปุ้น แต่ที่เพิ่งสังเกตบ่อยๆคือพายจะเข้ามาอยู่ในระยะสายตาทุกที
เชอเบทมาถึงหอประชุมกำลังจะไลน์หาอีกฝ่ายที่นั่งอยู่บนเก้าอี้พักนักแสดง ก็เห็นโทรศัพท์ของฟ้าลั่นวางอยู่ข้างตัว อีกฝ่ายกำลังก้มหน้าอ่านบทกับนางเอกคนสวยจนหัวจะชนกัน มีหันไปยิ้มให้กันด้วยบางที
คิ้วเรียวเลิกขึ้นกับความใกล้ชิดตรงหน้า ขาที่หยุดเดินตรงประตูหลังก้าวออกไปทันที ท่ามกลางทางเดินที่ทอดยาวของหอประชุม ผ่านกลุ่มคนจนไปถึงหน้าเวที
มือเรียววางลงบนบ่ากว้างของฟ้าลั่น
“ฟ้า”
“อ้าวเชอ แปปนึงนะ กูอ่านบทตรงนี้แปป”
หันมายิ้มให้นิดหน่อยก่อนจะก้มหน้าลงไปอ่านบทกับคนสวยต่อ เชอเบทขมวดคิ้วไม่รู้ตัว มองมือตัวเองที่วางอยู่บนไหล่อีกคนก่อนจะหลุบตามองบทละครในมืออีกข้าง
อารมณ์กรุ่นไหววูบจางๆ
“บทมึงอยู่นี่ ไอ้สัส”
บทละครเล่มบางที่ม้วนเป็นเกลียวในมือฟาดเบาๆที่หัวคนพี่ ฟ้าลั่นหันมาเลิกคิ้วไม่รู้ว่าโกรธหรือไม่พอใจอะไรไหมแต่ตอนนี้คนน้องเบ้ปาก โยนบทละครใส่แล้วเดินหันกลับมาทันที
เคยสักครั้งมั้ย?ที่คนพี่จะเมินขนาดนี้ ไหนว่าเฉยๆแล้วไปนั่งติดกับเขาขนาดนั้น เหอะ
“เชอ”
ไม่หัน ความโกรธมันมีมากกว่า กลับบ้านไปแล้วยังต้องกลับมามอแล้วยังจะเมินกัน มากไปละ
“เชอครับ”
“น้องเชอ”
“คนดีของพี่ฟ้า”
พอพ้นประตูห้องประชุม ฟ้าลั่นก็วิ่งตามมาคว้าเอวคนตัวบางกว่าไว้ทันที
“ปล่อย”
“โกรธอะไรหืมคนดี”
“ปล่อยกูสัส”
“มองหน้าพี่ โกรธอะไรพี่ฟ้าครับ”
“ไม่อยากมอง สัส ปล่อย”
คราวนี้ถึงจะเขินแค่ไหนก็ไม่ปล่อย ขายาวยกขึ้นยันขาอีกฝ่ายให้ปล่อย แต่คนไม่ออกกำลังกายจะไปสู้แรงอะไรกับคนเล่นกล้าม
“โอ๊ยเจ็บนะ”
“สำออยไอ้เหี้ย”
“เชอรังแกพี่”
“ปล่อยกู กลับไปหาพิ้งค์มึงไป”
“หือ หึงพี่?”
“ไม่ได้หึงโว้ย ถ้ามึงจะอ่านกับเขาจะใช้กูทำไม ขับรถมาก็เมื่อยปะ?”
“โอ๋…ดีกัน”
คนพี่ชูนิ้วก้อยขึ้นมาดื้อๆ
“พ่อมึง กลับไปเลยไป ปัญญาอ่อน”
“ดีกัน จริงๆพี่แกล้งกวนตีนเชอเล่นๆ”
“ไอ้เหี้ย อะไรของมึง”
หน้าเริ่มระแวงเมื่อคนกวนตีนเล่นๆมันสารภาพความผิดดื้อๆ แถมถอนหายใจยักไหล่เหมือนปล่อยวางอะไรสักอย่าง ก่อนจะเปลี่ยนจากหน้าอ้อนๆมาหรี่ตาเหมือนเขามีความผิด
“พาย เรื่องพาย”
“หือ พายอะไร”
ไม่เข้าใจแต่ก็เริ่มหนาวๆร้อนๆ
“เชอจะให้พี่ทำหน้ายังไงเมื่อมีเด็กมาบอกให้พี่เลิกยุ่งกับเชอเพราะเชอกำลังดูๆกันกับเขา หือ?”
คราวนี้ฟ้าลั่นเปลี่ยนมาเป็นทำหน้านิ่ง กอดอกยืนพิงกำแพงหอประชุม
“ใคร พายอะนะ? เชอไม่ได้คุย”
เสียงอ่อน…
“เขาเปิดไลน์ให้พี่ดูด้วย ก็คุยกันนานแล้วยนี่ อยู่กับพี่แต่ก็คุยกับพาย”
“ก็คุยๆแบบเพื่อนๆ ไม่ได้ทำอะไรเลย”
ยื่นมือไปดึงชายเสื้อคนพี่ แต่คนพี่กลับเบี่ยงตัวออก คนน้องชะงักแต่ก็ยังก้าวตามไปดึงเสื้อจนได้ คนพี่ถอนหายใจก่อนจะหันหน้าหนี
“พี่ฟ้า เชอเปล่า”
“หลักฐานมันชัด”
“เชอเปล่าจริงๆนะ ไม่ได้คุยๆ เขาคิดไปเองจริงๆนะ”
“แต่เชอบ่นในไลน์ว่าเหงา”
“เชอบอกเชอเหงาเฉยๆ แต่เชอไม่ได้จะไปไหนหรือทำอะไรกับเขา วันนั้นเชอรอพี่ฟ้ากลับบ้านอยู่ ที่เชอไปอยู่บ้านพี่ฟ้าไง ที่กลับมาดึกๆแล้วเชอนั่งเล่นเกมส์รอ เชออยู่บ้านจริงๆ”
“พี่ควรเชื่อเชอใช่มั้ย? เชอไม่ได้หลอกพี่?”
คนพี่หันมาหรี่ตามอง คนน้องพยักหน้าหงึกๆ
“จริงๆ เชอไม่คุยแล้วก็ได้ถ้าพี่ฟ้าไม่ชอบ”
“เลือกพี่หรือเลือกพาย ถ้าไม่อยากอยู่กับพี่เชอบอกพี่ตรงๆก็ได้นะ”
“อยู่กับพี่ฟ้า…อยู่ด้วยนะ นะ”
คนน้องกลัวคนพี่จะเสียใจ รีบเข้าไปสอดแขนกอดรอบเอวหนา ซุกหน้าลงกับไหล่กว้างขยับไปมา
“ดีกันนะ”
“คราวนี้เข้าใจฟีลพี่ยัง เวลาพี่อยู่กับคนอื่นเชอก็ไม่ชอบ พี่ก็ไม่ชอบ แค่ไลน์ก็ไม่ได้ พี่ไม่ว่าถ้าเพื่อนจริงๆ ถ้าเหงาบอกพี่ไม่ใช่บอกคนอื่น เข้าใจ?”
“งือออ ขอโทษ”
ทำเสียงอ้อนพร้อมกับซุกหน้าลงกับไหล่งุ้งงิ้งๆ โชคดีที่คนพี่ไม่ได้โกรธอะไรเยอะแยะแค่แกล้งกลับเล็กน้อยถือว่าหายกันเพราะตัวเองดูจะผิดเยอะกว่า
“รอพี่ซ้อมละครก่อนแล้วกัน ใกล้เสร็จแล้วเดี๋ยวไปกินข้าวกัน”
มือหนายกลูบกลุ่มผมยาวเบาๆ คนน้องที่เพิ่งพ้นผิดรีบพยักหน้าตกลงก่อนจะเดินตามกันกลับข้างในห้องประชุม คราวนี้ฟ้าลั่นเขยิบมานั่งเก้าอี้อีกตัวที่ห่างจากพิ้งค์และมีเชอเบทนั่งติดกัน
เชอเบทมือหนึ่งเลื่อนมือถืออีกมือปล่อยให้คนอ่านบทดึงไปวางบนตักบีบเล่นไปมาเพลินๆ มีเงยหน้าจากโทรศัพท์บ้างตอนคนพี่ไปซ้อมบนเวที นักแสดงเริ่มคล่องแล้ว คนยกฉากเริ่มซ้อมเดินกันไปมา ซาวด์เพลงเริ่มมาบางช่วง ถือว่าเป็นงานใหญ่เหมือนกัน ปีก่อนได้มาดูละครมาเลฟิเซนต์ เรียกว่าเลือกคนเล่นเปียโนได้เก่งจริงๆ เป็นเอกฝีมือดีมาก ปีนี้เป็นพี่มากถึงกับยกชมรมดนตรีไทยมาเล่น สภานิสิตทุ่มเทสุดๆ
ฟ้าลั่นสมแล้วที่ชื่อฟ้า แค่เงยหน้ามองจากตรงนี้ก็ดูเด่นที่สุดในเวที ทุกท่าการเดินการพูดสีหน้าทุกอย่างประกอบกันให้ฟ้าลั่นเหมาะที่จะยืนอยู่ศูนย์กลางของผู้คน
ถ้าปีก่อนเป็นคนทำโพลคงไม่เลือกเต็งหนึ่งเป็นหนุ่มหล่ออันดับหนึ่ง ถ้าคนทำโพลรู้จักฟ้าลั่นเหมือนที่เขารู้จัก เห็นเหมือนที่เขาเห็น…
เต็งหนึ่งอาจจะสะดุดตาตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นเพราะเอกลักษณ์เฉพาะตัวหลายๆอย่าง เป็นเอกที่ได้หนุ่มหล่ออันดับสองก็ยิ่งโดดเด่นเพราะบุคลิกเฉพาะตัว
ต่างจากฟ้าลั่น…ที่มองครั้งแรกคงเหมือนแค่ชายหนุ่มหน้าตาดีทั่วไป แต่ถ้าได้มองสักพัก พิจารณาสักหน่อยทุกอย่างของฟ้าลั่นดึงดูดสายตา…มองยังไงก็ไม่เบื่อ
นี่เขาอวยฟ้าลั่นเกินไปหรือเปล่า?
แต่ไม่เคยเป็นกับใครขนาดนี้ ไม่เคยมองใครนานขนาดนี้ ไม่เคยมานั่งรอใครแบบนี้
พี่ฟ้า…
“เชอ กลับบ้านกัน”
ชะงักดึงสติกลับมาที่เดิมเมื่อบทละครม้วนในมือคนพี่เคาะเบาๆที่หน้าผาก
“เสร็จแล้วหรอ”
“แอบหลับปะเนี่ย ง่วงแล้วสิ ห้าทุ่มละ”
“หิวว่ะ”
ลูบท้องที่ร้องจ้อกๆ เพิ่งรู้สึกตัวว่านั่งจ้องอีกฝ่ายนานขนาดนี้
“ป่ะกินข้าว”
วงแขนแกร่งยกขึ้นล็อคคอคนน้องให้เดินออกมาพร้อมกัน ระหว่างทางก็ตะโกนลาคนนั้นคนนี้แต่ส่วนใหญ่ทีมงานก็เป็นรุ่นน้องซะหมด เลยมีแต่คนยกมือไหว้ บางคนก็มองเชอแบทแบบแอบๆ บางคนก็ตะโกนแซวมาเลย
“พี่ฟ้าควงหนุ่มว่ะเห้ยยยยยยยยยยย”
ยิ่งพวกศิลปกรรมกวนตีน…
“แหมมมมมมมมมมม ทำเก๊กๆ ควงหนุ่มเซอร์มหาลัยนี่ขอสาธารณะชนยังลูกพี่ฟ้า ฮ่าๆ”
“เสือกไรเรื่องกูครับบบบบบ”
โห่ฮากันไป มีแต่หนุ่มเซอร์มหาลัยที่หน้าร้อนผ่าวๆ
“เห้ยพวกมึงกินเหล้ากัน อ้าวเชอ อ้าว”
“อ้าวชาร์ล”
“เชี่ยปุ้นมาช่วยทำงานเลยสาส มัวแต่ไปติดแว่นมึงอ่ะ”
“เมียกูน่ารัก กูเลยต้องติด ช่วงนี้แม่งเล่นเกมส์ตามหาโปเกม่อน เดินหาทั่วมหาลัยเลยสัส จะชนนู่นชนนี่หัวแตกตายกูเลยต้องไปจูงเดิน”
ขำก๊ากกับเพื่อนก่อนจะหันมาหาพี่ชายตัวเอง
“แล้วทำไมพี่กูมาอยู่กับพระเอกละครเวทีได้วะ กูก็ว่ามึงหน้าคุ้นๆ ควงกับพี่กูนี่เอง ทุกคนนี่เชอเบทพี่แท้ๆกู”
“มีน้องแบบมึงกูยัดขี้เถ้าเข้าปากตายตั้งแต่เด็กๆแล้วปุ้นนนน”
“บ้านนอกสัสบ้านมึง บ้านกูใช้กะทะไฟฟ้าแล้วโว้ยไม่มีเตา”
“งั้นกูคงเอากระทะฟาดมึงหัวแบะตายห่า ก๊ากกกกกกกกก”
“สัสกวนตีน แล้วจะไปไหนกันอ่ะเชอ ไปกินเหล้ากันไม่ได้กินกับมึงนานแล้ว ชวนพี่พระเอกมึงไปด้วยก็ได้ ไปปะๆ กูเลี้ยงๆ”
“เอาไง ไปปะ?”
คนผมยาวหันไปถาม จะว่าไปก็อยากกินเหมือนกันไม่ได้กินมาสักพักแล้ว นอกจากวันไปเล่นดนตรีก็เป็นเด็กดีอยู่บ้านตลอด
“ไหนว่าหิวข้าว?”
“ก็กินที่ร้านก็ได้ไง ไปปะๆ นะๆ”
ฟ้าลั่นยิ้มขำคนอยากกินเหล้า ถ้ามีหางคนหางกระดิกไปมา
“เดี๋ยวนี้เปลี่ยนไปว่ะ มีขออนุญาตด้วยโว้ยพี่กู ปกติแรดไปร้านก่อนเพื่อน ไปดิมึงพี่ฟ้า นานๆทีกินเหล้ากับกูหน่อย น้องชายเชอเลยนะโว้ย เดี๋ยวกูโทรชวนแตม”
ฟ้าลั่นหัวเราะเบาๆก่อนจะตอบรับไป เพราะคราวก่อนแผนสำออยง้อเชอเบทก็ได้ชาร์ลช่วยขอเพื่อนมาต่อยให้ถึงสำเร็จ ไปกินด้วยกันก็ดี
“ได้ ไปเลยปะ? พี่เลี้ยงเองทุกคน”
“ไปๆ ป่ะๆ ทุกคนเจ้ามือมาโว้ยอย่าชักช้า”
พวกกลุ่มวาดฉากที่โอ้เอ้ถึงกับทิ้งงานเก็บของความเร็วแสง ไม่ถึงห้านาทีเด็กวาดฉากที่เหลืออยู่แปดคนรวมปุ้นเป็นเก้าก็พร้อมออกทันที
“ร้านไหน?”
“ขอบโลกดิ ป่ะๆ เจอที่ร้าน ไปเปลี่ยนเสื้อก่อนไป”
ชาร์ลโบกมือไล่เชอกับฟ้า ก่อนจะเดินไปกับกลุ่มเพื่อนที่ยังตบมุกเกรียนๆกันไม่หยุด
“ไม่มีเสื้อติดรถเลยว่ะ”
“เอาเสื้อพี่ก่อนก็ได้ จอดรถเชอทิ้งไว้นี่เดี๋ยวไปรถพี่ พรุ่งนี้ค่อยมาเอา”
เสื้อที่ติดรถฟ้าลั่นมีแค่เสื้อยืดเนื้อนิ่มสีขาวบางสำหรับออกกำลังกายซึ่งฟ้าลั่นใส่แล้ว อีกตัวคือเสื้อกล้ามสีดำที่ฟ้าลั่นใส่คงรัดไปทั้งตัว แต่พอเชอเบทใส่กับหลวมโพรกก้มทีก็เห็นไปถึงไหน
ปกติใส่เสื้อยืดมาเรียนวันนี้มีวิชาอาจารย์โหดเลยต้องใส่นิสิต
ฟ้าลั่นขมวดคิ้วมองเสื้อกล้ามหลวมโพรกบนตัวเชอเบท
“กลับบ้านไปเปลี่ยนมะ”
“เห้ยได้ ดีๆกำลังร้อนเลย”
“มันโป๊ว่ะ แม่งกูเอาเสื้อออกจากรถตอนไหนวะ”
“เออน่า จะสี่ทุ่มละ กลับบ้านไม่ต้องแดกพอดี”
“เอาเสื้อคลุมคณะกูใส่ทับแล้วกัน”
“อือๆ”
คนพี่ดูจะหงุดหงิดจริงๆเลยยอมเอาเสื้อคลุมเศรษฐศาสตร์สีดำปักชื่อคณะสีขาว สีประจำเสื้อคลุมปีสี่เศรษฐศาสตร์มาใส่
สองร่างเดินเข้าร้าน เจอพวกศิลปกรรมที่เปิดขวดรอกันก่อนแล้ว
“แตมมาไม่ได้มีสอบพรุ่งนี้ว่ะ มาๆแดกเร็วเชอ ไม่ได้แดกนานปะวะไม่เจอมึงเลย คออ่อนยังวะเนี่ย”
ชาร์ลทำหน้าที่น้องที่ดีชงอย่างเข้มโซดาน้ำให้พี่ตัวเอง
“มึงพี่ฟ้าเอาไร โซดาน้ำ?”
“ได้ๆ เบาๆหน่อยแล้วกัน ไม่อยากเมาเท่าไหร่”
“โอเคๆ”
ดนตรีสดกับเหล้าที่เข้าปาก แถมวงสนทนาไหลลื่นมีแต่เรื่องตลกโปกฮาของพวกศิลปกรรมที่ขยันขนมุกฮากันออกมาเพียบ
คนแน่นร้านทำให้เชอเบทเริ่มมองหายางรัดผม
“ชาร์ลยืมยางหน่อยดิ้ ร้อนว่ะ”
ชาร์ลตอนนี้ผมเริ่มยาวประบ่าแต่ก็ยังหยิกหยอยเพราะเจ้าตัวไปดัด ดึงยางสีดำจากข้อมือส่งให้เชอเบท เจ้าตัวก็รับมามัดลวกๆ เป็นมวยรุ่ยๆกลางหัว
ไม่ได้คิดว่า…ชื่อคณะเศรษฐศาสตร์ที่ผมยาวของตัวเองเคยปิดไว้จะทำให้ทุกคนเห็นชัด
เชอเบทกับเสื้อคลุมคณะเศรษฐศาสตร์ ข้างตัวมีฟ้าลั่นที่วาดแขนมาวางลงบนขอบเก้าอี้ด้านหลังของเชอเบท เหมือนแค่วางมือแต่ก็ดูเหมือนโอบกลายๆ
สาวๆโต๊ะข้างเคียงแอบถ่ายรูปแล้วส่งให้กับเพจดังมหาลัย เช่น…. เพจคิ้วบอย
ยิ่งคนน้องเมายิ่งเอียงไปซบคนพี่ มือที่แตะอยู่ที่ขอบเก้าอี้ด้านหลังเลยเลื่อนมาโอบไหล่แสดงความสนิทสนมชัดเจน
“พี่ฟ้าปวดฉี่อ่ะ”
เมาอ้อแอ้หันไปอ้อนคนพี่ให้พาไปห้องน้ำ
“เดี๋ยวกูพาไปเอง ปวดฉี่พอดี มานี่เชอมากับกูครับ”
ปุ้นที่เริ่มกรึ่มๆลากพี่ชายตัวเองไปด้วยกัน พอดีกับที่ฟ้าลั่นลุกขึ้นทันทีที่เชอเบทลับสายตา แต่เดินไปอีกทาง โต๊ะรุ่นน้องคณะบริหาร
พาย…นั่งอยู่ในนั้น
“พาย วันนี้ชัดเจนแล้วนะ?”
ทุกอย่างเป็นแผน ตั้งแต่ดึงเชอมาทะเลาะเพราะนัดพายให้มาฟังความจริงจากปาก ทุกคำที่เชอเบทพูดพายยืนฟังอยู่อีกมุม ต่อด้วยร้านเหล้าที่ไม่ได้ตั้งใจแต่มันมีกรุ้ปไลน์ทีมงาน ก็แค่ไลน์ไปบอกให้มาดู
ก็สงสารที่เห็นเด็กมันนั่งตาแดง เพื่อนมันก็หน้าเสีย
“พี่ขอโทษแทนคนของพี่ที่ไปทำพายเข้าใจผิด แต่ต่อไปนี้คงไม่มีแล้วล่ะ พี่ไม่ได้โทษพาย แค่อยากเคลียให้เข้าใจ มันเป็นคนของพี่ พี่ผิดเองที่คุมไม่ดี ขอตัวนะครับ”
กลับไปนั่งที่โต๊ะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นจนกระทั่งชาร์ลพาเชอเบทที่เสียงอ้อแอ้กลับมานั่ง
“พี่ฟ้า…เมายางงงงงงงงงงงง”
“ยัง เชอเมาแล้วกลับเลยปะ?”
“กลับหนายยยย”
“บ้านเราไง กลับเลยมะ?”
“อือๆ กลับๆ กลับบ้านเรา รักรออยู่ วู้วววว”
==========================================
พระเอกเรื่องนี้ไม่เยอะค่ะ 5555555555555 พูดจริงทำจริง ไม่ต้องดราม่างอแงเรื่องคนอื่น 5555
มาอัพแล้วววววววววววววววว เนตกากมาก กว่าจะกดอัพได้ ฮือออ อยากกลับไทย