ผมกับเขา เราเป็นอะไรกัน?
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ผมกับเขา เราเป็นอะไรกัน?  (อ่าน 1156 ครั้ง)

ออฟไลน์ natakorn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ผมกับเขา เราเป็นอะไรกัน?
v
v
v
v
v

          เรื่องที่ผมจะเล่าต่อไปนี้ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่าง “ผม” กับ “เขา”
เราเป็นชายรักชายด้วยกันทั้งคู่ครับ อายุอยู่ในช่วงวัยทำงาน ภาษาการเล่าจึงค่อนข้างไปทางผู้ใหญ่
สิ่งที่ผมต้องการนำเรื่องนี้มาแบ่งปันให้สมาชิกในเว็บบอร์ดทราบ เพราะอยากได้ความคิดเห็นหรือคำแนะนำ
เพื่อใช้ในการไตร่ตรองและตัดสินใจในอนาคตครับ
          เรื่องอาจจะยาวไปสักนิด เยิ่นเยอไปสักหน่อย แต่อยากให้ทุกท่านอ่านมันให้จบ
แล้วตอบคำถามที่ค้างคาใจผมอยู่ในตอนนี้ จะขอบคุณมากครับ เรามาเริ่มกันเลยดีกว่าครับ

          เรื่องมีอยู่ว่า ประมาณ 2 เดือนที่ผ่านมา ผมได้เข้าไปหาเพื่อนคุยในอินเทอร์เน็ตโดยทิ้ง ID Line ไว้
จากนั้นก็มีคนทักเข้ามาหลายคนครับ ส่วนใหญ่คุยๆ ไปไม่ถูกคอก็ไม่ได้คุยต่อ แต่มีผู้ชาย (เกย์) คนหนึ่ง
เขายังคุยกับผมมาจนถึงปัจจุบัน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างผมกับเขาตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ เป็นแบบนี้ครับ 

สัปดาห์ที่ 1    
         เราคุยกันผ่านไลน์  เรื่องที่คุยก็ถามสารทุกข์สุกดิบ ข้อมูลส่วนตัวทั่วๆ ไปตามประสาคนเพิ่งรู้จักกัน
วันแรกที่คุยกัน ผมถามเขาว่า ตอนนี้กำลังคุยอยู่กี่คน เขาบอกผมว่า 3 คน (รวมผมหรือยัง อันนี้ไม่ได้ถาม)
และจนถึงทุกวันนี้ ผมก็ไม่ได้ถามเขาอีกว่ายังคุยกับใครอยู่หรือเปล่า จนผ่านสัปดาห์แรกไปก็ได้รู้จักเขามากขึ้น
และนี่คือข้อมูลพื้นฐานที่ผมได้จากเขาครับ
   - เขาอายุเยอะกว่าผม 12 ปี
   - เขาบอกว่า เขาเป็นเกย์เพศตรงข้ามกับผม
   - เขาเคยมีแฟนมาแล้วถึง  6 คน
   - เขาบอกว่าหาแฟนคนที่ 7
   - เหล้าไม่ดื่ม บุหรี่ไม่สูบ
   - Sex ครั้งล่าสุด ภายนอก 6 เดือน ภายใน ประมาณ 1 ปีที่ผ่านมา
        (ผมต้องถามเรื่องนี้ครับ เพื่อประเมินหลายๆ อย่างในตัวเขา)
   - เรื่องครอบครัวของเขานิดๆ หน่อยๆ

สัปดาห์ที่ 2    
          เรายังคงคุยไลน์กันเช่นเดิม แต่เขาขอมาค้างที่ห้องผมในคืนวันพุธ เพราะวันพฤหัสมีประชุมเช้า
และบ้านเขาอยู่ไกลจากที่ทำงาน (บ้านอยู่ปากเกร็ด ที่ทำงานอยู่อโศก) ตอนเช้ารถติด เลยอยากขอพักด้วย
เพราะอพาร์ทเม้นท์ผมอยู่ใกล้ MRT เดินทางสะดวก และไม่ต้องตื่นเช้ามาก ผมก็ตกลงครับ
          เย็นวันพุธ หลังเลิกงาน เขาก็ขับรถมาจอดที่อพาร์ทเม้นท์ และเป็นเรื่องบังเอิญมากที่เขาเคยซื้อคอนโด
อยู่ในซอยนี้มาก่อน นั่นแสดงว่าผมไม่ต้องแนะนำอะไรมาก เพราะเขาย่อมรู้จักพื้นที่เป็นอย่างดีอยู่แล้ว          
ค่ำวันนั้น เราไปกินข้าวกัน คุยกัน และขึ้นห้องพักผ่อนตามปกติ ปรากฏว่าเขาค้างที่ห้องผม 2 คืน
และกลับบ้านที่ปากเกร็ดในคืนวันศุกร์
          เราอยู่กันแบบคนรู้จักครับ แทบจะไม่มีเรื่องเพศใดๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง แม้กระทั่งจับมือก็ยังไม่มี
ตอนนอนก็ต่างคนต่างนอน ตื่นมาอาบน้ำ แต่งตัว และออกไปทำงานพร้อมกัน ผมไป BTS ส่วนเขาไป MRT 
แต่มีอยู่วันนึง ผมกำลังยืนแต่งตัวอยู่หน้ากระจก เขาลุกจากเตียงไปหยิบผ้าขนหนูเพื่อจะไปอาบน้ำ
แต่ดันเลี้ยวเข้ามาข้างหลังผม เอามือโอบผม แล้วเลื่อนๆ ลงไปจะจับxxxของผม ข้างบนก็เอาจมูกไซร้ที่หลังคอ
แต่ผมกลัวว่า ถ้าปล่อยให้ไหลไปตามอารมณ์จะไปทำงานสาย และทำให้ผมดูเป็นคนง่ายในสายตาเขา
ผมเลยเอาปัดมือเขาออก และพยายามดีดตัวออกมา และตั้งแต่นั้นมา เขาก็ไม่เคยถูกเนื้อต้องตัวผมอีกเลย
          ผมไม่กล้าถามว่า เขาคิดยังไงกับผม ทั้งที่ใจอยากรู้มากๆ ว่าเขาอยากจะลองคบกับผมเป็นแฟน
หรืออยากเป็นแค่เพื่อน หรือแค่ชั่วครั้งชั่วคราวพอคลายเหงา ผมเคยถามเขาไปตั้งแต่วันแรกๆ ที่คุยกันแล้วว่า
 “พี่คิดว่าผมจะฝากความหวังไว้กับพี่ได้มากแค่ไหน” เขาถามกลับมาว่า “ทำไม” ผมตอบไปว่า “ผมไม่อยากถูกทิ้ง”
และเขาก็ตอบกลับมาว่า “คิดมาก ไม่ทิ้งหรอก” สำหรับตัวผมเองแล้ว ยอมรับครับว่า ผมเริ่มรู้สึกดีกับเขามากขึ้น

สัปดาห์ที่ 3   
          หลังจากเขากลับบ้านไปในคืนวันศุกร์ คืนนั้นเขาก็ชวนผมทางไลน์ให้ไปช่วยจัดสวนที่บ้าน
บอกให้ผมนั่งรถไปหาเขาในเย็นวันเสาร์ และค้างที่บ้านเขา 1 คืน ค่ำวันอาทิตย์ก็กลับมานอนที่ห้องผมตามปกติ
          ผมตกลงตามนั้นครับ เย็นวันเสาร์ผมนั่งรถเมล์ไปลงแถวบ้านเขา แล้วบอกให้เขาออกมารับ
รอสักพักเขาก็ออกมา และพาผมไปที่บ้าน
          บ้านของเขาอยู่ในโครงการบ้านจัดสรร เข้าไปจากถนนสายหลักไม่ไกลนัก ลักษณะเป็นบ้าน 2 ชั้น
ไม่เล็กไม่ใหญ่มาก และที่สำคัญ คือ เขาอยู่คนเดียวครับ
          เมื่อเข้าไปภายในบ้าน เขาก็เตรียมสลัดมาให้ทาน ทานเสร็จก็นั่งดูทีวีกัน อาบน้ำ แล้วขึ้นไปพักผ่อน
บ้านเขามีห้องนอน 3 ห้อง แต่เขาให้ผมไปนอนห้องเดียวกับเขา เรายังคงนอนเตียงเดียวกัน
และก็ยังต่างคนต่างนอนเหมือนเดิม
          วันอาทิตย์ตื่นมา เขาออกไปซื้อกับข้าวที่ตลาด หลังจากทานข้าวเสร็จ ผมก็ช่วยเขาตัดแต่งต้นไม้
เอากล้วยไม้ลงกระถาง แล้วก็เก็บกวาดพวกเศษกิ่งไม้ใบไม้ บังเอิญวันนั้นฝนตก ก็เลยต้องทำๆ หยุดๆ
กว่าจะเสร็จก็เกือบเย็น หลังทานข้าวเย็น นั่งดูทีวีถึงประมาณ 4 ทุ่ม เราก็กลับมาที่อพาร์ทเม้นท์ผม
แล้วทุกอย่างก็ดำเนินไปเหมือนสัปดาห์ก่อนหน้าครับ

          หลังจากไปบ้านเขา ผมเริ่มรู้สึกแล้วว่า ผมเทียบอะไรกับเขาไม่ได้เลย เขาเป็นคนหน้าตาดี
นิสัยเป็นผู้ใหญ่ ดูแลตัวเอง รักสุขภาพ การศึกษา หน้าที่การงานดี มีบ้าน มีรถ และกำลังจะมีคอนโดอีกห้อง
ตรงข้ามกับผมที่มีแค่เงินเดือนปริญญาตรี กับเงินเก็บเล็กน้อย รูปร่างหน้าตาก็ไม่ได้ดีเด่นอะไร
อนาคตหน้าที่การงานก็ดูจะเคว้งคว้างเลื่อนลอย มันทำให้ผมเริ่มคิดไปเองว่า เขาจะมาสนใจผมจริงหรือ
เขาคิดกับผมแค่เพื่อนหรือน้องคนหนึ่งหรือเปล่า เพราะสังเกตจากคำพูด หรือท่าทีของเขาก็ออกจะเฉยชา
ไม่มีทีท่าว่าจะมาจีบ หรือชอบพออะไรในตัวผมมากมาย หรือผมคิดไปเองว่าเขาไม่สนใจ
          สุดท้ายผมก็ตัดสินใจถามเขาทางไลน์ครับว่า “ชอบผมมั้ย” เขาตอบผมสั้นๆ ว่า “ก็ดี” 
ผมไม่รู้ว่ามันหมายความว่าอย่างไร เพราะคำว่า “ก็ดี” ของเขามันตีความได้หลายอย่าง เป็นคำปลอบใจ
เป็นคำปฏิเสธ หรือเป็นคำตอบรับว่าชอบกันแน่ ผมเลยไม่รู้ว่าตกลงผมกับเขาคอนนี้เราอยู่ในสถานะอะไร
          สัปดาห์นี้ผมกลับบ้านที่ต่างจังหวัด 4 วัน (คืนวันศุกร์ถึงวันอังคาร) ตอนผมจะออกไปขึ้นรถไฟ
เขากลับมาจากที่ทำงานพอดี เลยชวนผมขึ้นรถไปส่งที่ MRT ซึ่งเป็นทางผ่านกลับบ้านเขา
ผมให้กุญแจห้องกับคีย์การ์ดเขาไว้ชุดนึง เพราะเขาจะได้มาค้างที่ห้องได้ในคืนวันจันทร์
ตอนผมลงจากรถเขา เขาไม่ได้พูดอะไรสักคำ และตลอด 4 วันที่ผมอยู่ต่างจังหวัด เขาก็ไม่ได้ติดต่อหาผมเลย
ผมเองก็ไม่ได้ติดต่อหาเขาเช่นกัน (ใช้เน็ตไม่ได้ เพราะที่บ้านไม่ได้ติดไวไฟ)

สัปดาห์ที่ 4   
          ผมกลับถึงกรุงเทพฯ ช่วงค่ำวันอังคาร ซึ่งเขายังคงมาค้างที่ห้องผมตามปกติ
ทุกอย่างดำเนินไปเหมือนเช่นสัปดาห์ก่อนๆ ผมไม่กล้าถามเขาว่าเราเป็นอะไรกัน
เพราะมันเหมือนบีบบังคับให้เขาตอบ และอาจทำให้ผมดูเป็นคนงี่เหง้า ผมกลัวว่าถ้าผมไปจู้จี้ซักไซร้อะไรกับเขามาก
เขาจะรำคาญและหายไป ความรู้สึกดีๆ ที่ผมมีให้เขา มันก็จะกลายเป็นความเสียใจที่ผมต้องรับไว้คนเดียว
          สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์สิ้นเดือน เขายื่นเงินมาให้ผมจำนวนหนึ่ง บอกว่าช่วยจ่ายค่าห้อง
ผมปฏิเสธ เพราะค่าน้ำค่าไฟก็ไม่ได้แตกต่างจากเดือนก่อนๆ แต่เขาก็ยืนยันจะช่วย ผมจึงต้องรับไว้

สัปดาห์ที่ 5-8   
          เขายังคงมาพักที่ห้องผมตามปกติ ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับเขาดำเนินไปเหมือนเพื่อนร่วมห้อง
ส่วนความสัมพันธ์ทางกายลืมไปได้เลยครับ
          ครั้งหนึ่งตอนนอน เขาพลิกตัวหันหน้ามาทางผม แล้วมือเขาก็มาโดนมือผม ผมจึงถือโอกาสจับและลูบมือเขา
เพราะอยากรู้ว่าเขาจะมีปฏิกิริยาอย่างไร ปรากฎว่าเขาพลิกตัวกลับ แล้วขยับไปแทบจะสุดเตียง
(ห้องผมมี 2 เตียง แต่วางไว้ติดกัน เรานอนกันคนละเตียง) มันทำให้ผมยิ่งสงสัยว่า เขาคิดอย่างไรกับผมกันแน่
          มีวันหนึ่งเราคุยไลน์กัน ผมเลยพูดแซว เชิงหยั่งท่าทีของเขาว่า “ตอนนอนนี่หวงเนื้อหวง   ตัวนะ ถูกนิดถูกหน่อย
ทำเป็นหันหนีแทบจะตกเตียง” เขาไม่ได้ตอบอะไร แค่ส่งสติ๊กเกอร์รูป “หัวเราะ” กลับมา
          ความเปลี่ยนแปลงอีกอย่างหนึ่ง คือ หลังจากสัปดาห์ที่ 5 เป็นต้นมา เขาจะออกไปทำงานหลังผม
คือ ปกติผมจะออกจากห้อง 07.30 น. ซึ่งเขาก็จะออกไปพร้อมกับผม แต่ทุกวันนี้ 07.30 น. เขายังไม่ลุกจากเตียง
ผมถามว่าออกไปทำงานกี่โมง เขาบอกว่า 08.10 น. ส่วนตอนเย็นเขาก็กลับมาเวลาปกติบ้าง ไม่ปกติบ้าง
บางทีก็บอกว่าวันนี้จะกลับช้า เพราะ... ผมเองก็ไม่กล้าไปถามอะไรมากมาย เพียงแค่ส่งไลน์ไปถามบ้างว่าจะกลับกี่โมง
เขาก็ประมาณเวลามาให้ และเขาก็กลับใกล้เคียงกับเวลาที่บอกผมไว้
          เราไม่ได้กินข้าวเย็นด้วยกันเลยครับ เพราะผมจะกลับมาก่อนเขาประมาณ 1-2 ชั่วโมง 
เคยถามว่าจะให้รอทานข้าวมั้ย เขาบอกไม่ต้องรอ ผมก็เลยทานก่อน แต่ทุกครั้งที่เขากลับมาก็มักจะมีขนม
หรือผลไม้เล็กๆ น้อยๆ มาฝาก ถ้าผมบอกว่าอิ่มแล้ว เขาก็จะขึ้นเสียงเชิงบังคับให้ผมกิน จะเอาใส่ตู้เย็นไว้กินพรุ่งนี้ก็ไม่ยอม
บอกว่าเดี๋ยวไม่อร่อย สุดท้ายผมก็ต้องกินครับ พอกินเขาก็ถามด้วยหน้ายิ้มๆ กวนๆ ทุกครั้งว่า “อร่อยมั้ย ”
บางครั้งถามซ้ำอยู่ 3 รอบ ผมก็อือๆ อร่อยๆ มากๆๆ
          มีครั้งนึง ผมไลน์ไปบอกว่า วันนี้อิ่มแล้ว ไม่ช่วยกินอะไรแล้วนะ เขาก็ส่งติ๊กเกอร์หัวเราะกลับมา
และวันนั้นเขาก็ไม่ได้หิ้วอะไรมาให้ผมช่วยกินจริงๆ แต่ก็มีอยู่วันนึง เหมือนจะทันเกมส์ผม เขาส่งไลน์มาบอกผม
ตั้งแต่เที่ยงว่า วันนี้เก็บซาลาเปาไว้ให้ลูกนึง นั่นคือผมต้องเหลือกระเพาะไว้ใส่ซาลาเปาของเขานั่นเองครับ
          และมีอีกครั้งนึง คือ ข้าวมันเหลืออยู่เยอะพอสมควร เขาบอกว่าแบ่งกันคนละครึ่ง ผมก็บอกว่าผมกินไม่ไหวแล้ว
เขาก็ขึ้นเสียงทำตาดุใส่ผม บอกว่าให้กินอีก ผมนี่ต้องรีบตักมากินเลย ผมจึงรู้ว่าเขาจะค่อนข้างซีเรียสเรื่องของกิน
คือ กินยังไงก็ได้แต่อย่าให้เหลือทิ้ง เขาจะไม่กินอาหารที่เอาไปแช่ตู้เย็นค้างคืน ในขณะที่ผมทำเป็นประจำ

          สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมได้ไปค้างที่บ้านเขาอีกรอบ เพราะตอนเย็นวันศุกร์ผมถามเขาว่า
แถวออฟฟิตเขามีของกินอะไรที่มันไม่ซ้ำจำเจกับในซอยที่พักบ้าง  เขาตอบว่าไม่มี แต่แถวบ้านเขามีเยอะ
ผมเลยถามว่าจะพาไปกินมั้ย เขาก็ตอบว่า วันไหนดี ผมบอกว่าวันนี้แหละ เขาบอกว่าวันนี้ไม่ได้
เพราะนัดกับเพื่อนที่ทำงานเก่าไว้แล้ว แต่วันเสาร์ช่วงบ่ายว่าง ผมตอบตกลง
          วันเสาร์บ่ายแก่ๆ ผมนั่งรถเมล์ไปหาเขา ตอนแรกเขาบอกว่าอยากกินปิ้งย่าง แต่พอไปถึงเขาก็บอกว่าอยากกินซีฟู้ด
แล้วก็พาผมไปร้านซีฟู้ดแถวบ้านเขา สั่งอาหารกันไป 5 อย่าง ปรากฏว่าเหลือทุกอย่าง เอาใส่ห่อกลับบ้านมาทานต่อมื้อเช้า
แชร์ค่าอาหารกันไปคนละห้าร้อยนิดๆ
          หลังจากอิ่มหนำกับซีฟู้ดรสชาติใช้ได้ เราก็กลับเข้าบ้าน เขาบอกให้ผมช่วยกวาดบ้านถูพื้นให้
ส่วนเขาออกไปรดน้ำต้นไม้ข้างนอก เสร็จแล้วก็อาบน้ำ ดูทีวีกันสักพัก ก็เข้านอน
          เรายังคงนอนห้องเดียวกัน เตียงเดียวกัน และต่างคนต่างนอนเหมือนเดิม วันอาทิตย์ผม   ลุกขึ้นมาอาบน้ำ
เสร็จแล้วกำลังจะอุ่นกับข้าว เขาก็ลงมาบอกให้หุงข้าวก่อน ผมก็ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด หลังจากทานข้าว
ผมล้างจานเสร็จ เขาก็ชวนผมออกไปข้างนอก
          ปรากฏว่า เขาพาผมไปดูคอนโดที่เขาจองไว้ครับ คือ ตัวคอนโดสร้างเสร็จแล้ว
อยู่ระหว่างเก็บรายละเอียดภายในจึงยังขึ้นไปดูข้างบนไม่ได้ ทำเลที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ไม่ไกลจากบ้านเขามาก
แต่ไกลจากอพาร์ทเม้นท์และที่ทำงานผมมากๆ เขาบอกว่าน่าจะเสร็จประมาณเดือนเมษานี้ ระหว่างเดินดูรอบๆ
เขาก็พูดขึ้นลอยๆ ว่า “มาอยู่มั้ย”  (เขาเคยพูดแบบนี้มา 2-3 ครั้งแล้วครับ) ผมก็เงียบ ทำเหมือนไม่ได้ยิน
คือผมไม่รู้จะตอบยังไง มาอยู่มั้ยของเขา คือ ให้ผมมาซื้อ (จะเอาปัญญาไหนซื้อ) หรือมาอยู่กับเขา (ในฐานะอะไร)
ผมไม่รู้ ก็เลยเงียบๆ ไปดีกว่า พอเดินดูเสร็จ ขึ้นรถเขาก็พูดซ้ำอีกว่า “มาอยู่มั้ย” คราวนี้มันเลี่ยงไม่ได้ครับ
ผมเลยถามกลับไปว่า “มาอยู่กับใครละ” เขาหัวเราะ  แล้วก็เงียบไป
          ออกจากดูคอนโด เขาก็พาผมไปเดินตลาดขายต้นไม้ คือ เขาเป็นคนชอบต้นไม้ และชอบแต่งสวนมากๆๆ
ไปถึงก็เดินๆ ดู เขาซื้อพวกไม้ประดับต้นเล็กๆ กลับมา 4-5 ต้น บอกว่าจะเอาไปไว้ที่ทำงาน ส่วนผมได้โอกาส
เลยหาซื้อเมล็ดผัก กับอุปกรณ์ปลูก เพราะอยากปลูกผักที่ระเบียงมานานแล้ว เสร็จสรรพก็กลับบ้าน
ช่วยเขากวาดใบไม้ในสวนกับขุดหลุมปลูกต้นมะม่วง จนถึงเย็นก็ทานข้าว นั่งดูทีวีจนสามทุ่ม เขาก็ชวนกลับมาห้องผม
แล้วเหตุการณ์ก็ดำเนินซ้ำรอยเดิม

          วันที่ 10 นี้จะครบ 2 เดือนที่ผมกับเขารู้จักกัน สิ่งที่ผมสัมผัสได้จากเขา คือ ผมคิดว่าเขา“อาจจะ” ชอบผมจริงๆ
แต่มันก็ยังมีพฤติกรรมบางอย่างที่ทำให้ผมยังไม่มั่นใจ เช่น
      - เขาไม่พูดให้ชัดเจนว่า เขากับผมอยู่ในฐานะอะไร
      - ยังคงมีไลน์เข้ามาหาเขาในช่วงกลางคืนก่อนนอน ผมไม่รู้ว่าเขาคุยกับใคร แต่เขาจะค่อนข้างหวงโทรศัพท์
คือ จะปิดเสียง และเก็บใส่กระเป๋าสะพายไว้ตลอด เวลาเขาเข้าห้องน้ำหรืออาบน้ำ ก็จะเอาโทรศัพท์เข้าไปด้วย
หรือไม่ก็เก็บใส่กระเป๋าสะพายไว้ เหมือนพยายามจะไม่ให้ผมเห็น (ผมไม่ได้คิดไปเองนะครับ มันรู้สึกแบบนั้นจริงๆ)
      

คิดยังไงสำหรับเคสนี้กันบ้างครับ
คิดว่าเขาจริงจังกับผมมากน้อยแค่ไหน
ผมควรจะทำอย่างไรให้เขาชัดเจนกับผม โดยที่ไม่ทำให้เขารู้สึกว่าผมงี่เหง้า น่ารำคาญ
ผมควรจะทุ่มเทให้เขามากขึ้น หรือเผื่อใจ หรือจัดการกับความไม่ชัดเจนอย่างไรจึงจะดีที่สุด
ขอคำแนะนำด้วยครับ ขอบคุณครับ
Share This Topic To FaceBook

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
Re: ผมกับเขา เราเป็นอะไรกัน?
«ตอบ #1 เมื่อ09-03-2016 09:56:19 »

เป็นกำลังใจให้คุณก่อนนะคะ ออกตัวก่อนว่าไมไ่ด้อ่านละเอียดทุกคำพูดแต่ว่าเห็นชัดๆว่าเวลาที่ผ่านมาสักพักมันนานพอแล้วที่คุณจะตัดสินใจอะไรได้กับคนคนนี้
ความไม่ชัดเจน ไม่นำมาซึ่งความสุข การยอมรับ และอนาคตร่วมกัน
เป็นเพื่อนหรือไม่ลองถามใจตัวเองดูว่าเขาให้คำแนะนำกับคุณได้อย่างจริงใจหรือไม่ ข้อเสียของคุณเขาวิจารณ์ได้อย่างไร้อคติหรือไม่ ถ้าเขาเป็นเพื่อนที่ดีเก็บเขาไว้ในที่ที่เหมาะสม
อย่าเข้าใจผิดนะ เพื่อนแชร์ค่าห้อง เพื่อนแชร์ค่าข้าว มันคนละความหมายกับเพื่อนแท้
คู่นอนไม่ใช่ เพราะคุณไม่มีสัมพันธ์ทางเพศกัน ตัดออกไป เขาอาจจะคุยๆดูๆอยู่กับคนอื่น เขาก็ทำได้แหละ ปล่อยเขา คนแบบนี้เราว่าเขาจริงจังกับใครยาก
แล้วทีนี้เรื่องความรัก คำตอบมันอยู่ในใจคุณแล้ว คบแล้วรักแล้วไม่ลงตัวไม่มีความสุข เลิก ถอยออกมา ให้ความสำคัญกับตัวเอง ตั้งใจทำงานพัฒนาตัวเอง เอาเวลาที่จะมากลุ้มใจกับคนคนนี้ เดาใจว่าเขาคิดยังไงไปทำประโยชน์เถอะ พยายามจะคลิกแล้วมันไม่คลิกก็อย่าไปยื้อเลยค่ะ สวดมนต์ไหว้พระให้มีสติแล้วจะคิดออกเองค่ะว่าคุณควรจะทำอย่างไรต่อไป ค่อยๆคุยกันนะ
ปล. อ่านถึงตอนที่ถามว่ามาอยู่ไหมนี่อยากเหยียบเท้าผู้ชายคนนี้มาก ฝันกลางวันอยู่รึเปล่า จะเอาคำตอบแบบไหนถึงจะพอใจอะ


ออฟไลน์ inxsara

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-0
Re: ผมกับเขา เราเป็นอะไรกัน?
«ตอบ #2 เมื่อ09-03-2016 13:37:31 »

ผมว่าที่เขาถามว่ามาอยู่ไหมน่าจะหมายถึงเขาชวนคุณนั่นแหละ เขาคงไม่คิดว่าคุณจะซื้อคอนโดเพิ่มหรอก ผมคิดว่าเขากำลังตัดสินใจ เขาอาจจะมีคุยกับคนอื่นบ้าง แต่เขากำลังดูคุณอยู่เป็นหลัก


ผมว่าไม่สำคัญว่าเขาชอบคุณหรือเปล่า คำถามอยู่ที่ว่าคุณรักเขาหรือเปล่า คุณเองก็ต้องชัดเจนกับเขาก่อน ถ้าคุณชัดเจนก่อนเขาก็จะชัดเจนตาม อย่างน้อย เขาได้รู้ว่าคุณคิดยังไง บอกเขาไปเลยว่าไม่ชอบตอบก็ไม่เป็นไร ถ้าไม่ชอบจะได้รู้ว่าควรวางตัวยังไง

อย่าอ้ำอึ้งกันนะนานครับ เวลาน้อย เราจะได้ไม่เสียเวลามากเกินไป
ลองดูนะครับเผื่อจะช่วยได้

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: ผมกับเขา เราเป็นอะไรกัน?
«ตอบ #3 เมื่อ13-03-2016 11:44:16 »

โอยลูกขาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา

เงื้อง่าราคาแพง  ก็ครางแครงใจอยู่อย่างนี้แหละคะ

เอางี้  คำแนะนำคืองี้นะคะ (แบบแรดๆ  และโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

ยิ้มกันเลยคะลูก  ยิ้มไปให้มันจบๆ  จะได้หมดไปเรื่องหนึ่ง  ดูสิว่า ยิ้มกันแล้ว รสชาติถูกปากไหม  ทำดีมีเบิ้ลรึเปล่า  เพื่อเรื่องแบบนี้  มันก็มีส่วนสำคัญในชีวิตคุ่ไม่มากก็น้อย

อีกอย่าง  หนูไปได้เขามาจากไหนคะ  โปรแกรมแชทตอแหลอะไรสักอย่างใช่ไหม

ต๊ายๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ตาย

ของแบบนี้  ตาดีได้  ตาร้ายเสีย  ซึ่งมักจะเสียๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ และพังกันมานักต่อนักแล้ว

เทียบไปก็เหมือนไปเดินซื้อของที่คลองถม  ของเลวปะปนอยุ่เยอะ  การจะคัดได้ของดีนั้นยาก  ถ้าไม่เชี่ยวจริงๆ

ดังนั้น  คบได้  แต่อย่าไปคาดหวังอะไรคะ

แล้วก็ไม่ต้องไปสาระแน  คาดผลในวันข้างหน้าด้วยคะ

เอาวันนี้ให้รอดก่อน

ผู้ชายมันคิดง่ายๆ ไม่ซับซ้อนหรอกคะ คือ  ที่ไหนอยู่สบายกาย  สบายใจ  ไปมาสะดวก  กิน ขี้ ปี้ เที่ยว สบาย  ไม่จุกจิกกวนใจ  ไม่และ-แล้ว-หรือ  ให้ลำไย  มันก็อยู่ที่นั้นแหละคะ

อย่าไปคิดถึงสามปี ห้าปีข้างหน้าเลยคะ  ตอนนี้  มีปัจจัยหลายอย่างเข้ามาในชีวิต  มันยากเกินไปที่จะคาดารณ์คะ

เป็นทุกข์ล่วงหน้าไปเปล่า  ทั้งๆ ที่ ไม่จำเป็นเลย  ความทุกข์ยังมาไม่ถึง  แต่ก็สาระแนไปทุกข์ร้อนล่วงหน้าแล้ว

ทั้หมดทั้งมวลที่พูดมา  ก็คือ  อย่าคิดมาก  ยิ้มๆ กันไป  อยู่ๆ กันไป  ปรับตัวเข้าหากัน  ไม่่คาดหวังเกินไป  ไปบีบคั้นเกินไป  มีช่องว่างจะหว่างคนทั้งสองแบบพอดีๆ  เสียสละความสุขสวนตัวบ้างอย่างพองาม  ใส่ใจพอสวยๆ  ไม่ให้อะไรๆ ก็ประเคนให้มันนะคะ

ถ้าทำได้ตามนี้  ชีวีหนูจะเป็นสุขขึ้นเยอะ

ปล.  ถ้ารักแล้วไม่มีความสุข  แล้วจะรักไปทำไม  หรือไม่จริง?

ออฟไลน์ Screen168

  • รับสกรีนเสื้อ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 17
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
    • สกรีนเสื้อ
Re: ผมกับเขา เราเป็นอะไรกัน?
«ตอบ #4 เมื่อ21-03-2016 10:08:58 »

ซึ่ง  :sad4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด