“ฮัลโหล สวัสดีครับ”
“เอ่อ ใช่เจรึเปล่าค่ะ..” อ่อคงจะเป็นแพรว คนที่เจอเมื่อบ่ายสินะ
“ใช่ครับ ว่าแต่ สรุปจะนัดให้ผมไปที่ไหนหรอ..”
“อืมแพรวเองก็ยังหาที่นัดดีๆไม่ได้เหมือนกัน ทีแรกก็มีที่คิดๆไว้นะ แต่เจ้าตัวมันไม่ยอมไป บอกว่าคนเยอะ อีกที่ก็ไม่คุ้นเคย อีก เราเลยคิว่าน่าจะโทรมาขอไอเดียดีๆ จากเจหน่อยหน่ะ เผื่อจะเจจะรู้ข้อมูลอะไรบ้าง..”เอ้าแล้วขนาด เพื่อนสนิทอย่างแพรวมันยังค้านหัวชนฝาขนาดนั้นแล้ว ผมจะไปทำอะไรมันได้ละเนี้ย
“อื่อ ผมเองก็ยังไม่ค่อยรู้จักกับมันดีเท่าไหร่ ก็ไม่ไม่ค่อยรู้ว่ามัน ชอบที่ไหนบ้าง..” เอ๊ะ แต่จะว่าไป เมื่อเช้า ไอวินบอกผมว่ามันจะพาอะตอมมาที่ร้านด้วยนิ่
“แพรวงั้นเดี๋ยวผมโทรกลับนะ...” และยังไม่ทันที่แพรวจะได้ตอบอะไรผมก็ดวางสายและกดเบอร์ไปที่ ไอวินดู..
“หือ .. ไอตี๋เพื่อนมึงอะนะ. . . เออ เดี๋ยวกูไปช่วงทุ่มนึงอะพร้อมกับมันอะ ”
“เออๆขอบใจมากมึง..” พอวางสายจากไอวินผมก็โทรกลับไปที่เบอร์ของ แพรวอีกครั้ง เธอก็เข้าใจและบอกจะตามมาสมทบที่หลังเหมือนกัน
(18.00น.) มีรถมอเตอร์ไซด์และรถเบนส์ คันงามๆ มาจอดอย่ที่หน้าร้านของผม โดย ในตอนนั้น ผมก็นึกว่ามีลูกค้ามาจึงเดินออกไปดูแต่ที่ไหนได้เป็นไอวิน กับอะตอมและแพรวที่มาต่างหากละครับ
“หวัดดีเจ..” เสียงพูดทักทายหวานๆของแพรว กล่าวทักทายผมทันทีที่เดินมาถึงหน้าร้าน
“ดีจ้า” ส่วนเสียงกวนประสาทแบบนี้ไม่ต้องบอกคงจะรู้กันนะครับว่าใครเป็นเจ้าของเสียง
“…..” แต่ที่แปลกเลยก็คือรายที่สามนี้ไม่ยอมพูดยอมจาเลยครับ มันเดินก้มหน้าหงิมๆ เดินผ่านผมไปยังกับว่าไม่เห็นผม แต่ผมเองไม่ได้เก็บมาใส่ใจหรอกนะครับ อาจเป็นเพราะมันกำลังจะใจลอยถึงใครอยู่ก็ได้ ก็เลยมองข้ามผมไป
และเมื่อจำนวนแขกมากันครบ ผมก็จัดแจงเตรียม ข้าวของทุกอย่าง (ตามที่แพรวได้บอกผมก่อนที่จะมาที่นี้)ไว้ที่โต๊ะเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ที่เหลือก็คงต้องรอแค่เวลา..เพียงอย่างเดียว
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วจนในตอนนี้เวลา ทุ่มกว่าๆแล้ว ทั้งผมและเพื่อนๆ อีกสามคนกำลังนั่งเล่าสารทุกข์สุขดิบของแต่ละคนรวมถึงการนินทาคนอื่นไปในคราวเดียวกัน..แต่วันนี้บรรยากาศมันก็หมองๆ ไปเพราะอะตอมมันไม่ค่อยพูดค่อยจา... ถามคำตอบคำจนผมรำคาณ อยากจะตะโกนถามว่ามันเป็นอะไร..แต่ด้วยความที่กลัวจะทำเสียบรรยากาศเลยพยายามมองข้ามเรื่อง ของมันไป..และแทนที่ด้วยเรื่องฮาๆ ของไอวินแทน ซึ่งบ้างครั้งอะตอมมันก็ขำตามบ้าง แต่หลายๆ ทีที่มันเห็นว่าผมกำลังมองมันอยู่มันก็จะรีบทำหน้าบึ้ง ยังกับว่าผมไปทำอะไรให้มันโกรธอย่างนั้นหล่ะ...
“ กลับมาแล้วค่า!!!...” เสียงดันสนั่นหวันไหว แบบนี้ก็มีแค่ยัยเอริ์นคนเดียวเท่านั้นแหละครับ
“อ้าวเอิร์นกลับมาแล้วหรอไปไหนมาทำไมถึงกลับดึกจัง” ระหว่างนั้นยัยเอิร์นก็เดินเข้ามาหาผมที่โต๊ะพร้อมกับแสดงทีท่า ตกใจไม่ใช่น้อยตอนที่เห็นหน้าของไออะตอมครั้งแรก.. และนี้ก็คงเป็นเรื่องปกติ ของสาวๆ บ้านนี้แหละครับ... ยัยเอิร์นทำท่าจะเดินไปนั่งๆใกล้ๆ อะตอมแต่ผมห้ามไว้และให้มานั่งข้างๆ แพรวแทน ส่วนผมก็เลยต้องขยับไปนั่งใกล้มันๆ แทนัยยเอิร์น อะตอมทำท่าตกใจเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร..ผมเองก็เช่นกัน ..
“นี้ น้องเรา เอง ชื่อ เอิร์น เอิร์นนี้เพื่อนพี่ คนนี้ อะตอม ส่วนคนนี้ แพรว..” ผมชี้แนะนำเพื่อนๆ ให้ยัยเอิร์นได้รู้จักก่อนที่ยัยเอิร์นจะยืนไหว้สวัสดีอย่างงามๆ เว้นซะแต่ พอยัยเอิร์นหันไปเจอหน้าแพรวเท่านั้นแหละครับสีหน้านี้รีบเปลี่ยนทันทีเลย..
“เอ่อเอิร์น..หวัดดีพี่แพรวด้วยสิ..” ดูเหมือน สองสาวจะไม่ค่อยชอบหน้ากันนะผมว่า..แต่จะมีก็แต่ยัยเอิร์นเท่านั้นแหละครับที่แสดงสีหน้าส่วนแพรวรายนนี้ๆนิ่งไปเหมือนกับคนข้างๆผมเลยครับ
“หวัดดีคะ”ยัยเอิร์นไหว้ส่งๆ ก่อนจะรีบหุบมือลง เหอะ..แล้วนั้นก็เริ่มทำให้ผมนึกไปถึงช่วงที่ยัยเอิร์นเจอกับคุณเอื้อยแรกๆก็ทำตัวแบบนี้เหมือนกันสงสัยจะไม่ค่อยชอบหน้าเพราะคิดว่า คุณเอื้อยจะแย่งกายไปจากผม...เอ๊ะ หรือว่าจะเป็นเพราะเรื่องนี้....ทันทีที่ผมคิดออกผมก็เริ่มแน่นำตัวใหม่ให้ยัยเอิร์นฟัง..แล้วก็เป็นไปตามคาดครับยัยเอริ์นมีท่าทีแสดงสีหน้าที่เปลี่ยนไป จากที่มองแพรวตาเขม้งตอนนี้ก็มองแบบที่มองผมกับอะตอมแล้วละครับ
“พอดีวันนี้เอิร์นทะเลาะกับเพื่อนมาค่ะ เลยอารมณ์ไม่ค่อยดี ยังไงก็ต้องขอโทษด้วยนะคะที่แสดงสีหน้าไม่ดีออกไป”แพรวหันมามองหน้าผมแล้วยิ้มๆ
“ไม่เป็นไรน่าพี่เข้าใจ ว่าแต่ทำไมพี่ถึงคุ้นหน้าน้องเอิร์นยังไงก็ไม่รู้แหะ เหมือนกับว่าเคยเจออยู่ที่งานมีตติ้งของ นอค...”
“กร..”
“อย่าบอกนะว่า”ประโยคนี้แพรวถามขึ้นมา
“ 0.0 ” ส่วนยัยเอิร์นทำหน้าเหวอๆ พร้อมกับพยักหน้า และหลักจากนั้นไม่เกิน สิบวินาทีก็มีเสียงกรี๊ดกร้าด จากเธอทั้งสองคนดังอยู่ลั่นร้าน จนแทบจะไปถึงหน้าปากซอยอยู่แล้ว และถ้าให้ผมเดาไม่ผิดผมว่าสาวสองคนนี้คงต้องมีเลือดสีม่วงๆอมเหลืองแน่ๆ เลย...เหอะๆ
ระหว่างที่นั่งคุยไป กินอะไรแกล้มไป ของกินต่างๆ โต๊ะก็ค่อยๆ หมดลง แพรวกับยัยเอิร์นเลยอาสาจะไปเติมให้โดยที่ผมไม่ทันจะได้เอ่ยปากขออะไร.. ส่วนไอวินกับไออะตอม ตอนนี้ เมาไม่รู้เรื่องอยู่ข้างๆ ผมนี้แหละครับ.
ผมเห็นอะตอมทำท่าเหมือนพยายามขยับออกไปจนตัวมันติดชิดกับโซฟา
“อึดอัดหรอ เดี๋ยวกูไปนี่กับไอวินก็ได้..”ผมกำลังจะลุกขึ้นเปลี่ยนที่นั่งข้างๆ ไอวิน แต่อะตอมมันดึงมือผมให้เข้ามานั่งใกล้ๆ มันอีกครั้งแล้วกระซิบข้างหูของผมว่า..
“เบียดๆแบบนี้แหละอบอุ่นดี..”ถ้าอบอุ่นแล้วมันจะเขิยบหนีผมทำซากอะไรฟร้ะ. . .ผมละงงกับมันจริงๆ * - *
ระหว่างนั้นพวกมันสองคนก็นักโยกหัวสัพหงกไปมาด้วยความเมา โชคดีหน่อยที่วันนี้ผมขอผ่าน เพราะตั้งแต่เมื่อวานที่ ผม ดันรั้นอยากกินแบบพวกมัน สภาพก็เลยไม่ต่างจากเป็นอย่างที่รู้ๆ กันนั้นแหละครับ มึนๆ ทั้งวัน แล้วถ้าขืนผมยังทำตามพวกมันต่อละก็มีหวังพรุ่งนี้ไปเรียนไปได้แน่นอนเลยละครับ..
“เห้ยมึง”ผมไม่รู้ว่าไอวินมันกำลังบ่นพึมพำถึงใคร เลยได้แต่หยิบแก้วเปปซี่ขึ้นมาจิบและหันไปมองสองสาวที่กำลังนั่งคุยอะไรกันอยู่ในห้องครัวอย่างสนุกสนาน..
“มืงงงงง ฮึกกก...”ผมไม่อาจทนเห็นความเรื้อนของเพื่อนตัวเองได้เลยเป็นคนอาสาตอบแทนทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่ามันกำลังบ่นหรือพูดถึงใครอยู่กันแน่
“อะไรของมึงไอวินกูเห็นมึงนั่งพูด อะไรมาคนเดียวพักนึงละจะเรียก ใครก็เรียกชื่อให้เขาหันมาตอบสิวะห่า รำคาณ.”
“เจ..ฮึก... กูว่านะ ไอกายมันต้องชอบมึง.ฮึก..แน่เลยวะ” อะ อ้าวว นี้ไอวินมันไม่ได้รู้เรื่องของผมกับกายมาตั้งแต่แรกแล้วหรอ..แล้วที่ไอที่มันแซวๆผม เมื่อช่วงพักหลังๆ นี้ ผมก็นึกว่ามันรู้แล้วซะอีก...สรุปยังคงเป็นความลับอยู่สินะ..ผมเลยตีหน้าเนียนทำไม่รู้เรื่อง และยังคงตามน้ำต่อไป.
“อ่อหรอวะ เออๆ แปลกดีเน้อ เหอะๆ”
“แล้วมึงไม่รู้...ฮึกก..สึกอะไรกับมันบ้างหรอวะ..” ถึงจุดนี้ผมควรจะรีบบอกมันไปเลยดีมั้ยว่าผมกับกายเราสองคนไม่ใช่ เจ้าหนี้ลูหนี้กันแล้วแต่เป็นอย่างอื่นแทน ..แต่ถึงบอกตอนเมาไป มันก็คงจำไม่ได้อยู่ดี..เอาเป็นว่ารอให้มันผ่านช่วงรักๆไคร่ๆ ของมันไปก่อนแล้วกันเดี๋ยวค่อยเซอร์ไพรท์บอกมันทีหลัง
“รู้สึก.....มั้ง ฮ่าๆๆๆ”ผมพยายามขำกลบเกลื่อนให้มันรีบลืมๆ เรื่องไป แต่แล้วจู่ๆ คนที่นั่งข้างๆผมก็เริ่มเปิดคำถามขึ้นมาบ้าง
“มึง.”ผมไม่รู้ว่ามันเรียกใครแต่ขอแสดงตัวหน่อยละกัน
“ก..กูหรอ..”
“ไม่ๆมึงอะไรนะ.. เอ่อ วิน เออไอวิน” เหอะกูควรจะลุกขึ้นไปปล่อยให้พวกมึงสองคุยกันดีมั้ยละเนี้ยกูอยู่ข้างๆแท้ๆ ดันเสือก เลือกถามคนที่พึ่งรู้จักอย่างไอวิน ชิ!
“ว่างายยอ้ายแมลงวัน ‘ตอม’ ”
“ไอกาย.นี้มันใครวะ..”
“อ่อ เพื่อนกูนี้ละ ..แม้งหล่อเหี้ยๆ” ทันทีที่ได้ยินชื่อกาย จากที่ผมกำลังลุกก็รีบกลับมานั่งทีเดิมแอบฟังพวกมันคุยเผาเรื่องไอกายต่อ
“อ้าว แล้วสรุปมันจะเหี้ยหรือจะหล่อวะ.”
“ก็มีทั้งสองอย่าง ฮึก..อยู่ด้วยกันนั้นแหละ แต่เรื่องความหล่อมันอาจจะแพ้กูรวมถึงมึงด้วยนะ ฮึก ไอหน้าจืด....” ใครก็ได้ช่วยมาดึงมือผมออกจากตรงนี้ทีถึงหูผมจะอยากได้ยินสิ่งที่มันคุยกันแต่ผมเริ่มจะรับไม่ได้กับไอความมั่นหน้าเกิน สิบ ของไอเชี่ยวินมันแล้ว ฮ่าๆ
“ว่าแต่มึงถาม..ถึงมันทำไมวะ รู้จักกันหรอ”
“ป่าว..หรอกก็แค่ลองถามดู”
“ งั้นก็แล้วไป เพราะเพื่อนกูมันมีคู่ของมันละเว้ยยเห้ยย เออว่าแต่ มึงไม่มีคนที่ชอบบ้างหรอวะ กูเห็นเจอมึงอยู่หลายครั้งแต่เห็นเดินคนเดียวตลอดเลย”
“ตอนแรก ก็ไม่คิดอยากจะมีหรอก แต่เหมือนตอนนี้ต้องรีบแล้ววะ”
“อะอ้าว จะกลับแล้วหรอ รีบไปไหนวะ..”
“กูหมายถึง..ต้องรีบบอกความรู้สึกให้คนๆนั้นฟังต่างหากละ..”
“งั้น กูขอให้มึงโชคดีละกันเพื่อน แต่... ระวังนกนะมึง..กูขอเตือน”
“เออ ขอบใจมากมึง” และแล้วทั้งสองคนก็เดินเข้ามากอดกันและอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ถรุ้ยยย!!! คงเป็นเพราะอาการเมาหนักของพวกมันทั้งสองคนเลยเดินเข้ามากอดกันตัวกลมโดยที่มีผมนั่งแทรกอยู๋ตรงกลางอยู่ เลยโดนพวกมันสวมกอดกันทั้งสองคน ผมไม่รู้เลยว่าจะออกไปจากวงแขนพวกมันได้ยังไง ก็แม้งดันดักทั้งสอข้างขนาดนี้ ตอนนี้สภาพก็เลยเหมือน พวกเราสาม คนกำลังกอดพิศวาสกันอย่างดูดดื่มม (Tree some มั้ยละมึง)
สักพักใหญ่ๆสาวๆ ทั้งสองคนก็เดินออกมาพร้อมกับจานอาหารอีกเล็กน้อย ก่อนยัยเอิร์นเดินมาลากไอวินไปไหนไม่รู้ส่วนแพรวก็บอกขอตัวไปช่วย ยัยเอิร์นก่อน ผมเลยต้องอยู่กับอะตอมสองคน บรรกาศวาปหวิวแสงไฟสลัวๆ นั้นก็ทำให้ผมกลัวได้เหมือนกัน เพราะตอนดูหนังผีบ่อยๆ มันจะชอบออกมาเวลาแบบนี้บรึ้ยยย แต่ระหว่างนั้นเองอะตอม ก็เอาแต่พิงไหล่ผม และพูดอะไรพึมพัมๆ อยู่หลายครั้ง ผมไม่สามารถสรุป คำพูดของมันได้เลยว่ากำลังพูดอะไรอยู่แต่ ก็นึกขึ้นได้ว่า พี่อินเคยบอกว่าตอนเมาให้กินน้ำเยอะๆ อาการจะได้ดีขึ้น คิดได้ดังนั้นผมก็เลย รินน้ำใส่แก้วยื่นให้อะตอม ไม่สิ ต้องเรียกว่าประเคนใส่ปากมันอยู่หลายครั้ง จนมันต้องขอตัวไปฉี่ แต่ด้วยเรี่ยวแรง ของมันในสภาพแบบนี้ เลยไม่สามารถเดินไปไหนมาไหน ด้วยแรงของมันเองได้ ผมก็เลยต้อง อาสาพามันไปฉี่ถึงห้องน้ำ ดีนะที่ไม่ให้ผมถอดซิบรูด ถือ ..ให้มันด้วย
“เจ รูดซิบให้หน่อย..” ชิบหายละ แต่ด้วยความสงสารปนรำคาณผมเลย รูดซิบให้อย่างที่มันบอก และปล่อยให้มันยืนฉี่อยู่นาน กว่าจะหมดทุกหยดก็เล่นเอาไหล่ของผม แทบจะระบม เพราะ หัวมันแม้งโคตรจะแข็ง
พอกลับมายัยเอิร์นกับไอวินไม่อยู่แล้วจะอยู่ก็แต่ แพรว ที่เธอกำลังนั่งส่งยิ้มมาให้ผมอยู่..
“เราว่าเพื่อนแพรวจะไม่ไหวแล้วนะ ..” เพราะได้ข่าวว่าที่เธอพาอะตอมมาในวันนี้ก็เพื่อจะพิสูจน์อะไรบางอย่าง แต่สภาพของมันตอนนี้สิ ..
“ผมว่าเราคง จะต้อง...”
“เจ...” อยู่ๆ อะตอมก็พูดขึ้นมา เสียงดังฟังชัด นี้มันคงจะไม่ได้ส่างเมาเร็วขนาดนั้นหรอกใช่มั้ย
“เออ ว่าไง หายเมาแล้วหรอมึงอะ”อะตอมเงียบไม่ตอบผม แล้วมันจะเรียกชื่อผมทำซากอะไร
“หิวน้ำ ”
“ก็กินสิอยู่ตรงหน้ามึงเนี้ย..”
“รินให้หน่อย....”
“อะไรของมึงเนี้ย แค่เอื้อมมือไปก็หยิบเองได้แล้ว”
“รินให้หน่อยดี๊!!!” มันทำเสียงตื้อๆผมแทบยังเอาหัวของมันถูไปมากับไหล่ของผมด้วย ด้วยความที่รู้สึกอนาถใจผมเลยรีบเทน้ำใส่แล้วรินให้มันกิน มันยกดื่มอึกสองอึกก่อนจะวางแก้วลง
“เจ..”
“เอออะไรอีก....” ผมเริ่มหงุดหงิดทุกครั้งที่มันเรียกชื่อผม
“อยากกินขนม...”
“ขนมหมดแล้ว...”
“งั้นออกไปซื้อให้หน่อยสิ.. ”
“จะบ้าหรอเวลาขนาดนี้แล้วร้านที่ไหนเขาจะเปิด”
“เซเว่นไง...” ถ้าจะพูดถึงเซเว่นมันเปิดดึกก็จริงครับแต่ถ้าจะให้ขับรถไปช่วงดึกๆ ทางแถวนั้นก็ไม่ค่อยมีไฟด้วย คงอันตรายแน่ๆ
“ไม่เอามันดึกแล้วไว้ค่อยกินพรุ่งนี้....”
“นะเจ ” มันยังคงทำแบบเดิมกับผมคือเอาหัวถูๆไปมาที่แขนผม แต่อย่าหวังจะได้กินผมรอบสองครับ คราวนี้ผมรีบสะบัดมือมัดออก ก่อนจะขยับ ออกมาจนชิดกับโซฟาอีกด้านนึง แต่ก็ไม่วาย มันขยับตามมาแถมคราวนี้ เกาะแขนผมหนึบไม่ยอมปล่อยเลยด้วย ... ผมหัน ไปขอความช่วยเหลือจากแพรวแต่ดูเหมือน..เธอจะส่งสายตาบอกให้ผม ทำตามสิ่งที่อะตอมบอก..หรือนี้ อาจเป็นการพิสูจน์อย่างนึง อย่างที่เธอวางแผนไว้ถึงผมจะไม่เข้าใจและไม่อยากออกไปแค่ไหนก็เถอะ...แต่ในเมื่อ เป็นเรื่องที่ผมเองสัญญาว่าจะช่วยแล้ว ทั้งที ก็เลยต้อง ฝืนไป ทั้ง ๆที่ใจนึง ไม่อยากออกไปไหนกลางดึกแบบบนี้เลย
. . . . . . . . .
ผมเดิยห่างออกมาจากร้านได้พักใหญ่แสงไฟที่ส่องนำตามทางก็ค่อยๆ น้อยลง เหตุเพราะบริเวณนี้เกิดอุบัติเหตุรถชนกันบ่อย เสาไฟหลายต้นเลย หักลงเสียไปทีละดวงๆ จนตอนนี้เว้นระยะห่างกันไกลเหลือเกิน ลมเย็นๆที่กระทบกับผิวของผม ทำให้รู้สึกหนาวขึ้นมาแบบไม่ทันสงสัย บางคนอาจจะสงสัยว่าทำไมผมถึงไม่ขี่ M ไอวินออกมา เหตุเป็นเพราะว่าปอดแหกครับ กลัว... กลัวว่าระหว่างที่ขับอยู่อาจจะมีใครมานั่งเป็นเพื่อนผมข้างหลังด้วย (มันเป็นจินตนาการของผมครับ) เวลาฟังเรื่องเล่า หรืออะไรเกี่ยวกับสิ่งที่มองไม่เห็นแล้วมันชอบฝังใจ และผมเองก็เชื่อว่าเพื่อนๆ หลายๆ คนอาจจะเคยเป็นมาก่อน และอาจจะกลัวไม่ต่างจากผมเลยด้วยซ้ำ
ผมเดินข้ามทางม้าลาย ข้ามไปอีกฝากนึง แต่ระหว่างนั้นก็เริ่มรู้สึก..ได้ยินเหมือนมีเสียงฝีเท้า ใคร ที่ไม่ใช่ผม กำลังเดินตามผมมาจากด้านหลัง.. ผมไม่มีความกล้าพอที่จะหันกลับไปมองว่าสิ่งที่ตามมานั้นมันจะใช่อย่างที่ผมคิดหรือไม่ ผมยังคงเร่งฝีเท้าของตัวเองต่อไป จนใกล้กับแสงสว่างตรงเสาไฟต้นนั้นแต่ระหว่างนั้น มือข้าง นึงของผมก็ถูกกระชากและ ดึงให้หันไปตามแรงนั้น ผมกลัวจนหลับตาปี๋ บอกไม่ถูกเลยว่า ความรู้สึกมันแย่แค่ไหนรู้แค่ว่าผมไม่อาจจะกล้าลืมตาได้เลย จนเมื่อได้ยินเสียงๆนึงที่รู้สึกคุ้นหูขึ้นมา
.”เจ.... แฮ่กๆ”เป็นอะตอมครับที่จับข้อมือของผมอยู่..ผมอรู้สึกโล่งใจจนแทบจะยืนไม่ไหวเพราะเมื่อกี้เล่นเกร็งไปทั้งตัว
“มึง มาได้ไงวะ.. ”
“คือ...กู.... แฮ่ก ๆ มีเรื่อง ... จะบอก”
“เออมึงใจเย็นๆ ก่อนนะหายใจเข้าลึกๆ แล้วค่อยพูด...” ผมยืนลูบหลังอะตอมไม่รู้ว่าเพื่ออะไรเหมือนกัน แต่มันเป็นความเคยชิน ที่ผม ทำให้พวกไอวินกับกายบ่อยๆ ไม่นานนักอะตอมมันก็ตั้งสติพอที่จะยืนคุยกับผมได้ ผมมองหน้าผมนิ่งพักนึงก่อนจะกล่าวคำพูดนึงที่ทำให้ผม ทำอะไรไม่ถูก..
“เจ....”
“เออ”
“กูชอบมึงนะ....”
ต้องขอโทษด้วยนะครับที่เว้นระยะห่างมานานเหลือเกิน เพราะช่วงนี้กิจกรรมเยอะไปหน่อย เลยไม่ค่อยมีเวลาว่างมาอัพเลย
ยังไงก็อย่าพึ่งลืมกันน้า ค๊าบบ z
TBC. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . เขียน: (คิมแทวอน) -3-