〖New!〗Falling in ✓♥ หลุมพรางหัวใจ ของนายหน้านิ่ง Chapter:53〖13/02/61〗
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: 〖New!〗Falling in ✓♥ หลุมพรางหัวใจ ของนายหน้านิ่ง Chapter:53〖13/02/61〗  (อ่าน 31585 ครั้ง)

ออฟไลน์ thitema3

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
“ปล่อย  ปล่อยกู ปล่อยดิวะ แม้ง. . ”ลุคมาดคุณหนูของไอเด็กนี้หายไปเพราะคำพูดหลังๆ ของมัน

“เงียบ ”

“ปล่อยกูดิวะแม้งเอ้ย”

“เงียบ!!”เสียงของไอวินดูทั้งแน่นและดุดันจนผมก็แอบตกใจไปพร้อมกับไอเด็กตัวขาวนี้เลย

“ที่บ้าน พวกมึงเขาไม่สอนเรื่องมารยาทรึไง ทำผิดก็ขอโทษ สิวะ จะเดินหนีทำห่าอะไร แล้วดูสิเนี้ย ของพวก นี้มันเสียหายหมดแล้ว คราวนี้จะเอายังไง” ผมแอบเห็นสายตาของไอเด็กนั้นเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เหมือนมันกังกลัวว่าไอวิน จะต่อยมันยังไงอย่างงั้น ผมเห็นท่าไม่ดีเลยรีบ ขว้าแขนไอวิน ให้ปล่อยไอเด็กนั้นลง ไอวินก็ยอมทำตามโดยว่าง่าย ส่วนไอเด็กนั้น มันน้ำตาคลอเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ ระหว่างนั้น พวกเด็กนักเรียนที่ตะโกน อยู่บริเวณบันไดเลื่อนเมื่อครู่ ก็เดินเข้ามา ที่ๆผกับไอวินกำลังยืนอยู่ มันกำลังยืนกำหมัดจ้องหน้าไอเด็กตัวขาวนี้ อยู่แต่ก็ไม่ยอมพูดอะไรคงเพราะกำลังกลัวไอวินทีกำลังยืนจ้องตาเขม้งกันอยู่แน่ๆ

“พี่ช่วยผมด้วย . . ”เสียงบ่นๆปนกระซิบของไอเด็กนั้น ดังเข้ามาในหูผมไม่รู้ว่าเป็นเพราะว่าผมหูดี หรือเพราะต่อมเสือกมันทำงานเกินลิมิตกันแน่ ถึงทำให้ผมได้ยินสิ่งที่ไอเด็กนั้นพูด

“อะไรของมึง?”เสียงของไอวินแหง๋นหน้ากลับมาถาม ไอเด็กตัวขาว ที่ยืน เกาะ ชายเสื้อของมันอยู่. .

“พวกมันชอบมาไถ่เงินเพื่อนกับผม แต่วันนี้ ผมลืมเอามามันเลยจะตามมาค้นตัวผม พี่ช่วย ผมด้วยนะพี่ !” ตอนนี้ไอเด็กนี่ไม่ต่างอะไรกับพวกเด็กเนิรด์หลังห้อง ที่โดนพวกหัวโจกกลุ่มนักเรียนเกรียน รังแกอยู่ฝ่ายเดียวเลยครับ ผมเข้าใจความรู้สึกเลยว่ามันเป็นยังไง

“เห้ย ! พวกมึงจะทำอะไร น้องกู” เสียงไอวินดูหนักแน่น สมกับมาดพี่ชายกัมลอ กำลังยืนต่อว่าไอกลุ่มเด็กกางเกงดำสามสี่คนที่กำลังยืนจ้องหน้า ไอเด็กนั้นอยู่ ผมแอบเห็นทีท่า ไอเด็ก หัวโจก แอบๆ สั่นๆ เล็กๆ เหอะๆ อย่าว่าแต่มันเลยครับ ผมเองก็ไม่ต่างอะไรเลย นี้ถ้าหากวันไหน เกิดไปสะกิดต่อมบ้าของไอวินขึ้นมา ละก็ หึหึ ไม่อยากจะนึกภาพตามเลยครับพี่น้อง ตายยั้งเขียด

“ฝากไวก่อนเถอะมึง ไปพวกเรา. . ” ไอเด็กกลุ่มนั้นเดินออกไปอีกทางด้วยอาการหัวเสีย ก็ลองหือดูสิพวกมึง รับรองได้แกหมักเพื่อนกูๆ แน่ โด่วๆ แต่เดี๋ยวๆ นะ แล้วผมจะมาหัวร้อน แทนไอเด็กนี้ทำไมกันละเนี้ย โอ๊ะ. .

“ไงทีนี้จะเอาไงต่อ”ไอเด็กนั้นทำหน้าอ้ำอึ้งๆแต่ก็ยอมเอ่ยปากพูด

“ข...ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจจะเดินมาชนเลยนะพี่ พอดีมันเป็นอุบัติเหตุ ผมขอโทษ ๆ จริงๆ”

“มึงจะมาขอโทษกูทำไม ขอโทษน้องคนนี้ สิ. .”

“เอิร์น เราขอโทษ นะ เอิร์นก็น่าจะรู้ว่าเราไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มก่อน” ทำไมผมถึงรู้สึกแหม่งๆ เวลาไอเกนี้คุยกับยัยเอิร์นด้วยก็ไม่รู้ แต่ดูท่าเหมือนสองคนนี้ จะรู้จักกันนะ

“อืม .  . ไม่เป็นไรหรอกแก เราก็พอจะรู้เรื่องของพวกกลุ่มพวกนั้นอยู่แหละ แล้วนี้เป็นอะไรเปล่า ”

“ก็นิดหน่อย หน่ะแต่ไม่เป็นอะไรมากหรอก”

“โชคดีนะที่แกไม่เป็นอะไร แต่เรานี้สิโชคร้าย แล้วจะทำยังไงกับของพวกนี่ดีละเนี้ย” จริงๆ ของมันไม่ได้เสียหายอะไรมากมายหรอกครับเพียงแต่ผู้คนโดยรอบ ต่างหวาดหลัวเหตุการณ์ที่พึ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่ทำให้ไม่มีใครกล้าเดินเข้ามาซื้อเลยสักคน

“เห้ย จะเที่ยงแล้วหรอเนี้ย .ทำไงดี. .  ”

“ช่วงเที่ยงช่วงพักไม่ใช่หรอทำไม แกต้องทำหน้าตกใจขนาดนั้นด้วย”

“พักเที่ยงมันก็จริงแต่วันนี้พ่อเราพึ่งกลับมาจากต่างประเทศไง ที่บ้านก็เลยบอกให้เราลาครึ่งวัน ไป ทำธุระกับพ่อและพี่ชาย ”

“หรอ  งั้นก็รีบไปสิ มัวรออะไรอยู่หล่ะเดี๋ยวก็สายหรอก. .”

“เราก็อยากไปนะแต่. . ” ไอเด็กนี้มันทำสีหน้าอ่ำอึ้งๆ ไม่ยอมพูดแต่ผมแอบสังเกต จากสายตาของมันที่เหล่มองไปทางบันไดเลื่อน

“มันจะกลับได้ไงละ ในเมื่อไอพวกหัวเกรียนนั้นยังรอดักตบมันอยู่ที่บรรไดเลื่อนหน่ะ” ทั้งไอวินและยัยเอิร์นหันไปมองตาม ที่ผมพูดขึ้น

“ป่ะ กลับ เดี๋ยวกูไปส่ง. . ไหนๆ กูก็เป็นพี่ชายมึงแล้วนิ่ . . ”ไอเด็กนั้นเงยหน้ายิ้มร่า อยู่คนเดียว ทีเมื่อกี้ละยังเห็น ทำหน้าซึมเชียวเปลี่ยนอารมณ์ไวชิบหาย สงสัยจะเป็นไบโพร่าละมั้งไอเด็กนี้. . . .

ทั้งไอเด็กตัวขาวและไอวิน เดินไปที่บันไดเลื่อนพร้อมกันส่วนไอพะวกแก้งหัวเกรียนนั้นน่ะหรอครับ พอเห็นว่า เดินมากลับไอวินก็ทำทีเดินเมินไปทางอื่นครับ จะว่าไปเพื่อนของผมมันก็มีมุมอบอุ่นกับเขาเหมือนกันนะเนี้ย ถ้าไม่ติดที่ว่า  มันแสดงธาตุ(สันดาน)แท้ ให้ผมเห็นมากไปหน่อยมันก็คงจะกลายเป็นพ่อระคที่สองสำหรับผมแล้วแหละครับ หึหึ
หลังจากที่ผ่านเรื่องราววุ่นวายไปพักนึงผมกับยัยเอิร์นก็มานั่งน่ามุ้ยกันเพราะไมรู้ว่าควรจำทำยังไงต่อไปดี. .ลูกค้าไม่กล้าเดินเข้าร้าน แถม ไอวิน มันก็ปลิวหายไปพร้อมกับไอเด็กไบโพร่านั้นเห้อ ถ้าผมก็ขอคืนคำที่เคยชมมันจะทันมั้ยครับ. . .

“เอาไงต่อดีละพี่เจ. . ลูกค้าไม่กล้าเข้าร้านเลยอะ ช่วงบ่ายเอิร์นเองก็มีสอบเก็บคะแนนด้วย แล้วจะขายยังไงให้หมดเนี้ย. .”ใบหน้าที่เคยเปื้อนรอยยิ้มของยัยเอิร์นค่อยๆ หายไปแต่ถูกแทนที่ด้วยใบหน้าที่เศร้าหมองแทน

“วันนี้ขายไม่ได้ไว้พรุ่งนี้ค่อยมาขายใหม่ก็ได้นิ่กว่าจะถึงตอนนั้นคนเขาคงเลิกกลัวกันไปเองแหละ อย่าคิดมากเลย . .”

“เอิร์นก็อยากทำอย่างนั้นนะค่ะ แต่พรุ่งนี้มันถึงกำหนดที่จะเริ่มโครงการแล้ว ก็เท่ากับว่าวันนี้คือวันสุดท้ายในการหางบประมาณแล้วด้วย ของเหลือเยอะขนาดนี้ คงไม่มีงบไป ช่วยเหลือน้องๆ แน่ๆ เลยๆ  .”

“อร้ายยยยย!!!พี่คะ ขออันนึงค่ะ ”

“หนูด้วยค่ะ หนูขอสองเลยค่ะ กรี๊ดดด!!” เสียงกรี๊ดกร๊าดดังสนั่นมาจากมุมใกล้ๆ กับร้านอาหาร ที่กำลังยืนโปรโมท เอิ่มม เท่าที่ผมมองน่าจะเป็นโดนัทนะ จะว่าไปแล้ว โดนัทที่กำลังโปรโมทมันก็ไม่ได้แตกต่างจากแบรนด์อื่นเท่าไหร่หรอกครับ ที่พวกเด็กกลุ่มนั้นกรี๊ดกร๊าด คงจะเป็นพวกพนักงาน ที่กำลัง ยืนแจกรอยยิ้มกันมากกว่า. . .เอ๊ะๆ แต้เดี๋ยวๆ นะ . . .โปรโมทหรอ. . หึหึ อยู่ผมก็คิดไอเดียดีๆอะไรขึ้นมาได้. . .

“เอิร์น ไม่ตองเศร้า นะ จัดโต๊ะวางกล่องรอรับงบได้เลย พี่มีวิธี. . . ”

“วิธี วิธีอะไรหรอ?”

“เดียวก็รู้.  .. หึหึ. . .”  :hao3:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-06-2017 00:17:31 โดย thitema3 »

ออฟไลน์ thitema3

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
. . . . . . . . . . . . . . . . . .

“อร้ายยยยยยยยย!!!! พี่ค่ะหนูขอ หนึ่ง สอง ไม่สิ เอาสิบอันเลยค่ะพี่ขา อร้าย”

“อย่าโลภมากสิย้ะแบ่งๆ กันหน่อยพี่ค่ะหนูเอาด้วย ขอ หกอันเลยค่ะ”

“อย่ามายุ่งกับอปป้าของชั้นนะยะ ชั้นมาก่อน เพราะชะนั้น ให้หนูก่อนนะคะพี่ขา. . . ” หลังจากทีผมแอบมองการโปรโมทสินค้า เมื่อกี้ก็ทำให้ผมเกิดปิ๊งไอเดียขึ้นมา .  . ทันที . . ในเมื่อ ทางนั้นเขามีพนักงานเป็นตัวล่อ ผมเองก็มี แถมยังรับรองดีกรีว่าต้องเด็ดกว่าร้านนั้นแน่นอน ซึ่ง ตัวช่วย ของผมนั้นก็คือ. . .เพื่อนใหม่ที่สุดแสนจะหล่อเหลาเป้าลากดิน อย่างไออะตอมนั้นเองคึคึ กว่าจะตามตัวข้อร้องให้มันมาได้นิ่ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยนะครับ ต้องหลอกล้อด้วยอาหารถึงสามมือ แถมต้องพามันไปกินกาแฟที่ร้าน อีก และนั้นก็คือข้อแลกเปลี่ยนของผมกับอะตอมในการเสียสละเวลาในการมาครั้งนี้ครับ เอิ้กๆ ทันทีที่อะตอมมายื่นช่วยขาย ของ ที่กองพะเนินเทินถึก ตอนนี้เหลืออยู่ไม่เท่าไหร่แล้วหล่ะครับ นี้สินที่เขาเรียกว่าใช้หน้าตาเป็นอาวุธ. . . ฮิฮิ

“เจของที่โต๊ะหมดแล้ว เอามาเพิ่มหน่อยสิ คนยืนรอกันเต็มแล้วเนี้ย”อะตอมยืนเรียกสติผมที่กำลังขำชั่วร้ายด้วยความเฉลี่ยวฉลาดของตัวเองอยู่. . .

“เออๆรอแปปนะมึง” ส่วนยัยเอิร์นรายนี้ไม่ต้องสืบครับอาการเดียวกับพี่สาวนางเลยเห็นผู้ชายหล่อๆหน่อยเป็นไม่ได้. . ต้องเกิดอาการเหม่อลอยขึ้นมาทันที..  ผมเองก็ไม่อยากจะขัดเลยปล่อย ให้ยัยเอิร์นยืนน้ำลายยืด-มองไออะตอมขายของต่อไป . . .

“อ่ะ โห มึง มึงขายหรือแจกฟรีเนี้ย เชี้ยทำไมหมดเร็วนักวะ. . ” ผมรู้สึกตกใจที่ตอนแรกบนโต๊ะมีพวงกุญแจกนับร้อบแต่ตแนนี้ เหลือ แค่สอง สามอันเอง. .

“คนมันหล่อทำไงได้ละเน้อ. .” ถถถถ ไอควาย สุดท้ายบ้ายอตัวเอง 5 5 5

“จ้า ไอหล่อ ขายให้หมดละมึง อย่าเผลอแจก ฟรีนะ ไม่งั้น เรื่องที่กูกับมึงคุยกันไว้ถือว่าโมฆะนะจ้ะ. .”

“จ้าที่รัก!”สิ้นสุดเสียงไออะตอมที่หยอดมุขจีบผมก็ทำเอาห้างแทบแตก . ..  กลุ่มสาวน้อยสาวใหญ่สาวแท้สาวเทียมต่างแห่กันมายืนกรี๊ดอยู่ทีหน้าร้านของผม ยังกะแจกของฟรี. . .ผมเองก็ไม่ได้ หยอดอะไรมันกลับหรอกครับได้แต่ยื่นรับยิ้มของๆ พวกสาวๆ ที่ส่งมาให้ผมเอ๊ะหรือให้ไออะตอมกันชักแหม่งๆ

เวลาผ่านไปแค่ครึ่งชั่วโมงย้ำว่าครึ่งชัวโมง สินค้า-นับ ร้อย ที่เคยมีตอนนี้เหลือแต่ลังเปล่าแล้วละครับ. .ผมรู้สึกดีใจแทนยัยเอิร์ ในที่สุดก็เสร็จทันเวลาพอดี.. .

“หก เจ็ด แปด เก้า สิบ สิบเอ็ด โห พี่เจ ของที่ขายพร้อมกับเงินบริจาค รวมแล้ว ได้ตั้ง  14336.50 บาท แหนะ อร้ายยยย!!” น้องสาวของผมเริ่มเกิดอาการสติแตกหลังจากที นั่งนับเงินเงียบๆ อยู่คนเดียว. .

“อ่ะ”อะตอมมันเดินมาจากไหนรู้แต่อยู่ๆ ก็ยื่นแก้วกาแฟมาที่หน้าของผม. . สงสัยผมจะไม่เคยบอกมันว่าผมไม่ชอบกินกาแฟ. ..แต่ทำไงได้ละครับ ไหนๆมันก็ซื้อมาแล้วจะให้ทิ้งก็เสียดายจะไม่รับก็เสียน้ำใจ. แย่ผมเลยต้องรับมาจิมนิดๆ พอหอมปากหอมคอ ก่อนจะวางไว้ข้างตัวๆ. . .

“อะนี้ค่ะน้องเอิร์น”

“ที่กับกูละเสียงแข็ง พอกับยัยเอิร์นละทำเสียงอ่อยไอหอกหัก. . ถถถ”

“หรือจะให้พูดแบบนี้ด้วยเอามั้ยหล่ะ กูทำได้นะเจ. . ” สีหน้าของมันดูจริงๆ จังแปลกๆ ผมเลยรีบเบี่ยงประเด็นไปที่แก้วน้ำแทน

“เอ้าแล้วไง ซื้อมาสองแก้วเองละ. . แล้วยังงี้มึงกินอะไร. .”

“กินมึงไง. ’”

“ห้ะ!!”

“เอ้ย ไม่ใช่หมายถึงกินด้วยกันกับมึงไง” ถถถ ไอห่าก็นึกว่าอะไร เล่นทำเอาผมตกอกตกใจหมด. . ส่วนยัยเอิร์รายนั้นก็นั่งยิ้มอยู่คนเดียวแต่ที่แปลกคือคราวนี้ ไม่ได้ยิ้มให้กับเงินที่ถืออยู่ในมือแต่กำลังยิ้มให้ผมกับอะตอมต่างหาก ยัยเด็กคนนี้สงสัยกำลังจะจิ้นผมกับไออะจอมอยู่เป็นแน่แท้ผมเลยแกล้งๆ แหย่ด้วยการ จับ หูจับตา จับแก้ม จับไหล่ของอะตอม แล้วก็เป็นไปตามที่คาดไว้ครับ ยัยเอิร์นแทบจะตะโกนแหกปากรี๊ดลั่น ถ้าไม่ติดที่ว่าคนยืนอยู่เยอะผมว่า คงจะทำไปแล้วละครับ

“หยุดทำไมละทำอีกสิ กูชอบนะ. . ”  ไอนี้ก็ยังไม่จบกับการหยอดผมซักทีผมเลยเขกระบาลเรียกสติมันสักทีไอนี้ เผลอไม่ได้เป็นหยอดตลอด

“เออนิเอิร์น เรื่องที่เราคุยกันไว้ละ. “

“อ๋อเรื่อง..อี้อายอั้นนนอ๋อ..อื้อๆ”ผมรีบกระโจนเอามือปิดปากยัยเอิร์นก่อนที่จะเผลอ พูดชื่อไอกายมันขึ้นมา. ขืนอะตอมมันรู้ว่าทีผมขอให้มาช่วยวันนี้เป็นเพราะต้องรีบหาวิธีไปง้อไอกายให้ละก็มัน คงจะรู้สึกไม่ดีแน่ๆ เลย ความรุ้สึกมันคงไม่ต่างอะไรกับถุกหลอกใช้เลยนะ. .


“เอาไว้คุยกันที่บ้านดีกว่าน้อ เออ มึง เสร็จงานแล้วก็กลับสิ ชิ่วๆ”

“ได้ลประโยชน์แล้วก็ถีบหัวส่งกันเลยนะ เจ คราวหลังกูไม่ช่วยแล้ว. .” และก่อนที่มันจะงอนผมก็แอบวิ่งไปตัดหน้ามันเอาหัวพุ่งชนไปที่อกของมันเบาๆ จริงๆ กะจะดันๆ ให้มันถอยหลังไปนั่งที่เดิมแหละครับ แต่มันอาจจะดูไม่ค่อยดี เลย คิดวิธีนี้ขึ้นมาอย่าง ฉับพลันน

“ฮ่าๆ เจ พอแล้ว มันจั๊กกะจี้นะ. . ยอมแล้วๆ ไม่ไปแล้วก็ได้ ฮ่าๆ”

“ยังไง วันนี้ ก็เสร็จธุระกันหมดแล้วนะ งั้นเอาเป็นพรุ่งนี้ละกันนะมึง วันนี้พอดีกูมีธุระต้องรีบไปสะสาง. . ” อะตอมมันเบ้ปากมองมาที่ผมเหมือนไม่เชื่อ แต่ ก็ยังแอบๆ ยิ้มๆ แล้วก็เดินกลับลงบันไดเลื่อนไป

“เห้อ เกือบไป  ”

“ทำไมพี่เจเป็นคนหลายใจแบบนี้ จะคบครไหนก็เลือกสักคนสิค่ะ เอิร์นจะได้ทำตัวถูก เอิร์นรู้หรอกนะ ว่าที่พี่เจไม่ยอมให้เอิร์นพูดเมื่อกี้เป็นเพราะ เจกลัวพี่อะตอมรู้ใช่มั้ยละ ว่า พี่เจกับพี่กาน . . กำลัง...

“พอเลย ไม่มีอะไรในกอในตอทั้งนั้นแหละ พี่กับมันแค่เพื่อนกัน”

“แล้วกับพี่กายละคะว่าไงเอ่ย-ยย เอ้ ทำตัวน่าสงสัยอีกแล้วนะพี่เจ”

“เออเอาน่าๆ แล้วสรุปวิธีที่เอิร์นจะบอกพี่มันคือวิธีไหนละ ?”

“เอาเป็นว่า พี่เจแค่ ตามหาตัวพี่กายให้เจอ เดี๋ยวที่เหลือเอิร์นจัดการเองค่ะ. . . ”  :impress2:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-06-2017 00:18:26 โดย thitema3 »

ออฟไลน์ thitema3

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
{Speacial :Guy Talk}

ตั้งแต่เมื่อวานผมรู้สึกว่าสติของตัวเองไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว ผมเอาแต่คิดถึงประโยคพูดเดิมซ้ำๆ ของ เจ คนที่ได้ชื่อว่าเป็นแฟนของผม . . เมื่อ วาน คืองานวันเกิดของผม ผมได้เตรียม เซอร์ไพทร์อะไรไว้หลายอย่างเพียงแต่คนที่ผมต้องการอยากจะให้มา กลับ ปฏิเสธ     ผมได้แต่นอนคิดมากอยู่อย่างนั้นทั้งคืน เมื่อวานช่วงเช้าผมโทรนัดจัดแจงตารางไว้อย่างดีผมกะว่าจะเตือนมันให้นึกออกว่าวันนี้ มันเป็นวันของผมนะ. . เพราะผมรู้ดีว่าเจมันเป็นพวกที่ขี้ลืม เจมันเคยลืมแม้กระทั้งกางเกงในว่าต้องใส่ . . นึกแล้วผมก็แอบขำตามไม่ได้ แต่ทุกๆ อย่างที่ผม คิดไว้กลับ จบลง ทั้งๆ ที่ตอนแรกก็มันก็นัดปากกับผมแล้วว่าจะมา แต่สุดท้าย. . มันก็กลับ-ไม่มา. . และถ้าผมเดาไม่ผิดผมว่าเจมันก็คงจะลืมด้วยหล่ะ ว่าวันนี้คือวันเกิดของผม . . . และนั้น-ก็ทำเอา ผม แอบน้อยใจมันไม่ได้เลยจริงๆ ทั้งๆ ที่ผมจำเรื่องราว วันสำคัญอะไรของเจได้ทุกอย่างแต่เจ มันกลับจำอะไรที่เกี่ยวกับผมแทบจะไม่ได้เลย. .
. .  . .   . . . . 

ช่วงเช้าของวันถัดมาผมนอน จ้องมองเพดาน และสิ่งรอบตัวที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ภายในห้องของผม เสียงลมที่พัดดังอยู่นอกหน้าต่างทำเอาความรู้สึกชาๆที่อกของผมพัดผ่านไปพร้อมกับลมนั้น. .ผมรู้สึกดีขึ้นมาชั่วขณะ แต่ก็เพียงแค่แปปเดียวเมื่ออยู่ๆ ก็กลับมาคิดถึงเรื่องเมื่อวานอีกครั้ง. .  เมื่อวานหลังจากที่ผมออกไปซื้อของมาเข้าห้องพอกลับมาอีกทีก็เห็นเพื่อนทำเซอร์ไพทร์ให้ผมอยู่ภายในห้อง. .ผมแอบดีใจที่มีคนยังจำวันเกิดของผมได้อยู่แม้ผมจะไม่ได้บอกใครและผมเองก็แอบหวังๆ ว่าในบรรดาเพื่อนที่มานั้น จะมีเจ อยู่เป็นหนึ่งในนั้นด้วย แต่สุดท้าย เจก็ไม่มา. . แต่ผมก็ไม่ได้คิดมากอะไรถึงขนาดนั้นเพราะคิดว่าเจอาจมีธุระที่บ้าน เลยอาจจะมาดึกๆ หน่อยอีกอย่าง ผมเองก็มีดนัดฉลองส่วนตัวกับเจด้วยอยู่แล้ว มันเลยทำให้ผม ยังมีกระจิตกระใจฉลองอยู่กับเพื่อนอยู่บ้าง แต่พอเวล่าผ่านไปพักใหญ่ ผมมองดูนาฬิกาบอกเวลา สองทุ่มกว่าๆ เจยังไม่ติดต่อมา . . ในใจตอนนั้นผมแอบคิดว่ามันกำลังจะแอบทำเซอร์ไพทร์อะไรผมอยู่แน่ๆ  ผมเลยต้องโบกมือลาเพื่อนๆที่อยู่ในห้อง พร้อมกับ รีบเตรียมตัวไปตาม สถานที่ ที่ ผมเตรียมการไว้. . . เวลาสามทุ่ม ผมโทรไปนัดกะจะบอกให้เจมาพบกันที่ร้าน กาแฟ แต่สิ่งที่ผมได้รับในวันเกิดปีนี้กลับเป็นเพียง ประโยคของ มันที่พูดว่า ไม่ว่าง มีธุระ แท้จริงแล้วผมไม่ใช่คนงี้เง้าผมพร้อมที่จะรับฟังเหตุผลและความจริงก่อนเสมอ เพียง แต่ครั้งนี้ ผมกับ ทำตัวงี้เง้า ไม่ยอมฟังเหตุผลเพียงเพราะอยากให้ มันเห็นใจ และยอม สละเวลา มาหาผม แต่ ไม่ว่าผมจะทำยังไงคำตอบของเจก็ยังคงเหมือนเดิม. .

ทำไม กัน ธุระที่เจทันกำลังทำสำคัญกว่าผมมากขนาดนั้นเลยหรอ. . ความคิดนี้ลอยอยู่ในหัวผมมาทั้ง คืน จนเมื่อโทรศัพท์ของผมดังขึ้นมาตอนเกือบๆ บ่ายสามเลยทำให้ผมละสายตาจากเพดานลงมามองเสียงไอโฟนที่กำลังแพดเสียงดังอยู่ข้างๆ ตัว ผมยกขึ้นมาดูโชว์เบอร์ที่ไม่คุ้น. . แต่ก็ยอมกดรับ

“ฮัลโหลครับ นั้นใครพูด”

“ นี้ใช่เบอร์พี่กายรึเปล่าค่ะ”เหมือนจะเป็นเสียงเด็กผู้หญิง

“ใช่ครับแล้วนั้น?”

“นี้เอิร์นเองค่ะ เอิร์นน้องพี่เจไงค่ะ พี่กายจำหนูได้รึเปล่า” ถึงตอนนี้ผมจะไม่ค่อยมีอารมณ์คุยกับใครแต่ถ้าผมยังเอาอารมณ์ส่วนตัวมาปะปนกับคนรอบข้าง มันก็อาจจะแย่ไปกันหมด

“จำได้สิ แล้วโทรหาพี่มีอะไรรึเปล่าค่ะ”

“เอ่อคือ จะพูดยังไงดีอ่ะค่ะ คือ เอิร์นก็ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรมากหรอกนะค่ะ แต่เอิร์นอยากจะบอกพี่กายว่า เรื่องวันเกิด ของพี่กาย เมื่อวานอะค่ะ” ผมแอบยิ้มตามที่แม้แต่น้องเอิร์นยังรู้เรื่องงานวันเกิดของผมต่างจากใครบางคน

“คือเมื่อวาน เอิร์นต้องอยู่จัดทำกิจกรรมที่โรงเรียนจนดึกอ่ะค่ะเลยไปวันเกิดพี่กายไม่ได้ต้องขอโทษจริงๆ นะค่ะ แต่เอิร์นไม่ได้ลืมนะ ถึงพี่กายไม่ได้บอกเรื่องนี้กับเอิร์นเองแต่เอิร์นก็มี วิธีสืบของตัวเองอยู่เหมือนกัน”

“ครับยังไงก็ขอบใจนะที่ยังจำวันเกิดพี่ได้. .”

“ไว้เอิร์นจะเอาของขวัญไว้ให้ทีหลังนะค่ะ เออ ใช่ เอิร์นนอกประเด็นมามากแล้ว คือเอิร์นไม่รู้หรอกนะคะ ว่าพี่กาย พับพี่เจ ตอนนี้กำลังโกรธกันอยู่รึเปล่า แต่ เอิร์นไม่อยากให้พี่สองคนทะเลาะกัน ก็เลยต้องมาอธิบายให้พี่ฟัง. . ”

“อธิบายเรื่องอะไรหรอ?”

“ก็เรื่องที่พี่เจไม่ได้ไปวันเกิด พี่กายเมื่อวานไงค่ะ คือ เอิร์นเป็นคนขอร้องพี่ เจเองและค่ะ ว่าไม่ให้ไป จริงๆ พี่เจ บอกกับเอิร์นว่ามีธุระด่วนมากๆ ต้องรีบไป แต่งานของเอิร์นก็ยังไม่เสร็จแถมพี่อินก็ไม่อยู่บ้าน เอิร์นไม่รู้จะทำยังไงก็เลยต้อง ให้พี่เจอยู่ช่วยทำจนเสร็จอะค่ะ กว่าจะขอร้องพี่เจได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย พี่เจ รั้นจะไปๆ อย่างเดียว จนเอิร์นต้องเอาเรื่องพี่น้องมาอ้างพี่เจถึงจะอยู่เอิร์นก็ไม่แน่ใจนะคะว่าพี่กายได้โกรธพี่เจเรื่องนี้รึเปล่า แต่เอิร์นก็แค่อยากสารภาพความผิดที่เอิร์นได้ทำลงไป ”

“ถ้าหากมันเป็นเพราะเรื่องนี้เอิร์นก็ต้องขอโทษพี่กายด้วยนะคะ มันเป็นความผิดของเอิร์นเอง. . พี่เจไม่ได้มีส่วนรู้เห็นอะไรเลยนะค่ะ”

“เอ่อ”

“วันนี้ตั้งแต่เช้าพี่ไม่ยอมกินข้าวเลย แถมเมื่อคืนก็ไม่ได้นอนเพราะเครียดเรื่องอะไรบ้างก็ไมรู้ถามก็ไม่ยอมตอบ ถ้าเอิร์นรู้ว่าพี่เจมีนัดกับพี่กายอยู่เอิร์นคงไม่ให้พี่เจช่วยหรอกคะแต่เอิร์นขออะไรพี่กายอย่างนะค่ะ อย่าเย็นชาแบบนี้กับพี่เจ เลยเอิร์นสงสาร พี่เจ พี่เจกินไม่ได้นอนไม่หลับเลยนะพี่รู้มั้ย ฮึก. . เอิร์นไม่อยากเห็นพี่เจเป็นแบบนี้เลยจริงๆ เอิร์นขอโทษค่ะพี่กาย”

“เดี๋ยวๆ เอิร์นอย่าร้องไหสิ พี่ไม่ได้โกรธอะไรเอิร์นเลยนะพี่ แค่..เอ่อพี่ก็แค่คิดอะไรนิดหน่อยแต่พี่ไม่ได้โกรธอะไรมันเลยนะจริงๆ เพราะชะนั้นไม่ต้องเครียดนะ อย่าร้องไหพี่ไม่ได้โกรธอะไรเจมันแล้ว. . อย่าร้องนะค่ะ”

“เอิร์นไม่ร้องแล้วก็ได้ค่ะ แต่พี่กายต้องสัญญากับเอิร์นะค่ะ ว่า จะ คุยดีๆ กับพี่เจ พี่กายจไม่ทำให้พี่เจเสียใจใช่มั้ย”

“ครับพี่สัญญา”

“พี่กายพูดแล้วนะ”

“ครับผม”

“เย้!! งั้นพี่กาย ก็รีบไปตามไปง้อพี่เจเลยนะค่ะ ตอนนี้พี่เจอยู่ที่ร้านคนเดียวเอิร์นกลัวพี่ชายจะคิดมากจนฆ่าตัวตาย ยังไงก็รีบไปทีนะค่ะ พอดีเอิร์นต้องรีบไปทำธุระที่อื่นต่อ ยังไงก็ค่อยๆ คุยกันนะคะ สู้ๆ ค่ะพี่กาย”. . . เสียงของปลายสายถูกตัดขาด น้องเอิร์นวางสายจากผมไปแต่สิ่งที่ยังค้างคาอยู่ในหัวคือ ผมกำลังทำอะไรอยู่. . ทั้งๆ ที่ไจมันไม่ได้ตั้งใจจะผิดนัดอะไรกับผมเลย เพียงเพราะมันเป็นคำขอร้องของน้องสาวตัวเอง มันจึงยากที่จะปฏิเสธ ผมเข้าใจความรู้สึกนั้นดี. .เพียงแต่ถ้ามันยอมพูดอธิบายเหตุผลจริงๆ เราก็คงไม่ต้องมาเงียบใส่กันแบบนี้ ทันทีที่ผมฉุดคิดได้. .ผมก็รีบลุกออกจากเตียง หยิบกุญแจรถและขับตรงไปที่ร้าน ของเจเลยทันที. .  ระหว่างทางที่ขับรถมามีคำพูดอยู่ประโยคนึงที่ดังก้องอยู่ในหัวของผมว่า . . กูขอโทษนะ ที่ เข้าใจมึงผิด ขอโทษที่คิดอะไรไปเอง รอกูก่อนนะ รอกูก่อนนะเจ กูจะไปหามึงแล้ว. .

. . .. . . . . .

ช่วงสี่โมงกว่ายัยเอิร์นโทรมาบอกผมว่าเคลียร์เรื่องทุกอย่างให้หมดแล้ว ขอให้ผมเตรียมตัวรอเจอพี่กายได้เลย ทั้งๆ ที่ตอนแรกก็บอกให้ผม ออกตามหาไอกายแต่ไหงตอนนี้กลับ บอกให้ผมอยู่บ้านิ่งๆ ซะงั้น  เหอะ. . หรืออยู่ๆ จะให้ไอกาย โผล่มา หาผมที่บ้านเลยรึไง ไม่มีทางหรอก. .  ระหว่างนั่งนอนรอนานจัดผมองก็เกิดอาการแพ้ท้อง เอ้ย อาการ อยากกินอะไรเปรี้ยวๆ ขึ้นมา และด้วยสายตาที่คมดุจเหยี่ยวเลยทำให้ผมแอบเห็นถุงมะม่วงลูกโตสามสี่ลูกวางไว้อยู่โต๊ะในห้องครัว. .ผมไม่รอช้ารีบวิ่งเข้าห้องครัว หยิบมีดขึ้นมาปลอกมะม่วงให้สมกับความอยาก และก็ไม่รู้ ว่าไปปลอกอิท่าไหน ถึงโดนมีดบาดมือเอาซะได้. . ผมล้างเลือดออกจากนิ้วมือ เสร็จก็หยิบมีดขึ้นมาเตรียมจะปลอกเปลือกต่อแต่เหมือนมีคนกลั่นแกล้งไม่ให้ผมได้กินมะม่วงอีก คราวนี้มีดหล่นลงกับพื้นะปลายแหลมของมันตู้ ไปอีก ผมก้มหยิบมีดขึ้นมาดูมองดูรอยตู้นั้น อย่างสงสัย แต่มีดเล่มนั้น กลับ ถูกดึงออกจากมือผมไปจากบุคคลที่อยู่ด้านหลังของผมผมหันหลังกลับมามองด้วยควมตกใจแต่อยู่ๆ การกระทำของผมทั้งหมดก็ถูกหยุดลงเมื่อ ผมได้รัยอ้อมกอดที่อบอุ่นที่คุ้นเคยจากใครบางคนเข้า และต่อให้ผมจะไม่มองหน้าผมเองก็สามารถรับรู้ได้ว่า เจ้าของอ้อมกอดนี้ คือ กาย. . ผมกลับตาพริ้มกอดตอบกายไปด้วยความเคลิ้มจนเผลอทำมะม่วงที่อยู่ในมือหลุดไป

“เจ. . เจ กูขอโทษ กูไม่ได้ตั้งใจจะให้เรื่องมันเป็นแบบนี้กูไม่คิดเลยว่ามันจะทำให้มึงคิดมากขนดนี้ กูขอโทษจริงๆ นะเจ. . .”ละระหว่างที่ผมกำลัง งงๆ กับเหตุการณ์ที่พึ่งเกิดอยู่ว่ามันกำลังเกิดอะไรขึ้นอยู่ๆ ไอกายมันจะมาสะอื้นขอโทษผมทำไมกัน มันควรจะเป็นผมด้วยซ้ำที่ต้องพูดคำๆ นี้ แต่ระหว่างนั้น คำพูดของยัยเอิร์นก็เข้ามาวิ่งเล่นในหัวของผม

“เอิร์นจัดการให้หมดแล้วนะค่ะ ที่เหลือพี่เจก็ช่วยตัวเองละกันนะค่ะ ^ ^”

และนั้นเลยทำให้ผมร้องอ๋อขึ้นมาในใจอยู่คนเดียว แต่จะว่าไปก็แอบแปลกใจอยู่เหมือนกันว่ายัยเอิร์นไปไปพูด หลอกล่อวิธีไหนถึงทำให้เรื่องทั้งหมดมันเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือได้ขนาดนี้ โฮะๆ แต่ไหนๆ เรื่องมันก็ เข้าที่แล้ว ผมก็ควรตามน้ำอย่างที่ยัยเอิร์นบอก สินะ . . ฮิฮิ

“อื้อ กูก็ขอโทษนะกายที่ผิดนัดกับมึง กูก็ไม่ได้อยากจะเบี้ยวนัดมึงหรอกนะแต่”และยังไม่ทันที่ผมจะได้อ้าปากพูดอะไรต่อ ไอกายมันก็ใช้ปากของมันมาปิดปากของผมซะก่อน นับว่าเป็นการปิดปากที่เด็กขาดมากครับ ผมเผลอเคลิ้มตามจนตัวของผมเองแถบจะไหลตามอ้อมกอดนั้นถ้าไม่ติดที่ว่ามัน เขย่าตัวผมเรียกสติซะก่อน = =’

“กูไม่ได้โกรธอะไรมึงเลยนะเจ กูแค่อยากให้มึงรู้ไว้ แต่การที่มึงคิดจะฆ่าตัวตายนี้มันไม่เกินไปหน่อยหรอวะ มึง คิดสั้นเพียงเพราะ ทะเลาะกับกูแค่นั้นเองหรอ” เดี๋ยวๆ นะ คิดสั้น อะไรยังไง ใครคิด มันกำลังหมายถึงผมใช่มั้ย. . .

“ห้ะ คิดสั้นอะไร แต่เดี๋ยวช่วยปล่อยกูก่อนได้มั้ย. . ”ผมผละตัวเองออกจากอ้อมกอดของกายมัน ก่อนที่ตัวเองจะขาดอากาศหายใจตาย หึ กูจะตายก็เพราะมึงนี้แหละไอคุณชาย

“ก็มึง ถือมีด จะแทงตัวเองไม่ใช่รึไง แล้วนั้น รอยเลือดอะไร มึงคิดจะทรมานให้ตัวเองตายช้าๆ ใชมั้ยเจ ทำไมมึงถึง. . .”

“-เดี๋ยวๆ กายใจเย็นก่อน ฟังกูนะ กูไม่ได้จะฆ่าตัวตาย. .. ”กายมันค่อยสงบสติตัวเองให้เย็นลงก่อนจะยอมฟังผมดีๆ

“แล้วมึงชูมีดขึ้นมาทำไม. .” กายมันพูดแต่ไม่ยอมชูมีดมาให้ผมดู แถมยังเอาไปแอบไว้ที่ข้างหลังของมันอีก

“กูจะดูรอยตู้ที่ปลายมีดไง ไม่เชื่อมึงก็ลอง เอามาดูสิ. ” กายมันทำหน้าลังเลเหมือนจะไม่เชื่อผมแต่ก็ยัง ยอม เอาขึ้นมาดู  .

“ไงละ. . ”

“แล้ว ..แล้วทำไมไม่บอกแต่แรกละ. .”

“มึงเว้นช่องไฟให้กูพูดเมื่อไหร่ละมาถึงก็ใส่ๆ อย่างเดียวเลยจะให้ก็เอาตรงไหนไปสอดได้ละ”

“ก็. . . กู แค่กลัว. . .”

“กลัวกูจะฆ่าตัวตายรึไงไอบ้า. . กูไม่ได้โง่ขนาดนั้นนะ”

“แล้วเอามีดมาทำอะไรละ. .”

“ดูข้างหลังมึงสิ” ผมชี้นิ้วไปที่มะม่วงที่อยู่ในอ่างล้างผัก

“จะกินมะม่วงหรอกเหรอ”

“เออครับ. .”กายมันค่อยว่างๆ มีด ไว้ข้างหลัง ก่อนจะค่อยๆ เดินออกจากห้องครัวไป ผมแอบเห็นมันเกาต้นคอก่อนเดินออกไปด้วย เห้ยย ไอห่า ไอกายเขินนี้หว่า เห้ย 5 5 5 5  น่ารักวะ ผมอยากจะวิ่งไปดักข้างหน้ามองมัน ถ้าไม่ติดที่ว่าความอยากยังครอบงำ ผมอยู่ มันคงเสร็จผมแล้วละครับกรั่กๆๆ

นับว่าการช่วยเหลือของยัยเอิร์นครั้งนี้ ถือเป็นบุญุคุณอันใหญ่หลวง ในไม่ช้าผมอาจจะได้ตอบแทนน้องสาวของตัวเองแน่ๆ แต่ตอนนี้ ผมขอตัวไป ตามติดชีวิตเด็ก ขี้อายก่อนละกัน. .ได้เรื่องยังไง ไว้ผมจะมาเล่าให้ฟังที่หลังนะครับ
 ทุกโค๊นนน!!!

><
{จะว่าไปการที่เรา โกรธกันในครั้งนี้มันก็ทำให้ผมได้เห็นมุมใหมๆ ที่ผมไม่เคย เห็นมาก่อนเหมือนกัน}

สงสัยต้องชวนมันทะเลาะบ่อยๆซะแล้วฮ่าๆ

TBC. . . . . . . . . .

วันนี้ อัพเพิ่มให้อีกหนึ่งตอนชด เชยที่หายไปโดยไม่ได้บอกกล่าวนะกั๊บบ!! (ก้มหัวกราบขออภัยย) :hao5:

#คิมอูฮยอน

ออฟไลน์ YounIn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1524
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-8
น่าสนุกดี แต่ว่าในตอนแรก ที่เตะบอลแล้วกระจกรถแตก มันทะแม่งๆ รถยนต์ส่วนใหญ่กระจกมันแข็งมากนะ ขนาดหินกระเด็นใส่มันยังมากสุดแค่มีรอยร้าว หรือแรงเตะแบบใส่รองเท้าเพิ่มพลังของโคนัน?

แล้วแบบฟอร์ม เอาแบบปกติ คำพูดใส่"....." แล้วบรรยายข้างนอก ก็ได้

ออฟไลน์ thitema3

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
(ก็อย่างว่านะครับเรื่องในนิยายอะไรก็เป็นไปได้)

ส่วนเรื่องที่ว่า มา ทางผมเองจะ พยายามปรับปรุงและแก้ไขให้นะครับ (ขอคุณทุกกำลังใจ )

  :bye2:

ออฟไลน์ thitema3

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
Falling In Love
หลุมพรางหัวใจของนายหน้านิ่ง
Chapter29:   ย้อมใจ


ช่วงค่ำของวัน ผมกำลัง นอนเล่นโทรศัพท์อยู่ที่โซฟา เหตุเป็นเพราะ รู้สึกเหมือนร่างกายตัวเองไม่ค่อยจะมีแรง. . .แต่ที่ไม่มีไม่ใช่อะไรหรอกครับ เป็นเพราะวิ่งเข้าวิ่งออกห้องน้ำอยู่หลายครั้งหลักจากที่กิน มะม่วงไปช่วงเย็น. .  ส่วนไอคุณชายก็รับหน้าที่เป็น คุณแฟนที่ดี ยืนทำกับข้าวอยู่ในครัวพร้อมกับยัยเอิร์น. . สองต่อสอง  ส่วนพี่อินจนจะ สองทุ่มแล้ว คุณนายแกยังไม่ยอมกลับมาบ้านอีก เดี๋ยวนี้จะไปไหน ก็ไม่บอกผมกับยัยเอิร์นสักคำ. .เดี๋ยวๆ รอพี่เจมส์ลงมาก่อนเถอะ  ผมจะฟ้องให้ดูหึหึ แต่ก็คงได้แต่คิดแหละครับ ขืนความลับของคุณนายแกเผลอหลุดออกไปถึงหูพี่ชายผมละก็มีหวัง. .โดนถีบหัวส่งออกจากบ้านแน่ๆ ครับ . .

“เจ!! ลุกมาได้แล้วกับข้าวเสร็จหมดแล้ว. . ” เสียงหล่อๆของไอคุณชายตะโกนดังออกมาจากห้องครัวเรียกให้ผมเดินตามเข้าไปข้างใน .  . . กับข้าววันนี้ขอเสนอ ไข่เจียวหมูสับ ต้มจืดมะระ แล้วก็เอ่อ .  . .อะไรไม่รู้เหลืองๆ ผมเองไม่สามารถ บอกได้ว่าสิ่งที่อยู่ในถ้วย เหลืองๆ นั้นมันคืออะไร. .    ได้แต่ยืนงง มองดูถ้วยนั้นสลับกับมองหน้า สองพี่น้อง  ด้วยความสงสัย. .

“เอ่อ ไอเหลืองๆ นั้นมัน. . .”

“อ่อ เอิร์นเป็นคนทำเองค่ะพี่เจ. . เป็นไงน่ากินมั้ย”. . .เหอะๆ ถ้าผมพูดความจริงออกไป จะโดนยัยเอิร์นตบมั้ยละเนี้ย หึหึ
.”ก..ก็น่ากินดีแหละ อื้อ แล้วนี้ จะยืนอึ้งกันอีกนานมั้ยละเนี้ย นั่งสินั่ง ถถถถ ” ผมเดินอ้อมไปลากเก้าอี้ให้น้องสาวตัวเอง นี้อาจจะเป็นคำขอบคุณเล็กๆ น้อยๆ ที่ผมสามารถทำให้เอิร์นได้ในตอนนี้ ผมไม่ได้คิดเผื่อไว้ก่อนเลยว่า เรื่อง ราว มันจะกลับตารปัตได้ขนาดนี้. . แต่ยังไงก็คงต้องยกความดีความชอบ นี้ให้ยัยเอิร์นและครับ

เวลาล่วงเลย ผ่านไป กายมัน เอาแต่ตัก กับข้าวให้ผมจนแทบล้นจานส่วนมันก็กินบ้าง แต่ ก็ไม่ได้เยอะอะไรเพราะ มัวแต่นั่งจ้องมองผมกินส่วนยัยเอิร์นก็เอาแต่ หยิบโทรศัพท์ ขึ้นมาถ่ายรูปผมกับ ไอกายทุกอิริยาบถ ไอผมก็พยายามจะหลบกล้องสุดชีวิตแต่ไอกายนี้สิ ดันไปนั่งแอ็คท่าให้ยัยเอิร์นถ่ายอยู่นั้น. . ผมเลย รีบๆ ตักทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในจานเข้าปาก ก่อนจะรีบ ลุกออกจากโต๊ะและวิ่งขึ้นห้องไปเลย . . อ่อผมอาจจะลืมบอกไปอย่างตอนนี้สภาพที่ร้านเริ่มเข้าที่เขาทางคงเพราะได้ช่างฝีมือดี เลยทำให้งานเสร็จ ไว ถึงจะยังไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็คงใช้เวลาอีกไม่นานร้านก็คงกลับมาสมบูรณ์ เหมือนเดิม. .

ผมกลิ้งตัวไปมาบนที่นอนโดย มีผู้ชายตัวควายๆ นอนอยู่ข้างๆ กายมันนอนหลับสนิท จนผมต้องแอบ ขำ ทั้งๆ ที่หัวพึ่งจะถึงหมอนแท้ๆ แต่เสียงกนของมัน ดังไปไกลเกินกว่าจะพักผ่อนสายตาแล้วละครับ ดังขนาดนี้ ป่านนี้คงเข้าเฝ้าพระอินแล้วมั้งผมว่า แต่การที่มันจะ นอนหลับเป็นตายขนาดนี้ก็ไม่แปลกหรอกครับ ก็เห็นมันบอกผมเมื่อช่วงเย็นว่าหลายๆ วันมานี้ไม่ค่อยได้นอน (อาการเดียวกับผม แถมยังเครียดเรื่องเดียวกันด้วย) พอกินอิ่มหนังตาของผมก็เริ่มหย่อน จนใกล้จะหลับ แต่เสียงโทรศัพท์เจ้ากรรม ก็ดันดังขึ้นมาซะก่อน

“โอ้ยยห่ากูจะหลับอยู่แล้วเชียวใครแม้งโทรมาวะ” ผมนอนบ่นพึมพำอย่างหัวเสีย คนกำลังจะหลับอยู่แล้ว อีกนิดเดียว .  .ดันโทรมาขัดจังหว่ะกันซะได้.  ผมยกมือถือตัวเองขึ้นมาดูโชวเบอร์ วินเซิฟ. .   เพื่อนที่คณะของผมเอง.  ผมสงบสติตัวเองไม่ให้เผลอด่ามันก่อนจะกดรับสายย

“อือ . ว่าไงมึง โทรมาซะดึกเชียว”

“เออแล้วมึงทำอะไรอยู่อะว่างรึเปล่ากูโทรมากวนปะเนี้ย”. . หึต้องเรียกว่าขัดจังหว่ะเลยละครับมึง แต่เพราะความเป็นเพื่อนที่แสนจะดีของผม เลยไม่ได้พูด สิ่งที่ตัวเองกำลังคิดอยู่ในหัวออกไป

“ไม่หรอกปกติกูนอนดึก แล้วสรุป โทรมามีธุระอะไรรึเปล่ามึง?”

“เออ มีๆ คือ เมื่อวานอะ ตอนที่มึงไม่ได้เข้าห้องเรียน. . ”

“เออกูรู้แล้ว เทอมนี้กูคงไม่พ้น F แน่ๆ ”

“ป่าวๆ กูจะบอกว่า อาจารย์เข้าไม่ได้ว่าอะไร. เพราะอาจารย์เองเขาก็มีธุระด่วนเหมือนกัน เขาแค่บอกให้เราๆ เริ่มติวหนังสือกันได้แล้วเพราะอีกไม่ กี่เดือน ก็จะถึงช่วงไฟนอลแล้ว . . .  ”

“อ่อ่ เออๆ ดีละ นึกว่าปีนี้จะได้ เอฟไปแดกแล้วซะอีก”

“เออเจ กูได้ลิสของไอคิงมา มึงจะเอามั้ย”คิงคือเพื่อนในคณะของผม ที่เรียนเก่งที่สุดในชั้นปี หรือต้องเรียกว่าหัวกะทิเลยก็ได้ครับไม่ว่าจะเป็นวิชาไหน ไอนี้มันก็ได้เอไปแดกทุกวิชา ต่างจากผม  ถ้าไม่ได้ ซี หรือดี ก็คง ได้เอฟ ก๊ากกก ผมละสมเพดตัวเองจริงๆ ฮ๋าๆ

“เอาดิห่า ลิสไอคิง นิ่เหมือนแรร์ไอ-เทมเลยนะ ว่า แต่. . มึงไปได้ของไอคิงมาได้ไงวะ ปกติมันไม่ยอมให้ใครง่ายๆ นี้หว่า. .”

“กูก็ยังงงเองอยู่เหมือนกัน อยู่ก็เดินมา วางชีส ไว้ที่หน้ากูแล้วบอกให้เอาไปซีลอกมาแจกๆ เพื่อนๆ ”

“เออ มันคงจะนึกขึ้นได้ละมั้งว่ายังมีเพื่อนอยู่. .  งั้น ถ่ายรูปแล้วส่งมาให้กูทีละกัน ยังไงก็ขอบใจมากนะไอเซิฟ”

“โด้นวอรี่วะเพื่อน . .งั้นมึงไปพักผ่อนต่อเถอะ กูไม่กวนละ”

“เออรู้ตัวก็ดีห่า 5 5 5 ” หลังจากที่วางสายจากไอวินเซิฟไป ผมก็หลับเป็นตาย. . . และต่อให้มีเสียงระโทรศัพท์ดังขึ้นหรือระเบิดลงผมก็แน่ใจเกินร้อยเปร์เซ็นต์ว่าคงไม่สามารถทำให้ผมตื่นขึ้นมาได้แน่ๆ . . .

ออฟไลน์ thitema3

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
. . . .  เช้าวันต่อมา ผมและกายเราตื่นไปที่มอพร้อมกันโดยชุดที่กายมันใส่ในวันนี้เป็นชุดของผมเองดองไว้ในตู้ เป็นชาติแล้ว ไม่ได้ออกเอามาใส่ซะที. . ผมเองก็แอบแปลกใจที่มันยังใส่เสื้อไซด์ผมได้ ปกแล้วผมใส่ M ส่วนกาย มันใส่ L หลายๆ คนก็คงจะมีภาพในความคิดกันอยู่แล้วสินะครับ ผมไม่ใช่คนตัวใหญ่อะไรจะใส่เสื้อขนาดพอดีตัวมันก็ไม่แปลก แต่ไอกายนี้สิ. . ตัวมันก็ไม่ได้อ้วนหรอกนะครับ แต่ติดล้ำๆ ซิกแพ็คแน่นไปหน่อย เลยทำให้ มันดูฟิตๆ แต่พอดูรวมๆ แล้วมีเสนห์เหลือเกิน . . .5 5 5 5 ผมแอบ ห่วงๆ ไม่อยากให้มันลงจากรถเลยแต่รู้ดีว่าคงจะห้ามไม่ได้เลยปล่อยเลยตามเลย. .และหวังว่ามัน คงจะไม่ตกเป็นเป้าสายตาของ คนอื่นๆ

ช่วงสายผมมีเรียนอยู่สองวิชา. . ดูเหมือนวันนี้ อาจารย์จะเน้นให้ นักศึกษาทุกคนพูดออกเสียงให้เป็นชนิดที่ว่าฝรั่งยังอาย ผมนั่ง พูดตามจนลิ้นพันกันแต่ ก็พอถูๆไถๆมาได้ กว่าอาจารย์จะยอมปล่อยออกมา ก็ เกือบๆ เที่ยง ผมเลย โทรเรียกให้ไอวิน มากินข้าวเป็นเพื่อนกันหน่อย แต่ดูเหมือนวันนี้ไอวิน มันดูซึมๆยังไงก็ไม่รู้ปกติ เวลาผมบอกว่าจะเลี้ยงข้าวมันจะรีบ มาหาผม ทันที(เหมือนผมเป๊ะ) แต่วันนี้มันมาช้า ไปเกือบๆ ครึ่งชั่วโมง ทั้ง ที่คณะห่างกันแค่ ห้าหกตึก เอง (เองหรอ?)แต่ไหง ถึงช้าขนาดนี้ . . ผมไม่รู้มันอยากกิน อะไร เพราะตอนมันมาผมก็เอ่ยปากถามแล้วแต่มันไม่ยอมตอบ. .ก็เลย ซื้ออะไรมาให้เหมือนกัน . . . พอกลับมาที่โต๊ะคราวนี้อาการมันเริ่มหนักกว่าเก่าครับ มันเริ่มเกิดอาการเหม่อลอย  ถามอะไรมันก็ไม่ยอมตอบ. .จนผมต้องเบิตกะโหลกเรียกสติมันถึงสองที กว่าจะ ยอมหันมามองผมได้. .

“อะ ไรของมึงตบกูทำไมเนี้ย. .”

“แหม่ไอห่า กูเรียกมึงตั้งนานแล้วเห้อะ  มึงอะเงียบเอง.. ไม่ยอมตอบ เป็นอะไรของมึงเนี้ย. . ห้ะ ” ไอวินมันก้มหน้าอ้ำอึ้งไม่ยอมพูด แถมยัง คอยหลบสายตาของผมอีก. ดูก็รู้เลยว่ามันกำลังจะโกหกผมอยู่

“ก็เปล่า กูก็หล่ออย่างนี้ทุกวันแหละมึงยังไม่ชินอีกรึไง”

“หลงประเด็นแล้วมึง กูถาม ว่าเป็นบ้าอะไร ไม่ได้ถามว่า มึงหล่อรึเปล่าไอห่า. . . จะบอกดีๆ หรือจะให้กูเค้นความจริงห้ะเชี้ยวิน”
 
 “มึงจำแพมได้มั้ย. . . ” แพม อ๋อคงหมายถึงแพม แฟนคนปัจจุบันของมันสินะ

“แพมดาวบัญชีปะ” วินมันพยักหน้า แทนคำตอบ

“แล้วยังไงอะ มึงเทเขารึไง ไอห่า คราวนี้ไปติดสาวคณะไหนอีกละ มึง. .”

“กูป่าวเทเขา แต่เขาเทกู. . .” ห่ะ ผมแทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง คนอย่างไอวินเนี้ยนะโดน เท. . . ปกติแล้วไอวินมันมีคนเข้ามาหามันก่อนตลอด  ไอวินมันเป็นคนที่คุยกับใครหลายคนจริงเรื่องนี้ผมรู้ดี. . แต่เรื่องการที่มันถูกทิ้งนี้ผมไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ
“เห้ยย อะไร  มึงอำกูเล่นปะเนี้ย. . ถามจริง ?”


“. . เจ” วินมันหันมาสบตาผมพร้อมกับเสียงพูดที่ดูอ่อนแรงของมัน. .ทำเอาผมอดเป็นห่วงมันไม่ได้

“เออ มีอะไร ?”

.”ขอกอดหน่อย. . ” คำพูดที่เหมือนจะติดเล่นของมัน แต่แอบแฝงไปด้วยความเหนื่อยล้า และท้อใจผมรู้ดีว่าสภาพของไอวินตอนนี้มันคงไม่ได้พูดออกมาเล่นๆแน่นอน มันคงรู้สึกแบบนั้นจริงๆ หรืออาจเป็นเพราะมันต้องการใครสักคนที่เข้าใจมัน. .และตอนนี้ก็ถึงเวลาที่ผมต้องทำหน้าที่ เป็นที่ปรึกษาที่ดี คอยรับฟังและปลอบโยนมันอยู่ใกล้ๆ  ผมเป็นฝ่ายสวมกอดไอวินก่อน วินมันก็กอดผมตอบ แต่ที่แปลกไป คือ วินมันทิ้งแรงทั้งตัว ของมันมาที่ผม ทำเอาผมที่นั่ง เก้าอี้ทางยาว แถมไม่มีทีพิงแทบจะหงายหลังล่วงลงไปนอนกับพื้น แต่โชคดีหน่อยที่ผม รั้ง มือจับโต๊ะไว้ทัน. . . . ผมยอมรับเลยว่าตลอดระยะเวลาที่รู้จักกับมันมา ผมไม่เคยเห็นมันในสภาพที่ดูซึมขนาดนี้มาก่อน   . . .   ผมเองยังแปลกใจเลย. .

“เจ กู ไม่โอเควะ.   คืนนี้กูขอไปนอนด้วยนะ กูไม่อยากอยู่บ้าน. . ”

“เออ ได้ๆ แล้วมึงบอกที่บ้านรึยัง. .ว่าจะมานอนกับกูเดี๋ยวป๋ามึงก็พาพวก ลูกน้อง มาถล่มร้านกูอีกไม่เอาแล้วนะเว้ย” เคยมีครั้งนึง สมัยเด็กๆ ผมกับไอวินเคยเล่นกันอยู่ที่บ้านพ่อ. . วันนั้นหลังหเลิกเรียน ผมกับไอวิน-เรามัวแต่เล่นกันจนลืมดูเวลา จนประมาณ เกือบๆ สี่ทุ่ม มีกลุ่มที่ดูๆ เหมือนแก้งยากูซ่า มาตั้งกลุ่มอยู่ที่หน้าบ้านของผม. . และ นั้นก็คือกลุ่มพวกลูกน้องของพ่อไอวินนั้นแหละครับคือจริงๆ เขาจะให้มาตามหาคน แต่ไอที่มา เกือบๆ  20 คนนั้น มันเวอร์เกินไปรึเปล่า?

“เขาไม่ว่าอะไรหรอก . .เออเจ. .  คืนนี้กูอยากแดกวะ. .  เมาเป็นเพื่อนกูหน่อย. . ”ถึงในหัวผมจะบอกปฏิเสธอย่างเดียว แต่ถ้าคำตอบของผมมันจะทำให้สบายใจขึ้น ผมก็ตกลง. . เมาก็เมา. .

“เรื่องนี้เอาไว้หลังเลิกเรียนเหอะตอนนี้ได้เวลา แดกข้าวกันซะที. . ข้าวมันไก่มันซีดตามมึงละเนี้ย. . ”

“แล้ว ข้าวมันไก่บ้านมึงมันผิวแดงอมชมพูรึไงละห่า. . ”

“ด่ากูได้แล้วนิ่หว่า เออดีละ ลุคซึมๆ ไม่เหมาะกับมึงเลยวะไอวิน ฮ่าๆ ” แม้ตอนนี้ผมไม่อาจจะไม่ได้ทำให้เพื่อน หายทุกข์มากเท่าไหร่แต่ผมก็จะขอ นั่งข้างๆ มันตรงนี้คอยให้กำลังใจและคอยสนับสนุน และอยู่เป็นกำลังใจจนกว่ามันจะหาย ดี ทำไงได้ละ ก็คำว่า “เพื่อน” มันค้ำคอผมอยู่นิ่ . . 

ช่วงบ่าย ผมรีบ เดินเข้าห้องเรียน อีกหนึ่งวิชาส่วนไอวิน มีเรียนช่วงบ่าย สามคาบรวด.  . แต่มันดันโทรนัดแนะบอกให้ผมไปหาที่คณะ เห็นว่าวันนี้จะโดด ขอไปนอนพักใจอยู่ที่ร้าน ผมเองก็ไม่อยากจะขัดให้มันเสียอารมณ์เลย ต้องเป็นฝ่าย ขี่ MSX มาส่งมันถึงที่ร้าน โชคดีหน่อยครับ ที่วันนี้ พี่อินไม่อยู่บ้านเห็นทิ้งโน๊ตไว้ที่ตู้เย็นว่า ไป ปารตี้กับเพื่อนๆ เลยทางสะดวกที่ผมจะจัดงาน ย้อมใจให้ไอวินมันซักหน่อย. . . ผมไม่พูดพร่ำทำเพลง รีบ เดินไปหยิบ เหล้าสี ที่ อุตส่าห์ซ้อน ไว้ ในห้องครัว แต่โชคร้าย คือ มันใกล้จะหมดแล้ว. ผมก็เลยต้องเป็นฝ่ายบากหน้า ออกมาซื้อด้วยตัวเองปล่อยให้ไอวินมันนั่งทำเอ็มวีอยู่ในร้านคนเดียว . .ระหว่างที่กำลังซื้อของอยู่ๆ ผมก็เจอพี่ริวอยู่ข้างในร้าน ผมไม่ลืมที่จะสวัสดีพี่เขา พี่ริวยิ้มให้ผม แถมยัง จ่าย ค่าน้ำแข็งค่าโซด่าให้ผมอีกด้วย และผมก็แอบเนียนๆ หยิบช็อคโกแลต บาร์ ให้พี่แคชเชียร์คิดเงินด้วย ก่อนจะเดินออกมา พี่ริวถามผมว่า เกิดอะไรขึ้นรึเปล่า เพราะปกติผมไม่ใช่คนที่ชอบกินเหล้า นอกจากจะมีเรื่องเครียดๆ หรือ อยากจะหลับเป็นตาย ถึงจะกินที. .  แต่ครั้งนี้เป็นเพราะเพื่อน อยาก ผมก็เลยต้องสนอง ก็เท่านั้นเอง. . .

ผมเดินออกมาจากร้านสะดวกซื้อได้พักนึง. .  กำลังเดิน ไปหา ร้านเหล้าที่คาดว่าจะมีอยู่แถวนี้ เพราะตอนแรกผมก็กะจะซื้อในร้านสะดวกซื้อนั้นแหละครับ แต่พนักงานบอกว่ายังไม่ถึงเวลา ผมก็เลย ต้องออกมาตามหาร้าน ทั้งๆ ทีไม่รู้เลยว่าร้านที่ว่ามันอยู่ตรงไหน จะว่าผมไร้เดียงสาก็ได้นะครับ เพราะผมไม่รู้จริงๆ ว่าปกติแล้วเขาซื้อกันที่ไหน ก็ทุกทีที่กินก็มีแต่ไอวิน หรือไอคุณชายที่เอามา ส่วนผมก็แค่คนถูกชวน เลยไม่รู้ประสีประสาอะไรกับพวกมันเลย . . แต่ทันใดนั้นเอง ระหว่างทาง ผม พยายามเพ่งมอง ไปผู้ชายตัวสูงๆ ขาวๆ ที่กำลังยืนต่อคิว ซื้อ หมูปิ้งอยู่ ข้างๆ สะพานลอย พอซูมดีๆ อ้าว ไออะตอมนี้หว่า. .  ผมเดินอ้อมไปตบหัวมัน อะตอมมันหันมามองผมด้วยความสงสัย คงจะตกใจยู่ๆ ก็มีคนมาตบหัวมัน แต่มันก็ไม่ได้ตบผมกลับหรอกครับ ได้แต่ยื่น ยิ้มแล้วก็พูดประโยคเดิมๆซ้ำๆ ที่ได้ยินเกือบทุกที

ออฟไลน์ thitema3

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
“อ้าวเจ มาทำอะไร แล้วนี้มาไงอะ ”

“ออกมาซื้อเหล้าให้ไอวินอ่ะ พอดีวันนี้เพื่อนกูมันเฮิทวะมึง แต่ยังหาร้านซื้อไม่ได้เลยหว่ะทำไงดีวะมึง”

“ก็ เซเว่น. . เอ้ย ยังไม่ถึงเวลานี้หว่า ”

“แหนะไอเด็กคนนี้ เป็นเด็กเป็นเล็กหัดแดกเหล้าหรอมึงอะ รู้ดีจริงๆ ”

“ก็มีบ้างแหละน่า แต่ก็มีอีกร้านนึงน่ะตรงมุมนู้นนนนนนน!!” นู้นของมันยาวสะผมเอง เริ่มจะถอดใจ. . .ชี้ไปไหนของมันก็ไม่รู้ไอบ้านิ้

“ตรงมุม สุดซอยตรงนั้นไงแล้วก็เลี้ยวขวา ก็ถึงแล้ว เป็นร้านเล็กๆแต่ข้างใน มีแต่ของแบรนด์ขายทั้งนั้นลองไปดูสิ”

“พาไปหน่อยสิ. . น่า นะ. . ” ผมพยายามอ้อนวอนให้มันพาไป

“กูรอซื้อของให้น้องอยู่. .งั้นเดิน ไปรอก่อนไป เดี๋ยวเสร็จแล้วตามไป. .”

“งั้น รอไปพร้อมมึงดีกว่า กูรอได้. . ”

“แต่. . เออ ป่ะไปก็ไป . . พี่ครับผมไม่เอาแล้วนะ”

“เห้ย ไม่เป็นไรมึงกูรอได้ มึงเหลืออีกแค่สองคิวเองนิจะรีบทำไม” อะตอมมันยอมสละคิวอีกแค่สองคิวก็ถึงคิวมันแล้ว แต่มันดันเลือกที่จะพาผมไปทั้งๆ ที่ไม่ใช่เรื่องที่มันควรจะมารับผิดชอบด้วยเลย. .  ผมรู้สึกผิดจนอยากจะเอาหัวโขก เสาไฟข้างทาง แต่ตอนนี้ คงยังไม่ใช่เวลา อะตอมเดินนำผม ไป ได้ระยะนึง มันก้าวขา ยาวมาก (หรือขาผมสั้นก็ไม่รู้)เดินนำผมไปไกลริ้ว แต่ก็ยังแอบหันหลังมามองผมเหมือนพ่อลูกเดินมาด้วยกัน พ่อจะคอยมองว่าลูกตามารึเปล่าอะไรประมาณนั้นเลยละครับ. .ผมเดินมาถึงร้าน ขายของเล็กๆ เล็กจริงๆ อย่างที่อะตอมมันว่าไว้ครับ ผมยังไม่ทันได้เอ่ยปากอะไรอะตอมมันก็ชิงถามลุงหนวดพ่อค้าไปซะก่อน แต่ลุง ครับ หนวดของลุงมัดขัดใจผมยังไงก็ไม่รู้ระ ฮ่าๆ ตายๆ นินทาคนแก่ 5 5 5

เหล้าแบรนด์ที่อะตอมสั่งมาป็นแบรนด์ที่ผมไม่คุ้นชื่อมาก่อน หรือเป็นเพราะผมประสบการณ์น้อยถึงตามพวกมันไปทัน แต่พอลุงหนวดคนนั้นเอ่ยปากบอกราคาเท่านั้นแหละผมแทบจะวางขวด คืนให้ลงแกไป

“ส...สสส สี่พัน ขวดเดียวเนี้ยนะลุง. .” ผมไม่อยากจะเชื่อหูที่ได้ยิน เหล้าขวดเดียวสี่พันแม่เ-จ้า กินแล้วบินได้ปะเนี้ย ผมหันหน้าไปมองไออะตอมหน้ามันนื่งมาก ราวกลับว่ามันรู้ราคาอยู่แล้ว

“คือผมเตรียมเงินมาไม่พออะลุง. . งั้น ผมไม่เอาแล้วครับ ”

“ใส่ถุงเลยครับลุง”

“แต่มึง. . ” อะตอมยื่นแบงค์พันห้าใบให้ตาลุงนั้น ผมมองตามด้วยสายตาอาลัยอาวรเงินสี่พันนั้นไปทำอะไรได้อีกตั้งเยอะตั้งแยะ จะบ้ารึไง เหล้าขวดเดียว . . .กินทีแทบหมดตัวเลย (หมายถึงผมนะไม่ใช่มัน)

“อะ เอาไปกินกับเพื่อน แล้วก็บอกเพื่อนด้วยว่าอย่าคิดมาก. . งั้นกูไปละนะ”และก่อนที่อะตอมมันจะเดินจากไปผมก็เรียกชื่อรั้งท้ายให้มันหันมาก่อน

“ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วไปกินด้วยกันเลยสิ เดี๋ยวกูชงกาแฟให้กินด้วยก็ได้อะมึงอยากกินอะไรบอกกูเดี๋ยวกูเลี้ยงเอง. . ” ถ้าเทียบค่าน้ำที่ร้านผมแล้วมันเทียบไม่ได้กับไอเหล้าขวดนี้เลยครับ .

“อื่อ. . เอางั้นหรอก็ได้. . แล้วร้านไปทางไหนอะ ?”โชคดีไปที่อะตอมมันไม่ได้ปฏิเสธไม่งั้นผมคงต้องรู้สึกผิดเพิ่มขึ้นมาอีกเรื่องแน่ๆ

ผมเดินกลับมาทางเก่านำทางอะตอมมาที่ร้าน ตอนมาถึงอะตอมมันก็บอกว่า เคยผ่านร้านนี้บ่อยแล้ว แต่ไม่เคยรู้ว่าคือร้านของผม มันยังบอกอีกว่า เคยเจอน้องเอิร์นยืนอยู่ที่หน้าร้านอยู่เหมือนกัน. .

ผมเดินพาอะตอมเข้ามาในร้าน  ส่วนผมเองแยกตัวออกมา ไปเตรียมกระติ กใส่น้ำแข็งอยู่ในห้องครัว ปล่อยให้อะตอมมันยืนงงมองไอวินนั่งเหม่อของมันอยู่คนเดียว ผมแอบเอาช็อคโกแลตที่ซื้อมาใส่ไว้ในช่องฟรีซ ไว้รอเย็นๆ ค่อยลงมากิน. .  แต่พอผมเดินถือกระติกน้ำแข็งออกมาสิ่งที่เห็นอยู่บิรเวณนั้น คือ ผู้ชาย ตัวสูงๆ ไม่สิตัวควายๆ สองคนกำลังนั่งกอดกันกลมดิ๊กเลย แต่เดี๋ยวๆ. . นะ นี้มันพึ่งเจอกันครั้งแรกไม่ใช่หรอ.  . . ไอพวกนี้ใจง่ายกันชะมัด

“อะแอ่มม ขอโทษนะครับที่มาขัดจังหว่ะ นี้ น้ำแข็งนะครับ คุณๆ ทั้งสอง. .  ว่า แต่มึงสองคนนี้ยังไงเนี้ย. . คบกันอยู่รึไงกูตกข่าวใช่มั้ย ?”ไอวินมันเอาแต่กอดอะตอม (หรือแอบหลับไม่รู้) ส่วนอะตอมมันหันมายิ้มให้ผมแล้วก็ขยับ ปากพูดงึมงัม  ผมพอจะเดาๆ ได้ว่า “เพื่อน มึง เมา แล้ว” ผมพยักหน้ารับและเดินไปหยิบแก้วออกมาเพิ่มสองใบ มาให้อะตอม ผมรินเหล้าสี ขวดสี่พัน ใส่ แก้วให้อะตอม ด้วยอาการสั่นๆ ที่สั่นนี้ไม่รู้เป็นเพราะราคา หรือเพราะขวดมันหนักกันแน่ ใหญ่ชะมัด.  .

“นี้กะจะมอมกันใช่มั้ยเนี้ย. . เจ” ผมไม่เข้าใจในสิ่งที่อะตอมพูด มอม มันหมายถึงผมจะมอมมัน หรอ ??

“มอมอะไรของมึง กูก็เทปกติ.  . ”

“แต่ปกติเขาใส่กันแค่ชอตเดียว แต่นี้มึงใส่ เกือบจะครึ่งแก้วไม่เรียกมอมรึไง. . ”ผมนั่งเกาหัวแกร่กๆ เพราะไม่รู้ว่าไอเหล้าเขาชงกันยังไง . . ก็อย่างที่เคยบอกไปนั้นแหละ ครับ ส่วนมาก ผม เป็นฝ่ายกินอย่างเดียวส่วน คนบริการ ตอนนี้สภาพมัน ซึม หมาหงอยไปแล้วครับ.. .

“อะๆ งั้นมึงเท.  . ให้ไอวินกับมึงไปก่อนเลยนะ. .เดี๋ยวกูขึ้นห้องไปเอาของก่อนเดี๋ยวลงมาใหม่” อะตอมพยักหน้ารับ จริงๆ ผมไม่ได้จะมาเอาอะไรหรอกครับ แต่แค่จะโทรมาบอกคุณชายว่าวันนี้จะกินเหล้าเป็นเพื่อนไอวินซะหน่อย. . เพราะไอกายมันเคยสั่งห้ามบอกให้ผมอย่ากินเหล้า ถ้าหากไม่มีมันอยู่ด้วยวันนี้ก็เลยต้องโทรมาขอมันก่อน. . .

“อือ ก็อย่างที่บอกไปนั้นแหละไอวินมันอกหักก็เลยต้องกินเป็นเพื่อนมัน”

“อืมๆ อย่ากินเยอะละ ถ้ารู้ตัวว่าเมา แล้ว ก็รีบขึ้นห้องเลย นะ อย่าไปนั่งอ่อยมันหล่ะ”

“เดี๋ยวๆ ไอวินมันเพื่อนกูนะไอคุณชาย. . .จะให้กูฟิสเจอริ่งกับมันรึไง”

“ก็แค่บอก ไว้ คนเราตอนเมามันควบคุมตัวเองได้ที่ไหนอีกอย่างเวลามึงเมา. .  มึงจะเป็นฝ่ายรุกเองมากกว่า ”ผมหน้าแดงขึ้นมาทันทีที่กายบอกว่าผมเป็นฝ่ายเริ่มแหะๆ ปกติแล้วผมเป็นคนเรียบร้อยจะตาย (หรอ ลากเสียงยาวจากกรุงเทพไปเชียงใหม่)

“แล้วมึงจะไม่มาจริงๆ หรอ กาย มึงไม่มากูก็เหงานะเว้ย ไม่รู้จะปล้ำใครดี ปล้ำไอวินก็ไม่ได้เดี๋ยว โดนมันต่อยเอา ฮ่าๆ” ไม่ใช่ว่าผมไม่เอ่ยปากชวนแต่มันบอกว่า ต้องอยู่กินข้าวกับพ่อของมันเลยมาด้วยไม่ได้

“อย่าดีแต่ปากเจ ถ้ากูไปแล้วมึง ไม่ทำนะ. . .”

“โถ่ไอห่ากูล้อเล่นมึงนี้ทีเรื่องอย่างนี้จริงจังชิบหาย.   . ”

“เอองั้นมึงก็รีบไปเถอะ เดี๋ยวไอวินมันจะรอนาน ยังไงก็ดูแลมันด้วยละกันนะ ”

“แล้วกูละใครจะดูแล. . ”ผมแกล้งพูดแซวมันเล่นๆ แต่ไม่คิดว่าคำตอบที่จะได้ยิน ทำ เอาผมเขินตามจนต้องบิดตัวไปมา

“เดี๋ยวกูรับผิดชอบทั้งชีวิตเอง รีบไปได้แล้วไป. .”. . แล้วถ้ากูจะกลั้นใจตายไปพร้อมกับคำพูดของมึงในตอนนี้ละจะว่าไง ไอคุณชาย ><
. . .. . .
ผมเดินลงมาจากห้องแล้วเดินตรงไปที่โซฟากลางร้านเห็นอะตอมโบกมือเรียกผมตั้งแต่ไกลๆ นี้ขนาดผมเดินมาอย่างเงียบที่สุดแล้วนะมันยัง จะเห็นผมอีก. . .

“อ้ายยเจ. ..ฮึก กูขอเหล้าอีก”. . เสียงพูดของไอวินติดสะอื้นฟังแล้วมันอู้อี้ จนผมจับใจความแทบไม่ได้. . แต่ก็มีล่ามแปลภาษา ดีครับ(อะตอมแปลให้) ผมถึงเข้าใจ. .

“นี้มันกินไปเยอะยังวะ.. ” ผมหันไปถามอะตอมโดยที่มือก็ยังคีบน้ำแข็งใส่แก้วอยู่. .

“ก็ไม่นะ สองสาม ชอตเอง. . ไม่น่าจะเมาง่ายขนาดนี้ สงสัยคงจะกินก่อนที่ เราจะมากันอีกมั้ง” แล้วนั้นก็ทำให้ผมคิดภาพตามว่าได้ฝากเหล้าไว้ที่ไอวินถึงครึ่งขวดและนั้นก็คงเป็นสาเหตุที่มัน นั่งเมาแอ๋พูดไม่รู้เรื่องแบบนี้

“อะ”ผมยื่นแก้วเหล้าที่ผสมเสร็จแล้วสองแก้ว ให้กับวินและอะตอม ไอวิน มันรับไปกระเดือดรวดเดียว หมดแก้วส่วนอะตอม มันนั่งจิบๆ ชิวๆ ออกแนวลุคผู้ดีๆ หน่อย ขนาดผมมองผมยังรู้สึกหมันไส้มันเลย . . คิดดู

“อ้าว แล้วไหน ของมึงละ ?” อะตอมมันวางแก้วลงและหันมาถามผม

“กูไม่กิน. . .  กูกินไม่ได้ กูคอ อ่อน. . พวกมึงกินกันเลย” ผมดื้อดันปฏิเสธเสียงแข็ง ว่ายังไงก็จะไม่ยอมกินเด็ดขาด. .

“ได้ไงอะ ตอนมาก็มาด้วย กัน ตอนนี้กินก็ต้องกินด้วยกันดิวะ. . ทำงี้มันเสียมารยาทรู้ป่าว”

“งั้นกูขอเสียสักครั้งละกัน. . . ไม่เอาอะ พรุ่งนี้มีเรียนเช้าเดี๋ยวตื่นสาย. ..”

“งั้นเอา เงินคืนมา ?”

“เงิน ? ค่าอะไรวะ”

“ก็ค่าเหล้าที่ออกให้นี้ไง ถ้าไม่กินก็จ่าย มา แต่ถ้ากินก็ไม่ต้อง.  . เลือกเอา” อะตอมมันกำลังทำให้ผมไม่มีทางเลือกจนในที่สุดผมก็ต้องยอมนั่งกินกับพวกมันทั้งสองคน. . .โอย ผ่านไป แค่แก้วเดียว อาการของผมเริ่มมาละครับ. . . เริ่มมองภาพข้างหน้าๆ เบลอๆ แล้ว แถมยังรู้สึกว่า ไอสองคนที่กำลัง นั่งซดเหล้าอยู่ข้างหน้าผมนี้พวกมันดูเซ็กซี่ยังไงก็ไม่รู้. . . บรึ้ยยย ผมสะบัดหัวไล่ภาพบ้าๆ นั้นออกจากหัว. . ตั้งสติ และรินแป็ปซี่ยกขึ้นกินแทน. . .แต่ทันทีที่แป็ปซี่ลงคอผมก็แทบพุ่งมันออกมาเพราะเริ่มรู้สึกว่า รสชาติ มันแปลกๆ มันออกขมๆ ฝาดๆ ลิ้นยังไงก็ไม่รู้ . .. . .

“เห้ยเจ แก้วนั้นยังไม่ได้ผสม. . ” อ้าวเวรละไง นี้ผมเผลอซดเหล้าเพียวๆ เข้าไปหรอเนี้ย อ๊ากก. . ผมอยากจะรีบล้วงคอ ให้สิ่งที่พึ่งจะเข้าไป มันออกมา แต่รู้ดีครับ ว่าคงทำไม่ได้ก็เลยปล่อยเลยตามเลย  เวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงที่ จากที่ผมเป็นคนชงแล้วเสริฟ กลับกลายเป็นว่าผมเป็นคนถูกเสริฟซะเอง ยิ่ง สติผมหลงเหลือน้อยเท่าไหร่การจะพูดปฏิเสธไปมันก็ยากขึ้นเท่านั้น. . พอผมรับแก้วได้ก็เอาแต่ดื่มๆ จนหมดแก้วทุกที จนตอนนี้ สติของผมเริ่มไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้วครับ.  ผมรู้สึกว่าร่างกายของผมเองอยากปะทะขึ้นมา. . แล้วไม่รู้เป็นเพราะอะไรผมถึงเดินไปนั่งๆ ข้างๆ ไอวิน และเอามือโอบเอวมัน. . แหลบๆ เมาแล้วลิ้นพันกัน แหะๆ

“วินจ๋า”

“. .เอาแล้วไง. . .” วินมันก้มลงมามองหน้าผมที่กำลัง นอนกอดเอวซบอกของมันอยู่. . .

“วันนี้ วินเป็นอะไร อ๋อ ร้องไห ทำไม หื้อๆ” ผมรรู้สึกว่าร่างกายมันขยับไปเองผมพอมีสติ ที่จะรู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่แต่สิ่งที่แย่คือผมไม่อาจห้ามกรกระทำเหล่านั้นได้. . เวลาเมาทีไรมันเป็นงี้ทุกที

“เพราะมึงติดหนี้กูไม่ยอมใช่ไง พอกูทวงมึงก็ไม่ให้กูเสียใจ เลยมานั่งกินเหล้าเนี้ย มึงจำไม่ได้เหรอ. .”


“โอ๋เอ๋ๆ เดี๋ยวเค้าคืนให้นะ แต่คงคืนเป็นเงินไม่ได้งั้น. . ให้หอมแก้มใช้หนี้เลยอ่ะ. . ติดอยู่กี่บาทก็นับตามจำนวนครั้งเลยอะ. .

”ผมจำไดว่าพยายามจะเบือนหน้าหนี แต่ร่างกายมันก็ขยับไปเองทุกที. .

.”ถ้าให้กูหอมมึงกูยอมจูบปากกับเพื่อนมึงดีกว่า หล่อ กว่าเยอะ.  ..” เดี๋ยวๆ นะ สรุปสองคนนี้มันมีอะไรหลังก่อไผ่กันใช่มั้ยเนี้ยห้ะ
“เอ้ย มึง อะ” ไอวินเอ่ยปากเรียกอะตอมที่นั่งจิบเหล้าอยู่ตรงข้าม อะตอมวางแก้วลงก่อนจะเบิกหน้าตามองไอวินด้วยความสงสัย

“อือมีอะไร?”

“มึงชื่ออะไรนะ”

“ตอม แต่เพื่อนๆเรียกกูอะตอม. .”อ๋อจริงๆ ชื่อของมันก็คือตอมนี้ เอง ผมพึ่งรู้ แต่พอเรียกตอมเฉยๆ มันก็ดูทะแม้งๆ ยังไงไม่รู้แหะ. . .ดีแล้วละที่เพื่อนพากันเรียกมัน อะตอมกัน. .

“เออ ไอแมงวันตอม”

“เขา ชื่ออะตอม” ผมยื่นมือไปรูดปากไอวินข้อหาเรียกชื่อเพื่อนผมเสียๆ หายๆ แอบเห็นอะตอมมันนั่งขำคิกๆ อยู่คนเดียว. .

“เออจะตอมไม่ตอมก็เอาไว้ก่อนเหอะ แต่ตอนนี้ มึงช่วยมาเอา ไอเจจัง นี้ ออกไปจากกูก่อนเหอะ. .” เจจังนั้นคือชื่อเรียกผมในตอนเมาหน่ะครับ แต่ที่เติมจังนี้ไม่ใช่เพื่อเพิ่มความน่ารักอะไรให้ตัวผมหรอกนะครับ แต่มัน ย่อมาจากคำว่าจังไร นั้นแหละครับ ชื่อ เต็มๆ ในตอนเมาของผมก็คือ จ.จ.ร  “เจ จัง ไร ” นั้น เอง นึกแล้วก็แอบขำตามๆ เบาๆ (คนเขียนยังนั่งขำเลย ฮ๋าๆ )

ออฟไลน์ thitema3

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
ผมรับรู้ได้ถึงแรงยกดึงผมขึ้นออกจากอกของไอวิน และไปนั่งเกาะไออะตอมแทน  ผมเริ่มๆ รู้สึกเลอะเลือนขึ้นทุกที. . สติของผมเริ่มเหลือน้อยลง ฟังอย่างเป็นอีกอย่างหูอื้อไปหมด ไม่รู้พวกมันกำลังพูดอะไรกันอยู่. . . ผมพยายามจะหยิบโทรศัพท์ เพื่อโทรไปหาไอคุณชายว่าตอนนี้ผมเมา อยู่และกำลังจะนอน แล้ว ปกติตอนเมาผมจะเป็นคนปากหวานพูด เพราะอัธยาศัยดี. . มองอะไรก็สวยงามไปหมด. . เลยอยากใช้ช่วงเวลาที่เมาๆ นี้ คุย ซึ้งๆ กับน้องกายซะหน่อย. . เอิ้ก ๆแต่ไม่ว่าผมจะพยายามคลำหาเท่าไหรก็หาไม่เจอ หรือ อาจจะลืมไว้บนห้องจะให้ลุกไปหยิบเองก็ไม่ไหวจะใช้ให้ใครไปหยิบให้ก็คง จะไม่ดี ผมเลย เอ่ยปาก ขอยืมโทรศัพท์ของไอคนที่ผมกำลังนอนหนุนตักของมันอยู่. . .

“อะตอมจ๋า” ไม่ต้องบอกก็รู้ครับว่าเสียงผมตอน นั้นหวานแค่ไหน. .

“หืม ว่าไง จะเอาอะไรอีก ?” เสียงอะตอมยังพูดเหมือนปกติแต่ที่ต่างไป. . คือ หน้าของผมเริ่มก้มเข้ามาใก้ลผมทุกทีๆ

“เอ้ยๆ มึงจะจูบเพื่อนกูหรอวะ. .ไอห่า . ”เสียงพูดติดตลกของไอวินทำให้ผมต้องแอบขำตาม

“แล้วได้ป่าวละ. .” เสียงชำของผมหยุดลงเมื่อได้ยินคำพูดของอะตอม.  . ไอนี้ชอบ เล่นอะไรแผงๆ

“ถ้ามึงไม่ถือก็เอา เลย ก็อณุญาติ” ไอนี้ก็ช่างยุจริงๆ
 
“กูล้อเล่น กูไม่ทำคนตอนเมาหรอกหน่ะ มันเสียชั้นเชิง. . ” เดี๋ยวๆ งั้นก็แสดงว่าถ้าปกติ มันก็จะจูบผมงั้นสิ บ้าบอ บ้าไปกันใหญ่แล้ว.  . และก่อนที่มุขพวกนี้มันจะเลยเถิดไปไกล ผมก็รีบพูดตัดวงสนทนาของพวกมันทั้งสองด้วย การ ขอยืมโทรศัพท์  อะตอมมัน

“อาตอม. . . .ขอยืมโทรศัพท์หน่อย จิ . .”ผมแบมือเหนือหัวรอโทรศัพท์จากมัน

“อยู่ในกระเป๋ากางเกง หยิบเอาดิ. .”ผมไม่รอช้ารีบหุบมือลง และล้วงไปตามกระเป๋ากางเกงของมัน. . แต่ที่แปลกไปทำไม โทรศัพท์มันถึงรูปทรงแปลกๆ ผมเงยหัวมองตามมือของตัวเองที่กำลังค้นหาอยู่. . .แต่แจ็คพอตดันลง เมื่อสิ่งที่ผมจับไม่ใช้
โทรศัพท์ แต่เป็น เป้า ของไออะตอม  ผมรู้สึกอาย(ถึงตอนเมาความอายจะไม่ค่อยมีก็เถอะ)จนต้องรีบลุกพยายามดันตัวเองให้ลุกขึ้นก่อนจะเขยิบออกมา ห่างจากมัน

“แหนะ กูเห็นนะไอเจ อาการออกแล้วหรอมึงหน่ะ รีบขึ้นไปนอนไป กูไม่อยาก ให้เกิดเหตุการณ์เหมือนคราวที่แล้วอีก. . ไปๆ” ใจจริงผมก็อยากรีบๆ ลุกออกไปจากตรงนี้นะแต่เหมือนสังขารของตัวเองจะไม่เห็นด้วย ร่างกายผมไม่ยอมขยับเลย ผมรู้สึกมึนหัวจนแทบจะอ้วก นี้ขนาดแค่นั่งนะคงไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่จะยืนได้เลย. . .

“ป่ะขึ้นไปนอนกัน. .” ไม่ใช่เสียงวินแต่เป็นเสียงของอะตอมที่ตอนนี้กำลังยืนอยู่ด้านหน้าของผมพร้อมกับยื่นมือ มาตรงหน้า

“เอ้ยแค่นี้เองกูไปได้ มึงอยู่กินกับไอวินต่อเถอะเดี๋ยวกูขึ้นไปนอนเอง. .” ผมปัดมืออะตอมออก และพยายามพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นยืน ได้ไม่กี่วิ ก็แบจะหงายท้องหงายไส้ โชคดีหน่อยที่อะตอมมันคว้าตัวผมไว้มันไม่งั้นหัวทิ่มแน่ครับ. . .

.”อย่าดื้อดิป่ะ เดี๋ยวไปส่ง ”คราวนี้มันไม่ว่าเปล่าครับ แต่ยังนั่งยองๆ หันหลังให้ผม สงสัยมันคงจะอยาก แบกควายอย่างผมขึ้นหลังสินะ . .

“ตัวหนักนะจ้ะบอกก่อน. .”

“ก็คงไม่เท่า หมาที่บ้านกูหรอกมั้ง. .มาขึ้นมา” ในเมื่อมันอยากลองของผมก็เลยกระโจนตัวเอง ทิ้งตัวลงที่หลังของมันราวกับว่าตัวผม เบาสบายเหมือนปุยนุ่น แต่แท้จริงๆ แล้วก็ควาย ดีๆ นี้เองแหละครับ . . อะตอมมันแบกผมขึ้นหลังได้ชิวมาก ยังกับแบกเด็กหนัก 20 โล มันไม่พูดอะไรซักคำแถมยังเดินพาผมไปที่ห้องอีก

“ห้องไปไปทางไหน. ” อะตอมถามแต่ผมไม่ได้มองทางเพราะเริ่มรู้สึกหนักๆที่ตายังไงไม่รู้ เลยชี้มั่วๆ ไป

“ทางนั้น ”

“ทางนั้นมันห้องน้ำ”

.”งั้น นางนู้น. .”

“นั้นมันห้องครัว”

“เอ่อ. .งั้น”

“พอๆ ..  เห้ย มึง ห้อง เจมันอยู่ตรงไหนวะ. . ”

“เดินขึ้นบันไดไปอยู่ชั้นสองทางขวามือ สังเกตชื่อห้องดีๆนะอย่าเข้าผิดหล่ะ ”

“เออ ขอบใจนะมึง   . . ” ตัวของผมถูกเขย่าไปมาตามแรงย้ำเท้าของตอะตอมอยู่หลายทีจนในที่สุดมันก็มายืนหยุดอยู่ที่หน้าห้อง ใดห้องนึง ก่อนจะสะบัดตัวเพื่อเรียกผมให้ลืมตามองว่าใช้ห้องของตัวเองมั้ย ผมลองเหล่ๆ ตามองเห็น รอบขีดๆ หน้าห้อง น่าจะไม่ใช่เลยบอกให้อะตอมเดินไปห้องข้างๆ แทน

“โอ้ยหนักเป็นบ้า”ทันทีที่มาถึงอะตอมมันก็วางผมลงกับเตียง และนอน  เบียดผมอยู่ข้างๆ ถมยังบ่น

“ก็บอกแล้ว ”

“ นี้อุตส่าห์พาเดินแบกมาส่งถึงห้อง ไม่มีรางวัลให้หน่อยหรอ. .”

“ตังไม่มีหรอกนะมีแต่นี้. . ให้ทีนึงอะ. . ” ผมยื่นแก้มไปใกล้ๆ อะตอม มันทำหน้างง ๆ แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรผม. .

“ยังหรอก ยังไม่ใช่ ตอนนี้ งั้นถือว่า ติดรางวัลไว้ก่อนละ กัน ไว้วันไหนอยากได้ จะมาเอา ตกลงมั้ย. . ”ผมไม่รู้ว่าประโยคเริ่มมันพูดว่าอะไร เพราะรู้สึกหูอื้อๆ แต่มาได้ยินคำหลังๆ ที่มันว่า ตกลงมั้ย ผมก็ไม่รู้ว่ามันกำลังหมายถึงอะไร แต่ก็พยักหน้ารับไป. .

และระหว่างนั้นทั้งผมและมันต่างคนก็ต่างเงียบจากที่ผมคิดไว้ว่าเมื่อหัวถึงหมอนแล้วตัวเองจะหลับ แต่กลับตื่นตาสว่างซะงั้น  . . .  แต่ด้วยบรรยากาศตอนนี้มันเงียบแปลกๆ  ผมเลยคิดหาวิธีที่จะพยายามชวนคุยแต่ ไม่รู้จะสรรหาอะไรมาคุยกับมันดี จะไล่มันลงไปเลยก็น่าเกลียด. .  อย่างน้อยชวนคุยซักหน่อยดีกว่า. .

“อะตอม. . ”ผมค่อยๆ คุมสติ ของตัวเองไม่ให้พูดอะไรผิดเพี้ยนไปจากที่ตัวเองคิดไว้ในหัว

“หืม. .” ใบหน้าเรียบนิ่งของอะตอมหันมามองผมที่มองมันอยู่ก่อนหน้าอยู่แล้ว

“ป่าว ไม่มีอะไร. . แค่ไม่อยากให้เงียบ มันวังเวงแปลกๆ วะ”ผมหันหน้ากลับมามองเพเดนแทน เพราะถ้าขืนมองหน้ากันแต่ ไม่ยอมพูดมันก็จะดูแปลกใช่มั้ยละ . .

“หาย เมาแล้วรึไง. .”

“ยังหรอก แต่ก็พอมีสติ. . ”

“ถ้าไม่อยากให้เงียบก็ชวนคุยสิ. .  ”

“ไม่รู้จะชวนคุยอะไรวะ หัวมันตื้อไปหมดคิดอะไรไม่ค่อยออกเลย. . เออ งั้นมาเล่นเกมกันดีกว่า. . ”

“เกม ? เกมอะไรละ”

“เกมถามตอบ. . .”

“แล้วมันเล่นยังไงอะ.  ”

“ก็ ต่างคนต่างก็ตั้งคำถาม. . ไว้ในใจแล้วก็คำตอบที่ตัวเองอยากจะรู้ แล้วก็ถาม คนที่เล่นกับเราด้วยไง. .ไม่อยากหรอก. .เริ่มที่มึงเลย คนละสามคำถามสามคำตอบโอเครนะ ใครโหหก ขอให้ไส้แห้งไม่มีจะแดกสาธุ .. .”ต่ำหรับคงจะไม่แห้งไปมากกว่านี้แล้วหลาะครับมันแห้งก่อนที่ผมจะมาเล่นกับมันอีก ฮ่าๆ

“อืม  เจ . . . มึงสูงร้อยเท่าไหร่”

“ด่ากูเลยดีกว่าถ้าจะถามคำถามแบบนี้ไอหอกหัก. . ไม่เอาเรื่องนี้ดิวะแม้ง” ชี้ปมด้อยคนอื่นพวกมึงมีความสุขกันมากใช่มั้ยหึ้ บักห่านิ่

“ฮ่าๆ ล้อเล่นนะ ล้อเล่น งั้นเป็น . . . เอ่อออ” เสียงอะตอมมันตะกุกตะกุกไม่ยอมพูดสักที. .

“ช้า คำ ถามลดนะเว้ย. . .”

“คือ ตอนนี้ . . มีคนที่แอบชอบบ้างรึยัง. . .” เสียงของอะตอมมันเงียบไปเหมือนมันกำลังเขินอายที่ต้องถามคำถามแบบนี้กับผม

“หมายถึงตอนนี้หรอ”

“อืมใช่ ตอนนี้. ”ถ้าหมายถึงตอนนี้ผมก็คงบอกกับมันได้เต็มปากไปว่า. .

“ไม่.  .ไม่มีอะ ไม่ได้แอบชอบใครเลย. . ”  เพราะอะตอมมันถามว่าผมได้แอบชอบใครผมก็ตอบไปว่าไม่ ก็ถือว่าคงไม่ผิดกฏนิเนอะ มันไม่ได้ถามว่าผมมีแฟนรึยัง ซะหน่อย

“อะเหลืออีกสองข้อ . ”

“ไม่ละ ถามแค่นี้แหละ .. . ตามึงเลย”ใบหน้าของอะตอมมันเหมือนพยายามจะกลั้นยิ้มๆ ทั้งที่ผมยังไม่ทันได้พูดอะไรไอนี้มันก็ดูเหมือนจะหลุดขำซะแล้ว. . เห้อๆ ท่าทางเส้นจะตื้น
 
“งั้นถามรวดเดียวสามคำถามเลยนะ. . เอ่อ มึง เป็นใครมาจากไหน บ้านทำอะไร แล้วก็ชีวิตความเป็นอยู่เป็นยังไง ครอบครัวแฮปปี้ดีรึเปล่า. .  ”ระหว่างที่ผมคิดคำถามเล่นๆ และพูดออกไปก็เผลอหันไปเห็นอะตอม จากที่กำลังๆ ยิ้มมันก็หุบยิ้มลงทันทีราวกับว่าผมเผลอพูดอะไรไม่เข้าหูมัน. . . อะตอมมันถอยหายใจหลายครั้งก่อนจะสูดออกซิเจนเข้าปอดมันไปเฮือกใหญ่และเริ่มตอบคำถามผมที่ละข้อ. . ผมไม่รู้ว่านี้มันจะเป็นการฝืนให้มันพูดในสิ่งที่มันไม่อยากพูดรึเปล่าแต่ผมก็ไม่อาจที่จะบอกห้ามมันได้เพราะอะตอมมันเริ่มที่จะเล่า เรื่องทุกๆอย่าง แล้ว

“กูเป็นลูกครึ่งไทย-เจ็ค ทวดของทวดท่านเป็นคนจีน. . ส่วนที่บ้าน พ่อทำธรุกิจอสังหาริมทรัพย์ ส่วนแม่ทำธุรกิจส่วนตัว พี่ชาย เป็นวิศวะกร ส่วนตัวกูยังเรียนไม่จบ. .เลยยังไม่มีงานอดิเรกทำ ส่วนน้องสาว ก็ กำลังเรียนอยู่มัธยมต้น. . ชีวิตความเป็นอยู่. . .มันขึ้นอยู่กับจังหว่ะ นานๆ ทีถึงจะได้เจอหน้ากัน เพราะแต่ละคนก็ติดงาน จนอาจจะลืมไปว่ายังมีคนในครอบครัวอยู่ก็ได้. . .ถ้าถามว่ามีความสุขดีมั้ย. . เรื่องนี้มันก็ตอบยากนะ จะว่ามีมันก็มี. . แต่มันก็นานมามากแล้ว นานจนลืมไปเลย . . ” จบคำพูดของอะตอมทำเอาผมแทบส่างเมา อาจจะเป็นเพราะความ โง่ของผมเองที่เผลอถามอะไร ที่มันดูจะเกินเลยความเป็นส่วนตัวไป. . .ผมอยากจะโขกหัวตัวเองหลายๆ ครั้งให้กับความบื้อของตัวเอง . . แต่รู้ดีว่าถึงทำไป ก็ไม่สามารถกู้ข้อมู,คำพูดพูดนั้นกลับมาได้อยู่ดี แถมยังเจ็บตัวฟรีอีกต่างหาก. .

“เอ่อ.อะตอมม . .”

“อื่อ”เสียงของมันดูเศร้าซึมลงไปทำเอาผมหงอยตามมันไปด้วย

“ถ้าเมื่อกี้กูถามอะไรแล้วทำให้มึงไม่สบายใจหรือเสียใจกูขอโทษนะเว้ยกูไม่ได้ตั้งใจ แต่ที่ ฟังจากที่มึงเล่ามากูก็ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมครั้งแรกที่กูเจอมึงถึงทำนิ่งหน้าตายได้ขนาดนั้น. .  ”

“ทำไงได้ละ ก็เล่นเกมพูดความจริงกันไม่ใช่หรอ . .. กูกลัวจน ก็เลยตอบบ”ถ้าอย่างมันไส้แรงผมก็คงไม่หลงเหลืออะไรอยู่ในท้องแล้วแหละครับ ดูๆ-จากที่มันเล่ามาแล้ว นี้คือทั้งบ้าน ประกอบธุรกิจเกือบทุกคน. .เรื่องจนคงไม่น่าจะเป็นไปได้เลย หึหึ

“มึงไม่โกรธกูใช่มั้ยอะตอม. . ” ผมพยายามแสะยิ้มหันไปมองมันที่เอาแต่เหม่อมองฝ้าเพดาน . .

“จะโกรธทำไม ละ ดีซะ ที่ได้บอกมึง. . ไม่รู้สิ กูไม่อยากมีความลับอยู่แล้วด้วยไง ก็กะไว้ว่าสักวันก็คงจะเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง นี้ก็คงได้โอกาสดีด้วยละมั้ง ปากมันก็เลยไป. . ” เหอะๆ เลยไปตอบทุกคำถามแบบนี้เลยมันก็บังเอิญไปเนอะ มึง เหอะๆ. .

“แล้วนี้มึงไม่อยากถามกูอีกหรอ เหลืออีกตั้งสองข้อแหนะ แถมกูยังถามมึงเลยไปด้วยคำถามนึง. .ไม่อยากามมกลับหน่อยหรอ. ”
“ไม่หล่ะ เรื่องที่กูอยากรู้ก็มีแค่นี้แหละ”

“อ่ะๆ ก็แล้วแต่มึงเลยละกัน ห้าววววว!!!” ผมอ้าปากหาวกว้าง จนแทบจะอมหัวมันได้ คงเพราะเมื่อกี้ เหนื่อยกับการคิดคำถามมากไปหน่อย. . ตอนนี้เลยรู้สึกง่วงๆ ขึ้นมา

“อ้าวง่วงแล้วหรอ นอนเลยสิ.. หรือนอนไม่หลับให้อ่านนิทานให้ฟังก่อนนอนมั้ย. . ”

“เห็นกูเป็นเด็กรึไง . . มึงเองก็รีบลงไปได้แล้ว เออแล้ว ก็ระวังโดนไอเชี้ยวินมันแซวละ. .ขึ้นมานานขนาดนี้ คงโดน ล้อ ว่าทำอะไรกันอยู่แน่ๆ เลย. เชื่อกูสิ”

“อย่าไปสนเรื่องนั้นเลยกูไมแคร์หรอก มึงเองก็รีบนอนเถอะ จะได้เลิกบ่นซักทีกูรำคาณ”

“เออรำคาณก็รีบลงไปซะทีกูขี้เกลียดบ่นละเนี้ย .  .เออตอนมึงจะลงไป กูฝากกดเปิดแอร์ตรงนั้นทีนะ. . ขอบใจมาก” อะตอมมัน

พยักหน้ารับก่อนจะเดินออกไปจากประตูไป. . . .  และเมื่อลมเย็น 22 องศา พัดสาดเข้ามาใส่หน้าผม ก็เล่นเอาตัวผมเองลืมตาไม่อยู่.  . เลยนอนหลับไปพร้อมกับสติอันน้อยนิดของตัวเอง. . .

.  . . . . . . . .

ตกดึกๆ เวลเกือบๆ ตีสอง ผมลืมตาลุกขึ้นมาจากเตียงเพราะรู้สึกปวดฉี่ขึ้นมา เลย ลุกเข้าไปเข้าห้องน้ำแต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อไออะตอม ไหงมานอน อยู่บนเตียงเดียวกับผมได้ . . ผมเดินอ้อมไปเปิดสวิตซ์ไฟให้สว่าง เพื่อจะดูสภาพขอมันชัดๆ และภาพที่ผมเห็นคือ. หมาเรื้อนดีๆ แหละครั หึหึ ถ้าทางจะกินไปเยอะ หน้าตาหูเหอมันดงไปหมดเลย. . นึกแล้วก็แอบขำแต่พอมานึกถึงสาเหตุที่มันกินไปเยอะขนาดนี้ ผมเองก็เริ่มจะเข้าใจ.  จะพูดขอโทษอย่างเดียวก็คงไม่พอ. . แต่จะทำไงได้ละ คำพูดเมื่อล่นวาจาไปแล้ว ก็ไม่อาจที่จะย้อนคืนกลับมาดังเดิมได้. .  ผมยื่นมือไปกดรีโมท ปรับอุณภูมิของแอร์ให้พอดี ก่อนจะปิดไฟและกลับมานอนที่เตียงดังเดิม. .แต่พอผมล้มตัวลงนอนอาการคนเมาก็เริ่มทำงานครับ . .มันขยับตัวไปมาเอาข่ามาเกี่ยวตัวผมไว้แถมแขนก็ยัง ฟาดปากผมอีก จนผมต้องหมุนตัวให้มันนอนแนวขว้างระหว่างเตียง แต่คิดไปคิดมา ผมเองนี้แหละที่จะนอนไม่ได้ . . เลยตัดสินใจทำตัวเป็นเพื่อนที่แสนดี ยอมหยิบผ้าห่มผืนโต กับหมอนนุ่มๆ หนึ่ง ใบ ลงมานอนกับพื้นด้วยความ รันทด. .  .ถถถถ ถ้าไม่ติดที่ว่า เห็นมันเมาอยู่นะ ผมคงถีบมันลงมานอนกองกับพื้นแล้วหึหึ. . . แต่เวลายิ่งดึกอากาศก็ยิ่งหนาว พื้นไม่ที่ ค่อยๆ เย็นขึ้นเรื่อย ทำให้ ผมต้องนอนหมุนตัวซุกไปกับผ้าห่มจนกลายเป็นหนอนดักแด้และพยายามข่มตานอนให้หลับ. .แต่แล้วอยู่ๆก็เกิดเรื่องขึ้น เมื่อ ไอคุณชายที่นอนสบายอยู่บนเตียง ไม่รู้ว่า มัน นอนอิท่าไหน ถึงหล่นมาทับผมดัง ตุ้บบ!! ดอกนี้ทำเอาผมจุกจนพูดต่อไม่ออกเพราะรู้สึกเจ็บไปหมด แต่โชคดีของผมหน่อยที่มีผ้าห่มคลุมตัวอยู่..  ไม่งั้นผมคงจุกหนักไปมากกว่านี้. .  และด้วยตอนนี้สายตาของผมที่เริ่มชินกับความมืดเลยทำให้ผม สามารถมองเห็น อะไรต่อมิอะไรแม้จะไม่ได้เปิดไฟก็ตาม . .ผมเห็นอะตอมมันสะลึมสะลือลืมตา. . .ขึ้นมามองหน้าผม  ผมไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าในตอนนี้สายตาของมันกำลังพยายามบอกอะไรผมอยู่กันแน่. . . .แตะแล้วเหตุการณ์ที่ผมไม่คาดคิดมันก็เกิดขึ้นเมื่ออะตอมมันพยายามคลานขึ้นมาบนตัวผมจนตอนนี้ มันกำลังคล่อมตัวของผมอยู่. .แล้วจู่ๆ มันก็ก้ม หน้าของ มันเขามาใก้ลกับผมๆ พยายามขัดขืนและพยายามผละตัวมันให้ออกห่างแต่สภาพของผมในตอนนี้ไม่สามารถ ทำได้อย่างที่ใจคิดเลย ผมพยายามเรียกเพื่อเรียกให้มันได้สติ. . และจังหว่ะที่ผมกำลังจะอ้าปากตะโกนนั้นเอง อะตอมมันก็เลื่อนปากของมัน มาประทับกับปากของผม. . ด้วยความตกใจทำให้ผมมีแรงพอที่จะดิ้นตัวให้หลุดออกมาจากมันได้.   . . ผมลุกขึ้นยื่นคุมสติมองหน้ามันที่กำลัง นอนหงายหน้า ขึ้นมา. . แต่สายตามันกลับปิด. . ผมไม่รู้ว้าเหตุการณ์เมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้น และมันเกิดขึ้นได้ยังไง อาจเป็นเพราะ อาการเมาของมันเลย ทำให้ มันควบคุมสติไม่ได้ หรืออาจเป็น มันกำลังละเมอนึกหน้าผมเป็นหน้าของคนอื่นเลยทำให้มันเป็นแบบนี้  ปกติเรื่องแบบนี้ สำหรับ ผมกับไอวิน ถือเป็นเรื่องธรรมดามาก แต่พอมาเป็นอะตอมผมกับรู้สึกไปอีกอย่าง. . .


ด้วยความระแวงว่ากลัวมันจะละเมอตื่นขึ้นมาทำอะไรผมแกผมเลยหยิบผ้าห่มลงมานอนข้างล่างกับไอวิน ที่กำลังนอนสลบเหมือดอยู่ที่โซฟา. .  ผมแทรกตัวเข้าไปนอนข้างๆ ไอวิน ๆก็ดูเหมือนจะยังไม่ได้หลับ มันยังอ้าแขน ออก บอกให้ผมเขยิบไปนอนใกล้ๆ .  . มันไม่ได้เอ่ยปากถามผมว่า เป็นถึงลงมานอนข้างล่าง แต่มันกลับดึงตัวผมเข้าไปกอด. . มันคงต้องการที่พักใจดีๆ และผมเองก็เข้าใจมันว่าตอนนี้ มันก็คงรู้สึกไม่ดีอยู่เหมือนกัน  กอดนี้ อาจไม่ใช่เรื่องที่คนอื่นๆ จะเข้าใจแต่สำหรับผมแล้ว กอดนี้ เป็นเพียงความห่วงใยเล็กๆและความหวังดี. . ที่เพื่อนคนนึง จะมีให้เพื่อนอีกคนนึงก็เท่านั้นเอง. .


.  . . . .  .  .. .


ตอนเช้าผมตื่นมาเพราะฝ่ามือของไอวิน ที่ฝาดลงที่กระบาลผม อยู่หลายที เหตุเกิดเพราะ เรียกแล้วผมไม่ยอมตื่นมันก็เลยต้องลงไม้ลงมือ. . .  แถมมันยังไล่บอกผมให้ไปอาบน้ำแต่งตัวไป ม.พร้อมกับมัน แต่. . .ถ้ามองอะไรให้ดีๆ มันเองก็ยังไม่ได้อาบน้ำเหมือนกัน ยังมีหน้ามาว่าผมอีก ผมเลย เสยกระบาลมันไปหนึ่งที ก่อนจะรีบวิ่งขึ้นห้องไป. . .ระหว่างทางผมเอาแต่คิดว่าควรทำตัวยังไงดี ควรจะเอ่ยปากโวยวายตอนเปิดประตูเข้าไป หรือ ควรจะทำตัวเป็นปกติดี และแล้วสมองก็สั่งการให้ผม ทำตัว ให้เป็นปกติ. .ผมเดินไปแง้มประตูดูว่ามันตื่นรึยัง . . แต่จังหว่ะนั้นก็เป็นจังหวะที่ประตูถูกเปิดออก. .  ทำเอาผมแทบจะพุ่งไปชนไอคนที่อยู่หลังประตู. .มันยืนงงมองผมด้วยสายตาชวนสงสัย. . .ผมพยายามสบตากับมันให้ชัดๆ. . . ว่า สายตาของมันยังเหมือนเมื่อคืนอยู่รึเปล่า.. . ผมพยายามเพ่งเล็งมองมันอยู่อย่างนั้นนานจนมัน ต้องดีดนิ้วเรียกสติผม  . .

“เป็อะไรเจ เมาค้างหรอ ?” เรื่องเมาหน่ะไม่ แต่อารมณ์หนะไม่แน่

“หือ. . เอ่ออ . . ป่าวนิ่. . แล้วๆ นี้จะไปไหนอะ จะกลับแล้วหรอ ”

“อืม ก็ว่าจะกลับแล้ว. . ”

“อ่องั้นลงไปนั่งรอข้างล่างก่อนนะ เดี๋ยวกูชงอะไรให้กินก่อนกลับ. .” อะตอมยอมพยักหน้ารับโดยว่าง่าย

“เออ.  เจว่าแต่เมื่อคืน กูลงไปนอนข้างล่างได้ยังไงวะ. . ”ดูท่าเหมือนว่าอะตอมมันจะจำเรื่องเมื่อคืนไม่ได้สินะ ผมเลยลองแกล้งๆ ถาม ดูเชิงมันไป.

“ก็เมื่อวาน. .มึงนอนละเมอแล้วก็หล่น มานอนข้างล่างเองจำไม่ได้หรอ. . ”

“อ๋อ. . . งั้นก็แล้วไป. . ”

“ถามทำไมวะ . .หรือเมื่อคืนกูไปอยู่ในความฝันมึงด้วยรึไง”สีหน้าของมันดูเปลี่ยนไป ทันทีที่ผมพูด. . เรื่องเมื่อคืน. .

“ห้ะ .. ป.ปป่าวๆหรอก ก็แค่ ฝันอะไรเรื่อยเปื่อย งั้นเดี๋ยวลงไปรอข้างล่างก่อนนะรีบตามมาละ ”

. .   . ผมพยักหน้ารับ ก่อนจะเดิน มาล้มตัวนอนที่เตียง . . . คิดเรื่องที่ตัวเองพึ่งจะทำลงไป. . ผมทำถูกแล้วหรอ ที่ไม่โวยวาย ผมทำถูกแล้วหรอ ที่ไม่ได้ต่อว่า มัน . . ผมทำถูกแล้วหรอ ที่ทำหน้า เหมือนว่าตัวเองไม่รู้เรื่องอะไร ผมทำถูกจริงๆ แล้วใช่มั้ย. . แต่แล้วความคิดบางอย่างก็เข้ามาแทนที่ ความวุ่นวายใยหัวผม. . .คำว่าเพื่อน มันมีค่าสำหรับผมมาก และการที่ผมมีมันเป็นเพื่อนก็นับว่าเป็นเรื่องดี อะตอมมันเป็นที่ดีในระดับนึง. .  มันน่าไว้ใจ มันเทคแคร์ดี ไม่ต่างจากไอวิน ไอติน หรือกายเลย. . และถ้าหากเมื่อกี้ผมเอาอารมณ์โกรธ มาครอบงำตัวเองละก็  ไม่รู้ป่านนี้ ระหว่างผมกับมัน ยังจะเหมือมเดิม
อยู่มั้ย ?

แต่สุดท้าย. .  ผมก็ตัดสินใจที่จะทำเป็นไม่รู้เรื่องและปล่อยเรื่องนี้มันผ่านไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแทน. . .
เพราะคำ ว่าเพื่อน . . ..ทำให้ ผมเป็นผมได้ ในวันนี้. . และผมก็จะคงเชื่อในความคิดนี้ตลอดไป. .

TBC. . . . . . . . . . . .   

{คิมอูฮยอน#}

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ thitema3

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2

Falling In Love
หลุมพรางหัวใจของนายหน้านิ่ง


Chapter30:  คำถาม ในใจ

ช่วงสายของวัน ผม เดินกลับขึ้นมา บนห้องอีกครั้ง. . อาจเป็นเพราะผมรู้สึกเพลียๆ จากอาการเมา ค้างเมื่อคืนหรือเป็นเพราะเรื่อง ต่างๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนก็ไม่รู้ที่ทำ เอาผม คิดมาก นอนกุมขมับ อยู่แบบนี้ ผม นอน เฝ้าถามตัวเอง คุยกับเพดานอยู่นาน สองนาน

ครืดดดด!!!! เสียงอะไรสั่นๆอยู่ที่หัวเตียงผมๆ ละสายตาที่เอาแต่นอนมองจ้องเพดานอยู่นาน แล้วหันไปหยิบโทรศัพท์ที่กำลังแพดเสียงสั่น มารับสาย. .  ‘Sky’

“ฮัลโหล ทำไมวันนี้ตื่นเช้า จัง น่าตกใจ จริงๆ” เสียงของกาย ที่ถามผมพร้อมกับเสียงขำเบาๆ ลอดผ่านสายมา ทำเอาผมที่ อารมณ์ บ่จอย ก็เริ่มๆ รู้สึก ดีขึ้น ถึงแม้มันจะไม่ใช่คำหวานแหวว แบบที่คู่ไหนๆ พูด กัน แต่สำหรับผม กับกายแล้ว มันเป็นเรื่องแปลกจริงๆ

“กูควรตกใจมากกว่าป่ะ. . . อะไรดลใจให้มึงตื่นเช้าเนี้ย. . .”

“ก็เป็นห่วง เมื่อคืนเห็นว่าเมาด้วยนิ่ เป็น อะไรมากรึเปล่า ?” ผมแอบยิ้มตาม ประโยคท้ายๆของมัน

“ไม่รู้วะจำอะไรไม่ค่อยได้ แต่ ไม่เป็นอะไรมากหรอก นอนพักสักแปป เดี๋ยวก็หาย”

“ป่าวๆ กูถามถึงไอวินต่างหากมันเป็นไง บ้าง  โดนมึง ข่มขืนรึเปล่า ?? ฮ่าๆ”

“เออกูทำมันเองแหละ พอใจรึยัง ครวย ถ้าเป็นห่วงมันนักทำไมไม่โทรไปถามมันละ มาถามกูทำไม ห่า”

“โอ๋ๆ แค่หยอกเล่นๆ หน่ะ ฮ่าๆ โกรธ หรอ หืมม”

“ป่าวโกรธ แล้วนี้มึงไม่รีบไปเรียนหรอ กูเห็นไอวิน มันออกไปละนะ”

“ยังอะ ขี้เกลียด พึ่งอ่านหนังสือจบเมื่อกี้เอง ไว้ค่อยไปช่วงบ่าย ว่าแต่มึงเถอะ.ไม่มีเรียนรึไง ”

“ขี้เกลียด เหมือนกัน กะว่ารอให้สายๆ ค่อยออกไป”

“เหอะๆ ไปสายระวัง เอฟ แดกนะ ขอเตือนน...”

“พอดีกูไม่วอรี่เรื่องเกรดอะครับ คุณสกาย เรื่องแค่นี้จิ๊บๆ”

..”ว่าแต่มึงเถอะ ไม่มีเรียนเช้ารึไง เดี๋ยวไอเชี่ยวิน ก็สอย ทั้งเกรดทั้งคะแนนไปแดกหรอก”

“ปล่อยให้มันได้บ้างเหอะ โดนหักจนแทบไม่เหลืออยู่แล้ว อีกอย่างที่มันรีบไป เพราะมันต้องรีบไปประจบ อาจารย์คนที่ให้คะแนน มันด้วยไง”

“ก็ว่าอยู่ทำไมมันถึงขยันแปลกๆ หึหึ” การที่ไอวินมันเกิดกระตือรือร้นเอาการเอางานขึ้นมาวันใด วันนั้น คงเป็นวันที่แปลกสำหรับพวกผมมากๆ เลยละครับ

หลังจากคุยกับกายได้อีกสักพักผมก็ขอตัววางสายเพราะต้องรีบ ลงไปทำลายหลักฐาน ก่อนที่ พี่อินจะกลับมาเห็น.  ผมบรรเลงตั้งแต่เก็บขวดเหล้ายันเช็ดอ้วกที่ไอ วินมัน ฝากรอยทิ้งไว้ (แอบหยีไปตามๆ กัน)

“อ้าวพี่เจ วันนี้ไม่ไปมอหรอค่ะ”

“พี่ต้องรีบทำลายหลักฐานก่อนที่คุณนายของบ้านจะเข้ามาเห็นนะสิ . . .ว่าแต่ ทำไมสายป่านนี้แล้วเอิร์นยังอยู่นี้อีกละ ไม่รีบเข้าเรียนหรอ..”

“อ้อวันนี้พวกคณะอาจารย์เขาประชุมกันช่วงเช้าอะคะ ไม่มีเรียนเอิร์นเลยเขาสายได้”

“อ้องั้นก็แล้วไป ไหนๆ ก็มาแล้วช่วยพี่เก็บตรงนี้อีกหน่อยสิ เดี๋ยวพี่ว่าจะออกไปข้างนอกหาซื้ออะไรกินซะหน่อย เพราะกว่าพี่อินจะกลับมาก็คงช่วงสาย ”

“เอิร์นไม่ได้กินกับพี่เจด้วยซธหน่อยทำไมเอิร์นจะต้อง....”จังหว่ะนี้ผมรีบพูดสวนขึ้นมา

“งั้นเดี๋ยวคราวหน้าถ้าเอิร์นมีปัญหาอะไรพี่ไม่ช่วยด้วยแล้วนะ เอาไว้เดี๋ยวพี่กลับมาทำเองก็ได้นะ..”แล้วก็เป็นไปตามที่ผมคาดไว้ครับแผนนี้ ขู่ยัยเอิร์นได้สำเร็จ

“ก..ก็ได้ค่ะ แต่แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวแล้วห้ามมาทวงบุญคุณที่หลังนะ...สัญญาสิ” ยัยเอิร์นทำหน้ายู่ ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ ผม

“จ้ะๆ พี่สัญญา แล้วสรุปจะกินอะไรไหม พี่ไปรอบเดียวนะ..”

“งั้นเอาหูฉลามแล้วก็..”

“พอๆ เลย แหม่ แต่ละอย่างที่สั่งมาช่วยเกรงใจคุณเงินในกระเป๋าพี่ด้วยนะครับน้องสาว”

“ฮ่าๆ เอิร์นก็แค่ล้อเล่นหน่ะคะ พี่เจเอาอะไรเอิร์นก็เอาแบบนั้นแหละค่ะ”

“โอเค ๆ งั้นก็รีบทำซะละ พี่กลับมางานต้องเนี้ยบนะ”

“รับแซ่บบ ค่า!!”

. .  . ..  . . .. .  .

ระยะทางจากร้านของผมไปตลาดไม่ค่อยไกลกันนักผมเลยเลือกที่จะช่วยโลกด้วย การใช้แรงเท้าแทนที่จะใช้พวกเครื่องกลแทนน. . ระหว่างทางที่เดินมา ช่วงเช้าๆ ผมก็เจอแต่สารพัดควัน ไม่ว่าจะเป็นควันรถเอย ควันปิ้งย่างเอย หรือแม้แต่ ควันจากการเผาฝืนไฟ(ตามข้างทางก็มีให้เห็นอยู่บ่อยๆ)ก็มีหมด .  ..  ผมเดินออกมาไม่ไกลนักก็เจอเข้ากับร้านโจ๊ก ร้านนึง ซึ่งร้านนี้ ผมไม่รู้ว่ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ ปกติ ขับรถผ่านก็ไม่เคยเห็นซักที... หรือบางทีเขาอาจจะพึ่งเปิดเมื่อวันสองวันนี้ก็ได้. .ผมเลยลองเดินเข้าไปสำรวจด้านในร้าน ลูกค้าส่วนมากจะเป็นพวกนักเรียนคนเฒ่าคนแก่ ปะปนกันไป จนเกือบจะเต็มร้าน ผมพยายามเดินแทรกน้องนักเรียนผู้หญิงคนนึงที่เธอจ้องตาผมเข้มง (ประเด็นมันอยู่ที่ว่าทางเดินมันไม่มีแล้วผมเลยต้องเดินแทรกข้างหน้าน้องเข้าแล้วอ้อมไปต่อคิว แต่เหมือนน้องแกคงจะเข้าใจคนละอย่างกับผม หึหึ)
รอไม่นาน ตอนนี้ก็ถึงคิวผม ผมไม่รอช้ารีบสั่งๆให้เสร็จจะได้รีบกลับ เพราะขืน นานกว่านี้ได้โดนแดดเลียผิวแน่ๆ

”เอาโจ๊กหมูพิเศษ 2 ครับ เอาใส่ไข่หนึ่งอีกถุง ไม่ใส่ผักครับ”

“เอ่อขอโทดนะคะ คือ ตอนนี้ได้อีกแค่ถุงเดียวนะคะ” อะอ้าวอาจเป็นเพราะคิวที่ยาวไปเลยทำให้ของหมดเร็วขนาดนี้ ผมทำท่าลังเลว่าจะเอาดีมั้ย แต่ด้วยความที่กลัวเสียดายคิวเลย สั่งไปถุงเดียวเท่าที่มี..แต่แล้วอยู่ๆ เสียงของคุณตาคนที่ยืนอยู่ข้างหลังผมก็พูดขึ้นมา

“อ้าวหมดซะแล้ว ไว้มากินกันวันหลังก็ได้ นะยัยหนู”

“ค่ะคุณตา”เสียงของคุณตาเวลาที่พูดกับเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ดวงตาที่มีน้ำใสๆคลออยู่ทั้งสองข้างของเด็กผู้หญิงคนนั้นทำเอาผมรู้สึกแย่ไปตามๆ กัน

“งั้นไปกินอย่างอื่นกันก็ได้นะ เดี๋ยว ตา...”และก่อนที่คุณตาจะพาเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนั้นเดินออกจากร้านไปผมก็รีบตะโกนเรียกให้แกหันมาก่อน

. . . . . . . . .

ออฟไลน์ thitema3

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
“คุณตาครับ”

“มีอะไรรึเปล่าไอหนุ่ม. . ”ถึงตอนนี้เวลาที่ผมจ้องตาลุงแกมันเหมือนมี คลื่นรังสีอะไรสักอย่างที่ทำให้ผมรู้สึกสั่นๆไปทั้งตัว ทั้งสีหน้าและแววตาของ มันทำให้ผมรู้สึกเกรงกลัวอย่างบอกไม่ถูก..ทั้งๆที่ผมกับตาก็ไม่ได้รู้จักกันแต่ทำไมออร่าของลุงแกถึงได้น่าเกรงขามขนาดนี้ก็ไม่รู้

“เอ่อ คือ คุณตา..”

“ลุงเรียกลุงพอ”. . . คงจะเข้มเรื่องอายุสินะ - -*

“อะลุงครับ คือลุงพาหลายมาซื้อโจ๊กหรอครับ”

“เอ้าเอ็งนี้ก็ถามแปลก ข้ามาร้านโจ๊กเอ็งจะให้ข้าสั่งราดหน้ารึไง เอ๋อ แปลกคนจริงๆหนุ่มๆ สมัยนี้”เหอะๆ ถ้าผมสวน คนแก่มันจะบาปมากมั้ยครับเนี้ย คำพูดคำจาวอนจริงๆ นะตา เอ้ยยยลุงง

“อะนี้ครับ”

“อะไร”

“เอ้าก็โจ๊กไงครับ ลุงมองไม่เห็นหรอ รึสายตาลุงไม่ดีรึไงกัน เอ๊ คนแก่สมัยนี้”ผมเล่นมุขเดียวกันสวนลุงแกแบบไม่ทันได้ตั้งตัว และเหมือนกับว่าปากผมมันสั่งให้พูดไปเองโดนที่ตัวผมไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลย

“อ้าวพูดงี้ก็สวยซิไอหนุ่ม”

“หล่อครับหล่อ”

“จะหล่อหรือจะสวยก็ชั่งเอ็งเถอะ นี้มันของๆเอ็งๆจะเอามาให้ข้าทำไมกัน”

“ป่าวครับ ผมไม่ได้ให้ลุง แต่ผม...ให้น้องผู้หญิงคนนั้น” คุณลุงแกมองหน้าผมสลับกับมองน้องผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ยืนเกาะขาของคุณลุงแกอยู่ด้านหลัง ด้วยท่าทีที่แปลกไปจากที่เดิม

“อะคนสวยพี่ให้ ” เด็กผู้หญิงตัวเล็กเงยหน้ามองคุณลุงเหมือนถามความเห็นว่าควรทำยังไง คุณลุงแกก็เหมือนจะรู้แก๊ก เลยส่งสายตาบอกให้เด็กเดินออกมารับของจากผม

“ขอบคุณค่ะ พี่”ต้องยอมรับว่าการที่เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ พูดคำว่าขอบคุณพร้อมกับ ย่อลงไหว้ผมแบบช้าๆเนี้ย ในปัจจุบันหาได้ยากๆมากๆ ครับ ยิ่งมองแล้วยิ่งรู้สึกเอ็นดู..

และไม่นานนัก เด็กผู้หญิงคนนั้นก็เดินข้ามถนนพร้อมกับ พี่ๆตำรวจจราจรเข้ารั้วโรงเรียนไป โดยที่คุณตาเอ้ยคุณลุงแกก็ยังยืนจ้องหน้าผมเหมือนแปลกใจอะไรซักอย่าง

“อะไรครับลุง นอยที่ผมไม่ได้ให้ลุงอีกคนหรอ..”

“เอ็งรู้จักเด็กคนนั้นรึได้ยังไง..”

“อ่อไม่รู้จักหรอกครับ”

“แล้วทำไมเอ็งถึงโจ๊กให้เด็กคนนั้นไปละ..”

“อืม..จะพูดว่าไงดีละ ผมก็แค่รู้สึกถูกชะตาแล้วก็เอ็นดูน้องเขาก็เท่านั้นเอง”

“เอ็งจะอวดรวยรึไงกัน..”

“ทำไมลุงถึงคิดแบบนั้นละครับ... ”

“แล้วทำไมอยู่ๆ เอ็งถึง.....”

“ให้ผมเดาลุงคงจะถามผมว่าทำไมอยู่ๆ ผมถึงให้โจ๊กกับเด็กผู้หญิงคนนั้นใช่มั้ยละครับ.. ” ลุงแกไม่พูดแต่ทำหน้านิ่งๆ มองผมแทน

“ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมผมถึงให้ ..ผมรู้แค่ว่าผมทนเห็นน้ำตาของเด็กคนนั้นไม่ได้ก็เท่านั้นเอง..อีกอย่าง ผมก็โต พอที่จะอดอาหารแค่มื้อเดียวได้แล้ว ต่างจากน้องเขา ที่ตัวเล็กนิดเดียว ขืนอดไปได้เหลือแต่กระดูกแน่..”

“หายากนะ คนอย่างเอ็ง” ไม่รู้ว่าลุงแกพึมพำหรือกำลังแอบชมผมกันแน่เพราะแกหันหน้าไปมองเด็กผู้หญิงคนนั้นที่ยืนโบกมือ อยู่ภายในรั้วโรงเรียน

“หล่อๆ แบบผมก็งี้แหละครับ หายากเป็นธรรมดา”

“หึหึๆไอเด็กหลงตัวเอง..”

“ถ้าไม่มีอะไรงั้นผมไปก่อนนะครับ คุณตา...”ทันทีที่ผมพูดจบผมรีบสปีดฝีเท้า วิ่งหนีออกมาจากบริเวณนั้นทันที แต่เหมือนจะแอบได้ยินเสียงแว่วๆ ลอยตามลมมา

“ไอเด็กเวนนน!!” นั้นแหละครับที่ลอยตามลมมา คิคิ

ผมกลับมาถึงร้านมือเปล่า... แถมยังโดนยัยเอิร์นยืนบ่นจนหูชาว่าออกไปซะนาน แต่ก่ไม่ได้อะไรกลับมาให้กิน นางคงจะโมโหหิวผมเลยยื่นแบงค์ ห้าร้อยไป คราวนี้เงียบกริ๊บเลยครับ รีบเดินมาหอมแก้มผมก่อนจะรีบเดินออกไปจากร้าน หึหึ เด็กสาวสมัยนี้เข้าใจยากจริงๆ หึหึ

ผมเดินวนเช็คบริเวณโดยรอบ ก็ถือว่าสะอาด ดีครับ ถึงจะแอบมีอะไรกระจัดกระจายไปบ้างแต่ก็ถือว่าผลงานออกมาโอเค เหลือก็แต่จานชามนี้ละที่ผมยังไม่ได้ล้าง . . .  เฮ้อผมละไม่ชอบจริงๆ ไอการล้างจานเนี้ย...และทันใดนั้นเสียงสั่นๆ ก็ดังขึ้นมาในกางเกงของผม “หมาวิน”

“เออ”

“โหล่วๆ ตื่นรึยัง มึง” มาแปลกแหะวันนี้

“คุยกับมึงได้คิดว่ากูตื่นรึยังละ”

“แหมปากคอเราะร้าย ”

“เข้าเรื่องซักทีห่า กูไม่ว่างจะล้างจาน”

“ก็ไม่มีอะไรมากจะถามว่าวันนี้เอาไง ต่ออีกสักยกมั้ย..”เดี๋ยวๆ นะผมได้ข่าวว่าเมื่อวานหมาที่ไหนมันพึ่งงจะอกหักไปแต่ไหง กลับมาดี้ด้าได้เร็วนักละ..

“หายดีแล้วหรออาการมึงหน่ะ”

“นี้กูใครครับบ”อ้าวมึงยังไม่รู้ตัวมึงเลยแล้วกูจะรู้กับมึงด้วยมั้ยเนี้ยไอนี้ถ้าจะบ้า กร้ากก..แต่ขืนพูดไปรับรองมันได้ตามมาหลอกหลอนผมถึงที่ร้านแน่ครับ

“เออๆ ไม่เป็นอะไรมากก็ดีแล้ว แต่วันนี้กูคงขอผ่านวะ  ”

“กระจอกครับน้องกินเท่าแมวดม ร้องเมาหุหุๆ”

“จ้าๆ พ่อคนเก่ง จะมาก็ ช่วยก็เก็บซากอะไรด้วยละกัน  คราวนี้ก็จะเหลือไว้ให้มึงทำด้วยคอยดู”

“เอองั้นสรุปไปร้านมึงนะเออว่าแต่ไอตี๋หน้าหล่อเมื่อวานมันเพื่อนมึงใช่ป่ะ” คงหมายถึงอะตอมสินะ

“อืมใช่ทำไมหรอ”

“ป่าวมันเรียนอยู่คณะไหนวะ ทำไมกูถึงไม่เคนเห็นหน้า”

“ไม่แน่ใจวะ ..แต่คับคล้ายคับคลา ว่าวิศวะ คอมวะ.. น่าจะใช่มั้ง..ว่าแต่มึงมีธุระอะไรกับมันละ”

“ป่าวหรอกกุว่าจะชวนมันไปร่วมวงด้วย” มันจะชวนอะตอมมาด้วยงั้นหรอ..ผมไม่ได้รังเกรียจหรืออะไรถ้าอะตอมจะมาแต่..ผมแค่มรู้ว่าควรจะทำสีหน้ายังไงเวลาเจอมันกันแน่..เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นเมื่อวาน..ก็เริ่มทำเอาผมรู้สึก ไม่กล้ามองหน้ามันยังไงไม่รู้ .. อาจเป็นเพราะผมไม่รู้ว่าจะแสดงสีหน้ายังไงเวลาเจอมันก็เป็นได้

“อือๆ แล้วแต่มึงเถอะ...ไม่มีอะไรแล้วกูวางนะ จะรีบล้างจานเดี๋ยวคุณนายกลับมาบ่นกู”

“เอองั้นไว้เย็นๆเจอกันมึง..” หลังจากวางสายจากไอวินผมก็บรรเลงเพลง ยืนล้างจากอยู่พักนึง..พอเงยหน้ามาดูอีกทีก็กินเวลาไปเกือบชั่วโมงแล้ว(ที่ล้างจานหรือยืนหลับฟร้ะเนี้ย  - -*)ระหว่างนั้นเสียงออดหน้าร้านก็ดั่งขึ้น ผมรีบเช็ดมือกับเสื้อของตัวเอง ก่อนจะวิ่งตรงไปที่หน้าร้านเพื่อดูว่าใครมา

“มีใครอยู่...อะอ้าวเจ” เสียงทักทายจากผู้ชายที่แสนจะอบอุ่นอย่างพี่ริวได้ยินเมื่อไหร่ ผมก็มักจะยิ้มตามทุกที

“พี่ริว.”

“สายขนาดนี้ทำไมยังไม่ไปเรียนอีก แอบอู้หรอ หืมม”เสียงดุที่แอบแฝงไปด้วยความห่วงใยนั้นไม่ได้ทำให้ผมหยุดยิ้มในตอนนี้ได้เลย

“เข้ามาในร้านก่อนครับ อยากกินอะไรมั้ยเดี๋ยวผมชงให้ดื่ม..”

“รีบเปลี่ยนเรื่องเลยนะ หึหึ ระวังเถอะเดี๋ยวพี่จะฟ้องพี่อิน..”

“ถถถถ เดี๋ยวนี้พี่ริวหัดเป็นพวกช่างฟ้องเหมือนยัยเอิร์นแล้วหรอครับเนี้ย 555”

“พี่ก็หยอกเล่นไปงั้นแหละน่ายังไม่ชินอีกหรอ...ว่าแต่นี้เจอยู่ร้านคนเดียวหรอ”

“ครับ พี่อินไปธุระตั้งเมื่อเมื่อวาน ยังไม่กลับมาเลย ส่วนยัยเอิร์นพึ่งออกไปเมื่อกี้นี้เอง”ตั้งแต่ได้เงิน ห้าร้อยของผมไป ก็รีบเดินตัวปลิวหนีไปแล้วละครับ T-T

“ว่าอยู่ทำไมดูเงียบๆ”

“แล้วสรุปพี่มีธุระอะไรรึเปล่าครับ”

“นั้นสินะ คุยเพลินเลย คือพี่จะมาตามพี่อินให้ไปหาอาม่าหน่อย นึกว่าจะอยู่” คงจะนัดกันไปนั่งเม้าส์มอยอยู่ที่ร้านกันสองคนสินะ สองสาว หึหึๆ

“อ่องั้นให้ผมโทรตามให้เอามั้ย”

“ไม่เป็นไรครับ เผื่อพี่อินเขาจะมีธุระอยู่อย่ากวนเลยเอาไว้เขากลับมาก่อนดีกว่า แล้วพี่ค่อยมาอีกที”

“งั้นถ้าพี่อินกลับมาแล้วเดี๋ยวผมโทรไปบอกนะครับ” พี่ริว ยิ้มรับก่อนจะเดินข้ามถนนกลับร้านไป... ผมเองก็พึ่งจะมาแปลกใจว่าช่วงหลังๆนี้ไม่ค่อยได้เจอหน้าพี่ริวแกเลยทั้งๆ ที่ผมกับพี่แกก็อยู่คณะเดียวกันแท้ๆ สงสัยพี่แกคงจะวุ่นอยู่กับเรื่องทำโปรเจคอยู่แน่ๆเลย อีกไม่กี่เดือนก็จบแล้ว คงจะวุ่นเป็นธรรมดา.และก่อนที่ผมจะยืนคิดอะไรไปนานกว่านี้เสียงนาฬิกาปลุกก็ดังขึ้น (ผมไม่ได้ตั้งให้ปลุกนะแต่ตั้งเพื่อเตือนเวลาที่ต้องรีบขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวไปมอต่างหาก)

แต่กว่าจะอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็กินเวลาผมไปเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว ผมรีบ เดินไปโบกเรียกแท็กซี่..อยู่แปปนึง พอถึงมอก็รีบวิ่งเดินเข้าตึกคณะเพื่อรีบเตรียมตัวเข้าเรียนให้ทันในคาบบ่าย....
“เจ ๆ !”ระหว่างที่ผมกำลังนอนฟุบอยู่ที่โต๊ะในห้องก็มีเสียงของใครคนนึงกำลังเรียกชื่อของผมอยู่ ผมสะลึมสะลือ ลืมตาขึ้นมามองก็เห็นผู้ชายคนนึงแต่รู้สึกไม่คุ้นหน้ายังไงไม่รู้แหะ. . แปลกจัง..แต่ทำไมมันถึงรู้ชื่อของผมละ

“เรียกเราหรอ..”

“อื้อๆ เราชื่อคิงนะ” คิงไหนวะ ผม ขมวดคิ้วแถมจะเอามาผูกรวมกันได้อยู่แล้ว แต่พยายามนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก .. แต่จะให้ตอบแบบที่คิดไปมันก็ไม่ได้ซะด้วยสิ.

“อ่อ เออ คิง ว่าไง มีอะไรรึเปล่า...”

“ก็เปล่าหรอก ก็แค่..อยากลองทักสักครั้งดู..” คำพูดเหมือนกับว่า ไม่เคยคุยกันอย่างนั้นแหละ เพราะถ้าหากเป็นเพื่อนๆ ในคณะต่อให้ผมไม่สนิท มันก็ต้องมีคุ้นๆ หน้ากันบ้างแต่คิงนี้ คือ ผมจำไม่ได้เลยว่าเคยมีเพื่อนชื่อนี้ด้วย

“แล้ว เรียนคณะไหนอะ ..”เพราะถ้าหากเป็นคณะอื่นผมอาจจะพูดอะไรออกไปตรงๆได้

“คณะนี้แหละ”ชิบหายแล้วสิ...กูนึกหน้าไม่ออก อีกอย่างถามไปแบบนั้นด้วย มันจะคิด ยังไงกับคำพูดของผมวะนั้น...และก่อนที่มจะปล่อยให้มันคิดอะไรไปไกลผมก็รีบหาเหตุผลร้อยแปด มาพูดกับมัน

“เอ้ย เอ่อ คิงโทดนะเว้ย คือ ช่วงนี้เราทำงานเยอะไปหน่อยหว่ะหลงๆ ลืม ๆ ไม่โกรธกันนะ..”แม้คำพูดและท่าทางของผมจะออกไปทาง(ตอแหลอย่างเห็นได้ชัด)แต่แปลกที่ใช่ได้ผลเกินคาด

“อืมๆ ไม่เป็นอะไรหรอก เราชินแล้ว..” ชิน.... มันคงโดนลืมแบบนี้บ่อยสินะ

“ว่าแต่ นั่งตรงไหนอะ ทำไม ถึงไม่เคยเห็นหน้าเลย”

“ข้างหลังเจนี้ไง ” แล้วนั้น็เป็นคำตอบที่ต้องชวนให้ผมใช้สมองคิดย้อนกลับไปอีกที..ข้างหลังหรอ ..เอ..ถ้าข้างหลังก็คุ้นๆ อยู่คนนึง ที่ชอบนอนฟุบอยู่กับโต๊ะบ่อยๆ รึว่า..

“ที่ชอบใส่ฮูดคลุมหัวแล้วนอนฟุบอยู่กับโต๊ะป่ะ..”

“ใช่ๆ เราดีใจนะที่เจจำเราได้”จำได้ในทางแบบนี้มันยังดีใจออกอีกหรอวะ เป็นผม นะคงเลิกคุยแล้วเดินหนีไปแล้วละ หึหึ

“แหะๆ ก็นะ คลุมหัวขนาดนั้นเราจะไปเห็นหน้าได้ไงละจริงมั้ย ทีหลังก็ ถอดออกบ้างสิจะได้ทำความรู้จักกัน..”

“ได้สิ ต่อไปนี้ เราจะทำแบบที่เจบอกนะ...”คือใบหน้าและการกระทำของมันจำเป็นต้องจริงจังขนาดนั้นมั้ย..หืมม

“เอ่อ..งั้นถ้าไม่มีอะไรแล้วเราไปหาอะไรกินก่อนนะ..”จริงๆผมไม่ได้จะไปหาอะไรกินหรอกครับแต่ อยาก รีบออกไปจากที่นี้มากกว่า.. คงเพราะสายตาของมันที่จ้องมองผม แบบนั้นอยู่แน่ๆ ผมถึงรู้สึกแปลกๆ แบบนี้

.... ผมเดินออกจากห้องมาได้แปปนึง ก็ต้องสะดุ้งเพราะมีเสียงสั่นๆดังอยู่ที่กระเป๋าเสื้อ โอย..จะหว่ะนี้เสียงแมงหวี่ผมก็ตกใจครับ...ใครโทรมาวะ ..หมาวิน

“เออๆ ว่าไงมึง”

“อยู่ไหนแล้ว ถึงมอยัง”

“เออถึงแล้ว มึงละอยู่ไหน กินอะไรรึยัง”

“แหนะๆ จะชวนกุไปเดทละสิ อิหนู”

“เดทห่าอะไรละ มึงว่างป่าวละมา โรงอาหารตึกกุหน่อย มีเรื่องจะเล่าให้ฟัง”

“เรื่องอะไรวะ...”

“เออน่ามาถึงเดี๋ยวมึงก็รู้เอง”

“เออๆ” พอวางสายจากไอวิน ผมก็รีบวิ่งออกมาจากตึกเรียน ที่คณะ เพราะเริ่มรู้สึกเหมือนมีใครตามผมมา ตั้งแต่เดินออกมาจากห้องแล้ว... แต่พอมาถึงโรงอาหารแล้วความรู้สึกนั้นก็หายไป.

ออฟไลน์ thitema3

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
“ไหนๆ ไอเรื่องที่ว่าจะเล่าให้ฟัง” ไอวินมันยื่นหน้ายื่นตาเข้ามาใกล้ผมชนิดที่ว่าขนจมูกแทบจะชนกันอยู่แล้ว

“กูเข้าใจนะว่ามึงอยากรู้แต่มันจำเป็นต้องใกล้ขนาดนั้นป่ะสัด - -*”

“แล้วสรุปมีอะไร”

“กูรู้สึกแปลกๆ วะ”

“แปลกไงวะ มึงแพ้ท้องหรอ..” ป้าปสักที คนกำลังจริงจังดันมาเล่นมุขเชี่ยอะไรตอนนี้ก็ไม่รู้

“คือช่วงนี้กูรู้สึกเหมือนมีคนแอบตามกูวะ..”

“ตามมึง.ฮ่าๆๆๆ ตามคนอย่างมึงเนี้ยนะ ถถถ คิดมากไปรึเปล่ามึง”

“กูไม่ได้คิดมากนะเว้ยแต่ จะพูดยังไงดีวะ...คือ มึงก็รู่ใช่ปะว่าลางสังหรณ์ของกุมักถูกเสมอ” ถึงจุดนี้ไอวินมันหยุดยิ้มและทำหน้าจริงจังขึ้นมาทันที

“จะว่าไปมันก็จริงนะ..เหมือนตอนที่มึงบอกว่ากุอาจจะโดนรถเฉี่ยวแม้งก็เกือบจริงๆ...”ทั้งผมและไอวินต่างทำหน้าเครียดกันอยู่ทั้งคู่เพราะกำลังครุ่นคิดถึงเรื่องที่ กำลังสงสัยในตอนนี้กันอยู่

“มึงแน่ใจจริงๆใช่มั้ยว่ามีคนแอบตามมึง”

“กูก็บอกไม่ถูกวะมันมาๆหายๆแถมเมื่อกี้ ยังมีคนเข้ามาทักกู บอกรู้จักกู แถมยังเรียนอยู่ห้องเดียวกับกูอีกด้วย ..”

“แล้วมันแปลกยังไงวะ เพื่อนในคณะมึงก็รู้จักทุกคนไม่ใช่หรอ”

“ประเด็นมันอยู่ตรงนั้นแหละ..คือกูไม่รู้จักมันไง แต่มันดันรู้จักกูแถมยังนั่งอยู่ข้างหลังกูด้วย …วิน กูรู้สึกไม่ดีเลยวะ”

“เห้ยใจเย็น เจ มันอาจไม่มีอะไรอย่างที่มึงคิดก็ได้อีกอย่างมันก็แค่ความรู้สึก มึงจะเชื่อมั่นเต็มร้อยได้ยังไงว่ามันเป็นเรื่องไม่ดี บางทีนะมันอาจจะเป็นเอฟซีมึงก็ได้ใครจะไปรู้”ที่ไอวินพูดมามันก็มีเหตุผลนะครับอาจจะเป็นแค่ผมคิดมากไปเองหรือเป็นเพราะ ผมกับมันอาจจะรู้จักกันห่างๆก็ได้

“อืมๆ กูจะพยายามไม่คิดอะไรมากละกัน ขอบใจนะเว้ยที่ยอมมานั่งฟังกูบ่นถึงนี้น่ะ”

“เออไม่เป็นไร เรื่องของเพื่อนก็เหมือนเรื่องของกูนั้นแหละ แต่มีเรื่องนึงที่มึงควรช่วยกูเหมือนกัน..”

“เรื่องอะไรวะ..”

“เลี้ยงข้าวกูหน่อย..”แง้วววววว ไอห่าแล้วไอหน้าจริงจังเมื่อกี้มันคืออะไรกัน..แหมไอผมก็อุตส่าห์เตรียมใจรับฟังซะเต็มที่นึกว่าจะเรื่องคอคาดบาดตาย

“แหม่ได้ข่าวบ้านมึงมีตังมากกว่าบ้านกุ อีกวิน..” - -*

“ก็วันนี้รีบมาไงเลยลืมหยิบเป๋าตังมา น่าๆนะๆเลี้ยงกูหน่อยน้าๆเจน้า ปิ้งๆ ” ผมไม่สามารถอาจทนเห็นสายตาอันอุบาตรของมันต่อได้จึงรีบเดินมันพามาหาของกินก่อนที่มันจะ ทำตัวทุเรศไปมากกว่านี้ ...

....แต่แล้วความรู้สึกเมื่อครู่ก็กลับมาอีกครั้งแถมคราวนี้ผมยังรู้สึกว่าใกล้ตัวมากๆด้วย...

“แฮ่!!”

“โถ่..ไอคุณชาย”ที่แท้ความรู้สึกที่เหมือนมีคนแอบตามผมคือไอกายหรอกเหรอเนี้ย วู้ มาไม่ให้ซุ่มใก้เสียงตกใจหมด..

“ทำไมดูตกใจจังไม่ดีใจหรอ...อุตส่าห์มาหานะเนี้ย” ไอดีใจหน่ะมันก็ดีใจอยู่หรอก...แต่ทำไมความรู้สึกนั้นมันยังไม่หายไปอยู่ก็ไม่รู้..ผมพยายามมองรอบทิศทางเพื่อจับพิรุธว่ามีใครแอบตามผมมารึเปล่าอยู่นานสองนานจนกายมันต้องเขย่าตัวเรียกผมถึงเลิกทำ.

“เป็นอะไรกูอยู่นี้ มองไปไหน..รึว่า..”

“ป่าวๆ กูแค่รู้สึกแปลกๆ”

“แปลกหรอ ยังไงละ”…กายมันทำหน้าเครียด แต่มือของมันก็กำลังลูบอยู่ที่ช่วงแก้มของผมเล่นเอาคนในโรงอาหารหันมาสนใจผมกับไอกายแล้วละสิ..

“กาย..นี้โรงอาหาร..”และดูเหมือนกายมันก็พึ่งจะรู้ตัวเลยรีบลดมือลง และ เดินจูงมือพาผมไปนั่งที่โต๊ะแทน...

“ไหนๆ มีเรื่องอะไรลองเล่าให้ฟังสิ..” หลายวันที่ผมไม่ได้เจอกาย มันทำให้ผมรู้สึกโหวงแปลกๆ มัน ทำอะไรมันก็รู้สึกเหมือนขาดๆ และถึงผมจะมีไอวินอยู่ด้วยตลอดก็ตามความรู้สึกนั้นก็ยังคงอยู่.. และตลอดหลายวันที่ผ่านมา กายมันก็คงจะวุ่นอยู่กับการช่วยงานที่บ้าน อยู่แน่ๆ ดูจากใบหน้าที่ซูบลง แถมหนวดเคราก็ยังไม่ยอมโกนอีก หลายคนอาจจะมองว่ากายมันเปลี่ยนลุคใหม่ให้ดูแบดบอยยิ่งขึ้นแต่สำหรับผมแล้ว มันก็คือคนป่วยในร่างของคนปกตินี้เอง.. เฮ้อ.. แล้วถ้าเกิดผมจะเล่าเรื่องที่ผมไม่สบายใจอยู่ตอนนี้ มันจะยิ่งไปทำให่กายไม่สบายใจขึ้นรึเปล่า.. ผมเลยเลือกที่จะเบี่ยงประเด็นไปที่เรื่องอื่นแทนเรื่องที่กำลังคิดอยู่

“ก็ช่วงนี้พี่อินไม่อยู่บ้าน ไม่มีคนให้ขอตังเลย เครียดหน่ะ ฮ่าๆ”แต่แล้วจู่ๆ กายมันก็ยืนกระเป๋าตังของมันมาให้ผม..

“อะไร..”

“ก็เห็นบอกไม่มีตังใช้เอาของกูไปใช้แก้ขัดก่อนก็ได้ อยู่บ้านไม่ค่อยได้ใช้อะไรอยู่แล้ว” ผมละเบื่อกับความป๋าและความทุมเทของมันจริงๆ แต่มันจะรู้รึเปล่านะว่าสิ่งที่ผมพึ่งพูดไปหน่ะ ผมแค่พูดเล่น

“หึหึ ระวังข้อความแจ้งเงินเกินละมึง..”

“ใช้ไปเหอะวงเงินไม่จำกัด..” ฮึกจุดนี้ผมแทบสำลักน้ำลายตัวเอง..

“โถ่กาย กูแค่โม้มึงเล่น มึงนี้ก็จริงจังตลอดเลยนะ อะเอาคืนไป”กายมันมองผมหน้านิ่งเหมือน กำลังจับผิดอะไรผมอยู่

“สำหรับมึง กูจริงจังเสมอนะเจ..ถ้ามึงไม่พร้อมที่จะบอกกูตอนนี้ก็ไม่เป็นไรนะ ไว้สบายใจแล่วค่อยบอกก็ได้”ทั้งสีหน้าแววตาและคำพูดของกาย ล้วนออกมาจากใจทั้งหมด ..ผมรู้สึกได้ถึงสิ่งที่มันพูดออกมา แต่บางที่ผมเองก็แอบรู้สึกผิดไม่ได้ที่ กายมันเป็นฝ่ายให้อยู่คนเดียวซึ่งผมเอง แทบจะไม่เคยทำอะไรดีๆให้มันบ้างเลย ผมเลยได้แต่ก้มหน้าพรรณณาเรื่องราวต่างๆที่ผ่านมาให้กายฟัง ช่วงเวลาที่มีความสุขรวมถึงช่วงที่เราสองคนทะเลาะกันด้วย

“เออเจ แล้วไอวินละ เห็นมันบ้างป่าววันนี้ ไม่เห็นมันที่คณะเลย..”

“กูพึ่งพามันไปซื้อข้าวเมื่อกี้เองเดี๋ยวมันก็มา”

“อืมๆ” และไม่นานนักสิ่งมีชีวิตที่ตายยากที่สุดก็ปรากฏตัวออกมา จากที่ไหนสักที่ของโรงอาหารนี้ละครับ

“โหลวๆ  ... อ้าวไอกาย มาไงอะมึง” 

“กูเดินผ่านประตูทางเข้ามานู้นน่ะ”จุดๆนี้ผมกลั้นขำไม่ไหวเลยละครับไม่คิดเลยว่าไอกายมันจะกล้าเล่นมุขนี้ ฮ่าๆ แถมยังเห็นให้วินหน้าเสียอีก

“เออแล้วไปนึกว่าเดินทะลุมาไอสลัด...”ไอวินมันวางจานข้าวลงที่โต๊ะแล้วก็เริ่มกินต่อหน้าต่อตาทั้งผมและไอกาย..เล่นเอาอยากอาหารเริ่มทำงานขึ้นมาเลยละครับ.... จริงๆแล้วมันอาจจะไม่เกิดอาการนี้ขึ้นหากไอเชี่ยวินไม่ทำเสียงซาวซวบซาบๆอยู่ข้างๆหูพวกผมเนี้ย.. และไม่นานนักอาหารบนจากก็ค่อยๆ หมดไปไอวินก็นั่งนิ่งแถมยังส่งสายตาเป็นเชิงให้ผมเดินเอาจานไปเก็บให้มันอีก..แต่ฝันไปเถอะครับ .  . นั่งนินทาคนอื่นมานานก็ชักจะหิวน้ำผมเลยหิ้วไอกายให้เดินไปซื้อน้ำด้วยกันโดยปล่อยให้ไอวินมันนั่งเอ๋อแดก อยู่แบบนั้นแหละครับ... พอซื้อน้ำเสร็จขากลับมีผู้หญิงคนนึงเดินเข้ามาทักผม..ผมมงง ไอกายก็คงเป็นแบบผมเช่นเดียวกัน เธอ เดินมาบอก ว่า เป็นแฟนคลับ ผมกับไอกาย ครั้งแรกที่เธอบอก ผมกับกายเราหันมามองหน้ากันด้วยความสงสัยว่าเธอรู้เรื่องของผมกับกายได้ยังไง..แต่พอคุยไปคุยมาเธอก็บอกติดตามมาจากเพจ.. และนั้นก็ทำให้ผมกับกายร้องอ๋อออกมาพร้อมกัน...แถมมันยังทำตัวเป็นตัวตอบสนองความต้องการที่ดี ยื่นมือมาโอบไหล่ผมให้สาวคนนั้นกรี๊ดเล่นถถถถถ เปลืองเนื้อเปลืองตัวตลอดเลยกู..แถมเธอยังขอถ่ายรูปคู่ผมกับกายก่อนจะเดินจากไปอีก(กลัวไม่คุ้มรึไงครับเธอหึหึ)พอกลับมานั่งที่โต๊ะพักนึง ก็เริ่มมีเข้ามาอีกคนแล้วละ แต่คราวนี้ไม่ใช่แฟนคลับครับ..ใครก็ไม่รู้

(รู้สึกวันนี้จะเจอแต่คนแปลกหน้าทั้งวันเลยเช้าที สายที บ่ายอีกที)

“นาย คือ เจ ใฃ่มั้ย.. ” แต่เอาเถอะไหนๆก็เจอแบบนี้มาทั้งวันแล้ว ผมคงไม่สงสัยหรอกว่าเธอรู้จักผมได้ไงเมื่อไหร่อย่างไร อยากถามอะไรถามมาเลยครับพี่น้อง -.-

“อะ .  ใช่ครับ ว่าแต่รู้จักผมได้ไงหรอ”น้าน ถามประโยคๆ  เดิมๆ ออกไปจนได้

“อ่อ เราเป็นเพื่อนสนิทของตอม  เราชื่อแพรวนะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ” เธอยื่นมือ ออกมา ระหว่างนั้นไอเชี่ยวินใช่ศอกกระทุ้งที่เอวผมใหญ่เลย ไอนี้เห็นสาวสวยเป็นไม่ได้..

“เช่นกันครับแพรว ว่าแต่แพรวมาคนเดียวหรอ..”

“อืมๆเรามาคนเดียว กะว่าจะมาตามหาเจเนี้ยแหละ แต่ไม่รู้อยู่คณะไหน พอดีตอนเดินมาได้ยิน พวกกลุ่ม ผู้หญิงกลุ่มนู้น (เธอชี้นิ้วไปทางกลุ่มผู้หญิงที่มาขอถ่ายรูปกับผมเมื่อกี้) พูด กายๆ เจๆ อะไรนี้ละ ก็เลยลองถามๆ ทางมาไม่คิดว่าจะเจอนะเนี้ย.. ”

“แล้วทำไมถึงรู้ว่าเป็นผมละ”

“คงเพราะความหล่อละมั้ง มันสะดุดตาตอนเดินเข้ามาอะ พูดเองยังเขินเองเลยนะเนี้ยแหะๆ ” พอเธอพูดจบเสียงเอฟเฟคจากไอหมาขี้อิจฉาข้างๆ ผมมันก็ทำซาวอ้วกแตก แต่แล้วก็หาเหตุผลมาอ้างว่า กินเยอะไปหน่อยเลยอยากกอ้วกหน่ะ อย่าใส่ใจเลย ผมถึงหันกลับมาคุยกับแพรวต่อ

“แหม แพรวเองก็พูดเกินไป ผมออกจะธรรมดา”

“นั้นสิธรรมดา...(ผมหันกลับไปมองไอวินที่กำลังนั่งแขวะผมอยู่ข้างหลัง) ธรรม 30 พิเศษ 45 อื้อๆ”แถไปทั่วไอสลัดผัก

“แล้วเย็นนี้เจว่ามั้ย พอดีเราอยากให้เจช่วยอะไรเราหน่อยอะ.”

“ช่วย..อะไรหรอ..??”

“เราก็แค่แอบสงสัยอะไรนิดหน่อยอะเลยอยากจะพิสูจน์ดูหน่อย”

“อ่อได้สิ เพื่อนอะตอมก็เหมือนเพื่อนผมแหละ”

“ขอบคุณมากนะเจ.. ไว้เดี๋ยวเราโทรหา..เออจริงสิเรายังไม่มีเบอร์เจเลย งั้นเราขอเบอร์เจหน่อยสิ ไว้เราจะโทรนัดสถานที่อีก
ที...” ผมกำลังจะกดเบอร์ให้เธอแต่กายมันดันคว้ามือถือที่อยู่ในมือแพรวไปกดอะไรยุกยิกๆ พักนึงก่อนจะยื่นให้คืนไป

“นั้นเบอร์เจแหละครับมีอะไรโทรหาเบอร์นั้นละกัน” สีหน้าเธอดูกลัวๆ ปนเขินๆ

“ค่ะๆ ยังไงก็ขอบคุณอีกครั้งนะเจ..ไว้เดี๋ยวเราโทรหานะ..ไว้เจอกันใหม่นะ” ผมพยักหน้ารับร้อยยิ้มของเธอก่อนจะเดินจากไป ส่วนไอกายมันก็นั่งมองผมซะนิ่งเลย นี้ผมทำอะไรผิดขั้นตอนไปรึเปล่าเนี้ย

“เอ่อมีอะไรจะพูดรึเปล่า...”

“วิน อ.ปรเมท ตามหาตัวมึงอยู่เขาบอกให้รีบไปหา ก่อนจะโดนหักคะแนน” ทันทีที่กายพูดจบไอวินก็แทบเหาะออกจากโรงอาหารไปอย่างรวดเร็วโดยปล่อยทิ้งไว้ให้ เพียงบรรยากาศสยองชวนขนหัวลุกระหว่างผมกับไอกายบรึ้ยย

“ตอม   คือ   ใคร ? แล้วผู้หญิงเมื่อกี้คือใคร แล้วทำไม......)*)(&%$WE$@$^#&%”ผมนั่งโดนไอคุณชายมันซักถามพร้อมกับบ่นในเวลาเดียวกันไปพักนึง ผมแอบก้มมองนาฬิกาดูเพราะนี้มันเลยเวลาที่จะเข้าเรียนแล้ว แต่ต้องทนเงียบไว้เพราะไม่กล้าพูดแทรกขึ้นมาเพราะกลัวภูเขาไฟจะระเบิดเอา.. จนสุดท้ายมันก็เข้าใจและยอมหยุดบ่นผม.....แต่พอลองมองไปดูนาฬิกาอีกทีนี้กินเวลาไปเกือบสองชั่วโมงเลยนะ หมดคาบเรียนของผมพอดี. ฮือๆ คะแนนกู.. อ้ากก !!! หายไปกับสายลมพร้อมกับคำขู่สุดท้าย..

“อย่าให้รู้ว่ามีเรื่องลับหลังที่กูไม่รู้อีกไม่งั้น มึงคงจะรู้นะเจ ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ” จึ๊ยยย น่ากลัวเป็นบ้า นี้สรุปผมเป็นแฟนมันหรือเป็นทาสมันกันแน่เนี้ย หึ้ยยย!!


.  . .. . ช่วงเย็นผมกลับมาบ้านโดนมีคุณชายสุดโหดตามมาส่งถึงบ้าน แถวยังขู่อีกเรื่องว่าให้รายงายเรื่องราวที่กำลังจะเกิดขึ้นในระหว่างที่ผมไปช่วยแพรวให้ฟังด้วย (อย่างละเอียดพร้อมทั้งสร้างกราฟ(ไม่ขนาดนั้นมั้งฮ่าๆ))
พอผมเดินขึ้นมาบนห้องหัวยังไม่ทันจะถึงหมอนไอโฟน(ของไอกาย) ก็ดังแพดเสียงอยู่ที่หน้าอกของผม.. ผมกดรับสายโดยไม่ได้ดูเบอร์ที่โทรเข้ามา

ออฟไลน์ thitema3

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
“ฮัลโหล สวัสดีครับ”

“เอ่อ ใช่เจรึเปล่าค่ะ..” อ่อคงจะเป็นแพรว คนที่เจอเมื่อบ่ายสินะ

“ใช่ครับ ว่าแต่ สรุปจะนัดให้ผมไปที่ไหนหรอ..”

“อืมแพรวเองก็ยังหาที่นัดดีๆไม่ได้เหมือนกัน ทีแรกก็มีที่คิดๆไว้นะ แต่เจ้าตัวมันไม่ยอมไป บอกว่าคนเยอะ อีกที่ก็ไม่คุ้นเคย อีก เราเลยคิว่าน่าจะโทรมาขอไอเดียดีๆ จากเจหน่อยหน่ะ เผื่อจะเจจะรู้ข้อมูลอะไรบ้าง..”เอ้าแล้วขนาด เพื่อนสนิทอย่างแพรวมันยังค้านหัวชนฝาขนาดนั้นแล้ว ผมจะไปทำอะไรมันได้ละเนี้ย

“อื่อ ผมเองก็ยังไม่ค่อยรู้จักกับมันดีเท่าไหร่ ก็ไม่ไม่ค่อยรู้ว่ามัน ชอบที่ไหนบ้าง..” เอ๊ะ แต่จะว่าไป เมื่อเช้า ไอวินบอกผมว่ามันจะพาอะตอมมาที่ร้านด้วยนิ่

“แพรวงั้นเดี๋ยวผมโทรกลับนะ...” และยังไม่ทันที่แพรวจะได้ตอบอะไรผมก็ดวางสายและกดเบอร์ไปที่ ไอวินดู..

“หือ .. ไอตี๋เพื่อนมึงอะนะ. . . เออ เดี๋ยวกูไปช่วงทุ่มนึงอะพร้อมกับมันอะ ”

“เออๆขอบใจมากมึง..” พอวางสายจากไอวินผมก็โทรกลับไปที่เบอร์ของ แพรวอีกครั้ง เธอก็เข้าใจและบอกจะตามมาสมทบที่หลังเหมือนกัน

(18.00น.) มีรถมอเตอร์ไซด์และรถเบนส์ คันงามๆ มาจอดอย่ที่หน้าร้านของผม โดย ในตอนนั้น ผมก็นึกว่ามีลูกค้ามาจึงเดินออกไปดูแต่ที่ไหนได้เป็นไอวิน กับอะตอมและแพรวที่มาต่างหากละครับ

“หวัดดีเจ..” เสียงพูดทักทายหวานๆของแพรว กล่าวทักทายผมทันทีที่เดินมาถึงหน้าร้าน

“ดีจ้า” ส่วนเสียงกวนประสาทแบบนี้ไม่ต้องบอกคงจะรู้กันนะครับว่าใครเป็นเจ้าของเสียง

“…..” แต่ที่แปลกเลยก็คือรายที่สามนี้ไม่ยอมพูดยอมจาเลยครับ มันเดินก้มหน้าหงิมๆ เดินผ่านผมไปยังกับว่าไม่เห็นผม แต่ผมเองไม่ได้เก็บมาใส่ใจหรอกนะครับ อาจเป็นเพราะมันกำลังจะใจลอยถึงใครอยู่ก็ได้ ก็เลยมองข้ามผมไป

และเมื่อจำนวนแขกมากันครบ ผมก็จัดแจงเตรียม ข้าวของทุกอย่าง (ตามที่แพรวได้บอกผมก่อนที่จะมาที่นี้)ไว้ที่โต๊ะเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ที่เหลือก็คงต้องรอแค่เวลา..เพียงอย่างเดียว

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วจนในตอนนี้เวลา ทุ่มกว่าๆแล้ว ทั้งผมและเพื่อนๆ อีกสามคนกำลังนั่งเล่าสารทุกข์สุขดิบของแต่ละคนรวมถึงการนินทาคนอื่นไปในคราวเดียวกัน..แต่วันนี้บรรยากาศมันก็หมองๆ ไปเพราะอะตอมมันไม่ค่อยพูดค่อยจา... ถามคำตอบคำจนผมรำคาณ อยากจะตะโกนถามว่ามันเป็นอะไร..แต่ด้วยความที่กลัวจะทำเสียบรรยากาศเลยพยายามมองข้ามเรื่อง ของมันไป..และแทนที่ด้วยเรื่องฮาๆ ของไอวินแทน ซึ่งบ้างครั้งอะตอมมันก็ขำตามบ้าง แต่หลายๆ ทีที่มันเห็นว่าผมกำลังมองมันอยู่มันก็จะรีบทำหน้าบึ้ง ยังกับว่าผมไปทำอะไรให้มันโกรธอย่างนั้นหล่ะ...

“ กลับมาแล้วค่า!!!...” เสียงดันสนั่นหวันไหว แบบนี้ก็มีแค่ยัยเอริ์นคนเดียวเท่านั้นแหละครับ

“อ้าวเอิร์นกลับมาแล้วหรอไปไหนมาทำไมถึงกลับดึกจัง” ระหว่างนั้นยัยเอิร์นก็เดินเข้ามาหาผมที่โต๊ะพร้อมกับแสดงทีท่า ตกใจไม่ใช่น้อยตอนที่เห็นหน้าของไออะตอมครั้งแรก.. และนี้ก็คงเป็นเรื่องปกติ ของสาวๆ บ้านนี้แหละครับ... ยัยเอิร์นทำท่าจะเดินไปนั่งๆใกล้ๆ อะตอมแต่ผมห้ามไว้และให้มานั่งข้างๆ แพรวแทน ส่วนผมก็เลยต้องขยับไปนั่งใกล้มันๆ แทนัยยเอิร์น อะตอมทำท่าตกใจเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร..ผมเองก็เช่นกัน ..

“นี้ น้องเรา เอง ชื่อ เอิร์น เอิร์นนี้เพื่อนพี่ คนนี้ อะตอม ส่วนคนนี้ แพรว..” ผมชี้แนะนำเพื่อนๆ ให้ยัยเอิร์นได้รู้จักก่อนที่ยัยเอิร์นจะยืนไหว้สวัสดีอย่างงามๆ เว้นซะแต่ พอยัยเอิร์นหันไปเจอหน้าแพรวเท่านั้นแหละครับสีหน้านี้รีบเปลี่ยนทันทีเลย..

“เอ่อเอิร์น..หวัดดีพี่แพรวด้วยสิ..” ดูเหมือน สองสาวจะไม่ค่อยชอบหน้ากันนะผมว่า..แต่จะมีก็แต่ยัยเอิร์นเท่านั้นแหละครับที่แสดงสีหน้าส่วนแพรวรายนนี้ๆนิ่งไปเหมือนกับคนข้างๆผมเลยครับ

“หวัดดีคะ”ยัยเอิร์นไหว้ส่งๆ ก่อนจะรีบหุบมือลง เหอะ..แล้วนั้นก็เริ่มทำให้ผมนึกไปถึงช่วงที่ยัยเอิร์นเจอกับคุณเอื้อยแรกๆก็ทำตัวแบบนี้เหมือนกันสงสัยจะไม่ค่อยชอบหน้าเพราะคิดว่า คุณเอื้อยจะแย่งกายไปจากผม...เอ๊ะ หรือว่าจะเป็นเพราะเรื่องนี้....ทันทีที่ผมคิดออกผมก็เริ่มแน่นำตัวใหม่ให้ยัยเอิร์นฟัง..แล้วก็เป็นไปตามคาดครับยัยเอริ์นมีท่าทีแสดงสีหน้าที่เปลี่ยนไป จากที่มองแพรวตาเขม้งตอนนี้ก็มองแบบที่มองผมกับอะตอมแล้วละครับ

“พอดีวันนี้เอิร์นทะเลาะกับเพื่อนมาค่ะ เลยอารมณ์ไม่ค่อยดี ยังไงก็ต้องขอโทษด้วยนะคะที่แสดงสีหน้าไม่ดีออกไป”แพรวหันมามองหน้าผมแล้วยิ้มๆ

“ไม่เป็นไรน่าพี่เข้าใจ ว่าแต่ทำไมพี่ถึงคุ้นหน้าน้องเอิร์นยังไงก็ไม่รู้แหะ เหมือนกับว่าเคยเจออยู่ที่งานมีตติ้งของ นอค...”

“กร..”

“อย่าบอกนะว่า”ประโยคนี้แพรวถามขึ้นมา

“ 0.0 ” ส่วนยัยเอิร์นทำหน้าเหวอๆ พร้อมกับพยักหน้า และหลักจากนั้นไม่เกิน สิบวินาทีก็มีเสียงกรี๊ดกร้าด จากเธอทั้งสองคนดังอยู่ลั่นร้าน จนแทบจะไปถึงหน้าปากซอยอยู่แล้ว และถ้าให้ผมเดาไม่ผิดผมว่าสาวสองคนนี้คงต้องมีเลือดสีม่วงๆอมเหลืองแน่ๆ เลย...เหอะๆ

ระหว่างที่นั่งคุยไป กินอะไรแกล้มไป ของกินต่างๆ โต๊ะก็ค่อยๆ หมดลง แพรวกับยัยเอิร์นเลยอาสาจะไปเติมให้โดยที่ผมไม่ทันจะได้เอ่ยปากขออะไร.. ส่วนไอวินกับไออะตอม ตอนนี้ เมาไม่รู้เรื่องอยู่ข้างๆ ผมนี้แหละครับ.
ผมเห็นอะตอมทำท่าเหมือนพยายามขยับออกไปจนตัวมันติดชิดกับโซฟา

“อึดอัดหรอ เดี๋ยวกูไปนี่กับไอวินก็ได้..”ผมกำลังจะลุกขึ้นเปลี่ยนที่นั่งข้างๆ ไอวิน แต่อะตอมมันดึงมือผมให้เข้ามานั่งใกล้ๆ มันอีกครั้งแล้วกระซิบข้างหูของผมว่า..

“เบียดๆแบบนี้แหละอบอุ่นดี..”ถ้าอบอุ่นแล้วมันจะเขิยบหนีผมทำซากอะไรฟร้ะ. . .ผมละงงกับมันจริงๆ * - *
ระหว่างนั้นพวกมันสองคนก็นักโยกหัวสัพหงกไปมาด้วยความเมา โชคดีหน่อยที่วันนี้ผมขอผ่าน เพราะตั้งแต่เมื่อวานที่ ผม ดันรั้นอยากกินแบบพวกมัน สภาพก็เลยไม่ต่างจากเป็นอย่างที่รู้ๆ กันนั้นแหละครับ มึนๆ ทั้งวัน แล้วถ้าขืนผมยังทำตามพวกมันต่อละก็มีหวังพรุ่งนี้ไปเรียนไปได้แน่นอนเลยละครับ..

“เห้ยมึง”ผมไม่รู้ว่าไอวินมันกำลังบ่นพึมพำถึงใคร เลยได้แต่หยิบแก้วเปปซี่ขึ้นมาจิบและหันไปมองสองสาวที่กำลังนั่งคุยอะไรกันอยู่ในห้องครัวอย่างสนุกสนาน..

“มืงงงงง ฮึกกก...”ผมไม่อาจทนเห็นความเรื้อนของเพื่อนตัวเองได้เลยเป็นคนอาสาตอบแทนทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่ามันกำลังบ่นหรือพูดถึงใครอยู่กันแน่

“อะไรของมึงไอวินกูเห็นมึงนั่งพูด อะไรมาคนเดียวพักนึงละจะเรียก ใครก็เรียกชื่อให้เขาหันมาตอบสิวะห่า รำคาณ.”

“เจ..ฮึก... กูว่านะ ไอกายมันต้องชอบมึง.ฮึก..แน่เลยวะ” อะ อ้าวว นี้ไอวินมันไม่ได้รู้เรื่องของผมกับกายมาตั้งแต่แรกแล้วหรอ..แล้วที่ไอที่มันแซวๆผม เมื่อช่วงพักหลังๆ นี้ ผมก็นึกว่ามันรู้แล้วซะอีก...สรุปยังคงเป็นความลับอยู่สินะ..ผมเลยตีหน้าเนียนทำไม่รู้เรื่อง และยังคงตามน้ำต่อไป.

“อ่อหรอวะ เออๆ แปลกดีเน้อ เหอะๆ”

“แล้วมึงไม่รู้...ฮึกก..สึกอะไรกับมันบ้างหรอวะ..” ถึงจุดนี้ผมควรจะรีบบอกมันไปเลยดีมั้ยว่าผมกับกายเราสองคนไม่ใช่ เจ้าหนี้ลูหนี้กันแล้วแต่เป็นอย่างอื่นแทน ..แต่ถึงบอกตอนเมาไป มันก็คงจำไม่ได้อยู่ดี..เอาเป็นว่ารอให้มันผ่านช่วงรักๆไคร่ๆ ของมันไปก่อนแล้วกันเดี๋ยวค่อยเซอร์ไพรท์บอกมันทีหลัง

“รู้สึก.....มั้ง ฮ่าๆๆๆ”ผมพยายามขำกลบเกลื่อนให้มันรีบลืมๆ เรื่องไป แต่แล้วจู่ๆ คนที่นั่งข้างๆผมก็เริ่มเปิดคำถามขึ้นมาบ้าง

“มึง.”ผมไม่รู้ว่ามันเรียกใครแต่ขอแสดงตัวหน่อยละกัน

“ก..กูหรอ..”

“ไม่ๆมึงอะไรนะ.. เอ่อ วิน เออไอวิน” เหอะกูควรจะลุกขึ้นไปปล่อยให้พวกมึงสองคุยกันดีมั้ยละเนี้ยกูอยู่ข้างๆแท้ๆ ดันเสือก เลือกถามคนที่พึ่งรู้จักอย่างไอวิน ชิ!

“ว่างายยอ้ายแมลงวัน ‘ตอม’  ”

“ไอกาย.นี้มันใครวะ..”

“อ่อ เพื่อนกูนี้ละ ..แม้งหล่อเหี้ยๆ” ทันทีที่ได้ยินชื่อกาย จากที่ผมกำลังลุกก็รีบกลับมานั่งทีเดิมแอบฟังพวกมันคุยเผาเรื่องไอกายต่อ

“อ้าว แล้วสรุปมันจะเหี้ยหรือจะหล่อวะ.”

“ก็มีทั้งสองอย่าง ฮึก..อยู่ด้วยกันนั้นแหละ แต่เรื่องความหล่อมันอาจจะแพ้กูรวมถึงมึงด้วยนะ ฮึก ไอหน้าจืด....” ใครก็ได้ช่วยมาดึงมือผมออกจากตรงนี้ทีถึงหูผมจะอยากได้ยินสิ่งที่มันคุยกันแต่ผมเริ่มจะรับไม่ได้กับไอความมั่นหน้าเกิน สิบ ของไอเชี่ยวินมันแล้ว ฮ่าๆ

“ว่าแต่มึงถาม..ถึงมันทำไมวะ รู้จักกันหรอ”

“ป่าว..หรอกก็แค่ลองถามดู”

“ งั้นก็แล้วไป เพราะเพื่อนกูมันมีคู่ของมันละเว้ยยเห้ยย เออว่าแต่ มึงไม่มีคนที่ชอบบ้างหรอวะ กูเห็นเจอมึงอยู่หลายครั้งแต่เห็นเดินคนเดียวตลอดเลย”

“ตอนแรก ก็ไม่คิดอยากจะมีหรอก แต่เหมือนตอนนี้ต้องรีบแล้ววะ”

“อะอ้าว จะกลับแล้วหรอ รีบไปไหนวะ..”

“กูหมายถึง..ต้องรีบบอกความรู้สึกให้คนๆนั้นฟังต่างหากละ..”

“งั้น กูขอให้มึงโชคดีละกันเพื่อน แต่... ระวังนกนะมึง..กูขอเตือน”

“เออ ขอบใจมากมึง” และแล้วทั้งสองคนก็เดินเข้ามากอดกันและอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ถรุ้ยยย!!! คงเป็นเพราะอาการเมาหนักของพวกมันทั้งสองคนเลยเดินเข้ามากอดกันตัวกลมโดยที่มีผมนั่งแทรกอยู๋ตรงกลางอยู่ เลยโดนพวกมันสวมกอดกันทั้งสองคน ผมไม่รู้เลยว่าจะออกไปจากวงแขนพวกมันได้ยังไง ก็แม้งดันดักทั้งสอข้างขนาดนี้ ตอนนี้สภาพก็เลยเหมือน พวกเราสาม คนกำลังกอดพิศวาสกันอย่างดูดดื่มม (Tree some มั้ยละมึง)

สักพักใหญ่ๆสาวๆ ทั้งสองคนก็เดินออกมาพร้อมกับจานอาหารอีกเล็กน้อย  ก่อนยัยเอิร์นเดินมาลากไอวินไปไหนไม่รู้ส่วนแพรวก็บอกขอตัวไปช่วย ยัยเอิร์นก่อน ผมเลยต้องอยู่กับอะตอมสองคน บรรกาศวาปหวิวแสงไฟสลัวๆ นั้นก็ทำให้ผมกลัวได้เหมือนกัน เพราะตอนดูหนังผีบ่อยๆ มันจะชอบออกมาเวลาแบบนี้บรึ้ยยย แต่ระหว่างนั้นเองอะตอม ก็เอาแต่พิงไหล่ผม และพูดอะไรพึมพัมๆ อยู่หลายครั้ง ผมไม่สามารถสรุป คำพูดของมันได้เลยว่ากำลังพูดอะไรอยู่แต่ ก็นึกขึ้นได้ว่า พี่อินเคยบอกว่าตอนเมาให้กินน้ำเยอะๆ อาการจะได้ดีขึ้น คิดได้ดังนั้นผมก็เลย รินน้ำใส่แก้วยื่นให้อะตอม ไม่สิ ต้องเรียกว่าประเคนใส่ปากมันอยู่หลายครั้ง จนมันต้องขอตัวไปฉี่ แต่ด้วยเรี่ยวแรง ของมันในสภาพแบบนี้ เลยไม่สามารถเดินไปไหนมาไหน ด้วยแรงของมันเองได้ ผมก็เลยต้อง อาสาพามันไปฉี่ถึงห้องน้ำ ดีนะที่ไม่ให้ผมถอดซิบรูด ถือ ..ให้มันด้วย

“เจ รูดซิบให้หน่อย..” ชิบหายละ  แต่ด้วยความสงสารปนรำคาณผมเลย รูดซิบให้อย่างที่มันบอก และปล่อยให้มันยืนฉี่อยู่นาน กว่าจะหมดทุกหยดก็เล่นเอาไหล่ของผม แทบจะระบม เพราะ หัวมันแม้งโคตรจะแข็ง
พอกลับมายัยเอิร์นกับไอวินไม่อยู่แล้วจะอยู่ก็แต่ แพรว  ที่เธอกำลังนั่งส่งยิ้มมาให้ผมอยู่..

“เราว่าเพื่อนแพรวจะไม่ไหวแล้วนะ ..” เพราะได้ข่าวว่าที่เธอพาอะตอมมาในวันนี้ก็เพื่อจะพิสูจน์อะไรบางอย่าง แต่สภาพของมันตอนนี้สิ ..

“ผมว่าเราคง จะต้อง...”

“เจ...” อยู่ๆ อะตอมก็พูดขึ้นมา เสียงดังฟังชัด นี้มันคงจะไม่ได้ส่างเมาเร็วขนาดนั้นหรอกใช่มั้ย

“เออ ว่าไง หายเมาแล้วหรอมึงอะ”อะตอมเงียบไม่ตอบผม แล้วมันจะเรียกชื่อผมทำซากอะไร

“หิวน้ำ ”

“ก็กินสิอยู่ตรงหน้ามึงเนี้ย..”

“รินให้หน่อย....”

“อะไรของมึงเนี้ย แค่เอื้อมมือไปก็หยิบเองได้แล้ว”

“รินให้หน่อยดี๊!!!” มันทำเสียงตื้อๆผมแทบยังเอาหัวของมันถูไปมากับไหล่ของผมด้วย ด้วยความที่รู้สึกอนาถใจผมเลยรีบเทน้ำใส่แล้วรินให้มันกิน มันยกดื่มอึกสองอึกก่อนจะวางแก้วลง

“เจ..”

“เอออะไรอีก....” ผมเริ่มหงุดหงิดทุกครั้งที่มันเรียกชื่อผม

“อยากกินขนม...”

“ขนมหมดแล้ว...”

“งั้นออกไปซื้อให้หน่อยสิ.. ”

“จะบ้าหรอเวลาขนาดนี้แล้วร้านที่ไหนเขาจะเปิด”

“เซเว่นไง...” ถ้าจะพูดถึงเซเว่นมันเปิดดึกก็จริงครับแต่ถ้าจะให้ขับรถไปช่วงดึกๆ ทางแถวนั้นก็ไม่ค่อยมีไฟด้วย คงอันตรายแน่ๆ

“ไม่เอามันดึกแล้วไว้ค่อยกินพรุ่งนี้....”

“นะเจ ” มันยังคงทำแบบเดิมกับผมคือเอาหัวถูๆไปมาที่แขนผม แต่อย่าหวังจะได้กินผมรอบสองครับ คราวนี้ผมรีบสะบัดมือมัดออก ก่อนจะขยับ ออกมาจนชิดกับโซฟาอีกด้านนึง แต่ก็ไม่วาย มันขยับตามมาแถมคราวนี้ เกาะแขนผมหนึบไม่ยอมปล่อยเลยด้วย ... ผมหัน ไปขอความช่วยเหลือจากแพรวแต่ดูเหมือน..เธอจะส่งสายตาบอกให้ผม ทำตามสิ่งที่อะตอมบอก..หรือนี้ อาจเป็นการพิสูจน์อย่างนึง อย่างที่เธอวางแผนไว้ถึงผมจะไม่เข้าใจและไม่อยากออกไปแค่ไหนก็เถอะ...แต่ในเมื่อ เป็นเรื่องที่ผมเองสัญญาว่าจะช่วยแล้ว ทั้งที ก็เลยต้อง ฝืนไป ทั้ง ๆที่ใจนึง ไม่อยากออกไปไหนกลางดึกแบบบนี้เลย


. . . . . . . . .
ผมเดิยห่างออกมาจากร้านได้พักใหญ่แสงไฟที่ส่องนำตามทางก็ค่อยๆ น้อยลง เหตุเพราะบริเวณนี้เกิดอุบัติเหตุรถชนกันบ่อย เสาไฟหลายต้นเลย หักลงเสียไปทีละดวงๆ จนตอนนี้เว้นระยะห่างกันไกลเหลือเกิน ลมเย็นๆที่กระทบกับผิวของผม ทำให้รู้สึกหนาวขึ้นมาแบบไม่ทันสงสัย บางคนอาจจะสงสัยว่าทำไมผมถึงไม่ขี่ M ไอวินออกมา เหตุเป็นเพราะว่าปอดแหกครับ กลัว... กลัวว่าระหว่างที่ขับอยู่อาจจะมีใครมานั่งเป็นเพื่อนผมข้างหลังด้วย (มันเป็นจินตนาการของผมครับ) เวลาฟังเรื่องเล่า หรืออะไรเกี่ยวกับสิ่งที่มองไม่เห็นแล้วมันชอบฝังใจ และผมเองก็เชื่อว่าเพื่อนๆ หลายๆ คนอาจจะเคยเป็นมาก่อน และอาจจะกลัวไม่ต่างจากผมเลยด้วยซ้ำ

ผมเดินข้ามทางม้าลาย ข้ามไปอีกฝากนึง แต่ระหว่างนั้นก็เริ่มรู้สึก..ได้ยินเหมือนมีเสียงฝีเท้า ใคร ที่ไม่ใช่ผม กำลังเดินตามผมมาจากด้านหลัง.. ผมไม่มีความกล้าพอที่จะหันกลับไปมองว่าสิ่งที่ตามมานั้นมันจะใช่อย่างที่ผมคิดหรือไม่ ผมยังคงเร่งฝีเท้าของตัวเองต่อไป จนใกล้กับแสงสว่างตรงเสาไฟต้นนั้นแต่ระหว่างนั้น มือข้าง นึงของผมก็ถูกกระชากและ ดึงให้หันไปตามแรงนั้น ผมกลัวจนหลับตาปี๋ บอกไม่ถูกเลยว่า ความรู้สึกมันแย่แค่ไหนรู้แค่ว่าผมไม่อาจจะกล้าลืมตาได้เลย จนเมื่อได้ยินเสียงๆนึงที่รู้สึกคุ้นหูขึ้นมา

.”เจ.... แฮ่กๆ”เป็นอะตอมครับที่จับข้อมือของผมอยู่..ผมอรู้สึกโล่งใจจนแทบจะยืนไม่ไหวเพราะเมื่อกี้เล่นเกร็งไปทั้งตัว

“มึง มาได้ไงวะ.. ”

“คือ...กู.... แฮ่ก ๆ มีเรื่อง ... จะบอก”

“เออมึงใจเย็นๆ ก่อนนะหายใจเข้าลึกๆ แล้วค่อยพูด...” ผมยืนลูบหลังอะตอมไม่รู้ว่าเพื่ออะไรเหมือนกัน แต่มันเป็นความเคยชิน ที่ผม ทำให้พวกไอวินกับกายบ่อยๆ ไม่นานนักอะตอมมันก็ตั้งสติพอที่จะยืนคุยกับผมได้ ผมมองหน้าผมนิ่งพักนึงก่อนจะกล่าวคำพูดนึงที่ทำให้ผม ทำอะไรไม่ถูก..

“เจ....”

“เออ”

“กูชอบมึงนะ....”



ต้องขอโทษด้วยนะครับที่เว้นระยะห่างมานานเหลือเกิน เพราะช่วงนี้กิจกรรมเยอะไปหน่อย เลยไม่ค่อยมีเวลาว่างมาอัพเลย
 ยังไงก็อย่าพึ่งลืมกันน้า ค๊าบบ z :hao5:


 :katai4:





TBC. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .                     เขียน:  (คิมแทวอน) -3-

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ thitema3

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2

Falling In Love
หลุมพรางหัวใจของนายหน้านิ่ง


Chapter:31  I dol[/b][/size]

“กูชอบมึงนะ” กูชอบมึงนะ...กูชอบมึงนะ.....  คำพูดเหล่านี้ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของผมอยู่ทั้ง คืน แต่หากจะถาม ว่าผมตอบมันไปว่ายังไงน่ะหรอ . . . .ผมไม่ได้พูดอะไรออกไปแม้แต่คำเดียว คงเพราะกำลังช็อคอยู่ด้วยมั้งตอนนั้น มันเองก็เอาแต่ยืนจ้องผมชนิดที่ว่าตาไม่กระพริบเลยทีเดียวเชียว ผมตะกุกตะกักไม่รู้จะพูดอะไร บรรยากาศวังเวงแบบสุดๆ แต่แล้วในที่สุดอะตอมก็พูดขึ้นมา

“ยังไม่ต้องรีบตอบตอนนี้ก็ได้นะเจ. . กูรอได้. .” คำถามของมันไม่ได้คำตอบจากผมเลยแม้แต่คำเดียว  ผมไม่ได้รู้สึก แปลกๆ หรือรังเกีลยดอะไรอะตอมมันเลยเพียงแต่ ผมไม่รู่ว่าควร จะพูด ออกไปยังไงไม่ให้ทำร้ายจิตใจของมัน ดี ไม่กูมีแฟนแล้ว กูไม่ได้ชอบมึง    ไม่นะกูคิดกับมึงแค่เพื่อน ไม่ว่าจะเป็นประโยคไหน หรือคำพูดจากปากคนที่ แสนดีเพียงใด   


“แต่คำว่า  “ไม่”    พูดให้สวยหรูยังไงมันก็ยังเจ็บเหมือนเดิมอยู่ดี” มันเลยรีบตัดบท พาผมเดินมาทส่งที่ร้าน และกลับบ้านไปพร้อมกับแพรว ทันทีที่มาถึงโดยไม่บอกลาอะไรผมสักคำ เรื่องทั้งหมดมันก็มียู่เท่านี้แหละครับ


เช้าวันต่อมาผมมาถึงที่คณะด้วยอาการงัวเงีย แปลกๆ อาจเป็นเพราะพึ่งได้นอนไม่กี่ชั่วโมงอาการเหล่านี้เลยถามหาผม . . .   ยิ่งพอเวลาเข้าห้องเรียนฟัง อาจารย์ สอนผมนี้ วูบไปสามสี่รอบ จนเพื่อนข้างๆ ยื่น ลูกอมอะไรไม่รู้เปรี้ยวๆ มาให้ผม เล่นทำเอา ตาของผมนี้สว่างไปทั้งคาบ . . . .

หลังจากพักเบรค ในช่วงใกล้ๆ เที่ยง เหล่าพรรคพวก (ไอวินและเพื่อนของมัน) ก็โทรมาหาผม บอก ว่าจะชวนไปกินข้าวข้างนอก ไอผมนะไปได้อยู่แล้วไม่มีปัญหา เพราะช่วงบ่ายอาจารย์ติดธุระด่วน เลยต้องยกคลาสกันไป ทำเอาพวกเพื่อนๆ ในคณะผมนี้เฮกันลั่นห้องเลย  แต่สำหรับไอพวกวิศวะนี้ ตารางเรียนมันแน่นเอี๊ยดมากครับชนิดที่ว่า ไม่มีเวลาให้หายใจกันเลย แต่พวกมัน ก็ดันว่างจะชวนผมไปกินข้าวเนี้ยพวกคุณๆ ก็คิดดูเอานะครับว่ามันใช้วิธีไหน (จะเป็นอะไรไม่ได้นอกจาก โดดเรียนครับพี่น้อง) แต่บางคนอาจจะสงสัยว่าผม รู้ได้ยังไงนะหรอ หึหึ  (ตารางเรียนของกายอยู่กับผม) เลยรู้ว่าวันไหนใครว่างไม่ว่างอะไรบ้าง  แต่อาจมีไม่กี่วันที่มันทั้งสองคนมันไม่ได้เรียน ด้วยกันเหตุเพราะวันที่เลือก  คาบอยู่วันนั้นไอวินดันเมาค้างหลับคาคอมตื่นมาอีกทีคลาสก็เต็มเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ มันเลยต้อง ไปลงเรียนคาบอื่นแทน .  .  .



(ช่วงบ่าย)

ผมกลับมาที่ร้านเหตุเพราะ ไอเชี่ยวินมันบอบกว่า  อยากให้ร้านผมมีลูกค้าเยอะๆ เลยชวนกันมากินที่ร้าน ของผม แทนที่จะไปกินที่อื่นกัน  ไอดีหน่ะมันก็ดี อยู่ แต่มันดันไปโม้อะไรกับเพื่อนมันไว้ก็ไม่รู้เพราะแต่ละคนนี้เหมือนมี เครื่องหมายคำถามอยู่สักร้อยตัวได้ . . . วันนี้ก็เลยเป็นบุญของพี่อินด้วยที่จะได้เห็นหนุ่มวิศวะวัยขบเพาะ เยอะแยะมากมายขนาดนี้เข้ามาอุดหนุนเล่นทำเอาคุณนายอินของผมนี้ เขินไปทำไปเลยละครับหึหึ

พออาหารทุกอย่างที่พวกๆ มันสั่งกิน วางครบบนโต๊ะทุกเมนู ก็ได้เวลาสวาปามกันแล้วละครับ เพียงแต่ผม ไม่ได้ไปร่วม วง เพราะรู้สึกไม่ค่อยอยากกินอะไรเลย เป็นเพราะอะไรกันนะ ?

ขณะที่ผมกำลังยืนจ้องไอวินและๆ ผองเพื่อนมันกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อย เสียงไอโฟนของผมก็ดังขึ้นมา เสียงดัง(ผมว่าผมตั้งสั่นไว้นะ) เล่นเอาไอวินที่ตั้งหน้าตั้งตากินปูอัดอยู่ถึงกับเงยหน้าขึ้นมามอง และเบะๆปาก ใส่ผม

“อือ”

“อยู่ไหนกับใคร ทำอะไรอยู่” มาเป็นชุดครับ

“อยู่ร้านกับไอวิน แล้วก็พวกเพื่อนๆ ของมันอะ”..

“หรอ แล้วมันไปทำอะไรที่นั้นอะ ”

“ไม่รู้อารมณ์ไหนเหมือนกันเห็นบอกว่าจะพากันไปกินข้าวข้างนอกแต่สุดท้ายก็มา ที่ร้าน ”

“ก็ดีแล้วนิ เพิ่มยอดขาย แล้วอาการมันเป็นไงบ้างอะ” มันคงหมายถึงอาการของไอวินสินะ

“โอ้ยรายนี้ช้ำใจแปปเดียว หายดีแล้วแหละกูว่า”

“เออก็ดีแล้ว ”

“. . . .” ผมเงียบเพราะไม่รู้จะพูดอะไร

“. . . .. ”

“เงียบทำไม” อยู่ๆมันก็ถามผมขึ้นมา

“แล้วมึงละเงียบทำไม”

“ก็ไม่รู้จะคุยอะไร”

“งั้นก็วางไป ดิ กูรู้ว่าบ้านมึงรวยแต่กูเสียดายตังแทน”

“ไม่อยากคุยก็ไม่เห็นจำเป็นต้องวางนี้หว่า หายใจให้กุฟังก็ได้อะ” ไอนี้ท่าจะบ้า ฟังเสียงกูหายใจมันคงฟินสินะ

“. . . . .”

“เฮ้อ!!”

“เป็นไร”

“ป่าว”

“บอกมา”

“ไม่มีอะไร”

“จะต้องให้กูไปเค้นคำตอบเองถึงที่บ้านมึงมั้ยแต่กูไม่รับรองความปลอดภัยของตัวมึงเองนะ” นับวันสกิลของไอกายนี้ยิ่งพัฒนาความสามารถมากขึ้นครับ อะไรมันจะ ช่างสังเกตุขนาดนั้น นี้ขนาดแค่หายใจ ฝืดเดียวนะเนี้ย ผมละยอมใจ

“จริงๆ คร้าบ ไม่มีอะไร”

ออฟไลน์ thitema3

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
“อย่ามาปากหวานกลบเกลื่อนเจ” ห่าเสือกรู้อีกผมอุตส่าห์จะเบี่ยงประเด็นไปเรื่องอื่นแล้วนะเนี้ย

“ก็...”จะบอกไงดีวะ กาย มีคนมาบอกชอบกู วะ อะไรแบบนี้หรอ หึหึ รับรองศพผมไม่สวยแน่ๆ ขอโทษนะกายแต่ผมไม่อยากให้มันไม่สบายใจผมเลยเลือกที่จะ....โกหก

“เรื่องเรียนนิดหน่อยวะ วันนี้เรียนไม่รู้เรื่อง เลย ปวดหัว นอนก็ไม่ค่อยจะหลับด้วย”

“. . . ”ปลายสายเงียบไป

“เฮ้ยกายฮัลโหล!!” ผมรู้สึกว่าเหมือนสัญญาณขาดๆ หายเลยลองยกโทรศัพท์ออกจากหูและมองดูสัญญาณ  ก็ สี่ขีดนี้หว่า  หรือ เป็นเครื่องไอกายมัน

“ฮัล..”ยังไม่ได้ที่ผมจะได้พูดต่อกายก็ดันพูดแทรกขึ้นมา

“เฮ้อ ต้องให้บอกอีกกี่ทีเจ บอกให้ดูแลตัวเองไง ทำไมถึงไม่ฟังกันบ้างห้ะ ”น้ำเสียงมันด่าปนเป็นห่วงผมแบบแปลกๆ ทั้งๆที่ผมก็กุเรื่องขึ้นมาเพื่อให้มันสบายใจแต่ไหงกับทำให้มันเป็นมากกว่าเดิมก็ไม่รู้เน้อ เฮ้อ

“ขอโทษ” คือคำเดียวที่ผมพูด”

“ขอโทษทำไม มึงทำอะไร ผิด ทำไมต้องขอโทษด้วย”

“ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วง อยู่ตลอด กู คงเป็นแฟนที่แย่ที่สุดเท่าที่มึงเคยคบมาเลยใช่ปะกาย” สิ่งที่ผมพูดไม่ใช่เพราะผมน้อยใจกับคำพูดของกายแต่เป็นเพราะผมรู้สึกสงสัยแบบนั้นจริงๆ เพราะมีหลายครั้งที่ผม เป็นฝ่ายทำตัวให้กายเป็นห่วงอยู่ตลอด เลยทำให้มันไม่สบายใจไปด้วย

“เจ.. มึงฟังกูนะ. . ตลอดเวลาที่ กูเคยมีแฟนมา กูไม่เคย ต้องมาตามตื้อ ตามถามอะไรแบบนี้เลยนะ บอกตรงๆ ที่กูเป็น จนเหมือนคนบ้าอย่างนี้ก็เพราะมึง  เพราะมึงคนเดียว”

“เพราะกู?” ผมยังงงๆ กับคำพูดของมันอยู่

“ชีวิตของกูก่อนที่จะมาเจอมึง มันเป็นช่วงเวลาที่สงบมาก เพราะกู ไม่ต้อง ไปตามโทรจิก โทรถามว่าเขาอยู่ที่ไหนทำอะไรกับใครอยู่ . . . กูไม่ต้องปั้นคำเสแสร้งแกล้งพูดอะไรให้อีกฝ่าย เคลิ้ม ตาม หรือแม้แต่เวลาจะออกไปทำอะไรที่ไหน กูก็ไม่ต้องโทรมา นัดก่อนล่วงหน้า แต่มึงรู้อะไรไหมเจ ตั้งแต่มีมึงเข้ามา กูรู้สึก ว่า กู มีความสุขขึ้น กูเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น กูสามารถทำทุกอย่างได้เท่าที่กูต้องการ โดยที่มีมึงเป็นส่วนหนึ่งในนั้น และไม่ว่ามึงจะเป็นคนแบบไหนกูก็รับได้ทุกอย่างที่เป็นมึง อ่อ แล้วที่มึงบอกว่า มึงเป็นแฟนที่แย่ ที่สุด ใช่รึเปล่า คำตอบ ของกูก็คงตอบว่าใช่ แต่ ถ้า ไม่มี มึง กูก็คง จะยิ้มไม่ได้แบบทุกวันนี้หรอก ก็เพราะ มึง คือ รอยยิ้มของกูไง เจ”


จบคำพูดบอกกล่าวพรรณนาของไอกายเล่นทำเอาผมตัวชาน้ำตาเกือบไหลดีหน่อยที่ห้ามไว้ทันไม่งั้นไอวินคงได้วิ่งดิ่งมา ถามผมแน่ๆ ผมดันโทรศัพท์ให้ออกห่างเพื่อสั่งน้ำมูก  ฝืดนึง ไม่งั้น คึงได้โดนไอกายมันแซวแน่ พอมั่นใจว่าเสียงเป็นปกติแล้ว ผม จึงค่อย ยกโทรศัพท์กลับมาคุยอีกครั้ง

“บ่นอะไรนักหนาห่า รำคาณ วุ๊ !!” กลบเกลือนครับกลับเกลือน เดี๋ยวมัน หาว่าผม อินจน น้ำตาซึม ฮ่าๆ

“บ่นเพราะรักไง ยังไม่เข้าใจอีกหรอ !”

“เออ เข้าใจแล้ว  ว่า แต่ ..... มึงไปจำคำบ้าๆ พวกนี้มาจากละครบทไหนวะ แม้ง โครตรจะเลี่ยน”

“กูจำมาจาก คนนึงๆ ”แหมะๆ มียอมรับด้วยเว้ยเห้ย

“ใครละ” กายมันไม่ยอมตอบและตัดสายผมไป เอ๊ะไอนี้ ชัก จะตึงๆ คนเขาถามแทนที่จะตอบกลับตัดสายทิ้งซะงั้น

ผมกำลังเดิน เข้าไปร่วมวงกับไอวิน เพราะตอนนี้เริ่มรู้สึกดีขึ้นมา อาการหิวเลยกำเริบ อย่างหนัก แต่ก็ไม่วายมีคนส่งข้อความทางไลน์มากวนใจผมอีก

“You are my Smile ♥” เชี่ยยยยย!!!! ผมสบถออกมาทันที ที่เดินเข้ามากลางวงเล่นทำเอาพวกเพื่อนๆ ไอวินหันมองผมกันให้ควับ ก็แม้ง ชื่อนี้มันเป็นชื่อนามของผมใน เพจ SaimZone นิ่ อย่าบอกนะว่า ไอกายมันก็รู้เหมือนกันว่าผมคือใคร
(บอกขนาดนี้แล้วเค้าคงไม่รู้มั้งครับ  (- -) )


ตกช่วงเย็นๆ ประมาณ 5-6 โมงเย็น  พวกเพื่อนๆ (กลุ่มผม)นัดกันไปทำรายงานอยู่ที่ ตึกนิเทศศาสตร์ ไม่รู้จะแห่กันมาที่นี้ทำไม แต่พอลองสังเกตุดีๆ ถึงรู้ครับ ว่าที่ถ่อกันมาถึงตึกนิเทศศาสตร์ เป็นเพราะอยากมาหลี่พวกหนุ่มๆ ปีหนึ่งกันนี้เอง แหม่ ไอ้ อี พวกนี้

“เออ นี้ อิเจ กูได้ข่าวลอยๆ มาว่าช่วงนี้มึงอินเลิฟหรอ เห็นใครๆ เขาก็พูดกัน” ผมขอแนะนำอย่างเป็นทางการนะครับ จริงๆ มันก็เคยมีบทพูดมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่ ผมคงลืมบอก ชื่อ ไอนี้ ไม่สิ ต้องเรียกว่าอินี้ มันชื่อกัณพิชัย ชื่อเล่นว่ากี้ แต่มันเปลี่ยนใหม่เองเป็น มารกี้ (ทั้งๆที่จริงๆ หน้าของมันเหมือน มังกี้มากกว่า)!!เพราะบอกว่าชื่อแม้งแมนไปมันไม่ชอบ  คงไม่ต้องบอกนะครับว่าเพศไหน หึหึ ปาก อย่างนี้ชื่อ อย่างนี้ รู้ๆ กันครับๆ

“เออกูก็ได้ยินแว่วๆ มาเหมือนกันนะ ” ผมขอแนะนำอีกคนนะครับเธอคนนี้ ชื่อว่า เบน ชื่อเหมือนผู้ชายแต่จริงๆ เธอเป็นผู้หญิงนะครั บแต่มีนิสัยชอบจิกกัดเพื่อนเป็นงานอดิเรก ส่องผู้ชาย ตามตึกอื่นๆ คืองานรอง  มีอาการแพ้ผู้ชายหล่อๆ อย่างรุนแรง (อาการเดียวกับอิสุชาติเป๊ะๆ) 

“ข่าวโคมลอยรึเปล่ามึง มั่วกันใหญ่ละ” พวกมันสองตัวเบ๊ะปากใส่ผมพร้อมกับกรอกตามองบน มันคงคิดใน ใจ อะค่ะ เชิญต่อแหลต่อไปค่ะ อะไรประมาณนี้ละมั้ง 5555

“ข่าวโคมลอยรึเปล่าอันนี้ไม่แน่ใจ แต่ที่รู้ๆ วิศวะมีเอี่ยวอะคะ หุหุ” ถึงชอตนี้ผมถึงกับเอ๋อแดกเลย เอ๊ะหรือว่า เบนมันจะรู้จริงๆ ว่าผมคบกับกายอยู่ แต่เรื่องอะไรเล่าที่เราจะยอมจนมุมง่ายๆ ความยังไม่แตกก็แหลกันต่อไปครับพี่น้อง

“โอ้ยลำไย  นี้สรุปจะไม่บอกเพื่อนฝูงจริงๆ ใช่ปะ”

ออฟไลน์ thitema3

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
“บอกมึงก็แซวกุสิ อุ้บบบส์”

“สุดท้าย ก็หลุดปากนะมึง ได้ มึงไม่บอกก็ไม่เป็นไร เพราะถ้าพวกกูรู้เรื่องเองเมื่อไหร่ละก็หึหึ ดังทั้ง มอ จอบอ ค่ะ ”ผมรู้สึกสั่นๆ กลัวขึ้นมานิด เพราะรู้ความชั่วของพวกมันดีว่าพวกมันทั้งสองพูดจริงทำจริง

“เออ เบนจี้กูเห็นด้วย ถ้ามึงไม่บอกนะ เจ ....” แต่ผมก็ไม่ได้ใส่ใจพวกมันอะไรขนาดนั้นหรอกครับตอนนี้ ขอรีบๆ ทำงานให้เสร็จแล้วกลับไปนอนอยู่ที่ห้องดีกว่า  ระหว่างที่ผมกำลังนั่งเขียนงานก็รู้สึกเริ่มคันยุบๆ ยิบ เพราะผมหน้าของผมนี้ยาวจน ถึงลูกกะตา เล่นเอาจั๊กจี้ไปหมด ผมเลยเงยหน้าขอยืมยาง อิเบนเพื่อเอามามัดจุดซะหน่อย

ตุ้บ !!

“โอ้ย !!!” ผมนั่งหน้าฟุบลงกับพื้นร้องเสียงหลงที่อยู่ๆ มีอะไรไม่รู้กระทบกับหัวผมเข้าอย่างจัง ถ้าให้เดาๆ ผมว่าน่าจะเป็นลูกบอล แต่เดี๋ยวนะ นี้ตึก คณะนะสัด ไม่ใช่สนามบอล

ผมค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมอง ส่วน เบนกับอิกี้มัน ก็คงมองอยู่ก่อนหน้าแล้ว แหละ ว่าแต่ทำไมพวกมันถึงทำหน้าสตั้นกันขนาดนั้น. .
ผม ค่อยๆ มองหน้าไอเด็กที่กำลังวิ่งมาหาผมให้ชัดๆ ภาพแม้งเบลอ สมองกูไปหมดแล้วมั้งนิ่ผมใช้เวลาปรับภาพตรงหน้าอยู่ครู่นึงก่อนจะพยายามเพ้งให้ชัดๆ อีกครั้ง

“เอ้ย พี่  ผมขอโทษ เจ็บมากรึเปล่า !” แหม่ไอสัดถามมาได้ว่าเจ็บมั้ย มึงลองมอนั่งแล้วให้กูเตะอัดหัวมึงบ้างปะละสัด โอ้ย ยิ่งพูดยิ่งเจ็บๆ

“กูร้องเสียงหลงขนาดนี้มึงคิดว่ากูเจ็บป่าวละสัด”

“ผมขอโทษนะครับพี่ผมไม่ได้ตั้งใจ” แต่แล้วอยู่ๆ ไอเด็กตรงหน้าผมมันก็ขยับเข้ามานั่งยองๆ ใกล้ๆ กับผมแถมยังเอามือลูบหัวยังกะกูเป็นน้องมึงแหนะไอห่า

“คุณพระ!” น่าจะเป็นเสียง อิเบน

“ตายยแล้วว!! ”  ส่วนนี้ อิมังกี้แน่ๆ

“พอๆ เลยทำอะไรของมึง มาจับหัวกูทำไม. . .” ผมปัดมือไอเด็กนั้นออก แต่ก็ยังมิวายมีเสียง โอดครวญจากป้าๆ สองคนข้างๆ ผมที่แกล้งสำออย เจ็บตามผมไปด้วย เพื่อหวังเรียกคะแนนสงสาร แต่โทษๆ นะครับกูโดนคนเดียวเต็มๆ

“โอ้ยย !! อิเบน กูเจ็บไปหมดเลยอะมึง สงสัย สมองกระทบกระเทือน”

“แต่ อกกูเหมือนมันจะระเบิดออกมาเลย นะอิลิง อ๊อยย!!!!(เสียงนี้แบบ....หืมม5555)”

“ผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นะครับ ต้องทำยังไง พี่ถึงจะหายโกรธผมอะ” ประเด็นแรกคือผมไม่ได้โกรธ ส่วนประเด็นที่สอง คือ...มันจำเป็นต้องยิ้มอ่อนขนาดนั้นให้ผมด้วยเหรอเนี้ย   ผมก็แค่ตกใจ+โมโหเฉยๆ นั่งอยู่ดีๆ ก็เจ็บตัว

“แล้วใครสั่งใครสอนให้เล่นบอลในตึกคณะเนี้ยห้ะ !”ถึงผมจะไม่ใช่เจ้าถิ่นแต่ขอโวยหน่อยเถอะครับ ฟิลกำลังมา

“ผมก็แค่ซ้อมบอลกับเพื่อนเฉยๆอะพี่ ”

“ในตึกเนี้ยนะ!!!” ผมตะโกนถามเสียงแข็ง

“แต่. . . เดี๋ยว นะครับ...พี่ใช่ ...เห้ย พี่ เจ พี่เจใช่ปะครับ..” ผมมองหน้ามัน งงๆ ทั้งๆที่พึ่งเจอกันครั้งแรกแต่ไหงมันถึงรู้จักชื่อผมได้ละเนี้ย

“ถ้าใช่แล้วจะทำไมวะ ...” มึงจะเอาแป้งมาโรยแล้วถูขอเลขบนหัวกูว่างั้น ? - -*

“เห้ยพวกมึง นี้พี่เจ วะ ” ไอเด็กตรงหน้าผมมันตะโกนไปด้านหลังเรียกเพื่อนของมันให้เดินมาที่กลุ่มของผม เล่นเอาอิเบนกับอิชาตินี้อยู่ไม่เป็นสุขเลยครับเพราะไอพวกที่ตามมาหลังๆ มันดันถอดเสื้อโชวกล้ามโชวซิกแพ็กจนพวกอิเบน ดิ้น คลุกคลิกอยู่ข้างๆ ตัวผมเนี้ย


“พี่ เจจริง ด้วย !!”

“โหแม้ง ตัวจริง แม้งน่ารักกว่าในรูปอีก. . ..”เดี๋ยวๆ ชักจะนอกเรื่องแล้ว นี้ผมกำลังคุยเรื่องที่มันเตะบอลมาอัดผมอยู่นะ แล้วอยู่ๆ มันจะมาสนใจอะไรกับอิแค่ชื่อผมเนี้ย แล้วไอหน้าหล่อๆ สูงยาวนั้นมันพูดว่าไง นะ รูปอะไรตัวจริงอะไรผมฟังไม่ทันเพราะพวกมันพยายามแย่งกันพูด จนผมฟังแทบจะไม่รู้เรื่อง

“หยุด!!!” ผมตะโกนเผลอตะโกนขึ้นมาเสียงดังเพราะเริ่มรู้สึกทนไม่ไหวกับไอเด็กพวกนี้แล้ว. . .แต่มันก็ได้ผลนะครับ ไอเด็กพวกนี้ยอมหยุดพูดและนั่งดีๆ แถมพวกอิเบนกับอิกี้ นี้ เงียบกริบเลยครับ

“ครับพี่ เจ” ไอเด็กคนที่เตะบอลอัดผมหันมาส่งยิ้มหวานๆ ให้ พร้อมกับเพื่อนๆ ของมัน ทำไมมันแลเชื่องๆ จังวะ หึหึแปลกคน

“ประเด็นแรกคือกูเจ็บ ประเด็นที่สอง คือ ยังไม่มีใคร ขอโทษกูเลย”

“แต่ผมขอโทษพี่เจ แล้วนะ หลายครั้งด้วย ” เหรอ เมื่อไหร่วะ ? หรือผม มัวแต่ มึนๆ อยู่เลยไม่รู้ว่ามันพูดขอโทษผมตอนไหน ไอเด็กนั้นมันหันไปโบกกะบาลเพื่อนมันทั้งสองคนก่อนที่พวกมันแทบจะก้มกราบตีนผมอยู่แล้ว ผมเอียงตัวหนี ไอเด็กพวกนี้ แม้งจะกราบผมเฉย

“เออพอๆ กูไม่ได้ซีเรียสอะไรขนาดนั้นหรอก กูไม่ใช่เจ้าถิ่นไม่อยากโวยวายเยอะ. . ”

“หรา/หรา!!!” เสียงพวกมันสองตัวพร้อมใจกันประสานเสียง

“นี้ขนาดไม่ใช่เจ้าถิ่นนะค่ะ บ่นยังกับเจ้าของตึกอิห่า. . .”

“ก็มันจริงนี้หว่า. . . ”ไอเด็กสามคนนั้นเอาแต่นั่งยิ้มเยิ้มๆ ส่งมาให้ผมไปๆมาๆผมเริ่มประหม่าแล้วสินี้

“พี่จะบอกอะไรให้นะเว้ย ในฐานะ ที่พี่เป็นผู้เคราะห์ร้ายในเหตุการณ์ครั้งนี้  . . ที่หลังอะถ้าจะเล่นกันก็ออกไปเล่น นู้น (ผมชี้ไปที่สนามฝั่งตรงข้ามกับตึก) อย่ามาวิ่งเล่นเตะในตึกกัน เพราะ แม้งอันตราย สัดๆ ถึงตอนนี้จะเย็นๆ แล้วแต่คนมันก็มีอยุ่เยอะแยะไปหมด แถม บาง จุด มันก็ลื่น  เพราะพี่ๆ ป้าๆ แม่บ้านเขาก็เพิ่งจะมาทำความสะอาดกันไว้ แล้วอีกอย่างนะเว้ย ถ้าคนที่นั่งอยู่ตรงนี้ไม่ใช่ พี่แต่เป็นพวกอาจารย์หรือรุ่นพี่คนอื่นๆ เรื่องมันอาจไม่ได้จบแค่การขอโทษแน่ๆ. . .”ผมพล่ามบ่นอะไรเรื่อยเปื้อย อยุ่นานสองนาน แต่ไอเด็กสามคนตรงหน้าผมนี้ยิ้มรับกันอย่างเดียวเลยครับไม่รู้ว่าไอที่ผมพูดๆ ไปนี้จะทุลุเข้าโสตประสาทของพวกมันบ้างรึเปล่า ?

“ยังไงพวกผมก็ต้องขอโทษพี่เจ อีกทีนะครับพี่ ^ ^”  ไอเด็กที่เตะบอลใส่ผมกระตุกยิ้มมุมปาก แม้งดูเจ้าเลห์ชิบหาย

“เออๆ เรื่องก็ให้มันแล้วๆ ไปเหอะ พี่ไม่ได้เป็นอะไรมาก . . พวกมึงจะกลับกันยังอะ”ผมหันไปขอความเห็น อิเบนกับอิกี้ที่นั่งทำตาหยาดเยิ้มมองน้อง ที่นั่งข้างๆ ผมอยู่

“หล่อค่ะ. . ”

“ละมุนมาก โอ้ยย!!” 

“เออๆ งั้นพี่ไปก่อนนะเว้ย ฝากดูอิสองตัวนี้ด้วย” ผมลุกปัดก้นทำท่าจะลุกหนีแต่ไอเด็กเจ้าเล่ห์นั้นก็รั้งมือผมเอาไว้ก่อน

“มีไรวะ”ผมถามทันที ที่หันมามองมัน

“ก่อนพี่จะไป ผม..เอ่อ..ขอถ่ายรูปด้วยได้ป่าวครับ”...หืม ถ่ายรูป...กับผมเนี้ยนะ ?

“กับกู..เนี้ยนะ?”

“ใช่ๆ พี่เพื่อนผมมันก็อยากถ่ายกับพี่นะ จริงมั้ยพวกมึง”มันหันไปขอความเห็นจากเพื่อนมันและความเห็นก็ดูจะตรงใจกันเหลือเกิน..พร้อมใจกันพยักหน้าเชียว

“เออๆ”แค่เออคำเดียวจากปากผมพวกมันก็เข้ามารุม ขอถ่ายรูปกับผมกันซะยกใหญ่ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกันว่าพวกมันจะขอถ่ายรูปผมไปทำไม แต่ถ้ามันจัช่วยให้ผมหลุดจากมือไอเด็กนี้ได้ผมว่ามันก็คงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร


ผมเดินออกมาจากตึกคณะนิเทศศาสตร์ ได้สักพักก็มีฝีดเด้งในเฟสบุ๊คดังขึ้นมา เขียนไว้ว่า มีบุคคลๆหนึ่งได้กล่าวถึงผมรวมอยู่ในแท็ก. . . ชื่อไม่คุ้น อะไร ก็ไม่คุ้น แล้ว ใครแท็กผมวะ.  .ผมลองกดกเข้าไปดูก็เจอหน้าหล่อๆ ของไอเด็กสามคนนั้น ยิ้มแกล้มปริพร้อมกับแคปชั่นที่ว่า

“เด็ดกว่า เดือน นิเทศ ก็พี่เจคณะ มนุษย์ศาสตร์นี้แหละคร้าบบบ ><” ผ่านไปแค่ห้านาทีตอนนี้ยอดไลท์ 364+ แล้วครับผมนี้อึ้งเลย หึหึ ผ่านไปสักพักฟีดผมก็เด้งรัวๆ ยิ่งกว่าตอนแรกเพราะ ดันมีคนแห่มาคอมเม้นกันระนาว จนไอโฟนของผมนี้รวนไปหลายนาทีเลยละครับ

กลับมาถึงร้าน ประมาณ สามทุ่ม ผมยังเห็นยัยเอิร์นนั่ง ยิ้มอยู่คนเดียวในห้องนั่งเล่น แถมยัง เอาหน้าถูๆไถๆไปมาราวกับว่า กำลังฟินอะไรสักอย่างอยู่แน่ๆ
ผมเดินกะจะเข้าไปถามว่ากำลังนั่ง ฟินจิ้นหนุ่มคนไหนให้ชอบกันอีก ยัยเอิร์นก็เงยหน้าขึ้นมามองผม พร้อม กับ ทำตาขว้างทันที นี้ผมมาขัดจังหว่ะความสุของน้องใช่มั้ยนิ่ หึหึ

“พี่เจ !” ยัยเอิร์นมองหน้าผมพร้อมกับพูดเสียงแข็ง . . .สรุปโกรธผมจริงปะเนี้ย แล้วโกรธเรื่องอะไรละ?

“คร้าบ ว่าไง สาวน้อย มองพี่ตาขวางเชียว โกรธอะไรพี่หรอ ?” เมื่ออีกฝ่ายร้อนมาผมก็ควรจะเย็น ไว้ครับ

“พี่เจเลือกใคร ?” ผมไม่ค่อยเข้าใจคำถามที่ยังเอิร์นถามออกมาเลย เลือกใครอะไรยังไง ?

“หืม ?”ยัยเอิร์นทำหน้าเบื่อหน่ายแต่ก็ยอม ยกโทรศัพท์ที่ทาท่าหวง ไม่อยากให้ผมดู เปิดรูปขึ้นมา แล้วนั้นก็ทำให้ผมร้องอ๋อ รูปของผมกับไอเด็ก สามคน ที่พึ่งเจอที่มอ เมื่อกี้

“อ๋อรุ่นน้องพี่หน่ะ พี่มหาลัย พึ่งเจอกัน ก่อนพี่กลับมาแปปเดียวเอง ”คำตอบของผมทำเอายัยเอิร์นยิ้มออก สรุปคิดอะไรไปไกลแล้วใช่มั้ยเนี้ย น้องผม - -*

“แล้วพี่เจ ว่าคนไหนหล่อ . .”ยัยเอิร์นดึงผมให้ลงไปนั่งข้างๆ และชี้คนในรูปแต่ละคนให้ผมนั่งวิจารย์

“อื่อ...คนนี้มั้ง”ผมชี้ไปมั่วๆ เพราะไม่อยากใส่ใจอะไรกับรูปมาก แถมอยากรีบขึ้นไปนอนแล้วด้วย คิดไปคิดมาผมไม่น่าเดินเข้ามาหายัยเอิร์นเล๊ยจริงๆ

“คนนี้ ขื่อเบส เดือนคณะ นิเทศศาสตร์ ส่วนคนทางซ้าย ชื่อแบงค์ อีกคนชื่อ ปาลม์ น่ารักทุกคนเลยโน๊ะพี่เจว่ามั้ย ?” ยัยเอิร์นหันมาส่งส่ยตาปิ้งๆ ให้ผม ๆเองก็มองไม่ออกหรอกว่าใครคนไหนน่ารักกว่ากัน เลยแค่พยักหน้าแทนหน้าแทนคำพูดไป

นั่งคุยกับยัยเอิร์นได้อีกแปปเดียวผมก็ขอตัวขึ้นมา นอน กลิ้ง ไปมาอยู่บนห้อง นอน จะว่า ไปนี้อาจเป็นครั้งแรกของรอบวัน ที่หัวผมได้สำผัสกับที่นอนนุ่มๆสบายๆ อย่างนี้  และก่อนที่ผมจะคล้อยหลับไป ก็คลับคล้ายคลับคลาว่าได้ยินเสียง แมสเสทอะไรซักอย่าง  แต่ไม่ได้ใส่ใจอะไร เพราะ ตอนนี้หนังตาของผม มันหนักอึ้งเกินจะต้านไหว

รุ่งเช้าผมตื่นขึ้นมาสดใสกว่าปกติไม่รู้ว่าด้วยเพราะอะไร แต่ก็อย่างว่าแหละนะครับ การที่ผมตื่นเช้านี้ ช่วยสร้างความแปลกตาแปลกใจให้กับพี่น้องคู่นี้มากครับ

“ต๊ายตาย! สงสัยวันนี้หิมะคงตกในไทย !”พี่อินยืนบ่นขมุบขมิบอยู่ในครัวส่วนผมก็แค่บังเอิญเดินผ่านมาได้ยินแค่นั้นจริงๆ

“แล้ว เอิร์น ละพี่อิน ?” ผม เดินมาถึงห้องนั่งเล่นก็ต้องแปลกใจเพราะ ถ้าเป็นวันปกติยัยเวลาเช้าๆแบบนี้ยัยเอิร์นคงจะมานั่งอ่านฟิคหรือไม่ก็ส่อง เพจ คิ้วบอยอะไรนั้น แล้ว แต่วันนี้ ไม่เห็นหน้าเลย . .

“เห็นว่าจะมีแฟนมีต แถวนี้นะ เลย ไม่เรียกสมาชิกมาร่วมตัวกันหน่ะ” ผมก็ไม่ค่อยจะสนับสนุนน้องตัวเองเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้เท่าไหร่หรอกนะครับ แต่ถ้ามัน ทำให้กายเรียนของยัยเอิร์นกระเตื้องขึ้นนิดหน่อยผมก็โอเค

“ตื่อ ดื่อออ !!!” เสียง เปิดประตูจากหน้าร้านดัง เผยให้เห็นเด็กผู้ญิงร่างเล็ก หน้าตาน่ารักๆ เดิน เข้ามาพร้อมกับอมยิ้ม จนแกล้มแทบปริ ไม่รู้ไปอารมณ์ดีมาจากไหน . . .

“พี่เจ ค่ะ” หืม วันนี้มาโหมดไหนละนิ่ผมตามน้องสาวตัวเองไม่ทันจริงๆ

“หือ...” ผมเอียงตัวไปมองว่ายัยเอิร์นแอบซ่อนอะไรไว้ข้างหลัง เพราะตั้งแต่เดินเข้ามาก็เห็นเอามือผ่ายหลังอย่างเดียวเลย แต่เหมือนยัยเอิร์นคงจะจับผิดสังเกตุผมได้ละมั้งเลย แบมือ ออกมาสองข้างเลย ไอผมก็แอบคิด ว่า ยัยเอิร์นจะแอบวางแผนอะไรไว้ซะอีก

“พี่เจ ออกมาข้างนอกพร้อมกับ เอิร์นหน่อยสิ  .. ” ยัยเอิร์นไม่พูดเปล่าแต่เดินเข้ามาจูง มือ ผม(ขอย้ำว่าจู.ไม่ใช่จับนะครับ)
พอเปิดประตูหน้าร้านออกมา โอ้โห เฮ้ นี้ มันแสงอะไรหนักหนาไม่รู้แยง เข้าตาผมเข้าอย่างจัง ทีแรกผมก็นึกว่าแดดตอนหกโมงเช้ามันจะ แรงอะไรปานนี้ แต่พอลอง จ้องมอง ดีๆ หืม ทั้งกล้องทั้งคนครับไม่รู้ เกือบสี่สิบชีวิต กำลัง ยืน กดชัตเตอร์รัวๆ แสงแฟลชกระจายเข้าเบ้าตาผมจนแสบไปหมด จนยัยเอิร์นต้องบอกให้หยุด คนพวกนั้น ถึงวางกล้องลงกัน

“นี้มันอะไรกันเอิร์น”ทันทีที่ผม เริ่มมองภาพข้างหน้าชัดๆ ได้ก็เริ่มถามยัยเอิร์นเลยครับ

“คนพวกนี้ คือ แฟนคลับ ของพี่เจ ค่ะ !!” หืม ..ฟฟฟ...แฟนคลับ ? ผมจ้องมองพวกเด็กผู้หญิงๆ น่ารักๆ หลายสิบคน เห้ยผู้ชายก็มีเว้ย กำลังยืนยิ้ม แก้มแทบแตก มาให้ผม จากตอนแรกที่เริ่มงงๆ ก็อดยิ้มไม่ได้ครับ สงสสัยบรรยากาศมันพาไป แต่ เดี๋ยว.. แฟนคลับของผมเนี้ยนะ ?

“สองคนหน้าคนสูงๆ ฝั่งซ้าย ชื่อ ออมกับแอร์ค่ะ เป็นแอดมินเพจคิ้วบอย” ผมมองผู้หญิงตัวสูงๆขาวๆ สอง คน เชดดด แฝดกันซะด้วยผมพึ่งสังเกตุประเด็นคือน่ารัก สัดๆ แต่ไม่น่ามาอวยให้ผู้ชายเขาชอบกันเลยนะครับน้อง หึหึ

ผมยืนฟังยัยเอิร์น ร่ายชื่อแนะนำแต่ละคนให้ผม ฟังผมเองก็จำไม่ได้ทุกคนหรอกครับ แค่ผงกหัวพอเป็นพี่ทีก่อนจะพาแขก เกือบสี่สิบกว่าคนมาให้พี่อินได้เจอ จริงๆ ผมก็แอบปลื้มอยู่นะครับ ที่ อย่างน้อย ก็มีคนกลุ่มเล็กๆ ให้ความสนใจในตัวผมกันขนาดนี้ จริงๆ ไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่าจะมี กลุ่มแบบนี้เกิดขึ้นถ้ายัยเอิร์นไม่บอก ผมตอนแรก นี้ผมคงคิดว่าเป็นพวกกลุ่มมอบประท้วงอะไรสักอย่างหน้าร้านผมแน่ๆ ละ  ฮ่าๆ

และ ผมก็พึ่งจะรู้ความจริง เมื่อเร็วๆ นี้ว่า กว่าที่ผม จะได้เป็น ที่รู้จักของใครหลายคนในเพจนี้ เหตุแม้งเกิดจาก การแชร์รูปของไอสามตัว ที่ผมถ่ายรูปกับมันเมื่อ วาน . . . เพราะมันสาม คนก็เป็น คิ้วบอย ที่มีชื่อเสียง ไม่ต่างจากผมในตอนนี้เลย
(อวยตัวเองสุดๆ ฮ่าๆ) 
TBC . . . .


ตอนนี้ก็ได้ผ่านช่วงสอบไฟนอล (ขึ้นปีสองแล้วเย้ๆ) ที่หายไปเพราะต้องเตรียมตัวสอบนะครับผม ต้องขอโทษด้วยจริงๆ  :hao5:
หวังว่าคงจะยังไม่ลืมกันนะครับ  :mew2:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-05-2017 02:53:55 โดย thitema3 »

ออฟไลน์ thitema3

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
Falling In Love
หลุมพรางหัวใจของนายหน้านิ่ง


Chapter:32 ถาม & ตอบ

วันนี้ผมเดินเข้ามาที่คณะช้ากว่าทุกครั้ง เพราะดันเสียเวลาไปกับแก้งๆ แฟนคลับ ที่มายืนรอผมถึงหน้าบ้าน กะว่าจะมาพักสมองๆ คิดอะไรเบาๆ ที่คณะหน่อย แต่ก็ยังมิวายโดน อิพวกสองตัวมันรุมคำถามใส่แบบ อัลลิมิเตด

“นี้!!ๆ อิเจกูได้ข่าวว่ามึงไปคั่วเด็ก สามคนนั้น ช้ะ คือแม้ง ในเพจคิ้วบอย ข่าวของมึงกำลังดังเลยตอนนี้รู้ตัวปะ”ผม

“เออๆ กูก็จริงๆ ข่าวของมึงน่ะ..อังไออึ้ง เอจอ่อ๊า ไอ เอย”  อิลิง มันพูดพร้อมกับเคี้ยวขนมปังเต็มปาก และก็ของอะไรอีกไม่รู้เต็มไม้เต็มมือของมันไปหมด

“อิลิงกัง!!”  เบนหันไปตะคอก อิลิงใหญ่เลยครับไม่รู้โกรธอะไรกันรึเปล่า อิลิงมันพยายามกลืน ก้อนขนมปังใหญ่ๆ ที่พึ่งกระเดือกลงคอไปอย่างยากลำบาก

“อุ้ยๆ โทษๆ พอดีลืมตัว แหะๆ อะอิเจ นี้ของมึง..”  จู่ๆ ของในมืออิลิงก็ถูกส่งมาที่มือผมอย่างงงๆ

“อะไรวะ ?"

“ก็ของมึงนั้นแหละค่ะ “. . .และก็ นั้นยิ่งทำให้ผมงงไปกันใหญ่ ของผมอะไรยังไง ?

"โอ้ย อิเจ เลิกแกล้งโง่นะคะ ของแฟนๆ มึงทั้งนั้นแหละ ค่ะ รู้อะไรรึเปล่าก่อนที่มึงจะเสด็จมาถึงคณะเนี้ย มีหนุ่มๆ ทั้งเดือนและดาวคณะไหน แวะมาเยี่ยมเยียนมึงบ้าง " คำตอบของอิลิงทำเอาผมยืนอึ้งพูดไม่ออก . . .

"มึงไม่รู้ตัวหรอค่ะ ว่าตอนนี้ ตัวเองฮอตขนาดไหน ตั้งแต่ไป อ่อย. . ..  เอ่อกูหมายถึง ได้ มีเอี่ยวกับพวกเดือน นิเทศ อะ" อ่อคงจะด้วยเหตุผลเดียวกับ ไอเด็กสามคนนั้นสิ นะ ผมก็นึกว่าจะรู้กันแค่วงแคบๆ ซะอีก


"อ่อๆ กูพอเข้าใจละ แล้วนี้พวกมึงไม่รีบไปติวหนังสือกันหรอวะ วิชาต่อไปของ สุรพงษ์นะเว้ย !”  คำถามของผมทำเอาพวกมันทั้งสองคนอึ้งๆ ตามกัน

"กูลืมสนิทเลย มัวแต่สนใจแฟนคลับของมึงอยู่ อะ เพราะมึงคนเดียวเลยอิเจ" อ้าวไหงโยนขี้ให้กูละครับอิมังกี้

"เออ อิเจ เมื่อ เช้า มีหนุ่มวิศวะ มาหามึงด้วยหล่ะ " อยู่ๆ เบนมันก็พูดสวนขึ้นมา ทำเอาผมกับอิมังกี้ที่กำลัง ยืนเถียงกันต้องหันมาสนใจ

"วิศวะ?" ใครกันนะที่มาหาผม หรืออาจจะเป็นแฟนคลับที่พวกมันพูดถึง แต่ในความคิดของผมคงมีแค่ ไอวิน อะตอม หรือ..จะเป็นไอคุณชาย แค่นึกถึงช่ือมันผมก็ขนลุกซู่ละครับ บรึ้ยย !!

"หน้าตาเป็นไงวะ . ." ผมลองเชิงแกล้งถามๆ อิเบนมัน

"หล่อลืม!! พูดเลย จริงป๊ะอิลิง " มันหันไปขอความเห็นลูกคู่ของมันที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็ได้คำตอบแบบเดียวกัน

"ตัวสูงๆ ขาวๆ หน้าหล่อๆ ผมสั้นๆ ป่ะ"  ผมเลยลองถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ

"น่าจะใช่ละมั้ง เพราะกูมองหน้า เขาแค่แวปเดี๋ยวหลังจากนั้นกูก็ซูมเป้าเขาอย่างเดียวเลยอะ " บทจะ ไร้สาระกัน ก็เป็นกันเอามากเลยแหะเพื่อนผมแต่ละคน

"แล้วเขามาว่าไงบ้างวะ"

"ก็ไม่ว่าไงอะเขาแค่มาถามว่ามึงมารึยัง พวกกูก็บอกว่ายัง แล้วเขาก็เดินจากไป พร้อมกับ เป้าตุงๆ ของเขา" อิพวกนี้ก็จะโยง เข้าเรื่องเป้ากันอย่างเดียวเลย ผมรู้สึกตะหงิดๆ แปลกๆ ว่าจะเป็นไอกายแล้วถ้ามันกำลังคิดมากเรื่องอะไรเกี่ยวกับผมอยู่ละ เรื่องมัน จะ ไปกันใหญ่กว่านี้มั้ยนะ ผมลองหยิบไอโฟนกดเบอร์ไปหาไอกาย แต่ปลายสายนี้เงียบกริบเลบครับ โทรไปสามสี่รอบ แล้วก็ยังเฉยอยู่ๆ คิดในแง่ดีคือกายมันอาจจะติดอ่านหนังสืออยู่ แต่ในแง่ร้ายมันอาจจกำลังโกรธอะไรผมซักอย่างอยู่ก็เป็นไปได้ (หรือผมจะคิดมากไปเองวะ เห้อ)ไม่รู้แล้วโว้ยเอาเป็นว่าสอบเสร็จแล้วค่อยมาเคลียก็แล้วกัน

ผมใช้เวลาที่มีเหลืออันน้อยนิดนั่งติว ชีทที่อิลิงมันปริ้นมาให้พวกผมพร้อมแล็กเชอร์อย่างดี นั่ง อ่านๆ ไปก็พอจะเข้าใจอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ถึงกับร้องอ๋อ ทุกวรรคหรอกนะครับ . . .และแล้วเวลาที่ รอก็มาถึง ระหว่างสอบผมกับ อิเบนนี้กุม ขมับกันเลยครับ เพราะ โจทย์แต่ละข้อมันไม่ได้ตรงกับ ที่อาจารย์บอกไว้เลยครับ เหมือน เขาบอกให้นักศึกษาอ่านบทที่หนึ่ง แต่ ออกบทที่สองอะไรงี้ พวกผมก็มีแอบๆ สะกิดเพื่อนข้างโต๊ะกันบ้าง พวกมันก็มีน้ำใจยอมบอก แถมยังต้องคอยหลบสายตา ที่ จ้องมองมาทางพวกผมบ่อยๆ ขืนโดนจับได้ นิ่ โดนกาข้อสอบกลางหน้ากระดาษแน่ๆ ครับ

สอบเสร็จแต่ยังไม่เสร็จดีครับ ถึงวันนี้จะมีสอบแค่วิชาเดียว แต่พวกผมก็พากันมานั่งเครียดอยู่หน้าคณะ เพราะวิชาสุดท้าย เป็นทฤษฎี ล้วนๆ ครับ เอาตามความเข้าใจของนิสิตเองเลย คะแนน ก็ตามลายมือที่อาจารย์อ่านออก ใครเขียนมั่วมา มีหวัง F แดกแน่ครับหึหึ


ผมละสายตาจากหนังสือตรงหน้า และลองกดโทรศัพท์ไปหาคุณชายอีกรอบ แต่คราวนี้ติดรอสายครับ ผมเองยังงๆ อยู่วันๆ มันจะไปคุยกับใครกัน นอกจากผม . . . หรือว่า .... เฮ้ยไม่น่าใช่ กายมันไม่มีทางทำอย่างนั้นหรอก . . . เพราะผม เชื่อใจ มัน. . . ผมวางโทรศัพท์ลงข้างตัวและให้ความสำคัญกับการติวต่ออีกครั้ง . . .

ตั้งแต่ช่วงบ่ายถึงตอนเย็นผมติดต่อกายมันไม่ได้เลยครับ ไม่รู้หายหัวไปไหน. . .โทรไปกี่ที่ก็ไม่มีคนรับ จากอารมณ์ที่ว่าจะเย็นๆ ตอนนี้เริ่ม อดไม่ไหวแล้วครับ แม้งเซ็งอย่างบอกไม่ถูก

'อิเจ . . .ทำไมมึงถึงทำหน้าเป็นตูดอย่างงั้นวะ" อิลิงที่เงยหน้าจากชีทมาถามผม

"กูไม่ได้เป็นเหี้ยอะไรทั้งนั้นแหละ อย่าเสือกดิ่. . ."กว่าจะรู้ตัวอีกทีว่าตัวเองพูดอะไรออกไปเพื่อนรอบข้างผมก็นั่งสตันกันไปหลายนาทีแล้ว

"เอ้ย  พอดี กูมีเรื่องให้คิดนิดหน่อยอะ กูขอโทษนะกี้" อิกี้มันยิ้มเก้อๆ แต่ก็ใจดีสู้เสือ พยายามชวนผมคุยต่อ

" เออๆ ไม่เป็นไรกูเข้าใจมึงคงจะเครียด กับการสอบด้วย แต่ที่มึงเป็นเมื่อกี้กูว่ามันเข้าขั้นหนักแล้วนะอิเจ . . . ถ้ามึงมีอะไรไม่สบานใจ บอกพวกกูได้นะเว้ย " น้ำเสียงกวนๆ ของพวกมันเปลี่ยนไปตอนนี้ ราบเรียบสะจนผมเริ่มรู้สึกเกร็งๆ

"คือ...จะพูดยังไงดีละ" ผมเองก็อยากจะบอกพวกมันนะ เพราะไม่อยากมีความลับกับใครเพื่อนกันทั้งนั้น แต่ผมว่าเรื่องบางเรื่อง ปล่อยให้ตัวเราเครียดคนเดียวมันยังดีกว่าต้องลากคนอื่นให้มาคิดมากอย่างเราด้วย

"แฟนไม่รับโทรศัพท์หรอ" คำพูดของอิเบนทำเอาผมอึ้งๆ กับการเดาของมัน บางทีมันก็แม่นไปนะ

". . . "ผมไม่ตอบอะไรได้แน่นั่งน่านิ่งยอมรับกับสิ่งที่อิเบนพูด

"กูคงเดาถูกสินะ เห็น มึงนั่งจิ้มๆ โทรๆ ตั้งแต่ก่อนเข้าห้องสอบแล้วนะ อย่าคิดว่ากูไม่สังเกตุ "บทจะแม่นมันก็แม่นเกินไปครับเพื่อนผมเนี้ย

"เห้อกูเครียดว่าเบน กูควรทำไงดีวะ ติดต่อแม้งไม่ได้เลย. . "ใจจริงผมก็รู้สึกผิดเหมือนกันนะครับที่ทำเอาเพื่อนรอบข้างพลอย เครียดกับเรื่องผมไปด้วย

"กูกับอิกี้จะไม่ถามมึงหรอกนะว่าใคร เอาไว้มึงพร้อมเมื่อไหร่ค่อยมาบอกพวกกูก็แล้วกัน ส่วน เรื่องที่มึงถามว่าควรทำไง ถ้าเขาไม่รับโทรศัพท์ก็บุกไปหา ที่คณะแม้ง กลัวห่าอะไร " ความคิดของอิเบนทำให้ผมต้องชุกคิดขึ้นมา

"กูควรไปหรอวะ ?" มันจะดูเหมือนผมเป็นคนงี้เง่ามั้ยอะ

"โอ้ย ยังจะถาม ดีซะยิ่งกว่าดีอีกอิดอก ยึกยัก โดนคาบไปแดกกูจะขำให้ . . .. อีกอย่างมึงจะได้รู้ด้วยไง ว่าที่มันไม่รับสายมึง เนี้ย เป็นเพราะมันติด ธรุหรือ.....ติดอะไรอยู่....."ยิ่งอิเบนมันพูดอีกก็ยิ่งถูกอีกครับ ว่าแต่ผมควรจะเริ่มยังไงดีละ . . จู่ๆ ให้ดื้อๆ เข้าไปหาที่คณะแบบนั้นเลยหรอ . ..แล้วถ้าเจอมันกำลัง งุ่น อยู่กับ กาย สอบอยู่ผมจะหน้าแตกมั้ย จะโมโห เก้อรึเปล่า . . ทั้งๆ ที่บอกกับใจตัวเองว่าให้เย็นๆ แต่พอเอาเข้าจริงๆ มันกับทำตรงกันข้ามกับความรู้สึกโดยสิ้นเชิง
 
ผมนั่งคิดได้ไม่นาน ตอนนี้ก็เสนอหน้า มาอยู่ที่หน้าตึกคณะ วิศวะ เรียบร้อยแล้วละครับ เวลาช่วงเย็นๆ แบบนี้ คนนี้แทบไม่มีเลยครับ สงสัย หลังจากสอบเสร็จก็คงจะกลับ กันหมดแล้ว (ผมเดาเอาล้วนๆ)

" อ้าว เธอ.. ไม่สิ นาย คนนั้นนิ่ ระหว่างที่ผมกำลังงุงงงวุ่นอยู่กับการตอบแชทที่เด้งมารัวๆ จู่ๆ ก็มีคนแปลกหน้าที่ไหนไม่รู้เดินมายืนอยู่ข้างหน้าผม

"ผมหรอ" ...ผมขี้นิ้วเข้าหาตัวเองเพื่อเป็นการยืนยันว่า ผมไม่ไดิคิดไปเองว่ืเขากำลังคุยอยู่กับผม( ก็แถวนี้มีคนอื่นรึเปล่า)....เอออนั้นสิเน้อว่าแล้วผมก็หันซ้ายขวา เผื่อจะมีใครนอกจากผม แต่ปาาวเลยครับว่างเปล่า เวลาห้าโมงแบบนี้แล้วผ่านนี้ใครเรียนเสร็จก็คงจะหนีกลับบ้านกันหมดแล้ว

" เออว่าแต่รู้จักเราด้วยหรอ? "

"ไม่รู้จักอย่างเป็นทางการหรอก ก็แค่เคยเห็นตอนวันเปิดภาคเรียน ช่วงแรกๆ อะ ที่นายโดนเรียกให้ไปยืน แล้วเต้นเพลงไก่ย่างอยู่หน้าแถวอะ"

จบคำพูดของคนตรงหน้าก็ทำให้ผมนึกย้อนไปเมื่อครั้งตอนยังเป็นนิสิตหน้าใหม่ในช่วงแรกๆ ตอนนั้นผมอายมาก ที่อยู่ๆต้องไปเต้นอะไรบ้าๆบอๆอยู่หน้าแถวแบบนั้นแถมยังมีสายตานับพันจ้องมองมาที่ผมกับเพื่อนๆอีกประมาณ 4-5คน จำได้ว่าตอนนั้น ผมโดนเหมารวมกับพวกที้มันคุยกันในแถวและผมก็บังเอิญหันไปยืมปากกา เพื่อนข้างๆพอดีพอพี่แกเห็นก็เลยเหมารวมว่าผมนั่งคุยไปกับพวกมันด้วยอาจจะด้วยเพราะผมเป็นเด็กใหม่เลยไม่กล้าที่จะโต้แย้งอะไรเลยได้แต่เดินหน้าซึนๆ ออกไปตามที่พวกรุ่นพี่เค้าบอก
อุตส่าจะลืมอยู่แล้วเชียว พอ มันพูดขึ้นมาความรู้สึกสั่นๆวันนั้นมันส่งตรงมาที่ผมในวันนี้เลยครับ

" เห้ยย!!!เป็นไรไปอ่ะ ผมสะดุ้งตัว เมื่อคนตรงหน้ายื่นมือมาสะกิดไหล่ผม”

“อ่อๆป่าวๆ แค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยน่ะ! แล้วนี้ เย็นป่านนี้ไม่รีบกลับบ้านหรอ ดึกๆที่คณะแม้งหลอนนะเว้ย” ผมพยายามหาเรื่องอื่นมาพูดเพื่อให้มันลืมทภาพไก่ย่างสุดสยองในวันนั้น


 “รู้ได้ไงเคยมาหรอ?”

 “ก็...เคย นะ” นึกย้อนไปวันที่ผมต้องปล่อยกายให้นั่งรออยู่ที่คณะคนเดียว เป็นวันที่แย่มากๆเลยหล่ะ

“ แต่ก็น่าแปลกเหมือนกันนะขนาดเราที่ว่าเป็นเด็กคณะนี้ยังไม่กล้าเดินไปไหนมาไหนตอนดึกๆเลย แม่งหลอนชิบ แล้วนี้นี้มารอใครอยู่รึเปล่า ?”นั้นสิผมมาทำอะไรที่ตึกวิศวะเกือบลืมละ

 “อ่อพอดีมาหาเพื่อนหน่ะ แต่ไม่รู้มันไปอยู่ไหนๆ” จริงก็อยากจะบอกมันไปตรงๆแหละครับว่ามาหาแฟน แต่คณะนี้ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชายกันทั้งนั้น ผมกลัวว่ามัน อาจจะมองผมแบบแปลกๆ ก็เลยไม่ได้พูด ออกไป

“แต่ที่ดูๆแล้วเหมือนมาหาแฟนเลยนะ” เอ๊ะ ไอนี้อ่านใจผมได้รึไง ผมไม่ได้ตอบได้แต่ยิ้มปัดๆไป

 “ชื่ออะไรละเดี้ยวเราช่วยหา” คนตรงหน้ายื่นข้อเสนอ ที่จะช่วยเหลือผม


“เอ้ยไม่เป็นไรเราไม่อยากรบกวน. เกรงใจวะ” เกรงใจจริงๆ ครับอยู่ๆจะให้คนที่พึ่งเจอกันครั้งแรก(หรืออาจจะหลายครั้งแต่ผมเองจำไม่ได้) มาช่วยอะไรแบบนี้ ผมว่ามันดูจะเกินไปหน่อย

“เฮ้ยอย่าพูดงั้นดิเพื่อนกัน ไม่เป็นไร” ว่าแต่ผมกับมันไปเป็นเพื่อนกันตั้งแต่ตอนไหนฟร่ะ ไม่เห็นรู้เรื่องเลยแต่ชั่งัรื่องนั้นมันก่อนเถอะครับ ตอนนี้ผมอยากรู้ว่าไอคุณชายมันอยู่ตรงจุดไหน ของคณะกันแน่

“”เอ่อ รู้จักกายป่ะ พอผมพูดไอคนตรงหน้าก็ทำท่าคิดๆ ไปพักนึง

“ไอที่หน้าหล่อๆป่ะ”

“ เออๆไอนั้นแหละ ไม่ต้องสาถยายให้มากความครับแค่อุทานว่าหล่อของวิศวะผมก็นึกหน้าของมันขึ้นมาเป็นคนแรกอยู่แล้ว

“อ่อตอนนี้มันไม่อยู่ที่นี้หรอก” อ้าวเวร แล้วสรุปที่ผมอุตส่าห์เดินถ่อมาถึงนี้มันเพื่ออะไรกัน
 ตอนแรกกะจะมาเซอไพรท์(จับผิด)ซะหน่อยแต่ ดันเจอซะเองเฮ้อ อาจจะฺผิดที่ผมเองที่ไม่ได้แอบสืบมาก่อนว่ามันอยู่ที่ไหน....ก่อนจะมา

“หรอ อืมๆงั้นไม่เป็นไรขอบใจมากนะ”ผมกำลังจะหันหลังเดินกลับแต่เสียง เมื่อครู่ก็เรียกให้ผมหันกลับไป

 “เดี๋ยวๆจะรีบไปไหนอ่ะ” อ้าวคนที่ตั้งใจมาหาไม่อยู่แล้วจะให้กุอยู่ทำเบื้อกอะไรละครับ หืม

 “ก็มันไม่อยู่นิ่”

 “ไม่อยู่ที่คณะไงแต่อยู่อีกที่. แล้วมันคือที่ไหนละ ?

 “น่าจะเป็นหอสมุดอะ เห็นว่าพวกมันไปติวหนังสือสอบกันอยู่อะ” อ๋อที่แท้ก็ไอตึกอาถรรพ์ นั้นนี้เอง แต่ที่ชื่อหลอนๆไม่ใช่เพราะมีผีสางนางไม้อะไรหรอกนะครับเพียงแต่เวลาที่ผมตั้งใจจะเข้าไปอ่านหนังสือทีไรเป็นต้องหลับทุกทียังกะโดนเสกคถาใส่แหนะ

“อืมๆ ยังไงก็ขอบใจมากนะ ที่บอก”

“ ไปถูกมั้ยให้เราเดินไปสงรึเปล่า?” เห็นกูโง่ๆแบบนี้แต่กูก็เคยเข้าหอสมุดนะครับเพียงแต่เข้าไปหลับก็เท่านั้นเองกร้ากกก. พูดเพื่ออะไรวะกูเนี้ยตู
[/b]

ออฟไลน์ thitema3

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
“อ่อๆไม่เป็นๆไรขอบใจมาก นะเว้ย” หลังจากที่คุยกับมันเสร็จผมก็เดินออกมาจาก ตึกวิศวะ ศวะอย่างลำพังทั้งๆที่เตรียมแผนการจะทำอะไรให้ไอคุณชายมันตกใจเล่นๆ แต่ก็ต้องแห้แดกเพราะคุณชายมันดันกระแดะไปติวหนังสือถึงหอสมุดซะนี้ ผมเลยต้องแบกสังขารตัวเองเดินมาถึงหอสมุด ที่อยู่ไกลจากตึกวิศวะพอควร พอเปิดประตูเข้ามาพวกพี่ๆบรรณารักษ์ก็มองยิ้มๆมาที่ผมๆ ก็ส่งนิดๆกลับไปให้พวกเขาเหมือนกันแต่จะว่าไปวันนี้ คนดูเยอะแปลกๆแหะสงสงสัยเป็นเพราะอยู่ในช่วงสอบด้วยมั้ง หรืออาจจะเป็นปกติ แบบนี้ทุกวันแล้วอยู่แล้ว เพราะครั้งล่าสุดที่ผมมา (เมื่อเทอมที่แล้ว)คนยังน้อยอยู่เลยอแต่พอมาวันนี้ เต็มตั้งแต่ทางเดินเข้ายันสุดทางตรงหน้าต่างเลยครับ บางกลุ่มก็นั่งสุมหัวยังกะโด้ปยากันอยู่ๆ ผมเดินผ่านๆ มพยายามใช้สายตามองหาไอคุณชาย

เรื่อยๆ . จากที่คิดว่าเดินเข้ามาจะเจอ เลย กลับต้องเดินตามหามันทั่งหอสมุดตั้งแต่ชั้นหนึ่งยันชั้น หก ห้องแม้งก็ยาวแถมกว้างได้อีก เดินหาจนเหนื่อยก็ยังไม่เจอ รึไอคนที่ผมเจอเมื่อกี้มันจะแกล้งหลอก ผมวะ แต่ไหนๆก็มาถึงขนาดนี้แล้วเหลือแค่ชั้นหกเอง เอาวะ ผมเดินสอดส่องไปทั่วชั้นหก เดินวนอยู่หลายรอบ  ก็ยังไม่เจอ แต่จังหว่ะที่ผมกำลังจะหันหลังเดินลงบรรไดไป เหมือนสายตา ของผม เหลือบไปเห็น หัวของคนจากตรงมุมสุดของห้อง นี้ถ้าไม่สังเกตจริงๆคงจะมองไม่เห็นแน่ๆ

ผมรีบเดินย่องไปๆเบาๆ ไม่ให้คนตรงนั้นรู้ตัวและกำลัง จะโผล่ไปเซอร์ไพรท์มันแต่กระทำของผมก็หยุดลงเมื่อเห็นภาพที่อยู่ตรงหน้า ผมหลุดยิ้มตามทันทีที่เห็น  เพราะกายมันกำลังก้มหน้าอยู่บนโต๊ะเล่นกับลูกแมวตัวนึงอยู่ ซึ่งผมเองก็งงว่าแมวมันหลุดเข้ามาในนี้ได้ยังไงกันและ เหมือนผมเกิดคิดอะไรดีๆออก  และเหมือนกายมันก็คงยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ ว่าผมยืนอยู่ตรงนี้ ผมหยิบไอโฟนของตัวเอง ขึ้นมาอัดคริปไว้ แบล็คเม ไม่สิเก็บไว้ดูัองต่างหาก โมเม้นแบบนี้นานๆทีจะมีคนเห็น ผมเลยต้องถ่ายเก็บไว้ แต่แล้วอยู่ไอกายมันก็ชะโงกหน้าขึ้นมาพอดิบพอดี โชคดีของผมหน่อยที่ฟุบหลบทันและมันก็คงจะไม่เห็นผมแน่ จังหว่ะที่ทำใจอยู่นานว่าจะกลับไปถ่ายต่อดีมั้ย ตอนนั้นผมก็ได้ยินเสียงสั่นๆคาดว่าน่าจะเป็นโทรศัพท์ ผมหยิบของตัวเองขึ้นมาดูอ้าวไม่ใช่ของผมนี้ว่า คงเป็นของเด็กชายกายแน่ๆ เลย ผมเลยได้ทีแอบเสียมารยาทแอบฟังมันคุย. อยู่เงียบๆ

“ เออ!! ....อยู่หอสมุด....ใครวะ ....ตัวเตี้ยๆหน้าแบ้วๆตาโตๆป่ะ (เดี้ยวๆไอประโยคหลังๆนี้คงไม่ได้หมายถึงผมหรอกใช่มั้ย

“...เห้ยจิงดิ (เสียงของมันเหมือนแปลกใจ) อ่อ ...เออๆขอบใจมากมึง ....เออเดี้ยวกูลงไปรอข้างล่างละกัน เคๆ” เสียงของกายมันเงียบไปและเหมือนผมจะได้ยินเสียงฝีเท้า คนเดินผ่านไป มันคงจะไารู้สินะว่าผมมาถึงนานจนเห็นการกระทำมุ้งมิ้งของมันเข้าให้แล้ว... ผมอาอาศัยโอกาสตอนที่มันเดินลงไปด้านล่างแอบดูว่าวันนี้มันทำอะไรอยู่ ถึงไม่ค่อยทักผมมาเหมือนทุกๆวันเลย แต่พอผมเปิดสมุดดูเท่านั้นแหละครับ เอ๋อแดกเลยๆวันๆมันเรียนอะไรของมันนักก็ไม่รู้แถมยังแล็คเชอร์แต่ละสีเล่นเอาผมตาลายจนแทบอวก เลยรีบปิดหนังสือและยืนจ้องหน้ากับไอแมวตัวสีเทาตัวนั้นซึ้งมันก็มองหน้าผมแบบงงๆ มีแอบเอียงคอด้วย(น่ารักวะ) เห้ยๆไม่ได้ๆจะมาเสียเวลาเล่นดับแมวไม่ได้ ผมรีบเขียนโพสอิท ให้กำลังใจมันอย่างลับๆพร้อมกับแอบวางนมหมีที่ แฟนๆให้มา (ไม่คิดจะลงทุนเลยผมอะฮ่าๆ) ก่อนจะเดินออกไปแบบเนียนๆก่อนที่เจ้าตัวเขาจะกลับมา

. . . . . . . . .

ผมเดินออกมาจากหอสมุดได้พักใหญ่แล้วส่วนตอนนี้ก็เย็นมากแล้วด้วยผมเลยโบกมือเรียกพี่แท็กซี่อยู่หน้ามอให้ไปส่งที่บ้าน. พอกลับมาถึงผมก็ล้มตัวลงนอนบนเตียงพร้อมกับเปิดคริปที่ตัวเองพึ่งแอบถ่ายมาหมาดๆพอเปิดดูแล้วก็อดยิ้มตามกับการกระทำน่ารักๆของมันไม่ได้เลย  ผมองเคยเห็นคนเล่นกับแมวมาก็เยอะแต่ไม่คยเห็นใครเล่นกับแมวแล้วมีเสน่ห์แบบนี้มาก่อนเลย นึกๆแล้วแอบอิจฉาแมวนะผมอ่ะ555555 ระหว่างที่ผมกำลังนอนขำๆปนเขินเหมือนคนบ้า ก็มีโทรเข้ามา

 “'sky fall” ชื่อนี้ผมตั้งให้มันหลังจากที่วันก่อนดูเจมบอนจบมาครับ แลขลังๆดี

 “อยู่ไหน...”

“ ดึกป่านนี้คิดว่ากูอยู่ไหนละ” แอบกวนๆมันครับ

 “อยู่คณะหรอ?”

 “จะบ้าเร้อดึกขนาดนี้แล้วเวลาผีออกกูไม่อยู่ให้โง่หรอก”

 “แล้วสรุปอยู่ไหน!”เหมือนมันจะเริ่มหงุดหงิด นิดหน่อยแล้วครับ - -*

 “บ้านครับผมบ้านหน่ะบ้าน มีอะไรรึเปล่า!!”  ผมแล้งถามทั้งๆที่รู้ว่ามันทักมาเพราะอะไร

“ได้ข่าววันนี้มาหาที่คณะหรอ”

 “ไปทำไมเสียเวลาดูหนังโป๊กูหมด”

“ หึหึ” มันขำหึในลำคอเสียงแม้งเจาเล่ห์ชิบหาย

“แล้วมึงเป็นไงบ้างอะ เล่นกับแมวสนุกมั้ย!!”

“ มึงรู้?”ไม่ใช่แค่รู้นะครับมีแม้กระทั้งคริป

“ พี่เก่งครับน้อง.” (พร้อมกับส่งวีดีโอมุ้งมิ้งไปให้มัน) กายมันเงียบไปพักนึงจนผมคิดว่ามันอาจจตายไปแล้วซักพัก ไลน์ผมเด้งขึ้นมา แจ้งเตือนว่ามันได้ส่งวีดีโอมาให้ผม หวังว่าจะไม่ใช่คริปโป๊จริงๆหรอกนะไอนี้ยิ่งบ้าจี้เรื่องพวกนี้อยู่ แต่พอผมเปิดเข้าไปดูเท่านั้นแหละครับ


“เชี้ย!!!'”  ผมเผลอสบถออกมาเสียงดังเมื่อคริปที่ผมเปิดเข้ามาดูคือคริปของผม(แต่ไม่ใช่คริปอย่างว่านะ)ตอนสมัยพึ่งมาเข้าเรียนช่วงแรกๆในวันรับน้อง

“ 'ไก่ย่างในตำนาน ฮ่าๆ'” เชี่ยมันไปขุดมาจากไหนวะแม้งน่าอายชิบหาย

“มึงไปสรรหามาจากไหนวะกาย” ผมนี้อายจนหน้าร้อนผ่าวไปหมด

 “ความลับวะ” ดู่ดู๊ดู มันพูดเข้า

“ไอสัดอย่ายึกยัก” ผมแกล้งๆ ขึ้นเสียงใส่มัน จริงๆไม่ได้โกรธอะไรหรอกครับแค่ อาย อายหน่ะ อาย ><

“ได้มาจากเพื่อน. มันถ่ายเก็บไว้ ก็เลยขอมา”

 “บอกเพื่อนมึงลบเลยนะกาย ไอห่ากูอาย”

“ มึงอายเป็นด้วยหรอวะ” อ้าวไอนนี้มันหลอกด่าผมป่าววะ

“กูก็หน้าบางบ้างเหอะไม่ได้หนาเป็นคอนกรีตแบบมึง” ผมยังคงนั่งบ่นอยู่บนเตียงเป้นฟืนเป็นไฟ

“ ไม่เห็นจะน่าอายตรงไหนเลย ออกจะ. . . .น่ารัก ...”  ผมแอบยิ้มๆกับประโยคหลังของมัน

 “มาหาแล้วทำไมไม่เข้ามาทักละ กลัวอะไร” น้ำเสียงของมันออกแนวเยอะเย้ยผมยังไงไม่รู้

 “กูไม่ได้กลัว!!แต่เห็นมึงตั้งใจติวหนังสือ(เล่นกับแมว)อยู่เลยๆไม่อยากกวน”

 “หรา!!” ผมขี้เกลียดเล่นสงครามปล่อยคริปกับมันเลยพยายามเบี่ยงประเด็นไปที่เรื่องอื่นแทน

“ เออแล้วกินนมยัง” อยู่ๆ ก็นึกเรื่องนี้ขึ้นมาได้ก็เลยพูดๆ ไป

 “นมไหน?”

 “ก็นมหมีที่วางไว้ให้อะ”

“ อันนั้นของมีงหรอ?. นี้มันไม่รู้จริงๆหรอว่าผมเป็นคนแอบเอามาให้ทั้งๆที่ก็อุตส่าเขียนโพสอิทให้รู้ตัวแล้วเชียว

“ ให้พี่กายนะคะ สู้ๆ!! เนี้ยนะของมึง?” หือ!!ตอนนี้ผมเริ่มชักแหม่งๆละ ในโพสอิทผมเขียนไว้ว่าตั้งใจอ่านหนังสือสอบนะหมากาย อย่ามัวแต่เล่นกับแมวกิ้วๆ นี้ต่างหากทึ่ผมเขียนแต่ไอสู้ๆนะคะนี้มันมาได้ยังไงผมงงจริงๆ

“ป่าวอะไม่ใช่ของกูกูไม่ๆได้เขียนแบบนั้นซักหน่อย”

 “อ้าวแล้วใครละ?” นั้นสิผมเองก็อยากรู้? หลังจากที่ผ่านเรื่องราวชวนสงสัยนั้นมาพักใหญ่ผมก็รีบอาบน้ำนอนเพราะพรุ่งนี้ต้องรีบไปที่ตึกแต่เช้า เพื่อติวหนังสือก่อนจะสอบกัน แต่เรื่องโพสอิทนั้นก็ทำให้ผมรู้สึกตะขิดตะควงใจแปลกๆไม่หายแต่ก็ช่างมันเถอะครับอาตจะเป้นเด็กไอกายแอบเอามาแปะไว้ก็ได้ใครจะไปรู้!!


. . . . . เช้าวันต่อมาผมเดินเข้าคณะแต่เช้า (ย้ำว่าเช้า)เวลาประมาณหกโมงห้าสิบสี่นาที แม้แต่แมวซักตัวผมยังไม่เห็นเลย จะมีก็แต่ลุงยาม แล้วก็ป้าๆที่ยืนทำความสะอาดอยู่หน้าตึก ผมเดินส่งยิ้มให้ลุงป้าๆก่อนจะเดินขึ้นห้องไป

“ โอ้โห!!!อิเจมาเช้ามึง เสียงของมังกี้เพื่อนสาวสองเรียกทักเรียกผมทำเอาเพื่อนๆอีกสี่ห้าคนต้องหันมามองที่หน้าประตู พร้อมกับทำสีหน้าตกใจแบบเหมือนไม่อยากเชื่อว่าผมจะมาเรียนเช้า(อะไรจะเวอร์กันขนาดนั้น)

“ก็ว่าละข่าวเมื่อเช้าบอกอากาศจะหนาวในช่วงเช้า เป็นเพราะแม้งมาเช้านี้เอง ส่วนอินี้ไม่ต้องพูดถึงครับลูกคู่เหมือนกัน ตัวแม่เล่นตัวลูกก็ต้องตาม เป็นธรรมดา

“เว่อละพวกมึงอะกูออกจะมาเช้าเป็นปกติ”

“ หราาา!!!!!!”เสียงของพวกมันทั้งสองตัวดังขึ้นมาพร้อมกัน

“ แล้วนี้พวกมึงทำอะไรกันอยู่อะไหนบอกจะมาติว กูไม่เห็นจะมีชีทดิกหรือสมุดหนังสืออะไรเลย!!! ผมพยายามองหาสิ่งของที่ได้พูดไปแต่ไม่ว่าจะหายังไงมันก็ไม่มีอยู่ตรงนี้เลยสักอย่าง

“ ติว? อิเบญหันมาเอียงคอถามผมแบบงงๆ”

“ก็เออไง?” หรือผมพูดอะไรผิดไป ?

 ติวอะไรวะ?

 “ก็เมื่อวานอิกี้ทักมาบอกกูว่าจะมาติวหนังสือที่คณะให้มาเช้าๆกูก็รีบมาเนี้ย”


อิเบนจ้องหน้าผมงงๆก่อนที่เราสองคนจะหันไปมองหน้ามังกี้ตัวการของเรื่อง มันส่งยิ้มแห้งๆให้ผมก่อนจะเขยิบไปกระซิบอะไรสักอย่างข้างๆ อิเบน

“เห้ยย จิงหรอ !!” อะไรจริงไม่จริงวะแล้วทำไมต้องรู้กันแค่สองคนด้วยวะ!!”

หลังจากที่มันนั่งกระซิบกระซาบอะไรอยู่พักนึงพวกมันทั้งสองคนก็หันมายิ้มเลวๆให้ผมเล่นเอาผมเสียวสันหลังวาปไปหมด !!พวกมันคิดจะทำอะไรกับผมกันแน่

“อ่อ คือเมื่อวานกูบอกอิกี้ไปเองแหละ ว่าให้มาติวกูคงลืมอะโทดทีๆ แล้วมึงเอาชีทกับดิกมาป่ะ”

“ เออเอามา” ทำไมผมถึงรู้สึกว่ามันกำลังทำตัวแปลก กับผมด้วยก็ไม้รู้แหะ

“ดีๆปะงั้นไปติ้วกัน”

“ติว!!!” อิกี้พูดแทรกขึ้นมา เสียงดังเล่นทำเอาผมที่นั่งเครียดๆนี้ฮาแตกเลย ฮ่าๆ เพื่อนชวนไปติ้ว กร้ากกขำวะ

“อ้าวรออะไรละคะคุณชายลุกสิค่ะ สแตนอัพพลีสส!!!!”

“แล้วมึงจะไปติวกันที่ไหนละ”

“ ตึกวิศวะ ?”

“ หืมตึกวิศวะ ?” ผมยังงงๆกับพวกมันแค่ติวหนังสือแต่ทำไมต้องถ่อไปถึงตึกวิศวะด้วย

“แต่มันไกลนะมึงจะถ่อกันไปถึงนั้นเลยรึไง” แค่คิดสภาพกว่าจะไปถึงเหงื่อผมก็ไหลแล้วครับ

“เอออน่าก็ที่นี้มันไม่มีสมาธิ แถม เจอแต่หน้ามึงกับอิลิงนี่ กูก็เอียนมากพอแล้วขอให้กูได้ไปเจออะไรแปลกใหม่บ้างเถอะค่ะ” อ่อจุดประสงค์ของอิเบนมันจะไปส่องผู้ สินะหึหึ สรุปได้ดังนั้นผมก็เลยต้องถ่อสังขารตัวเองเพื่อมาติวหนังสือ (ส่วนเพื่อนๆผมหึหึ สองรายนั้นตาละห้อยมอง จิกพวกเด็กผู้ชาย วิศวะที่เดินผ่านไปมา จนสายตาของผมก็บังเอิญ(อีกแล้ว) ไปเจ๊อะกับใครคนนึงเข้า อะตอมครับ ผมลืมบอกไปว่าตั้งแต่วันที่มันมาสารภาพว่าชอบผม มันก็เอาแต่หลบหน้าโทรไปก็ไม่รับสายไลน์ก็ไม่ตอบทั้งที่จริงๆแล้วคนที่ควรลำบากใจมันควรเป็นผมไม่ใช่หรอ? และดูเหมือนว่าอะตอมก็คงจะเห็นผมเหมือนกันสายตาที่มันมองผมเหมือนดูตกใจว่าทำไมผมถึงมาโผล่อยู่ที่ตึกวิศวะในเวลาเช้าๆแบบนี้ แต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้อะตอมมัน ยิ้มให้ผมเหมือนทุกครั้งที่ทำ หน้ามันนิ่งแบบไร้อารมณ์มากและจะหันหลังเดินดลับไป จังหว่ะ นั้นเองเสียงของอิเพื่อนสองตัวของผมที่บอกว่าจะมาติวหนังสือก็คงเหลือบไปเห็นอะตอมเหมือนกัน มันกรี๊ดกร๊าดอะไรของมันกันนักก็ไม่รู้

“11 นาฬิกา” เสียงอิกี้ร้องเรียกให้เพื่อนมันจ้องตามครับ

“งานดีมาก ดีตีอใจอะมึง !!!”

“แต่มึงสังเกตุเห็นใช่ป่ะอิเบญ เมื่อกี้อะ”

“ สังเกตุอะไรวะมึง ก็อิหนุ่มงานดีดีกรีวิศวะคนเมื่อกี้อะ”

“ เออแล้วมันทำไมละ”

“ มันมองมาที่อิเจเว้ย!!มองแบบตัดพ้อด้วยอะมึง”. พออิชายพูดเสร็จอิเบนมันก็รีบเสนอ(หน้า). เข้ามาใกล้ผมเพื่อสแกนความผิดปกติ

“ กูว่ามึงคิดมากไปแล้วอิลิง ถึงอิเจมันจะดึงดูดเพศผู้แต่กูว่าเขาคงไม่สนใจมันตั้งแต่แรกเห็นหรอก . . มั้ง” ผมควรดีใจกับคำพูดของพวกมันสองคนดีมั้ยละเนี้ย

“เชี่ย!!!” อยู่ก็มีเสียงสบถดังขึ้นใกล้ๆตัวผม”

“ มึงด่ากูหรอ?”  ผมหันไปถามพวกมันสองตัวแต่มันดันไม่ตอบกันเแต่ทำหน้าอึ้งๆ พร้อมกับยู่ปากไปอีกทางแทน ผมหันตามที่พวกมันมองกันแต่ทำไมผมถึงรู้สึกเย็นๆที่หลังวะ

“เฮ้ยพี่ผมขอโทษครับ” อ้าวผมก็งงสิอยู่น้องแกมาขอโทษผมทำไม

“ขอโทษพี่ ?”

 “ก็เสื้อของพี่?” หน้าน้องที่มองผมแบบโคตรรู้สึกผิด

“ เสื้อกูทำไมวะ” ผมหันไปถามพวกมันสองตัวแต่ไร้เสียงใดๆตอบกลับครับเป็นเพราะอาจจะอึ้งเบ้าหน้าของไอเด็กนี้อยู่แน่ๆเลย

“ ผมทำหมึกหกใส่” สุดท้ายเป็นไอเด็กนี้ครับที่ตอบคำถามผม ห้ะ หมึก!! หมึกอะไรหมึกเป็นตัวๆใช่มั้ย!!!

“อิเจ หมึกดำ เต็มหลังมึงเลย. . ”เสียงของอิเบนร้องทักผมที่กำลังรนรานอยู่  ชิบหายแล้วหมึกพิมผมเอนดูเสื้อด้านหลังขณะที่พวกมันก็กำลังปัดๆอยู่ที่เสื่อผมอยู่เช่นกัน

“กูว่าอย่าเช็ดเลยแม้งยิ่งกระจาย ดูดีๆแม้งก็ศิลปะนะแก มองโลกในแง่ดีไว้สิ”  ศิลปะบ้านมึงสิ ผมกำลังจะถอดเสื่อออกแต่อิเบนดันจับที่ข้อมือผมไว้


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ thitema3

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
“ มึงจะทำอะไร”

“ ก็ถอดเสื่อไง”

“จำเป็นต้องกลางคณะปะ” ผมปลดกระดุมได้แค่สองเม็ดก็พึ่งจะรู้สึกตัวว่า ตัวผมเองไม่ได้อยู่ที่คณะตัวเองซักหน่อยหน่อย นี้มันเป็นที่อื่นสถานที้ซึ่ง รวมสายตานับร้อยที่กำลังจ้องมองมาที่โต๊ะผม เออวะกูลืมเกือบไปแล้วกู

“ผมขอโทษจริงนะครับพี่เมื่อกี้ผมรีบมากเลยไปสะดุดกับอะไรเข้าก็ไม่รู้!! คือผมไม่ได้ตั้งใจนะครับ ตอนแรกผมก็มีน้ำโหบ้างแหละแต่พอเห็นสีหน้าน้องเขามัน โกรธไม่ลงเลย

“ เฮ้ยไม่เป็นไรอย่าคิดมากพี่ไม่ได้เป็นอะไรซักกนอยแค่เสื้อเลอะเอง”

“ แต่ผม”ไอเด็กนี้ก็ดูจะรุ้สึกผิดเกิ๊น

“ ช่างมันเหอะ รีบอยู่ไม่ใช่หรอ ไปสิ”ผมบอกปัดๆ ให้น้องผ่อนคลายลง

“ ครับยังไงก็ขอโทษอีกครั้งนะครับพี่ “ไอเด็กหน้าหล่อคนนั้นโค้งตัวให้ผมอีกครั้งก่อนจะเดินจากไป

“ โห ทีกับพวกพวกกูทำอะไรนิดหน่อยนี้ด่าจนไฟแลบแต่พอเป็นผู้ชายเข้าหน่อยแหม่ๆ สองมาตรฐานอิดอก แรดจริงๆนะมึงเนี้ย”

“ ก็น้องเขารู้สึกผิดปะวะแต่พวกมึงอะคนละเวอร์ชั่นเลยสัด”

 โอ้ยเสื้อเลอะแบบนี้แล้วผมจะกล้าเดินเข้าไปสอบได้ไงละเนี้ย ระหว่างที่ผมกำลังนั่งงงฆวย เอ้ยงงงวย ว่าจะกลับบ้านไปเปลี้ยนเสื้อดีมั้ย แต่ดูจากเวลาตอนนี้แล้วกว่าจะมาถึงมอก็คงสายแน่ จะโทรหาไอวินก็ไม่ได้อีกเพราะรายนี้ติดต่อไม่ไดเมาพักใหญ่แล้วครับ แต่จังหวะนั้นเองที่ผมกำลังจะลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำ ก็มีฝ่ามือใหญ่ๆ ตบที่บ่าจนผมต้องหันไปมอง

“ กาย!” ผมตกใจ

“ เจ!” กายเองก็คงไม่แพ้กันแต่ผมว่ากายมันน่าจะมากกว่าเพราะดูจากหน้าแล้วเหมือนมันมีคำถามว่า มึงมาทำอะไรที่ตึกวิศวะห้ะ !!

“ เสื้อมึง ...ไปโดนอะไรมา”

“ อุบัติเหตุนิดหน่อยวะ”

“ใครทำ” กายถามผมเสียงแข็ง

“ ไม่รู้วะเด็กปีหนึ่งมั้งแต่มันขอโทษกูแล้วแหละ”

“ แล้วจะทำยังไงต่อจะกลับบ้านเลยมั้ยเดี้ยวไปส่ง!

“ไม่น่าจะทันวะ เดี้ยวอีกแปปนึงก็เข้าเสอบแล้ว กายทำหน้าคิดๆอยู่ครู่นึงก่อนจะถอดเสื่อชอปที่มันใส่อยู่ยื่นมาใส่ให้ผม

“เอาไปใส่ไว้คนอื้นจะได้ไม่มอง!!” ผมรับมาอย่างปฏิเสธไม่ได้ สวมใส่โดยเสร็จสับโชคดีของผมหน่อยที่วันนี้ใส่เสื้อแขนสั้นมามันเลยดูพอๆเข้ากับตัวผมอยู่บ้าง แต่ไซท์เสื้อของไอคุณชายนี่ห่างไกลจากผมมากครับ หึหึ

“ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็รีบกลับคณะตัวเองไปได้แล้ว (อย่ามัวมานั่งนิ่งให้ไอพวกเวรนั้นมองอีก)”  ประโยคหลังๆมันกระซิบให้ผมได้ยอนคนเดียว ผมเลยลองมองดูรอบๆก็เจอพวกกลุ่มเด็กวิศวะกำลังจ้องมาที่โตะผมไม่รู้ว่ามันมองใครแต่ถ้าตะให้เดาก็คงไม่พ้นคนนี้นี่แหละ

“เดี้ยวก็กลับแล้ว”จะว่าไปตั้งแต่มานี้ยังไม่ได้ติวอะไรกันเลยซักนิดระหว่างนั้น กายกำลังจะเดินขึ้นตึกไปแต่ผมเรียกรั้งไว้

“กาย!!!!” กายมันหันควับมามองหน้าผมทันที (สู้ๆนะ) ผมพูดโดยไร้เสียงส่งไปให้กายและเหมือนมันจะเข้าใจเลยยิ้มมาให้ผมก่อนจะหันหลังเดินขึ้นตึกไป พอกลับมาถึงที่คณะ ตัวเองตอนนี้เวลาแปดโมงกว่าๆแล้วครับผมนั่งรออาตารย์สมรศรีเข้ามาคุมสอบ แต่ระหว่างนั้นก็มิวายโดนเพื่อนๆ ทั้งห้องมองมาที่ผมอีกเช่นเคยพวกมันคงจะแปลกใจที่อยู่ๆ ผมก็ใส่เสื้อช็อปมาทั้งๆมี้ตัวเองอยู่มนุษย์ศาสตร์

“อิเจ ผู้ชายคนที่ถอดเสื้อให้มึงอะ คือใคร กันวะ หล่อ ลากไส้เลย อิห่า เสียงอิเบนบ่นอู้อี้ข้างๆหูผมหลังจากที่กลับมามันก็เอาแต่ถามผมแบบนี้เป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้

“ ก็รู้จักกันนิดหน่อย” ขืนบอกไปว่าเป็นแฟน ขึ้นมารับรองดังลั่นมอแน่ครับ

“แต่ดูจากแววตาแล้วกูว่าไม่หน่อยนะ อิดอก เร็วๆ” อิกี้เร่งเร้าให้ผมรีบตอบคำถามของอิเบน

 “อะไร ของพวกมึงไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ โว๊ะ ตั้งใจสอบกันเหอะชิ่วๆ ผมสบัดมือไล่ให้พวกมันสนใจกับ การสอบแทน ระหว่างนั้นเอง

. . . สวัสดีนิสิตทุกคน เสียงอาจารย?ป้าเดินเข้ามาได้เวลามาครับ ทุกคนในห้องหันไปให้ความสนใจอาจารย์ป้า ก่อนจะเข้าสู่โหมดเงียบกริบ กันทั้งคลาส..... หลังจากที่สอบวิชาสุดท้ายกับอาจารย์ป้าสมรศรีเสร็จผมก็เริ่มจะหิวขึ้นมาแล้วเพราะตั้งแต่เช้าก็รีบมายังไม่ได้ได้กินอะไรเลย ผมเดินดุ่มๆมาที่โรงอาหารคนเดียวเหตุเพราะอิสองคนนั้นมันขอตัวไป จดแล็คเชอร์ ก่อนแล้วจะตามมาทีหลังส่วนผมหน่ะหรอ หึหึ ไม่ต้องจดก็สอบได้คร้าบบ!! เปล่าเก่งอะไรนะ(เดาเอาล้วน)  ผมเดินไปสั่งข้าวมันไก่มากินหนึ่งจานพร้อมกับเป็ปซี่หนึ่งแก้วและกำลังจะหามุมดีๆเพื่อนั่งกิน แต่จังหว่ะที่ผมกำลังจะตักข้าวมันไก่เข้าปาก ระหว่างนั้นก็มี สายของไอห่าวินโทรเข้ามาแบบพอดิบพอดี แหม่ เลือกเวลาโทรดีจริงๆ ... ผมกดรับสายพร้อมตักข้าวเช้าปาก

“ อะโอ้!!”

“ ฮัลโหลนั้นใครครับ”

“ อูเอ อะไรใครเป็นเกย์ “ผมค่อยเคี้ยวข้าวกลืนลงคอและตั้งใจคุยกับมันใหม่

“ กูเจไอสัดเกย์พ่อง”

“ กูรู้นานละหล่ะ ฮ่าๆ”

“ โทรมามีอะไรกุแดกข้าวอยู่เนี้ย ขัดจังหว่ะชิบหาย”

“ เออโทดๆ พอดีจะชวนไปกินเหล้า...ฉลองสอบเสร็จกัน”

“ฆวยเหอะ. . ที่อุตส่าห์โทรมาเพราะเรื่องแค่นี้ใช่มั้ยห่ะ เสียเวลา กูไม่ไปอ่ะ จะแดกข้าว . .. “แต่ยังไม่ทันที่ผมจะพูดจบดี วินมันก็ต่อเติมประโยคเดิมเพิ่มขึ้นมา

“คอนโด ไอกาย !!! เท่านั้นแหละครับผมกระแอ่มๆตอบมันไปใหม่”

“ ก็. . เดี๋ยวค่อยไปหากินข้างหน้าก็ได้มั้ง. . ว่าแต่กี่โมงอะ”

“ถรุ้ยยย!!!! ผมรู้สึกถึงเศษน้ำลายเปียกๆที่ลอยมาตามสาย”

“ ทีกุชวนทำยึกยักแต่พอมี ไอกายเข้าหน่อย ทำเนียนนะสัตว์ สรุปมึงกับมันนี้ยังไง เมื่อไหร่จะบอกกูซะที “ ไอวินมันเซ้าซี้ ถามผมอยู่นานสองนาน

“ไม่มีอะไรหรอกน่า” เมื่อความยังไม่แตกก็ต้องแถกันต่อไปครับ

“ สรุปมึงยังจะปากแข็งไม่ยอมบอกกูซักทีใช้มั้ย”

“ ก็.....”เอาจริงๆ เรื่องนี้ผมควรจะถามกายก่อนสำหรับ ผมเองไม่ได้มีปัญหาอะไรหรอกนะที่จะบอกใครต่อใครว่าผมมีแฟนเป็นใครแต่ไอกายนะสิ ผมเป็นห่วงภาพลักษณ์ของมันมากกว่าตัวผมอีก กลัวคนอื่นจะมองมันไม่ดีผมจึงเลือกที่ตะไม่บอกเรื่องนี้ให้ใครฟังเลย

 “เออๆ ไม่อยากบอกก็ไม่ต้องบอก กูไม่อยากรู้ละแค่นี้ละ” ไม่ต้องบอกก็รู้ครับน้ำเสียงแบบนี้ โกรธผมอยู่แน่ๆ แต่จะให้ผมทำยังไงได้ละผมไม่มีทางเลือกอะไรเลย

“ อยากรู้ ก็ลองไปถามเจ้าตัวเองสิวะ... ผมไม่รู้ว่าวินมันวางสายไปรึยัง แต่พอผมพูดจบประโยคผมก็เก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าต่อเลยจากแรกๆที่หิวกลับเป็นว่าตอนนี้ผมดันกระเดือกอะไรไม่ลงแล้วเสียดายชิบหาย ตกค่ำๆวินมันขับรถมารับผม. ที่ร้าน(ทั้งๆที่ยังโกรธอยู่) และมันก็ไม่ได้คุยกับผมเลยแม้แต่คำเดียว แม้งงอลนานสัด แต่ถ้าเป็นผมผมก็คงจะคิดมากไม่ต่างจากมันหรอกครับ เพราะเพื่อนสำหรับผมมันมีค่ามาก ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาวินมันแทบจะไม่เคยปิดบังความลับอะไรกับผมเลยแต่ถึงมีผมก็สามารถเค้นคำตอบจากมันได้ทุกครั้ง แต่พอเป็นผมผมกลับไม่กล้าที่จะพูดมันออกมาเลย เพราะเรื่อองนี้มันไม่ใช่เรื่องของผมคน เดียว แต่ดันมีกายเขามาเอี่ยวด้วย กูขอโทษจริงๆ นะไอวิน T-T

 พอมาถึงคอนโดกาย(หลังจากที่ไม่ได้เจอกันมาทั้งวัน) ผมเห็นกายมันโบกมือเรียก ให้ผมกับวินเดินเขาไปหา ซึ่งตอนแรกผมก็คิดว่า จะมีแค่ผมกับไอวินซะอีก แต่ที่ไหนได้ดันมีเพื่อนๆ ของมันเข้ามาแจมด้วย ผมไม่ได้รู้สึกเซ็งที่กายพาเพื่อนๆของมันมาเพราะเพื่อนกายก็เหมือนเพื่อนของผม คนไหนกายรักผมก็รักด้วย  และถ้าว่างๆจิงๆผมก็อาจจะแนะนำเพื่อนๆที่คณะของผมให้มันได้รู้จักกันบ้าง

 ผมลงไปนั่งข้างกาย ทันทีที่ผมนั่งลงมันก็แนะนำชื่อกันโดยที่ผมยังไม่มันจะได้ถามหรือแนะนำตัวเองเลยมันยื่นแก้วเหล้าที้ชงแล้วมาให้ผมก่อนจะส่งยิ้มหวานๆพร้อมกับขยิบตาให้ เลยโดนไอกาย มันโบกกระบาลเขาให้ มันนั่งลูบหัวอย่างปลงๆแต่ก็ยังคงยิ้มอยู่

“ อะๆ ไหนก็มากันครบแล้วก็ขอแนะนำก่อนนะ” อยู่ๆไอกายมันก็พูดขึ้นมาขณะที่ทุกคนกำลังนั่งสนใจกับแกล้มตรงหน้าอยู่ แต่พอมันเริ่มพูดขึ่นการกระทำทุกอย่างก็ถูกหยุดลง

“พวกมึงอาจจะยังไม่รู้จักงั้นกูจะขอแนะนำเลยนะ คนที่นั่งข้างๆกูอยู่ในตอนนี้ คือ....” ยังไม่ทันที่กายพูดจบเพื่อนๆแต่ละคนของมันก็พูดแทรกขึ้นมา

“เจ เจตรินทร์ วงค์วิริยะไพยบูรณ์ ทอปลิสคิ้วบอยในเพจ พวกกูรู้จักน่า”  ไอกายดูเหวอๆไปแต่ผมนี้สิเหวอกว่าก็แม้งดันรู้ชื่อ เสียงเรียฃนามของผมขนาดนี้  จะว่าไปผมเองก็ดังใชเล่นนะเนี้ย  ><

“” กูขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการอีกครั้งนะ” (มันหันมายิ้มให้ผมพร้อมกับเปลี่ยนคำที่ใช่เรียกตัวเองว่ากูแต่เป็นผมแทน. ผมส่งยิ้มแหยะไปให้มัน หึหึ

“ผมชื่อท็อปฟี่น้า. เรียกทอปหรือเฉยๆก็ได้. ถัดมาคือไอหัวทองหน้าฝรั่งข้างๆกันครับ

“เอ่อ กู เอ่อ กูชื่ออะๆไรวะลืม. มันหันไปขอความเห็นจากไอทอป ครับดูจากสภาพแล้ว(เสียงมาดามมด). คงเมาแอ๋แน่ๆ ขนาดจะลืมตามองผมนี้มันต้องเชิดหน้าสูงเพื่อกันคอตกเลยทีเดียว

“เออ กูชื่อ คริส เป็นเพื่อนกับไอนี้ ไอนี่ ๆๆ แล้วก็ไอเหี้ยนี้ มันชี้ไปที่ไอวินไอกายเพื่อนมันตรงข้ามอีดสองคนและมาหยุดเหี้ยที่ไอทอป ผมเองก็แอบขำคิกๆอยู่คนเดียว ไม่กล้าทำเสียงดังเดี้ยว หาว่าไม่สนิทแต่คิดเสือกฮ่าๆ ส่วนอีกสองคนเพื่อนมัน ชื่อ บอส กับเบล ครับ หน้าไทยๆครับแต่แม้งแต่ละคนหล่อชิบหายวายวอดยังกะแก้งรวมพลคนหน้าตาดีมาไว้ด้วยกัน แต่นึงในนั้นคงไม่มีผมแน่ๆ(สำเนียกหนังหน้าตัวเองที่ห่างไกลจากคำว่าหล่อมากครับ) แรกเองก็รู้สึกเกร็งๆ ที่ตะเริ่มตีสนิทขึ้นมึงกูกับพวกมัน แต่พอเหล้าเข้าปากมนุษย์สัมพันธ์ของผมแม้งทำงานดีชิบหาย คุยกันป๋อยังกะรู้จักกันมาสิบยี่สิบปี

“ มึงๆกูว่านี้ก็ได้เวลาอันสมควรแล้วนะ” จู่ๆไอทอปมันก็พูดขึ้นมา

“เวลาอะไรวะ ตามด้วยเสียงของไอคริสครับที่ตอนนี้เริ่มจะส่างๆเมาแล้วเลยคุยกันรู้เรื่องขึ้นมา(นิด)หน่อย

“แหม่นั่งเป็นวงกลมอารมณ์เมาๆแบบนี้มึงคิดว่ากู จะเล่นป็อกเด้งรึไงสัด ไอทอปตอบเพื่อนมันพร้อมทำสีหน้ากวนตีนอย่างสุดขีด
 
“เกมทายใตเว้ย!! อันนี้ผมไม่แน่ใจว่าเมาหรือมุก

“ทายใจๆ เมาแล้วมึงหน่ะ ขนาดไอการที่นั่งเงียบๆ ยังอดบ่นไม่ได้เลยครับ 

“เออๆนั้นแหละเกมนี้เล่นไม่ยาก แต่เดี้ยวนะกุขอหาอุปกรณ์ก่อน อ่านี้ไงกูเจอละ” มันเพ้งเล็กไปที่ขวดเหล้าตรงหน้าและทำท่าจะเทน้ำในขวดนั้นทิ้ง. แต่โชคดีที่เพื่อนๆมันห้ามเอาไว้ก่อน ไอบอสมันเลยหยิบขวดสปายยื่นให้ไอทอปแทน

“ อะๆต่อ กติกามีอยู่ว่า ...เออกูลืมไปวะว่าเจมันพึ่งมาใหม่คงไม่รู้เรื่องส่วนตัวของพวกเราแน่อย่างนั้นมันก็คงจะดูเสียเปรียบไปงั้นเอาใหม้ๆ เปลี้ยนเป็น เกมถามตอบละกัน มีใครมีปัญหาอะไรมั้ย” ทุกคนเงียบไม่มีใครพูดอะไรไม่รู้ว่าเพราะขี้เกลียดเถียงหรือ เพราอะไรกัน

 “เป็นอันว่าตกลงนะ จะเริ่มแล้วนัะ อ้าวหมุน ผมนั่งรุ่นอย่างใจจดใจจ่อว่าใครจะโดนเป็นคนแรก แต่แล้วที่สุดรอบแรกขวดก็ชี้ไปที่ไอกายครับ โป๊ะเช๊ะ ....

“อะกายมึงเป็นคนตอบนะ ส่วนกูจะเป็นคนถามนะ คำถามที้กูจะถามก็คือ. . . .มึง. . กำลังคบใครอยู่รึเปล่าวะ ? ไอคุณชายดูอึ้งๆกับคำถาม และมันก็หันมาขอความคิดเห็นผมสลับกับมองหน้าเพื่อนๆมัน ผมไว้ไหลไม่สนใจและหยิบเหล้าขึ้นมาจิบต่อ

“ ว่ายังไงครับเพื่อนกาย ไม่ตอบแดกเพียวนะสัด 1....2.....”

“มี..มีแล้ว”เสียงกายดูติดขัดมันคงกลัวจะหลุดปาก

“ เกือบๆไปละมึงๆ อะๆมาต่อๆนะอ้าวหมุน ....ผมยังคนลุ้นอีกครั้งว่าคราวนี้มันจะหมุนไปหยุดอยู่ที่ใคร แต่ลึกๆแล้วผมกังวลกับคำถามของพวกมันอยู่เหมือนกัน แต่แม้งเหมือนหวยล็อคเพราะขวดดันไปหยุดที่ไอกายอีกแล้วครับ ไอทอปกำลังจะยกมือขึ้น ถามอีกครั้งแต่เหมือนไอวินจะไวกว่า มันรีบยกมือ ปล้วพูดทันที

“ครั้งนี้ กูขอถาม. . . ไอวินนั่งเงียบอย่างใช่ความคิดครู่นึงก่อนจะเริ่มถามขึ้นมา

“ แฟนของมึง . . . อยู่ที่นี้ด้วยใช่มั้ย!!'” คำถามของไอวินเล่นทำเอาผมกลืนน้ำลายไม่ลงเพราะเหมือนแม้งตั้งใจจะถามคำถามนี้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว. เพื่อนไอกายแต่ละคนหันหน้ามามองอย่างแปลกๆ เพราะวันนี้คนที่มากฺมีแต่ผู้ชายด้วยกันทั้งนั้น

“เอ่อ..”.จู่ๆ ไอบอสก็พูดขึ้นมาทำลายความเงียบ กูว่านะ เราเปลี่ยนไปเล่นเกมอื้นกันดีมั้ย... ทุกคนเงียบไม่มีใครตอบอะไรไอบอสมัน

“เออ กายถ้ามึงตอบไม่ได้ก็แดกๆไปเถอะ... นาาจะเป็นไอเบลที่นั่งข้างกับไอบอสพูดขึ้นมา แต่แม้งก็เงียบกันอีกตามเคยผมเลยถือโอกาศ ยกมือขึ้นขอเป็นคนกินแทนกายมันเอง พูดจบผมก็ยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มที่มีเกือบเต็มแก้ว กลืนลงไปจนลืมความขมเลย.รู้สึกตัวอีกทีภาพรอบตัวผมแม้งก็มัวไปหมดแล้ว นี้กูเผลอทำอะไรไปวะเนี้ย...

“ ถ้าพวกมึงอยากรู้กูก็จะตอบ.... ผมอยากจะพูดขึ้นสวนให้ไอกายมันเปลี่ยนความมคิดแต่รูัสึกว่าปากแม้งหนักๆไงไม่รู้ พูดไม่ออก
 
“ใช่...คนๆนั้นอยู่ที่นี้ด้วย..... ทุกคนหันไปจ้องหน้าไอกายด้วยท่าทีที่ดูตกใจแบบสุดๆ ใครกันวะ..... เป็นไอทอปที่ถาม

“ คนๆนั้นก็คือ...... “ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูที่หน้าห้องดังขึ้น และนั้นคือภาพและเสียงสุดท้ายที่ผมเห็นและได้ยินก่อนจะหงายท้องนอนลงไปด้วยความมึน....

<Next part .2> TBC. . . .

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :pig4:

รออ่านต่อเลย

ออฟไลน์ thitema3

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
Falling In Love
 
หลุมพรางหัวใจของนายหน้านิ่ง


Chapter33:   ถาม&ตอบ 2/2 (พาทของกาย)


(พาทของกาย)
ก๊อกๆๆ เสียงเคาะประตูขัดจังหว่ะขึ้น ระหว่างที่ผมกำลังจะเล่าความจริงทุกอย่างให้พวกมันฟัง ไอทอปที่เอาแต่จ้องหน้าผมอย่างใจจดใจจ่อ
ถึงกับทึงหัวตัวเองด้วยความเซ็งก่อนจะเดินไปที่หน้าประตูเพื่อรับอาหารจีนที่โทรสั่งกันไว้เมื่อ สักพักแล้ว แต่จังหว่ะเดียวกันเจมันก็ล้มกลิ้งหงาย
ลงไปแบบพอดิบพอดีโชคดีหน่อนที่มันอยู่ใกล้ผม เลยรับมันไว้ทันไม่งั้นหัวคงได้ฟาดกับขอบโต๊ะเข้าแน่ๆ ผมจับหน้าเจให้มาอิงไหล่ของผม
พวกเพื่อนที่เหลือมันก็มองผมอย่างเอะใจ

ผมกล้าพูดได้เต็มปากเลยว่า ผมไม่เคยกลัวและไม่เคยอายที่จะบอกใครต่อใครว่าผมมีแฟนเป็นใครเพียงแต่ผมไม่รู้ว่าเจมันจะรูัสึกยังไงถ้าผมบอกออกไป ผมกลัวเจมันจะโกรธ หรือบางที่อาจจะทำทำตัวเมินเฉย แปลกไป. . .. นั้นแหละคือสิ่งที่ผมกลัวที่สุด..
“อะๆ เรื่องเกมชั่งๆแม้งมันเถอะกูเสียอารมณ์ละ มาๆแดกๆ” พวกมันที่เหลืออีกสองคนก็พยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดของไอทอป เลยรีบเดินกันไปช่วยหยิบจานมาใส่อาหารที่วางอยู่ตรงหน้า เว้นก็แต่ไอวิน ที่ยังคงจ้องหน้าผมกับเจ ไม่ยอมละสายตา...

“มาแล้ว แดกๆกันซะจะได้ส่างเมา แล้วไอเหี้ยวินนั้นมึงจะจ้องเพื่อนกูอีกนานป่ะสัด เดี๋ยวแม้งก็ท้องกันพอดี”

“. . เหอะไอกายมันก็เพื่อนกูป่าววะ” ไอวินรีบเถียงพร้อมกับยกแก้วเหล้าขึ้นมาจิบ

“เออกูว่ารีบกินเหอะเดี๋ยวอาหารเย็นหมดแล้วมันไม่อร่อยนะเว้ย” ผมรีบพูดเห็นด้วยกับไอบอสมัน

พวกผมนั่งกินกันไปพักใหญ่ก็เริ่มรู้สึกอพะอืดพะอม สภาพของพวกมันแต่ละคนก็เช่นกันครับใกล้จะลงไปเรื้อนกับพื้นเต็มที่แล้ว แต่ดีหน่อยที่ยังพอมีสติคุยรู้เรื่องกันอยู่บ้าง

“มึงๆ” ไอบอสเอ่ยถามไอเบลที่นั่งอยู่ข้างๆมัน

“ห้ะ หือ. . อือ ว่าไง”

“มึงว่าเจ มันน่ารักป่ะวะ” จบประโยคของไอบอสทำเอาตาผมสว่าง ถึงกับสร่างเมากันเลยทีเดียว . .

“เจไหนกูไม่รู้นะแต่เจเพื่อนของไอกายแม้ง น่าสัด”

“น่าอะไร!!!!”ผมถามเสียงแข็ง จริงๆไม่ได้ตั้งใจจะขึ้นเสียงอะไรหรอกครับแต่บางครั้งปากมันก็ไปเอง

“น่าารักไงสัด ไม่รู้กูเมาจาตาลายรึเปล่านะแต่กูเห็นแบบนั้นจริงๆ” พอไอเบลพูดจบไม่ทันไรไอคนข้างตัวผมมันก็สะลึมสะลือ ขึ้น มา ควานหาอะไรก็ไม่รู้

“อื้อ....”ฟังจากเสียงเอื้อนยาวขนาดนี้ผมว่าคงเมาได้ที่แล้ว. ปกติผมไม่ค่อยอยากให้เจมันกินเหล้าหรอกครับ เพราะเวลาเมาละมันชอบไปอ้อน คนอื่นไปทั่วผมเลยกลัวว่าจะมีใครเสียตัว มันเวลาเมาผมเลยสั่งให้มันกินเฉพาะเวลาที่มีผมอยู่ด้วย เท่านั้น ถ้าจะให้มัน เสียตัวกับใครก็ขอให้เป็นผม คนเดียวนี้ คนอื่นอย่าหวัง จะได้เลย
“หาอะไร.”.ผมกระซิบถามคนข้างๆไม่รู้มันจะได้ยินผมมั้ย

“น้ำาาาาาาาาา...น้ำอยู่ไหนนนน เจมันควานหา น้ำไปทั่วจนเกือบจะหยิบเบียร์ขึ้นมาดื่มผมเลยปัดมือมันออกและหยิบแก้วน้ำที่อยู่ใกล้ๆให้แทน”
เจมันกินน้ำอึกสองอึกจนหมดแก้วก่อนจะลุกขึ้นไปนั่งข้างๆไอวิน วินมันเองก็ดูจะตกใจเล็กๆ แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร. . . .แต่แล้วอยู่ๆ เจมันก็เอื้อมมือไปกอดเอวไอวิน คราวนี้ไอวินหันมามองมันเลยครับ คงจะกลัวว่าเจมันกำลังจะทำอะไรมัน...วิน มันหันมามองผมเหมือนอยากจะขอความช่วยเหลือ. .แต่ผมก็ได้แต่คอยนั่งมองดูการกระทำของเจนิ่งๆ รอดูว่ามันกำลังจะเล่นพิเรนอะไรอีก?

“วินนนน....”

“หือ....” วินมันหน้าเหย่เก และพยายามดันหน้าเจให้ออกห่าง

“กู....ขอโทษ..”

“ขอโทษกู  เรื่องอะไรวะ ?”

“ก็. . . .เรื่องที้กูปิดบังอยู่. . ไง”
“เรื่องมึงกับ....อะนะ” วินมันหันมามองผมแวบนึงและหันไปสนใจเจต่อ

“อือ . ..เรื่องนั้นแหละ ...ถ้ามึงอยากรู้มากนัก. ..กู. .จะบอกให้....”ผมเริ่มเกิดอาการสงสัยไม่ต่างจากไอวินเท่าไหร่ เพียงแต่ตอนนี้ผมกำลังนั่งลุ้นว่าสิ่งที่เจ ปิดบังไอวิน มันคือเรื่องอะไรกันแน่ คงไม่ใช่เรื่องที่เจแอบทำอะไรลับหลังผมหรอกใช่มั้ย ? (ผมคิดมากไปรึเปล่า )

“เรื่องของกูกับกาย..”. ไอบอสไอเบล ที่มัวแต่ก้มเงยๆ เล่นโทรศัพท์ ก็ยังเงยหน้าขึ้นมามองตามประโยคที่เจพูดท้ายๆ

“...กูกับกาย. . . เรา. . . ... สองคนคบกันอยู่” จบคำพูดของเจพื่อนๆทุกคนต่างหันมาจ้องหน้าผมพร้อม กับ เครื่องหมายคำถามมากมายที่ติดอยู่บนหน้าของพวกมัน

“กูอยากบอกมึงมา. . ตั้งนานแล้ว ฮึก.... . . แต่กูกลัวว่า คนอื่นจะมองมันไม่ดี. .. . .. รูปหล่อ พ่อรวย แม้งโคตรเพอเฟค สาวๆคนไหนก็อยากจะได้มัน อยู่ๆ มาได้กับผู้ชาย เป็นมึงไม่ตกใจอ่อว้า.”  จบคำพูดของเจทำให้บรรยากาศโดยรอบเงียบยังกับเป่าสาก ไอวินที่นั่ง ฟังใกล้ๆ ยังอ้าปากค้างส่วนไอเพื่อนผมสองตัวนั้น ตอนนี้ มัน เอามือตบหน้าตัวเองเหมือนไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่พึ่งได้ยิน. .

“แต่ลึกๆ..ฮึก...แล้ว. . .กูก็กลัว. . กลัว. .กายมันอายคนอื่นวะ !” รอยยิ้มที่เคยเปื้อนหน้าผมถูกหยุดลงเมื่อคำพูดเหล่านี้ออกมาจากปากของเจ. . ผมอยากบอกเจให้ได้ยินชัดๆเลยว่าผมไม่เคยอายเลยสักครั้งที่ได้มันมาเป็นแฟนแต่ในทางกลับกัน . . .เจมันกับคิดต่างออกไปคนละทาง

“กูคิดไว้ละ”เสียงของไอวินดังขึ้นทำลายความเงียบภายในห้อง

“แล้วทำไมมึงถึงมาบอกกูเอาป่านนี้”
“ก็เพราะมีแค่กู......อยู่กับมึง...แค่....สองคนไง..ถ้ามีคนอื่นเยอะแยะกูไม่กล้าบอกหรอก กู อาย. . .แต่ไหนๆ มึงก็รู้แล้ว. . กูขออะไรอย่างนะวิน. .มึง.  ..อย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกใครนะเว้ย โดยเฉพาะไอกาย. . มึงห้าม..ฮึก. . .บอกมันเด็ดขาด!! “เจมันจะรู้ตัวมั้ยว่าตอนนี้ไม่ได้มีแค่มันกับวินสองคนในห้องยังมีผมไอบอสกับไอเบลอีกที่ได้ยิน ไอบอสทำท่าทางหัวเสียเหมือนมันเป็นบ้าไรสักอย่างส่วนไอวินตอนนี้นั่งยิ้มแกล้มปริแล้วครับ ผมละงงกับอารมณ์พวกมันที่เปลี่ยนไวกันซะผมตามไม่ทัน . . . หลังจากที่ไอวินมันนั้งยิ้มปนขำอะไรของมันคนเดียว จนพอใจมันก็หันไปบอกเพื่อนมัน วินมันบอกกับพวกผมหลังไมค์ว่ามันก็แค่แกล้งทำขรึมไปงั้นแหละเพราะรู้ว่ายังไงมันก็ต้องบอกความจริง แต่เจ้าตัวรายนั้นหลังจากที่สารภาพ ความ(ที่เกือบ)ลับ ก็หลับไปตั้งแต่พูดจบแล้วครับมีแอบกรนด้วยแถมยังกอดกับผู้ชายคนอื่นต่อกน้าต่อตาผมเลย

ไอวินมันหันมา ยิ้มให้ผมก่อนจะคุยอย่างไร้เสียง ว่า

(มาเอาเด็กมึงไป)

ผมเลยเดินเกาท้ายทอยไปแกะมือมันออกมาจากเอวไอวินเหนียวชิบ
ไอเบลที่นั่งนิ่งอยู่นานก็ส่งสายตาเหมือนอาไรอาวอน ส่วนไอบอสรายนั้นนั่งจ้องเงินในกระเป๋าแบบ จิตตกมากครับ

. . . . . . . .
เวลาเที่ยงคืนกว่าๆเพื่อนของผมแต่ละคนนอนสลบเหมือดอยู่กลางห้องนั่งเล่นกันหมดแล้ว ตอนแรกพวกมันค้านว่าจะกลับไปนอนบ้านกันแต่ผมห้ามไว้ทัน ขืนออกทั้งๆ ที่สภาพแบบนี้รับรองว่าพ่อ(ตำรวจ)พาไปฮ่องกงแน่ครับ หึหึ

ส่วนผมกับเจเรานอนอยู่ในห้องเปิดแแอร์เย็นกำลังพอดี แต่ด้วยเตียงที่กว้างขว้างเลยทำให้ผมรู้สึกหนาวแปลกๆเจมันก็เหมือนจะรู้งาน (เมาแล้วละเมอ) เข้ามาซุกผมเกาะซะแน่นเลยผมก็กอดเจตอบลูบเส้นผมนิ่มๆหอมๆของเจจนผมผล้อยหลับไป

ตื่นเช้ามาจากที่เจมันนอนกอดผมตอนนี้กลายเป็นว่ามันขึ้นมาคล่อมผมซะแล้วครับ
เจมันค่อยๆขยับตัว ลืมตาขึ้นมามองผมที่มองหน้ามันอยู่ก่อนแล้ว ทำหน้าตกใจเหมือนเห็นผี (ผีบ้าอะไรจะหล่อขนาดนี้ หึหึ) (ไม่ค่อยจะอวยตัวเองเลยอะแกร์แต่เห็น หล่อจริงพี่ให้อภัย ^ ^ หุหุ)

เจมันหันซ้ายหันขวามองดูบรรกาศและกำลังนั่งคิดทบทวนว่าเมื่อคืนเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้าง แล้วไม่นานเจมันก็ทำหน้าบึ้งเพราะพึ่งสังเกตุว่าตัวมันเองไม่มีเสื้อคลุมส่วนบน อยู่เลย. แต่ที่ไม่มีไม่ใช่ว่าเพราะเกิดกิจกรรมอะไรขึ้นเมื่อคืนหรอกนะครับแต่เพราะเจมันอ้วกต่างหาก ทั้งเสื้อผมและเสื้อมันก็เลยเลอะไปด้วย เราสองคนเลยต้องนอนกอดกันแบบเนื้อแนบเนื้อตลอดคืน

“เลว!!” จู่ๆเจก็เลิกหันซ้ายขวา แล้วมา ด่าผม หน้ามันตอน โมโห ตลกมากครับ ผมแอบยิ้มมัมปากทุกครั้งที่เจมันอ้าปากด้า จนมันเกือบจะขว้างแก้วน้ำตรงโคมไฟใส่ผม ข้อหาขำไม่รู้เวลาล้ำเวลา

“ใครเลว.” ผมแกล้งๆ หยอกถามมันทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วว่ามันวีนด้วยเรื่องอะไร ก็คนมันน่าแกล้งนิครับ

“มึงไง เลวฉวยโอกาส ”เจมันทำหน้าบึ้ง และสายตาก็พยายามมองหาเสื้อของมันอยู่โดยรอบ

“ก็เมื่อวานมึงอ้อนกูซะขนาดนั้นใครมันจะอดใจไหวละหืมม ”
“ขำห่าอะไรของมึงเนี้ย แล้วเมื่อคืน...มึง..เอ่ออ..กี่รอบวะ..”มันทำน่าเขินๆตอนถามผมว่ากี่รอบ
“สัก..สองสามรอบมั้ง ฮ่าๆๆๆ”ผมเองก็ใช่เล่นนะครับยิ่งเห็นเจมันทำท่าลนลานนี้ยิ่งทำใหญ่
“พอเลยสัดไม่ต้องขำ กูก็แค่เมานะอย่าเข้าใจผิดแล้วกูก็ไม่ได้อ่อยมึงด้วย กูแค่. . . .ขาดสติเฉยๆ” พูดจบมันก็ลุกขึ้นควานหาเสื้อที่อยู่รอบเตียงแต่หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ

“เสื้อกูอยู่ไหนเล่า!!!”จู่ๆ เจมันก็โวยวายหน้าดำหน้าแดง ผมไม่ได้แต่ตอบอะไรเจนอกจากนอนขำการกระทำของมัน. โมโหกลบเกลื่อนกลบความเขินนี้แหละครับ แฟนของผม. .

หลังจากที่ผ่านเรื่องวันนั้นมาตอนนี้ก็ผ่านมาได้หลายวันแล้ว เจ ยัง คง ผมกับเจเราสองนยัง มา ที่มอด้วยกันปกติ วันนี้ เป็นวันสอบวันสุดท้าย ผมเลยได้เจอ หน้าเจเพียงตอนเช้า เท่านั้น ส่วนเวลาที่เหลือก็ต้องเสียไปกับการอ่านจดจำ สูตรแคลคูลัส และอื่นๆ อีกเยอะแยะไปหมด . . . ผมเป้นคนที่ความจำดี แต่บางครั้งความจำผมจะสั้น เมื่ออยู่ใกล้ๆ กับเจ หลายครั้งที่ เจ มันต้องคอยเตือน ผม ว่าต้องทำอะไรยังไง เพราะผมจะเหม่อ แต่ไม่ได้เหม่อคิดเรื่องอะไรอื่นนะครับ ผมเพียงแต่จดจ้องใบหน้าคนตรงหน้าเหมือนต้องมนต์สะกด จน เวลาเลื่อนลอยไปรวดเร็ว กว่าจะรู้สึกตัวอีกที่ก็มีนิ้วมือเล็กๆ ของคนตรงหน้าดีดหน้าผากผมเรียก สติ ไม่นับรวมครั้งนี้
ป๊าป เสียงฝ่ามือของเชี้ยตัวไหนสักตัวตบกระบาลผมจนหน้าเกือบจะลงไปจูบกับโต๊ะ ผมมองหาพิกัดที่มันลอยมาและก็พบพวกเชี้ยทั้งสามครับ ไอวิน ไอบอส และไอเบล พวกมันสามตัวยืนยิ้ม แฉ่ง โชวฟันครบสามสิบสอง จะเว้นก็แต่ไอเบลครับที่มีแค่ สามสิบ เพราะมันพึ่งไปจัดฟันมา ฟันข้างๆมันเลยหลอ เหลือ แค่สามสิบ หึหึ

“แหม่ๆ มีเหม่อลอยเว้ยเพื่อนกู ตั้งแต่มีแฟน เป็นมนุษย์ นี่ อารมณ์ดีเชียวนะมึง เชี่ยกาย ฮ่าๆ”  เสียงบ่นแซวๆของไอบอสลอยเข้าหูทันที่ที่มัน ทิ้งตัวลงมานั่งโอบไหล่ผมและตามมาด้วยไอเชี่ยอีกสองตัว

“แล้วมึงจะให้ไอกายมันได้กับแมวรึไงไอบอส หือ ?”ไอเบลมันทำหน้าโง่ๆ มองไปที่ไอบอส มันคงจะยังไม่เก็ทกับสิ่งที่ไอบอสพูดเมื่อครู่
“กูหมายถึง แฟนมันที่เป็นเด็ก มนุษย์ศาสตร์ต่างหากละเว้ย  ฮ่าๆ ” ทั้งไอบอสและไอเบลต่างพากันขำแซวผมยับ ส่วนไอวินนี้นั่งนิ่งมาซักพักแล้วครับ ไอนี้ ไม่รู้มันเคืองอะไรใครมาอีก


ออฟไลน์ thitema3

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
“แรกๆ กูก็เห็นทะเลาะกันจะปางตาย เคยมีครั้งนึงนะเว้ย เจมันโทรมาหากูบอกให้กูไปช่วยไปพามันกลับบ้านที่ มันบอกมึงกักขัง
หน่วงเหนี่ยวมันไว้ที่คอนโด ไอกูก็นึกว่ามันพูดเล่น . .เออว่าแต่. . เชี่ยกาย มึง ทำอะไรเพื่อนกูมั้งวะ. . .มึงกับเจ. . เอออ.  ..ได้กันยังวะ. .”เสียงพูดติดขำของไอวินจากที่นั่งนิ่งๆ มานาน (คงกำลังนึกถึงเรื่องที่ผ่านมานานมากแล้ว) มันก็เลื่อนหน้า เหี้ยๆ ของมันเข้ามาใกล้จนเกือบจะจูบกันอยู่แล้ว


“ไม่ได้ทำห่าอะไรทั้งนั้นแหละคนนี้. . กู. . .อยากทะนุถนอมเขาเว้ย . . พวกมึงไม่เข้าใจกูหรอก”

“ถรุ้ย”ไอวิน

“ถรุ้ยสัด/ถรุ้ย ๆ!!!!” ไอบอสกับไอเบล  ผมเอียงตัวหลับ พวกมันแทบไม่ทัน

“รอให้กาออกลูกเป็นไก่ก่อนเหอะค่อยมาหลอกพวกกู ไอกาย มึงพูดได้ไงว่าทะนุถนอมเพื่อนกู  รอยแดงๆ ที่คอ ไอเชี่ยเจ ตอนนั้น มึงยังไม่ลืมใช่มั้ย ครับ ไอคุณชาย” ผมได้แต่ยิ้มแหยะๆ พูดไม่ออกแล้วสิผมหน่ะ ขืนพูดไปมากกว่านี้เดี๋ยวความลับจะรั่ว เอา และในเวลา ไล่เลี่ยกัน โอนโฟนหกพลัส ของผมก็ดังแผดเสียง อยู่ตรงหน้า ไอพวกเพื่อนๆสามตัวผมนี้กรู่เข้ามามองชื่อคนโทรแทบจะทันที พอรู้ว่าคนที่โทรมา คือใครพวกมันก็ยิ้มกรุ่มกริ่ม มองหน้ากัน และ พยักหน้า เป้นเชิง บอกให้ผม รับ สิ  ผมถึงกดรับ

“ครับ” ผมอยากแกล้งๆ ให้ไอพวกข้างๆ มัน ทะลนทุลายเล่น เลยแกล้งๆ หวานกับ เขาหน่อย

“แดกชีทจนมึนรึไงมึงหน่ะ แล้วนี้อยู่ไหน . . สอบเสร็จรึยัง”

“ยังเลยครับที่รัก. . พอดีเขามีสอบบ่ายอะ กำลังนั่งอ่านอยู่เลยเนี้ย”

“เออๆ งั้นกูวางดีกว่า เดี๋ยวมึงเสียสมาธิ. .”

“เห้ยๆ ไม่เป็นไรๆ กำลังว่าจะออกไปหาอะไรกินพอดีคุยได้. . ” น้ำเสียงไปสายเงียบไป. จนผมคิดว่าสายหลุดไปแล้ว

“เจ เจ !!” ผมพูดเสียงดังติดตะโกน แต่ปลายสายมีน้ำเสียงตะกุกตะกักตอนตอบผม

“เอ่อ. .กาย อีกนาน มั้ย อะ กว่าจะออกมา จากตึกอะ. . .”

“หืม..มีอะไรรึเปล่า . . ”

“กูไม่กล้าเข้าไป.  .”เข้าไป ? ไปไหน ? อะไรยังไง?

“จะไปไหนให้ไปรับรึเปล่า?”

“ไม่ต้องมารับอะ แค่เดินออกมาก็พอ ”

“จะให้ไปหาที่คณะหรอครับ ?”

ฮิ้ววววววว!! เสียงสัมพเวสีรอบข้างส่งเสียงแซวผมกันให้แซด

“ออกจากคณะมึงเนี้ย กูยืนอยู่หน้าตึก เห็นไอวินเลยไม่อยากเข้าไป. . ” สายตาของผมกำลัง สำรวจโดยรอบ และไปหยุดกับคนที่ยืนโบกไม้โบกมืออยู่ตรงต้นไม้ข้างๆ ตึก

“ผมวางโทรศัพท์ไว้กับโต๊ะและรีบเดินจนเกือบๆ จะวิ่ง ส่วนพวกไอวินนี้มันชะเง้อมองตามตั้งแต่ผมโก่งคอมอง หาอะไรสักอย่างแล้ว และ ไม่รู้ทำไมแค่ เจอหน้าเจ ใบหน้าของผมก็แปดเปื้อนไปด้วยรอบยิ้ม จนซ่อนไว้ไม่อยู่ . . .


“ไง.ครับ” ผมทักทายใบหน้าหวานๆตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม ที่เก็บไว้ไม่อยู่ส่วน คนตรงหน้าของผมก็ได้แต่ ก้มหน้า ก้มตา มองที่พื้น ไม่รู้ว่ากำลังมองหาอะไรอยู่ แต่ทั้งหน้าและหูแดงๆ ก็น่าจะพอเป็นคำตอบสำหรับผมได้ครับ

“อะไรเขาสิงมึงให้พูดแบบนี้ห้ะ. .ไอคุณชาย”เจมันเงยหน้ามองผมแวปนึงแล้วก็ก้มลงไปมองพื้นต่อ

“ไมมีอะไรสิงหรอก แค่อยากพูดเพราะๆ กับแฟน ไม่ได้หรอ ?”

“ถ้า. . อยู่ในห้อง. . มึงเสร็จกูแล้วกาย. .”ผมไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง ว่าสิ่งที่พพึ่งจะได้ยิน มันมาจากปากของเจ หรือเพราะผมยังแฮ้งค้างรึเปล่า ผมเองเริ่มไม่แน่ใจกับสติของตัวเองแล้ว


“ตรงนี้ก็เสร็จได้นะ ฮ่าๆ”ผมแกล้งยิ้มๆ หยอกๆ เจไป หมู่นี้รู้สึกเจมันทำตัวน่ารักกับผมแปลกๆ จนบางทีมันอาจจะไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ

“พอๆ ไอสัดเลิกหยอดกูซักทีแล้ว นี้ มึงว่างแล้วใช่ปะ. . ”

“ก็ว่างสิถึงได้เดินออกมาเนี้ย แล้วนี้กินอะไรรึยัง ? ”

“ยังเลยหว่ะ ก็ว่าจะมาชวนไปกินด้วยกันนี้แหละ” เห็นมั้ยละผมบอกพวกคุณๆ แล้วว่าช่วงนี้เจมันชอบทำตัวน่ารักกับผมตลอด แต่พอเจมมันมาโหมดนี้เหมือนผมเองก็พ้างเหมือน กันและกลัวมันจะได้ใจ เลยแกล้งขรึมๆ กลบเกลื่อนไป

“ อืม แต่ไม่รู้สิ ตอนนี้ ยัง ไม่ค่อยอยากออกไปไหนไกลๆ เลย ไว่ค่อยมาถามใหม่ละกัน” โป๊ะเชะครับ เจมันรีบเงยหน้าขึ้นมามามองผมตาขวางเลย คงไม่คิดมั้งว่า ผมจะตอบมันไปแบบนั้น

“เล่นตัวนักสัด ไม่ไปก็ไม่ต้องไป กูกลับละ ” เจมันกำลังจะเดินหันหลังหนีแต่ผมรั้งมือไว้ทัน

“โอ๋ๆ ล้อเล่นหน่ะ ล้อเล่น ทำไมถึงขี้น้อยใจแบบนั้นละครับ หืม ”จากจับมือผมเริ่มดึงเจเข้ามาใกล้จนเกือบจะยืนกอดกันอยู่หน้าคณะ สายตาของผู้คนที่เดินไปมาเริ่มอยู่ไม่สุก สาวๆ บางคนที่เดินผ่านก็มองตาม จนจนพวกเธอเดินไปสะดุดกับอะไรเข้า ส่วนบาง คนก็มอง ผมแล้วยิ้มๆ  เหมือนกำลังชื่นชมอะไรกันอยู่


“กาย ปล่อย ห่า มึงช่วยอายบ้างอะไรบ้าง นี้หน้า คณะนะ ไม่ใช่ในห้อง ” เจมันพยายามดิ้น อยู่นานจนผม ยอมปล่อยมือ ออกจากแขนของเจ

“แล้วสรุปอยากกินร้านไหน. . ”

“ตอนแรกก็ว่าจะชวนไปกิน หลังมอนี้แหละ แต่มึงกวนตีน กูเปลี่ยนใจและ”

“โอ๋ๆไม่งอลนะคนดี ปะๆ ไปกินข้าวกัน   . . .” เจมันยิ้มเขิลๆ เดินนำผมไปไกลลิ่ว สิ่งที่ผมทำได้ในตอนนี้ก็แค่เดิน ตาม หลังแฟน โดยมีสายตา ของไอพวกเชี่ยสามตัวนั้น มองแล้ว ยิ้มอย่างมีเลศนัย


ผมมาส่งเจที่ร้านข้าวหลังมอตามที่ เจต้องการ วันนี้ บรรยากาศวันนี้ อากาศร้อน คนเยอะ ยังกับมด ผมกับเจเราเดินแทรกผ่านฝูงจน เพื่อไปต่อคิว ซื้อ ข้าวมานั่งกินกันระหว่างที่รอ เจมันก็ต้องคอยหลบผู้คนที่พยายามจะเดินเบียด (ไม่รู้ว่าจงใจรึเปล่า) จนผมเองต้องดึงเจมาไว้ข้างตัวเพื่อให้มัน ยืนได้สะดวกๆ

หลังจากที่ทานข้าวอะไรกันเสร็จแล้วผมก็ขับรถมาส่งเจที่คณะ แอบได้เห็นสาวๆ สองคน (ไม่รู้ว่าคนเดียวรึเปล่า) เพราะอีกคนที่ใส่กระโปรงพีทยาวถึงน่องทำให้ผมเริ่มไม่แน่ใจ พวกเธอสองคนนั้น หันมายิ้มๆ ให้ผม ก่อนจะเดินมาพา เจวิ่งเข้าคณะไป และก่อนที่เจ จะลับหายเข้าไปในตึก เจมันก็หัน หลังมา ชูกำปั้นข้างนึงยกขึ้นเหนือหัว. . .  และเลื่อนมาจูบไว้ครู่นึ่ง ก่อนที่กำปั้นนั้นจะแปลเปลี่ยนเป็นสามนิ้ว ที่มีแค่ นิ้ว โป้ง นิ้วชี้ และนิ้วก้อย ^^  เจมันยิ้มเขิลๆ ตอน ทำจนไม่นานสาวๆ สองคนเมื่อกี้ก็มาลากเจมันกลับเข้าไปในคณะ

ผมขับรถยิ้มมาตลอดทาง เมื่อนึกถึงภาพที่พึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อครู่ ผมไม่รุ้ว่า เจมันไปเล่าเรียนไอวิชามุขเสี่ยวๆ นี้มาจากใคร แต่ผมอยากจะปาวประกาศ บอกให้คนรู้ทั่วกับทั่วกันเลยว่า ผมโคตรเขิล (ปกติผมก็เขิลมันตอนที่ทำตัวหน้ารักอยู่แล้ว) แต่พอมาเจอเจทำตัวในวันนี้ทำให้ผมรู้เลยว่า จริงๆ แล้ว ผมเขิล เจอยู่ตลอดเวลาแม้แต่ตอนที่ผม(เก็กขรึม) ก็ยังเขิล และผม ก็คงได้แต่ บอกและตอกย้ำถามกับตัวเองว่า

หากวันนี้ ผม ไม่มีเจ ช่วงเวลาของผมในตอนนี้ มัน จะมีความสุข มั้ย ? ผมจะยิ้มได้เหมือนที่ตัวเองกำลังยิ้มอย่างกับคนบ้าแบบนี้รึเปล่า และคำตอบที่ผมพยายามหาให้กับตัวเองก็คงจะสรุปเป็นคำพูดได้ว่า ความสุขของผมก็คือ

เจ ....

From Guy ♥


#KuntaeO  :z1:




ออฟไลน์ thitema3

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
Falling In Love
 
หลุมพรางหัวใจของนายหน้านิ่ง


Chapter :34 รอ


ตั้งแต่วันที่ผมเมาแอ๋ แล้วดันไปนอนตอแหลให้ไอห่ากายมันแทะโลมตอนนี้ก็ผ่านหนึ่งวันเต็มๆแล้วครับจะว่าไงดี ไอผมที่เป็นคนเมาคือถ้าใครตื่นขึ้นมาในตอนเช้าแล้วสังเกตุ ว่าตัวคุณเองมีบางส่วนที่อยู่ไม่ครบ(เสื้อผ้า)เป็นคุณๆจะคิดกันรึเปล่า จำได้เลยวันนั้นผมนั่งด่านอนด่ากายมันจนหน้าแหก แต่ก็ดันหน้าแตกเพราะที่โวยวายไป มันไม่ได้เป็นไปอย่างที่ผมคิดเลย กายมันอธิบายแบบลูกคุณหนู คือนั่งจิบกาแฟทีละจึ๋งนึงแล้วก็นั่งเว่าเอ้ยนั่งเล่ายาวจนผมร้องอ๋ อไปถึงบางอ้อ ตอนนั้นผมรู้สึกว่าหน้าตัวเองชามากชาจนพูดอะไรไม่ออก ก็คนมันอายนิ ครับด่าเขาไปดิบดีสุดท้ายหน้าแตกยับแถมไม่มีหมอที่โรงบาลไหนรับเยฺบด้วยๆโหะๆชีวิตไอเจคนนี้เลยต้องแบกเศษหน้าที่แตกเกลื่อนกระจายอยู่ทุกอนูภายในห้องเก็บใส่ถุงแล้วเอามาติดกาวต่อเข้าหน้าใหม่ที่บ้านแทน


วันนี้เป็นวันสอบวันสุดท้ายของผมแล้วครับพี่น้องคณะอื่นจะเป็นยังไงผมก็ไม่สามารถทราบได้ เพราะตอนนี้ผมแทบจะสลบคาหนังสือที่พวกเพื่อนๆมันสรรหากันมาให้อ่านก่อนเข้าสอบในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า...


ส่วนสองสาวเพื่อนสนิทของผมตอนนี้มันลาทางโลก(เข้าสู้ยมบาล)แล้วครับมันโบกมือเซกู๊ดบายให้กับหนุ่มๆหน้ามนต์ที่เดินผ่านไปผ่านมา เหมือนพวกเด็กเนริด์ที่ตั้งใจเรียนไม่ยุ่งสิ่งอื่นใด(แต่มีแอบเหล่ อยู่บ่อยๆ) ไอผมก็ตาดีไปเห็นไงจังหว่ะเดียวกับที่อิกี้มันขยิบตาให้น้องผู้ชายตัวเล็กๆในคณะผม แล้วน้องมันก็คงกลัวอะครับทำหน้าตะตื่นวิ่งโลดออกนอกคณะไม่กล้าเดินกลับมาอีกเลย ผมละสงสารน้องมันจริงๆ


"นี่อิเจ มึงว่าคราวนี้ลุงนพแกจะออกตรงกับที่บอกปะวะ"แม่นางเบนผู้ทรงศีลเอียงคอมาถามผมที่นั่งใกล้ๆพอเห็นมันโหมดตั้งใจเรียนแล้วดูทะแม้งๆยังไงไม่รู้ (ลุงนพคือมนุษย์อาจารย์อีกคนที่พวกผมเรียกแทนชื่อจริง)


"ก็คงออกตามที่บอกแหละกูว่าไม่งั้นสอบเสร็จคงมีก่อม็อบประท้วงกันอะ"ที่ต้องพูดอย่างนี้ เพราะลุงแกเป็นคนที่เคี้ยวเข็นเรื่องคะแนนมากครับจำได้ว่า เมื่อเทอมที่แล้วตอนเรียนกับลุงนพ แล้วผมมาสายประมาณสามรอบลุงแกเกือบจะไม่ให้ผมเข้าห้องสอบแถมทำตาดุๆใส่ผมอีกโชคดีหน่อยที่ลุงเขายังมีเมตตากรุณาต่อสัตว์(เดี้ยวๆ)อย่างผมให้เข้าห้องสอบ ไอตอนแรกผมก็ดีใจอยู่หรอกแต่พอสอบเสร็จเท่านั้นแหละครับ อยากจะพ่นไฟออกจากปากเผาคนทั้งห้องใหเไหมเกรียมเพราะลุงแกบอกให้ผมเขียน จดหมาย สำนึกผิดเรื่องการมาเรียนสายส่งลุงแกตั้ง ร้อยฉบับแถมให้ส่งภายในวันนั้นด้วย กว่าจะ บรรจงเขียนลวดลายให้สวยสดได้แต่ละตัวเลือดตาผมกระเด็นออกจากเบ้าตา หึหึ


และแล้วตอนนี้ก็ได้เวลาอันเป็นมงคล ที่ผมจะพาน้องหมองเข้าห้องสอบไปด้วยกันหลังจากที่หลายๆครั้งน้องจะนั่งอยู่หน้าห้องแล้วปล่อยให้ (ควาย) อย่างผมเดินเข้าโง่ๆ ไปคนเดียว




เวลาผ่านไปไวยังกับโกหก
.......การสอบผ่านไปอย่างง่ายดายคงเพราะบทกวีอันไพรเราะสเนาะหูที่ลุงนพพร่ำบ่นพร่ำสอนพวกผมอยู่ตลอดตอนนี้นิมิตถึงที่หมายแล้วครับ ฮือๆ (น้ำตาจิไหล)


ผมเดินอินดี้ ออกมาหน้าหัองหลังจากถูกปล่อยตัวจากผู้คุมขังสุดโหด จากเดินๆจนเกือบจะกลายเป็นวิ่ง ตอนนี้ผมก็โผล่(เสนอหน้า)มายืนอยู่ที่ตึกวิศวะที่อยู่ห่างไกลลิบลิ้ว ไอตึกผมน่ะเล็กเท่ารูหอยแต่จะให้ผมสาถยายให้ฟังเกี่ยวกับตึกวิศวะมั้ยครับว่ามันใหญ่โตมโหฬาร บานตะไทขนาดไหน คงไม่ต้อง บอกก็น่าจะรู้นะครับ ว่าวิศวะนั้นยิ่งใหญ่ขนาดไหน T-T

 


ผมมาหยุดอยู่ที่หน้าทางเดิน คณะวิศวะตอนนี้ผู้คเริ่ม แห่กันออกมาหลังจากที้ผ่านวิชาช่วงเช้าไป ตอนนี้เวลาเกือบๆเที่ยงผมรู้สึกๆตะหงิดๆ คิดถึง มันแปลกๆก็เลยต้องเดินตอแหลมาหามันถึงหน้าขณะ (เหตุเพราะผมไม่มีรถนั้นเอง)


ผมยืนฟังเสียงเรียกเข้าอยู่ประมาณสองสามวิ นึกแล้วก็น่าขำนะครับ ปกติคนเป็นแฟนกันเขาต้องตั้งเสียงรอสายที่มันบ่งบอกความรู้สึกต่างๆหรืออารมณ์ทีีกำลังเป็นอยู่แต่เชี่ยกายนี้สิครับตั้งเพลงพี่ปู พงษิต
โรงเรียนของหนูเป็นเสียงรอสายผมนี้ขำกร้ากเลย..
โรงเรียนของหนู อยู่ไกล ไก๊ ไกล กร้าก จี้วะ

ตื้ดด!! ปลายสายกดรับผมรีบกั๊กเสียงหัวเราะและเก็กเสียงขรึมๆคุยกับมันนิดนึง แต่ผมเริ่มเอ๊ะใจแปลกๆ เพราะวันนี้คุณหนูมันมาแปลก พูดจาซะหวานเลี่ยนถมยังหาช่องโหว่คอยหยอดผมอยู่ตลอดขนาดตอนไปกินข้าวที่หลังมอมันยังจับมือผมควงโชวคนอื่นเลยเอ่อ คุณๆก็ลองคิดดู ไม่ด้านจริงทำไม่ได้นะครับ แต่คนที่หน้าจะอายมันควรเป็นผมนะไม่ใช่มัน พอมีคนมองเยอะๆเข้าหน่อยมันก็รู้สึกประหม่าแปลกๆ อะครับ 




หลังทานข้าวเที่ยงเสร็จกายมันก็กลับมารอสอบที่คณะแต่มันเลือกมาส่งผมก่อนจะขับหายลิ่วไปในกลีบเมฆแต่ก่อนมันไปผมก็แอบทำเสี่ยวกับมันเหมือนกันนะ ตอนทำหน่ะไม่อาย แต่จะมาเริ่มๆรู้สึกตัวก็ตอนมันผ่านไปพักใหญ่ๆ


ช่วงเวลาเกือบๆสี่โมงเย็นไอวินมันโทรมาหาผมบอกว่าจะมารับแต่ผมก็ปฏิเสธมันไปเพราะกายส่งแมสเสทมาบอกว่าจะมารับผม ก่อนจะวางสายมันยังแอบผิวปากแซวผมไม่รู้แซวเรื่องอะไร แถมยังมีแอบถามเรื่องเกี่ยวกับคนในคณะของผมอีก มันมาแปลก แต่ผมก็ไม่ค่อยได้สนใจมันมากหรอก ครับเดี้ยวมันจะได้ใจคิดว่าผมคล้อยตามไปกับมุขมัน


เวลาห้าโมงกว่าๆผมรอกายอยู่ที่คณะ ผู้คนที่เดินผ่านไปมาเริ่มลดน้อยลง จนตอนนี้หกโมงกว่า ท้องฟ้าเปลี่ยนจากสีเหลืองๆอมส้มกลายเป็นสีคล้ำดำมืดจนเกือบสนิทผมก็ยังคง จดจ่อกับการนั่งคอย. หลายครั้งที่ผมแอบตบยุงที่บินมาเกาะอยู่ตามต้นแขน และหลายครั้งที่ผมต้องลุกขึ้นยืนเดินไปมาเพือไม่ให้เหน็บกิน


เวลาทุ่มกว่า ผมก้มมองดูนาฬิกาทีาข้อมือ พร้อมกับคำถามเล็กๆน้อยๆที่ผุดขึ้นในใจ แต่ไม่เป็นไร กายอาจจะมีธุระด่วน ผมต้องมีเหตุผล อย่าด่วนสรุปคิดอะไรไปเอง เดี๋ยวเกิดเข้าใจผิดอะไรขึ้นมาอีก จะเป็นเรื่องเอา


สองทุ่มแล้วบรรยากาศรอบตัวเริ่มแปรเปลี่ยน จากที่มีแสงไฟดวงน้อยใหญ่จากตึกใกล้เคียงคอยส่องสว่างตอนนี้กลับมีเพียงจุดที่ผมนั่งเท่านั้นที่ยังคงเปิดไฟไว้ ลุงยามที่เดินตรวจ บริเวณตึกก็หันมาส่ง สายตาดุๆ ใส่ผมก่อนจะเดินไป ที่อื่นต่อ


สามทุ่มสี่สิบ ผมยังคงนั่งคอยอย่างไม่สบอารมณ์ ใจที่เคยนิ่งและมั่นคงของผมในตอนนี้เริ่มสั่นไหว มือเล็กๆของผมที่เคยผ่อนคลายแต่ตอนนี้กับตึงเกร็งเพราะเผลอกำหมัดแน่น ผมไม่ได้โกรธ ไม่ได้โมโหเพียงแค่ผมอยากรู้ ว่าทำไมกายถึงยังไม่มา


เวลาสี่ทุ่มกว่า ผมเริ่มถอดใจที่จะรอ เลยตัดสินใจเดินออกจากคณะ ไปยืนรอแท็กซี่อยู่หน้ามอ อย่างหัวเสียเหตุผลที่เคยมีเริ่มจางหายไปจากหัวผม ตอนนี้เหลือเพียงเครื่องหมายคำถามเควชชั่นมาคร์อันใหญ่ๆแปะ อยู่ที่หน้าผากผม คือถ้าไม่มารับแล้วบอกเหตุผลหรือส่งแมทเสทมาบอกอะไรสักอย่างก็ยังดี แต่นี้มันกลับเงียบและปล่อยให้ผมนั่งรออยู่ที่คณะห้าหกชั่วโมงทำไม


กลับมถึงห้องผมก็รีบวิ่งแจ้นเข้าห้องน้ำชะล้างตัวเผื่อไอความหงุดหงิดนี้มันจะหลุดไปจากหัวผมบ้างแต่เปล่าเลย พอหัวถึงหมอนความเครียดมันก็ลอยกลับเข้ามาในหัวของผม เหมือนเดิม


ตีสี่สี่สิบ เป็นเวลาที่คนทั้งบ้านผมนอนหลับสนิทแต่ตาผมกับสว่างจ้าเหมือนคนพึ่งตื่น แสงมืดๆบรรยากาสสลัวไม่ได้ทำให้ผมคล้อยตาม จนพล้อยหลับเหมือนทุกที
ผมเป็นอะไรกัน เครียด?โกรธ หรืออะไร คำถามเหล่านี้ไหลเข้าหัวผมมาไม่หยุดหย่อน แม้เวลาจะล่วงเลยผ่านไปเท่าไหร่ ผมก็ได้แต่นอนเอามือก่ายหน้าผาก อยู่อย่างนั้น จนท้องฟ้ารุ่งเช้าสาดส่องเข้าที่ตาผมผ่านม่านที่เปิดแง้มเอาไว้ที่ริมหน้าต่าง


เมื่อข่มตาหลับไม่ได้ผมก็ควรที่จะตื่น ผมลุกออกจากที่นอน ลงมาข้างล่างพี่อินที่กำลังยื่นวุ้นๆทำกับข้าวอยู่ในครัวถึงกับทำท่าชะงักเมื่อเห็นผม ตื่นเช้าก่อนที่จะมีสียงไก่บ้านใกล้ๆจะขันซะอีก


"ตายแล้วเจ...ทำไมวันนี้ถึงตื่นเช้าขนาดนี้ละเนี้ย ผีตัวไหนเข้าสิงอีกหือ.."ผมไม่รู้ว่าพี่อินพูดมาว่าอะไรเพราะตอนนี้เหมือนจิตใจของผมกำลังเหม่อลอย ไปหาใครซักคน และคงเป็นคนๆเดียวที่ทำให้ผมเอาแต่จ้องไอโฟนตรงหน้าไม่ยอมวางตา เห้อ ยิ่งรอยิ่งกงุดหงิด และเมื่อโวยวายอะไรกับใครไม่ได้ผมก็เลือก ที่จะอยู่คนเดียว ขอใช้เวลาทบทวนถามตัวเองในตอนนี้ก่อน ว่าผมเป็นอะไร


ผมเดินออกมาจากร้านทั้งชุดนอน เสื้อยืดสีขาวกับกางเกงลายสก๊อตสีดำขายาวควงคู่มากับรองเท้าแตะคนละสีที่เผลอใส่มาโดยไม่ทันได้มอง แต่ผมไม่แคร์ สายตาของคนที่ผมเดินผ่านต่างพากันยิ้ม บางคนก็หลุดหัวเราะซุบซิบนินทากัน เสียงดังเจี๊ยวจ๊าว ถ้าเป็นอารมณ์ปกติป่านนี้ผมคงอายจนรีบเดินกลับบ้านแล้วแต่ต่างจากคราวนี้ที่ผมเพียงแค่เดินไปทางข้างหน้าอย่างเดียว โดยไม่สนใจเสียงของใครเลย

ตุ้บ..เด็กน้อยน่ารัก วัยประมานห้าขวบอยู่ในชุดเครื่องแบบอนุบาลโรงๆใกล้ๆระแวกบ้านผม วิ่งมาหน้าตื่นแล้วก็ชนที่ขาผม อย่างจัง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-06-2017 14:10:09 โดย thitema3 »

ออฟไลน์ thitema3

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
"น้องเป็นอะไรรึเปล่าครับ"น้องเงยหน้าขึ้นมามองผมพร้อมกับใบหน้าที่เริ่มเหย่เกย เหมือนจะร้องไห


"เอ่อให้พี่ช่วยนะ"ผมช่วยพยุงน้องขึ้นใบหน้างอแงเริ่มสงบลง น้องเข้าไม่ยอมตอบอะไรผมได้แต่ก้มหัวปลงๆแล้วก็เดินหนีไป ผมก็แอบมองตามนิดหน่อยด้วยความเอ็นดูแม้ ผมเองจะไม่ค่อยถูกกับเด็กแต่ครั้งนี้ผมกลับมองว่ามันดูน่ารักแปลกๆเหมือนกันไม่รู้สิ อารมณ์ผู้หญิงที่เป็นประจำเดือนยังสู้ ผมในตอนนี้ไม่ได้เลย ยิ้มๆขรึมๆสลับกันไปมา คาดว่าอีกไม่นานคงจะมีคนมารับตัวผมกลับไปบ้าน(หลังคาแดง)ก็เป็นได้หึหึ


แม้จะเครียด แต่ ผมก็คงต้องทำตัวสตองกับทุกสิ่งให้ได้ แม้สิ่งๆนั้นอาจจะทำให้ตัวผม คิดมากแค่ไหนก็ตามแต่ทุกอย่างมันย่อมมีเหตุผลของมันเสมอ (ไม่นับรวมครั้งนี้)


นานเท่าไหร่แล้วที่ผมไม่ได้ออกมาเดินชมบบรกาศในตลาดยามเช้าอย่างนี้ ผู้คนมากมายทั้งเด็กเล็กใหญ่จนไปถึงอากงอาม่า ต่างก็พากันมาจับจ่ายตลาดกันตั้งแต่เช้านี้อาจจะเป็นเรื่องปกติ แต่สิ่งที่ไม่ปกติก็น่าจะเป็นผมนี้แหละครับ


ผมเดินชมเลือกดูของต่างๆภายในตลาด  ย้ำว่าแค่ดูนะครับเพราะตอนออกมาไม่ได้หยิบเงินออกมาด้วยเลยสักบาท ก็กะว่าแค่จะมา. เดินชิวๆปล่อยความคิดให้หลุดจากหัวก็เท่านั้นไม่ได้กะจะมาซื่ออะไรเลย จริงๆ สายตาของผมจ้องมองแต่อาหารและของกินที่วางกันเกลื่อนกราด จนเลือกไม่ถูกได้แต่มมองแล้วก็กลืนน่ำลายดังเอื้อกรู้สึกว่าตอนนี้ผมจะหิวจัดจนลืมเรื่องเครียดๆไปหมดแล้ว (แพ้เรื่องกินตลอดหึ) ถ้ารีบกลับบ้านไปเอาตังมาผมจะทันกินไอร้านขนมหม้อแกงตรงนั้นมั้ย รู้สึกคิวจะยาว รึเกิน ถ้าจะให้รอก็คงหายอยากพอดีๆหึหึ คิดได้อย่างนั้นผมก็เลือกที่จะเดินเลี่ยงออกมาจากบริเวณนั้น แต่แล้ว สายตาของผมก็เหลือบไปเห็นสิ่งที่น่าสนใจมากกว่าอาหารก็คือ ไอวิน ครับ (ผมาจจะลืมบอกไปว่าไอวินมันไม่ค่อยชอบเดินตลาดๆตอนเช้าๆเพราะมันบอกว่าคนเยอะแยะขี้เกียดต่อคิว  แต่มึงครับไม้ว่าจะเช้ารึเย็นคนมันก็เยอะพอกันแหละครับ แต่ผมขอให้เราพักเรื่องของผมไปก่อนและมาสนใจ เรื่องที่กำลังอยู่ในสายตาของผมแทน

วินมันอาจไม่ทันได้สังเกตุว่าผมแอบเดินตามมันมาตั้งแต่ร้านขายหมูแล้ว จนตอนนี้มันเดินไปหยุดอยู่ที่หน้าร้านผลไม้ปั่น แต่ที่ผมกำลังแหม่งๆก็คือ มัน มา กับ ใคร ทำไมผู้ชายตัวเล็กๆทึ่ยืนใกล้ๆจนแทบจะสิงไอวินมันถึงหน้าคุ้นอย่างนี้ เหมือนผมเคยเห็นที่ไหนนะ.. (และแล้วภาพลางๆ ในหัวผมก็เริ่มผุดขึ้นมาทีละนิดๆ จนในที่สุด)


อ๋ออออออออออออ(จนถึงบางอ้อ)  นั้นมันไอ เนม เด็กรุ่นน้องคณะผมนี้หว่า ว่าอยู่ทำไมหน้าดูคุ้นๆแต่ เดี๋ยวๆนะ มีควงแขนกันนี้คืออะไร ผมเริ่มคิดๆมาตั้งแต่ตอนที่ไอวินมันยื่นแก้วน้ำให้น้องแล้วเอามือไปลูบหัวน้องเขาพร้อมกับส่งยิ้มแล้ว เอ้ๆ




สรุปไอวินนี้ยังไง หุหุ เรื่องของผมคงต้องขอพักไว้แค้นี้ก่อนเพราะงานเผือก(เรื่องไอวิน)ต้องมาก่อนครับ ผมสวมวิญญาณแจ็คเดอะลิปเปอร์(เดี้ยวๆคนละเรื่องแล้ว)ตามไอวินทุกฝีก้าว จนมันคงผิเสังเกตุเลยแอบเหล่หลังมาบ่อยๆ ผมก็ได้แต่ฟุบบ้างหลบหลังเสาไฟบ้าง (แอบโง่ๆเหมือนในละคร แต่แปลกที่มันดันได้ผลอันนี้ผมขอปรบมือให้)
ผมเองยังงเลย รถเอ็มคันโปรดของไอวิน วิ่งผ่านตัวผมไปที่แอบหลบท่ามกลางฝูงชลผมมองตามมันที่ค่อยๆลับไป และเหมือนไอเด็กที่นั่งซ้อนหลังมันจะหันมาเจอผมเข้าพอดี แต่กว่าจะรู้ตัวมันก็สายไปแล้วครับหึหึ ทั้งวีดีโอและโฟโต้บุ๊คตอนนี้ผมถ่ายเก็บไว้หมดเรียบร้อยแล้ว ที่เหลือก็รอแค่เวลาที่มันจะบอกเรื่องของมันให้ผมฟังโดยไม่ต้องบังคับละนะ






ช่วงเกือบๆสายผมกับมาที่ร้านด้วยอารมณ์อย่างผู้ชนะ มียิ้มมุมปากและกระตุกไหลข้างซ้ายเบาๆ(เหมือนที่พี่โอปอลชอบทำ) แต่แล้วรอยยิ้มที่ผมเคยมีก็ค่อยๆจางหายไปเมื่อผมเดินมาหยุดอยู่ที่ห้องครัว ก็เจอแขก (ที่วันนี้กูไม่ได้เชิญแต่เสือกมา) ไอกายครับ มันมาพร้อมกับถุงใบใหญ่ที่ใส่ของคอลเลคชั่นเครื่องสำอางแบรนด์ดังที่พี่อินใช้อยู่ แต่นั้นยังไม่ใช่ประเด็น คือตอนนี้สิ่งที่ผมอยากได้ยินมากที่สุดคือคำอธิบาย


"อ้าวนี้ไง เจ หายไปไหนมา น้องกายเขามาหาตั้งแต่เช้าแล้วเนี้ย พี่ก็ไม่รู้ว่า เจ ไปไหน เลยบอกให้น้องกายเขานั่งรอ แล้วนี้กินอะไรมารึยัง หิวรึเปล่ามานั่ง กินด้วยกันเร๊ววันนี้พี่ทำผัดผักที่เจชอบด้วยนะ "แม้เสียงท้องของผมจะร้องโครกครากเสียงดัง แต่ถ้าหากในหัวมันยังมีเรื่องขุ่นเคืองใจ ผมก็ไม่อยากจะทำอะไรทั้งนั้น




"ไม่เอาดีกว่าครับเช้าๆเจไม่ค่อยหิว พี่อินกินก่อนเลยก็ได้ครับ "ผมเลือกที่จะหันไปคุยกับพี่อินคนเดียวแล้วมองผ่านไอคนที่มันกำลังนั่งจ้องหน้าผมด้วยอารมณ์บ่จอย


ผมเดินขึ้นห้องมาแบบตึงๆพร้อมกับคำถามในหัวว่า กูเป็นอะไรของกูวะ ที่มเป็นเมื่อกี้นี้เรียกการเมินได้รึเปล่า กูเป็นนางเองรึไงทำไม ถึงทำเมินเฉยแบบนั้น ไม่ ไม่ สิ ผมไม่ใช่นางเอก ผมคือเจตรินร์ วงวิริยไพยบูรณ์ ผมเป็นผู้ชาย แต่ทำไมถึงทำตัวนอยเป็นผู้หญิงอย่างนั้นวะ ผมควรจะรีบลงกลับไปดี มั้ย แต่โถ่เอ้ยเหวี่ยงมาขนาดนี้แล้วจะให้ลงไปนั่งชิวๆเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นนี้มันก็กะไรอยู่ เอาเป็นว่าผมขอนั่งเงียบโง่ๆคนเดียวในห้องก็แล้วกัน




ปึง!!!<เสียงปิดประตู>


เอี๊ยด<แล้วก็ตามมาด้วยเสียงเปิดประตูบานที่ผมพึ่งปิดไป> ปรากฏให้เห็นร่างผู้ชายตัวควายๆ เสนอหน้าหล่อๆของมันเข้ามาในห้องพร้อมกับยิ้มแป้น เป็นห่าอะไรของมัน




"เจ"มันเอาหน้าแนบกับบานประตูและเรียกชื่อผม


"..."


"เจ เป็นไรอะ"มึงยังกล้าถามกูอีกหรอ


"...." เงียบไว้ครับถึงเราจะเป็นนายเอกเราก้ต้องเงียบไว้ครับ ต้องรอจนกว่ามันจะยอมอธิบาย แล้วค่อยพูดกับมัน


"โกรธเรื่องที่ไม่ไปรับเมื่อวานหรอ"โชคยังดีที่มันยังรู้ครับ


"ถ้าใช้แล้วมึงจะทำไง" ผมพูดจบกายมันรีบเดินเข้าห้องปิดประตูลงกลอนเดี้ยวๆ มึงจะล็อคห้องทำไม


"แล้วมึงคิดว่าที่กูถ่อมาหามึงตั้งแต่เช้าตู่นี้กูมาทำอะไรละหืม"กายมันขยับมานั่งใกล้กับผมที่เตียงมือมันเริ่มอยู่ไม่เป็นสุขแล้ว เลื่อยเข้าเสื้อผมตลอด


"พอเลยสัดนี้หรอวิธีง้อของมึง"ผมดันหน้าไอกายมันออกห่างจากตัวผมก่อนที่ปากมันจะเข้ามาป้วนเปี้ยนใกล้กับคอผมไป. มากกว่านี้ กายมันยอมขยับตัวนั่งดีๆและจับมือผมที่ผลักหน้ามันเมื่อกี้ไปกุมแทน


"เจ กูขอโทษนะที่ปล่อยให้มึงรอ "กายมันลูบมือผมพร้อมกับสีหน้าที่ดูสลด


"รอเลออะไรไร้สาระ กูกลับมาตั้งแต่ห้านาทีแรกละห่า ฮ่าๆ" เอาเข้าจริงๆจากที่มีความคิดว่าจะว้ากใส่ มันตอนนี้ผมกับต้องโกหก เพื่อแลกกับรอยยิ้มของมันงั้นหรอ?


"อ้าวนี้สรุปมึงไม่ได้รอกูหรอกเหรอ"

"ก็เอออะดิใครจะบ้ารอมึง"


"ห่าเจกูก็อุตส่าห์เตรียมตัวมาง้อเต็มที่เลยนะเนี้ยเสียหน้าชิบ"


"หึหึ ถึงกูจะรอไม่นานมึงก็ไม่ควรปล่อยให้กูรอปะวะ"กายมันเงียบไปตอนที่ผมพูดจบ


"กูขอโทษ" กายมันก้มหน้ามองพื้นด้านล้างอย่างรู้สึกผิดแม้ตอนนี้มันจะเข้าใจไปอีกแบบแต่ผมว่าปล่อยให้มันเป็นแบบนี้น่าจะดีกว่ารู้ความจริงซะอีก


"ฮ่าๆมึงนี้ก็หงอยง่ายเหมือนกันนะไอคุณชาย กูหยอกเล่นๆหน่อยแหนะๆมีขรึมๆครับฮ่าๆ" ผมเอื้อมมือไปผลักหัวกาย จนมันเซเกือบตกเตียง แต่พอมันทรงตัวอยู่ก็หันมาจ้องตาผมเขม้ง นี้มันจะฆ่าผมป่าววะ ผมนั่งลุ้นจนตัวเกร็งและในที่สุดมันก็กระโดดขึ้นมาคล่อมตัวผมพร้อมกับรวบมือผมไว้เหนือหัว จนผมกระดิกหนีไปไหนไม่ได้เลย

"ขอโทษค้าบ"

"เรียกกูท่านขุน"

"โอ้ยยย!!!เชี่ยกาย" ไม่รู้ไอกายมันนึกคึกเล่นเหี้ยอะไรอยู่ๆมันก็เอื้อมมือไปบิดปิ๊กกาจู๊ผมจนเจ็บไปหมด


"บอกให้เรียกท่านขุน"หน้าไอกายมันเป็นยังไงผมไม่รู้แต้ตอนนี้ผมกำลังเจ็บจนหลบตาปี๋อยู่เลย


"โอ้ยกายกูยอมแล้ว โอ้ยเชี่ยปล่อยดิวะแม้ง"


"เรียกท่านขุนสิแล้วจะปล่อยฮ่าๆ"มึงยังมีหน้าจะมาขำกูอีกไอห่านิ แต้ท้ายที่สุดแล้วผมก็ต้องยอมในสิ่งที่มันต้องการเพื่อแลกกับอิสระภาพของตัวเอง ผมลองถกเสื้อขึ้นเผิดแง้มๆดูลูกชายที่หลับสบายอยู่ดีนะที่ไม่ขาดติดมือมันไปด้วย


"สัดนี่เห็นห่าอะไรๆม่รู้เรื่องเกิดกูเป็นหมันขึ้นมาทำไง"

"ดีสิมึงจะได้ไม่ไปทำใครเขาท้อง เอ๊ะแต่คิดไปคิดมา มึงคงทำใครเขาไม่เป็นหรอกจริงมั้ย ฮ่าๆ" มันยังมีหน้ามายิ้มระรื่นนอนขำผมจนท้องแข็ง เกลือกกลิ้งไปมาใกล้ๆตัว นี้ผมมีแฟนอายุ20จริงๆรึเปล่า ตอนนี้ผมชักเริ่มไม่แน่ใจซะแล้วสิ

. . . . . . . . . . . . . . .



หลังจากที่คลื่นหมอกความเศร้าได้พัดผ่านไปคลื่นลูกใหม่ก็เข้ามาแทน วันนี้ผมเข้ามานอนสิงเป็นเจ้าที่ ณ คอนโดหรูใจกลางเมืองกรุง. จะพูดให้ถูกคือ โดนลากมานั้นเองครับ


"เจ มึงว่าเสื้อตัวนี้เข้ากับกูมั้ย" เป็นเวลาเกือบยี่สิบนาทีแล้วที่ผมต้องคอยนั่งวิจารย์การแต่งตัวของคุณชายเหตุเพราะมันไม่ค่อยมั่นใจในตัวเอง แต่ผมว่าอย่างมันใส่ห่าอะไรแม้งก็ดูดี เฉพาะเบ้าหน้ามันก็กินไปครึ่งแล้ว เรื่องเสื้อผ้านี้ไม่ต้องมีเอี่ยวก็ได้ครับ หรือต่อให้มันไม่ใส่ห่าอะไรเลย ผมว่ามันก็ดูดี


"เอาตัวนี้แหละดีแล้ว"

"แต่กูว่า..."

"ถอดเสื้อไปเลยมั้ยครับมึง. ยืนเลือกมาจะชั่วโมงนึงแล้ว ไหนบอกกลัวเสียเวลา" จริงๆวันนี้กายมันบอกผมว่าจะกลับไปทำธุระที่บ้านแต่ไม่ได้บอกผมว่าเรื่องอะไรผมเองก็ไม่อยากถามหรอกครับเพราะถือว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัว ถ้ามันอยากบอกมันก็คงบอกผมเอง


"เอองั้นเอาตัวนี้ก็ได้ว่าแต่ มึงละมีชุดรึยัง" ผมชักมึนๆกับคำถามของมัน


"ชุดกู ทำไมวะ?"


"กุไม่ได้บอกมึงหรอกเหรอ ว่ามึงต้องไปกับกูด้วย"


"ไป ไปไหน อะไรยังไง"


"ไปบ้าน. . .กับกู" คำตอบของกายทำเอาผมรู้สึกตึงๆไปทั้งตัว


"บ้านมึง...."ทำไมตัวผมถึงรู้สึกสั่นๆด้วยก็ไม่รู้ตลอดเวลาที่ผมกับกายเราคบกันมากายมันไม่คอ่ยได้เล่าเรื่องที่บ้านมันให้ผมฟังเลย ต่างจากมันทีตีสนิทกับพ่อผมโคตรจะง่าย ... คนที่บ้านมันจะใจดีเหมือน ครอบครัวผมมั้ยนะ


"เจ.."

"ห้ะ..ๆอะไรมึง.. "

"มึงอะเป็นอะไรเห็นนิ่งไปตั้งแต่กูพูดว่าจะพาไปบ้านแล้ว"


"อ่อเปล่าๆหรอก แต่...มึงคิดดีแล้วหรอวะที่จะให้กูไปกับมึงด้วยอะ คือ..กู..."


"เจ...มึงกำลังกลัวอยู่ใช่มั้ย"บางครั้งผมก็เกลียดการเดาสุ่มๆแต่เสือกถูกของมัน

"ก็..."


"มึงไม่ต้องคิดมากหรอกเจ ที่บ้านกูเขาไม่ได้น่ากลัวกันขนาดนั้นหรอก ทำตัวสบายๆเดี๋ยวก็ชิน"ชินของมันนี้เมื่อไหร่วะ
ถ้าจะให้เทียบชีวิตครอบครัวและความเป็นอยู่ของผมกีบกาย เราเหมือนอยู่กันคนละโยดเลย
และถึงแม้ความคิดภายในหัวของผมจะมีข้อโต้แย้งมากมาย ยังไง แม้จะรู้สึกกลัวจนตัวเกร็งมากแค่ไหน แต่สุดท้ายก็หลบไม่พ้น


“บ้าน เจริญเกียรติพาณิชย์”



TBC . . . . . . . . . . . . . #KimTaeo

ออฟไลน์ thitema3

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
คิมตามแก้พวกกคำผิดบางประโยคให้แล้วนะครับ ผม หวังว่าจะช่วยให้อ่านได้ง่ายขึ้น  o18

ออฟไลน์ thitema3

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
Falling In Love
 
หลุมพรางหัวใจของนายหน้านิ่ง

Chapter:35. บ้านหลังใหญ่

ตอนนี้ณเวลานี้ ผมมายืนอยู่ที่หน้าบ้าน  เจริญเกียรติพาณิชย์”ผู้ทรงเกียรติ แต่อย่าเรียกว่าบ้านเลยครับจะเรียกว่าคฤหาส หรือวัง น่าจะดีกว่า ผมคงไม่ต้องบรรยายให้ฟัง หรอกนะว่ามันใหญ่โตขนาดไหนแค่พื้นที่สนามหญ้าหน้าบ้านก็กินบ้านผมไปทั้งหลังแล้วโห่ นี้หรือวิถีคนรวย



ผมยืนเอ๋ออยู่ที่หน้ารั้วกรงเหล็กสีทองกับกายสองคน กายมันส่งยิ้มให้ผมตั้งแต่ลงมาจาดคอนโดจนมาถึงที่นี้ มันก็ยังยิ้มไม่ยอมหุบ มันคงไม่อยากให้ผมคิดมาก แต่จริงๆแล้วในหัวผมตอนนี้ไม่ได้มีเรื่องคิดมากเรื่องอะไรนี้หรอกครับ จะมีก็แค่รู้สึกเกร็งๆทำตัวไม่ถูกเท่านั้นเอง


"กูเข้าไปได้จริงๆหรอวะ"ผมหันไปถามคนที่อยู่ๆข้างๆมันหุบยิ้มก่อนจะตอบคำถามผม


"มึงเป็นผีหรือไงเจ ก็ต้องเข้าได้สิ"กายมันยื่นมือมาขยี้หัวผมพร้อมกับยื่นขำคิกๆอยู่คนเดียว


"แต่กูกลัววะกาย กูขอเวลากลับไปทำใจสักวันสองวันได้ป่าววะ "


"อย่ามาเพ้อเตี้ยมันไม่มีอะไรหน้ากลัวหรอกน่า เชื่อกูสิ"


"มึงอะชอบหลอกกู"


"ไม่นับบรวมครั้งนี้ละกัน "


"แต่..."


"เอางี้.."นิ้วมือของผมกระชับแน่นจากมือใหญ่ๆของกายที่บีบลงมา


"มึงจะทำอะไรกายอย่ามาบ้านี้บ้านมึงนะ" เกิดใครเดินออกเข้ามาเห็นทำไงละ


"หึหึ เดี๋ยวก็รู้" หลังจากนั้นไม่นานก็มีป้าแม่บ้านดูมีอายุหน่อยเดินเข้ามาเปิดรั้วสีทอง ที่ถูกปิดไว้เมื่อตอนต้นป้าแกทำหน้าตกใจเอามือจับอกเหมือนช็อคซินีม่าอะไรซักอย่างอยู่


"คุณหนู" แค่คำว่าคุณหนูคำเดียวก็ทำให้ผมต้องหันข้ายไปเบะปากใส่  หล่อสูงตัวเป็นควายเรียกคุณหนู เออตลกดีวะฮ่าๆ


"สวัสดีครับแม่"ชะอุ้ยรอยยิ้มของผมหุบลงทันทีเมื่อกายมันพูดว่าแม่


"โถ่ คุณหนูของนม หายตาหายตาไปนานไม่รู้ไปติดสาวที่ไหนถึงไม่ยอมกลับบ้านมาให้นมเจอหน้าบ้างเลย "อ๋อที่แท้ก็คือแม่นมนี้เอง ไอผมก็คิดไปซะไกล


"พอดีช่วงนี้ติดเรียนอะครับนมเลยไม่ค่อยมีเวลากลับมาเยี่ยมเลย แล้วนี้พ่อกับแม่อยู่รึเปล่าครับ"


"อยู่แต่คุณผู้หญิงค่ะส่วนคุณผู้ชายคงอีกวันสองวันถึงจะกลับเห็นว่าไปติดต่อธุรกิจที่สิงคโปร"


"อ๋อ...ครับ"ผมสังเกตุเห็นสีหน้าของกายตอนที่ได้ยินคำตอบ. มันทำหน้าหงอยไปแปปนึง แล้วก็กลับมายิ้มต่อแต่ทำไมผมถึงรู้สึกว่ารอยยิ้ม ที่กายส่งมามันถึงได้เหงาขนาดนี้


"จำทางเข้าบ้านได้ใช่มั้ยค่ะคุณหนู"ทันทีที่แม่นมของกายเดินมาส่งผมที่หน้าประตูบ้าน หลังเล็กข้างๆสวนหย่อม  ก็ส่งเสียงแซว ลูกเลี้ยงของเธอใหญ่กายมันก็ยิ้มให้ และไม่นานเธอก็ขอตัวเข้าครัวไปตอนนี้ที่หน้าบ้านจึงเหลือแค่ผมกับกายที่กำลัง ยืนมองประตูบานใหญ่ที่ถูกปิดเอาไว้ ภายใต้ประตูไม้บานนี้จะมีอะไรซ่อนอยู่จากด้านหลังผมไม่อาจเดาได้เลย


"อ้าวลูกชายฉัน!"ประตูไม้บานใหญ่ถูกเปิดออกพร้อมกับผู้หญิงที่ยังดูสาวและสวยในชุดเข้าครัวพร้อมกับผ้าเอี้ยมลายลูกไม้ของเธอที่ใสอยู่ คนข้างตัวผมรีบวิ่งกรู่เข้าไปก่อนจนเธอเซแต่เธอก็ยังยิ้มออกมาด้วยความดีใจ นี้สินะแม่ของกาย...


"แล้วนั้นพาใครมาด้วยลูก หืม" หลังจากที่กายและแม่ละยืนกอดกันได้พักนึงทั้งสองก็หันมาถามหุ่นขี้ผึ่งอย่างผมที่ยืนประกอบฉากอยู่ข้างๆ


"อ่อ...เพื่อนกายเองครับแม่ มันชื่อเจครับเจ นี้แม่กู" กายมันขยิบตาให้ผมและเอ่ยแนะนำตัวผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหนัาผมอย่างเป็นทางการ แต่ทำไมผมถึงต้องเฟลตอนที่กายบอกว่าเราเป็นแค่เพื่อนกันด้วยก็ไม่รู้ แต่พอลองตั้งสติดีๆแล้วคิดตามว่าตอนนี้ผมกำลังยืนอยู่ที่ไหนและผู้หญิงคนที่ยืนอยู่ตรงนี้เป็นใคร คำถามเหล่านั้นจึงค่อยๆมะลายหายไปจากหัวของผม

“มานี้มาแม่พาดูอะไร” แม่ของกายเดินตรงเข้ามาดึงมือผมพร้อมกับกายเดินชมสวนข้างๆเรือนเล็กที่มีดอกไม้นาๆพันธ์ ต่างๆ มากมาย ผมแอบเหลือบๆเห็นกล้วยไม้พันธ์หายากที่ปลูกอยู่ที่บ้านผมด้วยตั้งสองสามต้น


"แม่ครับแม่รู้รึเปล่าว่าเจมันก็ชอบดอกไม้เหมือนกับแม่เลยนะ"


"จริงหรอลูก" แม่ของกายละสายตาจากดอกไม้ตรงหน้าก่อนจะหันมามองผม


"ก...ก็..นิดหน่อยครับคุณน้า" แล้วทำไมผมถึงต้องเสียงตะกุกตะกักด้วยก็ไม่รู้


"แหม่คุณน้งคุณน้าอะไรกันเรียกแม่สิลูก " เธอพูดพร้อมกับเดินยื่นมือจะมาลูบหัวผม แต่ผมเอี้ยวตัวหนีในตอนแรกเพราะคิดว่าแม่กายจะยื่นมือมาเบิ๊ดกระโหลกผม

"เจมันขี้ระแวงอะแม่"


"ระแวงซะน่ารักเชียว ไหนๆมาให้แม่กอดเรียกขวัญทีสิ" ผมส่งสายตาไปขอความเห็นกายแต่ยังไม่ทันที่กายตะได้ตอบอะไรเธอก็ดึงตัวผมเข้าไปกอดแล้วตอนแรกก็อาจจะเกร็งๆแต่พอได้ยื่นนิ่งๆสักพักบรรยากาศ แปลกๆก็เข้ามาแทนที่...เหมือนผมได้รับรู้ถึงความรู้สึกที่ตัวเอง ไม่เคยได้รับ จากใครคนนึงที่ตอนนี้ อยู่ไกลแสนไกล


"ตัวเล็กดีจัง แถมตัวก็บางเอวก็คอดอีกเห็นแบบนี้แม่อายเลยนะรู้มั้ย.”


"เจมันไม่ค่อยกินข้าวครับแม่ตัวเลยหดเหลือแค่นี้ "ผมส่งค้อนให้ไอกายไปหนึ่งทีและถ้าไม่ติดว่ากำลังยืนกอดแม้มันอยูป่านนี้ผมเดินไปไซด์คิกใสมันแล้ว


แม่กายเป็นคนใจดีมากท่านอัธยาศัยดี เป็นกันเองทำอาหารเก่งแถมชอบชวนคุยตอนที่ผมนั่งเงียบๆ อยู่คนเดียวในห้องนั่งเล่น เธอชอบพูดเรื่องดอกกล้วยไม้กับผมตอนกายเดินไปหยิบขนมมาวางที่โต๊ะเธอก็ยังจดจ่ออยู่กับการพูดคุยกับผมจนลืมไปเลยว่าลูกชายของเธอเองนั่งอยู่ข้างๆ
ด้วย

เวลาผ่านไปพักใหญ่กายพาผมขึ้นมาบนห้องนอนของมันที่บ้านหลังใหญ่ ระหว่างที่รอคุณแม่ของกายเข้าครัวทำอาการเย็น ผมเดินสำรวจข้าวของเครื่องใช้ต่างๆภายในห้อง ด้วยความแปลกตาและแปลกใจ ของตกแต่งบางอย่างที่วางอยู่เป็นจุดๆ. ทำให้ผมเอะใจเพราะมัน ดูเหมือนของสะสมหายากที่ผมเคยอ่านเจอในหนังสือของพ่อเลย ส่วนข้าวของอื้นๆก็ไม่ต่างจากที่คอนโดกายมันเลยครับที่นั้นเป็นยังไงที่นี้ก็เป็นอย่างนั้น แต่สิ่งที้เรียกความสนใจของผมในตอนนี้น่าจะเป็น ใบประกาศนียบัตร และถ้วยรางวัลต่างๆนับสิบที่วางกองรวมกันอยู่ในตู้กระจกใส ผมเดินเข้าไปดูใกล้ๆอ่านรายละเอียดต่างๆถึงได้รู้ว้ากายมันเก่งกีฬามาก มีทั้งแบคมินตัน ฟุตบอล ตะกร้อ และกีฬาๆอื่นๆอีกสองสามชนิด แถมยังมีเกียรติบัตรชมเชยต่างๆ นับสิบ จัดวางใส่กรอบอยู่ข้างๆด้วย


"กูก็พึ้งรู้นะเนี้ย ว่าคุณหนูกายก็ทำอะไรแบบนี้ได้ด้วย"ผมหันไปส่งเสียงแซว ไอคุณชายตัวควายๆที่นอนกดโทรศัพท์เล่นอย่างตั้งอกตั้งใจ


"นี้แค่นิดหน่อยนะ ลองเปิดชั้นสองดูสิมีอีกเพียบ" หึพอแกล้งชมนิดชมหน่อยละทำเหลิง โม้ชิบหาย ผมได้แต่เบะปากให้มัน ก่อนจะหันไปสนใจที่ลิ้นชักชั้นสองอย่างที่มันว่า อะ..อ้าว แล้วไหงผมบ้าจี้มาเปิดดูละเนี้ยเอ๊อ แต่ช่างเถอะไหนๆก็เปิดแล้ว ก็ขอดูให้เป็นขวัญตาตัวเองซักหน่อย


" หืม ประกาศนียบัตรฉบับนี้ มอบให้ นาย ทินกร เจริญเกียรติพาณิชย์ เนื่องด้วยเป็นแบบอย่างที่ดี และนักเรียนดีเด่น โห่ๆนี้ผมกำลังคุยอยู่กับอดัตนักเรียนดีเด่นหรอครับเนี้ย". ผมหันไปแซวกายที่ขยับมานั่งข้างๆผมตั้งแค่เมื่อไหร่ไม่รู้(กูตกใจ)กายมันแค่ไว้ไหล่ก่อนจะดึงตัวผมให้ล้มลงไปนอนคู่กับมัน


"จะทำอะไรไม่ทราบครับคุณนักเรียนดีเด่น"

"หึเลิก แซวซักทีเหอะมันก็แค่อดีต"

"แสดงว่าตอนนี้มึงก็เลวงั้นสิ?"

"แล้วในสายตามึง มองเห็นกุเป็นคนยังไงละ"เจอประโยคนี้ไปผมถึงกับจุก พูดอะไรไม่ออกเลยกู


"ก็ดีบ้างไม่ดีบ้างปะปนกันไป แต่จะว่าไปชื่อมึงนี้ก็เพราะดีเนอะ ทินกร ดูขลังๆดีวะ "


"มันแปลว่าพระอาทิตย์" ว่าอยู่ทำไมเวลาผมอยู่ใกล้ๆ มันถึงร้อนๆ (มันเกี่ยวกันที่ไหนเล๊า - -* )


"บ้ะความหมายก็ดีด้วยเดี้ยว กูเปลี่ยนมั้ง" โป๊กกายมันยื่นมือมาเขกกะบาลผม


"ชื่อที่พ่อแม่ตั้งให้มันก็ดีอยู่แล้วจะเปลี่ยนทำไม"


"เห่อชีวิตมึงนี้โคตรจะเพอเฟคเลยวะกาย เหมือนมึงเกิดมาพร้อมกับช้อนเงินช้อนทองแถมเดินบนกลีบกุหลาบปูทับด้วยพรหมแดงอีกที โคตรน่าอิจฉา"


"แต่บางครั้งถ้ามึงได้รู้ เรื่องราวอะไรที่มันมากกว่านี้มึงอาจจะเลิกคิดเรื่องอิจฉากูไปเลยก็ได้นะ" ผมไม่รู้ว่าสิ่งที่กายพูดมันกำลังหมายถึง เรื่องอะไร แต่ดูจากสีหน้าซึมๆของมันตอนพูดแล้วผมก็พอจะเดาได้ว่ามันคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ

:o12:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-07-2017 14:36:29 โดย thitema3 »

ออฟไลน์ thitema3

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
ก๊อกๆๆ เสียงประตูดังขึ้น กายเป็นคนลุกเดินไปเปิดประตู เห็นมันยืนคุยกับแม่นมของมันนานสองนานก่อนจะกลับมาดึงมือผมให้เดินตามมันลงมาข้างล่างด้วย


บนโต๊ะอาหารที่กว้างขวางถูก วางเรียงไปด้วยอาหารมากหน้าหลายตานาๆชนิด ที่ผมไม่คุ้นเคยหรือจะเรียกว่าพึ่งเคยเห็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้


ผมได้แต่นั่งมองเพียงเพราะไม่รู้ต้องทำยังไง ถึงคนที่นั่งกินข้าวกันในตอนนี้จะมีเพียงแค่ผม กายและแม่ของกาย แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงรู้สึกกดดันแปลกจนแทบไม่กล้ากระดิกทำอะไรเลย


"น้องเจเป็นอะไรรึเปล่าลูกทำไมทำหน้าอย่างนั้น"เสียงหวานๆอ่อนโยนลอยเข้าหูผมที่มัวแต่เหม่อคิดอะไรอยู่คนเดียว


"อ่อเปล่าๆครับแค่มันมีเยอะจนผมเลือกไม่ถูก" ผมส่งยิ้มเจื่อนๆส่งให้แม่ของกายที่กำลังส่งยิ้มมาให้ผม


"แม่รู้รึเปล่า พี่สะใภ้ของเจก็ชอบทำอาหารเหมือนกันนะครับ "


"แหม่น้องกาย ตั้งแต่เข้ามาบ้านนี้ก็เอาแต่พูดเรื่องของน้องเจ ตลอดเลยนะ คำว่าคิดถงคิดถึงแม่ซักคำยังไม่ได้ยินจากปากลูกชายเลย เห็นอย่างนี้แม่น้อยใจ เป็นนะ" พอแม่กายพูดจบลูกชายตาดีของเธอก็เดินดุ่มๆไปนั่งเป็นปลิงออเซาะอยู่ข้างๆ


"จะว่าไปเรื่องเรียนเป็นยังไงบ้างลูก เรียนหนักมั้ย"

"ก็นิดหน่อยครับแม่ แต่กายเก่ง ไง แม่ไม่ต้องห่วง"


"แหม่ๆ ชมนิดชมหน่อยทำเหลิงใหญ่เลยนะพ่อคุณ แล้วน้องเจละลูก เรียนเป็นยังไงบ้าง น้องกายแอบอู้ตอนเรียนบ้างรึเปล่า"


"ผมกับกายเรียนกันคนละคณะครับแม่"


"ตายจริงนี้แม่เข้าใจว่าหนูเรียนวิศวะเหมือนน้องกายซะอีก แต่ก็ดีแล้วแหละ แม่ว่าปล่อยให้พวกเด็กบ้าพลังเดินตากแดดตากลม ชมวิว อยู่ใตตึกกันนั้นแหละ จะได้เข็ดหลาบบอกอะไรไม่ค่อยฟัง"


"ทำไมหรอครับคุณแม่"ผมถามออกไปด้วยความสงสัย


"ก็ตอนแรกแม่บอกให้น้องกายเรียนบริหารจบมาจะได้กลับมาช่วยธุรกิจที่บ้านเป็นเจ้าคนนายคน แต่เจ้าตัวดีนี่นะสิเรียนตามเพื่อนตลอด " แม่ของกายหันโอบแขนไปล็อคคอกายเบาๆที่้กาะอยู่ข้างๆแขนของเธอ


แต่บางทีการที่ผมได้มาเห็นภาพอะไรแบบนี้มันก็ทำให้ผมรู้สึกเฟลได้เหมือนกัน ทั้งๆที่ภาพตรงหน้าก็เป็นเพียงแค่แม่ลูกกำลังกอดกันอยู่เท่านั้น แต่ไม่รู้ทำไมผมต้องรู้สึกจุกๆที่อกด้วยผมก็หาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้เหมือนกัน




ช่วงทุ่มๆกว่าๆผมนั่งอยู่ห้องนั่งเล่น (ที่โคตรจะใหญ่หรูหราและเว่อวัง) กับกายสองคนโดยที่คุณแม่ของกายขอตัวออกไปพบปะสมาคมแม่บ้าน(คล้ายๆกับพี่อิน) ตอนนี้ภายในบ้านจึงเหลือแค่ผมกับกายเพียงสองคน


"เจ..." อยู่ๆกายก็พูดขึ้นมาขณะที่ผมกำลังให้ความสนใจกับภาพในวัยเด็กของกายที่แม่มันให้ไว้ก่อนจะออกไป


"หืม" ผมตอบโดยที่สายตาจังจ้องดูรูปในคอเลคชั่นที่อยู่ในมือ


"เจ...สนใจกูหน่อยยย"แนะๆมีทำเสียงออดอ้อน ถ้าคิดว่าวิธีนี้จะใช้ได้ผลกับผมละก็คุณ....คิดถูกละก๊าบบบ เข้าโหมดน้องกายทีไรผมแพ้ทางทุกทีเลย


"ไหนๆเด็กน้อยของพี่เป็นอะไรครับ "ผมวางสมุดภาพในมือก่อนจะลงไปนั่งโซฟาตัวยาวข้างๆ ก่อนที่มันจะเลื่อนขึ้นเอาหัวมาหนุนอยู่บนตักผม


"กูดีใจนะเจ"


"ดีใจ? เรื่องอะไรวะ"


"ที่มึงกับแม่เข้ากันได้ "


"ก็ท่านใจดี พูดเก่ง ชอบชวนกูคุย ตอนกูนั่งเงียบๆเห็นยังงี้แล้วมึงจะให้กูนั่งบึ้งตึงใส่รึไง"


"แต่ยังไงกูก็ดีใจอะ แม่. กับลูกสะใภ้รักกัน ^^" ผมกำลังจะยื่นมือไปเขกหัวมันที่ยุกยิกอยู่ตรงตักผมแต่เหมือนมันจะรู้ตัวยกมือขึ้นมาบังไว้ก่อน


"สะใภ้มะเหงกสิ. . .กูไม่แต่งจนกว่าจะเรียนจบหรอกเว้ย"


.............


เวลาสามทุ่มกว่าๆผมยกมือโบกลาบ้านผู้ทรงเกียรติก่อนจะมีลูกชายเจ้าของบ้านเดินออกมาส่ง ไอตอนแรกมันก็ไม่ยอมให้ผมกลับหรอกครับแต่พอดี มีโทรศัพท์ของมันเข้ากระทันหันและดูเหมือนจะเป็นสายสำคัญด้วยผมเห็นตอนมันรับแล้วทำหน้าบึ้ง ผมเองก็ไม่ได้ถามหรอกว่าใครโทรมาแต่ก็ไม่ใช่ว่าผมจะไม่อยากรู้ไปซะทีเดียว เพียงแต่ผมกลัวถูกมองว่าทำตัวงี้เง้าเซ้าซี้เลยต้องเก็บความคิดเงียบๆไว้คนเดียว


"ให้กูไปส่งมั้ย"กายถามทันทีที่ผมเดินพ้นออกมาจากประตูหน้าบ้านได้เพียงนิดเดียว


"อย่าเลยอยู่เฝ้าบ้านเหอะมึง กูกลับเองได้อย่าห่วงเลย"


"ก็มึงอะ..ชอบทำให้คนอื่นเป็นห่วงอยู่เรื่อย"ถึงปากมันจะบ่นผมแต่สีหน้าของมันนี้ซึมเบอร์สิบแล้วครับ


"เอาน่าไม่ต้องเป็นห่วงบ้านกูอยู่แค่นี้เอง นั้นไงพี่แท็กมาพอดี งั้นกูไปก่อนนะ ฝากหวัดดีคุณแม่ด้วยนะ "


"หึ พอสนิทกับแม่ก็ลืมกูเลยนะ คนเรา" กายมันทำหน้านอยใส่ผมก่อนจะเอี้ยวตัวหันหลังเข้าบ้านไปแต่ผมรั้งมือมันเอาไว้ก่อน


"น่าเดี้ยวถึงบ้านแล้วจะโทรหาสัญญาครับ " ยังครับกายมันยังไม่ยอมพูดกับผมอีกครับ สงสัยจะน้อยใจจริงๆ ผมเลยรวบรวมความกล้าหันซ้ายขวาเมื่อเห็นว่าไม่มีใครแล้ว จึง



จุ้บ!! ที่แก้มขวาของมัน กายมันเงยหน้าขึ้นมองผมแทบจะทันทีที่ริมฝีปากของผมกระทบที่แก้มของมัน


"หายโกรธนะคนดี"


"ถ้ารู้ว่าแกล้งโกรธแล้วมึงง้อกูแบบนี้ นะกูจะทำบ่อยๆเลย " สัดมึงแกล้งนอยหรอกเหรอเนี้ย  ><


และยังไม่ทันที่ผมจะได้โบกกระบาลไอคุณชายพี่แท็กแกก็ขับดุ่มๆอยู่ข้างๆผมแล้วพี่แกเปิดกระจกมามองหน้าผมเหมือนจะถามเป็นนัยๆว่ามึงจะขึ้นหรือไม่ขึ้นและอาจเป็นด้วยเพราะความรีบร้อน เพราะนี้ก็ดึกแล้วแท็กซี่แถวนี้ก็หายาก ผมเลยต้องอัญเชิญตัวเองขึ้นไปนั่งในรถ เปิดกระจกส่งค้อนให้มันไปทีนึงก่อนที่พี่แท็กแกจะค่อยๆขับออกมาช้าๆ


รถวิ่งแล่นผ่านไปตามเสาไฟที่มีแสงไฟสีส้มๆบรรยากาศมืดๆบวกกับลมเย็น สามารถทำให้ใจของใครคนนึงเปล่าเปลี่ยวได้เหมือนกัน
และบางครั้งความกลัวก็อาจเป็นสิ่งที่อยู่ในจิตใต้สำนึกของเราทุกๆคนเพียงแต่ เราจะหาวิธีทำลายความกลัวนั้นได้ยังไง
ก่อนจะมาบ้านกายผมลุ้นจนตัวโก่งกลัวคนที่บ้านกายไม่ชอบผม กลัวว่าตัวเองจะปรับตัวไม่ได้ แต่พอได้เผชิญหน้ากับมัน สิ่งที่ผมเคยคิดไว้กลับเปลี่ยนไปเป็นอีกแบบ ความรักที่แม่ของกายมีให้ มันมากจนผมรวบรวมเป็นคำพูดออกมาไม่ได้ และถ้าหากในวันนี้ ผมมีเธอคนนั้นอยู่ข้างๆ ที่คอยให้ความรักและความอบอุ่นในวันที่ผมเหงาก็คงจะดีเพียงแต่นั้นคงกลายเป็นเพียงแค่ความคิดในหัวของผมเพียงอย่างเดียว
เพราะรู้ดีว่าต่อให้ผมจะขอร้องหรืออ้อนวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ยังไงเธอก็คงไม่กลับมา
และสิ่งที่ผมทำได้ในตอนนี้ เพียงอย่างเดียว คือคิดถึง... คนๆนึงที่ผมอยากจะเอ่ยปากเรียกชื่อของเธอสักครั้งว่า . ..




แม่

 :hao5:


TBC

#นายคิม










ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด