(เรื่องสั้น) heart and soul ด้วยรัก. #จบในตอน
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: (เรื่องสั้น) heart and soul ด้วยรัก. #จบในตอน  (อ่าน 1560 ครั้ง)

ออฟไลน์ ลลิน

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อ้างถึง
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   
เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ
5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).
9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ
10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป
11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว
บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป
12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด
13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ
14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ
15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail
16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข
17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้
18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ
เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

แปะเพลง
https://www.youtube.com/watch?v=acjd6LTMrPk
https://www.youtube.com/watch?v=ubAsQYssTKU
https://www.youtube.com/watch?v=tjRSeHsnO30
https://www.youtube.com/watch?v=4GUzs7i8H20







heart and soul
ด้วยรัก.





I would rather be a ghost drifting by your side as a condemned soul, than enter heaven without you
ผมเลือกเป็นวิญญาณเร่ร่อนเคียงข้างคุณ มากกว่าอยู่ในสรวงสวรรค์โดยปราศจากคุณ
- City of Angels -










               ผมทำอะไรผิดพลาดไปตรงไหน?
               ผมถามตัวเองเป็นนับร้อยครั้ง..พันครั้ง ในหัวของผมมีแต่คำถามวนซ้ำๆเหมือนเทปเสียงที่ถูกกรอซ้ำไปซ้ำมาไม่หยุดหย่อน
               คนเรามักจะคิดได้เมื่อไม่เหลือโอกาสให้แก้ตัวอีกแล้ว และผมคงเป็นหนึ่งในคนจำพวกนั้น.. สายตาเจ้ากรรมไปสะดุดเข้ากับมอเตอร์ไซต์ที่พึ่งแล่นเข้ามาจอดไม่ใกล้ไม่ไกลกันนัก ลมหายใจผมคล้ายจะสะดุดลงชั่วขณะหนึ่ง




               “ติน..”
   



               ผมครางชื่อเขาออกมาทันทีที่เห็นใบหน้าหวานปรากฏขึ้นในกรอบสายตา คนตัวเล็กก้าวขาลงจากมอเตอร์ไซต์แล้วส่งคืนให้สารถีผู้มีสถานะเป็นรุ่นน้องคนสนิท ความดีใจที่ได้พบเขาถูกกลบไปอย่างรวดเร็วด้วยความเจ็บปวด
               ติน..คนรักที่พึ่งบอกเลิกผมไปหนึ่งเดือนก่อน ซ้อนท้ายรถของไอ้เด็กนั้นมา ผมกำมือแน่นเพื่อระงับอารมณ์ไม่ให้เผลอลุกขึ้นไปต่อยไอ้เด็กนั้นอีกหนเสียก่อน ผมสูดลมหายใจลึกลงปิดเพื่อเรียกกำลังใจ ก่อนจะลุกขึ้นตืนเต็มความสูงแล้วสาวเท้าไปหาเขา



               “ติน เราขอคุยด้วยหน่อยได้มั้ย?”



               ผมรู้สึกลำคอแห้งผาก พยายามฉีกยิ้มให้เขาอย่างสุดความสามารถแม้ภายในใจจะร่ำไห้สักแค่ไหน คนตัวเล็กแน่นิ่งไปเขาไม่ตอบรับแต่ก็ไม่ปฏิเสธ เงียบไปนานจนน้ำตาที่เอ่อล้นในหน่วยตาพาลจะไหลลงมา



               “ติน..”



               ผมส่งเสียงเรียกเขาอีกหน ครั้งนี้คนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นมามองผมเนิ่นนาน ผมจึงขยับยิ้มให้มากขึ้นกว่าเดิม ผมอยากกอดเขา ผมอยากได้รับรอยยิ้มสวยๆที่มีให้แค่ผมกลับคืนมา และที่สำคัญ.. ผมคิดถึงเขาจนแทบบ้าแล้ว



               “พี่ครับ ไปกินข้าวกันก่อนเลยมั้ย?”



               เสียงไอ้เด็กนั้นแทรกขึ้นมา คนตัวเล็กละสายตาจากผมแล้วหันกลับไปพยักหน้าให้มัน หัวใจผมโดนฉุดขึ้นสูงราวกับลูกโป่ง ก่อนจะถูกเจาะออกกลางอากาศ เขาหันหลังให้ผม..แม้คำพูดสักคำผมก็ไม่ได้ยินมันจากปากเขา


               เป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้ที่ผมดันทุรังจะเข้าไปคุยกับคนตัวเล็ก.. โทษใครไม่ได้นอกจากตัวผมเองที่ทำให้เรื่องทุกอย่างเป็นแบบนี้ ผมทำให้เขาเสียใจครั้งแล้วครั้งเหล่า โดนเขาเมินไปมันก้สมควรกับความผิดที่ผมทำมาตลอดเวลาเกือบสี่ปีที่เราคบกันแล้ว


               ผมมองตามคนที่เดินหายลับออกไปเรื่อยๆ ตั้งแต่วันที่ผมกับตินทะเลาะกันครั้งนั้น คนตัวเล็กก็ไม่ยอมปริปากพูดกับผมอีก ผมทรุดลงนั่งพิงกำแพงและปิดเปลือกตาลงอย่างเหนื่อยล้า ภาพในวันนั้นไหลย้อนกลับมาราวกับมันกำลังรอเวลา

.

.

.


               ‘ติน!’


               ผมไม่แน่ใจว่าตอนนั้นสุ่มเสียงที่เอ่ยไปกระชากกระชั้นเพียงใด มันอาจจะแรงพอๆกับกำลังที่ผมใช้ดึงข้อมือของเขาให้มาประชิดกาย



               ‘โอ้ย! ทำบ้าอะไรของนาย!’  คนตัวเล็กนิ่วหน้า พยายามบิดมือออกจากการเกาะกุม


               ‘เหอะ ทำบ้าอะไรเหรอ? ฉันควรถามนายมากกว่ารึเปล่าติน? ไอ้บ้านี่ใคร.. อ่อ! ใช่ ตินแฟนฉันมาติวหนังสือ’ ผมเว้นจังหวะแล้วหันไปมองรุ่นน้องในคณะที่มาอยู่ผิดที่ผิดทางเหลือเกิน ‘ติวหนังสือแล้วมันต้องมาเดินโอบไหล่กันแบบนี้ด้วยเหรอวะ!’



               ‘เดี๋ยวครับพี่กร ผมกับพี่ตินเราไม่ได้...’ ผมไม่รอให้มันพูดจบ ผมไม่มีความอดทนอดกลั้นให้ไอ้เด็กนี่อีกแล้ว สายตาของมันเวลาที่มองติน.. เหมือนกับที่ผมใช้มองติน ผมขบกรามแน่น ก่อนจะเหวี่ยงหมัดลงไปอีกครั้งจนอีกฝ่ายกองลงไปกับพื้น



               ‘จะแก้ตัวอะไร? ไม่ได้เป็นอะไรเหรอ? มึงคิดว่ากูไม่รู้เหรอว่ามึงคิดอะไรกับติน!’



               ผมยอมรับว่าตัวเองขาดสติ ผมง้างมือขึ้นเตรียมฝังอีกหมัดลงบนเสี้ยวหน้าที่บวมแดงเพราะหมัดก่อนหน้านั้น แต่ทุกอย่างก็ชะงักลงทันทีที่คนตัวเล็กตรงเข้ามาประครองเด็กนั้นให้ลุกขึ้น ผมเม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรงขณะมองคนรักแสดงท่าทีเป็นห่วงอีกฝ่ายอย่างเปิดเผย เขาเงยหน้าขึ้นสบตาผมเพียงครู่ ก่อนจะสูดลมหายใจลึกคล้ายกำลังระงับอารมณ์



               ‘…ไปซะ’



               ‘ติน..’



               ‘เราบอกว่าให้กรไปซะ’ คนตัวเล็กผละออกจากเด็กนั้น ตรงมาผลักเข้าที่หน้าอกผมเต็มแรง ก่อนจะเอ่ยกับผมด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ‘เราไม่อยากเห็นหน้ากรอีกแล้ว’
 


               ‘ไปซะ..’



               ดวงตาที่คลอหน่วยไปด้วยหยาดน้ำใสคล้ายเขื่อนที่กำลังพังทลาย ไหล่เล็กๆสั่นไหวจนผมนึกอยากดึงคนตรงหน้ามากอดปลอบประโลม แต่เมื่อยื่นมือออกไปร่างเล็กก็หลบมันราวกับเป็นของน่ารังเกียจ ตินเดินกลับไปประครองไหล่เด็กคนนั้นตามเดิม



               ‘ พี่ครับ..ให้ผมอธิบาย’



               ‘ ไม่..ไม่ต้อง มันไม่จำเป็นแล้ว ’



               ผมใจสั่นโหวงเมื่อเห็นคนตัวเล็กร้องไห้ออกมาแบบนั้น ทั้งๆที่ตินเป็นคนที่ไม่ยอมร้องไห้ให้ใครเห็นง่ายๆและเข้มแข็งกว่าใครๆ.. อธิบายอะไร? ผมพึ่งคิดได้ว่าถ้ายอมลดฐิทิและความใจร้อนของตัวเองลงแล้วฟังเหตุผลของคนๆนั้นก่อน คนตรงหน้าคงไม่ต้องร้องไห้แบบนี้ ผมเดินไปคว้าข้อศอกของตินไว้ทันที



               ‘ตินเดี๋ยวก่อน..ฉันขอโทษ คือฉัน-ฉัน...’



               ‘เราได้ยินคำนั้นมาเยอะแล้วกร..พอเถอะนะ..เราไม่อยากได้ยินมันแล้ว’



               ตินสะบัดข้อศอกออกจากมือของผมทันทีที่พูดจบ แล้วเริ่มออกเดินแหวกฝูงชนที่มุงดูอยู่ เขารีบเดินตามไปอย่างรวดเร็ว จากเดินเร็วๆคนตัวเล็กก็เปลี่ยนเป็นวิ่งหนีผมแทน แต่เพราะเป็นบ่ายวันเสาร์ถนนคนเดินแห่งนี้จึงแอร์อัดไปด้วยผู้คนจำนวนมาก
 


               จนมาถึงทางม้าลายที่เริ่มนับถอยหลังเลข 10 คนตัวเล็กวิ่งข้ามไปอีกฝั่งแล้ว ผมกลัว..ยอมรับอย่างเต็มปากว่ากลัวจะไม่ได้เจออีกฝ่ายอีก ฝ่าเท้าเลยเร่งวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต
แค่ต้องเร็วอีกนิดเดียวเท่านั้น.. ผมรีบวิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้โดยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง แต่สุดท้ายก็ไม่ทัน พอรู้ตัวอีกทีคนตัวเล็กไปไกลเกินเอื้อมแล้ว
               โอกาสสุดท้ายลอยหายไปโดยที่ผมไม่มีวันได้คืนมาอีก





*





               ผมทิ้งตัวลงนอนบนเตียงทันทีที่ถึงห้อง ฝังใบหน้าลงกับหมอนที่ครั้งหนึ่งเคยมีเจ้าของเป็นคนตัวเล็กที่ผมนอนกอดเขาทุกคืน ผมเม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรงพยายามกลั้นน้ำตาที่คลอหน่วยเต็มกระบอกตา
               เมื่อนึกทบทวนมันอีกเป็นครั้งที่ร้อยก็มีแต่คำด่าทอตัวเองอยู่เต็มหัว ที่ผมทำไปมันงี่เง่าเต็มทน.. ทั้งงี่เง่าและไร้เหตุผล มันไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมทะเลาะกับตินเพราะความขี้หึงเกินกว่าเหตุ
 


               แต่เป็นครั้งแรกที่โดนบอกเลิกแบบนี้..



               ไม่ว่าจะทะเลาะกันกี่ครั้งคนตัวเล็กก็จะแค่เงียบแล้วบอกผมว่ารอให้เย็นกันกว่านี้แล้วค่อยมาเคลียกัน แต่ครั้งนี้มันต่างไปที่เหมือนเดิมคือคำพูดผมได้ทำร้ายคนรักอีกครั้ง



               ผมอยากจะเรียกกำลังใจให้ตัวเองกลับไปหาเขาอีกครั้ง แต่ภาพที่เห็นเมื่อครู่ตอนเดินตามหลังตินไปกลับทำให้หัวใจเจ็บแปลบอย่างช่วยไม่ได้ ตินกำลังยิ้ม..ยิ้มอย่างมีความสุขกับไอ้รุ่นน้องคนนั้นที่ชื่อ.. กัน



               คนที่ผมเคยฝากรอยหมัดไว้บนหน้าเมื่อครั้งก่อน มีครั้งคราวที่ตินจะยิ้มออกมาต่างกับรุ่นน้องคนนั้นที่ดูจะสร้างบรรยากาศให้คนรักของผมยิ้มตลอดเวลา ยิ่งมองเส้นความอดทนผมก็ยิ่งเหมือนจะหมดลงเท่านั้น



               ในขณะที่ผมคิดว่าตัวเองคงไม่อยู่ในสายตาตินอีกต่อไปแล้ว เขาก็หันกลับมามองที่ผม ในตอนนั้นผมเบิกตากว้าง พลางหันซ้ายแลขวาอย่างแน่ใจว่าคงไม่มีใครอยู่แถวๆนี้เป็นแน่



               ใช่ ตินมองผม



               แต่เพียงแค่แวบเดียวคนตัวเล็กก็หันกลับไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่ยินดียินร้าย ทำราวกับผมเป็นเพียงธาตุอากาศ พอผู้ชายข้างๆพูดบางอย่าง คนตัวเล็กก็เพียงแค่ส่ายหน้าพร้อมยิ้มให้อย่างง่ายดาย ต่างกับผมที่ทำอะไรก็มีแค่เพียงใบหน้าไร้ความรู้สึกที่คนๆนั้นมอบให้



               บางทีผมอาจควรเข้าใจ..ว่าผมกลายเป็นอากาศสำหรับตินไปแล้วจริงๆ



               ผมออกมาจากห้องอย่างเหม่อลอย สองเท้าตรงมาที่ร้านเค้กโดยไม่รู้ตัว ผมอดหัวเราะกับตัวเองไม่ได้ ขนาดออกจากห้องเพื่อหนีความทรงจำ สองขากลับพาที่นี่อีก.. ตินชอบของหวานจนเรียกได้ว่าคลั่งไคล้ ทุกครั้งที่ผ่านก็ต้องอ้อนให้ผมพาแวะเข้ามา



               วันเกิดผมก็จะมีแต่เค้กจากร้านนี้ที่ตินซื้อมาให้ พอบ่นๆอยากกินอย่างอื่นตินก็จะเอาแต่ค้านหัวชนฝาว่าที่เจ้าตัวซื้อมาเพราะอยากกินเองตั้งหากที่มีเทียนวันเกิดผมมันผลพลอยได้เท่านั้น ตอนนั้นผมได้แต่ยิ้มหัวเราะไปกับคำพูดของคนตัวเล็ก



               พอคิดมาถึงตรงนี้ผมถึงได้รู้ว่า ทุกๆส่วนความทรงจำของผมเต็มไปด้วยติน



               ผมเลือกเดินเข้ามานั่งด้านในสุดของตัวร้าน นั่งอยู่นานแต่ก็ยังไม่มีพนักงานเข้ามารับออเดอร์เสียที แต่เพราะความตั้งใจแรกก็ไม่ใช่มาเพื่อกินอะไรอยู่แล้วผมจึงไม่ได้ใส่ใจนัก กลับห้องก็เหงาจนผมไม่อยากอยู่ที่นั้นนานๆ



               เพราะหลังจากที่ทะเลาะกันวันนั้นตินก็เก็บข้าวของของตัวเองไปหมด แล้วย้ายไปอยู่ที่หอกับเพื่อนในคณะ ไม่ใช่ผมไม่อยากห้ามแต่พอกลับมาที่ห้องในตอนเย็นมันก็มีเพียงความว่างเปล่าตอบกลับมาเท่านั้น โทรหาใครก็โทรไม่ติด ตินเองก็ปิดเครื่องหนีผมไป สุดท้ายผมจึงเป็นได้แค่ไอ้โง่อย่างที่ตินเคยว่าไว้ โง่ที่ไม่สามารถฉุดรั้งหัวใจของตัวเองเอาไว้ได้ โง่ที่ปล่อยให้มันหลุดลอยไป



               เสียงกระดิ่งร้านดังอีกครั้งเป็นสัญญาณว่ามีลูกค้าเข้ามา เป็นคนที่ผมจำได้ดี.. เพราะเป็นคนๆเดียวที่ผมคิดถึงในเวลา ตินเดินตรงไปอย่างโต๊ะที่เราเคยนั่งด้วยกันประจำ จนพี่เจ้าของร้านบ่นว่าลูกค้าคนอื่นๆไม่กล้านั่งแล้วเพราะคิดว่าเป็นที่ประจำของพวกเรา



               หลังจากพนักงานร้านเดินไปรับออเดอร์คนตัวเล็กเสร็จ ผมก็รีบลุกจากเก้าอี้ตรงไปนั่งตรงข้ามคนตัวเล็กทันที ตินเงยหน้ามามองผมครู่เดียวก่อนจะก้มลงไปกดโทรศัพท์ต่อ ไม่ว่าจะโดนมากี่ครั้งก็ไม่ชินเสียที..กับอาการเมินเฉยของติน หัวใจผมเจ็บเหมือนโดนมีดกรีดทุกครั้งไป



               “ติน ช่วยฟังที่ฉันจะพูดหน่อยเถอะนะ”



               “…”



               “ฉันรู้ตัวดีว่าที่ฉันทำไปมันไร้เหตุผล ฉันคงพูดได้แค่ขอโทษเท่านั้น แต่ที่ทำไปเพราะฉันรักนายจริงๆ”



               “อย่าใช้คำว่ามาเป็นข้ออ้างเพื่อการทำร้ายกันอีกเลยนะ”



               “ฉันขอโทษ.. ฉันไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้” ผมเอ่ยเสียงสั่น “ให้โอกาสฉันอีกครั้งได้มั้ย? กรรักตินนะ กรรักตินจริงๆ”



               “บางทีแค่รักมันอาจจะยังไม่พอก็ได้..”




               คนตัวเล็กพูดมันออกมาทั้งๆที่ยังไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมามองผมด้วยซ้ำ มือเล็กๆยังคงกดโทรศัพท์ในขณะเอ่ยถ้อยคำทำร้ายกันได้ด้วยสีหน้าเรียบเฉย บางทีคำตอบของตินอาจเป็นว่าไม่รักกันแล้ว.. ผมลุกพรวดแล้ววิ่งออกทางประตูร้านทันทีโดยไม่คิดหันกลับไปมองตินอีก จึงไม่ทันเห็นสมอลทอร์คที่ตินพึ่งถอดแล้ววางมันลงกับโต๊ะ พร้อมสายตาที่มองไล่หลังผมมา





*


(ต่อโพสล่างค่ะ)
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-12-2015 01:17:34 โดย ลลิน »

ออฟไลน์ ลลิน

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0


               ผมไม่ได้พบกับตินเกือบอาทิตย์แล้ว เอาเข้าจริงคือผมแทบจะไม่ได้ออกจากหอเลย มีนานๆครั้งถึงจะลงไปที่ส่วนกลางของหอหานู้นนี้กินบ้าง เพื่อไม่ให้ตัวเองอดตายไปเสียก่อน



               เสียงนาฬิกาปลุกในโทรศัพท์ดังขึ้นบอกเวลา เมื่อผมหยิบมันขึ้นมาเพื่อจะกดหยุดเสียงที่น่ารำคาญนั้นลง ที่หน้าจอก็ปรากฏข้อความเตือนเด่นอยู่กลางหน้าจอ



               ‘ สี่ปีกับตินแล้ว กรรักตัวเล็กนะครับ ♥ ’



               ผมมองข้อความบนหน้าจอ ผมอุดอู้อยู่ในห้องนานจนแทบลืมวันแล้ว ลืมไปด้วยซ้ำว่าตอนนี้ผมกับตินไม่ได้เป็นอะไรกันอีกแล้ว ความจริงกลับมาตอกย้ำผมให้จมดินอีกครั้ง ผมกดเลื่อนปิดเสียงหน้าจอสว่างวาบเสียงนั้นหยุดลงแล้ว สิ่งที่ได้กลับมาแทนคือหน้าจอโทรศัพท์ที่เป็นรูปคนรักกำลังยิ้มกว้างอยู่และมีผมอยู่ข้างๆ ผมกำโทรศัพท์ไว้แน่น ก่อนจะแนบมันลงกับหน้าอกพร้อมกับปิดเปลือกตาลง ความรักกำลังฆ่าผมให้ตายทั้งเป็น..



               เป็นประจำในทุกๆเดือนที่ผมจะตื่นเร็วเพื่อเตรียมตัวเพราะมันเป็นวันพิเศษ แต่ตอนนี้ผมไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร ผมควรกระตื้อรือร้นลุกขึ้นไปอาบน้ำและเลือกเสื้อผ้าแบบที่เคยทำรึเปล่า? ผมยันกายลุกขึ้นเชื่องช้าและย้ายกายตัวเองเข้าไปในห้องน้ำใช้เวลาอยู่นานกว่าทุกครั้ง เพราะสติที่หลุดลอยไปหาใครอีกคน ได้แต่ปล่อยให้น้ำเย็นๆไหลผ่านร่างไปแบบนั้น
 


               ผมปล่อยให้ตัวเองคิดอะไรอยู่แบบนั้นสักพักและเอื้อมมือไปปิดน้ำ หยิบผ้าขนหนูมาเกี่ยวรอบเอวแล้วเดินออกมาหยุดที่หน้าตู้เสื้อผ้า ในนั้นมีขวดน้ำหอมยี่ห้อดังวางอยู่ที่วางของข้างประตู ผมหยิบมันขึ้นมาดูน้ำสีใสในขวดพร่องลงไปมากแล้วแสดงถึงจำนวนการใช้ที่ไม่น้อยเลยของเจ้าของ ผมไม่แน่ใจว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ตัวเองเริ่มใช้น้ำหอมพวกนี้ คงเป็นตั้งแต่ที่คนตัวเล็กซื้อมันให้และบอกว่าชอบกลิ่นของมัน
 


               ผมหยิบมันมาฉีดลงบนกาย แล้วหยิบเสื้อผ้ามาลองอยู่หลายชุด เริ่มที่หยิบกางเกงยีนพอดีตัวขึ้นมาสวม ตามด้วยเสื้อเชิ้ตตัวโปรด มองตัวเองในกระจกแล้วหมุนไปมาอยู่สองสามครั้งเพื่อเรียกความมั่นใจ ก่อนออกจากห้อง



               ผมเบิกตากว้างด้วยความตกใจทันทีที่เห็นตินอยู่ในกรอบสายตา ตินยืนพิงรถสีดำอยู่และจอดอยู่เพียงหน้าหอของผม สายตาคนรักเหม่อไปไกลไม่สังเกตแม้แต่การมาของผมด้วยซ้ำ ผมจำได้ดีว่ารถคันนั้นเป็นรถของคุณพ่อติน ถ้าไม่ใช่วันพิเศษจริงๆอย่าหวังว่าหมอนั้นจะยอมเอาออกมาใช้ให้ยาก ใจผมเต้นกระส่ำแอบคิดเข้าข้างตัวเองไปว่าตินมารอผม สองเท้าก้าวฉับๆพาตัวเองไปอย่างคนที่ยืนอยู่



               “ติน”



               ราวกับเสียงเขาถูกดูดกลืนเข้าไป คนตัวเล็กหันมามองผมแววตาคนตัวเล็กดูอ่อนล้าเต็มทนและมันยังบวมเปร่งราวกับผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก ตาของคนตัวเล็กเริ่มสั่นเครืออีกครั้งน้ำสีใสเอ่อคลอที่ดวงตาสวยของคนรักทำให้ผมอยากจะเอื้อมไปเช็ดมันเต็มที เราสบตากันเนินนาน



               “ สุขสันต์วันครบรอบของเรานะ”



               ตินเงียบไปนาน สายตาเขาหลุบต่ำไปมองมือตัวเอง นิ้วเรียวหมุนแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายไปมา มันเป็นแหวนที่ผมให้เขาตอนครบรอบ 1 ปี คนตัวเล็กระบายยิ้มออกมา..หากแต่มันเป็นรอยยิ้มที่เปราะบางราวกับจะแตกสลายเต็มที..



               “..สี่ปีแล้วนะ สุขสันต์วันครบรอบนะกร”



               ตินหมุนตัวเข้าหาประตูรถ ผมเห็นคนตัวเล็กยกมือปาดหลังแก้มตัวเองก่อนจะสูดลมหายใจลึก ตินเดินไปเปิดประตูฝั่งคนขับ หันมามองผมชั่วครู่ก่อนจะหย่อนตัวนั่งในตัวรถ ผมรีบวิ่งไปนั่งที่ข้างคนขับทันที ถึงคนตัวเล็กจะไม่อนุญาตหรืออะไรก็ตามแต่วันนี้ผมจะทำตามใจตัวเองแล้ว



               ล้อรถที่หมุนมากว่าชั่วโมงค่อยๆเคลื่อนเข้าซองจอดรถช้าๆจนกลายเป็นหยุดนิ่งในที่สุด ผมมองรอบข้างอย่างไม่เข้าใจ ที่นี้เป็นหลุมฝังศพของพ่อแม่ผมที่ท่านเสียไปนานแล้ว ผมเคยพาตินมาด้วยสองสามครั้งเมื่อนานมาแล้ว แต่ว่าวันนี้เป็นวันครบรอบของผมกับติน ทำไมคนตัวเล็กเลือกจะมาที่นี้? ตลอดการเดินทางคนตัวเล็กไม่เอ่ยอะไรเลย มีแต่ผมจะเอ่ยเรียกตินเบาๆ แต่ก็ไร้การตอบรับจนผมยอมแพ้ที่จะเซ้าซี้



                เมื่อตินดับเครื่องและก้าวลงจากรถผมจึงลงตาม ตินเดินไปเปิดประตูหลัง สิ่งที่คนตัวเล็กนำออกมาสร้างความแปลกใจให้ผมไม่น้อย.. เขาอุ้มกระถางต้นทานตะวันออกมา ผมจำได้ว่าเคยให้มันกับตินเมื่อสองเดือนก่อน ตอนนั้นคนรักของผมบ่นว่าไม่โรแมนติกเอาซะเลย แต่เมื่อผมให้เหตุผล คนตัวเล็กก็ปิดหน้าที่เห่อร้อนด้วยความเขินอายพัลวัน



               ‘โห้ย นี่วันครบรอบแฟนนายเลยนะ ให้ดอกทานตะวันไม่เห็นโรแมนติกเลย’



               ‘ก็ตินของฉันเหมือนดวงอาทิตย์นี้ ทั้งรอยยิ้ม ทั้งเสียงหัวเราะ ทุกอย่างๆของนาย ทำให้ฉันเป็นดอกทานตะวันที่หมุนตามนายอยู่ตลอดเจ้าอ้วน เมื่อไหร่ที่ฉันไม่อยู่ให้มองมันไว้นะ มันเป็นตัวแทนของฉัน’



               ‘ไอ้บ้า..ไปหัดพูดจาเลี่ยนๆแบบนี่มาจากไหน’



               ‘หื้ม ตินนี่แปลกนะ รักคนบ้าด้วย’



               เมื่อคิดถึงมันผมก็ยิ้มออกมา ผมไม่ได้ถามถึงสาเหตุที่คนตัวเตี้ยกว่าอุ้มมันมาด้วย ได้แต่เดินตามเงียบๆมาจนใกล้ถึงหลุมของพ่อแม่ผม แต่จู่ๆตินก็หยุดชะงักแล้วย่อตัวลงวางกระถางดอกทานตะวันไว้ตรงหน้า เขาซุกใบหน้าลงกับแขนตัวเอง ร่างบางร้องเสียงสะอึกสะอื้นอย่างน่าสงสาร ผมยอมให้ตินไม่พูดอะไรดีกว่าเห็นคนตัวเล็กร้องไห้แทบขาดใจแบบนี้ ร่างนั้นสั่นไหวไปหมด ผมย่อตัวลงข้างๆแล้วโอบคนตัวเล็กมาใกล้ตัว ฝ่ามือเลื่อนขึ้นและลงช้าๆเป็นการปลอบโยนคนที่ร้องไห้จนตัวโยนอยู่
 


               สักพักเสียงสะอื้นก็แผ่วเบาจนหายไป แต่ยังคงเหลือร่องรอยการร้องไห้ที่ดวงตากลมโตนั้นมันเป็นสีแดงแสดงว่าผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก ตินสูดหายใจลึกเรียกสติตัวเองอีกครั้ง ก่อนจะประครองกระถางต้นไม้มาในตำแหน่งเดิม เขาก้าวช้าๆไปจุดหมายเดิม ผมเองก็เดินช้าๆตามไป เพราะมัวแต่เหม่อลอยจึงไม่สังเกตเห็นอะไรที่ผิดปกติ



               ผมเห็นจากหางตาว่าตินย่อตัวลงแล้ววางดอกทานตะวันไว้ข้างๆป้ายชื่อหิน ผมมองรอบข้างที่นี่ไม่ได้รกครึ้มหรือน่ากลัวแบบในหนังชอบทำกัน มันปลอดโปร่ง ด้วยเพราะอยู่บนพื้นที่โล่งกว้าง ที่นี่เป็นสุสายชาวคริสไม่กี่ที่ในประเทศไทย ป้ายหลุมศพวางเรียงอย่างเป็นระเบียบ ดอกไม้มากมายถูกวางอยู่หน้าป้ายชื่อเพื่อแสดงความอาลัย



               “กร วันนี้วันครบรอบของเราจำได้รึเปล่า?”



               เสียงคนตัวเล็กเอื้อนเอ่ยขึ้นมาเรียกให้ผมหันไปสนใจอย่างต้นเสียง



               “ทำไมจะ...” จำไม่ได้ละ



               ผมเลื่อนมือมากุมริมฝากแน่นเพื่อพยายามห้ามเสียงสะอื้นในอก รู้สึกเห่อร้อนที่ดวงตาไปหมดและน้ำตาหยดใสก็ไหลทะลักออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ผมทรุดตัวลงกับพื้นอย่างไม่เข้าใจ มองคนตัวเล็กที่ใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดป้ายหลุมชื่อตรงหน้าช้าๆ มันปรากฏชื่อเป็นตัวอักษรทีละตัว ราวกับกรีดหัวใจผมไปพร้อมๆกันก็ไม่ปาน



               ‘กรกฎ ชาญนาวี’



               นั้นคือชื่อบนป้ายหลุมศพที่คนตัวเล็กกำลังทำความสะอาดอยู่ เป็นหลุมที่อยู่ข้างกันกับพ่อแม่ของผม ผมสะอื้นจนตัวโยน ถามตัวเองซ้ำๆว่ามันไม่จริงใช่มั้ย ไม่จริงใช่รึเปล่า..



               แต่สุดท้ายความจริงก็ยังเป็นความจริงวันยังค่ำ ผมรู้เหตุผลที่หลายๆครั้งเดินเมินเฉยราวกับผมเป็นอากาศแล้ว ก็เพราะผมไม่มีตัวตนตั้งแต่แรก ผมกลายเป็นอากาศไปแล้วจริงๆ..  เข้าใจแล้ว ผมเข้าใจทุกอย่างแล้ว ภาพเหตุการณ์ทุกอย่างเหมือนการฉายเทปซ้ำ



               ไม่ใช่ว่าตินไกลออกไป ไม่ใช่ว่าเขาวิ่งตามไม่ทัน..



               แต่เพราะแรงกระแทกบางอย่างที่เจ็บเจียนตายนั้น รู้ตัวอีกทีร่างผมก็กระแทกกับพื้นถนนอย่างแรง ความเจ็บที่ไหลหลากเข้ามาในเวลานั้นเจ็บจนบรรยายไม่ถูก ผมได้ยินเสียงผู้คนเอะอะโวยวายพอจับใจความได้ว่ามีคนถูกรถชน และผู้โชคดีคนนั้นคือผมเอง ผมได้กลิ่นเลือดคาวฟุ้งไปหมด เหมือนได้ยินเสียงเล็กๆที่คุ้นเคยร้องขอทางอยู่ ก่อนจะมีใครบางคนมาทรุดกายลงข้างๆผม เขาพร่ำเรียกชื่อผมด้วยน้ำเสียงสั่นเครือไปหมด



               รู้สึกการประครองกอดจากใครอีกคนที่พึ่งทิ้งกายลงมาข้างๆ ผมครางในลำคอเพราะความเจ็บปวดบริเวณช่วงอกที่เจ็บแปลบขึ้นมาเพราะการขยับตัว ร่างบางเอาแต่พูดว่าขอโทษอยู่ซ้ำๆน้ำตาของผมและเขาปะปนกันไปหมดจนยากจะแยก



                การหายใจเป็นไปอย่างลำบาก ผมรู้สึกถึงความเจ็บและอึดอัดไปทั่วช่องอกหมด กลิ่นเลือดคละคลุ้งจนแยกไม่ออกว่ามาจากตรงไหน มันทั้งน่าสะอิดสะเอียนและราวกับเหล้าที่ทำให้ผมมึนเมาไปหมด ผมเอื้อนเอ่ยคำพูดช้าๆ ให้คนที่กำลังโอบกอดอยู่ ผมพึ่งเข้าใจถึงอารมณ์ของพระเอกในละครที่ถูกรถชนแล้วพูดแต่ละประโยคอย่างติดขัด มันเจ็บไปหมดทั้งช่วงอก เสียงของผมที่ถูกเปล่งออกไปมันแผ่วเบาเหลือเกิน แผ่วเบาจนกลัวว่าจะส่งไปถึงหัวใจของผม
               หัวใจที่มีตัวตน มีเลือดเนื้อ และอยู่ตรงหน้าผม



               “ต-ติน..ฉัน..ร-รัก..นาย..นะ”



               “อื้อรู้แล้ว ฮึก เรารู้แล้วกร..ไม่ต้องพูดอะไรล-แล้วนะ มันเจ็บไม่ใช่เหรอ”



               ผมยิ้มแล้วส่ายหน้าเบาๆ เพื่อช่วยให้อีกคนสบายใจ



               “กรต้องเชื่อฟังเราสิไม่ต้องพูดอะไรแล้วนะ ฟังเราก็พอ ตินรักกร รักมากจริงๆ ฮึก.. ฮือ”



               ผมอยากจะยกมือขึ้นไปซับน้ำตาให้เขา แต่ขยับแค่เล็กน้อยก็ทำเอาความเจ็บแล่นไปทั่วกาย



               “ทำไมชอบพูดเหมือนเราไม่รักละฮะ..ฮึก..เรารักนายจนจะ-จะบ้าอยู่แล้ว เราไม่เคยคิดมีใครเลยนะ ใครจะแทนกรซื้อบื้อของเราได้ละ ใช่ไหม? เพราะฉะนั้นห้าม..ห้ามหลับนะ”



               แต่ละประโยคผ่านไปด้วยความลำบากเพราะคนตัวเล็กเอาแต่สะอื้นไห้ แต่นั้นก็ไม่เป็นอะไรเลย ผมฟังมันด้วยความเต็มใจและตั้งใจ แม้จะรู้สึกถึงแรงฉุดรั้งที่เปลือกตาก็ตามที่ ผมยิ้มให้คนตัวเล็กอยากจะตอบกลับไปว่าผมเองก็ไม่เคยคิดมีใครเหมือนกัน ไม่มีใครแทนตินของผมได้



               “เฮ้ อย่าหลับนะ ห้ามหลับนะ กร ฮือ อย่าทิ้งเราไปแบบนี้สิ..กร..กร” คนตัวเล็กบีบมือผมซ้ำๆ แต่เปลือกตาที่กำลังจะปิดลงทุกขณะก็ไม่ยอมตื่นให้สมใจเขา ผมอยากจะเอื้อนเอ่ยประโยคยาวๆให้เขาฟัง แต่มันช่างยากลำบากเหลือเกิน ผมหายใจได้ช้าลงเพราะแต่ละครั้งที่พ่นออกซิเจนออกมามันสร้างความเจ็บปวดไปทั่วทั้งช่วงอก



               “ฝ-ฝันดีนะ”



               ผมรู้สึกเจ็บขึ้นมาเรื่อยๆแม้ประโยคสั้นๆก็รู้สึกติดขัดไปหมด เวลานั้นเสียงรถพยาบาลที่ดังขึ้นเหมือนจะไกลขึ้นเรื่อยๆ คนตัวเล็กปล่อยโฮออกมาอย่างไม่ปิดกลั้น หัวกลมๆซุกลงที่ลาดไหล่ผมจนรู้สึกเปียกชื้นไปหมด ผมยกมือที่ยังพอมีเรี่ยวแรงอยู่บ้างขึ้นมา แล้ววางประทับบนศรีษะทุ้ยนั้นลูบเบาๆเป็นการปลอบโยนครั้งสุดท้าย ก่อนเรี่ยวแรงทั้งหมดจะหายไปพร้อมสติสัมปชัญญะ



               เสียงสะอื้นของตินฉุดผมออกจากภวังค์ มันคล้ายม่านหมอกที่ค่อยๆลอยหายไป มันถูกแทนที่ด้วยเสียงเจี้ยวจ้าวที่พูดไม่หยุดมันฟังดูร่าเริงแต่แววตาคนพูดมันกลับสวนทางกันอย่างเห็นได้ชัด



               “จะมัวแต่ขี้เซาไม่ได้นะ ปกติกรต้องรีบลุกขึ้นมาแต่งตัวแล้วฉีดน้ำหอมที่เราให้ไม่ใช่หรือไง ขวดนั้นแพงมากเลยนะ ถ้ากรไม่ยอมใช้โดนดีแน่ๆเลย กรก็รู้ไม่ใช่หรือไงว่าแฟนกรน่ะมือหนักอย่าบอกใครเลย”



               ของที่นายชอบฉันจะลืมได้ยังไง?



               “ครบรอบ 4 ปีแล้วนะ เร็วเป็นบ้าเลยว่าไหม? เรายังจำผู้ชายตัวสูงๆผมยาวรุงรังที่เข้ามาขอเบอร์เราได้อยู่เลย วิธีจีบก็เชยเป็นบ้า ตอนนั้นกรตลกเป็นชะมัดเลย”



               ฉันก็ยังจำผู้ชายตัวเล็กคนนั้นได้ คนที่ยิ้มน่ารัก คนที่เขินเวลาฉันยิงมุกแป้กๆใส่



               “ญาตินายน่ะติดต่อยากมากๆเลยรู้ไหม เพราะว่ากรเอาแต่หลับแบบนี้เราเลยต้องไปโทรตามพวกเขามานะสิ ฉันใกล้จะสอบวิชายากๆแล้วด้วย ไม่มาติวให้กันแบบนี้ไม่ใจร้ายไปหน่อยเหรอ? นี่! ฉันจะหนีไปหาคนอื่นจริงๆด้วยนะ”



               “เนี้ย เราซื้อเค้กที่ร้านนั้นมาเหมือนเดิมด้วยนะ แต่คราวนี้เป็นรสกาแฟที่กรชอบ ใครๆรู้ต้องอิจฉากรแน่ๆที่ได้ตินคนนี้เป็นแฟน เชื่อเราสิ”



               “นี่กรหลับไปนานแล้วนะ จะเป็นเดือนอยู่แล้ว คนบ้าอะไรขี้เซาชะมัดเลย.. นอนมากๆมันไม่ดีนะจำไม่ได้หรือไงเจ้าแห้ง”



               รู้แล้วน่าเจ้าอ้วน...




               “ดอกไม้เนี้ยนายจำมันได้รึเปล่า มันปลูกยากมากๆเลยรู้มั้ย เห็นเราเป็นคนมีความพยายามมากขนาดนั้นเลยเหรอห๊ะ?”



               คนตัวเล็กเบ้ปากอย่างที่ชอบทำ แล้วหันไปหาดอกทานตะวันที่ผมเคยบอกว่าเป็นตัวแทนของผม ก่อนที่ดวงตากลมจะรื้นไปด้วยน้ำตา



               “เราชอบมันมากเลยนะ แต่ยังไงก็น้อยกว่าที่ชอบนายนั้นแหละ..”



               “แล้วก็...ไม่ต้องไปไหนแล้วนะ อยู่กับเราก่อน ไม่ต้องไปไหนแล้วนะ ห้ามไปไหนทั้งนั้น เรามันเห็นแก่ตัวใช่มั้ยละกร เดี๋ยวก็ไล่นายเดี๋ยวก็รั้งนาย ฮึก เรามันเห็นแก่ตัวเนอะ..”



               “โกรธมั้ยที่เราไม่ได้อยู่ที่ห้อง ห้องนายมันกว้างเป็นบ้าเลย พอต้องอยู่คนเดียวมันเหงาจริงๆนะกร..”



               คนตัวเล็กว่าแล้วลูบไล้มือไปยังป้ายชื่อ ก่อนจะผละออกมาแล้วหยิบหินทีละก้อนมาวางรอบๆหลุมอย่างแช่มช้า ก้อนหินถูกวางรอบๆเรียบร้อยคนตัวเล็กก็ปัดมือมาไปมาเบาๆ ดอกไม้ดอกเล็กที่ขึ้นอยู่ถูกเด็ดดึงออกมาวางระหว่างหินอย่างสวยงาม ขณะพูดไปด้วย



               “กรเคยบอกว่าเรียนจบแล้วเราจะรวมเงินกันซื้อบ้านสักหลังไม่ใช่เหรอ.. กรบอกให้รอ เราก็รออยู่นะ” คนตัวเล็กสะอึก เช็ดน้ำตาบนใบหน้าลวกๆ “บอกว่าจะอยู่ด้วยกัน แล้วทำไมถึงทิ้งเราไปละ?”



                “ถ้าวันนั้นเราไม่งี่เง่า ถ้าวันนั้น-ถ้าเรา ฮึก กรกลับมาเถอะนะ กลับมาให้เรากอด กลับมาให้เราบอกว่ารัก”



               คนตัวเล็กหยุดมือจากการดึงดอกหญ้าด้านข้างหลุม แล้วฟุบหน้าลงกับเข่าตัวเอง ตินปล่อยน้ำตาออกราวกับเขื่อนพัง ผมประครองกอดคนตัวเล็กเอาไว้จากด้านหลัง ถึงตินไม่รับรู้ก็ไม่เป็นอะไร ผมจะส่งทุกความรู้สึกไปด้วยใจของผมเอง



               “กร อยู่ตรงนี้ใช่รึเปล่า? กรฟังเราอยู่ใช่มั้ย?”



               ตินเงยหน้าขึ้นทั้งๆที่ใบหน้ายังเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตา ผมมองอีกฝ่ายด้วยดวงตาที่รื้นไปด้วยน้ำตาไม่แพ้กัน ก่อนจะระบายยิ้มออกมาบางๆ



               “กรอยู่ตรงนี้..อยู่ตรงนี้เสมอนะ”



               ผมพึมพำ รู้ทั้งรู้ว่าเขาไม่มีทางได้ยินแต่ก็ยังพูดออกไป หวังจะฝากมันไปกับสายลมให้ช่วยพัดพามันไปโอบกอดคนตัวเล็กไว้บ้าง แค่เพียงเล็กน้อยก็ยังดี



               “กร..”



               ตินยกมือขึ้นกลางอากาศ คล้ายว่าต้องการจะคว้าสายลมไว้ในมือ ก่อนที่น้ำตาจะไหลกลิ้งลงบนแก้มเนียน เพื่อเตือนเขาเองว่าสายลมพัดผ่านและไม่เคยย้อนกลับมาให้โอบกอดอีก







*






(tin’s part)




               ผมกลับมาที่ห้องพักอย่างเหนื่อยอ่อน แต่คราวนี้กลับกันที่ผมกลับมาที่หอของกรไม่ใช่ห้องของบีเพื่อนสนิทในคณะ การอุ้มกระถางดอกทานตะวันขนาดกลางมาด้วยมันไม่ง่ายเลย การเปิดประตูเป็นไปด้วยความทุลักทุเล





               ผมถอดรองเท้าแล้วใส่สลิปเปอร์ที่ถูกเตรียมไว้หน้าประตูอย่างคล่องแคล่ว เดินตรงไปที่หน้าระเบียงแล้ววางมันไว้ในมุมที่พระอาทิตย์สามารถสาดแสงมาให้ความสดชื่นกับมันได้ในยามเช้า ผมยิ้มให้กับดอกทานตะวันอยู่นาน แล้วจึงผละไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าหลังจากที่ไปเยี่ยมกรมาทั้งวันจนผมเพลียไปหมดเปลือกตาเหมือนพร้อมจะปิดลงทุกขณะ แต่มันก็เป็นความสุขเล็กๆน้อยๆที่ผมจะหาได้ก่อนต้องเผชิญกับโลกแห่งความจริง



               ตอนนี้ผมอยู่ในเสื้อเชิ้ตตัวโคร่งของกร มันมีกลิ่นหอมเฉพาะตัวของกนอบอวนไปหมด พาลจะทำให้น้ำตาไหลลงมาอีกรอบ



               “ขี้แยเกินไปแล้ว”



               ผมพึมพำกับตัวเองเบาๆ ร้องไห้ไปกี่รอบแล้วผมก็เหนื่อยจะนับ รู้แต่ว่าถ้าเอามารวมกันได้ มันคงหมดเป็นลิตรๆ ผมทิ้งตัวลงบนที่เตียงคู่ของผมกับเขา ทุกๆพื้นที่เต็มไปด้วยความทรงจำของเราสองคน เตียงขนาดคิงไซส์ใหญ่เกินไปสำหรับการนอนคนเดียว.. ผมคว้าหมอนอีกใบมากอดเอาไว้เพื่อหาความอบอุ่น ซุกไซร้ใบหน้าลงกับหมอน ก่อนความเหนื่อยล้าจะฉุดรั้งผมเข้าสู่นิทราในที่สุด



               ‘ติน..ติน ตื่นได้แล้วเจ้าอ้วน’



               เสียงคนรักพึมพำข้างๆหู แต่ผมก็งัวเงียเกินกว่าจะลืมตาขึ้นมาได้



               ‘ขอนอนต่ออีกหน่อยสิ’



               ‘ถ้าไม่ตื่นฉันจะจูบนะ’ เสียงนุ่มๆนั้นว่า แล้วมือใหญ่ก็โอบประครองหน้าผมไว้ จนผมต้องยอมแพ้ลืมตาขึ้นมาในที่สุด



               ‘จะลักหลับเรารึไง’



               ‘ไม่ได้ลักหลับก็ตอนนี้นายตื่นแล้ว’ คนตัวสูงกว่าว่าแล้วก้มลงมาฉกชิงความหอมจากแก้มของผม ผมหัวเราะเบาๆแล้วโอบกอดรอบคออีกคนให้โน้มตัวลงมาใกล้



               ‘เมื่อคืนเราฝันร้าย..ฝันร้ายมากๆเลย ฝันว่ากรทิ้งเราเอาไว้คนเดียว ที่ที่ไม่มีนายมันน่ากลัวจริงๆนะ’ เขาว่าแล้วเบะปากเหมือนจะร้องไห้ กรยิ้มอย่างอบอุ่นแล้วลูบหัวผมช้าๆอย่างเอ็นดู



               ‘ตินไม่ได้ฝันหรอกนะ’



               ‘กร..?’



               ‘ต่อไปนี้ตินต้องดูแลตัวเองให้ดีนะรู้มั้ย ไม่มีฉันอยู่ข้างๆอีกแล้วนะ’ และเป็นอีกครั้งที่ผมปล่อยให้ตัวเองแสดงความอ่อนแอออกมา ต่างกันที่มีอีกคนอยู่เคียงข้าง อยู่ในที่ที่ผมสามารถจับต้องได้



               ‘ไม่ร้องไห้นะ ยิ่งนายร้องไห้ฉันก็ยิ่งเจ็บปวดรู้มั้ย ฉันไม่สามารถเช็ดน้ำตาให้นายได้อีกแล้ว ตินต้องเข้มแข็งนะ’ เขาเช็ดน้ำตาให้ผมช้าๆ แล้วเปลี่ยนมาเป็นจูบซับน้ำตาเหล่านั้น มืออีกครั้งสอดเข้าในช่องว่างระหว่างนิ้วผมข้างหนึ่ง แหวนสีเงินของเราเสียดสีกันราวกับแสดงความเป็นเจ้าของ



               ‘ฉันไม่ได้อยู่ไหนไกลเลย ฉันคนนี้อยู่ข้างๆนายเสมอ และฉันเองก็รักนายเพียงแค่คนเดียว ฉันไม่รั้งให้นายจมปลักอยู่กับฉันคนเดียว ฉันอยากเห็นนายมีความสุขกับคนที่ทำให้นายมีความสุขได้นะ’




               ผมส่ายหน้าหวือ



               ‘คนที่ทำให้ฉันมีความสุขได้คือนาย’




               ‘ฉันไม่สามารถทำมันได้อีกแล้วนะติน.. แค่นายคิดถึงฉัน ฉันก็มีความสุขแล้ว’ มือข้างที่ว่างยกขึ้นมาลูบหัวผมอีกครั้ง ‘อย่าทำอดีตทำร้ายตัวเอง ตินต้องก้าวต่อไปนะ’



               ‘หมดเวลาของฉันแล้วละ ดูแลตัวเองด้วยนะ นายต้องกินข้าวให้ตรงเวลา อย่าตากฝนหรือโหมงานหนัก อย่าเก็บทุกอย่างมาคิดกับตัวเองมีอะไรบอกกับบีบ้างก็ได้ ฉันเชื่อว่ามันรับฟังนายเสมอ’ ผมปล่อยมือที่จับกรไว้ออก แล้วกอดคนรักแน่น



               ‘อย่าไป..กรอย่าไปเลยนะ ฮือ’



               ‘เราหมดเวลาแล้ว’



               กรกอดผมตอบแล้วลูบหลังผมด้วยฝ่ามืออบอุ่น ริมฝีปากบางของกรแตะสัมผัสที่ปากผมเบาๆ ไม่มีการรุกร้ำ มันเป็นสัมผัสอ่อนโยน กรไล่จูบลงที่แก้มทั้งสองข้าง แล้วจูบซับน้ำตาที่ยังคงไหลอยู่ ก่อนจะมาหยุดที่หน้าผากของผม



               ‘กรรักตินนะครับ’



               กรยิ้มบางๆให้ผมเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อเป็นการบอกลา เขาเอื้อมไปดึงผ้าห่มที่ถูกพับอยู่ที่ปลายเท้าของผมขึ้นมาก่อนจะกางมันออกให้คลุมตัวผมจนมิด ก่อนแสงสว่างจ้าจะปรากฏ ผมรู้สึกกรกำลังห่างไกลออกไปเรื่อยๆ ยิ่งพยายามเอื้อมมือไปรั้ง อีกฝ่ายก็ยิ่งห่างไปมากขึ้นเท่านั้น..




               กริ๊ง-งงงง!




               เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้น พร้อมๆกับผมที่เด้งตัวขึ้นมาจากเตียง ผมหันมองที่ว่างข้างๆตัว ไม่..ไม่มีกร มีแต่ผมเท่านั้น..ทั้งตอนนี้และตลอดไป ผมรู้สึกถึงรสเค็มปร่าของน้ำตา รู้สึกถึงความเจ็บที่กระจายไปทั่วหน้าอก
 


               เมื่อหันมองรอบข้างก็สะดุดกับผ้าห่มที่คลุมตัวผมอยู่ ผมจำได้ว่าไม่ได้หยิบมันมาใช้เพราะความง่วงงุงจัดทำให้ทิ้งตัวลงนอนทั้งๆที่ผ้าห่มถูกพับไว้ที่ปลายเท้า



               มันเป็นเหมือนสัญลักษณ์ที่บอกว่าเมื่อคืนมันไม่ใช่แค่ฝัน..มันทำให้ผมเผยยิ้มออกมาปนๆกับน้ำตา ผมไม่ได้ร้องไห้เพราะเสียใจหรือคิดถึงอีกแล้ว แต่มันเป็นน้ำตาของความขอบคุณและผมสัญญากับตัวเองว่ามันจะเป็นน้ำตาครั้งสุดท้ายของผม





               “กร..ขอบคุณนะ”




               ผมเคยสงสัยเขาจะรักใครคนหนึ่งได้นานเท่าไหร่?



               หนึ่งปี?



               สองปี?



               สิบปี?


               ..


               จนเจอกรผมถึงได้รู้..ว่ามันคือตลอดไป






end.



แปลงมาจากฟิคที่เคยเขียน
ตอนจบอาจจะเดาได้อยู่แล้ว แต่ถ้าชอบกันเราก็จะดีใจมากๆเลยค่ะ
เพราะเป็นวายไทยเรื่องแรกที่ลงเลย น้องลินฝากตัวโด้ยนะเจ้า~ #แอ๊บสาวเหนือสุดอะไรสุด

ด้วยรัก,
ลลิน.










« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-12-2015 01:14:00 โดย ลลิน »

ออฟไลน์ Jitsupa_milk

  • Just Milky('s) Way
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 161
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
คนเขียนใจร้ายมากอ่ะ เราร้องไห้เลยนะ  :mew6:

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
อย่าเศร้า โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ :sad4: :sad4:

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
ร้องให้เลย ทำไมมันเศร้าอย่างนี้ล่ะ :o12:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด