***************************************************************
▼ There is no EXIT △
PART 1“ขอโทษนะ ฉันว่าเราไปกันไม่ได้หรอก จบกันตรงนี้เถอะนะ” ประโยคใจร้ายที่ทิ่มแทงเข้าไปยันหัวใจของคนฟังดังขึ้นจากริมฝีปากบางสวยที่ประดับอยู่บนใบหน้าที่เรียบเฉย
“เดี๋ยวก่อนนะ พี่ว่าเราคงพูดอะไรผิดแล้วแหละ จบกันเหรอ ไม่มีทางเสียหรอก” ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่เอ่ยขึ้นอย่างตกใจ
“ไม่ผิดนิ ผมก็พูดทุกอย่างออกไปหมดแล้ว ผมกลับแล้วนะครับ สวัสดี” ร่างบอบสาวเท้าเดินออกไปอย่างมั่นคงและปราศจากการลังเล ราวกับประโยคที่เพิ่งเอ่ยมาเมื่อครู่เป็นเพียงแค่ประโยคบอกลาธรรมดาเท่านั้น
“เดี๋ยว ไม่ พี่ไม่ยอมเด็ดขาด ทำไมล่ะ พี่รักเรามากนะ” ชายหนุ่มไม่ยอมแพ้ง่ายๆ วิ่งมารั้งแขนบางไว้แล้วเอ่ยอ้อนวอนด้วยน้ำเสียงแทบจะขาดใจ
“รัก.... รักเหรอครับ งั้นพี่บอกได้มั๊ยว่าผมชื่ออะไร” ร่างบางถอนใจเฮือกใหญ่ก่อนจะหันมาถามด้วยสีหน้าอันนิ่งเรียบ
“ชื่อเหรอ มันจะไปสำคัญอะไร ก็เราไม่เคยบอกพี่สักทีนี่นา” ร่างสูงเอ่ยตอบอย่างไม่ค่อยเข้าใจกับร่างบางนั้นเท่าไหร่
“แค่ชื่อผมพี่ยังไม่รู้ แล้วพี่มาบอกว่ารักผม ผมจะเชื่อพี่ได้ยังไง” มีเพียงสายตาที่เรียบเฉยไร้การแสดงอารมณ์ใดๆ
“พี่รักเรามากนะ ได้โปรด อย่าทำแบบนี้กับพี่เลย ได้โปรด อย่าทิ้งพี่ไปอย่างนี้เลย” น้ำเสียงอ่อนแรงเอ่ยออกมาอย่างหมดความหวัง แขนที่สั่นเทาเอื้อมมือไปรั้งร่างของคนตรงหน้าเข้ามาในอ้อมกอดอย่างหมดทางสู้ กลับกันร่างบางในอ้อมแขนทำเพียงแค่ยืนนิ่งๆ ให้อีกคนได้กอดจนพอใจเป็นครั้งสุดท้าย
“ปล่อยผมเถอะ” ร่างบางออกแรงผละตัวเองออกจากอ้อมแขนของอีกคน “ที่ผมไม่เชื่อพี่ว่าพี่รักผม เพราะพี่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมชื่ออะไร ตัวตนที่แท้จริงของผมเป็นยังไง พี่ไม่รู้ พี่ไม่เคยรู้ ไม่เลย พี่ไม่เคยรู้เลย” นัยน์ตาสวยวูบไหวเพียงเล็กน้อยก่อนจะกลับมาไร้อารมณ์อย่างรวดเร็ว
“เพราะถ้าพี่รักผมที่ผมเป็นตัวผมจริงๆ พี่จะต้องพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้รับรู้ทุกอย่างที่เป็นตัวผม”“เสียใจด้วยนะครับ เลิกรักผมเสียเถอะ” สิ้นเสียงร่างบางก็เดินจากออกไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่ได้เห็นใจคนที่ทรุดลงไปกองอยู่กันพื้นตอนนี้สักนิดเลย
“ผมขอโทษ....” เบาราวกับเสียงกระซิบที่พัดหายไปตามลม คำขอโทษที่มีเพียงตัวผู้พูดเท่านั้นที่จะได้ยิน
“เธอได้ข่าวหรือยังที่ควีนเพิ่งจะทิ้งนายแบบคนดังไปน่ะ”
“จริงเหรอแก ปฐพี นายแบบดาวรุ่งนั้นน่ะเหรอ บ้าไปแล้ว”
“ใช่ๆแก เมื่อวานฉันเห็นกับตาเลย นายแบบนั้นอ่ะโดนบอกเลิกแล้วถึงขั้นทรุดลงไปกองกับพื้นเลย”
“โหย ควีนนี้จิตใจทำด้วยอะไรนะฉันอยากจะรู้”
ผมเดินเข้าคณะมาพร้อมกับเสียงนินทาอันเซ็งแซ่และสายตามากมายที่มองกันมาอย่างไม่ปิดบัง ควีนที่เขาพูดถึงกันอยู่ในตอนนี้ก็คือตัวผมเอง ส่วนอีกคนนั้นคงไม่ต้องพูดถึงก็คนที่ผมเพิ่งทิ้งเขาไปเมื่อวานนี้แหละ
“แกดูนั้นสิ ควีนยังทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยอ่ะ”
“เปลี่ยนแฟนบ่อยว่าถุงยางแบบนี้ฉันว่าเขาคงไม่มีหัวใจแล้วแหละแก”
“แต่ว่าเขาหน้าตาดีขนาดนี้เป็นฉัน ฉันก็ยอมไปเป็นตัวฆ่าเวลาของเขานะ”
ช่างตลกสิ้นดีกับคำพูดเหล่านั้น ทุกคนในคณะต่างก็รู้กันทั่งนั้นว่าผมเปลี่ยนแฟนเป็นว่าเล่น ซึ่งนั้นก็คือความจริง ถามว่าผมแคร์ไหม ก็ตอบเลยว่าไม่ ผมไม่เคยแก้ตัวให้ตัวเองดูดีขึ้น เพราะที่เขาพูดกันก็ถูกทุกอย่างอยู่แล้ว
“เฮ้ย งั้นแสดงว่าเรื่องที่ควีนเลิกกับนายแบบนั้นก็จริงน่ะสิ งานนี้แหละควีนต้องเสร็จกูแน่”
“ก่อนจะถึงมึง ก็ผ่านศพกูไปก่อนแล้วกันนะ”
คำนินทาไม่ใช่เรื่องน่ารำคาญแต่คำพูดที่คอยคุกคามนี่ต่างหากที่เป็นสิ่งน่ารำคาญ ตัวผมเองก็เป็นแค่ผู้ชายคนหนึ่งที่หน้าตาออกไปทางผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย และความคมคายของใบหน้าบวกกับดวงตาที่หลายๆคนต่างก็บอกว่ามันช่างแสนเซกซี่ สิ่งต่างๆเหล่านั้นคงทำให้พวกผู้ชายที่มองผมอย่างกับจะกลืนกินเข้าไปทั้งตัวนั้นมันช่างน่าขยะแขยงเสียจริง แต่นั้นก็สะท้อนความจริงให้เห็นอย่างหนึ่งว่า ผมดูดี ผมโดดเด่น ผมเป็นที่ต้องการของคนทุกคน และแน่นอนทุกคนพร้อมใจกันให้ผมเป็นควีนของที่นี่
“ว่าไงควีน เป็นข่าวใหญ่เลยนะ” เสียงอันคุ้นหูดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงใหญ่ที่เดินออกมาจากทางลานจอดรถ
“ก็ไม่ใหญ่เท่าไหร่” ผมไหวไหล่ให้เล็กน้อย
“เหรอ ไม่ใหญ่เหรอ นี่ถ้าไม่ปิดข่าวกันป่านนี้หน้าสวยๆของควีนคงไปอยู่บนหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์บันเทิงวันนี้แล้วแหละ” ถึงแม้จะโยคที่พูดออกมาจะดูยียวนไม่น้อยแต่การกระทำของเขาช่างสวนทาง มือหนาเอื้อมมาคว้ากระเป๋าในมือผมไปถืออย่าสุภาพบุรุษ
“เหอะ นายนี่มันจริงๆเลยนะ ราล์ฟ” ผมขำเล็กน้อยให้กับเขา เขายังคงเป็นอย่างนี้เสมอไม่ว่าตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกัน จนถึงวันนี้
“แน่นอน ฉันเป็นอัศวินของควีนนี่นา” ราล์ฟยักไหล่อย่างน่าหมั่นไส้ แต่ก็อย่างที่ราล์ฟพูด เขาไม่ใช่เพื่อน หรือแค่เพื่อนสนิท แต่เขาเป็น
อัศวิน ของผม
“พูดดีไปเถอะ” ผมขี้เกียจต่อความยาวสาวความยืดกับราล์ฟ จึงเลือกที่จะตัดบทและเดินนำไปทางห้องเรียนที่กำลังจะเริ่มในอีกครึ่งชั่วโมงข้างหน้า
“โถ่ รอกันด้วยสิควีน ใจร้ายจังเลยนะ” เสียงราล์ฟตะโกนตามมาข้างหลัง ผมได้แต่นึกขำในใจ
ราล์ฟก็ยังคงเป็นราล์ฟเสมอ“สวัสดีครับควีน ผมขอนั่งด้วยคนได้ไหมครับ” จู่ๆก็มีเสียงที่ไม่คุ้นหูเรียกผม ผมทำเพียงแค่เงยหน้าขึ้นจากจานข้าวเล็กน้อย
“นั่งด้วย?” ผมเลิกคิ้วอย่างสงสัย
“คือผมเห็นว่าควีนนั่งคนเดียวคงเหงา เลยว่าจะมานั่งเป็นเพื่อนน่ะครับ” ชายหนุ่มแปลกหน้าส่งสายตาเจ้าเล่ห์ซุกซนมาให้ เพียงแค่นี้ผมก็รู้ได้ว่าสิ่งที่เขาต้องการคืออะไร
“งั้นเหรอ นั่งสิ” ผมยิ้มน้อยๆก่อนเอ่ยปากอนุญาต ความจริงผมก็ไม่ได้นั่งคนเดียวหรอกนะ ราล์ฟออกไปซื้อน้ำให้ผมเลยต้องอยู่คนเดียวต่างหาก แต่ในเมื่อมีแมงเม่าคิดจะเล่นกับไฟอย่างนี้ก็คงสนุกดีเหมือนกัน
“สวัสดีครับ ผมชื่อดีนนะครับ ยินดีที่ได้ร่วมโต๊ะนะครับควีนคนสวย” ดีนแนะนำตัวก่อนแจกยิ้มโปรยสเน่ห์ที่ใครๆเห็นเป็นต้องหลงรัก แต่คงไม่ใช่กับควีนคนนี้
“สวัสดีครับดีน ผมคุ้นๆหน้าคุณนะ” ผมขยับตัวเล็กน้อยเพื่อให้มองคนตรงหน้าให้ถนัดๆ จานข้าวตรงหน้าน่ะหมดความน่าสนใจจากผมไปตั้งแต่เหยื่อเดินเข้ามาแล้วล่ะ
“จริงเหรอครับ ผมดีใจจังเลยที่ควีนสนใจผมด้วย ควีนคงจะเคยเห็นตามป้ายโฆษณาของมหาลัยสินะครับ” ถ้าไม่เคยเห็นก็คงแปลก เพราะเขาเป็นถึงเดือนมหาลัยคนดัง ถึงแม้ผมจะไม่ได้ให้ความสนใจแต่ก็เคยเห็นหน้าอยู่บ้าง
“คุณเป็นเดือนมหาลัยสินะครับ” ผมแจกยิ้มเล็กน้อยให้กับคนตรงหน้า
“จะว่าอย่างนั้นก็ใช่ครับ แต่อย่าจำผมในฐานะนั้นเลยนะครับ ผมอยากให้ควีนจดจำผมในฐานะอื่นต่างหาก” สายตาเจ้าเล่ห์ถูกส่งมาอย่างปิดไม่มิด ใบหน้าหล่อเหลาที่เป็นหน้าตาของมหาลัยแสดงออกอย่างชัดเจนว่าต้องการเขาเป็นอย่างมาก
“อยากให้ผม จำในฐานะไหนดีล่ะ” ผมยกมือสองข้างขึ้นมาประสานซ้อนไว้ใต้คางพร้อมช้อนสายตามองอย่างท้าทาย อย่างที่โบราณว่านิสัยผู้ชาย ยิ่งท้าทายยิ่งอยากเอาชนะ
“คนรัก.... ดีไหมครับ” ผมยกยิ้มขึ้นบางๆ ในที่สุดแมงเม่าก็บินมาเข้ากองไฟจนได้
“ถ้าอยากได้ก็ลองดูนะครับ”
“ตั้งแต่วันนี้เลยเหรอควีน” เสียงของราล์ฟดังขึ้นจากด้านหลัง แสดงว่าเขาคงอยู่แถวนี้มาสักพักแล้วแน่นอน
“ก็ไม่ได้คิดหรอก แต่เขาก็ไม่เลว” ผมตอบอย่างไม่ใส่ใจ
“แต่ควีนเพิ่งเลิกกับคนเก่าเมื่อวานนะ” ราล์ฟยังคงเซ้าซี้ต่อพร้อมทิ้งตัวลงนั่งที่เดียวกันกับผู้ชายที่เพิ่งเดินออกไปเมื่อครู่
“เมื่อวาน... แล้วไง?” ผมไม่สนใจหรอกว่าเมื่อไหร่ แค่มีคนมาให้เล่นด้วยก็พอ
“ก็แล้วแต่ควีนแล้วกัน ฉันก็แค่เป็นห่วง” คำว่าเป็นห่วงครั้งนี้คงเป็นครั้งที่ล้านได้ล่ะมั้งที่ราล์ฟพูดกับผมตั้งแต่ครั้งแรกที่เราเจอกัน
“อย่าห่วงเลยราล์ฟ” ผมไม่ตอบอะไรราล์ฟอีก เริ่มลงข้าวที่ไม่พร่องลงไปเลยสักนิดเพราะมีแขกที่ไม่ได้รับเชิญเข้ามาเมื่อครู่
“ฉันเป็นห่วงเธอเสมอ......”เพราะผมรู้ว่าสายตาที่ราล์ฟส่งมาจะเป็นแบบไหน นั้นเลยทำให้ไม่กล้าที่จะละสายตาจากจานข้าวแล้วสบตาเขาเลย ผมไม่อยากให้เขาทำทุกอย่างพัง ทุกอย่างที่ผมสร้างมันมา
“ฉันรู้” ผมทำได้เพียงแค่กระซิบเบาๆเท่านั้น
“ควีนอยากทำอะไรต่อดีครับ หรือว่าเหนื่อยแล้วจะหาร้านั่งพักก่อน” ดีนเอ่ยขึ้นหลังจากที่เดินถือถุงตามผมเสียจนทั่วห้าง หลังจากที่เขาเข้ามาคุยกับผมในวันนั้นนี้ก็ครบอาทิตย์หนึ่งแล้ว เขาปฏิบัติกับผมอย่างดีทุกอย่างและแน่นอนมันก็คงถึงเวลาต้องจากกันแล้ว
“งั้นไปหาอะไรทานก่อนก็ได้” พูดจบผมก็เดินนำไปยังร้านอาหารไทยร้านโปรดที่ตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้าแห่งนี้
“ไม่ยักรู้นะครับว่าควีนชอบอาหารไทย” ดีนเอ่ยด้วยความประหลาดใจ
“เหรอครับ งั้นก็รู้ไว้” ผมพูดเพียงเท่านี้ก่อนจะเริ่มสั่งอาหาร
“ครับ ผมจะจำให้ขึ้นใจเลยล่ะ” ดีนส่งยิ้มกว้างมาให้ “ทานอาหารเสร็จแล้วควีนอยากไปนั่งเล่นที่คอนโดผมไหมครับ” ดีนถามราวกับโยนหินถามทาง
“เอางั้นก็ได้” ผมตอบสั้นๆ แต่สังเกตเห็นได้ว่าคนตรงหน้านั้นมีความสุขมากแค่ไหน รอยยิ้มกว้างและดวงตาเจ้าเล่ห์ที่ปิดไม่มิดนั้นเป็นตัวบ่งบอกได้อย่างดี ไม่ว่าใครก็เป็นแบบนี้หมด
“ว่าไงควีน” ประโยคเดิมๆจากคนเดิมดังขึ้นพร้อมเจ้าตัวที่นั่งอยู่ที่โซฟากลางห้อง แต่ตอนนี้ผมไม่ได้มีอารมณ์ที่จะมาต่อปากต่อคำกับเขาสักเท่าไหร่ ผมจึงทำเพียงแค่เดินไปเปิดประตูห้องนอนของตัวเองเงียบๆเท่านั้น
“เฮ้ ตอบกันหน่อยสิจะรีบไปไหน” ร่างสูงพุ่งตรงมาจากโซฟาแล้วคว้าแขนผมเอาไว้ก่อนที่ผมจะเข้าห้องได้
“ฉันเหนื่อย อยากพัก” ผมตอบสั้นพร้อมก้มหน้าเพื่อปกปิดรอยบางอย่างที่ไม่อยากให้เขาเห็น
“อะไรกันควีน เป็นอะไรไป” ความขี้เล่นที่มีในตอนแรกของราล์ฟเริ่มหายไปเมื่อเขาเริ่มจับอาการผิดปกติของผมได้
“ไม่ ปล่อยฉันได้แล้ว” ผมพยายามสะบัดมือเพื่อให้หลุดจากการเกาะกุมของเขาให้ได้ แต่ก็เสียเปล่าเรียวแรงของผมจะไปสู้กับคนที่บ้าออกกำลังกายของราล์ฟได้อย่างไร
“ไม่ ไม่ปล่อย เงยหน้าขึ้นเดี๋ยวนี้ควีน เงยหน้าขึ้น” ราล์ฟไม่สั่งเปล่า มือหนายื่นเข้ามายึดที่ปลายคางของผมไว้และพยายามดันให้ผมเงยหน้าขึ้นสบตาเขา
“.......” ผมต้องเงยหน้าขึ้นอย่างขัดไม่ได้ ไม่มีคำพูดใดๆหลุดออกจากปากของผม ผมเริ่มกัดริมฝีปากของตัวเองอย่างห้ามไม่ได้ ไม่ใช่ว่าผมกลัวว่าราล์ฟจะต่อว่าอะไร ผมแค่ไม่อยากให้ราล์ฟเป็นห่วงและผิดหวังในตัวผม
“ควีน หน้าไปโดนอะไรมา” ดวงตาของเขาดูดุดันขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ผมไม่ตอบอะไรอีกเช่นเคย
“ควีน ตอบฉัน ใครมันทำกับควีนแบบนี้” ราล์ฟเสียงดังขึ้นและดูเหมือนจะปะทุได้ถ้าหากผมทำอะไรที่ขัดใจเขาอีกนิดเดียว
“ไม่มี...” ผมตอบเสียงแผ่ว น้ำตาร้อนรื่นคลออยู่รอบดวงตาสองข้างของผม
“อย่า มา โก หก” มือหนากระชากตัวผมให้เข้าไปใกล้ตัวเขามากขึ้น จนระหว่างเราสองคนแทบจะไม่มีที่ว่างเลย
“ฉัน... ไม่เป็นไร” คงเป็นคำโกหกที่แย่ที่สุดผมรู้ สภาพผมตอนนี้ห่างไกลจากคำว่าสบายดีอย่างที่สุด
“อย่ามาตลกควีน ไม่เป็นไรอะไรทำไมหน้าถึงได้ช้ำขนาดนี้ นี่มันรอยต่อยชัดๆ บอกฉันมาเถอะ” ถึงแม้ดวงตาจะฉายแววโกรธมากแค่ไหน ราล์ฟก็ยังคงเป็นราล์ฟ มือหนาเลื่อนมาลูบรอยช้ำที่มุมปากของผมอย่างแผ่วเบา ความอบอุ่นจากฝ่ามือใหญ่ส่งผ่านมายังผมอย่างรู้สึกได้ นิ้วหัวแม่มือที่คอยลูบรอยช้ำอยู่ราวกับจะปลอบประโลมความเจ็บปวดที่ผมได้รับ
“ฉัน....ขอโทษนะ” ขอโทษจริงๆ ที่ทำให้เขาเป็นห่วง ผมก็ไม่ได้รู้สึกดีเลยสักนิด
“เฮ้อ.... มันใช่ไหมควีน ควีนออกไปกับมันมานี่ ทำไมครั้งนี้ถึงได้เจ็บตัวมาล่ะทำไม” เหมือนราล์ฟจะเริ่มสงบอารมณ์ของตนเองได้แล้ว แขนแกร่งโอบรอดผมเข้าไปในอ้อมกอดอบอุ่นที่เคยอยู่เคียงข้างผมมาตลอด อ้อมกอดที่เป็นเสมือนที่พักพิงของผม
“เขาคงเจ็บมาก.... ก็สมควรแล้วล่ะมั้ง ที่ฉันเจ็บคงไม่เท่าที่เขาเจ็บหรอก” ความรู้สึกที่ถูกกักเก็บไว้ในใจของผมเริ่มที่จะทะยอยพรั่งพรูออกมาทีละน้อย
“ไม่ควีน ยังเขามันก็ไม่ควรทำ ฉันจะไปจัดการมันเอง ควีนพักเถอะ” เขาผละออกจากผมแล้วทำท่าจะออกไปข้างนอกทันที
“อย่า... อย่าเลย ปล่อยเขาไปเถอะ” ผมแตะแขนแกร่งอย่างไร้เรี่ยวแรง ผมเข้าใจที่เขาทำกับผมแบบนี้ทุกอย่าง ที่ครั้งนี้เขาคงรักผมมากจริงๆ เลยกระทำกับผมรุนแรงขนาดนี้ไม่เหมือนคนที่ผ่านๆมา
“เฮ้อ... ควีน นายกำลังทำให้ฉันเป็นอัศวินที่ไร้ค่านะ” ราล์ฟถอนใจเฮือกใหญ่พร้อมกับเลื่อนมือมากุมมือของผมไว้
“นายไม่เคยไร้ค่าราล์ฟ ไม่เคย” ผมเอื้อมมืออีกข้างที่เป็นอิสระไปแนบแก้มคนร่างสูงตรงหน้า ส่งผ่านความรู้สึกซึ่งกันและกันโดยไม่ต้องเอื้อนเอ่ยคำใดๆ
“นายเป็นอัศวินของฉันเสมอ เป็นมาตั้งแต่แรก จนถึงตอนนี้ และจะเป็นตลอดไป” น้ำตาของผมไหลลงมาอย่างช้าๆ เมื่อนึกถึงอดีตที่ผ่านมา ถ้าผมไม่ได้ราล์ฟ ผมคงไม่มาเป็นควีนของทุกคนอย่างในตอนนี้ เขาช่างดีเหลือเกิน ดีมาเกินไปสำหรับคนอย่างผมด้วยซ้ำ
“ฉันยินดีควีน ฉันยินดี” ร่างสูงคว้ามือทั้งสองของผมไปทาบไว้ตรงหัวใจของตัวเอง มันเต้นแรงมากจนผมสัมผัสได้ ราล์ฟส่งยิ้มอบอุ่นมาให้ แค่นี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับคนอย่างผม
“ควีน... ถ้าฉันขอให้นายเลิก นายจะเลิกได้ไหม ฉันไม่อยากเห็นนายต้องเจ็บอย่างนี้อีกแล้ว ถ้าคราวหน้ามันไม่ใช่แค่ต่อยล่ะ ถ้าสิ่งที่มันต้องการคือชีวิตของนายล่ะ นายรู้ไหมว่าฉันรู้สึกแย่มากแค่ไหนที่ไม่สามารถปกป้องนายได้” ราล์ฟจ้องลึกเข้ามายังนัยน์ตาของผม แววตามนั้นไม่มีความล้อเล่นแฝงอยู่เลยแม้แต่น้อย
“ถ้าฉันขอร้องนายในฐานะของผู้ชายคนหนึ่งที่อยู่เคียงข้างนายมาตลอด ขอร้องให้นายหยุดมันลง แล้วให้ทุกอย่างมาจบที่ฉันได้หรือเปล่า เธอหยุดมันได้ไหม
ซีวาน” ผมชะงักไปชั่วขณะ ซีวานงั้นเหรอ ซีวานชื่อที่แท้จริงของผมที่มีเพียงราล์ฟคนเดียวเท่านั้นที่รู้
รู้สึกดีจัง ไม่ได้ยินชื่อนี้มานานแค่ไหนแล้วนะTo be continue...