ประเด็นที่อยากให้แลกเปลี่ยนมีดังนี้ครับ
1 - ชื่อนิยายที่รักที่สุด (ยกตัวอย่างมา 1 เรื่องถ้ามีหลายเรื่อง)
2 - ทำไมถึงรักนิยายเรื่องนี้มากที่สุด
3 - กลัวไหมว่าจะเขียนไม่จบ มีอุปสรรคอะไรบ้าง ผ่านมาได้ยังไง
4 - ความรู้สึกเมื่อเขียนตอนสุดท้าย โดยเฉพาะเมื่อตัวอักษรสุดท้ายใกล้เข้ามาทุกที
5 - ความรู้สึกหลังจากที่เรื่องนั้นจบไปแล้ว
1 - ชื่อนิยายที่รักที่สุด (ยกตัวอย่างมา 1 เรื่องถ้ามีหลายเรื่อง)ต้น-สน: ปาฏิหาริย์รักที่รอคอย
2 - ทำไมถึงรักนิยายเรื่องนี้มากที่สุดเป็นนิยายชาย-ชายเรื่องแรกที่เขียน ช่วงปี 2007-2010 เป็นช่วงที่ผมเริ่มอ่านิยายชาย-ชาย แล้วก็ติดตามคู่หูนัท-ต้อล จนกระทั่งเกิดคำถามขึ้นมาว่า "ชายแท้รักเกย์ได้ไหม" จึงเป็นที่มาของนิยายเรื่องนี้
สำหรับผม นิยายเรื่องนี้คือนิยายชาย-ชายเรื่องแรก เรื่องเดียวและเรื่องสุดท้ายของผม ที่จะเป็นตำนานความรักที่แสนบริสุทธิ์งดงามและถ่ายทอดความผูกพันที่ลึกซึ้งยาวนานของคนสองคน
เป็นนิยายเพียงเรื่องเดียวที่ผมตั้งใจให้เวลากับความผูกพันของคนสองคนมากเป็นพิเศษ ใส่ใจกับรายละเอียดเล็กน้อยจนดูไม่เหมือนนิยาย ผมอยากให้คนอ่านอ่านไปแล้วก็รู้สึกว่าเขารักกันโดยที่เราไม่จำเป็นต้องเขียนบอกก็ได้ว่าเขารักกัน ตัวคนเขียนเอง พอเขียนไปแล้วก็เกิดความเชื่อว่าเขารักกัน ราวกับว่าตัวละครนั้นมีชีวิตอยู่จริงๆ
นิยายลักษณะนี้เขียนไม่ได้บ่อยๆ ดูเป็นนิยายในอุดมคติที่พูดถึงความรักที่มั่นคงของคนสองคนที่เติบโตมาด้วยกัน ใช้ชีวิตด้วยกันมาตลอด จนก้าวข้ามผ่านเส้นแบ่งระหว่างเพื่อนและคนรักมาโดยไม่รู้ตัว มีอุปสรรคให้ฝ่าฟันมากมายเพื่อที่จะกลับมารักกันให้ได้อีกครั้ง
ให้เขียนอย่างนี้อีกก็คงไม่เขียนแล้วครับ
3 - กลัวไหมว่าจะเขียนไม่จบ มีอุปสรรคอะไรบ้าง ผ่านมาได้ยังไงไม่กลัวว่าตัวเองจะเขียนไม่จบ แต่กลัวว่าจะมีคนมาทำให้ไม่อยากเขียนต่อจนจบมากกว่าครับ คิดว่านักเขียนหลายคนก็คงเจอคนอ่านมาคอมเมนต์แปลกๆ จนอาจทำให้หมดกำลังใจที่จะเขียนได้ โดยเฉพาะถ้าเป็นนิยายดราม่าที่เสี่ยงต่อการถูกตัดสินถูกผิดจากมาตรฐานความคิดของแต่ละคนที่ไม่เหมือนกัน ก็มีนอยด์บ้างนะครับ แต่ผมก็จะเขียนจนจบ โดยเฉพาะเรื่องนี้ที่วางแผนและวางพล็อตนานถึงสามปี (เป็นการกลับมาเขียนใหม่รอบที่สาม)
โดยสรุป ใครจะพูดอะไรก็ช่าง ผมจะเขียนให้จบครับ
4 - ความรู้สึกเมื่อเขียนตอนสุดท้าย โดยเฉพาะเมื่อตัวอักษรสุดท้ายใกล้เข้ามาทุกทีใจหายครับ ด้วยความที่ผูกพันกับตัวละครมาตั้งแต่ปี 2011 เขียนเวอร์ชั่นแรกไปสามรอบ ยังไม่ได้อย่างใจ ปรับใหม่เป็นเวอร์ชั่นสอง เขียนจบไปแล้วก็ยังรู้สึกว่ามันดีได้กว่านี้ สามปีที่หยุดเขียนนิยายไปก็มักจะคิดถึงตัวละครสองคนที่เราสร้างขึ้นก่อนนอนเสมอๆ น้องสองคนนี้จะมาเล่นในหัวของผมก่อนที่ผมจะนอนอยู่บ่อยๆ ก็เลยกลายเป็นความผูกพัน
พอตัวอักษรสุดท้ายกำลังจะมาถึง น้ำตาก็เริ่มไหล ใจหายว่าต่อไปนี้เราคงไม่ได้เขียนเรื่องนี้อีกแล้ว ตัวละครที่เคยมาเล่นในหัวของเราบ่อยๆ ก่อนนอนก็คงไม่ได้มาเล่นกับเราบ่อยๆ อีกแล้ว มันเหมือนกับเรากำลังจะจากลาจากใครสักคนที่เรารักมาก
5 - ความรู้สึกหลังจากที่เรื่องนั้นจบไปแล้วพ่อเจ้าประคุณรุนช่องเอ๋ย ผมนั่งร้องไห้เป็นชั่วโมงๆ แล้วก็ถามตัวเองว่าจบแล้วเหรอเนี่ย จบจริงๆ เหรอ ตัวละครที่เรารักจะลาจากเราไปแล้วเหรอ ห้าปีที่อยู่กับเขามา นานจนเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต พอเวอร์ชั่นนี้จบลงผมก็รู้เลยว่าจะไม่มีอีกแล้ว นี่คือเวอร์ชั่นที่ดีที่สุดเท่าที่ผมอยากได้ ไม่มีอะไรต้องเขียน ต้องลดหรือต้องเพิ่มอีกแล้ว จบอย่างสมบูรณ์และไม่กลับมาอีกแล้ว
ตอนเช้าๆ ตื่นมาผมก็จะคอยอ่านคอมเมนต์ แล้วก็จะคิดว่าวันนี้จะเขียนยังไงดีเพื่อให้คนอ่านประทับใจสุดๆ หลายตอนที่เขียนแล้วก็ร้องไห้ บางตอนนี่ร้องไห้จนเขียนไม่ได้เลย หรือเขียนเสร็จแล้วก็ยังร้องไห้เป็นชั่วโมงๆ ดูเหมือนเศร้านะ แต่ใครบอก ผมมีความสุขมากที่อินกับนิยายที่เราเขียนได้ขนาดนี้ แล้วต่อไป ผมจะอินกับนิยายมากขนาดนี้ได้อีกหรือเปล่า ยากมากนะที่จะมีสักเรื่องที่เขียนแล้วอินได้มากขนาดนี้
ลาก่อนนะต้นกับสน น้องชายสองคนที่น่ารักของพี่ นิยายเรื่องนี้คือของขวัญชิ้นหนึ่งในชีวิตที่ผมได้มา ดีใจที่ได้เขียนจนจบ ดีใจที่ผมยังอดทนเขียนมาห้ารอบจนได้อย่างใจ (เรื่องอื่นก็เขียนนะครับ ไม่ใช่เขียนเป็นอยู่เรื่องเดียว)
นี่แหละครับ นิยายสุดรักของผม อยากฟังจากนักเขียนท่านอื่นๆ บ้างครับ
ป.ล. จบไปหลายวันแล้วแต่ผมก็ยังคิดถึงและอดใจหายอยู่อีกไม่ได้ เฮ้อ
Sarawatta