เหวอออออ หายไป 2 วัน คุยกันเยอะดีจัง
ตามอ่านแล้ว ขอบอกว่า จิ้น ฟินมากกกกกกกกกกกกกกก
ผมชอบบรรยากาศแบบนี้นะ มันดูธรรมดาๆ ไม่มากไป แต่ก็มีโมเม้นท์น่ารักๆ ให้ชวนจิ้นอ่ะ
แต่มันดูออกว่าเล่นกันนะครับ 555 กอดซะรัดขนาดนั้น
ให้เดาคุณจิบุคือคน เสื้อส้ม ถ้าผิด จะงดคอมเม้นท์ 1 ช.ม. เป็นการลงโทษตัวเองฮะ 555
รูปคุณจิบุ น่ารักอ่ะ แอบจิ้น 555555+ แต่เดาไม่ออกแฮะว่าคนไหน ฮ่าๆ
แต่เหมือนคนฝั่งซ้ายนี่เขิลหรือเมาครับ หน้าแดงเชียว 5555+
ผมคนฝั่งซ้ายครับ เสื้อเทา เสื้อส้มนั่นเพื่อนร่วมงาน
ถึงจะบอกว่ากลุ่มเพื่อนที่รักมากๆ แต่จริงๆ ผมกลับแก่สุดในกลุ่มเลยนะ
หากจากพวกมันเป็น 5-6 ปีอ่ะ 55555555+
แต่พอดีผมเป็นพวกชอบทำตัวเด็ก (หรือให้ถูกต้องเรียกว่าทำสมองเด็กมากกว่า 555+)
เพราะงั้นเลยเนียนๆ กับกลุ่มได้ 555+
แต่พวกมันก็ไม่เคยคิดว่าผมอายุห่างกันนะ เล่นได้ ตบหัวกันได้
เหมือนเป็นรุ่นเดียวกันเลย (จนบางทีก็คิดในใจนะว่าพวกมึงเคยคิดว่ากูเป็นพี่มั่งป่ะเนี่ย 555+)
แต่ผมชอบบรรยากาศแบบนี้นะครับ เอาจริงๆ ผมไม่ชอบให้พวกมันมองว่าผมเป็นพี่ มันดูอึดอัดไปหน่อย
มันมองผมเป็นรุ่นเดียวกันนี่ล่ะ ดีละ เราจะได้ดูเด็กลงไปด้วย 555+
จะเรียกคุณจิบุว่าไรดีน๊า? เดี๋ยวผมว่าเจ้าตัวมาเห็นคงต้องบอกชื่อแล้วแหละ 5555+
ผมชื่อ จิ๊บ ครับ
ส่วนจิบุนี่ มันมีที่มาจากมีน้องคนนึงเขาเรียกมาก่อนน่ะครับ
ก็เลยคิดว่าเออ แปลกดี ก็เลยใช้ชื่อว่า "จิ๊บคุง จิบุจิบุ"
เห็นคุยกับเรื่องความรักนี่ ดูแต่ละคนผ่านๆ อะไรกันมาเยอะเหมือนกันนะ
แต่ทุกครั้งที่ผ่านวันเวลาที่เลวร้ายนั้นมาได้ เราจะเข้าใจโลก เข้าใจชีวิตมากขึ้นจริงๆ นะ
ทำให้เรารู้จัก "ปล่อยวาง" มากขึ้น
อย่างของผมนี่ 7 ปีที่ยอมทำ พยายามทุกอย่าง
หอบข้าวของออกจากภาคใต้มาอยู่เชียงใหม่กับเขา เพราะเขาอยากให้มา โดยที่ตอนนั้นมีเงินติดตัวแค่ 3,000 บาทจริงๆ
(พอดีมันเป็นช่วงครอบครัวผมแตกด้วยล่ะ เลยคิดว่าเอาวะ ไหนๆ ก็ไหนละ ไม่มีอะไรจะเสียละ)
ตอนมาแรกๆ นี่โดนญาติพี่น้องเขาค่อนแคะเอามากๆ เพราะเราเป็นคนต่างถิ่นมา ไม่มีหัวนอนปลายเท้าอะไรมาเลย
งานก็ไม่มีทำ
คือเขาไม่ได้พูดตรงๆ นะ แต่เราสัมผัสได้ โดยเฉพาะกับแม่ของแฟน ไม่ชอบผมเอามากๆ
บอกว่าผมเหมือนคนติดยาเสพย์ติด ให้เลิกคบ คือตอนที่รู้น่ะ ยอมรับว่าน้อยใจเหมือนกัน
แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะยังไงนั่นก็แม่ของแฟน วีนไปเหวี่ยงไปก็เท่านั้น
อีกอย่างเรารู้ตัวเราดีว่าเราไม่ได้เป็นอย่างที่เขาว่า
อีกอย่างยอมรับด้วยว่าตอนนั้นสภาพตัวเองเหมือนจริงๆ 555+
ผมเผ้ารุงรัง ไว้หนวด ตัวผอมแห้ง 555555555+
แต่ก็พยายามพิสูจน์ตัวเองนะ จนวันนึงแฟนเล่าให้ฟังว่าพวกญาติๆ เขาคุยกัน และคุยถึงผมด้วย
บอกว่า เออ ไอจิ๊บมันเก่งนะ มันขยันทำงานทำการ บลาๆๆๆ
ก็เลยรู้สึกว่า คิดถูกละ ที่เก็บเงียบความรู้สึกเอาไว้แล้วพิสูจน์ที่การกระทำดีกว่า
แต่ก็นั่นล่ะ สุดท้ายความรักก้ไปไม่รอด วันนึงพอเขาเจอสังคมที่เขาคิดว่าใช่
เจอคนใหม่ที่ถูกใจเขามากกว่า เขาก้ไป โดยทิ้งให้ผมอยู่เชียงใหม่คนเดียว
หูยยย ขอบอก ตอนนั้นเจ็บมากกกกกกกกกกกกกกก
คือคิดในใจว่า เฮ้ย มึงพากูมาเชียงใหม่นะ ใครวะที่บอกว่า ถ้าเราไม่มาด้วย เขาอยู่ไม่ได้แน่ๆ
แล้วพอวันนี้มาบอกว่า จบแล้วก็ให้มันจบๆ ไปสิ เขาไม่ใช่สถานสงเคราะห์นะที่ต้องมาดูแลตัวเองไปตลอดชีวิต
ตอนนั้นชีวิตเคว้งมาก อยากหนีไปไกลๆ เลยนะ
แต่ติดว่ายังมีงานที่ต้องรับผิดชอบ ไม่อยากทำให้ญาติเขาเสียชื่อเสียง
(เพราะงานที่ผมทำ หากจะเป็น พนง. ประจำ ต้องมีคนค้ำประกันให้ ซึ่งญาติเขาก็เป็นคนค้ำประกันให้)
แต่ขอบอกว่า แซ๊ดดดดมากกกก ทำงานไปร้องไปด้วย เจอหน้าลูกค้า บางทีคุยกับลูกค้าอยู่ดีๆ แล้วก็ร้องไห้น้ำตาแตกซะงั้นก็มี 5555+
แต่ก็ได้เพื่อนกลุ่มนี้นี่ล่ะ ที่ช่วยเยียวยา ตอนผมต้องย้ายออกจากบ้านของแฟน พวกมันก็ไปช่วยขนของนะ
(มีจะต่อยแฟนเก่าผมด้วย ดีว่าห้ามทัน)
ช่วงนั้นอยู่คนเดียวไม่ค่อยได้ ก็มีพวกมันนี่ล่ะ ชวนไปเที่ยวนั่นนู่นนี่
ตอนแรกก็เกรงใจนะ เพราะติดว่าตัวเองเป็นเกย์ กลัวมันรังเกียจ
แต่มันบอกว่า "แล้วไงอ่ะ อ้ายเป็นเกย์แล้วไง แต่อ้ายก็เป็นอ้ายพวกผมนะ"
เท่านั้นละ น้ำตาแตกเลยจ้าาาาาาาาา 5555+
จนตอนนี้สนิทกันจนแทบไม่มีพี่ ไม่มีน้องละ เป็นรุ่นเดียวกันไปละ 555+
พอผ่านเหตุการณ์นั้นมาได้ ย้อนคิดกลับไป ก็หัวเราะตัวเองนะ
ว่าเฮ้ย กูทำไปได้ไงวะ แม่งปัญญาอ่อนมากๆ
กับแฟนเก่าก็ยังมีคิดถึงนะครับ ก็จำส่วนดีๆ ไว้ให้เรายิ้มได้
ส่วนเรื่องร้ายๆ เราก็จำไว้เหมือนกันว่าเราผิดพลาดตรงไหน
มันก็ไม่ใช่ความผิดของเขาคนเดียวหรอก ส่วนนึงมันก็มาจากผมด้วยน่ะล่ะ
(ยอมรับว่าตอนนั้นทำตัวเหวี่ยงกับแฟนไว้เยอะเหมือนกัน)