Untold 1
คนเราไม่มีใครอยู่คนเดียวมาตั้งแต่เกิด เริ่มแรกมนุษย์เรียนรู้การเอาชีวิตรอดจากการจับกลุ่มรวมกัน ช่วยกันสร้างสิ่งที่
เกื้อกูลกันความรักจากพ่อแม่ จากเพื่อน จากคนรัก ถึงแม้ว่าจะไม่มีคนรักแต่ก็ยังได้รับความรักจากเพื่อนฝูงและครอบครัว ความ
เชื่อและศรัธาสิ่งต่างๆนั้นล้วนเริ่มต้นมากจาก “ความกลัว” แต่สิ่งที่หักล้างความกลัวของเรานั้นก็คือที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ “ความรัก”
“รีส”เขาเดินเข้ามาช้อนคางลงบนไหล่ร่างโปร่ง เจ้าของชื่อหันกลับไปฝากรักอีกคนด้วยริมฝีปากนุ่ม
“หืม ชื่นใจจังน้า”เขาพูดพลางหอมแก้มนุ่มคืน ไทรีสหัวเราะเบาๆ
“วันนี้มีแข่งนี่ดีล”
“อืม แต่ยังไม่ใช่รอบชิงหรอกวันนี้น่ะ”ร่างสูงคลายอ้อมกอด ก่อนจะเดินมานั่งที่เคาน์เตอร์หน้าไทรีส
“วันนี้ดีขึ้นไหมเข่าน่ะ”เขาถามดีแลน เพราะเมื่อคืนอุตส่าห์นวดเข่าให้เขาเกือบสองชั่วโมงกว่า ดีแลน มอร์เกียโอ้ หนุ่มลูกครึ่งฝรั่ง
เศษอังกฤษสุดฮอตของมหาลัย แถมยังเป็นนักบาสเก็ตบอลตัวเต็งของมหาลัยอีกด้วย เขามากด้วยความสามารถและทริคในการ
เล่น แมวมองจากคลีฟแลนด์ คาวาเลียส์จากNBAก็เล็งเขาเอาไว้อยู่เหมือนกัน ไม่แน่พอเรียนจบปุปเขาอาจจะได้ไปคัดตัวเข้าเล่น
ในลีคเลยทันทีก็เป็นไปได้ ครอบครัวของเขาอาศัยอยู่ที่ฝรั่งเศสทั้งพ่อและแม่เนื่องจากทำธุรกิจเกี่ยวกับอะไหล่รถอยู่ที่นั้น เขามี
ความฝันอยากจะเป็นนักบาสมืออาชีพเลยลองแลกเปลี่ยนมาเรียนจากนั้นก็ติดใจที่อเมริกา เลยตัดสินใจขอพ่อกับแม่เขาเรียนมหา
ลัยต่อมันที่นี่เลย
“อาไม่ค่อยปวดแล้วล่ะ”ได้ฟังอย่างนั้นอีกคนก็ส่งยิ้มกว้างไปให้ เขายื่นจานอาหารเช้าที่พร้อมด้วยโปรตีนต่างๆให้
“ท้องจะแตกไหมเนี่ยกินขนาดนี้แต่เช้าเลย”ดีแลนบ่นอุบ อาหารเช้าวันนี้ประกอบไปด้วยไข่ดาวน้ำสองลูก พร้อมกับขนมปังโฮมสวี
ทสามแผ่น แอปเปิ้ลครึ่งลูก ตามด้วยมิลค์เชคผสมเวย์
“วันนี้มีแข่งนะเดี๋ยวเป็นลมตอนซู๊ตลูกทำไงหืม”เขาตักข้าวโอ๊ตเข้าปากพลางว่าดีแลนไปด้วย
“ก็ให้นายมาอุ้มฉันออกไปไง”เขาว่าพร้อมหัวเราะ ทุกๆเช้ามักเป็นอย่างนี้เสมอ ตื่นมาทานอาหารเช้าพร้อมกัน ไปมหาลัยพร้อมกัน
กลับบ้านพร้อมกันหรือถ้าวันไหนดีแลนมีซ้อมดึกเขาก็จะอยู่เป็นเพื่อนรอดีแลนจนดึกแล้วกลับบ้านพร้อมกัน เข้านอนพร้อมกันเป็น
อย่างนี้อยู่สี่ปี ไทรีส เอลซิน่า เป็นคนอเมริกันไม่มีครึ่งนั้นครึ่งนี่เหมือนเขาหรอก ไทรีสเป็นลูกนักการเมืองพ่อกับแม่ของเขาตามใจ
และรักลูกชายมากเพราะเป็นลูกคนเดียว ถึงแม่จะรู้ว่าลูกชายไม่ได้มีเส้นทางรักที่ปกติเหมือนผู้ชายทั่วไปก็เถอะ ตอนแรกพ่อของ
เขาก็รับไม่ได้กับที่ลูกชายคนเดียวเป็นแบบนั้นเพราะตัวเองเป็นถึงนักการเมือง แต่พวกเขาสองคนไม่ได้แสดงว่าเป็นคนรักกันออก
หน้าออกตาเวลาอยู่ข้างนอกบ้าน ก็ทำเหมือนเพื่อนคนอื่นๆในกลุ่ม เขาเรียนอักษรศาสตร์ส่วนดีแลนเรียนวิทยาศาสตร์การกีฬา
บ้านที่พวกเขาอยู่เป็นของแม่เขา พวกท่านสองคนอยู่วอชิงตัน ดีซี ส่วนเขากับดีแลนอยู่นิวยอร์ก
“วันนี่สอบเสร็จแล้วรีบลงมาดูละ”ดีแลนพูด
“ไม่ใช่รอบชิงนี่”เขาพูด อีกคนขมวดคิ้วจนหน้ามุ่ยก่อนจะยัดแอปเปิ้ลครึ่งลูกเป็นอย่างสุดท้ายของอาหารเช้าเข้าปาก
“ถ้าไม่มาจะเอากำลังใจที่ไหนเล่นละ แค่เห็นหน้าอีกทีมก็ใจแป้วหมดแล้ว”เขาหัวเราะกับท่าทางอ้อนของคนรัก ไทรีสยื่นมิลค์เชค
ให้อีกคนรับไปดื่ม
“อีกทีมต่างหน้าที่แค่เห้นหน้านายก็ใจแป้วแล้ว”เขาเก็บจานไปล้างหลังจากดีแลนกินเสร็จเรียบร้อยแล้ว ส่วนเจ้าตัวก็นั่งดูดมิลค์เช
คหน้ามุ่ยอยู่นั้น ขัดใจที่อีกคนทำเหมือนจะไม่ไปดูการแข่ง เขาล้างจานเสร็จก่อนจะเดินเข้ามาลูบหัวดีแลน
“ไปอยู่แล้วหน่า ทำหน้ามุ่ยเป็นหมามุ่ยแล้ว”
“หมามุ่ยมันเป็นขนนะมันไม่มีหน้าซักหน่อย”ดีแลนวางแขนแข็งแรงโอบรอบเอวบางก่อนจะซบหน้าบนไหล่ลาดสูดกลิ่น
น้ำหอมที่อีกคนชอบใช้
“แค่เล่นให้มันคล้องคำเฉยๆเอง”เขาหัวเราะ ดีแลนชอบอ้อนเหมือนลูกหมาน้อยเวลาอยู่กับเขาแค่สองคน ทำเหมือนตัวเองเป็น
เด็กสิบขวบและเขาก็ชอบที่ดีแลนทำแบบนั้น สองแขนที่โอบกอดกันทุกวันมันทำให้เขารู้สึกอบอุ่นและมั่นคง เขาไม่ใช่พวกที่จะ
พูดคำหวานๆให้รู้สึกดี เพราะตัวเขาเองไม่ใช่คนพูดเก่งหรือเข้าสังคมเก่งเหมือนดีแลน ดีแลนเหมือนมีออร่าที่ทำให้ทุกคนเดินเข้า
มาหาตัวเองตลอดอาจจะเป็นเพราะเป็นนักกีฬาของมหาลัยด้วยคนเลยรู้จักเขาเยอะ
“ไปมหาลัยเดี๋ยวสายนะ”ดีแลนส่ายหน้า ก่อนยกสาวนิ้วขึ้นมาโชว์
“ขอชาร์จแบตสามนาที”
“ชาร์จทั้งคืนแล้วยังไม่พออีกเหรอ”ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ มือเรียวก็ลูบหัวอีกคนเบาๆ
“กับนายชาร์จเท่าไหร่ก็ไม่พอหรอกรีส”ดีแลนคลายอ้อมกอดลงก่อนจะยืนขึ้น ความสูงระหว่างเขากับดีแลนต่างกันมาก เขาสูงแค่
ร้อยเจ็ดสิบแปดแต่ดีแลนสูงถึงร้อยแปดสิบเจ็ด มือหนายิ้กแก้มเขาอย่างหมั่นเขี้ยวก่อนจะตามด้วยจุ๊บหนึ่งที
“ป่ะ เดี๋ยวสาย”ดีแลนหัวเราะก่อนจะเดินไปหยิบกระเป๋าสองใบแล้วเดินตรงไปที่รถอย่างอารมณ์ดี ทำไมถึงอารมณ์ดีน่ะเหรอก็เจ้า
ตัวดีมันทำเขาหน้าแดงอยู่นี่ไงละ
มหาลัยxxx
“ลงไปก่อนเลยเดี๋ยวไปจอดรถแล้วตามไป”ดีแลนว่า เขาพยักหน้ารับก่อนจะหยิบกระเป๋าทั้งสองใบลงมา มือเรียวหยิบโทรศัพท์ขึ้น
มาก่องงนจะกดโทรหาเพื่อนสนิทตัวเอง
‘โย่วว ว่าไงเบลล่า’ ไม่ต้องแปลกใจว่าเขาโทรผิดหรือเปล่า ก็เพื่อนตัวดีมันเคยไปดูหนังทฝไวไลท์กับเขาแล้วเจ้าตัวมันดันบอกว่า
เวลาเขาหันข้างหน้าคล้ายนางเอกของเรื่อง แล้วนางเอกของเรื่องก็ชื่อเบลล่า ตั้งแต่นั้นมามันเลยตั้งชื่อที่มันเอาไว้เรียกเองคน
เดียวเลยว่าเบลล่า
“ถึงรึยังแจส” แจสเปอร์ คิม ลูกครึ่งอังกฤษ เกาหลี เป็นเพื่อนสนิททั้งเขาและดีแลนมาตั้งแต่มัธยมจนถึงตอนนี้ก็ปีสี่ปาเข้าไปห้าปี
เต็ม แรนดี้เป็นพวกฮิปเตอร์ แปลก แหวกแนวตลอด ถ้าเจ้าตัวเขาไม่ชอบก็จะเมินไปเฉยๆเลยแต่ถ้ากับเพื่อนสนิทในกลุ่มละก็แจส
เปอร์เหมือนพวกบ้าพลังที่พร้อมจะแหกปากตะโกน เต้นเล่นร้องตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงละนะ ข้อดีก็มีอยู่แต่ข้อเสียนี่เขียนสักยี่สิบหน้า
สงสัยจะไม่หมดยิ่งเรื่องผู้หญิงนี่ตัวพ่อเลยละนะ
‘ยังเลยอ่ะเพิ่งจะตื่นเองเนี่ย’
“แน่ใจ”
‘แน่ใจสิจ้าเบลล่า’ แรงกอดอย่างแรงพุ่งมารัดตัวเขาไม่ทันตั้งตัว มือเรียวเกือบจะหันไปปล่อยหมัดใส่เต็มที่
“เอ้ย! เบลล่าอย่าโหดหนักดิว่ะ”เขาชะงักก่อนจะเขกกะโหลกอีกคนไปหนึ่งที
“ถ้าเกิดหน้าคว่ำไปจะไปสอบยังไงเดี๋ยวตบกะโหลกเปิดเลยนิ”
“โหยยแค่นี่กะโหลกก็เปิดแล้วเนี่ย ผมยิ่งน้อยๆอยู่เดี๋ยวมันร่วงหมดหัวทำไงเนี่ยอ่อย”ไทรีสหัวเราะก่อนจะขยี้หัวอีกคนแรงๆ
“ถ้าผมร่วงก็ปลูกใหม่แค่นั้นแหละ”
“บร๊ะ!เดี๋ยวสาวๆก็หนีหายหมดอ่ะ”
“มีผมไม่มีผมมันเกี่ยวอะไร”
“ถามหน่อยมึงอยากมีเซ็กส์กับคนหัวล้านไหมละจ้ะเบลล่า ถ้าเกิดว่าดีลมันหัวล้านมึงยังจะ..โอ๊ย!”ก่อนจะได้ทันพูดจบก็หัวสั่นอีก
รอบ
“เดี๋ยวมึงจะได้ล้านหมดหัวจริงๆอ่ะแจส”
“ถ้ามึงจะตบขนาดนี้มึงดึงหัวกูให้หลุดเลยเหอะ กูนึกว่ากระดูกคอกูเคลื่อนไปละ”แจสเปอร์สั่นหัวเบาๆเช็คว่าคอตัวเองยังไม่หักไป
ซะก่อน ไอ้เปรตนี่ก็ตบลงมาได้ไม่อ้อมแรงมือเลย
“กูก็ว่าอยู่ ฮ่าๆ”
“จริงๆก็น่าตบไปหลุดไปเลยล่ะ”ไทรีสเสริม แจสเปอร์แบะปากก่อนจะยกนิ้วกลางให้ทั้งคู่
“อย่าให้คริสกับดอมมานะมึง รอพวกกูมาก่อนเห๊อะ”
“มาแล้วพวกกูก็อยู่ข้างรีสว่ะแจส”นั้นไงยังพูดไม่ทันขาดคำไอ้พวกเพื่อนอกัตญญูทั้งสองก็โผล่หัวมาเลย คริส แอนเดอร์ซันกับโด
มินิก วอเลย์ ทั้งสองคนเป็นเพื่อนสนิทพวกเขา ทั้งกลุ่มก็มีแจสเปอร์ คริส โดมินิก ดีแลนและไทรีส พวกเขาสนิทกันมากที่สุดนอก
เหนือจากนั้นก็เป็นแค่เพื่อนร่วมคณะกันธรรมดาไม่สนิทสนมกันมาถึงขั้นพูดเล่นหัวกันได้มากเท่านี้ แจสเปอร์กับเขาอยู่คณะ
เดียวกัน ส่วนคริสกับโดมินิกอยู่คณะเดียวกับดีแลนและยังอยู่ทีมเดียวกันอีกด้วย ดีแลนเล่นตำแหน่งสมอลฟอร์เวิร์ด เขาเล่นได้ทั้ง
พอยท์การ์ดและซู๊ตติ้งการ์ดอีกด้วย คริสเล่นตำแหน่งพอยการ์ด ส่วนโดมินิกเป็นเซนเตอร์
“แหมไอ้พวกอกตัญญู”
“เดี๋ยวต้องไปโรงยิมแล้วนะมึงต้องไปเตรียมตัว”โดมินิกว่า
“อ่อลืมไปเลยเดี๋ยวกูก็มีสอบเหมือนกันนี่หว่า ใช่ป่ะเบลล่า”แจสเปอร์หันมาถามความเห็นจากเขา เขามองนาฬิกาข้อมือเหลืออีก
ยี่สิบนาทีจะเข้าสอบ ถ้าดอมไม่พูดขึ้นมาเขาก็เกือบลืมเหมือนกันนะเนี่ยทะเลาะกันเพลินเลย
“อืมเหลืออีกยี่สิบหน้าทีเข้าสอบ”
“เหี้ย!ยังไม่ได้อ่านมาเลยซักตัว ไปนั่งติวหน้าตึกก่อนเลยด่วน!”พูดจบแจสเปอร์ก็ลากเขาตามไปทันที
“สอบเสร็จแล้วมาดูพวกกูด้วยนะมึง”คริสตะโกนบอก ส่วนแจสเปอร์ก็แหกปากรับเออออห่อหมกไป ไทรีสพยักหน้าให้ดีแลนที
หนึ่งก่อนจะเดินตามแรงลากของแจสเปอร์ไป พวกเขาเดินมานั่งโต๊ะม้าข้างตึกของคณะ
“จะผ่านไหมว่ะเนี่ยรอบนี่”แจสเปอร์ว่าพลางกุมขมับก่อนจะหยิบชีทที่ไทรีสรุปเอาไว้ไปอ่าน แน่นอนว่าแจสเปอร์น่ะยังไงก็ผ่าน
อย่างแน่นอนอยู่แล้ว ไทรีสมองเพื่อนสนิทที่ทำหน้าเคร่งเครียดเหมือนโลกกำลังจะแตกเอาซะพรุ่งนี้ทุกครั้งที่มีสอบ มันก็ไม่เคยที่
คิดจะเตรียมตัวอ่านหนังสือมาสอบเลยซักครั้ง แต่มันก็สอบผ่านทุกครั้งไม่ใช่แค่ผ่านคาบเส้นธรรมดาแต่ได้บีบวกหรือไม่ก็เอเกือบ
ทุกครั้ง พรสวรรค์ด้านภาษาของแจสเปอร์ไม่ธรรมดา มันพูดได้ทั้งฝรั่งเศส อังกฤษและเกาหลี ถ้ามันขยันที่จะหาพรแสวงใส่ตัวอีก
มันคงจะสอบได้เอบวกทุกรอบแน่
“สอบยังไงมึงก็ผ่านจะอ่านทำไม”
“กันเหนียวไงจ้ะเบลล่า ถ้าเกิดวันดีคืนดีกูสอบตกขึ้นมานี่ชิบหายเลยนะมึงยิ่งแก้ยากๆอยู่”แจสเปอร์ยักคิ้วให้เขาทีนึง เห็นแล้วก็
อยากจะเอาเท้างามๆลูบหน้ามันซักทีให้หายคัน แจสเปอร์ดูนาฬิกาข้อมือบอกเวลาว่าเหลืออีกสิบนาทีจะถึงเวลาเข้าสอบแล้ว
“ป่ะมึง”เขาดูนาฬิกาเช็คเวลาอีกที ก่อนจะลุกตามไป ในห้องสอบเต็มไปด้วยนักศึกษาที่จะเตรียมมาสอบรวมไปถึงกลุ่มคนดังของ
คณะที่สองในหกคนนั้นเป็นเด็กฝึกของ Calvin klein ที่เตรียมตัวจะเดบิวต์เป็นนายแบบเต็มตัวในเร็วๆนี้ตอนนี้ก็มีผลงานถ่ายแบบ
เล็กๆน้อยๆออกมาให้สาวๆชื่นชมกันนิดหน่อย
“ไง…รีส”เขาหันไปตามเสียงเรียก ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกที่เรียกเขาก็ไอ้ว่าที่นายแบบหน้าใหม่นั้นแหละคนที่เรียกเขาชื่อ คาเลน
“ไทรีส”เขาพูด ถ้าไม่ใช่คนสนิทจะเรียกเขาด้วยชื่อเล่นแบบนั้นไม่ได้ไม่ใช่ว่าไม่ชอบแต่เขาไม่พอใจด้วย
“อา..จะเรียกแบบไหนมันก็ชื่อนายทั้งนั้นไม่ใช่รึไง”คาเลนนั่งลงโต้ะข้างๆเขา
“เราไม่สนิทกันขนาดนั้น”
“แต่ฉันอยากสนิทกับนายขนาดนั้นนิหน่า”
“แดกตีนก่อนไหม เขาให้นั่งตามเลขที่นักศึกษาเสร่ออะไรมานั่งหน้าสลอนตรงนั้น”แจสเปอร์พูดขึ้นก่อนจะมองคาเลนด้วยสายตา
ที่บ่งบอกว่าพร้อมที่จะกระโดดเตะก้านคอให้ขาดได้ทุกเมื่อ คนฟังยิ้มมุมปาก
“นายจะไปดูแข่งบาสวันนี้ใช่ไหมพื่อนนายแข่งกันด้วยนิ”คาเลนเลือกที่จะเมินแจสเปอร์ไป ก่อนจะถามไทรีสเล่นเอาแจสเปอร์ถึง
กับคิ้วกระตุกเมื่อไอ้ว่าที่นายแบบมันเลือกที่จะเมินตัวเอง
“ไป”พูดจบอาจารย์ก็เดินเข้ามาพอดี คาเลนลุกจากโต๊ะข้างๆเขาก่อนจะเดินไปนั่งที่โต๊ะสอบของตัวเอง
“ไอ้เหี้ยนี่หน้าเอาตีนยัดปากว่ะ”แจสเปอร์สถบอย่างอารมณ์เสีย ถึงกลุ่มคาเลนจะเป็นที่ชื่นชอบในหมู่ผู้หญิงแต่สำหรับผู้ชายนี่
ติดลบถึงขีดสุด ทั้งความขี้เก็ก เจ้าเล่ห์แกมโกง ที่จะมีคบๆกันอยู่ก็แค่หกคนนั่นแหละ อ่อๆไอ้ที่ว่ากลุ่มคาเลนเป็นที่ชื่นชอบในหมู่
ผู้หญิงน่ะจริงๆมีแค่คาเลนกับออกัสแค่นั้นแหละ
“อย่านะมึงนั้นว่าที่นายแบบเชียว”
“ถุย! มันจะได้เป็นรึเปล่าเหอะ บริษัทยักษ์ใหญ่ขนาดนั้นไม่ได้มีตัวเลือกน้อยขนาดต้องเลือกตัวเควี้ยแบบมันซะหน่อย”
“อะไรเควี้ยๆ”
“ควายบวกเหี้ยไงจ้ะเบลล่า มึงนี่ก็หัดจำศัพท์ไว้ด่าบ้างชีวิตจะได้มีสีสัน”
“แค่มีมึงด่าให้กูฟังนี่กูก็สีสันเต็มตัวจนซึบซับไม่หมดละ”หลังจากนั้นอาจารย์ก็แจกข้อสอบให้นักศึกษาเริ่มทำข้อสอบกัน โดยให้
เวลาสามสิบนาที ข้อสอบเจ็ดข้อเป็นข้อเขียนทั้งหมด ทั้งเขาและแจสเปอร์ผ่านมันไปได้อย่างง่ายๆตอนแรกคิดว่ามันจะยากแบบ
คราวก่อนซะอีก แต่คราวนี้กลับง่ายกว่าคราวก่อนเยอะมากเลยทีเดียว
“ทำได้ป่ะมึง”แจสเปอร์ถามหลังพวกเขาเดินออกจากคณะมาแล้ว
“ง่ายว่ะคราวนี้อ่ะ”
“เออคิดเหมือนกูเลย”ตอนนี้น่าจะใกล้เวลาลงสนามแล้ว มือเรียวยกโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนจะกดโทรหาดีแลน
“โทรหาใครว่ะ”
“ดีแลนกูจะถามว่าใกล้จะลงยัง”แจสเปอร์พยักหน้ารับ
‘สอบเสร็จแล้วเหรอ’ ปลายสายรับ
“อืมเสร็จแล้วใกล้จะลงสนามยัง”
‘ใกล้แล้วรีบมาสิรีส’
“โอเคเดี๋ยวจะรีบเดินไปเดี๋ยวนี้แหละ เจอกัน”
‘โอเค’
พวกเขาเดินมาถึงสนามบาสกลามแจ้งที่จะเป็นสนามแข่งในรอบนี้ มหาลัยของเขามีทั่งสนามในร่มและในร่มส่วนใหญ่แล้วสนาม
ในร่มจะใช้ในการแข่งรอบชิงซะมากกว่าสนามกลางแจ้ง อากาศในวันนี้ไม่ได้ร้อนมากถือว่ากำลังดีเลยทีเดียว ดีแลนหันมาเห็นเขา
ก่อนพอดีอีกฝ่ายกวักมือเรียกให้เดินไปหาไวๆ
“แม่งจะรีบไปไหนว่ะอีกสิบกว่าก้าวก็ถึงแล้วเนี่ย”แจสเปอร์บ่น พอถึงม้านั่งข้างสนามแจสเปอร์ก็นั่งลงทันที
“สอบยากรึไงมึง”ดีแลนถามแจสเปอร์ที่แทบจะนอนแผ่ราบไปกับม้านั่ง
“ง่ายขี้”
“ฮ่าๆมึงมันเทพตลอดนิหน่า”โดมินิกและคริสกับเพื่อนร่วมทีมคนอื่นๆเริ่มทยอยมาที่ข้างสนาม คนเริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ ดูเหมือนวันนี้
โดมินิกจะฮอตเป็นพิเศษ สาวๆเอาน้ำกับเอ็นเนอร์จี้บาร์มาให้เขากันใหญ่เจ้าตัวยิ้มขอบคุณตามสไตล์คุณชายน่ะนะ
“เอ้า!ลงไปวอร์มกันได้!”โค้ชตะโกนบอกคนในทีม ดีแลนหันมาขยิบตาให้ทีนึงก่อนจะวิ่งลงสนามไป
“สู้ๆนะดีแลน!”
“วันนี้เขาหล่อจังเลยอ่ะ!”
“พระเจ้าทำไมเขาเพอร์เฟ็คยังงี้เนี่ยให้ตาย!” คำชมจากข้างสนามหลั่งไหลเข้ามาไม่หยุด ดีแลนมักจะส่องแสงอยู่ตลอดเวลาเขาเป็นที่จับตามองของคนทั่วไปไม่ว่าจะขยับ
ตัว ทำอะไรก็น่ามองไปเสียหมด ชายหนุ่มที่อบอุ่น ไทรีสอดเข้าข้างตัวเองไม่ได้ว่าโชคดีจริงๆที่ได้รักผู้ชายคนนี้
“เอาละครับเราจะแข่งควอเตอร์ที่สามกันแล้วนะครับ โอ้โหวันนี้โดมินิกกับดีแลนแรงไม่ตกเลยขอเสียงให้พวกเขาหน่อย!!”ดีเจ
ของมหาลัยก็มาช่วยนั่งพากย์อยู่ข้างสนามเหมือนกัน การแข่งขันจบลงไปด้วยดี สองในสามควอเตอร์ฝั่งทีมของดีแลนเป็นฝ่าย
ชนะไป
“เหนื่อยหน่อยนะ”มือเรียวยื่นผ้าเย็นส่งให้ดีแลน เขารับมาพาดไว้ที่หัวก่อนจะเดินเข้ามาขยี้ผมไทรีส
“เหนื่อยแต่สนุกดี”ดีแลนยิ้มกว้าง
“พรุ่งนี้เห็นเขาบอกว่าจะมีจัดปาร์ตี้กันที่ผับต่อด้วยบ้านไอ้แว่นคณะแพทย์ว่ะ”แจสเปอร์บอกแววตานี่เปล่งเป็นประกายวิบวับเลย
เชียว
“มึงรู้มาจากไหนว่ะ”คริสถาม มือหนาซับเหงื่อบนใบหน้าตัวเองไปด้วย
“ก็ไอ้คนที่นั่งดีเจที่พากย์ข้างสนามเมื่อกี้มันบอกกูมาอ่ะ”
“แล้วมันรู้จักมึงไง”
“ไม่รู้ก็ควายแหละ”เรื่องเที่ยวกลางคืนบ้านช่องไม่กลับนี่ต้องยกให้มันเลยจริงๆ
“และมึงรู้จักมันไหมละ”
“ไม่รู้ว่ะ”คริสพาดกระบาลแจสเปอร์ไปหนึ่งที
“เขาชวนไปไหนมึงนี่ก็ไปหมดเลยห่า ถ้าเขาหลอกมึงไปขายนี่มึงก็ไปใช่ไหม”
“ถ้าราคาดีกูก็ขอคิดก่อน”
“คนที่ขายมึงอ่ะจะได้เงินไม่ใช่มึงห่า”
“เอ้า..เออว่ะกูไม่ได้ซักบาทเลยนี่หว่า”
“มึงนี่ใช้ชีวิตรอดมาถึงตอนนี้ได้ไงว่ะกูละทึ่งมึงจริงๆ”
“แหม ไม่ต้องทึ่งหรอกอิจฉากูละสิ”
“การเอาตัวรอดของมึงนี่ยิ่งกว่าปรสิตจริงๆห่า”
“ขอบใจเพื่อน..”เอ้ะ เดี๋ยวนะการเอาตัวรอดยิ่งกว่าปรสิตได้นี่มันเป็นคำชมที่ดีเปล่าว่ะ? หลังจากตกลงกันเรื่องปาร์ตี้พรุ่งนี้เสร็จไทรี
สกับดีแลนก็ขอตัวกลับบ้านกันก่อน
“กลับละนะ เจอกันพรุ่งนี้”ไทรีสบอก
“เออเจอกันมึง”เขาหยิบเสื้อบาสของดีแลนพาดไหล่ก่อนจะหยิบกระเป๋าเป้ของเขามาถือด้วย
“เย็นนี้กินข้าวข้างนอกหรือในบ้านดี”เขาถามดีแลน เจ้าตัวแย่งกระเป๋าไปถือเองซะแล้วแถมยังบ่นอุบอิบว่าทำเหมือนเจ้าตัวเป็น
เด็กน้อยให้แม่มาคอยช่วยถือกระเป๋าให้
“ก็แข่งมาเหนื่อยๆก็ช่วยถือไง”
“มันไม่ได้เหนื่อยถึงขั้นจะเป็นลมกล้ามเนื้ออ่อนแรงซะเมื่อไรเล่ารีสก็”
“โอเคไม่เถียงละเบื่อคนดื้อ”เขาเปิดประตูเข้าไปนั่งฝั่งคนขับส่วนดีแลนนั่งอีกฝั่ง ระหว่างทางกลับบ้านดีแลนก็งีบหลับไปแล้ว
สงสัยจะเหนื่อยจากการแข่ง ปากก็บอกไม่เหนื่อยร่างกายกับสมองนี่มันขัดจริงๆเลยนะเขายิ้มเมื่อเห็นอีกฝ่ายละเมอ
“พ่อหมีเอ้ย”