Shadow
[/u][/size]
ชิมอน สมิธ กำลังถูกรุมล้อมจากบรรดาสื่อมวลชนซึ่งมารอรับที่สนามบิน ในฐานะนักเรียนมหาวิทยาลัยดนตรีชื่อดังแห่งอังกฤษ ผู้ซึ่งได้รับเหรียญทองในการแข่งขันเทศกาลดนตรีนานาชาติสาขาเปียโนที่กรีซ ทั้งยังเป็นผู้ชนะที่อายุน้อยที่สุดในรอบยี่สิบปี
อีกมุมหนึ่ง เด็กหนุ่มร่างสูงยืนกอดอกมองภาพแห่งความโกลาหลปนยินดีในความสำเร็จเหล่านั้นอยู่เงียบๆ ดวงตาสีน้ำเงินเข้มหลังเลนส์แว่นกันแดดจับจ้องมองใบหน้าซึ่งกำลังยิ้มละไมของชิมอนอย่างไม่วางตา สักพักเขาก็ก้าวเข้าไปหากลุ่มสื่อมวลชนด้วยท่วงทีประหนึ่งราชสีห์
ชิมอนลอบผ่อนลมหายใจ รู้สึกว่าแขนเริ่มชาเป็นลำดับเพราะช่อดอกไม้มากมายที่ถืออยู่ พลันก็รู้สึกว่ามีใครคนหนึ่งรวบทั้งหมดไป เขาหันไปยิ้มให้อย่างขอบคุณแต่แล้วมันก็เจื่อนจางลงเมื่อพบว่าอีกฝ่ายเป็นใคร
“ต้องขอโทษทุกคนด้วยนะครับ พี่ชายผมเดินทางมาเหนื่อย คงต้องกลับเสียที ถ้ายังไงคืนนี้ขอเชิญที่บ้านนะครับ เรามีงานเลี้ยงกันนิดๆ หน่อยๆ”
พูดจบ เด็กหนุ่มผู้มาที่หลังก็ออกนำพี่ชายไปยังลีมูซีนที่จอดรออยู่นานแล้ว นักข่าวต่างไม่ลืมที่จะกดชัตเตอร์ภาพของสองพี่น้องนี้ไว้
ชิมอนผู้พี่ เป็นนักเรียนเปียโนที่ทั่วโลกต่างยอมรับในความสามารถ
ส่วนเลโอคนน้อง ก็เข้ามหาวิทยาลัยชื่อดังติดอันดับโลกได้ตั้งแต่อายุ 15 ตอนนี้ทำปริญญาโทด้านการบริหารอยู่ น่าอิจฉาผู้นำตระกูลสมิธ ไม่รู้ทำบุญด้วยอะไรถึงได้มีสายเลือดอัจฉริยะเกิดมาสร้างชื่อเสียงให้พร้อมกันตั้งสองคนแบบนี้
“ไปพักผ่อนเถอะลูก” นักร้องโอเปร่าสาวใหญ่ผู้เป็นมารดาสะกิดบุตรชายคนโตหลังสังเกตเห็นความอ่อนล้าในแววตาคมแม้ใบหน้าหล่อเหลาจะฉาบรอยยิ้ม และเจ้าตัวยังพูดคุยกับแขกผู้มาร่วมงานเลี้ยงต้อนรับได้อย่างไม่มีที่ติ
“แต่ว่างานเลี้ยงเพิ่งจะเริ่ม…” ชิมอนเอ่ยอย่างเกรงใจ ส่งผลให้บิดาผู้เป็นวาทยกรตบบ่าพลางยิ้มปลอบ
“เถอะน่า เดี๋ยวพ่อกับแม่แล้วก็เลโอ จะอยู่รับหน้าให้เอง ไปพักผ่อนเถอะ”
ชิมอนยังคงลังเล แต่เมื่อความอ่อนล้าเริ่มครอบงำมากขึ้นเขาก็ยอมเสียมารยาทกลับขึ้นไปที่ห้องโดยดี ทว่ายังไม่ทันเอื้อมมือไปถึงลูกบิดประตู เสียงทักทายเบื้องหลังก็ทำให้ต้องชะงักมือค้าง เย็นวาบไปทั้งสรรพางค์
“ยินดีด้วยนะ สำหรับเหรียญทอง”
ชิมอนยืนนิ่ง สูดลมหายใจแล้วหันไป แล้วได้ปะทะเข้ากับกุหลาบแดงช่อใหญ่ที่เลโอยื่นให้
“ขอบใจ” ชิมอนรับมาถือไว้โดยที่กำตรงปลายช่อไว้แน่นเพื่อสะกดอารมณ์บางอย่าง “แต่คราวหลังไม่จำเป็นต้องสิ้นเปลืองแบบนี้หรอก”
เลโอยักไหล่ “วาระแบบนี้ ไม่มีอะไรให้นาย แม่จะว่าเอาได้ว่าไร้น้ำใจแม้แต่กับพี่ชาย ฉันเบื่อฟังแม่บ่นเต็มที”
ชิมอนถอนใจลึก คนอื่นมาได้ยินคงคิดว่าเป็นบทสนทนาระหว่างพี่น้องที่แปลกประหลาด แต่สำหรับเขา มันเป็นเรื่องปกติ ชายหนุ่มตรงหน้าเขา…น้องชายคนเดียวของเขาคนนี้ ตลอดมาไม่เคยมีทีท่าว่าจะยอมรับเขาเป็นพี่ชายเลย
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไรที่สายตาวาววามนั้นจับจ้องมาที่เขาด้วยความปรารถนาเร่าร้อน และเหตุการณ์ในคืนอันเงียบสงัดเมื่อสองปีก่อนนั้น คืนก่อนที่เขาจะตัดสินใจไปเรียนเปียโนที่ฝรั่งเศส เหตุการณ์นั้นทำให้รู้สึกว่าเลโอไม่ได้คิดว่าเขาเป็นพี่ชายเลย...แม้แต่นิดเดียว
“จะไม่ให้ผมเข้าไปข้างในหรือไง”
“จะเข้าไปทำไม เพื่ออะไร” ชิมอนเอ่ยเสียงเย็นชา
เลโอกระตุกมุมปาก ผลักพี่ชายเข้าไปในห้องก่อนตามเข้าไป ปิดประตูแล้วกดล็อค
“เพื่อระลึกถึงความหลัง แล้วก็สร้างความทรงจำใหม่ๆกันไง พี่ชาย”
“ความหลังบ้าบออะไร” ชิมอนพยายามขับไล่ความหลังที่ว่าออกไปจากสมอง เขาเดินหนีไปที่หน้ากระจกเพื่อวางของใช้ส่วนตัว “ออกไปเถอะ ฉันอยากพักผ่อนเต็มทีแล้ว”
“อย่าเมินหนีฉัน ชิมอน นายไม่มีสิทธิ์!” เลโอกระชากพี่ชายกลับมาแล้วแล้วอัดกำปั้นเข้าที่หน้าท้อง
“อุ่ก!” ชิมอนกัดฟันตัวงอลงไปนั่งคุกเข่ากับพื้น โดยที่เลโอยืนกอดอกอยู่เบื้องหน้า
“คืนนั้นฉันก็ทำแบบนี้ นายถึงได้เลิกโวยวายใช่ไหม จากนั้นฉันก็กดนายลงกับพื้น หึ แต่ไม่เอาแบบนั้นแล้วละ มันน่าเบื่อ” เลโอรูดซิบกางเกงสแล็คสีเข้ม หยิบบางสิ่งซึ่งเบ่งบานเต็มที่ออกมาแล้วออกคำสั่ง
“ทำให้ผมมีความสุขหน่อยสิคุณพี่ โทษฐานที่หนีไปฝรั่งเศสโดยไม่บอกกันเลย ตั้งสองปี!”
ชิมอนปลดปล่อยแววตาปวดร้าว เวลาสองปีไม่ทำให้เลโอเลิกปักใจในตัวเขาซึ่งเป็นพี่ชายได้เลยอย่างนั้นหรือเขาหันหน้าหนีแต่ถูกกระชากผมจนหน้าหงายแล้วสิ่งนั้นก็ถูกสอดพรวดเข้ามาในอุ้งปากอย่างดึงดันก้าวร้าว ลึกเข้าๆ จนในที่สุดก็จำใจต้องกำมันไว้แล้วทำตามที่อีกฝ่ายต้องการจนลาวาร้อนไหลล้นปรี่ออกมา
“พอใจแล้วก็ออกไปเสียที” ชิมอนลุกขึ้นพลางใช้หลังมือปาดริมฝีปาก กลิ่นคาวความเป็นชายชวนให้อยากอาเจียนออกมา แล้วก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อเลโอเอื้อมมือมาจับจุดอ่อนไหวของเขา ทั้งยังเผยยิ้มอย่างพอใจในความเปลี่ยนแปลง
“แน่ใจนะที่พูดน่ะ ไม่ต้องการผมจริงๆ หรือ”
ชิมอนหน้าร้อนผ่าว อดจะหวั่นไหวกับน้ำเสียงนุ่มนวลชวนสะท้านอย่างประหลาดนี้ไม่ได้
ถูกแล้ว เขาพยายามปฏิเสธตัวเองว่านับตั้งแต่เสียท่าน้องชายในคืนวันนั้น เขาก็ไม่อาจลืมความสุขอันแสนเจ็บปวด แปลกใหม่และซาบซ่านอย่างน่ารังเกียจในครั้งนั้นได้เลย
แต่มันคงเป็นเรื่องบ้าบัดซบ ถ้าจะยอมให้มันเกิดขึ้นอีกครั้งในสถานที่เดิม หลังจากที่พยายามหลีกหนีไปนานแสนนานแล้ว
“ผมน่ะเฝ้ารอวันที่พี่กลับมาที่นี่อย่างใจจดจ่อ แล้วพี่จะใจร้ายกับน้องชายที่หลงพี่แทบบ้าคนนี้ได้ลงคอเลยเหรอ”
เลโอเกลี้ยกล่อมพลางสอดมือเข้าไปในเสื้อเชิ้ตตัวบางเนื้อนุ่ม สัมผัสกับปุ่มถันเพียงแผ่วเบาแล้วหนักหน่วงขึ้นตามลำดับ ริมฝีปากร้อนรุ่มซอนไซ้ไปมาที่ลำคอชื้น ลากปลายลิ้นเลียหยดเหงื่อแล้วจูบตรงหลังใบหู ส่วนมืออีกข้างก็รั้งเอวเพรียวเข้ามาใกล้ให้บดเบียดกับความแข็งเกร็งของตน
“อย่าทำบ้าๆ ฉันเป็นพี่ชายนายนะเลโอ!”
ชิมอนเตือนสติน้องชายด้วยเสียงเครียดต่ำ
เลโอชะงักไปครู่หนึ่งก่อนที่จะจับไหล่พี่ชายให้หันกลับมาหา กวาดตามองไปทั่วใบหน้าหล่อเหลาขาวเผือด
นานแค่ไหนแล้วนะที่เขาเฝ้ามองพี่ชายผู้อ่อนโยนคนนี้เล่นเปียโน พี่ชายที่แสนจะรูปงาม อากัปกิริยาสูงส่งและสงบเยือกเย็นราวกับเจ้าชายในนิทาน
เขารักชิมอน และก็รู้ว่าอีกฝ่ายก็รักเขาเพียงแต่เป็นในแบบพี่รักน้องเท่านั้น แน่นอนว่าเขาไม่พอใจเพียงแค่นี้
พี่เป็นของเขา
และต้องเป็นของเขาคนเดียวเท่านั้น!
นี่เป็นสิ่งที่เขาท่องจำไว้ในใจตั้งแต่เด็ก และเมื่อเติบโตเขาก็รู้สึกว่าความต้องการที่จะรัก ปรารถนาต้องการเป็นเจ้าของนั้น มันมีความเกษมซ่านบางอย่างแอบแฝงอยู่
แววตาวาวโรจน์ของเลโอเตือนให้ชิมอนค่อยๆ ขยับถอยห่าง ก่อนร้องลั่นอย่างลืมตัวเมื่อถูกกระชากเข้าไปใหม่ เพื่อรับแรงกระแทกที่ริมฝีปากอย่างรุนแรงจนรับรู้กลิ่นคาวเลือด ไม่ทันได้เจ็บก็ชาไปกับรสจูบเต็มไปด้วยชั้นเชิง หลังจากที่เสื้อผ้าถูกกระชากฉีกขาดทั่วทั้งร่างก็ถูกซอนไซ้แทะเล็มและโลมเลียไปทั่วทุกตารางนิ้ว ชายหนุ่มได้แต่แหงนหน้าหลับตาส่งเสียงครางครวญเมื่อถูกกระแทกอย่างรุนแรงครั้งแล้วครั้งเล่า แม้จะอ้อนวอนอย่างไรก็หาได้มีประโยชน์ไม่ ตรงกันข้ามความรุนแรงเร่าร้อนกลับเพิ่มมากขึ้นราวกับเป็นการตอบโต้
เลโอหลับตาลง แสยะยิ้มเลียริมฝีปากอย่างเมามัน ฉับพลันก็ถอนกายออกมา พลิกชิมอนให้นอนหงายแล้วค่อยสอดใส่เข้าไปใหม่ พี่ชายตัวเกร็งเมื่อถึงจุดหมายทว่าเขายังไม่ถึงสวรรค์ แม้ถึงแล้วก็ยังไม่อิ่มหนำ มุ่งมั่นหาความสุขเสียวซ่านจากเรือนร่างขาวอาบเหงื่อชุ่มโชกอย่างไม่รู้จักคำว่าพอหรือเหน็ดเหนื่อย
ชิมอนหอบสะท้าน หัวหมุน เจ็บปวด ซ่านใจ หวาดหวั่น
กลัว!
ไม่รู้ว่ากี่ครั้งที่ต้องรองรับอารมณ์ ไม่รู้ว่ามันจะจบตรงไหนเมื่อไร จนในที่สุดก็หมดสติไป โดยที่ความเจ็บปวดตามเข้าไปรบกวนแม้ในฝัน
ฝันร้าย…
“นี่มันอะไรกัน ชิมอน”
เลโอมองกระเป๋าเดินทาง รวมทั้งข้าวของที่วางกระจัดกระจายเต็มเตียง ประตูตู้เสื้อผ้าเปิดค้างอยู่เผยให้เห็นความว่างเปล่าภายใน
“ตั้งแต่พรุ่งนี้ไป ฉันจะออกทัวร์คอนเสิร์ตกับพ่อที่เยอรมัน” ชิมอนตอบเสียงเรียบพลางจัดโน้ตเพลงใส่กล่อง
“เยอรมัน!”เลโอโพล่งเสียงดังแล้วตรงเข้าไปกระชากคอเสื้อพี่ชายขึ้นมาอย่างไม่พอใจ “นายว่าเยอรมันงั้นเหรอ!”
“ก็เออสิ เยอรมันนั่นละ!”
“คิดจะหนีอีกแล้วเหรอ!”
“อยากคิดอย่างงั้นก็ตามใจ แต่ฉันมีทางเดินของฉัน ส่วนนายก็มีทางเดินของนาย ถึงเราจะนอนด้วยกันสักกี่ครั้ง แต่ยังไงฉันกับนายก็ยังเป็นพี่น้องกัน เป็นได้แค่พี่น้องกันเท่านั้น ได้ยินไหม!” ชิมอนตวาดลั่น น้ำตาคลอตา อึดอัดขัดใจจนเกินจะทนได้อีก
เพราะเขาเป็นพี่ เพราะเขารักน้อง เขาถึงต้องยอมให้น้องชายที่อัจฉริยะแต่มีจิตใจไม่ปกติคนนี้ กระทำในสิ่งที่หยามความเป็นชายอย่างร้ายกาจเรื่อยมา
แต่มันพอแล้ว เกินขีดจำกัดของเขาแล้ว เมื่อมารดาบอกว่าตัดสินใจยกบริษัทในเครือทั้งหมดให้เลโอพร้อมกับจัดการหาคู่หมั้นให้แล้ว พันธนาการทั้งหมดก็พังทลาย เขาจะเป้นฝ่ายไป เพื่อทุกอย่างจะได้จบลงเสียที
“ได้โปรด เลโอ” ชิมอนมองด้วยสายตาอ้อนวอน “พี่ต้องการอิสระ ให้เรื่องของเราจบลงเพียงแค่นี้เถอะนะ”
เลโอยืนนิ่งอยู่นานทีเดียวกว่าจะคลายมือออก แววตาที่มองคนตรงหน้าทรุดลงไปนั่งอย่างอ่อนล้าสงบนิ่ง ทว่าลึกลงไปมันคือความอำมหิตที่แม้แต่ชิมอนยังคาดไม่ถึง
“พูดได้ไม่เลวนี่ ผมว่าพี่น่าจะไปเรียนการทูตเป็นวิชาเสริมบ้างนะ”
เลโอหันหลังกลับ
“พี่มีทางเดินของพี่เพราะพี่เป็นอัจฉริยะทางเปียโน อยากรู้จริงว่าถ้าเกิดเล่นมันไม่ได้ขึ้นมา พี่จะเดินไปทางไหน”
เป็นคำพูดทิ้งท้ายก่อนที่ร่างสูงจะหายลับไปในความสลัวของทางเดิน
“ใครก็ได้มาที่นี่เร็วเข้า คุณ…ค…คุณชิมอน!”
เช้าวันรุ่งขึ้นเริ่มต้นด้วยเสียงหวีดร้องของแม่บ้าน ผู้เป็นมารดาถึงกับเป็นลมล้มพับเมื่อเห็นสภาพลูกชายคนโตที่ชานพักบันไดก่อนขึ้นชั้นสาม
ชิมอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นในลักษณะของคนไร้สติ ข้างกายคือนาฬิกาเรือนใหญ่ที่ล้มตะแคงแตกกระจาย อะไรไม่น่าสะเทือนใจเท่าเศษกระจกนั้นแทงเข้าไปในอุ้งมือทั้งสอง ลึกจนเลือดไหลโชกน่าสยดสยอง ประมุขของบ้านรีบสั่งการให้เลโอนำรถออกเพื่อพาคนเจ็บส่งโรงพยาบาล
“คุณสมิธ ผมต้องขอแสดงความเสียใจด้วย ลูกชายคุณเอ็นมือซ้ายและขวาขาดทั้งสองข้าง เรื่องเปียโน...”
ไม่ต้องให้นายแพทย์หนุ่มใหญ่พูดต่อทุกคนก็รู้ความหมาย ชิมอนรับรู้เรื่องทั้งหมดด้วยอาการสงบ เขากอดมารดาที่ร้องไห้โฮ และเมื่อบิดาถามว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร เขาก็พยายามทบทวนความคิด
“ผม...ผมไม่ทราบ ผมดูทีวีที่ห้องนั่งเล่น ดื่มนมแล้วก็กลับห้อง…” ชิมอนกะพริบตา ความทรงจำบางอย่างผุดขึ้นมา เขาเดินขึ้นบันได ตอนนั้นนาฬิกาตีบอกเวลาตี 2 แล้ว จู่ๆ ก็รู้สึกวูบขึ้นมาเฉยๆ เขาคงตกบันไดลงมาโดนนาฬิกาตรงชานพักเข้าอย่างจัง
มันเกิดได้อย่างไร
เพราะอะไร
เพราะใคร?
โดยไม่รู้ตัว ชิมอนกวาดตามองทุกคนจนถึงชายหนุ่มที่ยืนกอดอกพิงประตูอยู่
ยิ้ม เลโอกำลังยิ้ม แล้วยังแววตาอำมหิตนั้นอีก
หรือว่า...
จู่ๆ ชิมอนก็หมดแรงเอาดื้อๆ นี่ถ้าไม่มีหมอนรองรับด้านหลังเขาคงนอนราบกับพื้นเตียงอย่างหมดอาลัยตายอยาก เมื่อหนทางแสนงดงามที่เคยวาดหวังไว้ดับวูบลงต่อหน้า
แล้วคนพิการอย่างเขาจะเป็นอย่างไรต่อไป ในกำมือของน้องชายตนเอง
เลโอหรี่ตาซ่อนประกายพึงใจ
พี่มีทางเดินของพี่ เพราะพี่เป็นอัจฉริยะทางเปียโน
อยากรู้จริงว่าถ้าเกิดเล่นมันไม่ได้ขึ้นมา พี่จะเดินไปทางไหน
และสำหรับบ้านนี้ อัจฉริยะมีเพียงคนเดียวก็พอแล้ว
จริงไหมครับ...พี่