เออกูผิด 2...ตอนพิเศษ ปีใหม่ 2009 ตอนที่ 9“ เอ้าๆ เตรียมตัวไปวัดกันได้แล้ว เร็วปลาหมึก ปลาบึก แล้วมึงจะไปด้วยไหมไอ้ปลาบซิว ห๊าตกลงจะไปไหมจนป่านนี้แล้วมึงก็ยังไม่ไปอาบน้ำเตรียมตัวอีก ”
“ โธ่แม่ ไปวัดนะไม่ได้ไปเดินแบบ ”
“ อุว่ะ บักห่านี่แหมะ ” แม่ไม่พูดเปล่าครับ ของงี้มันต้องมีอะไรติดไม้ติดมือให้ได้กระโดดหลบด้วย
“ โอ๊ะ ” แม่นเหมือนจับวางครับ ลูกหมากขนาดเท่าหัวนิ้วโป้งลอยละลิ่วเข้าตรงหน้าผากไอ้ปลาซิวเป๊ะๆ
“ ไง ทีนี้พร้อมจะไปอาบน้ำเหรอยังห๊ะ บักปอปเผายางมึง ” (อันนี้ไม่ทราบคำแปลจริงๆ ครับ จนใจๆ) แต่ไอ้ปลาบึกก็มักเอาคำนี้มาด่าผมบ่อยๆ เวลามันโกรธมากๆ เมื่อโดนผมขัดใจ
“ 555+ สม บักสันดาน โดนซะ ” ไอ้หมึกครับดูมันจะสะใจมากที่น้องโดนกระทำ
“ มึงด้วยไอ้หมึก ตื่นมาก็ดีแต่แดกเหล้า ข้าวนะคิดจะหากินไหมเหรอว่าต้องรอให้กูหามาประเคนให้ห๊า ”
“ สม เสือกไม่เข้าเรื่อง ” อันนี้ไอ้ปลาบึกครับ มันแอบกระซิบเย้ยพี่ชายมันต่อหน้าต่อตาแบบไม่เกรงใจใคร
“ แม่ครับ แล้วปีนี่พ่อไม่มาเที่ยวบ้านเหรอครับ ” ก็อย่างที่เคยเล่าไปนะครับ ว่าพ่อแม่ปลาบึกเค้าเลิกกันไปแล้ว ตอนนี้พ่อปลาบึกก็แต่งงานใหม่กับเมียอายุคราวลูกเชียวครับ ส่วนแม่ปลาบึกก็ยังครองตัวเป็นแม่หม้ายป้ายแดงไว้ได้อย่างสวยงาม
“ มามั้งลูก ทำไมโจ๊กอยากเจอพ่อไอ้ปลาบึกมันเหรอลูก ”
“ อ๋อคือผมเห็นว่านานๆ ทีไอ้ปลาบึกจะได้กลับมาเที่ยวบ้านนะครับ ก็เลย ”
“ ไม่มานะดีแล้วไม่เห็นอยากจะเจอเลย ” น้ำเสียงเจือความน้อยเนื้อต่ำใจอะไรซักอย่างที่มีต่อพ่อมัน ผมไม่รู้ว่าปลาบึกมันยังคงโกรธพ่อมันอยู่ไหม แต่ที่แน่ๆ เวลาที่ผมพูดถึงพ่อมันทีไรไอ้ปลาบึกต้องเกิดอาการนอยไปซะทุกทีสิน่า
“ ปลาบึก ”
“ เหรอแม่อยากเจอ ”
“ แล้วลูกไม่อยากเจอพ่อเหรอไง ” น้ำเสียงแม่เหมือนจะเป็นห่วงถึงความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกที่ไม่อาจจะกลับมาดีกันเหมือนเดิมครับ ผมเองก็เป็นห่วงไม่แพ้แม่เหมือนกัน
“ พอเถอะแม่ พูดไปเดี๋ยวไอ้ปลาบึกมันก็จะเป็นจะตายขึ้นมาอีก ” ไอ้ปลาหมึกลุกเดินมาตบไหล่น้องเบาๆ ก่อนจะเดินหายออกไปทางหลังบ้าน
“ ปลาบึก แม่รู้ว่าเรานะ ”
“ ไปวัดกันเถอะแม่เดี๋ยวจะสาย ” พูดจบมันก็เดินหายออกไปทางหน้าบ้านอีกคนหนึ่งครับ
เมื่อจะเป็นรอยร้าวรอยใหญ่... ผมจ้องหน้าแม่ที่หันมายิ้มน้อยๆ ให้ก่อนจะลุกตามไอ้ปลาบึกออกไป
“ 555+ ตลกดีนะ ชีวิตคนเราเน่ายิ่งกว่านิยายช่อง 7 ซะอีก ” แล้วไอ้ปลาซิวก็เดินหายเข้าห้องน้ำไปอีกคน
ตัดภาพกันมาที่วัดเลยดีกว่าครับ ^^
“ ต๊ายยย พ่อปลาบึกหล่อเหลาเอาการขึ้นทุกครั้งที่กลับบ้านนะเนี้ยยย ” เสียงชมมาจากบรรดาแม่ยกที่นั่งกันอยู่เต็มศาลาครับ (อนุญาติแปลเป็นภาษากลางนะครับ เพราะภาษาถิ่นเขียนยังไงก็ออกเสียงได้ไม่ฮาเท่าของจริง...อันนี้ต้องไปลองหาแฟนคนอิสานกันเอาเองครับแล้วจะรู้ว่าความฮาเป็นเช่นไร ^^ )
“ อ้าวแล้วนั่นใครล่ะ ” เสียงแม่ยกอีกคนหันไปถามแม่ไอ้ปลาบึกที่กำลังคลานเข่าเข้าไปนั่งเม้ากันในวงใหญ่
“ ผู้ใด๋ล่ะสู ” นี่ก็อีกหนึ่งแม่ยกครับ
“ ไอ้โจ๊กไงกิ๊กไอ้ปลาบึกนะ จำไม่ได้เหรอไง ” แม่ช่างชื่นชมผมนักครับ อ๊ะ -*- แต่...แม่ครับใครเป็นกิ๊กกับใครนะครับผมไม่เข้าจายยยยย
“ อ๋อออออ บักโจ๊ก ” เสียงแม่ยกคนที่หนึ่งขึ้นเสียงสูงเหมือนว่าแกเริ่มจะจำผมได้แระ แต่ไม่ต้องถามนะครับว่าผมจำใครได้บ้าง เพราะระดับผมแล้วแค่ผมเดินหันหลังให้แล้วหันกลับไปใหม่ก็ไม่รู้ว่าใครเป็นใครแล้วละครับ T0T (ความจำยิ่งกว่าปลาทองจริงๆ เลยตู)
“ สวัสดีครับแม่ ” ผมหันไปไหว้แม่ๆ ที่อายุต่างก็เลยวัย 50 ขึ้นทั้งน้านนนน
“ โอ๊ยยย น่ารักซะจริงๆ เลยพ่อคนนี้ มาลูกมา...มานั่งข้างแม่นี่ ” มีกวักมือเรียกผมด้วยครับ แต่ก็ยังดีที่ทุกคนแทนตัวว่าแม่ครับผมเลยเรียกแมตามไปด้วยเลย
“ ไงลูกหนาวไหม แล้วมาถึงเมื่อไหร่ละพ่อ แล้ว ฯลฯ ” ก็ว่ากันไปครับ ผมก็ทำได้แค่นั่งตอบคำถามบรรดาแม่ๆ ที่หันมาตั้งยี่สิบคำถามกับผมคนเดียวล้วนๆ เลยครับ ส่วนไอ้ปลาบึกเหรอครับแม่ง...แค่มาถึงถิ่นมันได้มันก้ทิ้งผมเลยครับ แถมไอ้ที่ทำให้ผมเจ็บใจได้สุดๆ ก็คือมันทำเหมือนกัยว่ามันไม่ได้พาผมมาด้วยนี่สิครับ
“ ปลาบึก ” ผมขยับทั้งปากแถมส่งสายตาไปเว้าวอนให้มันมาพาตัวผมออกไปจากเล่าบรรดาแม่ๆ ทั้งหลายซะทีแต่ก็ไม่ได้เป็นผมแต่อย่างไร เพราะไอ้ปลาบึกมันดันไปเจอเหล่าผองเพื่อนที่เคยร่ำเรียนมาด้วยกันก๊วนใหญ่เชียวครับ
“ พี่โจ๊ก ” แล้วเสียงสวรรค์ก้ดังมาจากข้างหลังผมนี่เองครับ
“ ปลาซิว ” รอยยิ้มน้อยๆ ที่ส่งมาให้ผมทำให้ผมชื่นใจขึ้นมาว่าเรามีพวกแล้วโว๊ยยย
“ พี่โจ๊กลงไปไหว้พระข้างล่างกับผมไหม เดี๋ยวผมพาทัวร์รอบๆ วัดเองครั้งก่อนตอนที่พี่มาพี่ก้ยังไม่ได้เดินดูรอบๆ วัดเลยนี่ ” (จริงๆ ผมเดินมาแล้วไม่ต่ำกว่า 2 รอบครับผู้นำทัวรืครั้งนั้นคือปลาบึก แต่กรณีนี้ผมรู้ว่านี่คือข้ออ้างที่ดีที่สุดแล้วในเวลานี้)
“ อะจริงด้วยๆ งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ ” ผมยกมือไหว้กราดไปยังบรรดาแม่ยกทั้งหลายแหล่
“ ไปพี่ ตามผมมา ”
“ เดี๋ยวก่อน แปปนะปลาบซิว ” ผมหันหน้าไปจ้องหน้าไอ้ปลาบึกก่อนจะยกนิ้วแล้วขยับปากเป็นคำว่า
ตามกูมา...เดี๋ยวนี้เลย “ แป๊ปดิวะ ” มันขยับปากตอบผมมาด้วยคำนี้ครับ
“ ช่างเค้าเถอะพี่โจ๊กนานๆ เค้าจะเจอเพื่อนเค้าซักครั้ง นั่นนะครบแก๊งเค้าเลยนะ ”
“ แล้วพี่ละ มันจะเอาพี่มาทำไมถ้าไม่คิดจะสนใจพี่บ้างเลย ”
“ พี่โจ๊ก ”
“ อะไร ” สายตาผมยังคงจ้องหน้าไอ้ปลาบึกที่ยิ้มระรื่นกับคนอื่นอย่างไม่วางตา
“ ลักษณะจะน้อยใจนะ ” ดูเฉยๆ ไม่ได้เหรอมึงแม่งเสือกมาพูดสะกิดแผลสดในใจกูอีก
“ ก็มันน่าไหมล่ะ ” ผมหันมาจ้องหน้าไอ้ปลาซิว
“ เอาน่า ถ้าไม่มีใครสนใจพี่จริงๆ งั้นผมจะรับหน้าทีี่ทำให้พี่มีความสุขเอง ปะ ” ห๊า...อะไรนะ
“ -*- ปะ ปะไปไหน ”
“ ไปไหนก็ได้ที่มันจะทำให้พี่ยิ้มได้ไง ^^ ”
“ แถวนี้มีที่อย่างนั้นด้วยเหรอ ”
“ ^^ มีสิ ปะตามผมมา ”
“ แต่พระมาแล้วนะ ”
“ เอาน่ากว่าพระฉันจะสวด กว่าจะให้ศิลให้พรโอ๊ยยยอีกนานกว่าจะได้ตักบาตรพระอ่ะ ”
“ แต่ว่า ”
“ ไม่อยากไปเหรอ ”
“ เปล่าแค่พี่ไม่อยากทิ้งไอ้ปลาบึกไว้คนเดียวตายหาก อีกอย่างพี่กลังมันจะเป็นห่วงพี่อ่ะ ”
“ เหอะๆ ใครทิ้งใครกันแน่น๊า ^^ ”
“ เฮ้ยไม่ตอกย้ำพี่ซักเรื่องจะได้ไหม -*- ”
“ ^^” แฮะๆ ขอโทษครับ ”
สุดท้ายก็ต้องยอมไปกับไอ้ปลาบซิวครับ แงงงงงแม่งโดยเมียทิ้งซะแล้วผมแค้นนี้ต้องชำระครับ... แล้วปีใหม่นี้ก็เป็นไอ้ปลาซิวครับที่ทำให้ผมได้เริ่มต้นหัวเราะและมีรอยยิ้มเกือบจะตลอดทั้งวัน ก็นับตั้งแต่ก้าวเท้าลงจากศาลาเราก็พากันเดินหัวดำตรงไปหัวพระที่ตั้งอยู่รายล้อมวัดนั่นแหละครับ วัดที่หมู่บ้านนี้ไม่ได้ใหญ่โตเท่าวัดในกรุงเทพฯ หรือวัดในตัวเมืองเท่าไหร่หรอกครับ ผมว่าเป็นวัดขนาดกลางๆ พอเหมาะกับขนาดของคนในชุมชนซะมากกว่า หมู่บ้านของไอ้ปลาบึกแบ่งแยกการปกครองเป็นบ้านเหนือ บ้านใต้ บ้านกลางและบ้านบนครับ ผมถามไอ้ปลาบึกว่าทำไมจะต้องแบ่งแยกย่อยขนาดนี้อีกในเมื่อหมู่บ้านนี้ก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไรนักแล้วคำตอบที่ผมได้กลับมาก็คือ...มันง่ายแกการจัดส่งจดหมายและพัสดุครับ อีกอย่างยามเช้าๆ ของหมูบ้านนี้จะมีการประชาสัมพันธ์ข่าวสารกันทุกวันไม่เว้นแม้วันหยุดเสาร์อาทิตย์ครับ
“ จะพาพี่ไปไหนเหรอปลาซิว ” หลังจากที่เราสองคนเดินไหว้พระกันจนครบหมดทุกองค์แล้วไอ้ปลาซิวก็เดินพาผมตรงไปยังทางเล็กๆ ที่มุงตรงไปสู่ที่ไหนซักที่ที่ผมยังไม่เคยไปเลยครับ
“ พี่โจ๊กเชื่อไหม ในโลกนี่มีคนที่ผมยอมให้เรียกชื่อนี้อยู่แค่ห้าคนเท่านั้น ” มันเริ่มต้นบทสนทนาในขนาดที่เท้าก็ยังพาผมเดินตรงไปตามทางเส้นเล็กๆ ที่สองฝากฝั่งเป็นเหมือนป่าหญ้าคาขนาดย่อมๆ
“ หืม ทำไมล่ะ พูดเหมือนว่าเราไม่พอใจกับชื่อที่พ่อกับแม่ตั้งให้อย่างนั้นแหละ ”
“ ก็ไม่เชิงทั้งหมดหรอกพี่ แต่ในบางลีลาผมก็อยากอายไทบ้านอื่นเค้านี่เด้ ” แหม๋มันพูดภาษากลางได้เก่งจริงๆ
“ ปลาซิว ถ้าเราไม่อยากให้พี่เรียกเราด้วยชื่อนี้ก็บอกนะ ”
“ ไม่ๆ ผมไม่ได้หมายความว่าอยากนั้น เพราะอย่างน้อย 1 ใน 5 ก็มีพี่อยู่ในนั้นนะ ”
“ พี่รู้ว่าเราโตแล้ว บางอย่างที่พ่อแม่ทำไว้ให้หรือว่าสร้างไว้ให้มันก็อาจจะมีล้าสมัยไปบ้าง แต่เราจะภูมิใจกับชื่อที่เท่ๆ ที่ต้องเปลี่ยนไปตามกระแสได้แค่ไหนล่ะ อีกอย่างพี่ไม่ได้ว่านะบางสิ่งบางอย่างเราต้องดูความเหมาะสมด้วย อย่างเช่นบางคนหน้าเหลี่ยมมาแต่เกิดเชียวแต่กระแดะชื่อพอล มาร์ค หรือไม่ก็ชื่ออะไรที่มันไม่น่าจะใช่ความเป็นเรานะ ลองคิดดูนะว่าว่าถ้าคนอื่นที่เค้าไม่รู้จักเราแต่มาได้เห็นสารรูปผสมใบหน้ากับชื่อที่ถูกเรียกมันไม่น่าขำหรือว่าน่าอายกว่าเป็นไหนๆ เหรอ ”
“ มันก็ใช่ แต่ผมก็อายเค้านี่พี่ ผมโตแล้วแต่ก็ยังชื่อปลาซิวอยู่เลย ”
“ แล้วไง พี่ว่าน่ารักจะตาย ดูอย่างไอ้ปลาบึกดิมันออกจะภูมิใจในชื่อของมันจะตายไอ้ปลาหมึกก็อีกคนไม่เห็นมันจะบอกให้เพื่อนเรียกมันด้วยชื่ออื่นเลย ”
“ มันก็ใช่พี่โจ๊กอันนั้นผมไม่เถียง แต่ที่ผมแค้นคือเพื่อนมันชอบหาว่าผมนะไม่ได้ชื่อปลาซิว แต่ไอ้ที่ปลาซิวนั้นมันใจของผมมากกว่าอ่ะ ”
“ 555+ ”
“ เห็นไหมพี่ยังขำผมเลย ”
“ 555+ เฮ้ยไอ้ที่พี่ขำนะพี่ไม่ได้ขำที่เพื่อนปลาซิวพูด แต่พี่ขำเพราะปลาซิวอ่อนไหวต่อสิ่งยั่วยุง่ายๆ มากกว่า ”
“ -*- ”
“ ก็หรือไม่จริง แค่เพื่อนยุนิดยุหน่อยก็ของขึ้นง่ายๆ ซะแล้ว ”
“ -*- ”
“ ไม่ต้องทำคิ้วผูกโบว์ขนาดนั้นหรอกน่า นี่รู้ไหมว่าชื่อพี่นะไม่ใช่โจ๊กเฉยๆ หรอกนะ ”
“ หืม จริงดิแล้วพี่โจ๊กชื่ออะไรอ่ะ ”
“ ข้าวโจ๊ก ”
“ ห๊า ”
“ จริงๆ ^^ สมัยเด็กๆ พี่ก็โดนล้ออยู่เสมอๆ แต่พี่ก็ไม่สนหรอกนะเพราะอะไรรู้ไหม ”
“ เพราะอะไรครับ ”
“ เพราะมันเป็นชื่อที่แม่กับพ่อพี่พากันลงความเห็นแล้วว่าพี่เหมาะกับพี่นี้มากที่สุดไง ก็ตอนเด็กๆ พี่ชอบกินโจ๊กมากกว่าข้าวเวลาที่แม่พี่ป้อนข้าวพี่ก็จะอมๆ ไว้แต่ไม่เคี้ยว จนวันหนึ่งแม่พี่เลยเห็นถึงสัจจธรรมว่าพี่คงไม่รอดแน่ๆ ถ้าไม่กินข้าว แล้วแม่พี่ก็เริ่มหาของกินอย่างอื่นมาป้อนเรื่อยๆ สุดท้ายถึงได้รู้ว่าลูกตัวเองโปรดปรานการกินโจ๊กมากกว่าอาหารอย่างอื่น ”
“ พี่เลยได้ชื่อข้าวโจ๊กมาเนี้ยนะ ”
“ น่ารักไหมล่ะ ^^ ”
“ ตรงไหนเนี้ย -*- ”
“ 555+ ไม่น่ารักหรอกเหรอ ” ผมเอื้อมมือไปดึงไอ้ปลาซิวมาโยกหัวมันเล่น
“ ก็ไม่รู้สิครับ แต่ดูพี่เล่าเรื่องประวัติชื่อพี่ได้อย่างมีความสุขจัง ^^ ”
“ ก็แหง๋ล่ะ คนที่รักเราที่สุดตั้งให้นี่หน่า ส่วนคนที่ตั้งหน้าตั้งตาขำในชื่อเรียกเรามันก็เป็นได้แค่คนอื่น ”
“ คนอื่น ”
“ อืม ”
“ .......... ”
“ ปลาซิวสมมุตินะ ” ผมดึงมือไอ้ปลาซิวมาจูงก่อนจะพากันเดินต่อไปตามทาง
“ ครับ ”
“ ถ้าเราโตขึ้นเราอยากแต่งงานมีครอบครัวไหม ”
“ อยากสิครับถามได้ ”
“ แล้วเราคิดอยากที่จะมีลูกกับคนที่เรารักซักคนไหม ”
“ อยากดิพี่ ก็ผมไม่ได้เป็นเกย์เหมือนพี่นี่ ”
“ -*- แฮฮฮฮฮ เดี๋ยวพ่อกัดคอขาด ” ผมตบกบาลมันไปหนึ่งที
“ 555+ ขอโทษครับ 555+ ”
“ เออแต่ถ้ายังขืนพูดผิดหูพี่อีกทีจะจับดูดให้ตัวซีดเลยคอยดู ”
“ 555+ ครับ อ่ะเล่าต่อๆ ”
“ ถึงไหนแล้วเลยลืมเลย ”
“ 555+ อย่างนี่แถวบ้านผมเรียกกกก ”
“ เรียกไร ” ผมเอื้อมมือไปจับแขนไอ้ปลาซิวเตรียมดูดมันครับ...แม่งคงอย่าลองของ...พี่มันไม่อยู่ซะด้วย ทางสะดวกกกกกก (หากปลาบึกและน้องโมอันเป็นสุดที่จะเคารพได้เข้ามาอ่านเจอขอให้ทั้งสองจงรับรู้ไว้ว่า...เค้าล้อเล่นนะตะเอง)
“ เรียกพี่ครับบบบ พี่โจ๊กอ่ะผมเสียวนะอย่าทำอย่างนี้ดิเดี๋ยวผมเกิดหัวใจวายตายคาปากพี่จะว่าไง 555+ ” ดูมันครับคำว่าเกรงกลัวหามีอยู่ในหัวมันไม่
“ เออระวังเถอะจะได้สิทธิ์นั้นขึ้นมาจริงๆ ”
“ ต่อๆ เรื่องที่ถามว่าอยากมีลูกไหมอ่ะ แล้วไงต่ออ่ะพี่ ”
“ ก็แค่อยากจะถามว่าถ้ามีลูกเป็นของตัวเองแล้ว ”
“ ผมอยากจะตั้งชื่อให้ลูกตัวเองไหมนะเหรอพี่ ”
“ ฉลาดเหมือนกันนี่ ”
“ ก็แหง๋ล่ะผมนะสอบได้ที่สามของชั้นเลยนะจะบอกให้ ”
“ ครับพ่อคนเก่ง ”
“ ขอบคุณครับพี่โจ๊ก ”
“ หืม มาขอบคุณพี่เรื่องอะไร ”
“ ผมรู้ความหมายที่พี่ต้องการสื่อแระ ถ้าผมมีลูกผมก็อยากจะเป็นคนตั้งชื่อให้กับลูกผมเอง จะว่าไปแล้วก็คงไม่มีพ่อแม่คนไหนอยากจะตั้งชื่อลูกเองให้ออกมาอุบาว์ทๆ หรอกเนอะ อีกอย่างถ้าผมเป็นพ่อแม่แล้วมาเห็นลูกเติบโตมาด้วยชื่อที่เราไม่ได้เป็นคนตั้งใจผมก็คงจะเสียใจเหมือนกัน ผมควรจะเลือกแคร์คนที่ผมรักมากที่สุดถึงจะถูกใช่ไหมครับพี่โจ๊ก ”
“ ถูกต้องแล้วครับปลาซิว อีกอย่างที่พี่อยากจะบอกเราไว้นะ ไม่ว่าเราจะโตมาด้วยชื่ออะไรมันก็ไม่สามารถมามีผลต่อชีวิตเราในวันข้างหน้าหรอก สิ่งที่มีผลต่อเราในวันข้างหน้ามีเพียงอย่างเดียวเท่านั้นคืออะไรรู้ไหม ”
“ อะไรครับ ”
“ ความดีไง ถ้าเราทำตัวดี เป็นคนดี เราก็จะได้แต่สิ่งที่ดีๆ กลับมา ถึงตอนนั้นต่อให้เราจะชื่อจน หรือว่าชื่อทุกข์ ชื่อยากหรืออะไรก็ตามพี่รับรองได้ว่าความดีที่เราทำจะเป็นเกราะคอยคุ้มครองให้เราพ้นผ่านเรื่องที่เลวร้ายไปได้อย่างหมดสิ้น ”
“ สิ่งที่มีผลต่อเราในวันข้างหน้า...คือความดี ”
“ ใช่ แล้วคนที่จะได้รับอนิสงค์แห่งการทำความดีของเราคนแรกคือพ่อกับแม่เรานะปลาซิว เราล่ะจะทำได้ไหม ”
“ สิ่งที่มีผลต่อเราในวันข้างหน้า...คือความดี ถ้าผมทำตัวดีเป็นคนดีอนาคตของผมข้างหน้าก็จะได้ดิบได้ดีสินะครับ ”
“ ถูกต้องแล้วครับ ^^ ” สอนง่ายดีจังลูกใครหว่า...
“ ครับ ผมจะจำไว้ครับ ไม่น่าเชื่อว่าพี่โจ๊กก็มีสาระกับเค้าเหมือนกันนะ ถึงตอนนี้ผมรู้แล้วล่ะครับว่าทำไมพี่ปลาบึกถึงได้เลือกและรักพี่นัก แม้ว่าบางครับบางมุมพี่จะไม่มีดีเอาซะเลย ตะแต่...แต่พี่ลึกๆ พี่ก็มีอะไรดีๆ ซ่อนอยู่สินะครับ ^^ ”
“ แหม๋ไอ้ปลาซิว พอกูพูดดีด้วยหน่อยทำเคลิ้มเลยนะมึง ”
“ 555+ ว่าแล้วพี่กูดีแตกซะแล้ว อุส่าห์แอ๊บสุภาพมาตั้งหลายชั่วโมง 5555+ ”
“ ไม่ต้องมาพูดเพราะมึงเลยไอ้ปลาซิว มาให้กูฟัดซะดีๆ เลยมึง มานี่ ”
“ โอ๊ยยย ไม่เอาไม่เล่นนนนนนนนนน ”