~~เออกูผิด 2...ตอนที่ 28~~ (กลับบ้านเรารักรออยู่ 2)“ โหนี่ห้องพี่เหรอ ” ไอ้โมวิ่งตรงดิ่งไปทิ้งตัวนอนเกลือกกลิ้งทันที
“ ใช่เด็กๆ พี่ก็นอนห้องนี้แหละ ”
“ งั้นวันนี้เราสามคนก็นอนห้องนี้แหละนะลูก งั้นเดี๋ยวแม่จะลงไปทำอะไรให้กิน ข้าวโจ๊กเราก็พาเพื่อนๆ ไปอาบน้ำอาบท่าก่อนเดี๋ยวค่อยมาว่ากัน ”
“ 555+ อะไรนะครับแม่ แม่เรียกพี่โจ๊กว่าอะไรนะครับ ”
“ ข้าวโจ๊กลูก เด็กๆ แม่ก็เรียกมันอย่างนี้แหละแต่พอไปอยู่กรุงเทพฯกรุงไทยเข้าหน่อยแม่โทรไปหาเพื่อนรับสายบอกว่าไม่มีคนชื่อนี้มีแต่ชื่อโจ๊กเกอร์ ”
“ 555+ / 555+ ”
“ โหแม่อ่ะ โจ๊กอายเค้านะแม่ ”
จากกบ้านไปนานยอมรับครับว่าคิดถึงบ้านมาก นี่ถ้าไม่มาก็อาจจะไม่รู้สึกอะไรเท่าไหร่แต่ตอนนี้ผมได้กลับมายืนหายใจอยู่ในที่ที่คุ้นเคยแล้วมันเลยอดไม่ได้ที่จะนึกถึงบรรยากาศเก่าๆ ข้าวของของผมยังคงถูกเก็บและจัดวางอยู่ที่เดิมผมรักห้องนี้มากครับ แม่ผมเองก็รู้ว่าผมเป็นคนหวงห้องตัวเองแค่ไหนก็คิดดูเอาเถอะครับขนาดผมไปเรียนผมยังต้องหากุญแจมาปิดล๊อคความเป็นส่วนตัวเอาไว้เลย แม่ผมเองจะได้เข้ามาเห็นความเป็นส่วนตัวผมได้ก็แค่อาทิตย์ละครั้ง ก็แค่ตอนมาเอาตะกร้าผ้าผมออกไปซักเท่านั้น ส่วนพ่อเนี้ยไม่มีโอกาสเข้ามาดูห้องผมหรอกครับ ไม่ใช่ผมห่วงหรอกนะครับแต่เพราะพ่อผมชอบค้นนั่นรื้อนี่เพราะคิดว่าผมชอบซ่อนเหล้าบุหรี่เอาไว้ซะมากกว่า
“ นี่เป็นโลกส่วนตัวกูเลยนะเนี้ย ไม่ใช่ใครก็สามารถจะเข้ามาได้นะ ” ผมเดินไปหยิบรูปเด็กผู้ชายตัวผอมแห้งแต่หัวโตขึ้นมาดูแล้วก็อดที่จะยิ้มไม่ได้
“ นี่มึงตอนเด็กๆ เหรอ ขี้เหร่ชะมัด ”
“ กูโตมาได้นี่ก็บุญแล้ว ”
“ แม่พี่น่ารักแล้วก็ดูใจดีมากเลยนะพี่โจ๊ก โมเห็นอย่างนี้แล้วก็สบายใจขึ้นหน่อย ”
“ แต่ถ้าจะดีพี่ก็อยากเห็นพ่อไอ้โจ๊กอีกคนนะโม นี่ก็ไม่รู้ว่าถ้าพวกท่านรู้ว่าเราเป็นอะไรกันแล้วท่านจะว่าไง ”
“ เอาน่า มึงก็อย่าคิดมากไป พ่อกูก็เหมือนกูแหละพูดง่าย อีกอย่างบ้านนี้เมียเป็นใหญ่เว้ย 555+ ”
“ ก็ขอให้มันจริงอย่างนั้นเถอะ กูอ่ะกลัวว่าพ่อมึงจะรีบหาลูกปืนมายัดใส่ปืนแทบไม่ทันนะสิ ”
“ นั่นสิพี่ปลาบึก โมก็ว่าอย่างนั้นแหละ 555+ ”
เอาละครับไหนๆ ผมก็พาเพื่อนๆ มาถึงบ้านผมแล้วถ้างั้น...มารู้จักบ้านกับครอบผมกันหน่อยครับ บ้านเกิดผมอยู่ในหมู่บ้านที่อยู่ในอำเภอหนึ่งของจังหวัดนครสวรรค์ครับ เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่ไม่ว่าคุณจะไปทางไหนก็จะเจอแต่พี่น้องกันทั้งนั้น สมัยเด็กๆ เวลาผมถูกแม่ตีเหรอว่าน้อยใจในชีวิตอันรันทดของตัวเองที่เกิดมาดูดีมีชาติตระกูลผมก็จะไปอาศัยนอกตามบ้านญาติครับ แน่นอนกว่าที่แม่เหรอว่าพ่อจะออกตามหาผมเจอก็ปาเข้าไปเกือบ 3 ทุ่ม แต่หลังๆ มาพ่อผมขี้เกียจตามผมครับเลยใช้ทางลัดโดยการให้ผู้ใหญ่บ้านประกาศเสียงตามสายหาตัวผมซะงั้น
หมู่บ้านผมมีผู้ใหญ่บ้านและกำนันเป็นของตัวเองครับ เวลามีงานหลวงงานราชก็ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปหยิบยืมผู้ใหญ่บ้านหรือกำนันมาจากหมู่บ้านอื่นให้ต้องเสียเวลา ในส่วนของการแจ้งสารทุกข์สุขดิบของประชาชนก็เอาง่ายๆ เลยครับ อะไรหายเหรออะไรตาย ไม่ว่าคน สัตว์ สิ่งของ เราจะพร้อมใจกันเดินทางไปบ้านผู้ใหญ่บ้านก่อนเป็นอันดับแรก แต่ในกรณีที่ใครแต่ง ใครบวช เรียกว่างานบุญทั้งหลายเราจะพร้อมใจกันเดินทางไปบ้านกำนันครับ (อันนี้ก็ไม่รู้ว่าเพราะเหตุผลอะไรเช่นกัน)
บ้านของผมอยู่ติดกับบ้านกำนันครับ เวลาใครเดินทางไปมาเหรอว่ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นแม่ผมมักจะได้รับหน้าที่เป็นม้าเร็วแบบไม่ต้องมีใครมาว่าจ้างให้ต้องเสียเงินเสียทอง ไม่เกิน 10 นาที (นี่ไม่ได้โม้นะครับ) แม่ผมจะสามารถการกระจายข่าวสารได้เกือบทั่วทั้งหมู่บ้านเลยทีเดียว พ่อมักบ่นให้ฟังเสมอๆ ตอนเด็กๆ ว่า “ นี่กูแต่งงานกับคนเหรอกับม้าวะ ”
ตัวบ้านที่ผมอยู่มาตั้งแต่เด็กเปลี่ยนแปลงสภาพไปเรื่อยตามแต่เงินพ่อจะอำนวยครับ (พ่อผมรับเหมาทุกชนิด) เช่น ถ้าพ่อทำงานได้เงินมามากหน่อยบ้านเราก็จะได้ห้องครัวเพิ่มขึ้นตามคำบัญชาของแม่ หรืออาจจะได้เทปูนก่อห้องเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งหรือสองห้องนี่ก็ตามแต่แม่จะบัญชาพ่ออีกเช่นกันครับ แต่สภาพบ้านเดิมๆ แบบว่าตั้งแต่จำความได้นี่มันเป็นบ้านไม้ยกพื้นสูงครับ ข้างล่างจะโล่งๆ เลยมีแคร่ไม้ไผ่หนึ่งอันตั้งอยู่กลางใต้ถุนบ้านเลย เลยไปหน่อยจะมีโอ่งมังกรที่มีน้ำฝนขังตัวอยู่เต็มเปี่ยมทุกโอ่งว่างเรียงแถวยาวออกไปเกือบถึงหน้าบ้านโน่น
ส่วนบนบ้านเวลาใครจะไปมาหาสู่ก็ต้องปีนกระได (คำตูเชยมากแต่แถวบ้านผมเรียกงี้ใครจะทำไม) ขึ้นไปหา แต่ก่อนที่จะปีนขึ้นไปหาครอบครัวผมได้ไม่ใช่ง่ายๆ นะครับ คุณจะต้องผ่านการขึ้นไปยืนตัวตรงตรงอิฐบล็อกที่พ่อผมได้ก่อไว้เป็นรูปสี่เหลี่ยมเล็กๆ เสียก่อน และไม่ใช่ให้ขึ้นไปยืนหายใจอย่างเดียวนะครับ มือขวาต้องทำหน้าที่ในการหยิบขันที่พ่อผมไปตะเวนหาซื้อมาได้ด้วยราคา 3 อัน 5 บาทขึ้นมาถือไว้ให้มั่น ส่วนมือซ้ายอย่าปล่อยให้ว่างครับเอื้อมไปครับ เอื้อมสิครับ!!! เอื้อมไปเปิดฝาโองเล็กๆ ที่พ่อผมยกมาตั้งแล้วแม่ก็ไล่ผมไปหาบน้ำเอามาใส่ให้เต็มโอ่งไม่งั้นไม่ต้องกินข้าว เท่านั้นยังไม่พอครับแม่กับพ่อยังทำร้ายจิตใจลูกตัวเองโดยการเปิดโอกาสให้คนอื่นที่มาหาไม่ว่าจะใครหน้าไหนก็ได้ ให้พวกเขาเหล่านั้นพากันเปิดฝาโอ่งแล้วจ้วงเอาน้ำที่ลูกตัวเองหาบมาออกมาใช้ล้างหน้าล้างขากันเห็นๆ โอ้วววแล้วผมก็ต้องไปหาบมาใส่ใหม่อีกใช่ไหมเนี้ยยยย
สมัยก่อนบนบ้านผมจะมีแค่ 2 ห้องเองครับ คือห้องพระกับห้องเก็บของส่วนห้องนอนนั้นไม่ต้องพูดถึงครับเพราะผมไม่รู้จัก รู้แต่ว่าเวลานอนแม่จะกางมุ้งตรงกลางบ้านเลยครับ แล้วสายมุ้งของแม่นี่ก็สั้นมากๆ คือมุ้งต้องมี 4 หูใช่ไหมครับ หูข้างที่ 1 แม่เลือกที่จะผูกไว้ที่หลังตู้เสื้อผ้าด้านในสุด หูข้างที่ 2 โน่นเลยตรงเสากลางบ้าน หูข้างที่ 3 เลยไปหน่อยมีตะปูตอกอยู่ก่อนจะถึงครัว ส่วนหูข้างที่ 4 หน้าเรือนเลยครับ ผมนึกขำเวลาที่เพื่อนบ้านดันเสือกอยากมาหาเวลากลางคืน มีหวังคงมุดมุ้งเข้ามานั่งคุยด้วยแน่ๆ ส่วนนอกชานของบนเรือนแม่จะมีห้องครัวเล็กๆ ไว้ใช้หุงหาอาหารให้พวกเราพ่อลูกกิน เลยเข้ามาในตัวบ้านมีตู้ไม้หลังใหญ่ประมาร 4 -5 ตู้และทุกตู้จะมีเสื้อผ้าแต่ข้าวของอัดตัวกันอยู่ทุกซอกทุกมุม หนึ่งในตู้ที่แม่รักมากจะเป็นที่เก็บหมอนครับ หมอนอย่างเดียวเพียวๆ ไม่มีมุ้งหรือว่าผ้าห่มจะได้รับสิทธิ์ให้เข้าไปเกลือกกลั้วซ่อนตัวอยู่ในนั้นด้วย แม่บอกว่าหมอนพวกนี้แม่ทำเองครับอีกหน่อยเวลาผมบวชหรือแต่งงานก็จะได้ใช้ (แม่ครับ แม่คงไม่รู้หรอกครับว่าผมต้องเป็นมนุษย์ที่โชคดีที่สุดในโลกที่มีโอกาสได้นอนหมอนหลายใบ เอาว่ะอย่างน้อยกูก็เป็นคนที่ไม่ต้องนอนตกหมอนละวะ โฮ้วๆ ) แล้วผมก็ได้ใช้จริงๆ ครับ แต่ก็น่าแปลกครับที่ตอนผมบวชเพื่อนบ้านก็ยังคงมีเอาหมอนมาให้อีกหลายต่อหลายใบ ผมแอบนึกสงสัยเหรอว่าแม่ไม่ได้บอกเพื่อนบ้านกับญาติๆ นะว่าแม่ทำหมอนไว้เยอะแล้วเปลี่ยนเป็นกางเกงยีนส์ริมแดงบ้างก็ได้นะผมไม่ถือ!!!
นั่นคือบ้านสมัยเด็กๆ ครับ แต่ตอนนี้ (ถ้าไปยืนมองจากหน้าบ้านนะ) หน้าบ้านผมโล่งมีรั้วไม้เตี้ยๆ ไว้กันหมากระโดดเข้าออก (มั้ง) มองเข้าไปจะเห็นบ้านไม้ยกพื้นสูงเช่นเดิมแต่ข้างล่างตอนนี้มีการต่อเติมด้วยปูนเลยดูกลายเป็นบ้านสองชั้น หน้าบ้านจากที่เดิมมีโอ่งวางเรียงตัวกันตอนนี้พ่อผมย้ายโอ่งไปอยู่หลังบ้านแล้วครับ ส่วนหน้าบ้านพ่อผมปลูกผักสวนครัวกับปลูกต้นไม้ใบหญ้าแทนครับ ขยับไปนิดตอนนี้มีบ้านหลังเล็กๆ ปลูกอยู่ครับอีกเดี๋ยวเพื่อนๆ ก็จะรู้ว่าเป็นบ้านใคร
ผมเริ่มมีห้องเป็นของตัวเองเมื่อตอน ป.6 ได้ครับ พ่อผมถูกหวยได้เงินมาก้อนโตทีเดียว แม่เลยกลัวว่าพ่อจะหมดเงินไปกับญาติพี่น้องที่ได้รับรู้ข่าวแล้วก็เตรียมเดินทางมาเยี่ยมเยือนในอีกไม่กี่วันข้างหน้าแน่ๆ แม่เลยออกอุบายไล่พ่อไปตลาดด้วยกันครับ จากนั้นแม่ก็จูงมืออันแข็งแกร่งของพ่อเดินตรงเข้าสู่ธนาคารทันที แล้วเหมือนพ่อจะรู้ชะตากรรมที่กำลังจะเกิดขึ้นครับ พ่อสะบัดมือแม่เล็กน้อยพอเป็นพิธีก่อนจะพูดเบาๆ ว่า “ เค้าปวดฉี่ ” แม่ผมเก่งกว่าครับ แม่ตอบกลับไปว่า “ อยากฉี่ใช่ไหมงั้นไปคัดลายมือชื่อใส่กระดาษให้แม่ซักแผ่นสองแผ่นก่อนนะแล้วจะปล่อยตัวไป ดูซิว่าพ่อยังเขียนชื่อตัวเองถูกเหรอเปล่า ^^ ” แล้วเงินก้อนนั้นก็ตกอยู่ในมือผู้นำอย่างแม่ผมจนทุกวันนี้ครับ ส่วนผมในฐานะลูกชายอันเป็นสุดที่รักของแม่ผมได้ห้องใหม่เป็นรางวัลครับ ^^
“ โจ๊ก คิดอะไรอยู่เหรอ ไหนบอกไม่ต้องกังวลไปไง ”
“ อ๋อๆ เปล่าพอดีคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยอ่ะ เก็บของเสร็จยัง ปะไปอาบน้ำกัน ”
“ โมไปอาบก่อนไหม เดี๋ยวโมอาบเสร็จพี่ค่อยอาบต่อ ”
“ ไม่ต้องอ่ะ ห้องน้ำบ้านกูกว้างเข้าไปอาบทั้งหมู่บ้านยังได้เลย 555+ ปะ ”
ผมพาตะเภาแก้วตะเภาทองเดินลัดเลาะไปสู่ห้องน้ำใหญ่ที่ว่าทันที
“ โหหหหห คลอง ”
“ นี่บ้านหลังบ้านมึงมีคลองด้วยเหรอ ” ไอ้บึกออกอาการดีใจเหมือนปลา(กระดี่)บึกได้น้ำ
“ ก็เอออ่ะดิ ”
“ เท่มากพี่โจ๊ก โมลงไปเล่นน้ำได้ไหม ”
“ ได้เอาเลย ”
“ ย๊าคคคคคค ” ไปแล้วครับหนึ่ง ตะเภาทองน้องรักตั้งหลักได้มันวิ่งสี่คูณสร้อยโดดน้ำด้วยท่าลังกาหลังใส่เกลียวอรก 3 รอบครึ่ง
“ รอพี่ด้วยยยยยยย ” ไอ้บึกไม่รอช้าสี่คูณสร้อยอีกเส้นที่เหลือจากคอผมแล้วตามน้องไปติดๆ
เป็นการอาบน้ำที่ต้องพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์เอามากๆ ครับ เพราะอะไรอ่ะเหรอครับ (ผมยังไม่บอกดีกว่า) ผมอาบน้ำเสร็จก็ขึ้นมานั่งดูไอ้สองหน่อดำผุดดำว่ายเหมือนคนไม่เคยเจอน้ำมานานแรมปี
“ อ้าวเฮ้ย ขึ้นได้แล้ว ป่านนี้พ่อกูมาแล้ว เร็วโม ไอ้บึก ขึ้นๆ ”
“ อีกเดี๋ยวสิพี่โจ๊ก น้ำกำลังเย็นชื่นใจเลย ”
“ นั่นดิ อีกแปปนะ ”
“ แค่ 2 นาทีพอนะ เดี๋ยวพ่อกับแม่รอกินข้าว ”
“ โอเค / ค๊าบบ ”
สาธุขอให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดีเถอะครับ
“ มาๆ มากินข้าวก่อนลูกแม่เตรียมให้เสร็จแล้วพอดี ”
“ แล้วพ่อล่ะแม่ ”
“ กูอยู่นี่ ”
“ หวัดดีครับพ่อ ” ถ้าเป็นคนอื่นคงยกมือไหว้แต่ผมไม่ครับ ผมเดินเข้าไปกอดพ่อก่อนจะหอมแก้มซ้ายขวา
“ มึงไม่ต้องมาเอาใจกูเลยไอ้ลูกหมา ทำอะไรผิดมาอีกแล้วใช่ไหม ”
“ โห พี่นี่แสนรู้ดีจริงๆ 555+ ”
“ เดี๋ยวกูถีบ”
พ่อผมครับพ่อมักจะเรียกผมว่าไอ้ลูกหมาเสมอถึงแม้ลูกหมาอย่างผมจะโตพอที่จะเป็นพ่อหมาแล้วก็ตาม แต่ในความทรงจำและสายของพ่อผม...ผมก็ยังคงเป็นไอ้ลูกหมาของพ่อตลอดไป
“ แล้วนี่ใครอ่ะ ”
“ สวัสดีครับพ่อ / สวัสดีครับพ่อ ” ไอ้ปลาบึกกับไอ้โมยกมือไหว้พ่อผม
“ น้องเค้าอยากตามมาไหว้พ่อกับแม่ด้วย หมาเลยพามาเที่ยวบ้านเราด้วยซะเลย ”
“ ก็เอาสิ ตามสบายนะลูก บ้านพ่อก็จนๆ มีแค่นี้แหละไม่มีแอร์เหมือนคนกรุงเค้าเราอยู่ได้ใช่ไหมลูก ”
“ พ่อพูดอะไรอย่างนั้นครับ ที่นี่อยู่สบายกว่าในกรุงเทพฯ ซะอีกครับ ” ไอ้บึกนำร่องมาก่อนเลยครับ
“ อืม งั้นก็ดีแล้ว กับข้าวกับปลาก็กินง่ายๆ ผักลวกจิ้มน้ำพริกไปเรื่อยเปื่อย กินผักเป็นไหมอ่ะเรานะ ดูตัวเล็กนิดเดียวเองแขนขาขาดสารอาหารเหรอเปล่านะลูก ” พ่อจับหัวไอ้โมโยกไปมา
“ กินได้ครับพ่อ ^^ ” อา...ท่าจะไปได้สวย
“ มาๆ กินข้าวเถอะ แม่หิวแล้วมาปลาบึกมานั่งข้างแม่ลูกมา ”
“ เอ้าแล้วผมอ่ะแม่ โหลืมกันได้ไง ”
“ อ้าวไอ้จ๊ากอ่ะมันมาจากนายังแม่ ” พ่อผมถามหาไอ้จ๊ากครับ
“ มาแล้ว ข้าวโจ๊กไปตามจ๊ากมากินข้าวพร้อมๆ กันไป ”
แต่ด้วยความขี้เกียจครับ “ จ๊ากโว๊ยยย โอ๊ยยย ” แม่เอื้อมมือมาเขกหัวผมหนึ่งที
“ ไปเรียกดีๆ เดี๋ยวจะโดน ”
“ ครับแม่ ”
มาครับถึงเวลาที่ผมจะแนะนำลูกพี่ลูกน้องให้เพื่อนๆ ได้รู้จักกันแล้ว
“ ไอ้จ๊ากกกก ไอ้จ๊ากโว๊ยยยย ”
“ วู้ อ้าวไงมึงมาตั้งแต่เมื่อไหร่วะ ”
ไอ้จ๊ากเป็นลูกของน้องสาวแม่ผมครับ แม่ไอ้จ๊ากเสียชีวิตตอนคลอดไอ้จ๊ากครับ จริงๆ ไม่ใช่เพราะว่าไอ้จ๊ากเป็นตัวซวยหรอกนะครับ แต่เป็นเพราะพ่อมันไม่ยอมพาแม่ไอ้จ๊ากไปคลอดที่โรงพยาบาลในเมืองมากกว่าแต่กับเลือกที่จะให้คลอดกับหมอตำแยแถวบ้านแทน ตอนที่แม่ไอ้จ๊ากจะคลอดมันแม่ผมก็อุ้มท้องกะเตงเอาผมไปช่วยต้มน้ำต้มข้าวให้แม่ไอ้จ๊ากมันแต่แม่ไอ้จ๊ากก็ทนเจ็บแผลอยู่ได้ไม่นานครับ ก่อนแม่มันจะเสียก็ได้ยกไอ้จ๊ากให้เป็นลูกแม่กับพ่อผมอีกคน ส่วนพ่อไอ้จ๊ากได้เมียใหม่เป็นคนอีกหมู่บ้านหนึ่งครับพอหลังจากที่แต่งงานใหม่แล้วเค้าก็ย้ายไปอยู่ด้วยกันเลยโดยไม่สนใจลูกชายคนแรก แม่บอกกับผมว่าที่ไม่สามารถเอาจ๊ากไปอยู่ด้วยได้เพราะว่าเมียใหม่เค้าไม่อยากเลี้ยงลูกคนอื่น จ๊ากเลยกลายเป็นเด็กบ้านแตกตั้งแต่ยังจำความไม่ได้ด้วยซ้ำไป แต่ดีที่ผมกับไอ้จ๊ากเกิดไล่ๆ กันครับ (มันแก่กว่าผม 3 วันมั้ง)มันเลยโชคดีที่ได้กินนมจากเต้าเดียวกันกับที่ผมกิน และหลังจากนั้นมาไอ้จ๊ากเลยเป็นทั้งเพื่อนและพี่น้องของผมไปโดยปริยาย
“ ถึงเมื่อสายๆ นี่เอง ไงมึงผอมลงนะเนี้ย ”
“ แน่ละก็กูไม่ได้มีเงินแดกของดีอย่างมึงนี่หว่า ดูดิ๊พุงแม่งยื่นเชียว ”
“ ปากหมาแระมึง ”
“ 555+ กลับมาเที่ยวเหรอว่ามาอยู่เลยวะ ”
“ มาเที่ยว ”
“ เฮ้ยยย พาเมียมาด้วยปะวะ ” แม่งคำถามมึงแทงใจกูมากๆ
“ อยากรู้ก็ไปดูเอาเอง ”
“ เออรอกูแปป ขอใส่เสื้อผ้าก่อนเดี๋ยวจะมาหาว่าคนบ้านนอกอย่างกูไม่รู้จักกาลเทศะเหมือนคนกรุงเทพฯ เค้า ”
ไอ้จ๊ากคงพึ่งอาบน้ำมาครับ ผมพึ่งสังเกตุว่ามันนุ่งผ้าขาวม้าตัวเดียว หุ่นมันผอมกว่าผมมากครับแถมกล้ามเนื้อก็มีเยอะกว่าผมมาก ผมอุส่าเสียเงินไปกับการเข้าคอร์สลดกระชับสัดส่วนแต่ไอ้จ๊ากนอกจากจะไม่เสียเงินเสียทองแล้วมันยังทำให้ผมเสียความรู้สึกอีกต่างหากครับ
“ เชี้ยยย แม่งหุ่นดีกว่ากูอีกนะมึง ”
“ ห๊า อะไร ”
“ เปล่าๆ กูก็บ่นไปเรื่อยเปื่อย แล้วไอ้สองตัวแสบของกูอ่ะ ”
“ ไปโรงเรียน ”
“ หา เฮ้ยจริงดิ เวงกำนี่กูแก่ขนาดนั้นเชียว แม่งตอนกูไปยังนอนคลานตามพื้นกระดึ๊บๆ อยู่เลยนะมึงนี่อะไรวะแม่งเข้าเรียนแระ ”
“ คนนะมึงไม่ใช่ต้นมะม่วงจะได้อยู่เท่าไหนเท่านั้น ไปกินข้าวกูเสร็จแระ ”
“ หายไปนานเลย แม่นึกว่าแม่ต้องไปแจ้งความตามหาคนหายกับผู้ใหญ่บ้านแระ ”
“ ก็ไอ้จ๊ากมันพึ่งอาบน้ำเสร็จอ่ะแม่โจ๊กเลยรอมันใส่เสื้อผ้าอยู่ ”
สิ้นประโยคเหมือนผมแทบจะสิ้นชีวิตครับ ไอ้สองตัวหันควับมาจ้องหน้าทำตาขวางเหมือนจะกินผมทั้งตัวด้วยสายตา
“ มามึงนั่งข้างกู อ้าวนี่เพื่อนมึงเหรอ ” ไอ้จ๊ากดึงมือผมลงนั่งข้างมัน
ผมเงยหน้าไปจ้องไอ้โมกับไอ้บึกที่แยกเขี้ยวขู่ฟ่อๆ น้ำลายฟูมปากและก่อนที่ผมจะได้ทันอ้าบอกพูดอะไรออกไป
“ พ่ออออออออ ” เสียงเล็กๆ แต่แฝงไปด้วยความใสและกังวานก็ดังขึ้นซะก่อน
“ เอามาส่งวันนี้โรงเรียนเลิกเร็ว ” ผู้ชายรูปร่างเล็กใส่ชุดข้าราชการสีหม่นๆ เดินจูงมือเด็กผู้ชายหน้าตาน่ารักเดินเข้ามาในรั้วบ้านผม ส่วนเด็กผู้ชายอีกคนที่ถูกอุ้มอยู่ในอกก็น่าตาน่าเอ็นดูไม่ต่างกัน
“ เฮ้ยมาๆ กินข้าวด้วยกันก่อนเว้ยชาติ ”
“ ใครวะจ๊าก ”
“ ไอ้ชาติเพื่อนมึงไงไอ้สาด ”
“ ชาติไหนวะ ”
“ ชาติลูกตาบุญไง ไอ้คนที่มึงไปไล่เตะเค้าขาเกือบหักอ่ะ ”
“ อ๋ออออ เฮ้ยย มึงจริงๆ เหรอวะชาติ ”
“ ไอ้โจ๊กเหรอวะ ” ไอ้ชาติเดินเข้ามาวางเด็กที่อุ้มลงก่อนส่งต่อให้แม่ผม
“ ก็เออสิวะ เฮ้ยนี่มึงเป็น ” ผมจ้องชุดสีกรมที่ดูสมเกียติของมันแล้วก็อดภูมิใจไปกับมันไม่ได้
“ เออ กูเรียนจบแล้วก็เลยกลับมาเป็นครูสอนหนังสือที่นี่ ”
“ แม่งสุดยอดวะมึง กูไม่อยากจะเชื่อว่าคนเรียนหนังสือโง่ๆ อย่างเพื่อนกูจะได้มาเป็นครูสอนเด็กที่บ้านเกิดตัวเอง 555+ เฮ้ยมึงสอนรู้เรื่องแน่นะเว้ย 2+2 ได้ 4 นะมึงไม่ใช่ 22 นะ 555+ ”
“ 555+ ปากหมาเหมือนเดิมนะมึง ” ไอ้ชาติเดินมาตบหัวผม
“ เฮ้ยเย็นนี้กินเหล้ากันเว้ย ” ผมออกปากชวนเพื่อนเก่าที่สมัยก่อนเคยไล่ตีไล่เตะมันมากับมือ
“ เออมานะมึงเดี๋ยวกูไปตามไอ้พวกขี้เมานั่นเอง ” ไอ้จ๊ากอาสาไปตามพรรคพวกที่เหลือ
หลักจากที่ไอ้ชาติกลับไปเตรียมตัวพวกผมก็หันกลับมาสนใจอาหารที่อยู่ตรงหน้ากันต่อ
“ อ้าวกูลืม ไอ้บึก โม นี่ไอ้จ๊ากเป็นลูกชายอีกคนของแม่พี่ ไอ้จ๊ากนี่คนนี้ชื่อปลาบึก คนนั้นชื่อโม ”
“ สวัสดีครับ / สวัสดีครับ ”
“ สวัสดีครับ เพื่อนมึงเหรอว่ะโจ๊กหน้าเด็กจัง ”
“ .............. ” แล้วมึงจะให้กูตอบว่าไงเนี้ย
“ ปลาบึก ชื่อแปลกดีนะ ” พ่อผมชวนคุย
“ แม่ตั้งให้นะครับ ”
“ มีพี่น้องกี่คนละ ”
“ 2 ครับอีกคนชื่อปลาหมึก ”
“ 555+ เหรอ เข้าใจตั้งนะแม่เรานะ ”
“ อายุเท่าไหร่ละ ดูหน้าแล้วน่าจะรุ่นเดียวกันกับไอ้ลูกหมา ”
“ ครับพ่อรุ่นเดียวกันครับ ”
“ เราละโม ดูหน้าเด็กๆ เป็นเพื่อนที่ทำงานกับเค้าด้วยเหรอ ”
“ เอ่อคือว่า ”
“ ถามจังเลยพ่อ กินๆ ได้แล้วเดี๋ยวกับข้าวก็เย็นหมดหรอก ”
“ ก็กูอยากรู้นี่หน่าทำไมหวงเหรอไง ” นั่นคิดนะเนี้ยพูดงี้ได้ไง
“ ไอ้โป้งมาไหว้พ่อมึงมา ไหนมึงบอกอยากเห็นหน้าพ่อมึงไง นี่ไงพ่อเค้ามาก็ไปหลับอะไรหลังย่า มานี่ๆ ”
“ พ่อ พี่โจ๊กเป็นพ่อของเด็กคนนี้เหรอครับ ” เอาแล้วไงกูไอ้โมของขึ้นเหรอว่าองค์ลงวะเนี้ย
“ นี่มึงแต่งงานแล้วเหรอโจ๊ก ” ไอ้บึกมาเสริมกำลังเข้าไปอีก
“ พี่โจ๊ก หมายความว่าไง ”
เอาซวยเลยกู...
“ 555+ เดี๋ยวๆ ลูกไม่ต้องตกใจ 2 คนนั่นนะลูกชายจ๊ากมันแต่ไอ้ข้าวโจ๊กมันช่วยเลี้ยงเลยเหมือนกับลูกมันด้วยนะ ” ผมรักแม่ค๊าบบบ ^^
“ อ้อ แล้วไปครับ โมคิว่าพี่โจ๊กแต่งงานแล้วซะอีก ”
“ โอ๊ย ขานั้นนะสาวเยอะ ตัวเลือกเยอะแยะไปไหนก็ได้มา ไหนจะเบอร์โทร ไหนจะรูปถ่าย ”
“ แม่ครับ นั่นมันอดีต เหอะๆ ”
“ นี่ขนาดจะไปทำงานกรุงเทพฯ นะยังมีสาวไปส่งถึงสถานีขนส่ง นี่ยังไม่นับรวมไอ้ที่มายืนร้องไห้อยู่หน้าบ้านนะ แม่งี้ตใจนึกว่ามันไปทำใครเข้าท้องมาแล้วซะอีก ”
“ เหอะๆ ขนาดนั้นเลยเหรอครับแม่ ” ไอ้โมส่งสายตามาประมาณว่าเดี๋ยวมีเคลียร์
“ โอ๊ยแม่ ไม่เอาๆ กินๆ เรื่องอดีต ”
“ อดีตที่ไหน เมื่อตะกี้ตอนแกพาเพื่อนไปอาบน้ำไอ้หญิงลูกกำนันข้างบ้านมันเห็นแกมันยังเข้ามาถามเลยว่าแกกลับมาเหรอ ” นั่นนนนแม่ตู
“ หญิง ชื่อเพราะเชียวครับแม่ ” ไม่เอาไม่ประชดนะจ๊ะเมียจ๋า
“ เด็กเก่าไอ้ข้าวโจ๊กมัน ”
“ เหอะๆ / เหอะๆ / เหอะๆ ” ผมสามคนส่งสายตาโต้ตอบกันอย่างเอาเป็นเอาตาย
หลังมื้ออาหาร...
“ พี่บอกมานะว่ามันเป็นใคร ” ไอ้โมดึงหูผมอีกแล้วครับ
“ เพื่อน ก็แค่เพื่อนนะ คือเราเรียนมาด้วยกัน รู้จักกันก็แค่นั้นเอง ”
“ เพื่อนแบบไหนถึงต้องไปส่งกันขึ้นรถ นี่คงจะยืนล่ำลากันจนหยดสุดท้ายเลยใช่ไหม ”
“ โธ่ ไม่มีอะไรจริงไอ้บึก มึงเชื่อกูสิ ถ้ากูมีนะป่านนี้กูก็คงมีลูกกับเค้าไปแล้ว ”
“ มาพูดเอาตอนนี้ก็ไม่เกิดประโยชน์แล้วล่ะ เอางี้พี่โจ๊กโมให้โอกาสพี่ ถ้าเรื่องที่พูดเป็นความจริง ถ้าแค่เป็นเพื่อนกันจริงโมจะไม่เอาความกับพี่ แต่.....ถ้าโมรู้ว่าพี่กับมันยังมีเชื้อเหรอถ่านไฟเก่าอยู่ โมนี่แหละจะเป็นคนดับให้เอง พี่โจ๊ก ”
“ จะ จะ จ๋า ”
“ พี่รู้ใช่ไหม ว่าถ้าโมโกรธแล้วก็โมโหมากกก อะไรจะเกิดขึ้น ”
“ ระ ระ รู้จ้า ”
“ เพราะฉะนั้น โมหวังว่าพี่คงเข้าใจใช่ไหมว่าต้องทำตัวอย่างไง ”
“ …………….. ”
“ โมถามทำไมไม่ตอบ ” ผมสะดุ้งสุดตัว...แม่งตะหวาดอย่างกับผมเป็นลูกมันเลยอ่ะ
“ จะ จะ จ๊ะ ระ ระ รู้จ้า ”
“ ดีมาก ” โอ๊ยยยจะรอดไหมกู