F.L.Y. ~ Fall in Love with You (หมอแพท&กัปตันติ๊ก) จบแล้ว ย้ายเล้ยค่า
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: F.L.Y. ~ Fall in Love with You (หมอแพท&กัปตันติ๊ก) จบแล้ว ย้ายเล้ยค่า  (อ่าน 53756 ครั้ง)

ออฟไลน์ uknowvry

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-6
 กัปตัน มุ้งมิ้งมาก

ออฟไลน์ inspirer_bear

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-5
หมอแพทก็น่าจะพูดบ้าง
แต่กัปตันติ๊กก็ใจร้อนไปนะ
อ๊ากกกกกกก ค้างคา รอตอนจบ

วายศรี

  • บุคคลทั่วไป
F.L.Y. Fall in Love with You

Chapter 3: Summary of our love



เวลาเช้าตรู่ ที่สีสันของท้องฟ้ากรุงเทพฯยังดูหม่นๆ หมอแพทขับรถมาจอดตรงที่ประจำของตน ทันทีที่ดับเครื่อง หน้าหวานฟุบลงกับพวงมาลัยลงทันที เพียงช่วงเวลาสั้น ๆ ก็เกือบจะทำให้เผลอหลับคารถได้ แต่ก็ข่มใจเอาไว้ ฝืนเงยหน้าขึ้นมา เผยให้ความอิดโรยเพราะพักผ่อนไม่เป็นเวลา ขณะที่คู่ตาปรือปรอยนั้นแฝงความเศร้าสร้อยเอาไว้

หมอแพทหันไปมองที่นั่งข้างคนขับ มือเล็กเอื้อมไปคว้าถุงกระดาษใบโตมาวางไว้บนตัก เมื่อเลื่อนสายตาลงมองของที่อยู่ในนั้น มุมปากที่ตอนนี้แสนหนักอึ้งก็ขยับยิ้มได้เล็กน้อย



ใช้เวลาเพียงไม่นานก็ขึ้นมาถึงชั้นของตน หมอแพทกระชับมือข้างที่ถือถุงกระดาษและออกตัวเดินตรงไปยังห้องที่อยู่สุดปลายทาง

[Rrrr Rrrr]

เสียงริงโทนแผ่วเบาเรียกให้คุณหมอดึงเอาโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง พอเห็นว่าใครโทรมาก็รีบกดรับสายทันที

"ครับแม่”

[ตาหนู...เสียงไม่ค่อยดีเลย ไม่สบายรึเปล่าลูก?]

เสียงของแม่ทำให้หมอแพทพรายยิ้มออกมาได้ไม่ยาก และยังหยุดเดินเพื่อสนทนาด้วย

"ลูกสบายดีแล้วครับ พอดีเพิ่งออกเวร เลยเพลีย ๆ น่ะ"

[อย่าหักโหมกับงานเกินไปนะลูก พ่อกับแม่เป็นห่วงลูกมากเลยนะ]

"ครับแม่” 

[แล้วพรุ่งนี้จะกลับบ้านไหมลูก?]

"ลูกว่าจะกลับวันนี้เลยล่ะครับ แลกเวรไว้เรียบร้อยแล้ว” หมอแพทรับคำพร้อมร้อยยิ้ม ก่อนจะฉุกคิดบางอย่างได้พอดี

"แม่ครับ ลูกจะพาเพื่อนไปด้วยนะ...” พูดได้ไม่ทันจบก็หยุดชะงักไป ไม่นานนักหน้าคุณหมอเหมือนถูกเจือด้วยสีเลือดฝาด

"คนที่ลูกเคยเล่าให้ฟังอยู่บ่อย ๆ ลูกจะพาไปแนะนำให้พ่อกับแม่รู้จักนะครับ”

หลังจากปลายนิ้วเล็กกดวางสาย คู่สายตาบังเอิญเห็นว่ามีข้อความในไลน์ที่ยังไม่ได้อ่าน เพราะไม่ได้เชคโทรศัพท์เลยตั้งแต่เมื่อคืน และพอเปิดดูจึงพบว่าเป็นหมอกานต์พิมพ์ส่งมาให้ในช่วงเช้ามืด

'ไข้ลดรึยังครับ ไม่เป็นไรแล้วใช่ไหม?'

'เมื่อวานขอโทษนะ ผมทำให้เกิดเรื่องยุ่งขึ้นจนได้'

'หมอแพทโอเคป่าว? เคลียร์กับติ๊กรึยัง?'

คุณหมอตัวเล็กเก็บโทรศัพท์กลับเข้ากระเป๋าโดยที่ไม่ได้ให้คำตอบ สองขาก้าวเดินอีกไม่ไกลก็มาหยุดหน้าประตูห้องของตนเอง 

เพียงแค่มองประตูห้องของตนก็ทำให้รู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก มือข้างที่ว่างทาบอกเพื่อปรามหัวใจที่เต้นแรง ก่อนจะมาตบข้างแก้มตัวเองเบา ๆ เรียกสติให้ตื่นตัว หมอแพทก้มลงมองถุงกระดาษในมืออีกครั้งก่อนจะเงยหน้าขึ้นสูดหายใจเข้าลึก ๆ และพรายยิ้มออกมา

มือเล็กกำลังจะเคาะประตูเรียกคนรักให้มาเปิดรับ แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าตอนนี้กัปตันน่าจะยังหลับอยู่ในห้องนอน เคาะเรียกไปคงไม่ได้ยินเสียง จึงหันไปกดกริ่งแทน

แต่ไม่มีการตอบรับใด ๆ และแม้ว่าจะกดซ้ำอีกสองสามหน ก็ยังไม่มีทีท่าว่าประตูห้องจะเปิดออก หมอแพทมุ่ยหน้าเล็กน้อย ก่อนล้วงกระเป๋าเอากุญแจห้องมาไข แล้วจึงพบว่ากัปตันไม่ได้คล้องโซ่ด้านในอย่างที่คิดไว้แต่ทีแรก

และเพียงเท่านั้นก็ทำให้ใจหล่นวูบ...

"ติ๊ก!” ไวเท่าความคิด คุณหมอรีบวิ่งเข้าไปในห้อง

ห้องนั่งเล่นที่เงียบสงัด ให้ความรู้สึกว่างเปล่า ไร้ตัวตนของคนที่เรียกหา

หมอแพทเลี่ยงความสนใจเหล่านั้น รีบเดินไปเปิดดูในห้องนอนก็พบกับความว่างเปล่า ที่เตียงไม่มีใครนอนอยู่อย่างที่คิด ซ้ำยังถูกคลุมผ้าไว้อย่างลวก ๆ

"ติ๊ก...ติ๊กอยู่ไหน? เรากลับมาแล้วนะ ติ๊กออกมาเถอะ” หมอแพทร้องเรียกเสียงดัง ขณะที่เดินไปทั่วห้องเพื่อมองหาตัวคนรักตามมุมอับต่าง ๆ ที่ชาญวิทย์มักใช้ซ่อนตัวอยู่เสมอ

แต่ก็ไม่เจอ...ไม่ว่าห้องไหน มุมไหนก็ไม่มี

"ติ๊ก นับหนึ่งถึงสามนะ...” หมอแพทกลับมายืนอยู่กลางห้องนั่งเล่น แต่แม้ว่าจะใช้มุกเดิมที่ได้ผลเสมอ คราวนี้กลับไม่มีเสียงตอบรับตามที่ต้องการ

ไม่ว้า"เราจะนับหนึ่งถึงสาม...ถ้าติ๊กไม่ออกมา...” สายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดหวั่นนั้นกวาดมองไปทั่วห้อง เหงื่อเริ่มผุดซึมเกาะตามขมับและไรผม

 "ถ้าติ๊กไม่ออกมา...” เสียงนั้นแผ่วปลาย เมื่อสายตาไปหยุดหน้ามุมโต๊ะทำงานของตน

เครื่องบินบังคับที่มักจะถูกวางบนชั้นวางนั้นหายไป...กระเป๋าเดินทางที่มักวางไว้ข้างโต๊ะคอมก็ไม่อยู่...

สิ่งหนึ่งที่ประจำอยู่ที่เดิม จะหายไปต่อเมื่อเมื่อเจ้าของนำไปใช้

กับอีกสิ่งที่จะเติมเต็มช่องว่างในมุมนั้น...ในทุกครั้งที่เจ้าของกลับมา

ตอนนี้มันหายไป...

"ติ๊ก...”






 "โอ๊ยๆ ถึงซะที เจ๊ล่ะเมื่อยไปทั้งตัวเลย แดดก็ร้อน โอ๊ย~!”

เสียงบ่นกระปอดกระแปดจากบรรดาสาวใหญ่ประมาณสี่ห้าคน หลังจากลงจากรถสองแถวที่พามาส่งหน้าที่พักแห่งหนึ่งในเกาะเสม็ดตอนใกล้เที่ยง โดยมีชายหนุ่มสองคนที่มากับรถคันเดียวกันนั้นรับหน้าที่ขนกระเป๋าของพวกหล่อนลงมาด้วย

"นางฟ้าทั้งหลายครับ! อัญเชิญมารับกระเป๋าตัวเองไปได้แล้วครับผม! ดูซิแต่ละคนจะขนอะไรกันมานักหนา ตกลงจะมาพักสองคืนหรือสองเดือนกันล่ะเนี่ย!” ลิงตะโกนเรียกเสียงดัง ทำเอานักท่องเที่ยวรอบเกาะหันมามองด้วยความสนใจ เหล่าสาวใหญ่ตัวลีบแบนด้วยความอาย รีบเดินมารับกระเป๋าของตนอย่างว่าง่าย

"เบา ๆ หน่อย รบกวนชาวบ้านเขา" เสียงเข้มจากอีกคนเรียกให้นกบินผู้ช่วยหันไปมอง แล้วก็ทำหน้าทะเล้นใส่

"พี่ติ๊กก็อีกคน กระเป๋าใหญ่ขนาดนี้คือพี่จะย้ายบ้านเลยชะ...โอ๊ย!” ไม่ทันพูดจบประโยคดี ลิงก็ถูกตบกะโหลกเสียเต็มรัก

"ยุ่งน่ะ” ตอบน้ำเสียงห้วน ๆ ก่อนจะเดินลากกระเป๋าใบเขื่องของตนเข้าไปเชคอินในรีสอร์ต

ตลอดทางจนกระทั่งมาถึงห้องพัก ลิงที่เดินตามหลังมักได้ยินเสียงสั่นครืดจากโทรศัพท์ของชาญวิทย์ดังเป็นระยะ ๆ แบบที่ดังได้สักพักก็หยุดเพราะทางนี้ไม่รับ แต่สักพักก็ดังอีกรอบ เป็นอย่างนี้ซ้ำ ๆ

"ไม่รับเหรอพี่?” หลังจากนำกระเป๋ามาเก็บในห้องพักแล้ว ลิงจึงถามชาญวิทย์ที่ยกโทรศัพท์ขึ้นมาดูแต่ไม่ยอมรับสายเสียที เมื่อแอบเหลือบมอง ทีแรกก็เป็นชื่อว่าแพท พอสายตัดไปแล้วก็กลายเป็นชื่อกานต์

"เฮ้ยพี่...สาวตามเยอะเหมือนกันนะเนี่ย” เอ่ยแซวพลางมองรุ่นพี่ด้วยสายตากรุ้มกริ่ม "แล้วหนีมาทริปเที่ยวไทยกับแอร์รุ่นดึกแบบนี้ สาว ๆ พี่โอดครวญแย่เลย”

น่าแปลกที่คราวนี้ชาญวิทย์ไม่ตอบโต้ กัปตันหนุ่มได้แต่ถอนหายใจเบา ๆ โยนโทรศัพท์ไปที่เตียงก่อนจะเดินล้วงกระเป๋าออกจากห้อง

"ไปไหนอะพี่?”

"ไปเดินเล่น ห้ามตามมา” ตอบห้วน ๆ เช่นเดิม ก่อนจะสาวเท้าเดินไปอย่างไว ลิงได้แต่ยืนตะโกนไล่หลังคนที่เดินไปไกลลิบลิ่ว  "อย่าเพลินมากนะพี่ คืนนี้ไปเวียนเทียนกันนะเว้ย!”






ตอนนี้คุณจะทำอะไรอยู่?

จะคิดถึงผม...เหมือนที่ผมคิดถึงคุณไหม?

"ขอบคุณกัปตันมากเลยนะที่สละวันวาเลนไทน์มาร่วมทริปกับพวกเจ๊” สาวใหญ่คนนึงเปิดประเด็นขึ้น ตอนนี้ทั้งกัปตันติ๊ก ผู้ช่วยลิง และเหล่าแอร์โอสเตสในคณะกำลังเดินทอดน่องกลับที่พัก หลังจากไปเวียนเทียนที่วัดเล็ก ๆ ละแวกใกล้ ๆ นี้มา

"วันแห่งความรักทั้งที แต่มาเกาะเล็กๆ เงียบ ๆ กับผู้หญิงแก่ ๆ คงจะเบื่อแย่ ดูสิเหม่อทั้งวันเลย”

ชาญวิทย์ที่กำลังคิดอะไรเหม่อลอยจึงได้รู้สึกตัว เขาหันไปส่งยิ้มให้

"มาที่เงียบ ๆ ก็ดีนะครับ ช่วยให้ใจสงบขึ้นเยอะเลย อีกอย่าง...ผมไม่เห็นจะมีผู้หญิงแก่เลย แถวนี้ผมเห็นแต่สาวสวยทั้งนั้น”

"แหม...กัปตันนี่ล่ะก็...ไม่คิดว่าจะเป็นคนปากหวานแบบนี้...ขอบคุณที่ชมนะคะ” ” สาวใหญ่ทั้งหลายเมื่อถูกชมก็พากันอายม้วน  และหัวเราะคิกคักกันใหญ่ พาลทำให้หนุ่มอีกคนที่มาด้วยได้แต่ส่ายหน้าเนือย ๆ

"เจ๊ลืมผมไปป้ะ? ผมก็มาด้วยนะ  ขอบคุณผมด้วยสิ?” นักบินผู้ช่วยเรียกร้องสิ่งที่ตนควรได้บ้าง แต่เขากลับได้คืนมาเป็นสายตาที่ตวัดมองมาอยากจิกกัด

"เงียบไปเลยแก”

"ไม่ยุติธรรมเลย ชิ!” ว่าพลางสะบัดหน้าหนีอย่างเง้างอน เรียกเสียงหัวเราะจากสาวใหญ่ทั้งหลายได้ดี

ชาญวิทย์มองแล้วอมยิ้ม ก่อนสายตาจะค่อย ๆ เคลื่อนจากภาพเหล่านั้นขึ้นไปด้านบน ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองฟ้ากลางคืนที่สีดำสนิท มองไม่เห็นดาวสักดวง เพราะแสงจากจันทร์เพ็ญนั้นสุกสว่างกลบจุดระยิบระยับทั้งหลายจนหมด

เพ็ญ"ปีนี้เจ๊ว่าเป็นทริปวาเลนไทน์ที่เริ่ดที่สุดแล้วแหละ คือว่าเป็นสาวโสดไง วันสำคัญทีไรก็ได้แต่นัดเที่ยวด้วยกันเอง อยู่ด้วยกัน เฉาด้วยกันมาหลายปี แต่ปีนี้ล่ะมีหนุ่มหล่อมาด้วย~”

ได้ยินประโยคดังกล่าวก็พลอยทำให้หัวใจของชาญวิทย์กระตุกวาบ

ทั้งที่เป็นวันสำคัญ...ทั้งที่ตอนนี้น่าจะได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันแท้ ๆ

เขาพลาดแล้วรึเปล่า? ที่หนีคนรักมาแบบนี้

แต่หากไม่มาที่นี่ ก็คงได้แต่นั่งเบื่ออยู่ในห้องเพียงลำพังอยู่ดี

แล้วตอนนี้...แพทจะทำอะไรอยู่นะ?

"พี่ติ๊ก...พี่ติ๊ก!!”

ชาญวิทย์รู้สึกตัวอีกทีเมื่อได้ยินเสียงเรียกพร้อมแรงสะกิดจากนักบินรุ่นน้อง

"เหม่ออยู่นั่นแหละ ถึงแล้วพี่”

"อืม...” รับคำสั้น ๆ ก่อนที่จะสังเกตได้ว่า ตอนนี้เหลือแค่ตนกับเจ้าลิงแค่สองคนเท่านั้น

"พี่คนอื่นล่ะ?”

"เจ๊ ๆ เขางอนที่พี่เอาแต่เหม่อไง แยกย้ายกลับห้องกันตั้งนานแล้วเว้ย” ลิงตอบพลางถอนหายใจ "พี่ติ๊กน้าพี่ติ๊ก มาเที่ยวแต่ตัว ไม่เอาใจมาด้วยเล้ย”

"โทษที” ชาญวิทย์แววตาสลดลง ก่อนจะเอามือล้วงกระเป๋า เดินคอตกกลับที่พัก

แต่แล้วทันใดนั้นเอง ไฟกิ่งที่ส่องตามทางเดินก็พร้อมใจกับดับพรึ่บ! ชาญวิทย์ชะงักเท้าด้วยความงุนงง ระคนตกใจ

"Happy Birthday to you~ Happy Birthday to you~”

เสียงร้องเพลงวันเกิดดังแว่วขึ้น ไม่นานนักหลังพุ่มไม้ก็ปรากฎภาพสาวรุ่นพี่ทุกคนเดินออกมาพร้อมกับเค้กก้อนเล็ก ที่ประดับด้วยเทียนวันเกิดหลากสี

ชาญวิทย์มองแสงไฟดวงเล็กนับสิบ ๆ ดวงที่ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ จนมาหยุดต่อหน้าตน และเพลงอวยพรวันเกิดก็จบพอดี

"สุขสันต์วันเกิดนะคะน้องติ๊ก”

ชาญวิทย์ยิ้มออกมา "ขอบคุณนะครับ แต่ผมไม่เคยบอกใครเลยนี่ พวกพี่รู้ได้ยังไง?”

"พี่ไม่บอก ไม่ได้หมายความว่าผมจะไม่รู้นะ” เป็นเสียงของผู้ช่วยหนุ่มข้างตัวที่เสนอหน้าเข้ามาในสายตา ชาญวิทย์ได้แต่ยิ้ม ก่อนจะตบหัวน้องเหมือนทุกที

"โอ๊ยพี่! ผมเป็นคนต้นคิดงานนี้เลยนะ ไหงทำดีไม่ได้ดีเลยวะ!” ลิงลูบหัวตัวเองป้อย ๆ เรียกเสียงหัวเราะจากทั้งวงได้ทันที

"เป่าเทียนเถอะค่ะ”  แอร์สาวที่ถือเค้กเรียกให้ทุกคนกลับมาสนใจเค้กวันเกิดที่ตอนนี้เทียนละลายไปจะเป็นครึ่งแล้ว ชาญวิทย์ปล่อยเสียงหัวเราะอย่างชอบใจ เขาสูดลมเข้าเต็มปอดก่อนจะเป่าเทียนสามสิบกว่าเล่มให้ดับในทีเดียว ทำเอาสาวรุ่นพี่ฮือฮากันใหญ่

"พี่ติ๊กอย่าคิดว่าน้องลิงจะจบงานให้พี่แค่นี้นะครับ บอกเลยว่าไม่มีทาง!” ผู้ช่วยหนุ่มทำท่ายกมือขึ้นห้าม ก่อนเจ้าตัวจะชวนให้พี่ ๆ เดินตามไปเรื่อย ๆ  จนพบว่าลิงได้จ้างรีสอร์ตตั้งโต๊ะใหญ่ไว้ให้ บนโต๊ะมีอาหารทานเล่นอยู่หลายอย่าง และด้านข้างมีถังน้ำแข็งกับลังบรรจุขวดแก้วสีน้ำตาล

"โหย...เพิ่งออกจากวัดมาเมื่อกี๊เองนะ!”

"อะไรอ่ะน้องลิง? ขวดแปลก ๆ ไม่เห็นมีฉลาก”

"เจ๊อย่าแอ๊บครับ เหล้าขาวไง” ลิงตอบก่อนจะหัวเราะร่า

"ฮะ?! เหล้าขาว?!" ตำตอบทำให้เหล่าแอร์โฮสเตสพร้อมใจกันเอามือทาบอก และร้องเหวอเสียงดัง

"พาที่ย์เหล้าขาวเนี่ยนะ? โอ๊ย...เจ๊รับไม่ได้!"

"เจ๊ไม่รู้จัก เจ๊กินไม่เป็นหรอกนะยะ!!”

"อย่างเจ๊นี้ มันต้องไวน์ขาวเท่านั้นค่ะ!”

"พอ ๆ ๆ” น้องลิงยกมือขึ้นปราม "ก็อุตส่าห์มาทริปเที่ยวไทย คุณเจ๊ก็อุดหนุนของไทยหน่อยซี่ แล้วจะบ่นอะไรนักหนา ทำอย่างกับไม่เคยกินเลยนะ เฮอะ!”

"ถ้าคนอื่นรู้ล่ะเสียภาพพจน์แน่ พวกพี่ไม่เอาด้วยหรอก เนอะ ๆ” เสียงส่วนมากจากสาวรุ่นพี่เออออตามกันว่าอย่างนั้น ซ้ำยังไปกลุ้มรุมเกาะแขนกัปตันหนุ่มให้มาเข้าข้างพวกเธออีกคน ลิงได้แต่เกาหัวแกรก ๆ อย่างเซ็ง ๆ เนื่องจากทีแรกวางแผนไว้จะให้พวกเจ๊ ๆ เป็นคนหว่านล้อมกัปตันเองแท้ ๆ เพราะเวลาเขาชวนไปดริ้งค์ทีไรก็ไม่เคยตอบรับสักที

งานนี้มีหวังเตรียมของไว้เก้อชัวร์ ๆ

"เอาสิ”

"หา???!!”

ทว่าคำตอบสั้น ๆ จากกัปตันกลับทำให้สาวและหนุ่มต้องแปลกใจตามกันไป ชาญวิทย์มองทุกคนที่ส่งสายตาอึ้ง ๆ มาทางเขาแล้วก็ยิ้ม ก่อนจะเดินไปหยิบแก้ว เปิดถังน้ำแข็งขึ้นมา และเอ่ยประโยคที่ทุกคนไม่คาดฝันว่าจะออกมาจากปากของเขาได้

"ผมอยากเมาอยู่พอดี”
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-03-2014 22:39:20 โดย วายศรี »

วายศรี

  • บุคคลทั่วไป
ผ่านไปสักสองสามชั่วโมง หลังจากแอลกอฮอล์เข้ากระแสเลือดในระดับกำลังดีแล้ว นางฟ้าทั้งหลายจึงเริ่มกลายร่าง สวมวิญญาณผีพนัน จากวงเหล้าเปลี่ยนมาเป็นวงไพ่โดยสมบูรณ์ กัปตันหนุ่มปฏิเสธคำเชิญ เขาตัดสินใจปลีกตัวออกมาดื่มต่อเองเพียงลำพัง

แม้จะอ้างว่าแยกมาดื่มต่อ นับจริง ๆ ชาญวิทย์ก็ดื่มไปเพียงเล็กน้อย อาจเพราะเขาไม่ได้ดื่มมานาน หรือาจเป็นเพราะรสชาติของสุรากลั่นเอง ที่รู้สึกว่ามันบาดคอ เวลากลืนไม่ค่อยลื่นคอนัก

ชาญวิทย์มานั่งขอบรั้วซึ่งห่างจากวงไพ่มาพอสมควร ยังคงได้ยินเสียงเอะอะเวลาใครได้ใครเสียอยู่แว่ว ๆ แต่จากจุดที่นั่งนี้อยู่บนเนินสูงทำให้มองเห็นทะเลได้ สายตาทอดมองออกไปอย่างเหม่อลอย มือข้างหนึ่งถือแก้วเหล้าโอนเอนไปมาให้เกิดเสียงน้ำแข็งกระทบดังกริ๊ง ๆ

แพทกำลังทำอะไรอยู่นะ?

คิดแล้วจึงยกข้อมือขึ้นมองนาฬิกาข้อมือ ตอนนี้เวลาล่วงสู่วันใหม่เสียแล้ว ชาญวิทย์ยิ้มอย่างสลด เพราะไม่ว่าจะวาเลนไทน์ วันเกิด หรือวันสำคัญอะไร มันก็ผ่านไปอย่างง่ายดาย

"พี่ติ๊ก ขอนั่งด้วยดิ” เสียงจากนักบินรุ่นน้องเรียกให้ชาญวิทย์หันไปมอง ลิงมาในสภาพตาปรือปรอย ตัวโงนเงน ทว่ามือยังคงจับแก้วและขวดเหล้าไว้มั่น หนุ่มรุ่นน้องไม่รอคำตอบแต่เดินมาทิ้งตัวนั่งลงข้างเขาทันที

ไม่นานนักกัปตันได้ยินเสียงโทรศัพท์สั่น จึงรีบตะปบกระเป๋ากางเกงตัวเองโดยอัตโนมัติ แต่ก็ลืมไปว่าเขาทิ้งโทรศัพท์ไว้ในห้อง

ชาญวิทย์หันไปมองหนุ่มรุ่นน้อง ที่หยิบมือถือตัวเองขึ้นมาจ้องมอง ก่อนจะกดตัดสายทิ้ง

"ไม่รับเหรอ?” ถามออกไป ลิงหันมายิ้มให้และส่ายหน้าไปมา แล้วต่างคนก็ต่างมองเหม่อออกไปยังทะเลเวิ้งว้างนั้น

"แกรู้ใช่ไหม ว่าพี่มีแฟน” หลังจากเงียบกันอยู่นาน จู่ ๆ ชาญวิทย์ก็เปิดบทสนทนาขึ้น ลิงเหลือบตามองหนุ่มรุ่นพี่เล็กน้อยก่อนจะหันกลับและยิ้ม

"รู้สิ...ผมอยู่กับพี่มาตั้งกี่ปีแล้วล่ะ?” 

ชาญวิทย์ถอนหายใจแผ่วเบา "แล้วรู้ไหม? แฟนพี่เป็นผู้ชาย”

นั่นทำให้นักบินผู้ช่วยต้องชะงักมือที่กำลังยกแก้วขึ้นดื่ม ลิงค่อย ๆ ลดมือลง แล้วหันไปมองชาญวิทย์ที่สายตายังคงทอดมองออกไปไกล

"เราเจอกันครั้งแรกเมื่อสี่ปีก่อน เขาเป็นเพื่อนของเพื่อนอีกที” ชาญวิทย์เริ่มเล่าออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง

"ทีแรกไม่ค่อยถูกชะตาหรอก แต่เขามาจีบพี่ก่อน พอได้รู้จักเขาเพิ่มอีกนิด ก็รู้สึกได้ว่าเป็นคนที่มีเสน่ห์ ทีแรกก็ตกลงกันว่าลองคบดู เขาเป็นคนขอ เขาบอกว่าต่างคนต่างก็ไม่มีใคร มาลองคบกันดูเล่น ๆ ก็ได้นะ...” เมื่อพูดถึงตรงนี้กัปตันหนุ่มหยุดชะงักไป ใบหน้าคมค่อย ๆ หลุบลงต่ำ

"มันก็ผ่านมาสามปีแล้ว มารู้ตัวอีกที ก็จริงจริงจังกับเขาซะแล้ว” เขายิ้ม ทว่าแววตากลับดูเศร้าสลด

"พี่จริงจังกับเขาซะแล้ว...”

"แล้วเขา...” ลิงเหมือนจะเอ่ยถามบางอย่าง แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยจนจบ ชาญวิทย์เงยก็หน้าขึ้น

"เขาเป็นหมอ เป็นคนที่เก่งมาก แต่ก็งานยุ่งมาก เวลาของเราไม่ค่อยจะตรงกันสักเท่าไหร่” ชาญวิทย์พูดจบก็หันหน้าไปมองรุ่นน้อง "พี่อิจฉาแกนะ แฟนแกมีเวลาตามแกไปได้ทุกที่ แต่แฟนพี่ไม่ค่อยมีเวลาให้กันบ้างเลย”

"ผมไม่น่าอิจฉาขนาดนั้นหรอกพี่”

ชาญวิทย์หัวเราะออกมาเบา ๆ "พี่พยายามแบ่งเวลาไปหาเขา อยากให้เราได้อยู่ด้วยกัน ไปไหนมาไหน ไปเที่ยวด้วยกันบ้าง แต่มันก็น้อยเหลือเกิน...อยากได้เวลาอยู่กับเขามากกว่านี้ อยากให้เขามีเวลาให้พี่มากกว่านี้ แต่เขาเป็นคนเก่ง เขาอยู่เองได้ไม่ต้องพึ่งพี่...บางทีพี่ก็กลัว ว่าเขาอาจจะไม่ต้องการพี่...”

"พี่ติ๊ก...” หนุ่มรุ่นน้องวางมือตนบนไหล่กว้าง และออกแรงบีบเบา ๆ ชาญวิทย์หัวเราะขึ้นลำคอ ก่อนจะกลั้นใจยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม

ลิงวางแก้วของตนลงข้างตัว สองมือมาประสานนิ้วกันวางไว้บนตัก สายตาทอดมองออกไปเลื่อนลอย

"พี่ก็รู้ใช่ไหม ว่าผมมีแฟน” เป็นหนุ่มรุ่นน้องที่ถามกลับบ้าง ชาญวิทย์ตอบรับด้วยเสียงในลำคอ เพราะริมฝีปากยังคงไม่ห่างจากขอบแก้ว

"ก็คนที่ชอบตามผมทุกไฟลต์นั่นแหละ คบกันมาจะสิบปีได้แล้วมั้ง พี่จำได้ป้ะ? สมัยเรียนพี่เป็นคนสั่งให้ผมไปจีบสาวเศรษฐศาสตร์ พี่บอกถ้าจีบไม่ติดจะไม่รับเข้าสายรหัสอ่ะ”

"เออ จำได้ละ แล้วทำไมไม่ไปอยู่กับแฟนวะ วันนี้วาเลนไทน์นะเว้ย”

ลิงไม่ตอบ แต่สูดหายใจเข้าออกลึก ๆ อยู่หลายที ก่อนจะตัดสินใจพูดต่อ

"แล้วพี่รู้ป้ะ..."

"ว่า?”

"แฟนผมก็เป็นผู้ชาย”

"..." นั่นทำให้กัปตันหนุ่มถึงคราวต้องชะงัก เขาค่อย ๆ ลดมือลง แล้วหันไปมองรุ่นน้อง ผู้ช่วยหนุ่มสูดหายใจเข้าเต็มปอดอีกหนคล้ายว่ากำลังรวบรวมความกล้า

"สำหรับพี่ พี่อาจต้องการเวลาอยู่กับคนรักให้มาก ๆ แต่พี่รู้ไหม มันไม่ได้ดีอย่างที่คิดหรอกนะ”

"...”

"ยิ่งมีเวลาเจอกันมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเบื่อกันเร็วเท่านั้นแหละ” ลิงหันมามองรุ่นพี่ แววตายามนี้ดูแข็งกร้าว "แฟนผม เขาไม่มีข้อจำกัดทั้งเรื่องเงิน และเวลา เขาเลยตามผมไปได้ทุกที่ แต่พี่รู้ไหม หลายครั้งผมก็รู้สึกว่ามันมากเกินไป ผมอยากมีเวลาอยู่กับตัวเอง อยู่กับเพื่อน หรือคนอื่น ๆ บ้าง”

"พี่ว่า...”

"เราทะเลาะกันหลายครั้ง” ลิงไม่เปิดโอกาสให้ชาญวิทย์ได้เถียง "พอผมขอให้เขาเว้นระยะห่างไว้บ้าง เขาก็ถามกลับมาตลอดว่าผมไม่รักเขาเหรอ? ไม่อยากอยู่กับเขาเหรอ?” ยิ่งพูดน้ำเสียงยิ่งหนักขึ้น และขยับตัวเข้าใกล้มากขึ้น จนชาญวิทย์เริ่มไปเบี่ยงตัวด้านข้าง

"ทำไมจะไม่รักวะ? แต่ผมว่ามันมากเกินไปไง...มากไปมันก็ไม่ดี พี่เข้าใจผมป้ะ?”

"อื้ม เข้าใจแล้ว” ชาญวิทย์ได้แต่เออออตามรุ่นน้องที่เริ่มโวยวาย ลิงยิ้มอย่างพอใจ ก่อนจะหันไปดื่มน้ำเมาในแก้วของตนจนหมด เมื่อวางแก้วลง เปลือกตาก็เริ่มตกลงเช่นกัน

"ผมชอบช่วงเวลาแค่สั้นๆ” เอ่ยเสียงยานคาง ก่อนจะหันหน้ามาซบไหล่กัปตัน "เวลาที่มันกระชั้น มันดมีูคุณค่า น่าทนุถนอมเอาไว้มากกว่านะพี่"

เป็นประโยคสุดท้ายชาญวิทย์ฟังไม่ค่อยได้ศัพท์ และไม่นานนักเขาพบว่าลิงผลอยหลับไปแล้ว ชาญวิทย์นิ่งเงียบอยู่สักพัก ก่อนจะถอนหายใจกับตัวเอง

"ออกมาเถอะคุณ น้องหลับไปแล้ว”

กัปตันหนุ่มเอ่ยขึ้น และไม่นานนักเจ้าตัวจึงยอมออกจากที่ซ่อน แววตาจ้องมองมานั้นดูไม่อยากจะผูกมิตรกันสักเท่าไร ชาญวิทย์กลั้นใจส่งยิ้มให้ บอกตรง ๆ ว่าเขาเองก็คิดไม่ถึงว่าผู้หญิงสวยตรงหน้าจะกลายเป็นผู้ชายไปเสียได้...ก็เพิ่งจะสังเกตตอนนี้แหละ ว่ารองเท้าใหญ่ และไหล่ก็ออกจะกว้าง เพียงแต่อาศัยการแต่งตัวช่วยพรางรูปร่างเอาไว้เท่านั้น

หนุ่มสวยเดินเข้ามาใกล้ และพยายามเขย่าตัวเพื่อปลุกคนรักของตน แต่ดูท่าอีกฝ่ายจะหลับลึกเพราะฤทธิ์แอลกอฮอลเสียแล้ว กัปตันได้ยินเสียงลอบถอนหายใจ และจากนั้นไม่นาน ร่างไม่เล็กของรุ่นน้องหน้าตี๋ก็ลอยหวือไปอยู่บนบ่าของแฟนหนุ่ม ชาญวิทย์ถึงกับต้องอ้าปากค้าง ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อ ว่าร่างบาง ๆ ของคนสวยตรงหน้าจะสามารถทำได้

"เดี๋ยวคุณ” ชาญวิทย์เรียกรั้งคนที่กำลังแบกรุ่นน้องของเขาไป เครื่องหน้าหวานหันมามองอย่างไม่สบอารมณ์ ชาญวิทย์ลุกขึ้นก่อนจะล้วงกระเป๋ายื่นกุญแจออกไปให้ อีกฝ่ายรับไว้อย่างงุนงง

"กุญแจห้องผมกับลิง แต่คืนนี้ผมไม่กลับห้องหรอก”

ตาคู่หวานเพียงแค่เหลือบมอง ก่อนจะยื่นมือออกมาและส่งคืนกุญแจกลับให้ชาญวิทย์

"ไม่ต้องหรอก ผมก็เปิดห้องไว้แล้วเหมือนกัน” เอ่ยเสียงเรียบก่อนจะเบือนหน้าหนีและเดินจากไป ชาญวิทย์มองตามจนกระทั่งแผ่นหลังนั้นกลืนหายไปกับความมืด และกลับมายิ้มให้กับตัวเอง

"ก็ยังน่าอิจฉาอยู่ดี...”






เมื่อตื่นขึ้นมาอีกทีก็ต้องเจอกับอาการปวดหัวแทบระเบิด เขาดูเวลาแล้วยังเช้าเกินไปที่จะตื่น แต่ว่าก็ปวดหัวมากจนหลับต่อไม่ลง จึงตัดสินใจออกไปเดินเล่นที่ชายหาดข้างนอก

แต่พอออกมาก็รู้สึกว่าตัวเองคิดผิดถนัด เพราะต้องมาเห็นคู่รักรุ่นน้องเดินกระหนุงกระหนิงกันอยู่ไม่ไกลนัก มันเป็นอะไรที่ค่อนข้างขัดตาเมื่อคนแต่งผู้หญิงเป็นฝ่ายโอบไหล่รุ่นน้องของเขา และสายตาจ้องมองอย่างกรุ้มกริ่มแบบนั้น

ชาญวิทย์เปลี่ยนใจและจะหันกลับเข้าห้องพักตน แต่ลิงก็เหลือบเห็นเสียก่อนจึงตะโกนเรียกเสียงดัง ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินมาหาเขาอย่างว่องไว

"ตื่นแต่เช้าเลยนะพี่ แฮงค์ป้ะเนี่ย?”

"อืม ปวดหัวจนหลับต่อไม่ได้เลย”

"งั้นไปกินกาแฟด้วยกัน ผมรู้จักร้านกาแฟโบราณแถวนี้ ใกล้ๆ นี่แหละ ไปด้วยกันนะ"

"ไม่ดีมั้ง” ชาญวิทย์ตอบอย่างไม่แน่ใจเนื่องจากรู้สึกได้ถึงสายตาไม่เป็นมิตรจากหนุ่มสวยข้างกายรุ่นน้อง จากนั้นจึงเห็นลิงหันไปหาแฟนตัวเอง ส่งสายตาพร้อมพยักเพยิดหน้ามาทางนี้ แฟนของน้องหันมามองเขาด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน ดูไม่เต็มใจนัก

"ผมเช่ารถไว้แล้ว ไปด้วยกันเถอะครับ ถือว่าขอโทษที่เมื่อวานเสียมารยาทนะ”





หลังจากนั่งดื่มกาแฟกันเสร็จแล้วก็รู้สึกสดชื่นขึ้นมาบ้าง จึงขับรถต่อไปกันอีกหน่อย เพื่อไปดูของฝากที่ตลาดข้างท่าเรือ ระหว่างเดินเลือกของเรื่อยเปื่อย สายตาของกัปตันลอบมองคู่รักรุ่นน้องอยู่เป็นพัก ๆ

เหมือนได้เห็นภาพทับซ้อนเป็นตัวเขากับคุณหมอตัวเล็กสมัยที่ยังจีบกันช่วงแรก ๆ พวกเขาก็เคยมาเที่ยวที่นี่ มาเลือกของด้วยกันแบบนั้นเช่นกัน

มันเป็นครั้งแรก และครั้งเดียวที่ได้มาเที่ยวด้วยกัน เพราะหลังจากนั้นเวลาของพวกเขาก็ไม่ตรงกันอีกเลย

ถ้าตอนนี้...แพทมาอยู่ด้วยตรงนี้ คงจะดีไม่น้อย

คิดเหม่อลอยได้ไม่นาน เสียงเรือเทียบท่าก็ทำให้สะดุ้งตื่นจากภวังค์ เมื่อหันไปมองต้นเสียงจึงเห็นนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่ลงเรือตามกันมา

และในกลุ่มคนที่พลุกพล่านนั้นเอง มีสิ่งที่ทำให้กัปตันหนุ่มม่านตากระตุกวาบ!

เขาเห็นร่างเล็ก ๆ ของหมอแพทเดินลงจะเรือมาด้วยท่าทีกระสับกระส่าย ส่ายตาพยายามสอดส่องไปรอบด้านอย่างร้อนรน

หมอแพทตามเขามาเหรอ? ชาญวิทย์ไม่อยากจะเชื่อ เขาขยี้ตาตัวเองแล้วมองอีกที ก็ยังเห็นเช่นเดิม เพียงเท่านั้นหัวใจก็เต้นระส่ำระสาย รู้สึกว่ามันพองโตขึ้นจนจะปริแตกออกมาข้างนอกได้

แต่เพียงไม่นาน หัวใจที่พองโตก็ต้องแตกร้าว เมื่อเขาได้เห็นภาพหมอกานต์ตามมาจับข้อมือเล็ก ๆ นั้นไว้และมองด้วยความเป็นห่วงเป็นใย

ชาญวิทย์กำหมัดแน่น เขาตัดสินใจหันหลังให้สองคนนั้น และจะเดินเลี่ยงออกไปเงียบ ๆ

"พี่ติ๊ก! จะไปไหนพี่!” แต่ผิดแผน เพราะผู้ช่วยตัวยุ่งดันตะโกนเรียกเขาเสียงดัง หมอแพทอยู่ไม่ไกลได้ยินเสียงแว่วชื่อเขาก็หันขวับมามอง และสบตากันพอดี

"ติ๊ก!!” หมอแพทตะโกนเรียกเสียงดัง ชาญวิทย์จึงรีบเดินไปคว้าแขนนักบินผู้ช่วย "กลับเหอะ”

"เดี๋ยวดิพี่ ผมยังไม่ได้ซื้อเลย!” ลิงขืนแรงฉุดของกัปตันไว้ อีกทั้งแฟนน้องก็เข้ามาแทรกกลางด้วยอารามหึงหวง กลายเป็นเปิดโอกาสให้หมอแพทวิ่งมาขวางพวกเขาไว้ได้ทัน โดยที่หมอกานต์ก็ตามมาติด ๆ

"ติ๊ก...” หมอแพทจะเข้ามาใกล้อีกก้าว แต่ก็หยุดชะงัก ตาเหลือบมองสองคนข้างกายชาญวิทย์ และสะดุดเข้ากับแฟนหนุ่มของลิงที่อยู่ในคราบหญิงสวย

ชาญวิทย์หันไปสบตาห้ามไม่ให้ทั้งสองคนพูดอะไร และดูเหมือนหนุ่มหน้าสวยจะอ่านสถานการณ์ออกมากกว่าใคร จึงได้ยกมือขึ้นกอดแขนชาญวิทย์เอาไว้ และส่งสายตาโฉบเฉี่ยวมองกลับไปยังคุณหมอตัวเล็ก ที่ตอนนี้กำลังมองหน้าเขาด้วยคิ้วขมวดมุ่น

"กลับกันเถอะ” ชาญวิทย์บอกรุ่นน้องก่อนจะหันหลังให้

เขาไม่ได้ยินเสียงเรียกรั้งจากใคร สองขาก้าวเดินออกไปท่ามกลางเสียงหัวใจที่บีบเค้นจนเจ็บหน่วง

ทำไมมาที่นี่...โดยที่มีอีกคนตามมาด้วย

จะตอกย้ำกันไปถึงไหน...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-03-2014 22:40:59 โดย วายศรี »

วายศรี

  • บุคคลทั่วไป

เมื่อกลับมาถึงที่พัก รุ่นพี่สาวโสดกรูกันเข้าหาเขาพลางบ่นเรื่องที่ออกไปเที่ยวแล้วไม่ชวนกัน หากแต่ชาญวิทย์กลับเดินฝ่าไปโดยไม่พูดจา กลายเป็นหน้าที่ของผู้ช่วยลิงเป็นคนช่วยปรามให้ใจเย็นและไม่ต้องตามเขา ให้ปล่อยเขาอยู่คนเดียว

ชาญวิทย์เร่งเท้าเดินห่างออกมาไกล จนมาหยุดที่รั้วข้างรีสอร์ต ที่เดิมที่เขามายืนแช่ขณะเดินเล่นเมื่อวาน

มองออกไปยังทะเลกว้างได้ไม่นานก็หลับตาลง ยืนตรงปล่อยตัวให้ลมโกรก หวังว่าจะช่วยพัดเอาความรู้สึกว้าวุ้นในใจนี้ออกไปได้...หวังว่าจะช่วยบรรเทาความร้อนรุ่มในใจนี้ออกไปได้

"ติ๊ก” แต่แล้วเสียงหมอกานต์ก็ดังขึ้นจากเบื้องหลัง ชาญวิทย์ลืมตาขึ้น

ไม่นานนักคนที่เขาเคยเรียกว่าเพื่อนก็เดินมาหยุดยืนอยู่ข้าง ๆ ชาญวิทย์ไม่หันไปมอง ได้แต่ยืนกำหมัดแน่นเพื่อสะกดอารมณ์ให้นิ่ง

มีเพียงเสียงลมและคลื่นเพราะต่างฝ่ายต่างเงียบ สุดท้ายเป็นหมอกานต์ที่ทนไม่ไหว ถอนหายใจออกเฮือกยาว

"ไปรู้มาจากไหน เรื่องฉันกับหมอแพทเคยคบกัน”

ชาญวิทย์เงียบ ไม่ตอบคำถามใด หมอกานต์มองแล้วถอนใจอีกหน ก่อนเรียกซ้ำ "ไอ้ติ๊ก ฉันถามว่า..”

"แกเห็นฉันเป็นเพื่อนอยู่รึเปล่าวะ?”

หมอกานต์เมื่อถูกตีคำถามสวนกลับก็เงียบ บรรยากาศระหว่างพวกเขาช่างอัดอัด พาลให้รู้สึกหายใจลำบาก

"ฉันเป็นเพื่อนแกเสมอ เราคบกันมาตั้งแต่ประถมแล้วนะเว้ย” หมอกานต์ตอบเสียงเรียบ

ชาญวิทย์กำหมัดแน่นขึ้น "แล้วทำไมไม่บอกกันตั้งแต่แรก”

"ถ้ารู้แต่แรก แกจะคบกับหมอแพทไหม?”

คำถามนี้ทำให้ชาญวิทย์เงียบไป หมอกานต์ยกมือขึ้นกอดอกไว้ "ถ้าสี่ปีก่อนฉันพาหมอแพทมาแล้วบอกแกว่า นี่หมอแพทนะ เป็นแฟนเก่า...แล้วแกยังจะสนใจเขาอยู่ไหม?”

"..." ชาญวิทย์หันไปมองหน้าเพื่อน โดยยังไม่ให้คำตอบอะไร

"หรือหลังจากวันที่แกกับหมอแพทตกลงใจคบกัน แล้วฉันบอกแกว่า ฉันเป็นคนเก่าของเขานะ...แกยังจะคบกับเขาจนถึงวันนี้ไหม?”

"...”

“ถึงได้บอกไง บางเรื่องไม่รู้จะดีเสียกว่า” หมอกานต์หันหน้ามา และสบตากับเขา

ชาญวิทย์จึงเบือนหน้าหนีอีกไปทาง และยกมือขึ้นกอดอกไว้ "แกก็ไม่น่าให้พวกฉันคบกันตั้งแต่แรก”

“เรื่องหัวใจมันสั่งกันได้งั้นเหรอ?”

ชาญวิทย์ไม่ตอบ เงียบกันอยู่สักพัก หมอกานต์จึงสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนพูดอธิบาย

“เราเคยคบกันตอนเรียนปีสุดท้าย พอจบต้องแยกไปใช้ทุนคนละที่ ทั้งห่างกัน และต่างคนต่างก็ยุ่ง" หมอกานต์ว่า สายตามองเลื่อนลอยออกไปยังเวิ้งทะเลเบื้องหน้า

"หมอแพทตอนนั้นก็เหมือนแกในตอนนี้ เป็นคนที่เรียกร้องหาเวลา แต่ฉันให้เขาได้ไม่พอ เราทะเลาะกัน ฉันเป็นฝ่ายบอกเลิก...ฉันบอกกับเขา ให้เขาลองทบทวนดูไหม ว่าความรักของเขาคืออะไร เขาต้องการคนรัก หรือแค่ต้องการคนอยู่ข้าง ๆ เป็นแค่เพื่อนคลายเหงา"

ชาญวิทย์ค่อย ๆ หันหน้าไปมองเพื่อนหนุ่ม ที่ยังคงพูดต่อไปเรื่อย ๆ

"นั่นอาจจะเป็นสาเหตุ ที่หลังจากนั้นมา เขาก็ไม่เคยร้องขอคำว่าเวลากับใครอีกเลย อาจเป็นเพราะเขาคิดเหมือนฉัน หรือไม่ก็อาจจะกลัว ว่าเรื่องมันจะซ้ำรอยเดิมก็ได้" หมอกานต์ค่อย ๆ หันมาหาชาญวิทย์ สบสายตามุ่งมั่น

"ฉันเป็นอดีตของเขาก็จริง แต่เป็นอดีตที่จบไปแล้ว...ส่วนแก คือปัจจุบันของเขา”

"...”

"แกรู้ไหมว่า ช่วงก่อนหน้านี้ที่เขายุ่ง ยอมขึ้นเวรบ่ายต่อดึกติดกันเป็นอาทิตย์ ๆ แค่เพราะอยากจะแลกให้ว่างสองวัน คือเมื่อวาน แล้วก็วันนี้...”

"!!!”

"เพราะเป็นวันสำคัญของเขากับแกใช่ไหมล่ะ?”

ชาญวิทย์แววตาวูบไหว ยามนี้เริ่มรู้สึกได้ถึงเสียงหัวใจที่เต้นเร็วรัว จนต้องยกมือขึ้นทาบกดเอาไว้

"เมื่อวานพอกลับไปไม่เจอแก ก็เกิดวิตกจริตจนทำอะไรไม่ถูก โทรหากี่ทีแกไม่รับสาย เขาก็เอาแต่ร้องไห้ เอาแต่โทษตัวเอง โชคดีที่แกฝากโทรศัพท์ไว้กับรุ่นน้องแล้วเขาบอกว่าแกมาเที่ยวที่นี่ แต่ที่ยังไม่ตามมาทันที เพราะหมอแพทสัญญาว่าจะกลับบ้าน...เขาตั้งใจไว้แต่แรก ว่าจะพาแกไปแนะนำกับคนที่บ้าน”

ชาญวิทย์ค้อมตัวลงด้วยความรู้สึกปวดหน่วงอัดแน่นเต็มในอก จนสุดท้ายต้องทรุดลงนั่งกับพื้นกดขมับตัวเองเอาไว้

"ทำไมแพทไม่บอก...ทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก...”

หมอกานต์ค่อย ๆ ย่อเข่า และทิ้งตัวลงนั่งเช่นกัน "ตอนนี้เขาตามแกมาถึงที่นี่ ไม่ใช่เพราะอยากให้แกเป็นอนาคตของเขาเหรอ?”

นั่นทำให้ชาญวิทย์เหมือนได้สติกลับคืนมา เขาเงยหน้าขึ้น หมอกานต์เห็นดังนั้นจึงพอยิ้มออกได้บ้าง แล้วจึงวางมือลงบนบ่าเพื่อนเบา ๆ

"แล้วแกล่ะ ยังอยากจะเป็นอนาคตของเขาอยู่ไหม?”

ชาญวิทย์หันหน้ามองเพื่อน จนในที่สุดก็กระชับรอยยิ้ม จากนั้นจึงตัดสินใจลุกขึ้นและเดินออกไป ขณะที่หมอกานต์ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม นั่งหลับตารับลมที่พัดมาจากทะเล

 "ไอ้กานต์” แต่ชาญวิทย์ที่เดินออกไปได้ไม่ไกลนักก็หันกลับมาเรียก หมอกานต์เอี้ยวตัวเล็กน้อยและหันมามอง

"แกยังรักแพทอยู่ใช่ไหม?”

คำถามถูกส่งออกไป คนที่นั่งอยู่ต้องนั้นนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่ร้อยยิ้มตามแบบฉบับหมอกานต์จะถูกส่งกลับมาให้พร้อมกับคำตอบว่า...

"ไม่”

"หึ” ชาญวิทย์หัวเราะในลำคอ ก่อนจะหันหลังกลับ และก้าวเดินจากไป

"ไอ้ขี้โม้” เป็นเสียงที่ลอยละล่องทวนกระแสลมไปกระทบหมอหนุ่มเข้าเต็มเปา เขายังคงนั่งอยู่ตรงนั้น และยิ้มรับกับมัน






เมื่อเดินกลับเข้ามาในเขตที่พัก ชาญวิทย์พบว่าหมอแพทกำลังยืนคุยกับทุกคนอยู่ในลักษณะคล้ายกับถูกรุมล้อม ชาญวิทย์มองด้วยสายตาเรียบนิ่ง เพราะมันปกติอยู่แล้วที่คุณหมอตัวเล็กจะเป็นที่สนใจของใคร ๆ

"ติ๊ก!” และทันทีที่เหลือบเห็นเขา หมอแพทก็เรียกทันที ชาญวิทย์สะดุ้งตัวเล็กน้อย

แต่อาจเพราะยังไม่ทันได้เตรียมใจ หรือรู้สึกไม่พร้อมที่จะสู้หน้า เมื่อหมอแพททำท่าจะวิ่งมาหา ชาญวิทย์จึงออกตัววิ่งหนีไปอีกหน โดยไม่สนใจเสียงที่ตะโกนเรียกจากเบื้องหลังเลย

 กัปตันหนุ่มหนีมาหลบในมุมอับข้างที่พัก ซึ่งยากที่ใครจะสังเกตเห็นเพราะมีพุ่มไม้สูงบังอยู่ เขาพยายามเก็บเสียงหอบหายใจไว้ และเมื่อลอบมองออกไปก็เห็นหมอแพทวิ่งตามมา เจ้าตัวมองไปรอบด้านแล้วไม่เห็นเขาสีหน้าเริ่มหวาดวิตก

"ติ๊กอยู่ไหน ออกมาหาเราเถอะ!” แม้เสียงจะแหบแห้ง แต่หมอแพทยังคงพยายามตะโกนเรียกให้ดัง

"ติ๊ก ออกมาหาเราเถอะนะ...”

"...” ชาญวิทย์ยังคงไม่ขยับเยื้อนแม้แต่น้อย ด้วยเพราะยังคงสับสน และลังเลใจ

"ติ๊ก...เราจะนับถึงสามนะ”

แล้วชาญวิทย์ก็สะดุ้งวาบ เมื่อเสียงที่เรียกเขานั้นแข็งกร้าวขึ้น และหมอแพทกำลังจะใช้ไม้ตาย ที่ทำให้เขาต้องพ่ายในทุกที

"เราจะนับถึงสาม...ถ้าติ๊กไม่ออกมา...”

"...” กัปตันหนุ่มหลับตาและกำหมัดแน่น

"ถ้าติ๊กไม่ออกมา...เราจะ...”

"...”

"เราจะ...”

"...”

"เราจะ...”

"..."

"...”

ชาญวิทย์ค่อย ๆ ลืมตาขึ้น เมื่อเสียงของคนรักเงียบหายไป

ทว่าเมื่อหันไปมองเขาต้องตกใจ...เพราะพบว่าหน้าหวานนั้นกำลังเอ่อนองไปด้วยน้ำตา

"เราจะ...ทำยังไง”

"...”

"ถ้าติ๊กไม่ออกมา...เราจะทำยังไง...” เสียงนั้นเปล่งออกมาอย่างตะกุกตะกัก จากร่างบอบบางกำลังสั่นสะท้าน เพราะพยายามสกัดกลั้นความอ่อนแอเอาไว้ แต่ไม่นานนักก็รู้ตัวว่าไม่เป็นผล หมอแพทจึงทรุดลงกับพื้นสนามหญ้า และร้องไห้สะอึกสะอื้น

ชาญวิทย์จึงรีบเผยตัวออกจากที่ซ่อนทันที และตรงดิ่งไปหาคนที่เขารัก

"เรามาแล้ว...” สองมือวางลงบนไหล่ลาดแผ่วเบา ก่อนจะเคลื่อนไปประคองหน้าหวานให้เงยขึ้นมา

"เราอยู่นี่แล้ว ไม่ร้องนะแพท...ไม่ร้อง...” ปลอบประโลมเสียงอ่อน ปลายนิ้วเรียวไล้แผ่วเบา เกลี่ยไล่น้ำใสที่คลอหน่วยตา มือเล็กยกขึ้นตะปบมือเขาไว้แน่น ก่อนคู่ตาจะจ้องเขาเขม็ง ไม่นานนักหมอแพทหัวเราะออกมา ทำเอาชาญวิทย์งงเป็นไก่ตาแตก

"เราไม่ได้ร้องไห้ เราอยู่ชมรมแอคติ้งมาก่อน นี่แค่การแสดง” หมอแพทตอบกลับด้วยสีหน้าออกกวน ชาญวิทย์มองอีกฝ่ายด้วยความอึ้ง แต่เพียงไม่นาน คุณหมอก็ปล่อยเสียงสะอื้นหนักอีกครั้ง และโผเข้ากอดชาญวิทย์ไว้แน่น พูดด้วยเสียงอู้อี้ "เรารู้ยังไงติ๊กก็ต้องออกมาหาเรา...ฮึก...ฮือ ๆ”

ชาญวิทย์ถอนหายใจยาว ยกมือขึ้นลูบแผ่นหลังเล็กที่กระตุกเกร็งจากแรงสะอื้น

"ถ้านับถึงสามแล้วเราไม่ออกมาจริง ๆ แพทจะทำยังไง?”

หมอแพทส่ายหน้าไปมาเสียดสีอยู่กับอก "เราไม่รู้...เราไม่เคยนับ ไม่คิดนะนับด้วย”

"!!!”

"เพราะถ้าเรานับ แล้วติ๊กไม่ออกมาจริง ๆ เราก็ไม่รู้จะทำยังไง”

ชาญวิทย์ได้ฟังแล้วถึงกับนิ่งไปด้วยความอึ้ง...ใช่ หมอแพทไม่เคยนับจริงๆ พราะทุกครั้งเขาต้องยอมออกไปหาก่อนเสมอ

คุณหมอค่อย ๆ คลายแรงกอด ผละออกมาช้า ๆ และช้อนสายตามองกัปตันอย่างเว้าวอน

"ติ๊กอย่าหนีเราไปไหนอีกเลยนะ เราขอโทษ ที่เราไม่มีเวลาให้เลย...แต่...อึก..."

คุณหมอเม้มริมฝีปากกลั้นเสียงสะอื้น ก่อนจะต่อประโยคจนจบ


"แต่เรารักติ๊กนะ”

"!!!”

ในชั่ววูบชาญวิทย์รู้สึกเหมือนสติถูกกระชากออกไป ในสมองนั้นว่างเปล่าและขาวโพน และทันทีที่ชักสติกลับมาได้ หัวใจก็อ่อนยวบ กำแพงหนาที่ก่อไว้พังทลายลงในทันที

แขนแกร่งรั้งร่างเล็กมากอดแนบแน่น...แน่นจนแทบจมหายในอ้อมอก ต่อมาจึงประคองเครื่องหน้าหวานอย่างทะนุถนอม ปรางนวลทัั้งถูกจูบ ถูกหอมอย่างรักใคร่และแสนคิดถึง ก่อนที่สั่งสองจะสบตากันและชาญวิทย์ยอมเผยรอยยิ้มให้ได้เห็นในที่สุด

ณ ที่ตรงนั้น เสียงสะอื้น แปรเปลี่ยนเป็นเสียงหัวเราะของคนทั้งสอง ที่ได้รับรู้แล้วว่าหัวใจยังคงอยู่ตำแหน่งทัดตรงกัน






หลังจากปรับความเข้าใจกันเสร็จ ชาญวิทย์และหมอแพทตัดสินใจเดินทางกลับกรุงเทพฯ เนื่องจากคุณหมอตัวเล็กจะต้องทำงานตามปกติในวันพรุ่งนี้ ส่วนหมอกานต์ออกตัวว่ายังไม่กลับ ขออยู่เที่ยวต่อก่อนอีกวัน

ขณะที่แท็กซี่กำลังพาเขาทั้งสองไปส่งที่คอนโด ชาญวิทย์นั่งมองคนรักตัวเล็กที่ซบหน้าลงกับไหล่เขา และหลับสนิทมาตลอดทาง ส่วนเขาเองก็นั่งมองอย่างไม่รู้เบื่อ จมูกโด่งจรดลงบนเรือนผมนิ่ม เขาทำแบบนี้ตลอดจนนับครั้งไม่ถ้วน เหมือนพยายามระบายความสุขที่ขยายตัวฟูฟ่อง เอ่อล้นออกมาจากภายใน

โทรศัพท์ที่พกไว้ในกระเป๋าเสื้อสั่นครืด ชาญวิทย์หยิบขึ้นมาเปิดจึงพบว่าเป็นหมอกานต์ส่งข้อความมาให้ในไลน์

'ถ้าเปรียบความรักเป็นสมการ ที่เราต้องหาคำตอบของตัวแปร'

'ไม่ว่าจะเวลา เหตุผล ความสางสาร ความเห็นใจ...อะไรก็ไม่ใช่คำตอบ'

'เพราะมันเป็นได้แค่วิธีทำ'

'วิธีทำที่มีหลายทาง แต่ไม่ว่าเลือกทางไหน แต่คำตอบสุดท้ายก็ได้เหมือนกัน'

ชาญวิทย์หรี่ตามองด้วยความหมั่นไส้ บ่นในใจถึงเพื่อนหมอนักเพ้อ ที่สมควรหันไปเรียนต่อด้านปรัชญา

เว้นช่วงไปไม่นานนัก ข้อความอีกบรรทัดก็ถูกส่งมา

'ลองถอดสมการดูหน่อยไหม? คิดออกแล้วอย่าลืมบอกกันด้วยนะ'

ชาญวิทย์ไม่ทันได้คิดต่อเพราะรถโดยสารได้จอดเทียบจุดหมายปลายทางแล้ว กัปตันหนุ่มเปิดประตูและช้อนตัวคนรักออกมาอย่างระมัดระวัง หมอแพทเหมือนจะรู้สึกตัว แต่ด้วยความอ่อนเพลียจึงหลับซบอกเขาต่อไป

"แพท ถึงแล้วนะ” เสียงกระซิบแผ่วที่ข้างหู ทำให้เปลือกตาเบิกขึ้นช้า ๆ หมอแพทกวาดมองไปรอบ ๆ อย่างสะลึมสะลือ พบว่าตนมาถึงที่ห้องแล้ว

"ปล่อยเราลงก่อนได้ไหม” และคุณหมอเพิ่งรู้ตัวว่าถูกอุ้มมาตลอดจึงเริ่มขยุกขยิกตัว ชาญวิทย์จึงค่อย ๆ ปล่อยให้คนรักยืนเอง แต่วงแขนแกร่งยังคงโอบล้อมเอวเล็กเอาไว้ ขณะที่ใบหน้าคลอเคลียอยู่ไม่ห่างตา

ไม่ต้องมีคำพูดใด เมื่อสองสายตาสบประสานกัน คุณหมอแววตาวูบไหว รู้สึกได้ถึงความร้อนที่ปะทุออกจากใบหน้า เมื่อริมฝีปากของคนรักค่อยขยับเคลื่อนเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ

โคร่กกก....

"....”

และเหมือนเสียงนาฬิกาบอกหมดเวลาหวานซึ้ง เป็นเสียงร้องโอดครวญจากกระเพาะของคุณหมอที่ทำเอาเจ้าตัวยิ้มแหย ๆ เพราะมันช่างน่าอับอาย

"หิวข้าวอะ เราไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เที่ยงแล้ว”

"จริงดิ?! โทษที เราลืมนึกถึงไปเลย” ชาญวิทย์ตกใจมาก และเริ่มลนลาน ทำอะไรไม่ถูก

"เฮ้ยเอาไงดีอะ ดึกแล้วนะ กับข้าวเซเว่นไหม?”

"ไม่เป็นไร" หมอแพทว่า "มีของกินได้ในตู้ย็น”

"เหรอ?” กัปตันหนุ่มเลิกคิ้ว ก่อนจะเร่งเดินไปยังห้องครัว และตรงไปเปิดตู้เย็นเพื่อมองหาอะไรที่จะประทังความหิวให้คนรักได้

แล้วสายตาเขาก็ไปหยุดที่กล่องกระดาษกล่องใหญ่...มันเป็นกล่องสีเหลี่ยม กระดาษหนาและพิมพ์ลายขวางสีพาสเทลให้อารมณ์น่ารัก แต่นั้นไม่เป็นที่สะดุดตาเท่ากับบนฝากล่องที่ฉลุเป็นช่อง ปิดด้วยพลาสติกใส ทำให้มองเห็นสิ่งที่อยู่ด้านในค่อนข้างชัดเจน

ชาญวิทย์ค่อย ๆ ยกกล่องออกมาวางที่โต๊ะ เป็นจังหวะเดียวกับหมอแพทเดินตามมาถึงพอดีก็ส่งยิ้มมาให้จาง ๆ กัปตันเปิดฝากล่องออกช้า ๆ เผยให้เห็นภาพเต็มของเค้กครีมสีขาว ประดับสตรอเบอร์รี่ผลแดงฉ่ำ อีกทั้งกลิ่นหอมหวานของช็อคโกแลตและนมยังลอยฟุ้งออกมาเตะเต็มจมูก แผ่นป้ายตรงกลางถูกเขียนด้วยเส้นช็อคโกแลตสีน้ำตาลให้สามารอ่านคำอวยพรได้อย่างเด่นชัด

Happy Birthday to You and Me
14 & 15 . 02

ใช่แล้ว...เมื่อวานเป็นวันเกิดเขา...และวันนี้คือวันเกิดหมอแพท

หมอแพทเดินมาหยุดข้างกาย ก่อนจะกอดแขนเขาเอาไว้ และซบหน้าลงกับหัวไหล่

"เรารู้ว่าเราทำหน้าที่แฟนได้ไม่ค่อยดี เพราะงานทำให้เราไม่มีเวลาให้กับติ๊ก ที่ผ่านมาติ๊กเป็นคนเซอไรส์วันเกิดให้เราตลอด เราเลยกะจะทำอะไรเซอร์ไพรส์ติ๊กบ้าง” หมอแพทเอ่ยว่าแล้วหัวเราะแห้ง ๆ

"แต่กรรมตามทันมั้ง ทำอะไรไม่บอก สุดท้ายเลยแป้กไง”

กัปตันออกแรงฉุดเบา ๆ ให้คนรักนั่งลงพร้อมกัน ก่อนจะขยับเก้าอี้หมอแพทให้เข้ามาชิด และประคองหน้าคนรักให้เงยขึ้นสบตาเขา

"เราต่างหากเป็นแฟนที่ไม่ดี เป็นแฟนที่ไม่เอาไหน เราเอาแต่คิดมาก คิดฟุ้งซ่านจนเลอะเทอะ แพทคงอึดอัดใจ ขอโทษนะ จากนี้จะพยายามไม่ให้เป็นอย่างนั้นอีกแล้ว”

คุณหมอส่ายหน้าไปมา "ติ๊กไม่ผิดหรอกที่คิดมาก คิดให้มาก ๆ น่ะดีแล้ว แต่ที่ไม่ดี...คือคิดไปเอง”

ชาญวิทย์ได้ฟังเหมือนกับถูกยิงเวทให้ติดสตั๊นไปสามวินาที หมอแพทหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ ก่อนจะยกมือขึ้นบีบปลายจมูกโด่งอยากมันเขี้ยว

"จากนี้มีอะไรก็มาพูด มาถามกันตรง ๆ อย่าคิดไปเองอีกเลยนะ”

"อื้ม” ชาญวิทย์พยักหน้ารับพร้อมร้อยยิ้ม จากนั้นทั้งสองจังหันไปสนใจกับเค้กบนโต๊ะ เทียนเลข 3 สองเล่มช่วยกันปักคนละมือ และยังไม่ลืมลุกไปดับไฟกลางห้อง เพื่อให้แสงของเทียนวันเกิดนั้นสว่างไสว

"สุขสันต์วันเกิดนะ” พอบังเอิญพูดออกมาพร้อมกัน ต่างคนต่างหันหามองกัน และหัวเราะออกมา

หลังจากเป่าเทียนเสร็จแล้วก็ช่วยกันตัดเค้กและผลัดกันป้อน ชาญวิทย์ไม่ค่อยชอบของหวานนักจึงเขี่ยครีมออกไปและเลือกทานแต่ส่วนของแป้งเค้ก นั่นทำให้หมอแพทนึกสนุก ใช้นิ้วแตะครีมมาป้ายเล่น กัปตันผู้ไม่ทันระวังตัวพอโดนโจมตีจุดแรกที่ปลายคางก็ร้องเหวอ

"แพทอย่าเล่นดิ” เขาพยายามเบี่ยงหลบ และใช้มือปัดป้องคุณหมอตัวเล็กที่มุ่งมั่นจะป้ายครีมลงบนหน้าเขาให้ได้ แต่หมอแพทกำลังสนุก ไม่ยอมเลิกรา สุดท้ายก็อาศัยร่างเล็ก ๆ นั้นกระโจนเข้าหาคนรัก ชาญวิทย์ต้องใช้มือสองข้างช่วยประคองไว้ ไม่งั้นพวกเขาทั้งต้องตกเก้าอี้ คุณหมอได้ทีจึงป้ายครีมลงที่ปลายจมูก และหัวเราะชอบใจเสียงดัง

"เล่นของกินเป็นเด็กไปได้” กัปตันหนุ่มบ่นอุบอิบ เขาได้แต่ขยุกขยิกจมูกไปมาด้วยความรำคาญ เพราะสองมือไม่ว่างมาเช็ดเนื่องจากหมอแพทยังทิ้งน้ำหนักกดทับตัวเขาอยู่

คุณหมอมองแล้วยกยิ้มอย่างพึงพอใจ ก่อนสองมือเล็กจะตะปบข้างแก้มชาญวิทย์เบา ๆ หน้าหวานเคลื่อนเข้าใกล้ และเผยอริมฝีปากงับเอาครีมที่ติดปลายจมูกโด่งนั้นมากิน

ชาญวิทย์ได้แต่มองตาค้าง กับการกระทำของคนรักที่ไม่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าเจ้าตัวจะกล้าทำ

หมอแพทกลับมาสบตาเขาและยิ้ม หน้าหวานขึ้นสีระเรื่อ "จำได้ไหม? ติ๊กเคยถามเราว่า ถ้าไม่มีติ๊ก เราจะอยู่ได้รึเปล่า?”

"อื้ม...” เขารับคำอย่างงๆ

"เรายังยืนยันคำเดิม ว่าแน่นอน...เราอยู่ได้” หมอแพทเคลื่อนปลายนิ้วเล็กขึ้นเกลี่ยไรผมยาวข้างขมับอย่างแผ่วเบา และทัดเอาไวที่ใบหู

"แต่ถ้าถามว่าจะมีความสุขไหม...” ทิ้งช่วงประโยคไว้ให้คนฟังต้องใจเต้นแรง และมันแทบจะระเบิดออกมาเมื่อเครื่องหน้าหวานค่อย ๆ เคลื่อนเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ  จนในที่สุดก็กระซิบส่วนที่เหลือข้างหูเขา

นั่นทำใหญ่ชาญวิทย์ผุดพรายรอยยิ้มกว้าง พร้อมทั้งเสียงหัวเราะด้วยความดีใจ เขาโอบกอดร่างเล็กของคนรักเอาไว้แล้วโคลงเคลงตัวไปมาอย่างลิงโลด

หมอแพทเองก็กอดตอบ ทั้งยังซบหน้าลง หลับตาพริ้ม ก่อนจะเอ่ยถามกลับไป

"แล้วติ๊กล่ะว่าไง?”

ชาญวิทย์ไม่ต้องคิดให้เสียเวลา เขาเองก็กระซิบบอกคำตอบแทบจะทันที

"เราก็ 'ไม่' เหมือนกัน”







The End










เฮ้~ จบแล้ว
แต่ที่จริงจะบอกว่า ยังไม่จบแบบสุดๆ ยังมีตอนที่ 3.5 เป็นบทส่งท้ายอีกสักเล็กน้อยนะคะ อดใจรออีกสัก 2-3 วันค่ะ

และพอมาถึงตอนนี้วายศรีต้องขอขอบคุณทุกคนที่คอยติดตาม FLY มาตลอด หวังว่าคุณจะชอบและนึกถึงเรื่องนี้ ทุกครัั้งที่เดือนแห่งความรักวันมาถึงนะคะ >_<

ปล.รบกวนผู้เชี่ยวชาญเชคคำผิดอีกเช่นเคยนะค้าา แอร๊ยยย  :-[
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-03-2014 22:42:04 โดย วายศรี »

ออฟไลน์ Zelsy

  • เพราะ "รัก" คำเดียวเท่านั้น
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1860
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-2
เป็นบทหวานที่เรียกน้ำตาได้ดีจริงๆ
อ้อ แก้หัวข้อใส่ตอนด้วยนะครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-02-2014 06:38:54 โดย mesomeo2 »

ออฟไลน์ NOoTuNE

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3255
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +317/-15
คุยกันก็จบแล้ววว เห็นมะ


อ่านแล้วฟินแต่ค่าา จะมีเรื่องต่อไปไหมคะ

ออฟไลน์ lune

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 688
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-2
 :L2: ขอบคุณนะคะ  จะรอตอนพิเศษค่ะ :L2:

ออฟไลน์ 2pmui

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-6
คุณหมอน่ารัก

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
ก็เกือบจะทำให้เผลอลับคารถได้ >>>>>>>>>>หลับ
แต่ก็ไม่เจอ...ไม่ว้าห้องไหน มุมไหนก็ไม่มี >>>>>>>>>ว่า
คบกันมาจะสิบได้แล้วมั้ง พี่จำได้ป้ะ? >>>>>>>>>สิบปี
และขยับตัวเข้าใกล้มาขึ้น >>>>>>>>>มาก
ว่าเขาเองก็คิดไม่ถึงว่าผู้หญิงสวยตรงหน้าจะกลายเป็นผู้ชายไปเสียดาย >>>>>>>>เสียได้
ร่างไม่เล็กของรุ่นหน้าหน้าตี๋ >>>>>>>>รุ่นน้องหน้าตี๋
ยอมขึ้นเวรบ่ายต่อตึกติดกันเป็นอาทิตย์ ๆ >>>>>>>>ดึก
ปรางค์นวลทัั้งถูกจูบ >>>>>>>>ปราง
ที่ได้รับรู้แล้วว่าหัวใจยังคงอยู่ตำแหน่งทัดตรงกัน >>>>>>>ที่

สงสารหมอแพท ยังดีที่ตามเจอ ต้องขอบคุณน้องลิงสินะ
กัปตันติ๊กเป็นไรมากไหม ชอบวิ่งหนี ชอบเล่นซ่อนแอบ
ทำความเข้าใจกันแล้วก็หวังว่าชีวิตรักจะมีความสุขมากขึ้น
หมอกานต์ทำหน้าที่แฟนเก่าและเพื่อนที่แสนดีจริง ๆ หวังว่าจะเจอเนื้อคู่ในเร็ววัน
เอ่อ...คู่น้องลิงนี่ยังไง แฟนหน้าสวยเป็นสาวเสียบ????

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Ryoooo

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +288/-2
ชอบค๊า อยากอ่านยาวๆ ชอบๆ หมอน่ารักมาก
การคบกันต้องเอาใจใส่กันให้มากๆ
เอาใจเค้ามาใส่ในเราเนอะๆ :mew1:

ออฟไลน์ ๐๐ตะวัน๐๐

  • ๐๐๐ลูกตาล๐๐๐
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
 :L2: ขอบคุณค่ะ สนุกมาก :pig4:

รอตอนพิเศษ

ออฟไลน์ ormn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3925
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +324/-8
    • http:///uc.exteenblog.com/riko-tomo/images/23213506_1208714389_3598161_Okane_ga_Nai_v01_ch01_pg002__Cover.jpg
 :mew3: :mew3: :mew3: :mew3:จบแบบนี้หวานดีชอบบบบบบบบบบบบบบ :mew3: :mew3: :mew3: :mew3:

ออฟไลน์ inspirer_bear

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-5
ฟินกันไป หลังจากตอนที่แล้วน้ำตาท่วมจอ 5555
กัปตันคราวหลังอย่าคิดไปเองอีกนะ

วายศรี

  • บุคคลทั่วไป
F.L.Y. Fall in Love with You

Chapter 3.5: Fly with me.



แสงแดดอ่อนยามเช้าลอดผ่านมู่ลี่มากระทบเปลือกตาทำให้หมอแพทเริ่มรู้สึกตัว แพขนตาหนาขยับขยุกขยิกก่อนจะลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ  คุณหมอตัวเล็กต้องประหลาดใจแต่เช้าเมื่อพบว่าตนนอนขวางอยู่กลางเตียง โดยไม่มีใครอีกคนอยู่ด้วย จึงได้แต่ลุกขึ้นนั่ง กวาดตามองไปรอบห้องอย่างงุนงง

"ติ๊ก” เรียกหาอีกฝ่าย แต่อาจเพราะเพิ่งตื่นนอน เสียงจึงแผ่วเบาคล้ายกำลังพึมพำกับตัวเองเสียมากกว่า จึงไม่มีเสียงตอบรับจากอีกฝ่ายที่เรียกหา

กึก ๆ กึก ๆ

แต่กลับได้ยินเสียงแปลก ๆ เมื่อชำเลืองมองตามเสียงนั้น จึงพบว่ามีบางอย่างขยับไหว ๆ อยู่ที่ระเบียงนอกห้อง หมอแพทขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะลุกขึ้นจากเตียง เดินไปเลื่อนประตูกระจกที่เชื่อมไปสู่ระเบียงกว้าง

"เหวอ!!!" คุณหมอต้องสะดุ้งจนเผลอร้องอุทาน เมื่อมีของบางอย่างจำนวนมากมายลอยโฉบผ่านสายตาไปอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งแหงนหน้ามองตามจึงพบว่าเป็นลูกโป่งสีขาวกลุ่มใหญ่กำลังลอยตัวขึ้นไปสูงลิบลิ่ว

และเมื่อกลับมามองที่ระเบียง ยังพบว่ามีลูกโป่งแบบเดียวกันมัดติดกับราวระเบียงเรียงแน่นเป็นแถวยาว ขยับเคลื่อนไหวตามแรงลมพัดโบกอย่างเป็นอิสระ มองแล้วก็ขาวละลานตาไปหมด 

แต่กระนั้นก็ไม่อาจรอดพ้นสายตาช่างสำรวจของคุณหมอ เขาพบว่าใบลูกโป่งสีขาวนวลนั้นมีตัวหนังสือเล็ก ๆ เขียนติดอยู่ จึงเดินไปไล่อ่านทีละใบ ๆ จนหมด พบว่ามันสามารถเรียบเรียงเป็นประโยคได้

'WILL YOU FLY WITH ME?'

หมอแพทนิ่งไปชั่วขณะ ก่อนจะอมยิ้มจาง ๆ ยืนกอดอก และเอ่ยอย่างชัดถ้อยชัดคำ "ติ๊ก ออกมา”

ไม่มีเสียงใครตอบกลับอย่างที่คาดไว้ แต่มีเครื่องบินบังคับลำเล็กมาบินอยู่ด้านบน บินวนไปรอบ ๆ หน้าหวานอมยิ้มให้กับของเล่นประจำห้อง ที่ไม่มีใครได้แตะนอกจากพวกเขาสองคน แต่คราวนี้กลับมีสิ่งที่สะดุดตาคุณหมอ นั่นคือม้วนกระดาษที่ถูกผูกติดไว้ใต้ท้องเครื่อง ด้วยขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กนั้นทำให้มองเห็นได้ชัดแม้อยู่สูง

ไม่นานเครื่องบินค่อย ๆ ลดระดับลงมาทีละน้อย แต่ดูเหมือนจะไม่ทันใจ คุณหมอจึงพยายามเขย่งตัวขึ้นไขว่คว้า แต่มันก็ไม่ง่ายนักเมื่อเจ้าของเล่นประจำห้องก็บินหลบเลี่ยงได้อย่างจงใจ หมอแพทมีอาการฮึดฮัดเล็กน้อย แต่ก็ไม่ยอมแพ้ ร่างเล็กกึ่งเดินกึ่งวิ่งไล่จับจนได้มาครอบครองในที่สุด

มือเล็กกระตุกเอาม้วนกระดาษต้องสงสัยนั้นออกมาคลี่ดูทันที รายละเอียดที่ซ่อนอยู่จึงปรากฎต่อหน้า ให้ได้ทราบว่าเป็นใบสำรองที่นั่งเที่ยวบินแบบไปกลับ ชั้น First Class

"มัลดีฟ?...พรุ่งนี้?” คู่ตาหวานเบิกกว้าง ปมคิ้วขมวดเข้าหากัน ก่อนจะค่อยพรายยิ้ม เมื่อเข้าใจความหมายของมัน

"ติ๊ก ออกมาได้แล้ว” คุณหมอกอดอกเรียกด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ทว่าอีกฝ่ายกลับยังเงียบและไม่ยอมเผยตัว

คุณหมอจึงได้แต่ยืนกอดตัวเองนิ่ง ๆ เปลือกตาค่อย ๆ ปิดลง ยืนรอการตอบรับจากอีกฝ่ายอย่างใจเย็น

ทันทีที่ได้ยินเสียงขยับฝีเท้า หมอแพทลืมตาโพลงแล้วหันตัวกลับไปมองทันใด!

"แพทอ้ะ!!” และเป็นไปตามคาด ภาพปรากฎตรงหน้าคือชาญวิทย์หยุดชะงักในท่าเดินย่อง สองแขนกางกว้างเพื่อเตรียมจะสวมกอด นั่นทำให้คุณหมอตัวเล็กระเบิดเสียงหัวเราะออกมาชุดใหญ่

ชาญวิทย์สีหน้ากระเง้ากระงอด "ทำไมต้องรู้ทันตลอดเลย”

คุณหมอพยายามกลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้ ก่อนจะหันตัวกลับ และแสร้งทำหน้าเหรอหรา "เอ...ติ๊กหายไปไหนนะ เรียกก็ไม่ยอมออกมา”

"แพทอย่าตอกย้ำได้ป้ะ?”

"ทำไมเราเรียกแล้วก็ไม่ออกมา ถ้านับหนึ่งถึงสามแล้วติ๊กไม่ออกมา เราจะทำไงดีล่ะ?”

ชาญวิทย์มองการแสดงของอีกฝ่ายด้วยสีหน้าออกบึ้งตึง ขณะที่หมอแพทยังทำท่าชะเง้อมองซ้ายทีขวาทีอยู่อย่างนั้น จนท้ายที่สุดเป็นเขาเองที่ต้องถอนหายใจเฮือกยาว ก่อนเดินเข้าไปสวมกอดร่างเล็กจากด้านหลัง ค่อย ๆ กระชับวงแขนโอบล้อมอีกฝ่ายอย่างทะนุถนอม

"เราอยู่นี่แล้ว” กระซิบบอกข้างหู หมอแพทค่อย ๆ ปล่อยตัวตามสบาย ทิ้งน้ำหนักไปด้านหลังพิงร่างสูงใหญ่เอาไว้ โดยชาญวิทย์ยังคงยืนได้อย่างมั่นคง

"จำได้ไหม? แพทเคยบอกเราว่า แพททำได้ทุกอย่าง ยกเว้นขับเครื่องบิน”

"อืม” คุณหมอตอบพึมพำในลำคอ เอียงแก้มซบอกกว้าง ชาญวิทย์จับมือคู่เล็กเอาไว้มั่น

"เราอาจจะช่วยให้แพทขับเครื่องบินไม่ได้ แต่เราพาแพทบินไปกับเราได้” กัปตันหนุ่มค่อย ๆ ดึงตั๋วเครื่องบินใบมือหมอแพทออกมากางให้ดูอีกหน

"ทำไมถึงเป็นมัลดีฟ...แล้วทำไมมีที่นั่งเดียว?” คุณหมอถามคนรัก ชาญวิทย์กระชับยิ้ม

"เพราะไฟลท์นี้เราคุมเองทั้งเที่ยวไปเที่ยวกลับ ถึงแม้จะไม่ได้นั่งข้างกัน แต่แพทจะบินไปพร้อมกับเรา...เราอยากให้แพทนั่งเครื่องที่เราขับนะ”

"ติ๊ก...” หมอแพทหันไปหาคนรักด้วยสีหน้าลำบากใจ

 "แต่เราติด...”

"ไม่ติดหรอก"

"ฮะ?”

"งานน่ะไม่ติดหรอก เราแลกเวรให้แล้ว”

"!!!” คุณหมอถึงกับสะดุ้งจนตาเบิกโพลง วินาทีต่อมาจึงขืนตัวออกจากอ้อมกอดคนรัก แต่กัปตันไม่ปล่อยให้หลุดออกไปได้

"แลกเวร...ได้ไง?”

"ต้องได้ดิ ให้ไอ้กานต์จัดการให้หมดแล้ว วันนี้แพทไม่ต้องไปทำงาน และจากนี้อีกหนึ่งอาทิตย์ก็เป็นวันหยุดพักร้อน ทุกอย่างคอนเฟิร์มแล้ว จัดการเรียบร้อยหมดแล้ว” ตอบพร้อมอธิบายอย่างยาวด้วยน้ำเสียงเริงร่า

"...ทำไมไม่บอกเราก่อน”

"บอกก่อนแพทก็ปัดเราสิ”

"...” หมอแพทไม่โต้ตอบว่ากระไร แต่หันหน้าหนี ก้มหน้าลงและนิ่งเงียบ ชาญวิทย์เริ่มรู้สึกได้ว่าคนรักตัวเล็กของเขากำลังโกรธ เขากอดหมอแพทเอาไว้แน่น

"เราขอโทษที่ทำอะไรไม่บอกก่อน เราแค่อยากให้แพทตื่นเต้น แพทเองก็ทำงานเหนื่อยมาทั้งปีแล้ว จะได้พักผ่อนด้วยไง”

หมอแพทไม่ตอบว่ากระไร เงียบกันไปนานจนชาญวิทย์เริ่มใจไม่ดี และเวลาต่อมาร่างเล็กก็ค่อย ๆ ขืนตัวออกจากอ้อมกอดเขา นั่นทำให้กัปตันหนุ่มต้องสลด ยืนคอตกทำหน้าจ๋อย

"กระเป๋าอะ?”

แต่แล้วคำถามทำให้เขาต้องเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของร่างเล็กที่หยุดอยู่ข้างประตู ชาญวิทย์ตีคำถามกลับไป "กระเป๋าอะไร?”

คำตอบถูกส่งออกมาพร้อมกับรอยยิ้ม

"กระเป๋าเดินทางเราไง”

และกัปตันหนุ่มก็ถึงบางอ้อ เพียงเท่านั้นรอยยิ้มก็ผุดพรายเต็มหน้า ดีใจจนหน้าบาน ดีใจมากจนทำอะไรไม่ถูก แต่เมื่อตั้งสติได้ ก็ว่าจะวิ่งไปกอดคนรักให้แน่นสักที

"หยุด!” ทว่ายังไม่ทันได้ออกก้าวแรกกลับถูกสั่งเสียงเข้ม ชาญวิทย์หยุดชะงักทันทีและมองหน้าอีกฝ่ายอย่างงุนงง คุณหมอตัวเล็กสีหน้าเคร่งขรึม ยกมือชี้มาทางเขา "หยุดอยู่ตรงนั้น อยู่เฉยๆ ยืนตรงๆ"

เขาทำตามอย่างว่าง่าย ขณะที่หมอแพทนิ่งเงียบ

แต่ท้ายที่สุดหน้าหวานก็ฉีกยิ้ม...

หมอแพทวิ่งมาหาเขา และกระโดดกอดเขา จนตัวเซไปชิดระเบียง

"ติ๊กกอดเรามาเยอะแล้ว ให้เรากอดติ๊กบ้างนะ”

ได้ฟังคำอธิบายแล้วชาญวิทย์รู้สึกหัวใจเต็มตื้น เขาหัวเราะแผ่ว ก่อนจะกอดตอบเช่นกัน ขณะที่หมอแพทหลับตาพริ้ม  ท่ามกลางสายลมและลูกโป่งสีขาวที่ขยับพลิ้วไหว ช่วยเสริมให้ภาพอ้อมกอดนี้สวยงามไร้ที่ติจริง ๆ

ในเวลาต่อมา ชาญวิทย์ฉุกคิดบางอย่างขึ้นได้ และนั่นทำให้เขาพรายยิ้มกว้าง

'วิธีทำมีหลายทางให้เลือก แต่คำตอบสุดท้ายมีเพียงหนึ่งเดียว'


"แพท...”

"หืม?”

"นั่นแหละ”

"หือ??”







Fin.










และแล้วก็จบบริบูรณ์ ฮือ~ น้ำตาไหล  :mew4:
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามเรื่องราวของหมอแพทและกัปตันติ๊กนะคะ
ถึงจะเป็นระยะเวลาสั้นๆ แค่หนึ่งเดือน แต่ก็รู้สึกเหมือนแต่งเรื่องนี้มาแล้วยาวนานมากกกก ๕๕๕๕
เรื่องนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าไม่มีนายเอกของเรา ขอบคุณพี่หมอเกาลัด ที่ให้น้องยืมตัวมาเล่นนะคะ
ที่จริงก็แอบขอบคุณเพจคุณนักบินคนนึง ที่ศรีไปเก็บข้อมูลมาอย่างเงียบๆ
เรื่องนี้บอกเลยว่าแต่งยากค่ะ อาชีพตัวละครเฉพาะทางมาก และตัวศรีเองก็ห่างจากงานเขียนมาหลายปี
ก็ดีใจนะคะ ที่ได้รู้ว่ามีคนติดตามเรื่องนี้อยู่ แต่งไป ๆ เลือดหมดตัว รู้สึกเหนื่อย ก็อาศัยเข้ามาอ่านคอมเม้นนี่แหละค่ะ
เหมือนได้ยาชูกำลังชั้นดีเลย ขอบคุณจากใจจริง ๆ ค่ะ


และวันนี้ศรีก็มีข่าวมาประชาสัมพันธ์ด้วยว่า FLY มีแผนจะรวมเล่มค่า~
ใครที่สนใจ เดี๋ยวไว้ศรีจะเอารายละเอียดมาลงในนี้ให้อีกทีนะคะ
จะเข้าไปอ่านจากหน้าโน้ตในเพจของศรีก่อนก็ได้ หรือเข้าจากลิ้งก์นี้ค่ะ http://on.fb.me/1cXl1PU



ปล.มีคำผิดไหมหลงมาคะ รบกวนผู้เชี่ยวชาญเหมือนเดิมค่ะ ๕๕๕๕  :-[
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-03-2014 10:30:11 โดย วายศรี »

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
หมอแพทมีอาการฮัดฮัดเล็กน้อย >>>>>>> ฮึดฮัด
ชาญวิทย์สีกระเง้ากระงอด >>>>>>> สีหน้า
กระชับวงแขนโอบล้อมอีกฝ่ายอย่างทนุถนอม >>>>>>> ทะนุถนอม
คุณหมอตัวเล็กสีหน้าเคร่งขึง >>>>>>> เคร่งขรึม
ในเวลาต่อมา ชาญวิทย์ฉุกบางอย่างขึ้นได้ >>>>>>> ฉุกคิด

เป็นการเอาแต่ใจที่ไม่ถูกโกรธด้วยล่ะ
แต่อันสุดท้ายไม่รู้เรื่องอะ กัปตันติ๊กคิดจะทำอะไร

ออฟไลน์ shijino

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0
ตามมาอ่านตอนจบ ขบคุณค่า หวานมาก ชอบมากเลยค่ะ  :pig4:
ปล. อยากอ่านตอนพิเศษด้วยอ่า  :mew2:

ออฟไลน์ 28016

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ตอนแรกเห็นแววดราม่าเลยรอจบแล้วค่อยมาอ่าน กลัวจะค้าง  :hao5:
ดีใจที่จบแฮปปี้ ตอนแรกกลัวทั้งคู่จะเลิกกันมาก มาคุใช่ย่อย :katai1:
ขอบคุณสำหรับนิยายน่ารักๆเรื่องนี้นะคะ  :-[

คำตอบถูกส่งออกมาพร้อมกับร้อยยิ้ม
เพียงเท่านั้นร้อยยิ้มก็ผุดพรายเต็มหน้า
อีกจุดนึงค่ะ > ก่อนที่ร้อยยิ้มตามแบบฉบับหมอกานต์
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-03-2014 23:44:20 โดย 28016 »

ออฟไลน์ ormn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3925
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +324/-8
    • http:///uc.exteenblog.com/riko-tomo/images/23213506_1208714389_3598161_Okane_ga_Nai_v01_ch01_pg002__Cover.jpg
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[น่ารักที่สุดอะ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
เรื่องน่ารักมาก
ถ้าหมอเกาลัดมาอ่านจะเขินมั้ยเนี่ย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Zelsy

  • เพราะ "รัก" คำเดียวเท่านั้น
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1860
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-2
เรื่องน่ารักมาก
ถ้าหมอเกาลัดมาอ่านจะเขินมั้ยเนี่ย
ไม่มีทางซะหรอกครับ พวกเคะไม่ยอมรับความจริงอะ :hao7:

ออฟไลน์ nuwi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
 :mew1: :mew1
น่ารักมากเรื่องนี้
มีชีวิตจริงของแพทย์เลยที่หลายคนต้องเลิกกับแฟนเพราะไม่มีเวลาให้

วายศรี

  • บุคคลทั่วไป
เป็นการเอาแต่ใจที่ไม่ถูกโกรธด้วยล่ะ
แต่อันสุดท้ายไม่รู้เรื่องอะ กัปตันติ๊กคิดจะทำอะไร


มันต่อมาจากตอนที่ 3 ที่หมอกานต์ส่งข้อความมาให้ในไลน์ ว่าด้วยเรื่องการหาตัวแปรของความรักน่ะค่ะ

วายศรี

  • บุคคลทั่วไป
เรื่องหลักจบแล้วนะค้า อยากจะแจ้งย้าย แต่ไม่รู้ทำไงอะ?  :sad4:

ตอนนี้ศรีกำลังเปิด pre-order เรื่องนี้อยู่นะคะ เป็นรวมเล่มตีพิมพ์ขายเอง ในเล่มจะมีตอนพิเศษอีก 3 ตอนค่ะ

ไม่แน่ในว่ารายละเอียดเอาลงในนี้ได้ไหม? คือพอศรีไปดูห้องซื้อขายแล้วมันไม่มีปุ่มให้เปิดกระทู้อะค่ะ  :sad4:

ใครที่สนใจตามไปดูที่เพจวายศรีได้นะคะ /www.facebook.com/legendary.fujoshi

ศรีอัพรายละเอียดไว้ในโน้ต ปักหมุดไว้บนสุดเลยค่ะ

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
สุข สมหวังจริงๆค่ะ :katai2-1:

ออฟไลน์ punchnaja

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3354
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +383/-5
เขียนเก่งจัง สนุกมากค่ะ หน่วงมากๆ เคยเขียนเรื่องอื่นบ้างไหมคะ อยากอ่านจัง^^
 :mew3:

ออฟไลน์ happy-jigsaw

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 361
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-0
อบอุ่นจริงจัง

จริงๆ ความรักก็มีกลายรูปแบบนะ อยู่ที่เราจะทํามันให้เกิดสุขในรูปแบบใด... :กอด1:

วายศรี

  • บุคคลทั่วไป
เขียนเก่งจัง สนุกมากค่ะ หน่วงมากๆ เคยเขียนเรื่องอื่นบ้างไหมคะ อยากอ่านจัง^^
 :mew3:

เคยเขียนฟิกชั่นดาราค่ะ แต่นานมาแล้ว ไม่กล้าเอามาลง อาย อิอิ
แต่อนาคตศรีว่าจะเขียนเรื่องใหม่ ก็จะเอามาลงที่นี่อีก รอติดตามกันนะค้า  :-[

ออฟไลน์ inspirer_bear

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-5
อ่าาาาน่ารักเชียว หมอแพทกับกัปตันติ๊ก
อ่านตอนนี้แล้วมีความสุขอะ

ออฟไลน์ ekonut

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 350
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-1

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด