เอิ่ม.. คุณเล่ามา ผมก็เห็นภาพตามอะนะครับ .. เล่นเอาซะฟินเลย ไม่น่าเชื่อเนอะครับว่าจะเป็นเรื่องจริงน่ะ มันน่ารักกันดีจริงๆ
ก็อย่างที่หลายๆ คนบอกนะครับ ถ้าไม่ลองแล้วจะรู้ได้ยังไง? .. แต่ก่อนที่จะลองคุณเตรียมใจมาดีหรือยัง?
คุณอยากรู้สินะครับ.. ว่าเขาคนนั้นของคุณจะชอบคุณหรือเปล่า เพราะเพื่อนกันคงไม่ทำแบบนี้ใช่ไหมล่ะครับ?
คุณลองคุยกับเขาตามลำพังดูสิครับ จับมือเขาไว้.. ตอนแรกอาจแค่เขยิบมาใกล้ๆ กัน จากนั้นก็พูดกับเขาด้วยใบหน้าจริงจัง
ผมไม่ได้บอกให้คุณทำตามที่ผมพูดนะ เพราะผมเองก็ไม่รู้ว่าผลที่จะตามมาจะเป็นยังไง .. ต้องกล้าเข้าไว้นะครับ
ที่สำคัญผมไม่รู้ว่าคุณปฏิบัติตัวกับเขายังไง แบบ..แนวๆ ชอบปกป้อง หรือ ชอบถูกปกป้องน่ะครับ ..
ผมเลยแนะนำอะไรไม่ได้มากหรอกครับ แต่ก็อยากแนะนำจริงๆ นะครับว่า ต้องคุยกันสักวันหนึ่ง ถ้าผ่านพ้นชีวิตม.ปลายไปแล้ว
แล้วคุณมานึกย้อนเรื่องราวเหล่านี้ คุณอาจจะเสียใจที่ไม่ได้บอกอะไรไปเลย เพราะหากคิดเหมือนกัน ก็คลิ๊ก กันพอดี
ผมพูดในกรณีบวกนะครับ การที่เขาทำท่าเหมือนจะหึงคุณ (ผมใช้คำนี้ได้ไหม?) ก็น่าจะบอกอะไรคุณหลายๆ อย่างแล้วล่ะ
แต่ถ้าอยากจะทำให้มันชัดเจนไปเลย ก็ต้องคุยครับ ต้องพูด ต้องบอก แต่คุณต้องเตรียมใจก่อนจริงๆ จะได้ยอมรับทุกอย่างได้
หรือไม่ก็ลองลองใจเขาหน่อยเป็นไงครับ? เช่นแอบควงสาวต่อหน้าอะไรแบบนั้นน่ะ.. หาหน้าม้าเผื่อไว้ครับ เผื่อคุณสนใจวิธีผม หะหะ
อันนี้ก็พูดไปเรื่อยครับ มันก็อยู่ที่คุณสองคนนั่นล่ะจริงๆ แล้ว แล้วก็อยู่ที่ตัวคุณด้วยว่าจะตัดสินใจยังไง หรือจะปล่อยให้เป็นแบบนี้
จนห่างกันไปเอง แต่ก็อาจเป็นเหมือนที่คนๆ นึงบอกคุณว่า เหมือนกับเรื่องของเขา แต่พออยู่มหาลัย อยู่ห่างไกลกัน ความรู้สึกต่างๆ
ที่คิดว่าจะเป็นคำว่าชอบก็จะหายไป... เพราะไม่เคยมีคนมาอยู่ใกล้กันขนาดนี้ คุณไม่คิดบ้างเหรอครับ ว่าขณะที่คุณคิดมากอยู่
เขาของคุณก็คิดมากเหมือนกัน.. อืม ก็แล้วแต่ความคิดแต่ละคนครับ นานาจิตตัง ทุกคนต่างพยายามให้คำแนะนำคุณอยู่
คุณก็นำไปคิดและพิจารณาเอาครับ ว่าจะทำยังไงต่อจากนี้? จะเป็นเหมือนเดิมทั้งๆ ที่ยังคาใจ หรือจะลุยต่อไปจะได้ไม่ค้างคา
ผมเป็นกำลังใจให้นะ.. ผมรู้ว่าคุณทำได้ครับ
(พิมพ์ตั้งยาว ขอบคุณที่เสียเวลาอ่านนะครับ)