“ไม่ต้องหรอกครับนวลเดี๋ยวเฟิร์สทำเองครับ นวลไปรอข้างนอกนะครับเหนื่อยแย่เลยเดี๋ยวรอไปใส่บาตรด้วยกันนะครับ แล้วบอกนวลกี่ครั้งแล้วว่าห้ามเรียกว่าคุณหนู” ผมพูดพร้อมรอยยิ้มอันอบอุ่นให้กับหญิงชราเบื้องหน้าที่ยืนยิ้มตอบผมเช่นกัน
“มันติดนะคะ”
“ไม่เอานะครับ ไม่ชอบนะนวลจะเรียกชื่อเฉยๆ หรือจะเรียกตามพ่อกับแม่ก็ได้นะครับนะนวลนะ” ผมพูดขึ้นอีกหลังจากที่เดินไปจับมืออันเหี่ยวย่นไปตามกาลเวลาขึ้นมาลูบ
“ค่ะ!” ป้านวลยิ้มรับอีกเช่นเคย ผมจะบอกว่าอาหารฝีมือป้านวลอร่อยมากครับใครได้กินแล้วจะติดใจ ยิ่งขนมหวานนะครับขอบอกว่าอร่อยสุดๆ คนอะไรก็ไม่รู้หยิบอะไรลงหม้อลงจานก็อร่อยไปเสียหมดทุกอย่าง
“ป้านวลไปพักนะครับเดี๋ยวเราจะช่วยกันยกไปเองนะ แค่นี้ก็เหนื่อยแย่แล้วนะครับ” เจ้าของวันเกิดเดินมาจับมือหญิงชราตรงหน้าเช่นกันหลังจากที่ผมเดินมาดูข้าวของด้านหลัง
“เราจะได้ออกไปใส่บาตรพร้อมกันนะครับเกิดมาชาติหน้าเราจะได้มาเจอกันอีกนะครับ”
“ที่รักคราฟฟมาช่วยยกดอกไม้หน่อยสิครับ!!”
“ครับ!” คนน่ารักปล่อยมือจากแม่ครัวใหญ่ของบ้านแล้วเดินมาหาผม เราช่วยกันขนของไม่กี่รอบก็นำข้าวของทุกอย่างออกมาเรียงรายหน้าบ้านได้ครบพร้อมเพรียง โดยที่มีป้านวลยืนหัวแถวคอยตักข้าวถัดมาก็เป็นที่รักและก็ผมตามลำดับ
เราใส่บาตรต้อนรับเช้าวันใหม่และต้อรับวันเริ่มอายุใหม่ของคนน่ารักของผมด้วยความสดใสและปลาบปลื้ม พอใส่บาตรเสร็จพี่เขาก็เดินจับมือป้านวลเข้าบ้านก็เป็นหน้าที่ผมอีกตามเคยที่รับบทกรรมกรแบกหาม
....................................................
“ใส่บาตรกันเสร็จแล้วเหรอลูก?” คุณแม่เอ่ยทักเจ้าของวันเกิดด้วยรอยยิ้ม
“ครับเสร็จแล้วครับแล้วคุณพ่อล่ะครับ?”
“เดี๋ยวสักพักคงลงมาแหละเก็บของอยู่”
“เดี๋ยวบัสกับน้องจะมาหานะครับอย่าเพิ่งไปไหนกันนะครับ”
“จ้า!!!!”
“นวลเหนื่อยไหมต้องตื่นมาทำกับข้าวให้เด็กๆ ใส่บาตรกันตั้งแต่เช้าเลย” คุณแม่เอ่ยกับป้านวลที่นั่งลงข้างๆ
“ไม่หรอกคุณมีความสุขซะมากกว่า” หญิงชราเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“บ้านนี้หากไม่มีนวลคงยุ่งน่าดูเลย” คุณแม่ยังเอ่ยต่อพลางจับมือที่ผ่านโลกมาแล้วหลายร้อนหลายฝนกุมไว้
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกคุณ” เจ้าของมือยังคงตอบด้วยรอยยิ้มทำให้ดวงหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยนั้นดูเด็กลงไปมากโข
“นวล..ถ้าหากนวลเหนื่อยหรือไม่ไหวก็ไม่ต้องทำแล้วนะเดี๋ยวฉันจะหาคนใหม่มาทำแทน” เจ้าของบ้านยังคงเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ห่วงใยรักใคร่
“ไม่หรอกค่ะคุณยังไหวนะ!”
“ได้ไงล่ะนวลทำอะไรหนักๆ เดี๋ยวเป็นลมเป็นแล้งไปใครจะรับผิดชอบ” เสียงเข้มๆ ของผู้มาใหม่ดังขึ้นแทรกกลางระหว่างทั้งสอง
“คุณผู้ชาย!”
“พักได้แล้วนะนวลเดี๋ยวเราจะหาคนมาช่วยไม่เบื่อเหรอทำมาตั้งแต่ลูกชายนวลยังเล็กๆ จนป่านนี้โตเป็นหนุ่มแล้วนะ” คุณพ่อเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“มีความสุขดีค่ะ!!” เจ้าของเสียงแหบแห้งยังเอ่ยต่อด้วยรอยยิ้มพลางมีน้ำตาคลอหน่วยน้อยๆ ที่ขอบตา
“นวลอย่ามาเล่นละครน้ำเน่าหลังข่าวนะไม่ชอบดู” คุณพ่อเอ่ยกระเซ้าป้านวลที่เริ่มมีน้ำตา
“คุณก็!!” คุณแม่ที่นั่งข้างๆ แทรกขัดทันที
“มันอดไม่ได้จริงๆ ค่ะคุณนวลเลี้ยงมาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอยไม่คิดว่าจะโตเป็นหนุ่มขนาดนี้แล้ว สูงใหญ่แถมรูปหล่ออีกต่างหาก” หญิงชราเอ่ยพลางยกมือที่ว่างจากการกอบกุมของหญิงวัยกลางคนที่นั่งข้างๆ ขึ้นมาปาดน้ำตา
“ก็นวลแหละเลี้ยงลูกชายนวลด้วยอะไรล่ะมันถึงได้สูงใหญ่แบบนี้?” หญิงวัยกลางคนเอยสำทับหญิงชราที่กำลังเช็ดน้ำตาพลาง
ๆ
“นวลนี่บอกไม่เคยฟังเลยสักครั้ง!!” เสียงของชายวัยกลางคนที่นั่งข้างดังขึ้นก่อนจะหยิบทิชชู่ในกล่องบนโต๊ะส่งให้คนเจ้าน้ำตา
“คะแก่แล้วก็แบบนี้แหละห้ามตัวเองไม่ค่อยอยู่เลย”
“แก่ที่ไหนยังสาวอยู่เลยนะครับ” ผมเอ่ยขึ้นทันทีที่เข้ามาร่วมวงสนทนา
“บอกไม่เคยฟังเลยพ่อปลื้มดูแม่นวลของเราสิมาบอกว่ากงว่าแก่แม่เห็นมาตั้งแต่สาวแล้วนะอาการขี้แยเนี่ย?”
“ใครว่านวลแก่ครับไม่หรอกสวยขนาดนี้” ผมนั่งลงกับพื้นทันทีที่มาถึงตรงปลายเท้าของทั้งสามคนก่อนจะซบลงตรงตักอุ่นๆ ของหญิงสูงวัยที่ควรค่าแก่การนบนอม
“คุณหนู!!” หญิงชราเอ่ยขึ้นพร้อมลูบหัวผมเบาๆ
“บอกกี่ครั้งแล้วนวลว่าอย่าเรียกแบบนี้” ผมแหงนมองดวงหน้าที่เปื้อนน้ำตากำลังยิ้มทั้งน้ำตาให้เห็น
“คะ!!”
“ป้านวลร้องไห้ทำไมครับเฟิร์สทำอะไรเหรอครับ?” ที่รักของผมที่เดินถือพวงมาลัยดอกไม้สดเข้ามาร่วมวงตกใจกับสิ่งที่เห็นแล้วจึงทรุดตัวลงนั่งข้างๆ ผม
“เปล่าหรอกคะคุณนวลขี้แยเองแหละ!!”
“ช่ายๆๆ ผมก็ว่าแบบนั้นแหละนวลน่ะขี้แยจะตายชอบร้องไห้ขี้มูกโปง” ผมเอ่ยขึ้นทำให้ในวงสนทนามีเสียงหัวเราะเบาๆ เกิดขึ้น
“โห!!!!!นี่แก่ขึ้นอีกปีแล้วสินะเรา ปีนี้ก็เหมือนเดิมสินะได้พวงมาลัยเช่นเคย ขอเปลี่ยนเป็นบรั่นดีแทนสักขวดได้ไหมตาหนุ่ม?”
คุณพ่อเอ่ยแซวคนที่เพิ่งมาถึง
“คงได้หรอกครับแค่คนข้างๆ เมามาทุกวันก็ปวดหัวจะแย่อยู่แล้วครับคุณพ่อ” พูดเสร็จหันมาทำตาเขียวใส่ผมอีก
“ผมไม่เกี่ยวนะ...นวลดูสิพากันแกล้งผมอีกแล้วนะ”
“คุณเขารักหรอกค่ะ!!”
“นวลง่ะ!!”
“วันนี้วันเกิดพี่เขาทำตัวน่ารักหน่อยนะพ่อปลื้ม”
“คราฟฟฟคุณหญิงแม่” พูดจบผมก็หันไปหยิบพวงมาลัยสีสวยพวงพอเหมาะมาพวงหนึ่ง
“พวงนี้สำหรับนวลนะครับ ขอบคุณนวลที่ดูแลเลี้ยงดูผมมาจนโตขนาดนี้ จนเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาได้มีการมีงานทำนะครับ รักนวลนะครับ”
“บัสก็เหมือนกันนะครับขอบคุณป้านวลที่ไม่เคยรังเกียจเดียดฉันบัสเลยแถมยังดูแลเอาใจใส่มาตลอดขอบคุณป้านวลนะครับที่เลี้ยงเฟิร์สมาจนโตให้มาเจอกับผม” เราสองคนพนมมือก้มลงกราบกับเท้าเปล่าที่ขาวซีด หากสังเกตแล้วจะพบว่าเท้าคู่นี้คงผ่านอะไรมากมาย ผ่านร้อนผ่านหนาวมาแรมปี แค่นั้นแหละครับบ่อน้ำตาแตกเลย แต่น้ำตาที่ไหลหลั่งมากลับเป็นน้ำตาแห่งความยินดีปรีดาหาใช่เพราะเรื่องเศร้าอื่นใดเลย
“ขอบคุณนะคะที่ไม่เคยลืมคนแก่คนนี้เลยทั้งที่นวลก็แก่ลงทุกวันแล้วก็ไม่รู้จะอยู่ดูแลคุณและคุณหนูได้อีกนานแค่ไหนยังไงก็ฝากคุณช่วยดูแลคุณหนูให้นวลด้วยนะคะ มีอะไรก็ค่อยๆ คุยกันนะคะ หนักเอาเบาสู้ไหนๆ ก้ได้เป็นคู่ชีวิตกันแล้ว” หญิงชรารับพวงมาลัยไว้ในมือก่อนจะวางลงบนตักแล้วจับมือของเราทั้งมากุม พูดไปก็ร้องไห้ไป เห้อ!! นวลนี่นะ
“ครับ!!” เราสองคนรับคำพร้อมกันก่อนจะเขย่งตัวขึ้นเพื่อกอดคนแก่เจ้าน้ำตา
“ของพ่อกับแม่ไม่ต้องซึ้งนะตาหนุ่มมันเปลืองกระดาษทิชชู่!!”
“คุณพ่อก็!!”
“ครับ.....แต่ผมก็ต้องกราบขอโทษคุณพ่อกับคุณแม่นะครับที่ผมไม่สามารถมีทายาทตัวน้อยๆ ให้คุณพ่อกับคุณแม่ได้ ขอโทษที่ผมไม่ได้เกิดมาเป็นผู้หญิง ขอโทษที่ไม่สามารถทำให้ครอบครัวของเราสมบูรณ์แบบได้เหมือนครอบครัวของคนอื่น ขอโทษนะครับ” เจ้าของวันเกิดเอ่ยขึ้นก่อนจะก้มลงกราบเท้าของคุณพ่อและคุณแม่ตามลำดับ
“ไหนคุณพ่อบอกแล้วไงว่าไม่ต้องซึ้งแล้วเราร้องไห้ทำไมตาหนุ่มหืมม์??”
“ขอโทษครับคุณแม่”
“อย่าโทษตัวเองแบบนี้สิค่ะคุณ” หญิงชราเอ่ยขึ้นพร้อมลูบหัวคนที่กำลังตาแดงๆ เพราะเพิ่งเช็ดหยาดน้ำตาออกไป
“ขอโทษนะครับป้านวลที่ผมไม่สามารถมีหลานน้อยๆ มาสร้างสีสันให้ป้านวลได้วิ่งไล่ตามนะครับ ขอโทษนะครับคุณแม่ คุณพ่อ” คนน่ารักของผมยังคงพร่ำบอกแต่คำขอโทษพร้อมน้ำตาที่ไหลมาเป็นทาง
“ไม่เอาๆ เลิกพูดได้แล้วคำนี้จะมาขอโทษอะไร แม่ไม่อยากฟังแล้ว” คุณแม่พูดจบก็ก้มลูบหัวคนที่บ่อน้ำตาแตกไปตามนวลอีกคน
“ผมก็อีกคนนะครับที่ต้องขอโทษทุกคนด้วยที่ไม่สามารถทำอะไรได้อย่างที่ทุกคนคาดหวังไว้แต่ผมก็จะทำหน้าที่ของผมทุกอย่างในวันนี้ให้เข้มแข็งและจะเป็นผู้นำครอบครัวของเราให้ดีที่สุดผมสัญญาครับ” ผมดึงมือพี่เขามากุมไว้หลังจากที่ก้มลงกราบเท้าบุพการีทั้งสองท่านเสร็จ
“แล้วเราคิดว่าพ่อกับแม่คาดหัวงอะไรในตัวเราล่ะพ่อปลื้ม? อย่ามาโทษตัวเองอีกคนนะ เราไม่สามารถเลือกที่จะเกิดได้หรอก หากเลือกได้เราก็คงเลือกที่จะเป็นคนที่มีความสมบูรณ์แบบกันไปหมดแล้ว ถ้างั้นในโลกนี้คงเป็นโลกแห่งความสมบูรณ์แบบไปแล้วล่ะ เราเลือกที่จะเป็นได้ เราเลือกที่จะเดินได้ เป็นอะไรก็ได้ขอแค่ให้เป็นคนดีของสังคมก็พอแล้ว” คุณแม่เอ่ยขึ้นพลางลูบหัวผมกับพี่เขาสลับกันไปมา
“งั้นเราไปทำกิฟท์กันไหมแล้วให้ตาหนุ่มอุ้มท้องเอาไหม?” คุณพ่อเอ่ยขึ้นขัดจังหวะอารมณ์ซึ้งของทุกคนทำให้นวลหัวเราะเบาๆ
“คุณก็เขากำลังอินในอารมณ์”
“เอาน่าอะไรมันจะเกิดก็ต้องปล่อยมันให้เป็นไปตามนั้นแหละเราจะไปกำหนดกฏเกณฑ์ให้มาผูกมัดตัวเราทำไม พ่อกับแม่น่ะไม่ห่วงหรอกเรื่องทายงทายาทอะไรนั้น สำหรับพ่อเองก็คงอยู่ไม่ถึงร้อยปีหรอก คงไม่ได้อยู่นานขนาดนั้น ถึงเวลานั้นมาไม่มีใครสืบทอดกิจการก็เอาไปบริจาคซะเป็นการทำบุญให้เราทุกคนก็แล้วกัน” คุณพ่อพูดจบก็ลูบหัวผมกับพี่เขาต่อจากคุณแม่ที่ดึงมือกลับไปแล้ว นั้นยิ่งส่งผลทำให้คนขี้แยของผมร้องไห้มาอีกรอบ
“อ้าวพ่อพูดอะไรผิดอีกละเนี่ยพ่อปลื้ม เอ้าๆๆๆ ปลอบกันเอาเองนะ!!”
“อย่าร้องเลยค่ะคุณเดี๋ยวก็ตาบวมหรอก” หญิงชราเอ่ยขึ้นทั้งๆ ที่ตัวเองก็ไม่ได้ต่างจากกันเลยสักนิด
“ตาหนุ่มมาหาแม่นี่ลูก!!”คนถูกเรียกเขยิบเข้าหาเจ้าของเสียงก่อนจะถูกดึงขึ้นไปกอด
“แม่กับพ่อไม่ได้ห่วงอะไรหรอกนะลูก ใช้ชีวิตให้มีความสุขดีกว่านะลูก อย่าร้องไห้เลย อย่างที่พ่อพูดก็ถูกไม่มีใครดูแลกิจการหรือสืบทอดก็บริจาคทำบุญไปซะ แค่ตอนนี้ครอบครัวเรารักกันเข้าใจกันก็เพียงพอแล้วไม่ใช่เหรอลูก แม่ขอแค่ตาหนุ่มจะรักและดูแลพ่อปลื้มของเราให้ดีก็พอแล้วนะลูก” คุณแม่เอ่ยพร้อมกอดปลอบประโลมคนยังคงร้องไห้อยู่
“ใช่ค่ะคุณแค่ครอบครัวเรารักกันเข้าใจกันก็พอแล้วนะค่ะ!!”
“ครับหนุ่มจะดูแลจะรักปลื้มให้ดีที่สุดจนกว่าวินาทีสุดท้ายของลมหายใจจะมาถึงนะครับ” คนสวยของผมพูดขึ้นทั้งน้ำตา อย่างหนักแน่น
“ผมก็เช่นกันนะครับจะรักและดูแลพี่และดูแลทุกคนในครอบครัวของเราให้ดีที่สุดครับ” ผมเขยิบเข้าหาขาของสองแม่ลูกที่ยังคงกอดกันอยู่ก่อนจะกอดขาของทั้งสองคนเข้าไว้ด้วยเช่นกัน
“เห้อ!!!อุตส่าห์บอกว่าไม่เอาซึ้งแล้วเชียวก็มาซะจนได้เอาเถอะๆ” เสียงเข้มๆ แต่ก็ฟังได้ว่าไม่ได้โกรธเคืองเลยเอ่ยท้วงขึ้น
“นวลว่าเราไปทานข้าวกันเถอะคะเดี๋ยวอาหารจะเย็นซะก่อนเดี๋ยวต้องไปบ้านโน้นอีกไม่ใช่เหรอค่ะแล้วจะต้องไปหาคณย่าท่านอีก”
“ใช่สิไหนจะต้องแวะไปหาคุณย่าอีกต้องไปบ้านสวนอีกนี่น่า” คุณแม่คลายอ้อมกอดหลังจากเอ่ยขึ้น
“ครับ!!งั้นเดี๋ยวผมขอพาคนขี้แยไปล้างหน้าก่อนนะครับดูสิตาบวมหมดเลย!!”
“ทานกันก่อนได้เลยนะครับไม่ต้องรอนะครับ” ผมเอ่ยขึ้นก่อนเดินจูงมือเจ้าของวันเกิดที่ตอนนี้หยุดร้องไห้แล้วครับเหลือแค่อาการตาแดงๆ
“ไหนให้ผมดูหน่อยสิครับ” ผมยกมือขึ้นลูบแก้มเนียนๆ พร้อมลูบเปลือกตาคนตรงหน้าเบาๆ ทำให้คนตรงหน้าหลับตาพริ้ม
“พี่ขอโทษนะเฟิร์ส พี่ขอโทษที่พี่ไม่ได้เกิดมาเป็นผู้หญิงของเฟิร์ส” น้ำเสียงแบบนี้ผมว่ามีโฮแน่ครับ
“ผมว่าถ้าพี่เป็นผู้หญิงพี่ก็คงไม่ได้มายืนให้ผมกอดอยู่ตรงนี้หรอกครับ อาจจะเป็นผู้ชายคนอื่นไปแล้วล่ะครับ!!”
พูดจบผมก็ก้มลงจุมพิตหน้าผากมนเบาๆ แต่เนิ่นนาน เพื่อส่งผ่านความรักความห่วงใย ที่ผมมีให้คนคนนี้อย่างไม่ขาดสาย ผมจะให้ความรักความอบอุ่นกับเขาตลอดไปไม่ว่าจะนานเพียงใดก็ตาม ผมจะรักและจะดูแลเขาให้ดีที่สุดจนสุดกำลังใจกำลังกายของผม
“พี่รักเฟิร์สนะครับ”
“ผมก็รักพี่นะครับ พ่อปลื้มรักตาหนุ่มนะครับ”
“อืม!!”
“พ่อปลื้มคนนี้จะรักจะดูแลครอบครัวของเราให้ดีที่สุดเท่าที่ยังมีลมหายใจและจะรักตาหนุ่มคนนี้ทุกวินาทีของหัวใจครับ”
“อือ!!ฮึกๆๆ!!!!!!!” อ้าวร้องไห้อีกแล้วครับ ใครก็ได้ช่วยผมที วั้นนี้ทำไมคนสวยของผมขี้แยจังนะครับ แต่ผมก็ไม่เบื่อหรอกนะครับไม่ว่าจะเวลาไหน ไม่ว่าพี่เขาจะยิ้ม หัวเราะ ร้องไห้ โมโห บ่น หรืออะไรก็แล้วแต่ผมก็ยังรักและชอบทุกการกระทำของพี่เขานะครับ
นับจากนี้ไปไม่ว่าจะเวลายิ้มผมก็จะยิ้มไปกับเขา เวลาหัวเราะผมก็จะหัวเราะไปกับเขา เวลาที่เขาร้องไห้ผมก็พร้อมที่ปลอบประโลมและยืนเคียงข้างคอยเช็ดน้ำตาให้เสมอ และเป็นกำลังใจให้ทุกครั้งที่เขาอ่อนแอตลอดไป
“ผมรักพี่นะครับรักมาก!!!!!”
“ครับ!”
สิ้นเสียงรับคำพูดผมก็กอดคนขี้แยอย่างอ่อนโยนแต่อบอุ่น จนแนบชิด เรากอดกันอยู่นานโดยไม่มีสุรเสียงใดๆ เอื้อนเอ่ยออกมา
เพียงแต่
ให้หัวใจรักกันของเราได้พูดคุยกันก็เพียงพอแล้ว
ครั้งแรกที่เจอรู้สึกเหมือนเคยเห็นเธอมาก่อน
มีเหตุสังหรณ์ว่าเธอกับฉันเคยคบกันมา
ทั้งที่ความจริงแค่ไม่กี่ครั้งที่เราพบหน้า
รู้สึกว่าถูกชะตาเหมือนกับว่าใจเราคุ้นเคย
ยามเธอยิ้มมาอยากบอกเธอว่าโลกนี้น่าอยู่
ยามเราเคียงคู่คลำหัวใจดูก็อุ่นจังเลย
ชิ้นส่วนสุดท้ายของคำตอบใจคอยเธอเอื้อนเอ่ย
ระหว่างรอเธอเฉลยอยากบอกไว้เลยฉันรู้สึกดี
เพราะเชื่อว่าคือเธอคืออีกครึ่งฝันที่ฉันตามหา
เราอาจพลัดพรากกันมาจากชาติก่อนหน้าจนเจอชาตินี้
หากหัวใจเธอรู้สึกตรงกับฉันพอดี
ก็อยากให้สองเรานี้อย่าได้มีวันพรากจากกัน
เธอบอกให้คอยฉันก็จะคอยรักไม่เคยเปลี่ยน
คือวันหมุนเวียนยังเก็บครึ่งใจเอาไว้เติมฝัน
ขอให้เวลาช่วยบอกเธอฉันรักคงมั่น
หากเราเกิดมาเพื่อกันคงมีเธอฉันในวันลงเอย
เพลง อีกครึ่งของฝัน
โดย ไม้เมือง
**********************************************
****************************************
แวะมาบอกว่าตอนหน้าตอนสุดท้ายและท้ายสุดแล้วนะครับ ก็จะจบบริบูรณ์แล้วนะครับ.......ฝากติดตามกันอีกนิดเดียวนะครับ
ขอบคุณทุกคนนะครับ
ปล.เมื่อวานลงนิยายเเล้วไม่ได้แจ้งครับ..........รีบเกิน