ชายหนุ่มคิดกับตัวเองมาตลอดทางว่า หรือเขายังใส่ใจอีกฝ่ายไม่พอ หรือเขานึกถึงอีกฝ่ายน้อยเกินไป เขาเองก็ชักเริ่มไม่มั่นใจว่าตัวเองดีพอแล้วหรือยัง แต่เขาแน่ใจว่าเคนคือคนที่เขาแคร์มากที่สุด นอกจากพ่อกับแม่แล้ว คงจะไม่มีใครที่เขาจะดูแล ห่วงใย และคิดถึงได้มากกว่านี้อีกแล้ว ในทางกลับกัน แม้เคนจะไม่ได้พูดอะไรออกมามากมาย แต่การกระทำมันตอกย้ำชัดว่า เคนแคร์เขามากกว่าใคร ถูกต้อง... เคนที่ไม่ค่อยเก่งเรื่องแสดงความรู้สึก เคนที่พูดเรื่องของตัวเองไม่เก่งเอาเสียเลย เคนที่ใครๆก็เข้าใจว่าเป็นคนเย็นชาคนนั้นแหละ
เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้ฮารุถามกับตัวเองว่า หรือเขาควรจะทำให้มันชัดเจนลงไปเสียที
ร่างสูงใหญ่ในชุดเสื้อผ้าลำลองแต่ดูดีได้อย่างเหลือเชื่อนั้น เหมือนกับจะตัดสินใจได้อย่างเด็ดขาด เขาสูดลมหายใจเข้าไปก่อนจะระบายออกมาแรงๆ และก้าวขายาวคู่นั้นไปยังลิฟท์กลางของคอนโดฯหรูแห่งนี้ เขาไม่ห่วงเรื่องเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่เฝ้าอยู่อย่างเข้มงวด เพราะมีคีย์การ์ดอยู่กับตัวอยู่แล้ว
คีย์การ์ดที่เจ้าของห้องหยิบยื่นให้กับเขาอย่างไม่ลังเลเมื่อเขาเริ่มกลายเป็นแขกประจำของที่นี่ไปแล้วนั่นแหละ คนที่หวงความเป็นส่วนตัวยิ่งกว่าอะไร คนที่ไม่เคยปล่อยให้ใครเข้ามาใกล้ชิดมากเกินไป คนที่กลัวจะเจ็บปวดจากความสัมพันธ์ใกล้ชิดคนนั้น แต่กลับยื่นคีย์การ์ดให้เขาอย่างคนที่ให้ความไว้เนื้อเชื่อใจกันเต็มที่
ทำไมเขาจึงไม่รักษาความรู้สึกคนคนนั้นให้มากกว่านี้ ทำไมจึงไม่ฉุกคิดให้เร็วขึ้นอีกสักหน่อย มันน่าเตะตัวเองนัก
ลิฟต์ตัวนั้นพาเขาขึ้นไปยังชั้นสูงสุด ฮารุเดินตรงไปยังห้องที่อยู่ด้านในสุด ห้องที่เห็นวิวทิวทัศน์ของเมืองหลวงอันวุ่นวายได้ดีที่สุด ห้องที่ต่อให้หลับตาเดิน เขาก็ยังไปถูก ชายหนุ่มหยุดยืนอยู่ที่หน้าประตูห้อง เขายืนอยู่อย่างนั้นนาที สองนาที สามนาที... นานเท่าไหร่ก็ไม่รู้ แต่ก่อนที่จะทันได้ยกมือขึ้นเคาะ ประตูสีขาวสะอาดบานนั้นก็เปิดออก
ฮารุไม่ได้เตรียมใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าแบบปุบปัป จำได้แค่เห็นดวงตากลมๆที่แสนคุ้นเคยกำลังจ้องมองตอบเขากลับมาอย่างไม่ลังเล แล้วก็มีแรงกระแทกโถมเข้าหาเขาเบาๆ อ้อมแขนอันอบอุ่นกอดรัดตัวของเขาเอาไว้อย่างหนักแน่น ลมหายใจอุ่นรดอยู่บนหน้าอก รู้ตัวอีกที หัวใจของเขาเต้นแรงถี่ขึ้นโดยอัตโนมัติ แขนแข็งแรงที่ค้างลอยอยู่โอบรัดร่างนั้นเอาไว้อย่างอ่อนโยน มือข้างหนึ่งประคองศีรษะกลมนั้นเอาไว้อย่างทะนุถนอม
“คุณเคน...” ฮารุเอ่ยได้เท่านั้น แต่ไม่น่าเชื่อว่ามันจะทำให้ความกังวลที่เขารู้สึกมาตลอดมลายหายไปจนหมดสิ้น แม้จะได้รู้จักใกล้ชิดกันมานานหลายเดือน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เคนกอดเขาแบบนี้ เคนเป็นคนพูดไม่เก่งก็จริง แต่การแสดงออกของดีไซเนอร์หนุ่มชัดเจนทุกอย่าง
“ผมขอโทษ” ร่างสูงใหญ่นั้นเอ่ยออกมาในที่สุด เคนคลายวงแขนกระชับนั้นออก ก่อนเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าหล่อจัดที่มองตอบกลับมาอย่างรู้สึกกับสิ่งที่พูดออกไปจริงๆ
“ขอโทษผมทำไม ผมสิต้องขอโทษฮารุ”
หนนี้ร่างสูงใหญ่นั้นเป็นฝ่ายประหลาดใจขึ้นมาบ้าง
“อ้าว... แล้วทำไมกลายเป็นคุณขอโทษผมล่ะเนี่ย”
เมื่อเห็นดวงตาดำสนิทของอีกฝ่ายจ้องมองตอบกลับมาโดยไม่เอ่ยอะไร ฮารุจึงได้แต่ยิ้มออกมา
“ผมว่าเราคงต้องคุยกันหน่อยแล้ว ว่าไหม”
โดยไม่ต้องให้บอกอะไรอีก ฮารุดุนร่างที่เล็กกว่าเข้าไปในห้อง ก่อนจะปิดประตูตามหลัง และเดินตามเคนไปยังโซฟาเบดเนื้อนุ่มสีนวลตาขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางห้อง ฮารุทรุดตัวลงนั่งเคียงข้างเคน โดยไม่สนใจที่จะรักษาระยะห่างเอาไว้บ้างเหมือนทุกครั้งอีกต่อไป
“บอกผมหน่อยว่า ฮารุขอโทษผมทำไม” เคนกลับเป็นฝ่ายชิงเอ่ยปากถามก่อน
ฮารุถอนหายใจออกมาเบาๆ เขาทำท่าครุ่นคิดแบบเด็กๆ เม้มปากราวกับพยายามจะไตร่ตรองคำพูดที่น่าจะแสดงถึงความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองออกมาให้ชัดเจนที่สุด
“ผมรู้สึกว่า ผมทำให้คุณลำบากใจ ยิ่งคืนนี้ผมได้คุยกับลินดา ผมยิ่งแน่ใจ” เขาหยุดคิดอยู่เป็นครู่ ก่อนจะว่าต่อ “ผมรู้สึกผิดมากที่ตัวเองไม่ชัดเจน แล้วก็ปล่อยให้เขามาพูดไม่ดีกับคุณ เห็นคุณทำหน้าแบบเมื่อตอนค่ำ ผมไม่สบายใจเลย ไม่ชอบใจด้วย โกรธด้วย” ฮารุสวมกอดเคนชนิดไม่ให้อีกฝ่ายตั้งตัว “ผมขอโทษ”
“ผมไม่ได้... โทษฮารุ” เคนกระชับกอดตอบ แต่หนนี้เขากลับรู้สึกดีขึ้นเป็นกอง “มันไม่ใช่นะ... ไม่โทษลินดาด้วย”
“แล้วคุณเคนขอโทษผมทำไม” หนนี้ฮารุเป็นฝ่ายยิงคำถามบ้าง
อ้อมกอดคลายลงแล้ว แต่ทั้งสองร่างยังคงนั่งชิดกันไม่ยอมห่าง
“ผมขอโทษที่ผมไม่ชัดเจนกับทั้งคุณ แล้วก็กับทั้งตัวเองเสียที ไม่ชัดเจนกับอะไรสักอย่าง สุดท้ายก็ทำให้ตัวเองต้องตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกแบบนี้”
“หมายความว่ายังไง”
“ผมชอบฮารุนะ” แค่เคนเอ่ยปากว่าชอบ ก็ทำให้หัวใจของชายหนุ่มเต้นแรงขึ้นมาเสียแล้ว บ้าจริง ฮารุ “ผมชอบฮารุมาก... แต่ผมพูดไม่เก่ง แสดงความรู้สึกก็ไม่เก่ง ได้แต่แสดงออกผ่านทางการกระทำนี่แหละ” เคนว่าต่อยืดยาว “ผมไม่รู้จะบอกฮารุว่าอยากอยู่ใกล้ๆได้ยังไง ก็เลยต้องใช้เรื่องงานมาบังหน้า ผมอยากให้คุณไปไหนมาไหนเป็นเพื่อนด้วย แต่ก็รู้ว่าฮารุเองก็มีงานและมีชีวิตเป็นของตัวเอง ผมอยากให้ฮารุนึกถึงผม ผมก็เลย ทำอะไรเอาแต่ใจตัวไปหลายอย่าง ทั้งที่ชวนมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ เป็นนายแบบ เป็นทุกอย่าง จนดูเหมือนว่าผมเห็นแก่ตัวที่เก็บคุณเอาไว้กับตัวคนเดียว”
“ผมไม่รู้เลย... ไม่นึกเลยว่าคุณจะรู้สึกกับผมแบบนี้ คิดมาตลอดว่าที่คุณทำไปทั้งหมด เป็นเรื่องงานล้วนๆ” ฮารุเอ่ยพร้อมสีหน้าราวกับไม่แน่ใจในสิ่งที่ได้ยิน แต่มือข้างหนึ่งกระชับมือเรียวยาวของสมเป็นมือดีไซเนอร์ของเคนเอาไว้แน่น
“ผมไม่แฟร์กับคุณเลยใช่ไหม ขอโทษนะ” เคนได้แต่ก้มหน้า
“ไม่สิ... ขอโทษทำไม” ฮารุทำตาโต “ไม่แฟร์ตรงไหน ผมมีวันนี้ได้เพราะคุณเคนนะ คุณเป็นคนเปิดโอกาสให้กับผม เป็นคนเปิดประตูให้ผมได้กลายเป็นที่รู้จักและมีวันนี้ ที่ผ่านมา ผมมีความสุขจะตายเวลาที่ได้อยู่กับคุณ” เขาระล่ำระลักพูด “คุณไม่รู้หรอกครับว่าที่คุณพูดมาน่ะ มันทำให้ผมรู้สึกดีแค่ไหน...” พูดยังไม่ทันจบ ฮารุก็ดึงร่างที่เล็กกว่านั้นเข้าไปกอดกระชับเอาไว้อีก ก่อนจะพูดกระซิบพอให้ได้ยินกันสองคนเท่านั้นว่า “ผมชอบคุณมากนะ... ถ้าอยากให้ผมอยู่ใกล้ๆ แค่เอ่ยปากบอก ผมก็จะมาอยู่ข้างๆคุณได้เสมอแท้ๆ”
เคนยกแขนขึ้นโอบแผ่นหลังกว้างนั้นเอาไว้ด้วยความรู้สึกที่อบอุ่นในหัวใจอย่างยิ่ง ทั้งที่เขาเป็นคนที่หวาดกลัวการมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับคนอื่นแท้ๆ แต่ครั้งนี้ตัวเองกลับเป็นฝ่ายวิ่งเข้าไปหามันเสียได้
“แล้วไหนบอกผมซิ...” ฮารุ ผละจากอ้อมกอดนั้นอย่างอ่อนโยน ก่อนจะจ้องเข้าไปในดวงตาสีเข้มของอีกฝ่ายอย่างติดจะคาดคั้น “ลินดาไปพูดอะไร คุณถึงหนีผมกลับมาก่อนเสียอย่างนั้น”
“ก็พูดแบบตัวร้ายในละครนั่นแหละ... เวลาดูทีวีก็นึกขำว่าคนเราจะพูดอะไรแบบนั้นได้จริงๆหรือ แล้วก็เลยโดนเองกับตัวนี่ไง” เคนทำหน้าปูเลี่ยน
“ฮื้อ... พูดยังไง” ฮารุเลิกคิ้วสงสัย
“ก็ประมาณว่า ทำตัวเป็นสมภารกินไก่วัดบ้างล่ะ เป็นดีไซเนอร์ที่หวังอะไรจากนายแบบของตัวเองบ้างล่ะ ไม่กลัวคนอื่นตราหน้าคุณกับผมว่าเป็นพวกนิยมไม้ป่าเดียวกันบ้างหรือ อะไรทำนองนี้... เยอะเหมือนกัน เขามาพูดกระทบกระเทียบผมแบบนี้มาเป็นเดือนแล้ว”
“แล้วคุณก็เก็บมาคิดมากเนี่ยนะ”
“คิดสิ! ไม่คิดได้ไง ถ้าคนอื่นมองคุณไม่ดี แล้วอนาคตในการทำงานของคุณจะเป็นยังไง ผมยอมไม่ได้หรอก ถึงมันจะฟังดูแย่ แต่ที่เขาพูดมามันก็มีส่วนถูกอยู่เหมือนกัน... ที่เจ็บใจก็ตรงที่เขาพูดถูกนี่แหละ”
“ก็แล้วจะทำไมล่ะ!” หนนี้เคนเป็นฝ่ายมองตอบฮารุบ้าง “ก็ผมชอบคุณจริงๆนี่ คุณเองก็ชอบผมใช่ไหม เป็นเรื่องดีจะตาย แล้วคุณจะสนใจคำพูดของผู้หญิงคนนั้นทำไม”
“ไม่กลัวจะต้องมาเป็นข่าวกับผู้ชายด้วยกันเหรอ”
“ถ้ากลัวผมคงไม่ยอมอยู่ใกล้คุณตลอดเวลาอย่างนี้หรอก ผมสิกลัวคุณเสียหายมากกว่าอีก ถึงได้ยั้งๆเอาไว้อยู่เนี่ย แล้ว ทำยังกับเราเป็นผู้ชายคู่แรกที่ชอบกันยังงั้นแหละ” พูดจบเคนถึงกับหัวเราะพรืดออกมากับความห่ามห้าวของนายแบบหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า
“คุณเป็นห่วงผม?”
“ห่วงสิ คุณเป็นถึงดีไซเนอร์ที่คนนับหน้าถือตา กว่าคุณจะมีวันนี้ได้ไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้าต้องมาเสียเพราะนายแบบหน้าใหม่ที่เพิ่งเข้าวงการมาอย่างผม มันไม่คุ้มกันหรอก ผมน่ะมีวันนี้ได้ก็เพราะคุณ ถ้าจะต้องเป็นฝ่ายถอยและทิ้งมันไปเพื่อคุณ ผมไม่เสียดายหรอก”
“แล้วลินดา... ไม่กลัวเขาเอาไปพูดหรือ”
“กลัวไม่กลัวก็ตอกกลับไปแล้วว่า ให้ผมชอบผู้ชายอย่างคุณดีกว่าชอบผู้หญิงอย่างเขา ปากไวมั้ยล่ะผม” ฮารุกลอกตาอย่างไม่นึกยี่หระอะไร แต่เรียกเสียงหัวเราะจากเคนได้ชนิดไม่ยั้งอีกต่อไป
“บ้าไปแล้วฮารุ... ทำขนาดนั้นเลยเนี่ยนะ”
“ก็เออสิ... ผมไม่ใช่คนซื่อจนไม่รู้นะว่าผู้หญิงมีใจให้ แต่โอ้โห... มาทำกับคุณขนาดนี้ ผมไม่ปล่อยไว้หรอก ปกติไม่ปากจัดกับผู้หญิงแบบนี้เลยนะ หนนี้ต้องขอหน่อย”
“พอแล้วน่า พอแล้ว... “ เพราะอะไรก็ไม่รู้ เขาจึงไม่เหลือความรู้สึกขัดเคืองใจใดๆต่อลินดาอีก ทั้งที่ตลอดทั้งเดือนที่ผ่านมา ลินดาทำให้เขารู้สึกแย่ได้อย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนแท้ๆ “ผมไม่ติดใจอะไรกับเขาแล้ว”
“คุณเคน...” น้ำเสียงที่จู่ๆกลับจริงจังขึ้นจนทำให้เขาไม่กล้าสบตาเจ้าของเสียงเรียกนั้นเอ่ยขึ้น “ถ้าอย่างนั้นก็แปลว่า ผมอยู่ใกล้ๆคุณได้ใช่ไหม”
ดีไซเนอร์หนุ่มได้แต่พยักหน้า ดวงตาไม่ได้จับจ้องอยู่ที่ใบหน้าหล่อเหลาที่อยู่ใกล้เสียจนรู้สึกได้ถึงลมหายใจของอีกฝ่ายอีกต่อไปแล้ว
“ให้ผมชอบคุณได้ใช่ไหม”
เคนเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าที่ถามเขาอย่างจริงจัง ก่อนที่จะพบว่า ใบหน้านั้นขยับเข้ามาใกล้ชิดเสียจน ภาพนั้นเบลอไปหมดตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ รู้สึกตัวอีกทีก็เมื่อริมฝีปากอุ่นของฮารุแตะอยู่เบาๆที่ริมฝีปากของตัวเองนั่นแหละ ครั้งแรกมันเป็นแค่สัมผัสที่นุ่มนวล ก่อนจะผละออก และดึงดูดเข้าหากันอีกครั้งจนแนบสนิท หนนี้มันไม่ได้นุ่มนวลเหมือนเดิม แต่รุกเร้าและบดเบียดเสียจนต่างฝ่ายต่างก็เคลิบเคลิ้ม เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ที่ลิ้นอันอุ่นร้อนของฮารุรุกล้ำเข้าไปสัมผัสกับปลายลิ้นที่ไม่ประสาของเขา
มือแข็งแรงข้างหนึ่งของฮารุสอดเข้าไปตรงท้ายทอยที่ปกคลุมไปด้วยเส้นผมอ่อนนุ่ม เขาประคองศีรษะกลมสวยของอีกฝ่ายเอาไว้ โดยมืออีกข้างโอบกอดเอวเล็กๆก่อนจะรั้งมันเข้าหาตัวเอง เมื่อร่างกายแนบชิดกันขนาดนั้น จึงเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ที่เคนจะต้องยกแขนทั้งสองข้างโอบรอบคอของฮารุเอาไว้เพื่อทรงตัว แต่กลับยิ่งเพิ่มความแนบชิดให้มากขึ้นไปจนเรียกได้ว่าแทบจะกลายเป็นคนคนเดียวกัน
ลมหายใจหอบถี่เพิ่มความตื่นเต้นให้กับจูบอันดูดดื่มที่ดูเหมือนจะไม่ยอมจบลงง่ายๆ เพราะเมื่อฝ่ายหนึ่งถ่ายถอนริมฝีปากออก อีกฝ่ายก็จะรุกไล่ตามไปลิ้มรสความหอมหวานรัญจวนใจนั้นอีกราวกับเป็นสิ่งเสพติดก็ไม่ปาน
“พอ... พอก่อน...” เคนเป็นฝ่ายกดไปที่อกหนาของฮารุเบาๆ เป็นการตอกย้ำให้หยุดก่อนที่อะไรจะเกินเลยไปกว่านั้น ริมฝีปากของดีไซเนอร์หนุ่มบวมแดงจากจูบมาราธอนที่คงไม่มีทีท่าจะหยุดเร็วๆนี้หากเขาไม่ยั้งใจไว้เสียก่อน นั่นกลับยิ่งทำให้ฮารุหัวใจเต้นแรงหนักขึ้นไปอีก แต่ก็นึกขอบคุณที่ทุกอย่างหยุดลงได้แม้จะยากเย็นเต็มที
“... ขอโทษ...” ฮารุเอ่ยเสียงแผ่วโหย แต่เคนกับซุกหน้าลงตรงอกด้านซ้ายที่ตอนนี้ได้ยินเสียงหัวใจเต้นรุนแรงชัดเจน
“ไม่ต้อง... ไม่ต้องขอโทษ... “ เคนเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยมั่นคงนัก “มัน... รู้สึกดี เหมือนหัวใจจะหยุดเต้นให้ได้ ถ้าไม่หยุดล่ะก็...”
“ผมรู้... หยุดไว้ก่อนนั่นแหละดีแล้ว” เขายกมือกอดร่างนั้นเอาไว้ “ไม่อยากเชื่อเลยว่า แค่จูบอย่างเดียวจะเป็นไปได้ขนาดนี้... ผมไม่ได้ตั้งใจ”
“ไม่เป็นไร”
ชายหนุ่มทั้งสองคนไม่เอ่ยอะไรต่อกันอยู่นานเป็นครู่ ก่อนฮารุจะเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นมาก่อน
“ผมว่าที่ผ่านมาเนี่ย เราแคร์กันมากเกินไป แต่กลับพูดคุยกันน้อยเกินไปนะว่าไหม”
“นั่นสินะ”
“ผมรู้ว่าคุณพูดไม่เก่ง ดังนั้นผมจะเป็นฝ่ายชวนคุณคุยบ่อยๆก็แล้วกันดีไหมครับ” เคนหัวเราะชอบใจออกมาเบาๆ
“เอาเป็นว่า มีอะไรผมจะพูดให้มากขึ้นก็แล้วกัน แต่จริงๆ ผมก็คุยกับคุณมากกว่าคนอื่นเป็นปกติอยู่แล้วนะ”
“แค่นี้ผมก็ดีใจแล้ว”
“คุณเคน” ฮารุเอ่ยขึ้น “ผมก็ไม่รู้หรอกนะว่า คุณชอบผมตรงไหน แต่ผมก็ดีใจมากจริงๆ”
เคนไม่ได้เอ่ยอะไรออกไป ได้แต่ผงกศีรษะเบาๆ
“ผมจะเป็นคนที่ดีกว่านี้ให้คุณได้ภูมิใจในตัวผมให้ได้”
หนนี้เคนเงยหน้าขึ้นมองคนพูดเต็มๆตา
“ไม่เห็นต้องทำขนาดนั้นเลย”
“เอาน่า... ผมตั้งใจเอาไว้แล้ว คุณคอยดูผมเอาไว้ให้ดีก็พอครับ” ฮารุว่า “ว่าแต่... ดึกแล้ว เอายังไงดี”
เคนหันไปมองนาฬิกาติดผนังที่เข้ากันกับเฟอร์นิเจอร์ชิ้นอื่นๆในห้องอย่างพอเหมาะพอเจาะ
“เที่ยงคืนกว่าแล้ว เร็วจัง”
“ผมนอนที่นี่ได้ไหม บอกตรงๆ ผมง่วงมากแล้วก็ขี้เกียจขับรถแล้ว ให้นอนที่โซฟานี่ก็ได้”
เคนยิ้มขันเมื่อชายหนุ่มกลายเป็นเด็กน้อยที่งอแงไม่อยากกลับบ้านเพราะความง่วงที่รุมเร้าหนักหน่วง
“ไปอาบน้ำก่อนไป เดี๋ยวผมหาเสื้อผ้าให้ใส่” คุณพูดลุกขึ้นทำท่าจะเดินเข้าไปในห้องนอน ก่อนจะหันมาพูดกับนายแบบหนุ่ม “แล้วก็นอนในห้องกับผมนี่แหละ”
ฮารุทำตาโต ก่อนจะส่งยิ้มหวานไปให้ ทำเอาอีกฝ่ายหน้าแดงก่อนจะเอ่ยเสียงเข้ม
“แค่นอนอย่างเดียวนะ ไม่มากไปกว่านั้น!” แล้วจึงเดินหายเข้าห้องไป
ทิ้งให้ฮารุปิดปากหัวเราะให้กับความน่ารักของดีไซเนอร์หนุ่มยามเขินจนหน้าแดงหูแดงไปหมดได้อย่างน่าหมั่นไส้ยิ่ง
-------------------- END ---------------------
จบไปแล้วนะคะ สำหรับใครที่ติดใจคู่นี้เหลือเกินว่าจะลงเอยยังไง พล็อตของนิ้วไขว้แฮ็ปปี้เอนดิ้งทุกเรื่องล่ะค่ะ อันนี้ไม่ต้องห่วง
ทีนี้เรื่องที่อยากจะบอกกล่าวก็คือ... ในเมื่อลงครบหมดแล้ว ก็ต้องคิดแล้วล่ะว่า จะรวมเล่มดีไหม... ระยะหลังเวลาเขียนนิยายไม่ค่อยได้คิดถึงเรื่องนี้เท่าไหร่ แถมคนที่เคยออกแบบหน้าปกให้ก็ไม่อยู่แล้ว จะให้ทำเองก็เกินความสามารถอยู่ แต่จะไม่รวมเล่มเลยก็น่าเสียดาย อย่างไรก็ตามก็ต้องเข้มาโยนหินถามทางเพื่อนนักอ่านเสียก่อนว่า จะอยากได้รวมเรื่องสั้นเหล่านี้ในแบบรูปเล่มไหม
ที่ตั้งใจไว้ก็คือ นิ้วไขว้มีเรื่องสั้นอีกสองเรื่องที่เขียนเก็บเอาไว้ เป็นสองเรื่องที่จริงๆก็คือเรื่องเดียวกันนี่แหละ แต่ถ่ายทอดจากตัวละครนำทั้งสองคนในเรื่อง เหตุผลที่ไม่เอามาลงให้อ่านกันปกติก็เพราะ... นั่นแหละค่ะ... มันติดเรตมาก ก็เลยตั้งใจเอาไว้ว่า ถ้าได้รวมเล่มก็จะเอาสองเรื่องที่ว่ามารวมเป็นโบนัสให้ บอกไว้ก่อนว่าเป็นเรื่องสั้นที่ยาวเชียว ไม่รู้บ้าพลังอะไรนักหนา ซึ่งก็แปลว่า ถ้ารวมเล่มออกมาจริงๆ MOMENT จะเป็นรวมเรื่องสั้น 15 เรื่องเอาไว้ในเล่มเดียวค่ะ
ถึงตอนนี้นิ้วไขว้เองก็ยังไม่ทราบหรอกนะคะว่าถ้ารวมเล่มแล้ว จะหนาแค่ไหน ราคาจะเป็นเท่าไหร่ เรียกว่านี่แค่เป็นการโยนหินถามทางเท่านั้น ถ้าจำนวนไม่ได้มากพอก็อาจจะไม่ทำรวมเล่มก็ได้ ต้องแล้วแต่เพื่อนนักอ่านทุกท่านแล้วล่ะค่ะ
นิ้วไขว้จะแวะเข้ามาบ่อยๆนะคะ ไม่ต้องห่วง ไม่หายไปไหนแน่นอน
ส่วนความคืบหน้าก็จะเข้ามารายงานเรื่อยๆค่ะ
ยังไงก็ขอฝากด้วยนะคะ ขอบคุณค่า