ให้อ่านเอารสเน้อ อย่าอ่านเอาเลือดเพราะมันไม่หื่น (แต่ตอนแต่งตอนนี้นิเขินมากเลยขอบอก)
ฉันลักษณ์กลอนที่นิแต่งจะออกมาไม่ตรงตามกลอนสุภาพนะคะ มันออกมาคล้ายๆ กลอนบทละครมากกว่า แต่ก็ผิดรูปผิดเสียงไปเยอะ เรียกว่าแต่งเอารส เอาความ(เข้าใจ) มากกว่าความถูกต้องแหละค่ะ แหะๆ แบบว่ามันแต่งยากอ่าแค่นี้ก็แทบตายแล้ว อย่าว่ากันเน้อ.....ช่วงนี้ครึ้มใจอยากแต่งกลอนบ้างอะไรบ้างอะค่ะ
Special __ I เข้าหอ (ของแถมจ้า) ผมเยาว์ ผมเหงา ผมทึ่ง
ผมจึง มาหา ความหมาย
ผมหวังเก็บอะไรมากมาย
แต่สุดท้าย ได้รัก แค่อย่างเดียว ..... (ก็พอใจแล้ว)
(บทนี้ดัดแปลงมา หลายคนคงคุ้นชิน แต่นิจำชื่อผู้ประพันธ์ไม่ได้แล้วอ่า )...
คนตัวโตโอบร่างบางเข้ามาใกล้
คนหวั่นไหวเบี่ยงกายมิให้ชิด
คนหนึ่งโน้มก้มหน้าลงมาติด
อีกคนเคลิ้มด้วยพิษแห่งกามา
เมื่อสองปากคลุกเคล้าอย่างเร่าร้อน
หนึ่งออดอ้อนหนึ่งอ่อนไหวในชิวหา
หล่อเลื้อยลากมืออุ่นตามกายา
สวยสั่นพร่าขัดเขินสะเทิ้นอาย
เปลื้องอาภรณ์ว่องไวอย่าได้ช้า
จะหลบรอดมือข้าอย่าได้หมาย
เอานางฟ้านางสวรรค์พรรณราย
มาแลกชาย คนนี้.....กันย์มิยอม.....
“กันย์....... นี่มัน....ระเบียงนะ....” คนหน้าสวยกระซิบบอกเบาๆ อย่างเขินๆ เมื่ออีกฝ่ายทำท่าว่าจะรั้งเสื้อผ้าของเขาออกให้จงได้
“จริงเหรอ....นึกว่าอยู่บนเตียงแล้วซะอีก ก็กิ๊งอ่ะ ตัวนุ่มเหมือนหมอนข้างเลย” จากคนที่เขินแล้วเขินเข้าไปอีกจนหน้าแดงเป็นลูกตำลึงสุก
“บ้าเอ๊ย” ได้แต่ด่ากลับไปพร้อมกับทุบกำปั้นลงไปที่อกแกร่งเบาๆ ระบายความเขินอาย
“เปลี่ยนบรรยากาศไง ระเบียงเนี่ยก็เร้าใจดีนะ” น้ำเสียงทะลึ่งๆ ทำให้กิ๊งโคตรๆ จะหมั่นไส้คนรัก
“ไม่เอา อายเค้า”
“อายใคร...” กันย์ถามกลับมา เพราะถึงจะบอกว่าเป็นระเบียง ดึกป่านนี้แล้วก็คงไม่มีใครชะโงกหน้ามาเห็นได้อยู่ดี กำแพงตรงระเบียงออกจะสูงปานนี้
“อายพระจันทร์” กิ๊งยังอุตส่าห์เลี่ยงไปได้อีกอย่างน่านับถือ
“จันทร์ไม่มองแล้วจันทร์ไม่มอง” กันย์ตอบกลับมาเป็นเพลงทำนองจูบเย้ยจันทร์
“จันทร์ไม่มอง กิ๊งก็ไม่ให้” กิ๊งไม่ได้ร้องเพลงตอบเพียงแต่ท่องเนื้อเพลงตอบไปอย่างฉะฉานพร้อมทั้งพยายามทรงกายลุกขึ้นยืน
“จันทร์ไม่มอง กิ๊งอายอะไร” ถามกลับมาเป็นทำนองเพลงอีกครั้งใช้มือโตๆ บีบข้อมือนุ่มไว้มิให้เดินหนีไปทันที
“อาย......... กันย์อ่ะแหละ” คนขี้อายตอบกลับมาพร้อมยิ้มเขิน “เข้ามาข้างในเหอะ อยู่ข้างนอกนานๆ เดี๋ยวยุงมันก็ตั้งธนาคารเลือดได้พอดี” กิ๊งบอกแล้วเดินนำเข้ามาข้างในห้อง กันย์ปิดประตูมุ้งลวดกันยุงแล้วเดินตามเข้ามาโอบไหล่เจ้าของห้องเนียนๆ กิ๊งเดินนำมาที่เตียง หยิบหมอนข้างแล้วส่งให้คนข้างกายส่วนตัวเองนั่งลงที่เตียง
“เอาหมอนข้างมาให้กันย์ทำไมเหรอ?” กันย์ถามขณะที่ยืนตรงหน้ากิ๊ง
“ก็...กันย์จะได้รู้ไง ว่าหมอนข้างของจริงน่ะมันนิ่มกว่าตัวกิ๊งเยอะ”
“ก็นิ่มแต่ไม่อุ่นเท่ากอดกิ๊ง แล้วได้ข่าวว่าติดหมอนข้างแต่ยกให้กันย์แบบนี้แล้วคืนนี้จะนอนหลับเหรอ”
เออ...จริง.... ให้หมอนข้างกันย์ไปแล้ว กูจะกอดอะไรวะเนี่ย
กิ๊งขมวดคิ้วเครียดเมื่อเห็นจริงในคำเตือนของกันย์ ในขณะที่คนพูดอดขำท่าทีเช่นนั้นไม่ได้
“ไม่เป็นไร....เสียสละให้ เดี๋ยวกูกอดตุ๊กแทน กูมีหลายตัว” กิ๊งหาทางออกได้แล้วหันไปหยิบตุ๊กตามากอดไว้กับอกแทน
กันย์กลั้นยิ้มเพราะปฏิเสธไม่ได้เลยว่าว่ากิ๊งน่ารักมากจนบางทีจะมากกว่าตุ๊กตาที่กอดไว้
“ไม่เป็นไร กิ๊งกอดหมอนข้างไปเถอะคืนนี้ กันย์เสียสละเป็นฝ่ายกอดกิ๊งเองดีกว่า ยุติธรรมดี”
ตรงไหนที่เรียกว่ายุติธรรมวะ ผู้ชายหน้าสวยแอบคิดคัดค้านขึ้นมา
“น่า....กิ๊งอ่ะอย่างกนักเลย....กิ๊งไม่รู้หรอกว่าหลายวันมานี่ กันย์คิดถึงกิ๊งขนาดไหน อยากนอนกอดกิ๊งมากแค่ไหนอ่ะ.....” กันย์กลั้นยิ้มแทบไม่ไหวเมื่อเห็นสีหน้าขัดอกขัดใจคนคนรัก แสดงว่าหาทางหนีที่ไล่ไม่เจอแน่เลยสินะ หึหึ! เสร็จโจร....
กิ๊งแทบสะดุ้งเมื่อกันย์ทรุดกายลงนั่งบนเตียงด้วยกันจนเตียงทรุดฮวบ เจ้าของเตียงใจเต้นถี่ ขยับกายหนีไปอีกทิศโดยอัตโนมัติ หากแต่อีกฝ่ายขยับตามจนกิ๊งหมดความพยายามจะหนีเมื่อสุดทางที่หัวเตียง หันไปต่อรองเจรจารอมชอม
“กันย์แล้ววันนี้มึงพกเครื่องมือมาด้วยหรือเปล่า” เขาถามอ้อมแอ้ม
“ไอ้เครื่องมือที่ว่าเนี่ยมันอะไรเหรอกิ๊ง”
“ไอ้บ้า รู้แล้วยังจะถาม เดี๋ยวเถอะ” เขินนะเนี่ย เดี๋ยวเลือดฝาดก็ขึ้นหน้าจนคั่งในสมองตายขึ้นมาหรอกไอ้กันย์บ้า
“ไม่รู้จริงๆ ถ้ารู้แล้วจะถามทำไมล่ะ” โกหกหน้าตายเลยกันย์เอ๋ย
“ก็ถามให้กูอายไง ไอ้โรคจิต” คนหน้าบางตอบกลับมา “ก็เสื้อกันฝนกับเจลไง”
ฮือ...... อยากจะเอาหน้าไปมุดดินจนถึงแกนกลางของโลกไปเลย
กิ๊งอายจนอยากจะร้องไห้แต่กันย์หัวเราะลั่น
“ฮ่าๆ... แล้วกิ๊งจะเอามาทำไมอ่ะ” กันย์ยังทำเป็นไร้เดียงสา แหม แบ๊วจนน่าเอาบาทาลูบพักตร์จริงวุ้ย คนขี้อายแอบคิดอย่างเคืองขัด
“เอามากินมั้ง” ตอบอย่างกวนๆ
“จริงอ่ะ เพิ่งรู้ว่ามันกินได้” กวนตีนได้อีกสิน่า กิ๊งย่นคิ้วหนักจนแทบผูกเป็นโบว์
“เฉไฉแบบนี้แสดงว่าไม่มี งั้นก็ฟาวล์นะ เอาไว้รอบหน้า” กิ๊งตอบกลับมาเหมือนสะใจนิดๆ ลุกขึ้นจากเตียงซึ่งตอนแรกอยู่ในสถานการณ์จนเตียงไปไหนไม่รอด หวังว่าเมื่อหลุดจากตรงนี้ไปได้จะเป็นต่อ แต่ก็ยังคงไปไหนไม่รอดอยู่ดีเพราะกันย์ไม่ยอมให้กิ๊งลุกหนี
“ฮ่าๆ มี.... มีรึจะพลาด” กันย์หัวเราะเมื่อแกล้งกิ๊งให้ถามถึงของแบบนั้นออกมาจนได้ ซ้ำยังดึงแขนคนตัวเล็กกว่าให้พลิกกายกลับมา แรงดึงทำให้กิ๊งเซลงไปซบร่างกันย์ พอจะขยับตัวออกกลับถูกอีกฝ่ายโอบสะโพกไว้ไม่ให้หนี ก่อนจะประทับจุมพิตที่ใบหน้าหวาน
เมื่อสองกายอิงแอบแนบแน่น
บนแท่นเตียงน้อยกลอยสวาท
ยังมิรู้เป็นวิวาห์หรือว่าวิวาท
เกิดจากปรารถนาหรืออารมณ์
น้องกิ๊งทิ้งกายลงเอนราบ
กันย์ขนาบเอียงร่างลงไปถม
ลูบไล้ผ่านสรรพางค์ร่างกลึงกลม
น่าชมแนบชิดชวนติดใจ
เปลื้องอาภรณ์แช่มช้าลงมากอง
หวังภิรมณ์สมสองรักใคร่
นัวเนียเนิ่นนานผ่านไป
จนไร้ปราการรำคาญตา
เคลิบเคลิ้มทั้งฝ่ายเร้าฝ่ายเย้ายวน
รัญจวนทุกส่วนทุกองศา
คลึงเคล้น รูดรั้ง กลางกายา
ใช้เครื่องมือที่เตรียมมาอย่าช้าที.....
ใส่เกราะป้องกันเสร็จสรรพ
แล้วจับขาไว้มิให้หนี
จูบไซร้คลายเจ็บให้คนดี
เตรียมของหวานชิ้นนี้ที่รอชิม
น้ำตาหลั่งหยาดปริ่มที่ริมขอบ
พราวรอบขนตางามเมื่อยามพริ้ม
เม้มเรียวปากงามงดสีสดอิ่ม
ยามถูกทิ่มแทงทวนทองของคู่ใจ
สอดประสานเรือนกายภายในร่าง
เนิบช้าเบาบางกว่าครั้งไหน
ค่อยเคลื่อนเลื่อนตรงลงไป
จวบใส่เข้าชิดสนิทดี
รอรั้งคนรับได้ปรับตัว
ก่อนรัวเร็วแรงเร่งรี่
เป็นจังหวะจะโคน พอดี
ซอยถี่.....ถอยถอน.....แล้วย้อนคืน
ร่วมบรรเลงเพลงกามด้วยความรัก
สุดจะหักเสน่หาอารมณ์หื่น
ครางกระเส่า เหนื่อยล้า น้ำตารื้น
กลับชุ่มชื่นเมื่อน้ำค้างนั้นพร่างพรม
...
ปวดประสาท
...อยากจะบอกว่ากลอนโคตรแต่งยากเลย ออกมาแบบไม่ค่อยดีเท่าไร แต่สะใจยังไงไม่รู้ (เอ๊ะ??)
ส่วนน้องฐารอไปก่อน นะคะ ......... กำลังแต่ง......แล้วก็ตันอยู่.... ค่อยๆ กระดื๊บไปทีละบรรทัดค่ะ .......