@ << รักแท้.....หรือแค่บำเรอ >> @ //// ตอนที่ 2 ////// 25/11/2010
การเรียนวันแรกก็ไม่มีอะไร มีการแนะนำตัวทั้งพวกที่เป็นนักเรียนเก่าและย้ายมาใหม่ ผมก็รู้จักเพื่อนใหม่เพิ่มหลายคนแต่ที่พูดคุยกันจริง ๆ ก็คงเป็นไอ้ 3 เกลอ ที่พยายามนั่งล้อมหน้าล้อมหลังผมอยู่
“อ่ะกูให้ แด๊กซะ” ระหว่างนั่งฟังอาจารย์แนะนำวิชาที่จะสอน ลูกอมฮาร์ทบีทสีชมพูก็ถูกยื่นวางแหมะบนหนังสือสังคมฯ คงไม่มีใครนอกจากไอ้หล่อน๊อตที่มันนั่งคู่กับผมอยู่ ส่วนไอ้ดำขาว นั่งเล่นเกมส์มือถืออยู่ข้างหน้า ไม่ได้สนใจที่อาจารย์พูดเลยซักนิด
“ขอบใจ แต่ขี้เกียจอม” ผมเก็บลูกอมใส่กระเป๋าเสื้อนักเรียน แล้วก้มหน้ามองจุดประสงค์การเรียนรู้ในหนังสือต่อ
“อ่ะ งั้นเอารสนี้” พูดจบลูกอมฮาร์ทบีทสีแดงก็วางแหมะลงที่เดิม ...ห่านนิ...มันฟังผมพูดไม่เข้าใจหรือผมพูดไม่เคลียร์ ผมบอกว่าขี้เกียจอม ไม่ได้บอกว่าอยากกินสีอื่นซักหน่อย ผมหันไปมองหน้ามันที่มองผมอยู่ รอยยิ้มกวน ๆ อีกแล้วแต่คราวนี้มันใกล้เกินไป จนรู้สึกว่าไม่อยากสบตากับมันเลย
“บอกว่าขี้เกียจอม ไม่ได้อยากกินรสอื่น รึว่ากูมีกลิ่นปากรึไง”ผมพูดกับมันแล้วหยิบฮาร์ทบีทสีแดงส่งคืนมัน แต่มันดันคว้ามือผมข้างที่ส่งลูกอมไว้ ผมจะดึงออก แต่แม่งจับซะแน่นเลยมึง
“อะไร!!” ผมกระแทกเสียงใส่มันเบา ๆ เพราะอาจารย์เริ่มมองมาทางนี้แล้ว ถ้ากูโดนอาจารย์ด่า กูจะเลิกเป็นเพื่อนกับมึงเลย เชี่ยน๊อต
“กูให้ก็เก็บไว้ดิ กูให้แล้วไม่รับคืนว่ะ” มันพูดพร้อมกับดันมือผมที่กำฮาร์ทบีทอยู่ไปหยุดตรงกระเป๋าเสื้อนักเรียนข้างซ้ายของผม แล้วปล่อยมือออก ทำให้ผมต้องหย่อนลูกอมอีกเม็ดลงไป
“ไม่กินก็อย่าทิ้ง แค่นั้นพอ” มันหันมายิ้มสไตล์น่าถีบของมันเหมือนเดิม ผมถอนหายใจ พยักหน้ารับคำมันก่อนจะหันไปมองอาจารย์ที่กำลังอธิบายรายวิชา โดยที่ไม่ได้สนใจนักเรียนเท่าไหร่ว่าฟังอยู่รึเปล่า......กะอีแค่ลูกอมสองเม็ด ทำไมมันต้องทำท่าจริงจัง อยากให้ผมรับไว้อะไรขนาดนั้น
พักเที่ยงที่ศูนย์อาหาร คนเยอะมากจนไม่มีที่นั่ง ซื้อข้าวแล้วต้องเลาะตระเวนหาอยู่ซักพัก จนมองเห็นที่ว่างที่ไม่มีคนนั่งพอที่พวกผม 4 คนจะนั่งได้ ตั้งใจจะเดินไปให้ถึงจุดหมายแต่...........
“เคร้ง !!! โทษครับ” ผมหันไปมองตามเสียง ก็เจอไอ้ไทมันกำลังก้มหัวขอโทษขอโพยนักเรียนชายกลุ่มหนึ่ง โดยหนึ่งในนั้นมีน้ำจิ้มข้าวมันไก่หกเลอะเป็นทาง แล้วทำไมมันต้องลุกเป็นกลุ่มด้วยวะ พวกผม 3 คนรีบเดินกลับไปหาเพื่อนที่ยืนแทบจะตกในวงล้อมนักเรียนชายกลุ่มนั้น ซึ่งน่าจะเป็นรุ่นพี่เพราะปกเสื้อมันบ่งบอกว่าเป็น ม.5
“เดินยังไงน้อง เสื้อพี่นะไม่ใช่ที่ทิ้งขยะ จะได้สาดโครมลงมาอย่างนี้” ผมเห็นไอ้น๊อตทำท่าฮึดไม่พอใจ ผมมองดูก็ไม่เห็นมันจะร้ายแรงอะไร ไอ้ไทซะอีกข้าวก็อดแดก จานข้าวกระเด็นคว่ำตรงปลายเท้าพวกรุ่นพี่กลุ่มนั้น
“เพื่อนผมก็ขอโทษแล้วไงพี่ จะเอายังไงอีก” ไอ้น๊อตมันเดินรี่เข้าไปยืนข้างๆ เพื่อนทันทีจนผมกับได้ไปส์ต้องเดินไปดึงแขนมันไว้ ถ้าเกิดมันอยากฟาดปากรุ่นพี่ขึ้นมาจะได้ดึงไว้ทัน
“อ้าวน้องเล่นพวก เปรี้ยวเหรอกล้าเถียงพี่เนี่ย” ได้พี่ตัวเปรตที่โดนน้ำจิ้มข้าวมันไก่ ท่าทางจะเป็นหัวโจกด้วย ถึงคราวซวยมึงจริง ๆ ไอ้แทนไท
“แล้วพี่จะเอายังไง ว่ามาดิ!!!” เป็นเชี่ยน๊อตที่ใจใหญ่อ้าปากโต้กลับไป พร้อมกับเดินเข้าไปประจันหน้ากับพวกรุ่นพี่กลุ่มนั้น ตอนนี้คนเริ่มมองกันแล้ว ถ้ามีเรื่องผมไม่กลัวหรอก แต่ยังไม่อยากมีตอนนี้เท่านั้นเอง เกรงใจพี่สาวกับพี่เขยอยู่
“เฮ้ยน๊อตใจเย็นดิ....” ผมดึงแขนมันไว้ไม่ให้วู่วาม แต่ก็ยังสู้แรงมันไม่ได้ต้องไถลตัวไปตามแรงมันจนต้องมายืนข้าง ๆ มันตรงหน้ารุ่นพี่นั่น
“กล้าจริงมึง ไอ้หล่อ …” มันพูดก่อนสายตาที่มองมาจะมาหยุดที่ผม ...................มันยิ้มมุมปาก แล้วไล่มองผมตั้งหัวจรดเท้า จนไอ้น๊อตมันสังเกตเห็นและดันผมเข้าไปไว้หลังมัน
“หวงนี่หว่าสัด กูขอเบอร์เพื่อนมึงได้เปล่าว๊ะ” ไอ้พี่เชี่ยนั่นพูดแล้วมองผ่านไอ้น๊อตมาที่ผม ได้ยินเสียงเพื่อนมันหัวเราะกันเบา ๆ
“พี่จะเอาเบอร์ผมไปทำไมครับ ผมมีแฟนแล้วนะ”เป็นไอ้แทนไทที่พูดออกมาทำเอารุ่นพี่หันไปมองมันที่ยืนเสล่ออยู่ตั้งแต่แรก
“กูบอกเหรอว่าจะเอาเบอร์มึง ไอ้ดำ!!” ไอ้แทนไทรีบก้มหน้าลงแล้วส่ายหัวแทบหลุด ตอนนี้คนมองเกือบทั้งศูนย์อาหารแล้ว บางคนถึงกับขึ้นโต๊ะเพื่อจะได้เห็นชัด ๆ งามหน้าจริง ๆ กูวันแรกก็เด่นกับพวกมันซะแล้ว
“กูหมายถึงน้องคนที่ยืนข้างหลังมึงน่ะ “ มันพูดแล้วชี้มือข้ามไหล่ไอ้น๊อตมาที่ผม พร้อมกับกำมือชูนิ้วโป้งชี้เข้าหาตัวมันเอง มึงจะเอาเบอร์กูไปดูดวงรึไง ไม่ต้องเอาไป ตอนนี้กูก็รู้ว่าซวยแค่ไหน
“กู ไม่ ให้” ไอ้น๊อตเน้นคำช้า ๆ ชัด ๆ ..... เอาแล้วไง กลุ่มรุ่นพี่ค่อย ๆ เคลื่อนตัวเข้ามา พวกผมก็ไม่มีใครถอยเหมือนกัน มาถึงขนาดนี้แล้ว เอาไงเอากันวะ แต่เชี่ยน๊อตมึงจะดันกูออกทำไม มีรึที่ผมจะทิ้งเพื่อน ผมเกาะมันแน่นไม่ยอมขยับ
“เชี่ยแฮมออกไป” ไอ้น๊อตกัดฟันพูดเบา ๆ ให้ได้ยินแค่ผมกับมัน ขณะที่รุ่นพี่ค่อย ๆ ตีวงล้อมเข้ามา ถึงคราวที่พวกผมต้องทุบหม้อข้าวฝ่าวงล้อม ตามพระเจ้าตากแล้วใช่มั้ย
“ไม่ไป “ ผมพูดยังไม่ทันจะจบ ไอ้รุ่นพี่เลวก็เหวี่ยงหมัดเข้าเต็มหน้าไอ้น๊อตจนเซมาข้างหลัง พอเห็นอย่างนี้ไอ้ไทกับไอ้ไปส์ ก็ตั้งท่าจะตะลุมบอนเหมือนกัน
“ปรี๊ดดดดดดดดดด!!!!!!! หยุดนะ หยุดเดี๋ยวนี้ แล้วก็อยู่นิ่ง ๆ ทุกคน ถ้าวิ่งหนีเตรียมตัวโดนไล่ออกได้เลย” รุ่นพี่ที่เตรียมตัวจะชิ่ง ดรอปรองเท้ากันแทบไม่ทัน แล้วมายืนรวมกันเป็นกลุ่ม ก้มหน้าก้มตาเหมือนกลัวอาจารย์ฝ่ายปกครองจะเห็นหน้าว่าใครเป็นใคร ...สัดทีทำไม่กลัว ผมประคองได้น๊อตขึ้นมาแล้วพยุงมันไว้... มันแค่โดนชกหมัดเดียว ทำไมต้องทำท่าจะยืนไม่อยู่ขนาดนี้ด้วย กอดเอวหน้าซบไหล่เหมือนใกล้ตายเลยนะมึง
ตามระเบียบ ห้องปกครองเป็นบทสรุปของทุกอย่างตอนนี้พวกผมทั้ง 4 คน รวมทั้งไอ้รุ่นพี่ที่ตอนแรกไม่ได้นับจำนวน แต่พอมาจริงก็ล่อเข้าไป 8 คน ถ้าเกิดตะลุมบอนกันจริง ๆ พวกผมคงยับเยินนอนให้หมอทำศัลยกรรมกันแน่ ๆ ห้องปกครองที่ไหนก็คงเหมือนกัน เปิดแอร์ซะเย็นฉ่ำกดดันกันเห็น ๆ แต่ที่สะดุดตาผมที่สุดก็คงเป็นอีกห้องที่มีประตูเชื่อมกับห้องปกครองคาดว่าน่าจะมีประตูข้างนอกอีกบานนึง เป็นห้องกระจกทึบสีดำติดม่านจนมองไม่เห็นข้างใน แต่ที่สะดุดตาก็คือป้ายที่ห้อย ลงมาจากวงกบประตูบน “ ผู้อำนวยการ” ทำเอาผมเหงื่อซึมทั้งที่แอร์ห้องปกครองแรงซะขนาดนี้ ถ้าพี่หมีรู้คงมีเรื่องคุยกันยาวแน่ แต่ที่แน่ ๆ คนที่อยู่ในห้องนั้นจะว่ายังไงกัน
“พวกเธอเด็ก ม.4 ถือว่าเป็นน้องใหม่ของ ม.ปลาย แล้วทำไมเปิดเทอมวันแรกก็มีเรื่องแล้วล่ะ” อาจารย์ปกครองที่ไม่รู้หายตัวไปไหนพักใหญ่เดินกลับเข้ามาแล้วยิงคำถามใส่พวกผมทันที
“ก็รุ่นพี่เขาหาเรื่องเพื่อนผมนิครับ อาจารย์” คำตอบไอ้น๊อตทำให้อาจารย์หันไปทางกลุ่มเด็ก ม.5 ที่นั่งอยู่ พร้อมกับสายตารุ่นพี่ที่มองแบบอาฆาตมาทางพวกผมเหมือนกัน
“ว่าไงภาสกร เธอไปหาเรื่องน้องใช่มั๊ย คราวที่แล้วอาจารย์ลงโทษเธอน้อยไปเหรอ” ไอ้พี่เสื้อเปื้อนน้ำจิ้มชื่อภาสกร รีบหลบตา ก้มหน้า แล้วนั่งนิ่ง แต่แปลกที่พวกมันไม่แก้ตัวอะไร กันซักคำ พวกมันคงมีวีรกรรมมาก่อนหน้านี้ อาจารย์เลยพูดถึงการลงโทษครั้งที่แล้ว
ผลสรุปคือพักการเรียนรุ่นพี่ 1 อาทิตย์ แต่พวกผมก็โดนให้ลงชื่อไว้เหมือนกัน ขณะที่กำลังเดินออกจากห้องปกครองโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงผมก็สั่น จนต้องดึงออกดู เบอร์ไม่คุ้นแต่ก็ต้องกดรับ
“สวัสดีครับ แฮมพูดครับ” ผมกรอกเสียงลงไป ก่อนจะมีเสียงโต้ตอบกลับมา
“มาพบพี่ที่ห้องด้วย” ใครวะ พี่ไหน แล้วไปพบที่ห้องไหน โทรผิดรึเปล่า แต่ผมก็ว่าเสียงคุ้น ๆ เหมือนกัน ไอ้น๊อตมันคงเห็นผมขมวดคิ้ว
“ใคระวะแฮม เร็ว ๆ ดิจะบ่ายแล้วข้าวยังไม่ได้แดก”พูดแล้วดึงมือผมเดินออกมาจากตึกอำนวยการ สายนั้นวางไปแล้ว ผมก็ยังไม่รู้ว่าใคร คงจะโทรผิด กำลังจะก้าวขึ้นบันไดตึกเรียน โทรศัพท์ผมก็สั่นอีกรอบ ผมดูก็เป็นเบอร์เดิม ผมรีบกดรับอยากรู้เหมือนกันว่าใคร
“ครับ” ผมเลือกที่จะรับแบบสั้น ๆ รอดูท่าทีอีกฝ่ายก่อน
“แฮม มาหาพี่ที่ห้อง ผอ. เดี๋ยวนี้!!” เสียงทุ้มกดต่ำเหมือนคนกำลังโมโห แต่ระงับอารมณ์อยู่ ผมถึงกับหยุดกึกกับที่จนไอ้คนที่จูงมือผมหยุดเดินไปด้วย
“ครับ พี่เร” ชัดแล้วครับว่าใครเป็นคนโทรมา ผมวางโทรศัพท์แล้วรีบหมุนตัวกลับ
“ไปไหนแฮม” ไอ้น๊อตมันคว้าแขนผมไว้ ผมรนจนลืมบอกพวกมันไป
“ไปพบพะ..เอ่อ ผอ.ที่ห้องน่ะ ขึ้นไปก่อนนะเดี๋ยวตามขึ้นไป” ผมบอกแล้วดึงมือตัวเองออก
“ถึงขนาดพบ ผอ. เลยเหรอวะแล้วทำไมพวกกูไม่โดนล่ะ” ไอ้ไปส์มันถามเพราะคิดว่าเป็นเรื่องที่พวกเรามีเรื่องกัน คงเป็นเรื่องนั้นแต่แค่ผมคนเดียว
“แฮมกูไปเป็นเพื่อน ป่ะ” ยังไม่ทันพูดอะไรไอ้น๊อตก็ฉุดแขนผมแทบจะปลิวไปตามแรงดึง พร้อมกับส่งสัญญาณให้ไอ้ 2 เกลอนั่นขึ้นห้องเรียนก่อน
ผมกับไอ้น๊อตมาหยุดหน้าห้องผู้อำนวยการเป็นประตูด้านหน้าที่มีป้ายใหญ่กว่าตรงประตูเชื่อมหน้าห้องปกครอง
“มีอะไรเรียกกูนะ” สาดดน๊อต กูมาพบผู้อำนวยการไม่ได้มาหาเรื่องใคร ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ มองดูมันที่หันหลังไปนั่งตรงระเบียงปูนที่ก่อเป็นที่นั่งยาวตลอดแนวตึกอำนวยการ ผมเคาะประตูกระจกก่อนจะเปิดเข้าไป ภายในเย็นฉ่ำไม่ต่างจากห้องปกครองเท่าไหร่ ตกแต่งหรูหราพอสมควร มีเก้าอี้รับแขกบุนวมตั้งเป็นชุดตรงริมผนังฝั่งที่ติดห้องปกครอง และเก้าอี้บุนวมตัวเล็กที่ตั้งตรงหน้าโต๊ะผู้อำนวยการ เห็น ผอ. หนุ่มที่เป็นคนเรียกผมมานั่งเซ็นต์เอกสารอยู่ มาดผู้บริหารเต็มตัว
“พี่เรครับ” ผมเรียกคนที่กำลังก้มหน้าก้มตาดูเอกสารไม่สนใจผมที่เดินเข้ามา ไม่ได้ยินเสียงเคาะประตูรึไงนะ
“นั่งนี่สิ” เงยหน้าขึ้นมาแล้วพยักพเยิดให้ผมนั่งเก้าอี้ตรงหน้า ผมรีบเดินเข้าไปนั่ง เบาะเก้าอื้เย็นซะจนผมรู้สึกขนลุกหรือเพราะสาเหตุอื่นกันแน่นะ
“มาคนเดียว..ไม่ถูกเหรอ” พี่เรพูดแล้วมองไปด้านนอก จนผมต้องมองตามสายตา จริงสินะกระจกดำแบบนี้ข้างนอกมองเข้ามาจะไม่เห็นแต่คนข้างในจะเห็นข้างนอกชัดเจน แถมยังมีม่านที่ถูกมัดไว้ข้าง ๆ ด้วย
“เอ่อ..พอดีเพื่อนเค้ามาพาน่ะครับ” ผมหันไปมองหน้าพี่เรที่มองหน้าผมอยู่ก่อนหน้านั้นแล้ว สายตาแบบนั้นอีกแล้วตอนนี้ผมไม่รู้จะหลบสายตาที่ส่งมายังไง จนเผลอสบตาไปโดยไม่รู้ตัว ไม่รู้นานเท่าไหร่ แต่ก็ได้สติตอนปากกาพี่เรหล่นลงบนพื้นกระจกที่ปูทับโต๊ะทำงาน
“เอ่อ พี่เรมีอะไรรึเปล่าครับ รึเรื่องที่ผม เอ่อ เมื่อตอนกลางวัน” ผมเลือกที่จะพูดขึ้นก่อน เมื่อความอึดอัดมันเริ่มบีบหัวใจขึ้นมาเรื่อย ๆ
“มีเรื่องอะไรกัน” เสียงพี่เรยังปกติผิดกับผมที่นอกจากเสียงที่ติดสั่น ๆ แล้วหัวใจและร่างกายยังจะตามไปด้วย
“คือ รุ่นพี่เขามาหาเรื่องก่อนนะครับ” เหมือนจะแก้ตัว แต่ก็เป็นความจริงหนิ ในเมื่อเพื่อนผมไม่ได้ตั้งใจ
“แล้วเขาทำอะไรเราล่ะ” คำถามพี่เรทำให้ผมขมวดคิ้ว ทำอะไรผมงั้นเหรอ ...
“ไม่นี่ครับ มีแค่เพื่อนผมที่โดนชก” ผมพูดแล้วเอี้ยวตัวไปหาไอ้น๊อตเพื่อให้พี่เรมองตาม
“แล้วเรื่องเบอร์โทรล่ะ” ผมหยุดคิดพักนึง เรื่องเบอร์โทรมันไม่เกี่ยวกันซักหน่อย แต่มันเป็นประเด็นที่ทำให้ไอ้น๊อตโดนต่อย ก็เลยเล่าเรื่องนี้ให้อาจารย์ฝ่ายปกครองฟัง พี่เรก็คงรู้จากรายงานนั้น
“ไม่มีอะไรครับ” ผมเลือกที่จะไม่พูด ในเมื่ออ่านรายงานแล้วจะถามอีกทำไม จะให้เล่าอย่างภูมิใจรึไงว่าถูกผู้ชายด้วยกันขอเบอร์ แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะเอาทำอะไรกันแน่
“ได้ให้ไหม”
“เปล่าครับ ไม่ได้ให้” มันกลายเป็นประเด็นระหว่างผมกับพี่เรได้ยังไง มันไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรมากมาย สิ่งที่คุยน่าจะเป็นเรื่องที่พวกผมไปมีเรื่องชกต่อยกับรุ่นพี่มากกว่า
“นั่นสินะ ถ้าให้ เพื่อนเราก็คงไม่หน้าเขียวอย่างนั้นหรอก”
“.................” เงียบคงเป็นสิ่งที่ดีที่สุดตอนนี้ ผมก้มหน้ามองนิ้วมือตัวเองที่วางประสานกันตรงหน้าขา มันคงไม่อึดอัดเท่ากับต้องเงยหน้ามองผู้ชายตรงหน้า
“เย็นนี้เลิกเรียนรอกลับพร้อมพี่ล่ะกัน” พี่เรพูดก่อนจะก้มหน้าลงเซนต์เอกสารตรงหน้าต่อ
“พี่เรครับ คือ..” ผมพูดเว้นวรรครอให้พี่เรเงยหน้าขึ้นมามองก่อนจะพูดต่อ
“ผมขอกลับเองได้ไหมครับ” ผมไม่อยากอึดอัดมากไปกว่านี้ โทรให้พี่หมีมารับก็ได้
“ตามใจละกัน......... อืมไม่มีอะไรแล้ว” พี่เร มองผมพักนึงก่อนพูดออกมา ผมยกมือไหว้แล้วลุกขึ้นหันหลังกลับกำลังจับที่มือจับประตูเลื่อน
“หมูแฮม” เสียงพี่เรทำให้ผมต้องหันไปมอง
“บันทึกเบอร์พี่ไว้ด้วย มีอะไรก็โทรมา” พี่เรบอกทั้งที่ยังไม่เงยหน้าจากเอกสารตรงหน้า
“ครับ” ผมรีบเลื่อนประตูเปิดออกแล้วปิดลงอย่างรวดเร็ว ต้องการออกมาจากห้องนั้นให้เร็วที่สุด เมื่อพ้นจากแอร์เย็นฉ่ำก็เจอไออุ่นธรรมชาติ ถึงแม้ไม่เย็นสบาย แต่มันช่วยให้ผมผ่อนคลายได้มากกว่า
“เป็นไงมั่งแฮม” ไอ้น๊อตรีบถลาเข้ามาหาผมที่ ถอนหายใจเฮือกใหญ่
“เปล่า ไปกันเถอะ” ผมรีบเดินกลับทางเดิมที่เดินมา ทำไมกันทั้งที่พี่เรก็ไม่มีอะไรที่น่ากลัว แต่ในใจผมมันถึงต้องเกร็งและอึดอัดทุกครั้งด้วย มันจะดีกว่าไหมถ้าพี่เรไม่เข้ามาดูแลผมแบบนี้
“มีอะไรเล่าให้กูฟังได้นะเว้ย” เสียงพูดกับแรงกอดที่บ่า ผมหันไปมองหน้าเพื่อนใหม่ที่ไม่ได้มองมาที่ผมเหมือนทุกครั้งแต่กลับมองไปข้างหน้า
“อืม ไม่มีอะไรหรอก รีบไปเถอะป่ะ เดี๋ยวคาบบ่ายจะสาย” ผมพูดแล้วเป็นคนยกมือข้างที่พาดบ่าออกแล้วจับมือข้างนั้นดึงให้มันเดินตาม ตลกสีหน้ามันเหมือนกันทำหน้าเหมือนผมกำลังบอกรักมันอย่างนั้นแหละ
ตอนเย็นผมเลือกที่ให้ไอ้น๊อตไปส่งตามคำที่มันขอ ดีเหมือนกันจะได้ไม่รบกวนพี่หมีด้วย ระหว่างทางกลับไอ้ตัวดีดันบอกหิวข้าวจนต้องแวะห้างแถว ๆ โรงเรียนก่อน เดินเข้าทาแทนที่มันจะเดินไปฟู๊ดเซนเตอร์หรือร้านอาหารอะไรซักอย่างมันกับพาผมเดินตะลอนเกือบจะทั่วห้าง
“เชี่ยน๊อต ไหนบอกหิววะ ไปหาแดกดิกูจะรีบกลับบ้าน”ผมบอกมัน เตือนความจำมันหน่อย เพราะตอนนี้มันกำลังยืนดูแผ่นหนังอยู่ เผื่อมันจะลืมว่ามันหิว
“แป๊บน่ามึงจะรีบไปไหน บ้านมึงไม่หนีไปดูบอลโลกหรอก” พูดแล้วยังมึนทำหน้าตาเฉย จนผมอดหมั่นไส้ไม่ได้
“งั้นกูกลับเองละกัน” ผมไม่พูดอย่างเดียวก้าวเดินออกมาจากตรงนั้นทันที นี่มันจะหกโมงอยู่แล้วนะ ถ้าพี่หมีกลับบ้านแล้วคงจะเป็นห่วงเหมือนกันเพราะเป็นการมาเรียนวันแรกด้วย
ระหว่างที่เดินผ่านร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดังสายตาก็เหลือบไปเห็นคนที่คุ้นเคย กำลังนั่งกอดรัดกับผู้หญิงในโต๊ะริมสุดมือไม้พันกันอยู่อย่างไม่อาย....พี่เร...แต่ผู้หญิงสวยผมยาวคนนั้นกลับไม่ใช่พี่ลูกหมีของผม นี่มันอะไรกัน ถ้าจะบอกว่าเพื่อนกัน เอาเท้ามาเหยียบหน้าผมให้เชื่อผมยังขอปฏิเสธเลย ก็เกือบจะเล่นงูกินหางกันได้อยู่แล้ว จะเพื่อนกันได้ยังไง หยุดยืนมองพักใหญ่จนไอ้น๊อตเดินมาทันกอดคอผมไว้ และคงมองตามสายตาผมจนเจอเหมือนกัน
“แม่ง โครตเจ้าชู้อ่ะ กูเห็นเปลี่ยนผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า” มันเอาแขนคล้องคอผมให้เดินไปพร้อม ๆ กับมัน แต่ผมทันได้เห็นสายตาพี่เร ที่มองมาทางผม....ทำไมเป็นอย่างนี้ไปได้ มันหมายความว่ายังไง แล้วพี่ลูกหมีรู้เรื่องบ้างรึเปล่า ผมเริ่มไม่พอใจแล้วตอนนี้ ผู้ชายคนนี้กำลังทำอะไรอยู่ ตัวเองมีครอบครัวแล้วแท้ ๆ ผมสงสารพี่สาวขึ้นมาจับใจ...
กว่ามันจะมาส่งผมได้เพราะแวะกินข้าวอีก ถึงบ้านก็ปาไปเกือบทุ่มครึ่ง มันจอดรถหน้าบ้านแต่ก็ยังไม่ยอมเปิดประตูให้ผมลง
“ขอบใจนะที่มาส่ง” ผมหันไปยิ้มให้มัน มันพยักหน้า แล้วยื่นหน้าเฉียดหน้าผมไปนิดเดียวแล้วมองผ่านกระจกรถทางด้านผมเข้าไปในตัวบ้านหลังใหญ่
“บ้านช่องใหญ่โตนี่หว่า” มันพูดแต่ก็ยังไม่ยอมถอยออกไป ตอนที่มันหันมาคุยกับผม ถ้ามองจากข้างนอกคนอื่นต้องว่าเราทำอะไรกันแน่ เพราะกระจกรถมันก็ไม่ได้ทึบอะไรมากมายมองเข้ามาคงเห็นเป็นรูปร่างตะคุ่ม ๆ อยู่
“เปล่าอาศัยเขาอยู่ คนรู้จักน่ะ” ผมบอกมันไป ตอนนี้มันยอมถอยออกไปแล้ว และปลดล็อคประตูให้ผมลงจากรถ ผมโบกมือให้มันก่อนจะกลับรถออกไป ผมเดินเข้าบ้าน และตรงขึ้นห้องทันที เลือกที่จะโทรศัพท์หาพี่ลูกหมีก่อนทั้งที่ผมไม่รู้ว่าตอนนี้พี่ลูกหมีอยู่ไหน ยังไม่ทันได้กดหาชื่อพี่ลูกหมีเจอ เสียงเปิดและปิดประตูห้องผมก็ดังขึ้น จนผมต้องเงยหน้ามองจำได้ว่าตอนเข้ามาผมล็อคประตูแล้ว
“พี่เร.....”
พูดอะไรไม่ออกกับท่าทีพี่เขย ร่างสูงโปร่งในเสื้อเชิ้ตที่ปล่อยชายออกนอกกางเกง เนคไทค์ยังไม่ได้ถอดออกด้วยซ้ำไป มือหนากดล็อคห้องทันทีที่เข้ามา ผมรีบกดเคลียร์โทรศัพท์แล้ววางลงแทบจะทันทีที่พี่เรก้าวเข้ามา............
********************************************