ซึ้งใจในวัย 46
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ซึ้งใจในวัย 46  (อ่าน 39435 ครั้ง)

tamtam

  • บุคคลทั่วไป
Re: ซึ้งใจในวัย 46
«ตอบ #30 เมื่อ24-11-2010 15:21:19 »

โอ้วววว เห็นรายการอาหาร แล้วสุดยอด น่ากิน
ชอบทอดมันกุ้งฝอย อยากกินมั่งจัง

รักษาสุขภาพด้วยนะคะ ขอให้หายไวไว  :L2:

ปล. อย่ายอมชราในวัย 46   :a2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-11-2010 15:23:05 โดย 4 Your Eye Only »

เป็ดชรา

  • บุคคลทั่วไป
Re: ซึ้งใจในวัย 46
«ตอบ #31 เมื่อ25-11-2010 10:54:31 »

อรุณสวัสตัวเอง และเพื่อนที่เข้ามาในกระทู้นี้ครับ เป็นอีกเช้าหนึ่งที่ตื่นมาแล้วยังมึนยา และก็คิดถึงอดีต นี่แหละที่เขาว่า คนแก่จะพูดแต่เรื่องอดีต แหม! ก็แก่แล้วมันไม่มีเรื่องอนาคตหรือความหวังอะไรนักหรอกนะ  ยิ่งเวลาอยู่คนเดียว ว่างจากทำกิจกรรมประจำวันและทำงาน ก็นั่ง Time Machine ย้อนอดีตซะอีกแล้ว ส่วนใหญ่ผมก็จะย้อนไปครั้งยังเด็กที่ได้อยู่กับแม่ทุกที  ตอนอยู่กับแม่ปกติผมไม่ค่อยถูกตีหรอก แต่ก็จะมีบ้าง ทุกครั้งที่ถูกตีก็จะร้องไห้ เสียใจ น้อยอกน้อยใจ ตามประสาเด็ก แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ผมถูกแม่ตีแล้ว กลับดีใจ ไม่รอ้งไห้เลย   เรื่องมีอยู่ว่าสมัยเป็นเด็กแถวบ้านผมไม่มีไฟฟ้าใช้ ต้องใช้ตะเกียงกระป๋อง ถ้าบ้านไหนพอมีฐานะก็ใช้ตะเกียงเจ้าพายุ (สมัยนี้น่าจะไม่มีใครรู้จัก ตะเกียงทั้ง 2 ชนิดแล้ว) เวลาหุงข้าวต้มแกง ก็ใช้เตาอั๋งโล้ กับฟืน  เดือน พ.ย. - ธ.ค. จะเป็นระยะเวลาที่ชาวสวนพักฟื้นดิน เป็นช่วงที่แม่จะไม่ได้ไปรับจ้างทำสวน แม่กับผมก็จะพายเรือกันไปหาฟืนมาเก็บไว้ ก็จะเป็นพวกกิ่งไม้แห้งตามริมคลองสวน ที่เจ้าของเขาอนุญาต ให้ตัดเอาไปใช้ได้  มีเจ้าของสวนรายหนึ่งชื่อ ยายหงวน แกะมีสวนรกร้างมีต้นไม้ยืนต้นตาย หรือกิ่งไม้แห้งเยอะ แกจะอนุญาติให้แม่ไปตัดเอามาใช้ได้  วันที่เกิดเรื่องนี้ก็เช่นกัน ผมกับแม่พายเรือไปสวนยายหงวน ผูกเรือไว้ริมตลิ่งและเดินลุยป่าหญ้าขน ป่าเฟือย เข้าไปในสวนรกร้าง บริเวณสวนจะรกครึ้มไปด้วยหญ้า และหนองบึงตื้นๆ ซึ่งเต็มไปด้วยโคลน ผมไม่ชอบสวนยายหงวนเลยทุกครั้งที่ต้องมาที่นี่จะ งองแง อิดเอื้อน จนเกีอบถูกตีทุกครั้ง พอถึงที่หมายเป็นต้นมะม่วงยืนต้นตายแห้ง ใกล้ริมบึง แมก็บอกว่าอยู่เล่นโคนต้นไม้นะ  ถ้าเบื่อก็เอามีดตัดโคนต้นเล่นไปเรื่อยๆ ถ้าตัดต้นไม้ขาด ก็ได้กลับบ้านกัน แล้วแม่ก็ปีนขึ้นไปบนต้นเพื่อเอามีดอีโต้ขึ้นไปตัดกิ่งมะม่วง   แม่ไม่รู้หรอกว่าการที่บอกกับผมแบบนั้น สร้างแรงใจและพลังให้ผมมากมายเพราะอยากกลับบ้าน เมื่อแม่อยู่บนต้นมะม่วงเรียบร้อย ผมก็เริ่มตัดโคนต้นมะม่วงทันทัน ตัดไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก ขณะที่แม่ก็ตัดกิ่งมะม่วงอยู่ข้างบน กิ่งไม้ก็จะตกลงมาเรื่อยๆ ผมก็มีหน้าที่เก็บมารวมให้เป็นกองเพื่อให้แม่ลงมามัดรวมกัน  ว่างจากเก็บกิ่งไม้ผมก็ตัดโคนต้นมะม่วงอีก ความที่เป็นต้นไม้แห้งและภายในก็มีพวก ปลวก มดทำรับ ทำให้ข้างในต้นมะม่วงกรวง และผุ ทันใดนั้นสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เกิดเสียงดังเอี๊ยด และโครมตามมาทันที ต้นมะม่วงโค่นลงไปในบึงโคลน ร่างแม่ผมจมหายไปเหลือเพียงงอบที่แม่ใส่กันแดดลอยอยู่เหนือโคลน ตอนนั้นผมตกใจสุดขีวิตกับสิ่งที่เกิดขึ้นยืนตัวแข็งทำอะไรไม่ถูก สักอึดใจก็มีบางสิ่งเคลื่อนไหวในบึงโคลน แม่ยืนขึ้นมา ภาพที่เห็นเหมือนเราดูหนังตลก ที่คนเดินตกท่อแล้วโผล่ขึ้นมาดำทั้งตัวเหลือแต่ลูกตา  ผมดีใจมากที่แม่ไม่ตาย วิ่งลงโคลนไปกอดแม่ แม่จับแขนผมและฟาดผมด้วยฝ่ามือที่ตูด และหยิบกิ่งไม้เล็กๆที่หักตกแถวนั้นมาตีผมอีก  เชื่อไม๊ผมไม่เจ็บไม่ร้องให้เลย ดีใจที่แม่ยังไม่ตายเหมือนที่ผมกลัว แม่ยังลุกมาตีผมได้   สุดท้ายก็ได้กลับบ้านจริงๆไม่ใช่เพราะต้นมะม่วงขาดหรอก เป็นเพราะแม่เปียกโคลนไปทั้งตัว และโคลนมันเข้าตาแม่จนแม่เจ็บตา  ไม่รู้เวรกรรมผมหรือเปล่าที่ทำให้แม่เจ็บตา ทุกวันนี้ตาจะสู้ลมสู้แดดไม่ได้ น้ำตาไหลต้องใส่แว่นกันลม เวลาอ่านหนังสือก็ต้องใส่แว่นตายาวอีก  ใครที่ยังมี พ่อแม่อยู่ทำดีกับท่านไว้นะครับ

 


info001

  • บุคคลทั่วไป
Re: ซึ้งใจในวัย 46
«ตอบ #32 เมื่อ03-12-2010 17:35:30 »

หวัดดีครับ
    คนที่โพสท์ในกระทู้คุณแทน ที่คุณหนุ่มกล่าวถึง ก็คือ ผมเอง "อิน" ครับ
ไม่ทราบว่าจำได้รึเปล่า และอย่าชมผมมากนักเลยครับ เดี๋ยวผมจะได้ใจ..55

    และเรื่องอายุที่คุณหนุ่มคาดเดาก็ไม่ผิดหรอกครับ  แหม ผมอุตส่าห์
หลบๆเลี่ยงๆ มาตั้งนาน  จริงๆ ก็เพราะไม่อยากใส่ใจ เพราะมันเป็นเพียง
แค่สิ่งสมมติน่ะครับ..จริงมั้ย

   แล้วไม่ค่อยอยากให้เน้นย้ำว่า วัยอย่างเราๆ นี้ เป็นวัยชราเลย
ถ้างั้นคนอายุสัก 70 เขาจะใช้คำว่าอะไรล่ะครับ คงต้องใช้ “วัยแย้มฝาโลง” แทน
ดังนั้น วัยนี้จึงน่าจะเรียกว่า "วัยผู้ใหญ่ตอนปลาย หรือ วัยที่ผ่านประสบการณ์มาพอควร” (แต่ผมยังอ่อนประสบการณ์อยู่เลย)

   เมื่อได้อ่านประวัติชีวิตของคุณหนุ่มแล้ว ก็เข้าใจเลยครับว่า จะต้องอินกับเรื่องของพระอ้อยแน่นอน  
และบางอย่างก็คล้ายๆ ผมนะ แต่ผมมัน "dektep" ตั้งแต่เกิด เลยไม่ค่อยได้อยู่กับบรรยากาศแบบธรรมชาติเท่าไหร่  
ผมก็ชอบทั้งความศิวิไลซ์ของเมือง และธรรมชาติตามต่างจังหวัด
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-12-2010 20:16:24 โดย info001 »

info001

  • บุคคลทั่วไป
Re: ซึ้งใจในวัย 46
«ตอบ #33 เมื่อ03-12-2010 20:22:33 »

    เมื่อคุณหนุ่ม ได้เล่าเกี่ยวกับชีวิตตั้งแต่วัยเด็กให้ได้รับรู้กันแล้ว
ผมก็เลยอยากเล่าเกี่ยวกับตัวผมบ้าง พอสังเขป แต่คงไม่รันทดเท่าไหร่หรอกครับ
    ผมเกิดมาก็ไม่เห็นหน้าคุณพ่อแล้ว ตั้งแต่เด็กผมจึงเติบโตมากับ คุณแม่ และคุณยาย  
ซึ่งดูแลเอาใจใส่ผมเป็นอย่างดี แต่ในใจลึกๆ ก็ยังต้องการความรักความอบอุ่นจากใครสักคน
มาเติมเต็มในสิ่งที่เรารู้สึกว่าขาดหายไป  ซึ่งมันคงเป็นเพียงจินตนาการ ที่ไม่อาจเป็นจริงได้
แต่ถึงรู้อย่างนั้น มันก็ยังทำให้เรารู้สึกมีความหวัง และความสุขเล็กๆ จากจินตนาการนั้น
  
    คุณยายผมได้เสียชีวิตไปนานแล้ว ส่วนคุณแม่ก็อายุเจ็ดสิบกว่า หลายๆ อย่างที่คุณหนุ่มเล่า
ก็ทำให้นึกถึงตอนที่เราเจ็บป่วย ก็มีคุณยาย และคุณแม่ มาคอยดูแล และทำอาหารให้เรากิน
ซึ่งช่วงเวลาเหล่านั้น มันเหลือแค่เพียงความทรงจำ ให้เรานึกถึงเท่านั้น

    ด้วยกาลเวลา และวัยที่เพิ่มขึ้น  อะไรๆ มันก็เปลี่ยนแปลง  
ความคิด อารมณ์ ความรู้สึก  แม้แต่ความทรงจำในอดีต
บางอย่างมันก็เลือนๆ ไป แต่ก็ใช่ว่าจะลืม
เมื่อมีอะไรมาสะกิด  ก็ทำให้เราระลึกถึงขึ้นมาอีกครั้ง

    และอีกอย่างหนึ่งที่ผมคล้ายคุณหนุ่ม ก็คือ เรื่องอาชีพ
เพราะ ผมเคยทำงานธนาคารมาก่อน  ปกติชีวิตผมจะเรียบง่าย มาตั้งแต่เด็ก
จนมาถึงวัยทำงาน ก็ค่อยมีสีสรรหน่อย แต่ก็ไม่มีอะไรหวือหวาหรอกครับ
ก็แค่พอรู้เรื่องอะไร ๆ ในวงการนี้มาบ้างนิดหน่อยเท่านั้นอง
:bye2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-12-2010 10:51:27 โดย info001 »

ออฟไลน์ Goodfellas

  • magKapleVE
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1828
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +384/-2
    • Adult games: dating for spicy meetups
Re: ซึ้งใจในวัย 46
«ตอบ #34 เมื่อ04-12-2010 00:34:17 »

แวะมาหาพี่หนุ่มนะครับ  ช่วงนึงผมนึกว่าพี่ไม่ได้แวะเข้ามาเล่นซะแ้ล้ว   แต่ที่จริงเป็นผมเองนะที่ไม่ได้มาเล่นบอร์ดนี้

เพราะบางทีก็ยึดติดกับบอร์ดนั้นมากไปซะแล้วครับ  ก็คงต้องทำใจใหม่นะ  ให้ห่างๆมันซะบ้าง

ดีใจครับที่พี่หนุ่มยังแวะมา  และได้เล่าเรื่องอะไรๆให้พวกเราได้ฟังกัน  และพี่อินก็แวะมาเล่าบ้างซึ่งพอผมอ่านแล้วผมรู้สึกดีนะครับ

เหมือนกับว่าผมได้มานั่งอยู่กับพี่ชายของผมเองจริงๆเลยนะ   เพราะจะว่าไปช่วงนี้ผมก็มีแต่เรื่องไม่สบายใจเยอะแยะไปหมด

แต่พอได้แวะมากระทู้นี้แล้วก็รู้สึกสบายใจดีอย่างน่าแปลกใจเลย

ก็เพียงเท่านี้ผมก็สบายใจแล้วล่ะ  ถ้าพี่หนุ่มกับพี่อินว่างๆก็แวะกันมาที่กระทู้นี้นะครับ

ผมก็อยากจะเข้ามาฟังอะไรดีๆจากพี่ๆอีกครับ

ขอบคุณมาก o13

เป็ดชรา

  • บุคคลทั่วไป
Re: ซึ้งใจในวัย 46
«ตอบ #35 เมื่อ08-12-2010 11:30:46 »

ดีใจครับที่คุณอินทร์ เข้ามาอ่านกระทู้ผม รวมทั้งการตอบและเล่าเรื่องส่วนตัวบางส่วนให้ผมได้รับฟังด้วย  ครับ! ต่อไปนี้ผมจะเรียกวัยเราว่า "วัยแย้มฝาโลง" เอ้ย! ไม่ใช่ "วัยผู้ใหญ่ตอนปลาย"(สุด) ครับ 

ผมได้เข้ามาใน web นี้ทุกอาทิตย์ครับ ได้อ่านที่คุณอินทร์ Reply ไว้ที่กระทู้คุณแทน ได้ดูรูปพร้อมคำบรรยายภาพที่คุณเอามาลง ได้อ่านประสบการณ์เรื่องราวที่คุณเจอในที่ต่างๆ ได้พอmuj0tรู้จักคุณอินทร์จากการแสดงความคิดเห็นในหัวข้อต่างๆ ที่เพื่อนๆมาตั้งคำถามไว้  ผมได้แต่อ่านครับไม่ค่อยได้แสดงตัว  ใช้ภาษาวัยรุ่นกับเขาไม่ค่อยเป็น อีกอย่างก็เป็น " ผู้ใหญ่ตอนปลาย"(สุด) ไม่มีอะไรน่าสนใจ ชีวิตปัจจุบัน จืดสนิทไม่ม่มีสีนันอะไรเลย คิดว่าเป็นผู้ดู้จะเหมาะกว่า แต่ในความรู้สึกของผมก็คิดว่าเป็นเพื่อนกับทุกคนในกระทู้ที่เข้าไปอ่านครับ

สวัสดีครับ น้องน็อต ยังเข้าไปอ่านเรื่องของ น็อต อยู่นะครับ มีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือ? เล่าให้ผมฟังบ้างก็ได้ อาจไม่มีคำแนะนำดีๆ แต่ยินดีรับฟังและเป็นกำลังใจให้ครับ

ครั้งที่แล้วเล่าเรื่องเคยถูกแม่ตี แต่กลับดีใจสุดๆ  ครั้งนี้จะขอเล่าเรื่อง  ถูกแม่ตี และเสียใจสุดๆให้ฟังนะครับ  ย้อนเวลากลับไปไกลมากสมัยยังอยู่กับแม่ ตอนอายุประมาณ 9 ขวบตอนนั้นเรียนอยู่ ป.3 โรงเรียนกับบ้านผมอยู่ห่างกันประมาณ 5 ก.ม. พาหนะที่ใช้ในการเดินทางไปโรงเรียนคือ การพายเรือไป - กลับ วันละ 10 กม.  ผมจะออกจากบ้านตั้งแต่ประมาณ 6 โมงเช้า พายเรือไปคนเดียว ลัดเลาะไปตามลำคลอง ผ่านสวนผักสวนผลไม้ สลับกับทุ่งนา ซึ่งมีเวิ้งน้ำกว้างไกล ตอนเช้าจะมีพวกนกเป็ดน้ำ แมลงปอสีสวยๆ ดอกบัวบานเต็มหนองน้ำและนาข้าว บ้านผมนกจะเยอะมาก และผมก็เป็นคนชอบสัตว์ปีก พวก นก เป็ด ไก่ ห่าน มาตั้งแต่เด็ก แถวบ้านผมไม่ค่่อยมีหมา เพราะมันมีแต่น้ำไม่มีดิน เคยขอแม่เลี้ยงสัตว์แม่ก็ไม่ให้เลี้ยงเพราะแม่เลี้ยงแมว  บอกว่าถ้าผมเลี้ยงสัตว์พวกนี้จะโดนแมวมันกิน  แต่ผมก็ยังอยากได้พวก นก เป็ด ไก่ มาเลี้ยงตลอด เย็นวันหนึ่งหลังเลิกเรียนผมพายเรือกลับมาพร้อมกับเพื่อนคนอื่นๆ บังเอิญวันนั้นมีกลุ่มเด็กเกเร ชอบรังแก มันพายเรือเกาะกลุ่มมาด้วย มาถึงสวนที่มีต้นมะยม มะพร้าว ต้นมะกอกน้ำอยู่ริมสวนเด็กพวกนี้ก็จะเอาไม้พายฟาดไปที่ลูกมะกอกน้ำ กับลูกมะพร้าวที่อยู่ริมตลิ่งให้ร่วงลงมาแล้วก็รีบพายเรือหนีเพื่อไม่ให้เจ้าของสวนเขามาเห็น พอพ้นมาก็จะหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน วันนั้นไม่รู้เป็นไรผมก็พลอยสนุกไปกับเขาด้วย ทั้งที่ผ่านมาผมจะพยายามออกห่างจากเด็กพวกนี้ตลอดมา พายเรือมาต่ออีกระยะ มองขึ้นไปบนหัวที่ปลายกิ่งใบมะพร้าวมีรังนกห้อยอยู่ไม่สูงจากพื้นน้ำมากนัก เด็กกลุ่มนี้ก็หยุดเรือและเหนี่ยวรังนกตกลงมาภายในรัง ผมเห็นมีลูกนกตัวเล็กๆขนยังไม่ขึ้นอยู่ 5 ตัวพวกมันดีใจกันใหญ่บอกจะไปให้แม่มันทำกับข้าว ผมตกใจและสงสารนก แต่ไม่รู้จะทำงัยเลยบอกมันว่า "ขอแบ่งลูกนกตัวหนึ่ง" มันก็ให้มา ผมยื่นมือสองมือไปรับลูกนกมา ลูกนกไม่มีขนร้องลั่นตัวสั่นตลอด ผมเอากะลาผ่าซีก ที่เอาไว้ใช้วิดน้ำออกจากเรือ ฉีกกระดาษสมุดเป็นเส้นๆรองไว้และเอาลูกนกใส่ในนั้น รีบภายเรือกลับบ้านทันทีใน คิดดีใจว่าได้เลี้ยงนกสักทีแม่คงไม่ว่า พอถึงบ้านผูกเรือไว้ใต้ถุนเรือนก็รีบวิ่งขึ้นบ้านเอาลูกนกไปให้แม่ดู  แม่ตกใจมากบอก "ทำไมผมเป็นเด็กเลวอย่างนี้ พรากลูกมันมาจากแม่ได้อย่างไร มันเป็นบาปกรรมมาก ให้ผมเอาไปคืนรังเดี๋ยวนี้" " ผมบอแม่ว่ารังมันไม่มีแล้ว เพราะถูกดึงหลุดจากใบมะพร้าว" แม่โกรธมาก  "บอกว่ารู้ไม่ว่าเราเลี้ยงลูกนกขนาดนี้ไม่รอด ลูกนกเล็กขนาดนี้ต้องกินอาหารที่แม่มันป้อน แล้วเราก็ไม่รู้ว่ามันกินอะไรนกแต่ละอย่างกินไม่เหมือนกัน" แม่ตีผมด้วยไม้ขัดหม้อ น้ำตาผมไหลร้องไห้เยอะมาก ไม่ใช่เพราะเจ็บที่แม่ตี แต่เสียใจที่ตัวเองทำผิดทำบาปกรรม พรากลูกจากแม่    หลังจากตีผมแล้วแม่ก็เอานกไปใส่ไว้ในกระจาดเอาผ้าปูรอง พยายามเอา ข้าวเอาผัก มด ยุงที่พอจะหาได้ไปป้อน แต่ลูกนกก็ไม่กิน   พอเช้าวันรุ่งขึ้นลูกนกก็ตาย  ผมตื่นเช้ามาร้องไห้ตลอด จนแม่ต้องปลอบใจ วันนั้นผมกไม่ไปโรงเรียน  ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาผมก็ไม่เคยพายเรือผ่านตรงที่เคยเอาลูกนกอีกเลย  ใช้คลองอื่นพายไปโรงเรียนแทน

นี่แหละครับ คือเรื่องที่ถูกแม่ตีแล้วเสียใจที่สุด  ก็คงเป็นเพราะเวรกรรมที่ผมทำไว้   พออายุ 13 แม่ก็จากผมไป และชีวิตผมก็ไม่มีใครอีกเลย  ใครก็ตามที่ได้มีโอกาสอ่านเรื่องของผม พยายามทำกรรมดี ละเว้นบาปนะครับ เวรกรรมมีจริง ทุกวันนี้ผมก็ได้รับแล้ว ยังไม่รู้จะมีอีกกี่กรรมที่จะตามมา

ออฟไลน์ เซ็งเป็ด

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 596
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +602/-2
Re: ซึ้งใจในวัย 46
«ตอบ #36 เมื่อ08-12-2010 22:11:46 »

สู้ๆ ครับ

เขาคุยกันเรื่องไรไม่รู้ แต่สู้ๆไว้ก่อน

sarusakee

  • บุคคลทั่วไป
Re: ซึ้งใจในวัย 46
«ตอบ #37 เมื่อ08-12-2010 23:10:55 »

เป็นกำลังใจให้พี่เป็ดชรา น่ะคับ
ผมเป็นเด็กใหม่ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยน่ะคร้าบบบบผม อิอิ  o18

ผมได้อ่านเรื่องราวของพี่เป็ดชราแล้วน่ะคับ

เราสองคนมีอะไรคล้ายๆกันในมุมมองของความรัก ความเหงา และอะไรหลายๆอย่าง

ยังไงจะมาพูดคุยเป็นกำลังใจให้เรื่อยๆน่ะคับ ^_^

info001

  • บุคคลทั่วไป
Re: ซึ้งใจในวัย 46
«ตอบ #38 เมื่อ09-12-2010 09:00:47 »

หวัดดีครับ
     รู้สึกว่าคุณหนุ่มค่อนข้างปลงกับชีวิตนะครับ
จริงๆวัยนี้น่าจะรู้สึกภูมิใจกับตำแหน่งหน้าที่การงานที่ทำอยู่...รึเปล่า

     ผมคิดว่า ชีวิตของคนเราแต่ละคน ย่อมมีความแตกต่างและน่าศึกษาด้วยกันทั้งนั้น
อยู่ที่มุมมองและวิธีการถ่ายทอดให้น่าสนใจมากกว่า
อย่างชีวิตวัยเด็กของคุณหนุ่มที่ได้อยู่ท่างกลางธรรมชาติอันบริสุทธิ์นั้น
มีคนอีกเป็นจำนวนมาก รวมทั้งผม ที่ไม่มีโอกาสอย่างนั้น

     การที่ได้ซึมซับกับบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติ จะส่งผลให้เรามีสุขภาพกาย และสุขภาพจิตที่ดี
รักและเห็นคุณค่าของธรรมชาติสิ่งแวดล้อม
     และการอยู่ในสังคมต่างจังหวัด ทำให้มีพื้นฐานจิตใจดี มีน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ รักครอบครัว
ซึ่งเคยมีฝรั่งเขาวิเคราะห์จากชาวอเมริกันหลายครอบครัว  ว่าครอบครัวไหนที่ลูกยังดูแลเอาใจใส่พ่อแม่ แม้ยามแก่เฒ่า
รักครอบครัว รักญาติพี่น้อง เมื่อสืบดูก็มีข้อมูลตรงกันที่ว่า ครอบครัวเหล่านั้น เคยอยู่ชนบทมาก่อน 
ต่างจากครอบครัวที่อยู่ในเมืองมาตลอด จะไม่ชอบยุ่งเกี่ยวกับใคร แม้แต่พ่อแม่ก็ไม่ค่อยสนใจ ต่างคนต่างอยู่ 

      ผมว่าคนไทยส่วนใหญ่ ก็ยังมีพื้นฐานจิตใจดี เพราะถูกหล่อหลอมด้วยวัฒนธรรมประเพณี และวิถีทางพุทธศาสนา
แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไป กระแสสื่อต่างๆ เข้ามามีอิทธิพลต่อชีวิตของคนเราค่อนข้างมาก 
ทำให้คนรุ่นหลังๆ มีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป  สังคมก็เปลี่ยนไป…ฯลฯ
      พล่ามมากไปหน่อย จะกลายเป็นบทความทางวิชาการไปซะแล้ว ถ้าเป็นการพูด คนฟังก็คงหลับไปแล้ว
จริงๆ ก็ยังมีอะไรๆ เล่าได้อีกหลายเรื่องแหละครับ บางส่วนก็เป็นชีวิตและประสบการณ์ของผมเอง
แต่กลัวจะเบื่อซะก่อน ก็คงไว้โอกาสต่อๆ ไป   ค่อยมาแลกเปลี่ยนข้อคิดและประสบการณ์กันนะครับ
 :bye2:

เป็ดชรา

  • บุคคลทั่วไป
Re: ซึ้งใจในวัย 46
«ตอบ #39 เมื่อ09-12-2010 12:38:20 »

 :pig4:

อรุณสวัส ตัวผมเอง และทุกคนที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้ครับ

ขอบคุณ คุณเป็ดที่ให้เกียรติแวะมาเยี่ยม ว่าแต่เมื่อไรจะมีผลงานใหม่ให้อ่านอีกล่ะ รออยู่นะ

ยินดีต้อนรับ Sarusakee เข้าสู่ Community ครับ

ขอบคุณ คุณอินทร์ ที่เข้ามาพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็นครับ  อย่างไรดีล่ะ ผมไม่ได้ปลงอะไรกับชีวิตหรอกครับ ยัง รัก โลภ โกรธ หลง ครบอยู่ เพียงแต่พยายามลดความคาดหวังกับชีวิตลง พร้อมรับกับสิ่งต่างๆที่จะเกิดขึ้น ส่วนเรื่องความภูมิใจกับตำแหน่งหน้าที่การงาน เคยภูมิใจครับ เคยได้ยินผู้ที่ประสบความสำเร็จในชีวิต และผู้คงแก่เรียนหลายๆท่าน พูดไว้ว่า "ชีวิตเรา เราลิขิตเอง" หรือ "ชีวิตเรา  เราเป็นผู้กำหนด" หรือ "เราเป็น ในสิ่งที่เราทำ" ฯลฯ  ซึ่งผมก็เชื่อใน วลี เหล่านี้นะครับ แต่บางชีวิตก็มีข้อยกเว้น ผมก็เป็นหนึ่งในข้อยกเว้นเหมือนกัน

แต่ไม่ได้หมายความว่า ชีวิตผมจะเศร้า หรือหดหู่ไปทั้งหมดนะครับ เหมือนกับชีวิตคนอื่นนั่นแหละ มีสุข ทุกข์ ปะปนสลับกันไป เหมือนที่คุณอินทร์ บอกแหละครับว่า จะเลือกถ่ายทอดอย่างไร  และช่วงเวลาไหน  บังเอิญผมอาจจะถ่ายทอดช่วงที่มันดูเศร้า  เพราะอารมณ์ต่องเนื่องจาก "เซ็งเป็ด" ประกอบกับช่วงนี้อากาศเริ่มเย็น "คนวัยผู้ใหญ่ตอนปลาย (สุด)" อย่างผม   ยิ่งมาเจ็บๆป่วยๆด้วย เลยออกอาการเหงาๆ เคยได้ยินไม๊ล่ะที่เขาว่า คนแก่ขี้เหงา 

ชอบอ่านความคิดเห็นของทุกคนครับ เป็นการเปิดโลกทัศน์ ที่เราไม่เคยได้รู้ และได้ข้อคิดบางอย่างที่เราไม่เคยคิด การแสดงความคิดเห็นในนี้ส่วนใหญ่ ก็มีเจตนาดี เป็นที่ตั้ง เพราะฉนั้นทุกความคิดเห็นมีของดีอยู่ในนั้นครับ

ว่างๆแวะมาหากันอีกนะครับ  คิดถึงนะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ซึ้งใจในวัย 46
« ตอบ #39 เมื่อ: 09-12-2010 12:38:20 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






tamtam

  • บุคคลทั่วไป
Re: ซึ้งใจในวัย 46
«ตอบ #40 เมื่อ09-12-2010 14:31:16 »

คุณเป็ดชรา พูดเหมือนป่วยเรื้อรังเลยนะคะ เป็นอะไรมากมั๊ยคะเนี่ย
ความเห็นส่วนตัว วัยนี้ ไม่ชราขนาดนั้นหรอกค่ะ แค่ครึ่งชีวิตเท่านั้น

รู้สึกดีที่ได้อ่านประสบการ์ณของแต่ละคน เขียนน่าอ่าน
เล่าให้ฟังเรื่อยๆ นะคะ

ออฟไลน์ Goodfellas

  • magKapleVE
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1828
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +384/-2
    • Adult games: dating for spicy meetups
Re: ซึ้งใจในวัย 46
«ตอบ #41 เมื่อ10-12-2010 00:49:51 »

แวะมากอดพี่ชายสุดเลิฟนะครับ 

ทั้งพี่หนุ่มและพี่อินเลย :กอด1: :กอด1: :กอด1:

sarusakee

  • บุคคลทั่วไป
Re: ซึ้งใจในวัย 46
«ตอบ #42 เมื่อ10-12-2010 01:22:46 »

ช่วงนี้ต้องดูแลตัวเองดีๆน่ะคับ เพราะอากาศมันเดี๋ยวหนาวเดี๋ยวร้อน

ไม่เจ็บไข้ได้ป่วยเป็นดีที่สุดน่ะคับ  :really2:

เป็ดชรา

  • บุคคลทั่วไป
Re: ซึ้งใจในวัย 46
«ตอบ #43 เมื่อ10-12-2010 11:58:46 »

 :L2:
อรุณสวัสตัวเอง และทุกคนที่เข้ามาอ่านในกระทู้นี้ครับ

สวัสดีครับ คุณเป็ดแสนดี ครับผมป่วยเรื้อรัง เบาหวาน ครับ ต้องกินยาตลอดชีวิต ตอนนี้ก็มี Promotion เพิ่มอีก 2 โรค คือ ความดันสูง กับ Collateral  2 โรคหลังอาจกินยาแค่ระยะเดียว ถ้าดูแลรักษาร่างกายดีๆ  ที่จริงผมก็เป็นคนออกกำลังกายค่อนค้างสม่ำเสมอ  เหล้า บุหรี่  เลิกมา 8 ปีแล้ว สงสัยพิษมันสะสมในร่างกายนาน พออายุมากขึ้น มันเลยแสดงผลออกมา  แต่ผมว่าปัจจัยที่สำคัญที่สุดน่าจะเป็นเรื่องความเครียด 

สวัสดีครับ น็อต  นานมากๆๆๆๆๆๆๆๆ แล้วที่ไม่มีคนกอด อุ่นดี   แวะมากอดบ่อยๆนะ

สวัสดีครับ Sarusakee (เป็นคนรัสเซียเปล่าเนี่ยะ) พยายามดูแลรักษาร่างกายอย่างดีครับ ขอบคุณครับ

วันนี้เล่าเรื่องอะไรดี  เอาเรื่องที่ไปอัมพวากับเพื่อนเมื่อวันที่  5 - 6 ธ.ค. ที่ผ่านมาดีกว่า ไปนอนโฮมสเตย์ที่ อัมพวามาครับ บ้านพักเป็นอาคารไม้ริมคลองอัมพวา ด้านหน้าจะเป็นทางเดินปูด้วยไม้ทอดผ่านหน้าบ้านทุกหลังในแหล่งชุมชน ฝั่งตรงข้ามคลองเป็นวัด   เก็บของเข้าที่พัก ก็เดินเที่ยวเล่นตามริมคลองต่อเนื่องถึงตลาดน้ำยามเย็นของคลองอัมพวา เพื่อนๆซื้อตั๋วเรือเพื่อไปดูหิ่งห้อยตอนกลางคืน แต่ผมไม่ไปขออยู่โดดน้ำเล่นหน้าที่พักดีกว่า   พอค่ำเพื่อนๆเขาก็ไปลงเรือกัน  แต่ผมอยู่บ้านยืมเรือเจ้าของบ้านพายเล่นคนเดียว เจ้าของบ้านเขาก็ใจดีถามว่า "พายเป็นหรือ" เขาอาสาจะพายให้นั่ง  เลยบอกเขาไปว่าไม่ใช่แค่เป็น "เก่งเลยแหละ " เขาหัวเราะ "บอกลองพายให้ดูซิ" พอลงเรือและพายเรือออกไป เขาเลยยืนโบกมือบ้ายบายกันที่ท่าน้ำ  ผมพายเรือของผมเรื่อยๆคนเดียว คืนนี้เป็นข้างแรม พระจันทร์มองเห็นเป็นเสี้ยวเล็กนิดเดียว แต่ดาวเยอะมาก  อดคิดถึงแม่ไม่ได้อีกแล้ว ตอนเด็ก เวลาข้างแรมแบบนี้แม่จะจุดตะเกียงมานั่งนอกชานบ้าน เปิดวิทยุ AM ฟังนิยาย หรือ ข่าว พร้อมกับทำงานเล็กๆน้อยๆไปด้วย  ผมก็จะเอาหมอนมาหนุนหัวนอนข้างๆแม่ มองขึ้นไปบนฟ้า และชี้ถามแม่ว่าดาวอะไร ดาวไหนแม่รู้ก็จะบอก ถ้าไม่รู้ก็บอกไม่รู้ จนผมหลับ อากาศเย็นสบายมากผมพายเรือไปเรื่อยๆ จนรู้สึกว่าน่าจะมาไกลและนานพอดูแล้ว จึงพายเรือกลับที่พัก ความที่ไม่ชำนาญทาง และมัวแต่ดื่มด่ำบรรยากาศ เลยจำทางไม่ได้ว่าเลี้ยวเข้าคลองมากี่คลอง ตรงไหนบ้าง คลองที่พายเข้ามาก็มีแต่สวนไม่มีไฟ และยังมองไม่เห็นบ้านคนอยู่เลย เริ่มตกใจนิดๆ  และกลัวหน่อยๆแล้ว จากพายชิวๆ เป็นจ้ำใบพายเต็มแรงเพื่อให้เรือไปเร็วที่สุด พายมาจนสุดคลองข้างหน้ามีคลองขวางอยู่แต่ก็จำไม่ได้อีกว่าจะเลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวาดี พอดีมีเรือพายสวนมาเป็นผู้หญิงน่าจะวัยประมาณผม ตอนแรกดูเขาจะกลัวๆผมนิดหน่อย (ที่จริงไม่น่ากลัว เพราะผมรูปหล่อและใจดีด้วย) เลยบอกเขาว่าหลงทาง เขายิ้มๆและบอกทางกลับให้ พายเรือมาได้สัก 10 นาทีก็มีเรือยนต์ติดสปอร์ตไลน์ สองสว่าง วิ่งสวนมาจากด้านหน้า "ได้ยินเสียงเจอแล้ว" พอเรือยนต์เข้ามาใกล้ก็เห็นเพื่อนผมและเจ้าของโฮมสเตย์นั่งอยู่ในเรือ

กลับมาถึงที่พักดูนาฬิกาจึงรู้ว่า เกือบห้าทุ่มแล้ว ทุกคนต่างรุมชื่นชมผมเสียงอื้ออึง จนผมหลับไปเมื่อไรไม่รู้เหมือนกัน  ตื่นเช้ามารู้สึกได้เลยว่าอากาศดีสดชื่นมาก เจ้าของโฮมสเตย์เขาเตรียม ข้าวและกับข้าวให้ใส่บาตรทีท่าน้ำหน้าบ้าน รอประมาณ 15 นาที เห็นพระพายเรือชักแถวตามกันมา 5 ลำ ผมและเพื่อนก็ได้ใส่บาตรกันทุกคน รู้สึกดีมากๆ เสร็จแล้วก็กินข้าวเช้าดื่มกาแฟ  นั่งคุยเล่นกับเพื่อนๆริมศาลาท่าน้ำ  สักประมาณ 10 โมงก็เก็บข้าวของลาเจ้าของโฮมเสตย์ เดินทางกลับกรุงเทพฯ

เพื่อนๆคนไหนยังไม่เคยไปที่อัมพวา ลองหาโอกาสไปพักดูนะครับ ใกล้กรุงเทพนิดเดียว แต่เหมือนอยู่คนละโลกเลย คิดถึงทุกคนนะ   

sarusakee

  • บุคคลทั่วไป
Re: ซึ้งใจในวัย 46
«ตอบ #44 เมื่อ10-12-2010 22:02:49 »

สวัสดีครับ พี่เป็ดชรา (จิงๆไม่อยากเรียกเท่าไหร่เลย เหอะๆ เพราะจิงๆคงยังไม่แก่หรอก อิอิ)

จิงๆเรียกผมว่าออฟก็ได้คับ แล้วก็เป็นคนไทยแต้ๆเลยเจ้า 5555555  :really2:

ยังไงก็ดูแลตัวเองดีๆล่ะคับ ยิ่งมีโรคประจำตัวแบบนี้ด้วย ยิ่งต้องดูแลตัวเองมากเข้าไปใหญ่ พยายามทำตามที่หมอสั่งเรื่อยๆ เดี๋ยวก็แข็งแรงๆขึ้นคับ  สู้ๆๆๆๆ o13 o13 o13 o13 (มีเทคนิคในการดูแลตัวเองหรือยาดีๆ จะเข้ามาบอกในโอกาสต่อๆไปน่ะคับ ^_^)

ตอนนี้ผมมาเที่ยวที่ วังน้ำเขียวคับ อยากบอกว่า หนาวมากๆๆๆๆๆๆๆ

แล้วจาเที่ยวเผื่อน่ะคร้าบบบบ  :bye2: :bye2: :bye2: :bye2:

info001

  • บุคคลทั่วไป
Re: ซึ้งใจในวัย 46
«ตอบ #45 เมื่อ11-12-2010 08:49:16 »

หวัดดีครับ
   รู้สึกดีครับ พอได้อ่านเรื่องที่คุณหนุ่มไปพักผ่อนมา ก็เห็นภาพเลยนะครับ
อยากไปเหมือนกัน แต่พายเรือไม่เป็นอ่ะ ทำไงดี ?
  
   ได้รู้ถึงปัญหาสุขภาพของคุณหนุ่มแล้ว ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ ขอให้รักษาสุขภาพมากๆ ด้วยนะครับ
ผมเองถึงจะไม่ได้มีโรคประจำตัว แต่วัยปูนนี้แล้ว (แต่ยืนยันว่ายังไม่แก่เท่าไหร่นะ..55)
ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องความเสื่อมของสังขาร อย่างน้อยก็มีปวดๆ เมื่อยๆ บ้างแหละ
เพื่อนผมบางคน ยังต้องพยายามไปแสวงหาส้นเท้า มาประทับบนร่างกาย ไม่งั้นนอนไม่หลับก็มี
 
   จริงๆ ผมไม่ค่อยได้ไปไหนบ่อยนัก (แต่ถ้ามีคนชวนก็ไม่ค่อยปฏิเสธ)
ขนาดวันลอยกระทงที่ผ่านมายังไม่ได้ไปไหนกะเขาเลย..น่าสงสารตัวเองจัง :m15:
พูดถึงวันลอยกระทง เพื่อนผมที่อยู่แคนาดา เล่าให้ฟังว่า เตรียมจัดงานลอยกระทงเล็กๆ ระหว่างหมู่เพื่อนและกลุ่มคนไทยที่รู้จัก
จึงใช้ไวนิล ทำเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่พอประมาณเพื่อใช้ลอยกระทงกัน
แต่พอถึงวันงาน ปรากฎว่าน้ำในอ่างกลายเป็นน้ำแข็ง เพราะช่วงนั้นอากาศหนาว มีหิมะตก
เลยต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้า โดยเอาน้ำร้อนมาราด ให้ผิวหน้าที่เป็นน้ำแข็งละลาย ซึ่งหนาเกือบนิ้ว
ส่วนใต้น้ำแข็ง ยังคงเป็นน้ำปกติ ก็เลยพอทำให้งานลอยกระทงผ่านไปได้ด้วยความเรียบร้อย แบบทุลักทุเลนิดหน่อย
นี่แหละครับ อุปสรรคของการลอยกระทงในเมืองหนาว อาจต้องใส่สเก็ตน้ำแข็งไปร่วมงานก็ได้
ยังคิดถึงทุกๆ คนนะครับ :bye2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-12-2010 10:58:14 โดย info001 »

เป็ดชรา

  • บุคคลทั่วไป
Re: ซึ้งใจในวัย 46
«ตอบ #46 เมื่อ11-12-2010 11:04:12 »

 :L2:
อรุณสวัสตัวเอง และเพื่อนๆที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้ทุกคนครับ

สวัสดีครับ คุณอ๊อฟ  โห! นี่ขนาดไปเที่ยววังน้ำเขียวยังเข้ามาเขียนในกระทู้ผมอีก  ดีใจ เที่ยวให้สนุกนะครับ ผมพึ่งไปมาเมื่อ ต.ค. อากาศตอนนั้นแค่เย็น แต่ก็สบายสดชื่นเพราะที่นี่เขาบอกว่ามี O3 เป็นอับดับ 7 ของโลก  ผมพักที่ภูผางามรีสอร์ท ทิวทัศน์สวยดี  แต่ผมว่าแพงไปหน่อย กลับมาเล่าให้ฟังบ้างนะครับว่าไปที่ไหนบ้าง  เรื่องโรคภัยของผมนี่ เขามาอยู่กับผมระยะหนึ่งแล้ว ไม่คิดอะไรมากครับ ดีเหมือนกันอย่างน้อยมีโรคมาอยู่เป็นเพื่อน ถ้ามันจากไปผมคงเหงาเหมือนกัน   

สวัสดีครับคุณอินทร์ วันนี้เข้ามาเช้ากว่าผมอีก ถ้าอยากไปอัมพวา แต่ปัญหาพายเรือไม่เป็นนี่ แก้ได้ครับ ผมอาสาไปพายเรือให้นั่ง แต่!!!!! มีข้อแลกเปลี่ยน นิดหนึ่ง  ต้องร้องเพลงตามโจทย์ที่ผมกำหนด 1 เพลง

ขอบคุณครับที่เป็นห่วง ผมแข็งแรงดี เปรี๊ยะมาก  ครั้งแรกที่ตรวจเจอเบาหวาน และตอนหลังมี Pro เสริมอีก คุณหมอบอกว่า ดูรูปร่างแล้วไม่น่าเป็นโรคพวกนี้เลย รูปร่างออกเตี้ยล่ำ มะขามข้อเดียวขนาดนี้ พวกโรคภัยนี่ดูจากภายนอกไม่ได้จริงๆ ทีเพื่อนผมมีอยู่คน ผมแห้ง กร่องแกร่งมาก เหมือนคนป่วยมาตลอดชีวิต ขนาดที่โทรหากันต้องถามว่า มึงอยู่ศาลาไหน กลับไม่เป็นไรเลย ทุกวันนี้ดูแลรักษาร่างกายดีครับ ออกกำลังกาย กินอาหารที่มีประโยชน์(แต่ไม่อร่อยเลย)

ลอยกระทงผมก็ไม่ได้ไปไหนครับ นอนฟังเสียงพลุอยู่คอนโดคนเดียว ปีใหม่ก็คง Gingle Bell อยู่กรุงเทพคนเดียวเหมือนกัน

อย่างคุณอินทร์ยังเรียกว่าไม่ค่อยได้ไปไหนอีกหรือครับ ผมว่าคุณอินทร์มีโอกาสได้ไปในที่ต่างๆมากกว่าคนหลายพันล้านคนเลย  ได้ไปหลายประเทศรอบโลก ได้ประสบการณ์จากการใช้ชีวิตอยู่ในสถานที่ต่าง วิถีชีวิตวัฒนธรรม  ต่างภูมิประเทศ ได้เห็นงานศิลปสิ่งก่อสร้างสวยงาม เป็นสิ่งที่เยี่ยมยอดมาก ถ้าคุณอินทร์มีเวลาอยากให้เล่าให้ฟัง เพราะเป็นประสบการณ์ตรงที่เกิดขึ้นจริง  ไม่เหมือนการดูสารคดี

วันนี้ผมจะเล่าเรื่องอะไรดี  เอาเรี่องการดูหนังในโรงภาพยนตร์ครั้งแรกในชีวิตของผมแล้วกัน  ย้อนกลับไปตอนอายุประมาณ 18 ปี เข้ามาเรียนรามฯปีแรก ยังไม่มีเพื่อน ไม่มีคนรู้จักเลยสักคนเดียว  เหงาๆ เลยนั่งรถไปประตูน้ำเดินเล่นเห็นโรงภาพยนตร์ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็น เพชรราม่า ฉายหนังเรื่อง Edward scissor hands เลยซื้อตั๋วหนังเข้าไปดู เป็นครั้งแรกของชีวิตที่เข้าดูหนังในโรงภาพยนต์  (แต่เดิมเคยดูแต่หนังกลางแปลงที่วัด เป็นลานโล่งไม่มีผนัง ไม่มีหลังคา มีแสงไฟสว่าง ที่นั่งใช้ปูเสื่อ หรือเอากระดาษมารองปูกับพื้น) พอผ่านประตูเข้าไปมันมืดมากมองอะไรไม่เห็น เดินเตะบันได้เกือบทุกขั้น ข้างในจะมีพนักงานถือไฟฉายคอยส่งทางให้แต่ก็ยังไม่สว่างอยู่ดี เอาตั๋วไปให้เขาดูเขาก็เดินนำไปที่แถวตามที่ระบุในตั๋ว และเอาไฟฉายชี้นำไปหาเก้าอี้ที่เราจะนั่ง แล้วเขาก็กลับไปยืนที่เดิมรอบริการคนอื่นต่อ  พอเขาดับไฟฉายก็มืดเหมือนเดิม ผมก็เดินงมไปตามแถวที่นั่งในความมืด  ระหว่าทางก็เหยียบเท้าคนบ้าง เอามือไปค้ำหัวเขาบ้าง ต้องขอโทษเขาไปตลอดจนถึงที่นั่งของตนเองและนั่งลง  คิดในใจว่าจะไม่เข้าโรงหนังอีก มืดอึดอัด ที่นั่งก็เล็กนั่งไม่เต็มตูด สักแ๊ป๊ป ได้ยินเสียง จุ๊ จิ๊ และเสียงบ่นว่า มันจะยืนทำไมว่ะ บัง แม่ง...... ผมก็มองหาคนยืนและคิดในใจเหมือนกันว่า มันจะยืนทำไม  เสียงบ่นดังถี่และดังขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ตาผมก็เริ่มชินกับความมืดเริ่มมองเห็นสิ่งแวดล้อมรอบตัว มองคนรอบข้าง เอ!! ทำไมที่นั่งเขาเตี้ยกว่าเราหมดเลย  สงสัยที่นั่งเราเสีย  จึงเดินไปหาพนักงานที่เขาคอยส่องไฟ บอกเขาว่าที่นั่งเราเสีย  เขาเดินนำมาแล้วโยกพนักที่นั่ง เสร็จแล้วก็กางที่นั่งลง  นั่นแหละครับ ผมถึงบางอ้อว่า ไอ้คนที่เขาทำเสียงจุ๊จิ๊ และบ่นว่ามันจะยืนทำไม คือ ผมเอง เพราะไม่รู้ว่าถ้าเวลาไม่มีคนนั่งเก้าอี้มันจะพับขึ้น เวลานั่งต้องกางมันออก

แล้วกลับมาพูดคุยกันอีกนะครับ  คิดถึงนะ

sarusakee

  • บุคคลทั่วไป
Re: ซึ้งใจในวัย 46
«ตอบ #47 เมื่อ11-12-2010 21:30:01 »

สวัสดีคร้าบบบบ พี่หนุ่ม
ผมกลับมาแล้วคับพร้อมกับความเหนื่อยมากมาย ทั้งนั่งรถ ขึ้นเขา ลงห้วย ทุกอย่าง เล่นเอาซ่ะข้อเข่าผมจะเสื่อมไปเลย 55555 แต่ก็สนุกดีคับ ได้ความประทับใจหลายๆอย่างกลับมาเยอะแยะเลย  :z1: :z1: :z1:

วันที่ผมไปช่วงกลางวันก็ไม่เท่าไหร่น่ะคับ ก็ถือว่าไม่ร้อนมากแต่ก็ไม่ถึงกับเย็น แต่พอตกดึก พระอาทิตย์ลับขอบฟ้า อากาศก็กลับกลายเป็นหนาวขึ้นมาทันทีเลย โดยเฉพาะตอนเช้ามืดอ่ะคับ หนาวสุดๆจิงๆ แต่ผมก็ดีใจน่ะ ได้ไปสัมผัสอากาศหนาวจิงๆ เป็นบุญๆ เหอะๆๆ ได้ไปสูด โอโซน ให้เต็มปอด คุ้มค่า (นี่ถ้าเอาใส่กระป๋องกลับมาได้ก็คงดีเนาะคับ เพราะไม่เคยเจออากาศบริสุทธิ์ อย่างนี้มาก่อนเลย  :really2:)

ผมไปพักที่ ภูธาราฟ้ารีสอร์ท อ่ะคับ ตรงอ่างเก็บน้ำลำพระเพลิงพอดีเลย ราคาต่อคืนที่ผมไปพักก็ไม่แพงเท่าไหร่น่ะคับ (แต่พอดีผมไปซื้อที่พักตอนเขามาจัดงานท่องเที่ยวไทยก็เลยได้ราคาพิเศษก็โอเคหน่อยอ่ะคับ)

ทริปครั้งนี้ผมได้ไปเที่ยว ปาลิโอเขาใหญ่,a cup of love (ไปอุ้มแกะกับถ่ายรูปกับต้นทานตะวัน ชอบมากๆเลยอ่า ^^) ,แปลงองุ่น (อันนี้ไปมาหลายแปลงมากจนจำชื่อแปลงไม่ได้ 5555) แล้วก็แวะถ่ายรูปเรื่อยๆไป ถือว่า โอเคน่ะคับ แต่ในระหว่างนั้นก็มีกิจกรรมการผจญภัยต่างๆมากมาย ไว้จะมาเล่าให้ฟังอีกทีน่ะคับผม (เพราะว่าวันนี้เหนื่อยมาก ผมพิมคอมม่ะไหวและ เหอะๆๆ) อ้อ อีกอย่างคับ นอนดูดาว ดาวที่โน้นสวยมาก ผมไม่เคยเจอท้องฟ้าและดาวที่สวยที่สุดอย่างนี้มาก่อนเลย หาใน กทม ไม่ได้เลย มีความสุขจิงๆคับ  o13 o13

อีกเรื่องคับ จิงๆ พี่หนุ่มไม่จำเป็นต้องมี โรคภัยไข้เจ็บเป็นเพื่อนก็ได้คับ อย่างน้อยก็ยังมีน้องๆ เพื่อนๆ และอีกหลายๆคนในบอร์ดนี้ เป็นเพื่อนอยู่แล้ว จิงไหมคับ  :mc4: :mc4: :mc4: :mc4:
ขืนโรคภัยไข้เจ็บมันหายไปก็ยังไม่เหงาหรอกคับ อิอิ

เอาไว้เดี๋ยวผมมาคุยด้วยใหม่น่ะคับ วันนี้ขอตัวลาก่อน เพลียมากถึงมากที่สุด 5555
 :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2:

tamtam

  • บุคคลทั่วไป
Re: ซึ้งใจในวัย 46
«ตอบ #48 เมื่อ11-12-2010 22:19:12 »


ฮาคุณเป็ดชรา จริง ๆ นะคะเนี่ย เรื่องในโรงหนัง
ทุกคนมีมุมที่เคยที่เคยทำเปิ่นมาทั้งนั้น แต่เมื่อมองย้อนหลังไป
มันก็เป็นความประทับใจไม่รู้ลืมนะคะ

ปล. คุณsarusakee อาทิตย์นี้ที่ palio รถติดมั๊ยคะ เมื่ออาทิตย์ก่อนติดยาวเป็นกิโลเลยค่ะ เซ็งอดเข้า

sarusakee

  • บุคคลทั่วไป
Re: ซึ้งใจในวัย 46
«ตอบ #49 เมื่อ11-12-2010 23:17:29 »

@ คุณ 4 Your Eye Only คร้าบ รถติดมากๆถึงมากที่สุดคับ แต่ก็รอจนเข้าไปจนได้ ไหนๆก็มาแล้ว ไม่ให้เสียเที่ยว อิอิ
แต่ก็ไม่สนุกอยู่ดีคับ ถ่ายรูปไม่ได้เลย คนเยอะมากๆอ่ะคับ เดี๋ยวก็เดินผ่านหน้ากล้อง เดี๋ยวก็เดินผ่านหน้ากล้อง  :z3: :z3:

สรุปเลยถ่ายดีกว่า 55555555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ซึ้งใจในวัย 46
« ตอบ #49 เมื่อ: 11-12-2010 23:17:29 »





tamtam

  • บุคคลทั่วไป
Re: ซึ้งใจในวัย 46
«ตอบ #50 เมื่อ11-12-2010 23:43:17 »

@ คุณ 4 Your Eye Only คร้าบ รถติดมากๆถึงมากที่สุดคับ แต่ก็รอจนเข้าไปจนได้ ไหนๆก็มาแล้ว ไม่ให้เสียเที่ยว อิอิ
แต่ก็ไม่สนุกอยู่ดีคับ ถ่ายรูปไม่ได้เลย คนเยอะมากๆอ่ะคับ เดี๋ยวก็เดินผ่านหน้ากล้อง เดี๋ยวก็เดินผ่านหน้ากล้อง  :z3: :z3:

สรุปเลยถ่ายดีกว่า 55555555

เห็นภาพเลยค่ะ
อาทิตย์ที่แล้วต้องเลี่ยงออกไปหาไรทานที่สวนเมืองพรดีกว่า
นึกไม่ถึงว่าคนจะเยอะขนาดนี้
สงสัยช่วงนี้คงจะแน่นทุกเสาร์อาทิตย์

info001

  • บุคคลทั่วไป
Re: ซึ้งใจในวัย 46
«ตอบ #51 เมื่อ12-12-2010 12:28:18 »

หวัดดีครับ
     น้องอ๊อฟ ได้เล่าเรื่องไปเที่ยว  ก็น่าสนุกดี  ถึงจะเหน็ดเหนื่อยยังไง
แต่เราก็รู้สึกสนุก ได้ผ่อนคลาย หายเครียดไปช่วงหนึ่ง
ยังหนุ่มยังแน่นก็รีบๆ หาโอกาสไปเที่ยวหลายๆที่นะครับ  
ขึ้นเขาลงห้วยได้สะดวก  อย่ารอเที่ยวตอนแก่เหมือนพวกฝรั่งเลย  
เคยเห็นแต่ละคู่ก็รู้สึกสงสาร ถึงจะใจสู้ยังไง แต่สังขารมันไม่ให้  มันก็เที่ยวได้ไม่เต็มที่หรอกครับ

      คุณหนุ่มครับ แต่ก่อนนี้ ผมไม่ค่อยได้ไปไหนกะเขาจริงๆ นะ
ตอนเด็กๆ ออกจากบ้านไปโรงเรียน  ออกจากโรงเรียนก็กลับบ้าน  
พอวัยรุ่นก็มีไปเที่ยวบ้างนิดๆหน่อยๆ กับเพื่อนๆ  แล้วพอมาทำงาน (ที่ทำงานเก่า)
ก็ขับรถออกจากบ้านไปทำงาน  เลิกงานก็กลับบ้าน ชีวิตมีแค่นั้น จนรู้สึกเบื่อๆ เหมือนกัน

      เคยมีช่วงหนึ่ง ผมไปฝึกงานที่บริษัทแถวถนนวิทยุ  
ได้เจอรุ่นพี่สถาบัน ทำงานอยู่ที่นั่น  เขามีงานที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศบ่อยๆ  
เขาได้เล่าให้ฟังว่า  สมัยก่อนเขาเคยไปหาหมอดู ๆ ทำนายว่า เขาต้องเดินทางไปต่างประเทศบ่อย
แล้วปัจจุบันก็เป็นจริงตามนั้นซะด้วย (แต่ไม่ได้ถามว่าหมอดูอยู่มะขามต้นไหน)  
ตอนนั้น ผมคิดในใจว่า แล้วเราจะมีโอกาสไปต่างประเทศอย่างพี่เขาบ้างรึเปล่านะ...ยังนึกภาพไม่ออกเลย

      แต่ก็ไม่รู้จับพลัดจับผลูยังไง  ปัจจุบัน ชีวิตผมเหมือนชีพจรลงเท้า (โดยไม่ได้ตั้งใจ)  
ต้องไปในสถานที่ต่างๆ ทั้งโดยสมัครใจ และโดยภาระหน้าที่  
ซึ่งผมก็ไม่เคยไปหาหมอดูที่ไหนให้ทำนายหรอกนะครับ

     เมื่อเล่าถึงเรื่องหมอดู จริงๆ ผมก็ไม่ได้เชื่อ หรือต่อต้านอะไร  อาจจะดูเล่นๆ บ้าง
แต่ต่อมา ผมจะไม่ยอมให้ใครมาดูหมอ หรือทำนายทายทักผมเด็ดขาด  
ไม่ว่าจะเป็นดูลายมือ ดูไพ่ หรืออื่นๆ ยิ่งถ้ารู้ว่าดูแม่นจะยิ่งอยู่ห่างๆ
เพราะ มีที่มาจากเหตุการณ์ครั้งหนึ่ง…..
ลองเดาดูสิครับ ว่าเพราะอะไร... :m28:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-12-2010 12:35:55 โดย info001 »

sarusakee

  • บุคคลทั่วไป
Re: ซึ้งใจในวัย 46
«ตอบ #52 เมื่อ12-12-2010 14:38:35 »

สวัสดีคร้าบ พี่อิน
คร้าบ ตอนนี้มีโอกาสไปไหนได้ไปหมด แม้จะเหนื่อย แต่ก็เอาความเครียดไปปลดปล่อย เอาชีวิต เอาหัวใจไปคืนสู่ป่า คืนสู่ ธรรมชาติ ให้ธรรมชาติช่วยรักษาเยียวยา 55555
(ถ้ายังไงจะหาโอกาสชวนคนในบอร์ดไปเที่ยวด้วยกัน คงสนุกดีแน่ๆเลย  o13 o13 o13)

ส่วนเรื่อง ที่พี่อิน ไปดูดวง มาเดาไม่ถูกจิงๆว่าไปเจอกับเหตุการณ์อะไรมา แต่ผมว่า เขาคงพูดหรือทำอะไรกระทบจิตใจพี่อิน แน่ๆ เลย  :sad4: :sad4: :sad4: (เอหรือว่าพี่อินไม่ชอบรู้อนาคตล่วงหน้าอ่ะคับ)

sarusakee

  • บุคคลทั่วไป
Re: ซึ้งใจในวัย 46
«ตอบ #53 เมื่อ15-12-2010 11:05:18 »

แวะเข้ามาทักทาย พี่หนุ่ม พี่อิน และทุกๆคนน่ะคับ
 :man1: :man1: :man1: :man1: :man1:

เป็นไงมั้งคับ สบายดีกันอ่ะป่าว อากาศจะเริ่มหนาวอีกแล้ว ดูแลสุขภาพกันด้วยน่ะคับ
 :3123: :3123: :3123: :3123: :3123:

ปล. ว่าแต่ทุกคนหายไปไหนหมดเนี่ย อิอิ o22 o22 o22 o22 o22 o22

เป็ดชรา

  • บุคคลทั่วไป
Re: ซึ้งใจในวัย 46
«ตอบ #54 เมื่อ15-12-2010 12:06:18 »

 :L2:
อรุณสวัสดตัว เองและเพื่อนทุกคนที่เข้ามาอ่านในกระทู้นี้ครับ

หายไป 2 วัน คิดถึงครับ คุณอิน น้องอ๊อฟ คุณเป็ดแสนดี 

แค่อ่านที่น้องอ๊อฟเล่าก็มีความสุขตามไปด้วยแล้ว ธรรมชาติเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่สุดวิเศษจริงๆครับ ว่างๆเอาภาพมาลงให้ดูบ้างซิ 

สวัสดีครับ คุณเป็ดแสนดี ไอ้เรื่องโจ๊กๆจี้ๆ ที่เกิดกับผมโดยไม่ได้ตั้งใจนี่เยอะมาก ด้วยความที่เป็นคนบ้านนอกๆๆๆๆๆ เหมือนหนังไทยสมัยอดีต ที่ตัวละครต่างจังหวัดเวลาเข้ากรุงเทพ เจอแต่สิ่งที่แปลกตา และทำอะไรผิดๆถูกๆตลอด  ไอ้ความบ้านนอกไม่รู้เรื่องรู้ราวนี่ เล่นเอาเกือบเข้าไปนอนไอ คุำกๆๆ อยู่ในระรางมาแล้วครับ

สวัสดีครับ คุณอินทร์ รู้เลยเป็นคนชอบแกล้ง ไห้ทายทำไมล่ะว่าเรื่องอะไร  เล่ามาซะดีๆๆๆๆ อยากฟัง ผมเองก็ประเภทไม่ชอบให้หมอดูเหมือนกัน แต่มีบ้างที่เพื่อนผู้หญิง ชวนแกมบังคับให้ไปเป็นเพื่อน เคยดู 2 ครั้งมั้ง  ไม่อยากรู้อนาคตเหมือนกัน  เอาแค่อยากมีความเป็นปกติทุกวันพอ

ปีใหม่นี้ ตอนแรกคิดว่าคงต้องอยู่กรุงเทพ แต่สวรรค์โปรด เหมือนจะมีโปรแกรมเที่ยวแล้ว ไปเขาพะเนินทุ่งครับ Unseen ที่ผมเคยไปมาแล้วครั้งหนึ่ง แล้วมีความคิดเห็นสอดคล้องว่าที่นี่เป็น Unseen จริงๆ( หลังจากไปมาเกือบทุก Un แล้ว) ใกล้กรุงเทพนิดเดียวครับ อยู่แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี  เป็นภูเขาที่มีลักษณะพืชพรรณ 3 แบบไว้ในเขาลูกเดียวเลย  คือป่าดงดิบ ป่าดิบเขา(ป่าดึกดำบรรณ์ ลักษณะเดียวกับดอยอินทนนท์) และป่าสน(เป็นสน 2 , 3 ใบเหมือนภูกระดึง) ตอนเช้าหมอกเยอะมาก เหมือนเดินตัวลอยในหมู่เมฆหมอกเลยครับ ถ้าได้ไปจริงๆ จะเอาความสุขมาฝาก  เอาภาพมาลงให้ดูด้วย

แต่ละคนไปไหนกับบ้างล่ะ ไม่แน่นะเผื่อเป็นที่เดียวกัน  คิดถึงทุกคนนะครับ

tamtam

  • บุคคลทั่วไป
Re: ซึ้งใจในวัย 46
«ตอบ #55 เมื่อ15-12-2010 12:50:44 »

สวัสดีค่ะ พี่หนุ่ม พี่อิน และ อ๊อฟ
เรียกพี่หนุ่มแล้วกันนะคะ
:L2:
สวัสดีครับ คุณเป็ดแสนดี ไอ้เรื่องโจ๊กๆจี้ๆ ที่เกิดกับผมโดยไม่ได้ตั้งใจนี่เยอะมาก ด้วยความที่เป็นคนบ้านนอกๆๆๆๆๆ เหมือนหนังไทยสมัยอดีต ที่ตัวละครต่างจังหวัดเวลาเข้ากรุงเทพ เจอแต่สิ่งที่แปลกตา และทำอะไรผิดๆถูกๆตลอด  ไอ้ความบ้านนอกไม่รู้เรื่องรู้ราวนี่ เล่นเอาเกือบเข้าไปนอนไอ คุำกๆๆ อยู่ในระรางมาแล้วครับ

อย่าว่าแ่่ต่คนต่างจังหวัดเลยค่ะ คนกรุงเองก็เปิ่นฮาได้เหมือนกันนะคะ
พี่หนุ่มเรียบเรียงเรื่องสนุกน่าอ่าน เล่าให้อ่านอีกนะคะ
เราเล่าไม่เก่ง เลยชอบอ่าน

ปีใหม่นี้ มีโปรแกรมหลายที่ค่ะ 26-27 เพชรบุรี 2-3 เขาค้อ หลังปีใหม่ เกาหลี (เยอะไปนิ แต่อยากไปอ่ะ)

ปล. ในรูป ใส่เสื้อกันหลากสีดีนะคะ

info001

  • บุคคลทั่วไป
Re: ซึ้งใจในวัย 46
«ตอบ #56 เมื่อ15-12-2010 14:18:30 »

หวัดดีครับ
       สงสัยปีใหม่คงได้อยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน แล้วยังไงจะคอยความสุขจากทุกคนที่ได้ไปเที่ยวมา
และฝากเที่ยวเผื่อด้วยนะครับ
       ก็มาเล่าถึงเรื่องหมอดูคู่กับหมอเดากันต่อนะครับ ที่น้องอ๊อฟทายมานั้นใกล้เคียง
เพราะกระทบกับจิตใจอันบอบบางของผม แต่จริงๆ ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้นหรอกครับ
       การทำนายเรื่องอนาคตนั้น เป็นความเชื่อและความชอบส่วนบุคคล
สำหรับผมคิดว่า ถ้าเขาทำนายว่าจะมีสิ่งดีๆ เกิดขึ้น ก็จะทำให้เรารอคอยและคาดหวังจนเกินไป
แต่ถ้าทายไม่ดี ก็อาจทำให้เราเป็นกังวล ฉะนั้น ไม่รู้เลยจะดีกว่า
คือ เราก็ทำให้ดีที่สุดในแต่ละวัน อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด
       แต่นั่นไม่ใช่เรื่องที่ผมจะเล่าหรอกครับ ส่วนเรื่องที่กล่าวถึงนั้น
เป็นเรื่องสมัยเรียน ตอนนั้นผมไปเที่ยวต่างจังหวัดกับกลุ่มเพื่อนๆ  
และมีเพื่อนคนหนึ่งเขาชำนาญเรื่องสับไพ่ดูหมอ บางคนอาจจะเคยเล่นนะครับ
เพื่อนๆ ก็ล้อมวงกัน ให้เพื่อนคนนี้ทำนายกันไปเรื่อยๆ  และที่ขาดไม่ได้ก็คือ
เรื่อง ชีวิตในอนาคต หรือ เนื้อคู่
       แล้วก็มาถึงคิวผม ก็แค่อยากลองดู พอผมสับไพ่แล้ว เขาก็รับไปเรียงๆ เป็นวงกลม
จากนั้นก็หยิบไพ่ใบนั้นใบนี้ ทำนายไปเรื่อยๆ พอมาถึงเรื่องเนื้อคู่เขาก็หยิบไพ่ใบหนึ่งพลิกขึ้นมา  
รู้สึกจะเป็นคิงอะไรซักอย่าง แล้วก็พูดขึ้นว่า
        อนาคต ผมจะมีคนอุปถัมภ์ แต่เป็นผู้ชายมีอายุ  
        เท่านั้นแหละครับ รู้สึกเหมือนใครเอาไม้หน้าสามมาตีกลางแสกหน้า  
คือ หน้าชา อึ้งไปเลย ส่วนเพื่อนๆ ก็หัวเราะเฮฮากันใหญ่  
เราก็โวยวายเล็กๆ แก้เขิน แล้วก็ลุกออกจากวงมาเลย  
        พอเดินออกมา ก็คิดในใจ หวังว่าเพื่อนๆ มันคงไม่คิดอะไร
คงคิดแค่เป็นเรื่องโจ๊ก สักพักก็คงลืมๆ ไปเอง
        ผมก็งงๆ อยู่ว่า แค่ดูหมอด้วยไพ่ อะไรมันจะบังเอิญขนาดนี้…ในเรื่องเกี่ยวกับผู้ชาย  
ซึ่งเขาก็ทำนายไปตามไพ่ที่หยิบขึ้นมาตามปกติ ไม่ได้แกล้งอำเรา และบุคลิกทุกอย่างผมก็ปกติ(คิดว่านะ)
ไม่มีใครคิดว่าผมจะเป็นแบบอย่างว่า…แม้แต่ผมเองยังไม่คิดเลย..555
        ตั้งแต่ตอนนั้น ผมก็บอกกับตัวเองว่า จะไม่เสี่ยงกับการดูหมออีกเด็ดขาด ไม่ว่าจะรูปแบบไหนก็ตาม
ขนาดแค่ดูไพ่ยังเจอขนาดนี้ ถ้าเป็นการดูลายมือ อาจจะยิ่งไปกันใหญ่ เพราะ รู้สึกแย่มากกับเหตุการณ์ตอนนั้น
ไม่อยากหน้าชาต่อหน้าสาธารณชนอีก และไม่เคยมีใครโดนแบบผมเลย
จะหญิงหรือชาย ก็ได้ไพ่ที่ทำนายเป็นเพศตรงข้ามกันทุกคน…บางทีแม่นเกินไป ก็ไม่ค่อยดีนะเนี่ย
       (แต่ ณ ปัจจุบัน ผมลองวิเคราะห์ถึงเรื่องที่เขาทำนายในตอนนั้น อาจจะใช่ก็ได้  
คือ อยู่ที่มุมมอง และการตีความ ซึ่งไม่ใช่อย่างที่ทุกคนคิดเลยครับ แต่ผมคงอธิบายให้ละเอียดไม่ได้  
บอกได้แต่เพียงว่าเป็นสิ่งที่ดีสำหรับชีวิตผม ที่ทำให้เป็นผมในทุกวันนี้
และไม่แปลกใจที่ว่า ทำไมถึงไม่มีใครได้ไพ่แบบผมเลย)  
       แล้วเหตุการณ์ครั้งนั้นก็ผ่านไป ไม่ได้มีใครพูดถึงอีก แต่มันก็ยังมีเรื่องเกี่ยวเนื่อง
จากการที่ผมพยายาม “ทำตัวห่าง” จากเรื่องพวกนี้ (เรื่องดูหมอ) แต่ครั้งนี้เล่ามายาวแล้ว
ถ้ายังอยากรู้ ก็ไว้ติดตามคราวหน้าแล้วกันนะครับ
คิดถึงทุกคนเหมือนเดิมครับ
 :write-a-letter:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-12-2010 14:31:42 โดย info001 »

เป็ดชรา

  • บุคคลทั่วไป
Re: ซึ้งใจในวัย 46
«ตอบ #57 เมื่อ16-12-2010 10:42:44 »

 :3123:
อรุณสวัสตัวเอง และเพื่อนทุกคนที่เข้ามาในกระทู้นี้ครับ

สวัสดีครับคุณเป็ดแสนดี โห! ทำไมโปรแกรมเที่ยวเยอะอย่างนี้? โทษนะ  อันนี้เที่ยวเป็นอาชีพเลยหรือเปล่า ต้องบอกว่าช่างเกิดมาเพรียบพร้อมด้วยบุญบารมีจริงๆ ปีใหม่ปีนี้ขอให้เที่ยวให้สนุก เดินทางปลอดภัยนะครับ  มีเรื่องอะไรลองเล่าแลกเปลี่ยนบ้างซิ เดินทางท่องเที่ยวเยอะอย่างนี้ข้อมูลเพียบอยู่แล้ว ประสบการณ์ของผมจะทยอยเล่าให้ฟังเรื่อยๆ นะครับ ส่วนเรื่องเสื้อนี่เวลาเที่่ยวแล้วชอบใส่สีจัดๆกันครับ เวลาพลัดหลงกันแล้วบอกลักษณะแก่ผู้ติดตามได้ง่าย  สั้นๆ วัยชราหน้าแก่ ผิวสีดำ หรือขาว ใส่เสื้อสีอะไร แค่นี้ก็หาเจอเลยครับ

สวัสดีคุณอินทร์ มาต่อเลยดีๆ ติดตามอ่านอยู่ เข้ามาในกระทู้ทุกครั้งก็ลุ้นตลอดว่าจะเจอคุณหรือเปล่า  ไม่ต้องกลัวยาวเกินไป ยิ่งยาวยิ่งชอบ (อย่าคิดอะไรแบบนั้นเด็ดขาด) อ่านเรื่องไพ่ยิบซีของคุณอินทร์แล้ว นึกถึงตอนที่ผมบอกว่าถูกเพื่อนผู้หญิงชวนแกมบังคับให้ไปเป็นเพื่อนดูหมอ แต่ผมไม่ได้เล่าว่า หมอดูเขาพูดว่าอะไร  "เจอแบบของคุณอินทร์ เหมือนกัน" แต่ของผมโชคดีที่ หมอดูคนนี้เขาจะให้เข้าไปดูกับเขาเป็นการส่วนตัวครั้งละคน ไม่มีคนอื่นร่วมรับรู้ด้วย  เขาก็จะดูเป็นเรื่องๆครับ เรื่องอดีต อุปนิสัย การงาน อนาคต และ เนื้อคู่่  ซึ่งตรงนี้แหละที่เขาบอกว่า "แปลกทำไมดวงผมจะมีดวงเนื้อคู่เกี่ยวพันกับเพศเดียวกันตลอด" พอถึงตรงนี้ เหมือนโดนขีปนาวุธร้ายแรงยิงใส่ร่างกายเลย มันชา อับอาย อยากจะหายตัวไปจากตรงนั้น ลักษณะส่วนตัวของผมจะเป็นคนนิ่งๆ ทุกอย่างที่ประกอบเป็นตัวผมมองแล้วไม่สื่อว่าเป็นแบบนั้น ทั้งรูปร่าง หน้าตา การแต่งกาย บุคคลิก น้ำเสียงคำพูด และผมก็ปฏิเสธเรื่องแบบนั้นมาตลอด ไม่คิด ไม่ข้องแวะยุ่งเกี่ยว หมอดูคนนี้ทราบภายหลังว่าเคยเป็นอาจารย์สอนที่ นิด้าฯที่จริงเขาไม่ได้มีอาชีพนี้โดยตรง เขาขายวัตถุโบราณ อยู่ที่ World trad center (ตอนนี้เป็น Central World) เพียงแต่ชอบศึกษาเรื่องโหราศาสตร์ แล้วเป็นที่กล่าวขานปากต่อปากในหมู่คนชอบดูดวงว่าแม่น ซึ่งผมก็ต้องยอมรับว่ากรณีผมกับเพื่อนผู้หญิงที่ไปด้วยกัน แม่นจริงๆ เขาทำนายเพื่อนผู้หญิงของผมคนนั้นว่า คนรักที่จะหมั้นกันในเดือนหน้า ไม่ใช่เนื้อคู่และไม่ได้แต่งงานกัน และก็เป็นจริงเหมือนที่ทำนายไว้ทุกอย่าง

สวัสดีครับ น้องอ๊อฟ แล้วอย่าลืมให้ความอบอุ่นร่างกายและหัวใจด้วยเช่นเดียวกันนะครับ เดี๋ยวเป็นหวัด

อย่าลืมแวะเข้ามาพบกันอีกนะครับเพื่อนๆ คิดถึงครับ

  

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-12-2010 10:54:34 โดย เป็ดชรา »

sarusakee

  • บุคคลทั่วไป
Re: ซึ้งใจในวัย 46
«ตอบ #58 เมื่อ16-12-2010 13:26:31 »

สวัสดีคร้าบ พี่หนุ่ม และพี่อิน

ผมว่าจะเข้ามาคุยก่ะพี่ๆตั้งแต่เมื่อวานและ แต่พอดีเมื่อวานยุ่งๆ ทั้งวัน พอกลับมาถึงห้องก็  :t3: ไปเลย เหอะๆ
 :z2: :z2: :z2: :z2:

วันนี้ก็เลยเข้ามาคุยซ่ะหน่อย คิดถึงๆๆๆ  :man1: :man1: :man1:

วันเสาร์อาทิตย์นี้ จะไปเที่ยว อุทยานแห่งชาติน้ำหนาวอ่ะคับ เดี๋ยวจะเที่ยวมาเผื่อน่ะคับ
ส่วนเรื่องรูปเดี๋ยวจะเอามาลงให้ดูน่ะคับ พี่หนุ่ม

เรื่องดูดวงนั้น ผมก็เคยไปดู และหมอดูเขาก็ทักเรื่องความรักเหมือนกันว่า จะเป็นแบบไหน ผมก็ถึงกับอึ้งไปไม่แพ้กัน เหอะๆๆ (แต่ก็แอบดีใจเล็กๆ อิอิ  :z1: :z1: :z1:) อีกอย่างหมอดูเขาบอกว่าดวงความรักเปิดคับ จะได้เจอใครเข้ามาในชีวิต แต่ตอนนี้กำลังนั่งรอ ปักฝุ่นรอ ยังไม่มีใครเข้ามาเลย

ถ้าเข้ามาอยากได้นิสัยเหมือนพระ หรือ เหมือนพี่นัท ก็ได้ ผมคิดว่าน่าจะเติมเต็มให้กันและกันได้ไม่มากก็น้อย
แต่ถ้าหวังมากไปมันก็ใช่ว่าจะได้ดั่งหวัง เพราะฉะนั้นขอให้เจอคนที่ "พอดี" ดีกว่าเนาะคับ

ว่าแล้ว ทำงานต่อดีกว่า แล้วจะแวะเข้ามาคุยใหม่น่ะคับ

คิดถึงทุกๆคนคับ  :bye2: :bye2: :bye2:

ปล.พี่หนุ่ม พี่อิน แล้วก็ทุกๆคน รักษาสุขภาพด้วยน่ะ รักษาสุขภาพกายและใจให้แข็งแรงเหมือนอย่างที่พี่หนุ่มบอก สุขภาพกายเราสามารถสร้างให้ตัวเราเองได้ ส่วนสุขภาพใจ เราแวะมาเติมกันที่บอร์ดนนี้น่ะคับ อิอิ

(บ่นซ่ะยาวเลยผม)  :z1: :z1:

info001

  • บุคคลทั่วไป
Re: ซึ้งใจในวัย 46
«ตอบ #59 เมื่อ16-12-2010 21:44:46 »

หวัดดีครับ
     เพิ่งรู้ว่าคุณหนุ่ม ก็เคยดูหมอแล้วเจอคล้ายๆ ผมเหมือนกัน  แถมน้องอ๊อฟก็มีประสบการณ์มาอีก  
ฉะนั้น เรื่องพวกนี้ ไม่เชื่อ อย่าลบหลู่นะ…อิอิ   ผมคิดว่าคนที่มีอาชีพ หรือพรสวรรค์ทางด้านนี้  
มักเป็นคนช่างสังเกต หรือมีสัมผัสพิเศษ ที่พอจะรู้ว่าแต่ละคนเป็นยังไง  แต่พยายามพูดให้ฟังดูดี  
เพื่อรักษาหน้าลูกค้าเอาไว้..เผื่อจะได้กลับมาดูอีก ..รึเปล่า
    ใกล้ปีใหม่ หลายคนคงเตรียมโปรแกรมกันไว้บ้างแล้ว  คุณหนุ่ม และน้องอ๊อฟ รวมถึงท่านอื่นด้วย
มีโอกาสได้ไปเที่ยวหลายๆ ที่ ก็ดีนะครับ ยังมีคนอีกมากที่ทำแต่งาน จนไม่คิดหาโอกาสไปพักผ่อนที่ไหนเลยก็มี  
ซึ่งน่าเสียดายแทน เพราะผมคิดว่า การไปเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ เหมือนกับเป็นการชาร์ตแบตเตอรี่
และเปิดโลกทัศน์ให้กับตัวเราเอง  
      ผมเคยไปประเทศแถบตะวันออกกลาง พอถึงวันหยุด เขาก็ไม่รู้จะไปเที่ยวที่ไหน เพราะมันไม่มีอะไรเลย  
นอกจาก…ทะเลทราย อย่างดีก็ไปเดินตากแอร์ ช้อปปิ้งตามห้างสรรพสินค้า หรือบางแห่ง เช่น ดูไบ
ก็พยายามสร้างแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ ขึ้นมา แต่มันก็ไม่ใช่ธรรมชาติ ไปแค่ครั้งหรือสองครั้งก็เบื่อ  
      พอได้ไปสัมผัสกับสภาพแบบนั้นแล้ว  ทำให้รักเมืองไทยมากขึ้น และคิดว่าคนไทยนั้นโชคดีมากๆ
ที่เมืองไทยมีธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ มีทั้งชายทะเลสวยงาม ป่าไม้  ลำธาร ภูเขา น้ำตก อาหารอร่อย
วัฒนธรรมประเพณีน่าสนใจ ฯลฯ เรียกว่า  มีครบเกือบทุกอย่าง ที่นักท่องเที่ยวต้องการ  
ถ้าเรามีการปรับปรุงพัฒนาการท่องเที่ยวให้ได้มาตรฐานกว่านี้  รับรองว่า
เมืองไทยจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ของโลกได้อย่างสบาย  
        รู้สึกจะออกไกลไปหน่อย  ก็กลับมาถึงเรื่องที่ค้างไว้  เกี่ยวกับหมอดูแม่นๆ ล่ะครับที่ได้เล่าไว้ว่า
เคยให้เพื่อนสับไพ่ดูหมอตอนสมัยเรียน แล้วเจอแจ็กพ๊อต ทำให้ผมหน้าชาไปแล้ว ก็เลยตั้งมโนปณิธานกับตัวเอง
มีฟ้าดินเป็นพยาน ว่าชาตินี้จะไม่ยุ่งเกี่ยว กับเรื่องเหล่านี้อีกเด็ดขาดตลอดชีวิต
(รู้สึกเหมือนเป็นเรื่องคอขาดบาดตายเกินไปรึเปล่าเนี่ย)  
        แล้ววันเวลาก็ผันผ่านไปนานหลายปี จนผมเข้าทำงานในธนาคารแห่งหนึ่ง  ซึ่งหน่วยงานที่ผมอยู่นั้น  
มีสำนักงานอยู่คนละแห่งกับสำนักงานใหญ่  ต่อมาหน่วยงานที่นี่จะมีการตั้งศาลพระภูมิ  
จึงเชิญพนักงานอาวุโสท่านหนึ่งมาจากสำนักงานใหญ่ ซึ่งคนทั่วไป เรียกเขาว่า “พี่หมอ”
เพราะนอกจากงานประจำแล้ว  เขาก็มีความรู้ในด้านพิธีกรรมนี้ด้วย เรียกว่า รับจ๊อบพิเศษแบบนี้อยู่แล้ว  
และที่หลายคนสนใจ ถึงการมาของ พี่หมอ  ไม่ใช่เรื่องตั้งศาลพระภูมิ  แต่เป็นเรื่องดูลายมือ  
ซึ่งเขาเล่าลือกันว่า พี่หมอดูแม่นมาก แต่ไม่ค่อยดูให้ใครง่ายๆ
       พอถึงวันทำพิธีตั้งศาลพระภูมิ  เราเริ่มกันในช่วงสายโดยมี พี่หมอ เป็นคนทำพิธีให้  
ผมก็เพิ่งพบเขาเป็นครั้งแรก เป็นชายอายุประมาณ 50 กว่า ดูเป็นคนใจดี มีมนุษยสัมพันธ์  
แต่ผมไม่ได้เข้าไปทักทายพูดคุย เพราะไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว แค่ยืนร่วมในพิธีพร้อมกับคนอื่นๆ อีกเกือบครึ่งร้อย  
ใช้เวลาร่วมชั่วโมงก็เป็นอันเสร็จพิธี  แล้วทุกคนต่างก็แยกย้ายกันไปทำงานตามปกติ
      เมื่อใกล้ถึงเวลาพักเที่ยง  ผมกับกลุ่มเพื่อนๆ ประมาณ 7-8 คน กำลังจะเดินออกไปกินข้าวข้างนอก  
บังเอิญเพื่อนคนหนึ่งเห็น พี่หมอ อยู่ในห้องรับแขก ทุกคนก็เลยเดินเข้าไปหา คือ หวังจะตีสนิท
แล้วให้พี่หมอช่วยดูลายมือนั่นแหละ ส่วนผม พอรู้สรรพคุณของพี่หมอแล้ว ก็ไม่อยากเข้าไปดูกะเขา  
เลยต้องทำเป็นยืนรออยู่ห่างๆ  ทำหน้าแบบเกรงใจ ไม่อยากรบกวน อะไรประมาณนั้น
(แต่จริงๆ พี่หมอเขาไม่คิดอย่างนั้นนะสิ…อ่านไปเรื่อยๆ แล้วก็จะรู้)      
       ทุกคน (ยกเว้นผม) แย่งกันให้พี่หมอช่วยดูลายมือ  พี่หมอก็ใจดี  คงเพราะเกรงใจเจ้าของบ้าน
จึงดูให้คนละนิดละหน่อยพอหอมปากหอมคอ  ซึ่งก็เรียกเสียงเฮฮาได้เป็นระยะๆ  
จนเสร็จแล้ว ผมกับเพื่อนๆ ก็ออกไปทานข้าวกันตามปกติ  ซึ่งจริงๆ เรื่องมันก็จบไปแล้วล่ะครับ  
แต่ก็มีแถมอีกนิดหน่อย  คือ หลังจากนั้นอาทิตย์หนึ่งได้  ผมต้องไปทำธุระที่สำนักงานใหญ่  
กำลังจะเดินไปยังเคาน์เตอร์ ที่จัดไว้ติดต่อเรื่องสวัสดิการพนักงาน  
ก็เห็นพี่หมอ กำลังทำธุระอยู่กับเจ้าหน้าที่ซึ่งมีคนเดียว ผมจึงนั่งรอที่โซฟาด้านหลัง  
     จริงๆ แล้ว พี่หมอ เป็นผู้ที่หลายคน  อยากเจอตัวเป็นๆ กันทั้งนั้น  
แต่ตอนนั้นผมกลับคิดตรงข้ามว่า ไม่น่าบังเอิญมาเจอกันอีกเล้ย  
และไม่แน่ใจว่าเขาจำผมได้รึเปล่า เพราะผมก็พยายามอยู่ห่างๆ เขาตลอดแล้วนะ
      พอเห็นว่าพี่หมอเตรียมลุกจากที่นั่ง ผมก็เดินเข้าไป คิดในใจ หวังว่าเขาคงไม่ทักผมถึงเรื่องวันนั้น  
แต่เหมือนเขารู้ความคิดผม พอไหว้ทักทายกันแล้ว เขาก็พูดขึ้นว่า
“ทำไมวันนั้น ถึงไม่ยอมให้ผมดูลายมือ…มีอะไร (ปิดบังไว้…คงพูดในใจ) หรือเปล่า”  
แล้วพี่หมอก็แสยะยิ้มเหมือนคนที่รู้อะไรบางอย่าง ผมก็ไม่รู้จะพูดอะไรดี ได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ  
แล้วก็เดินหลีกไปทำธุระที่เคาน์เตอร์  
      จริงๆ พี่หมอเห็นผมตั้งแต่เดินมาแล้ว จนผมนั่งที่โซฟา ก็ยังเห็นเขาเหลียวมองมานิดหน่อย  
พอเขาทำธุระเสร็จ ก็ไม่เห็นลุกไปซะที ท่าทางเหมือนรอให้ผมเข้าไปหา เพื่อให้เขาดูหมอ  แต่..ไม่มีวันซะล่ะ...555
ซึ่งถ้าเป็นคนอื่น เมื่อได้เจอพี่หมอตัวต่อตัวอย่างนี้ คงไม่ปล่อยให้โอกาสงามๆ แบบนี้ผ่านไปแน่นอน  
     เลยกลับตาลปัตร กลายเป็นว่า คนอื่นๆ พยายามเข้าหาเขา เพื่อให้ดูลายมือ พี่หมอก็เฉยๆ    
ส่วนผม พี่หมอ อุตส่าห์นั่งรอก็แล้ว ผมกลับเฉย เขาอาจรู้สึกเสียฟอร์มก็ได้
ที่หมอดูแม่นๆ อย่างเขา ใครๆ ก็ต้องวิ่งเข้าหา แต่ผมกลับไม่สนใจเลย
คิดๆ ดูแล้ว เรื่องนี้คงคล้ายคำพังเพยที่ว่า “ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่”
คือ ผมรู้ว่าถ้าเขาดูลายมือผม อาจจะรู้อะไรบางอย่าง ที่ไม่อยากให้รู้  
และเขาก็รู้ว่าผมอาจมีอะไรบางอย่าง ที่ไม่อยากให้รู้ จึงไม่ยอมให้ดูลายมือ
    เรื่องหมอดูแม่นๆ ของผมก็คงมีเพียงเท่านี้แหละครับ  นึกว่าจะสั้นๆ กลายเป็นยาวกว่าครั้งก่อนซะอีก  
แล้วค่อยมาทักทายกันใหม่ในวันต่อๆ ไปนะครับ :pigwrite:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-12-2010 08:47:53 โดย info001 »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด