ต่อจากตอนที่แล้ว แต่ยังไม่จบนะ

“ปราชญ์บ๊ายบายแม่ก่อนลูก...รบบ๊าบบายแม่เร็ว”
“บั๊บบ่าย....” เสียงน้องปราชญ์ที่ดังขึ้นในอ้อมแขนของบิดา ส่วนลิงผู้พี่ที่ยืนจูงมืออยู่ข้าง ๆ พ่อได้แต่โบกมือลาแม่ที่ยืนส่งทั้งสามพ่อลูกลิงเข้าไปในลิฟต์
งงหรอว่าใครพูด?.....เค้าเอง คนเขียนอะ จะให้อีพี่ทรีบรรยายคงไม่มันส์แน่ ๆ
เมื่อตากล้องพร้อม! เราก็ไปติดตามชีวิตสัตว์โลกของพ่อลิง และลูกลิงกันดีกว่าคะ....ส่วนแม่ลิงเอาไว้ทีหลัง ด้านนี้น่าจะสนุกกว่าแน่ ๆ
สามพ่อลูกเดินทางไปยังชั้น 7 ของบริษัท หักเลี้ยวขวาเดินไปทางห้องที่ชื่อว่า “ผู้จัดการฝ่ายการตลาด” เสียงแซงแซ่ดังขึ้นตลอดทางสามพ่อลูกเดินไป เมื่อถึงหน้าประตูมือที่จับจูงกันมาตลอดทางของพ่อทรีจำต้องปล่อยมือพี่รบเพื่อเปิดประตู เมื่อบานประตูไม้เปิดกว้างดวงตาของน้องรบเห็นหน้าคุณลุงใจดีค่อย ๆ เคลื่อนตามบานประตู พอช่องว่างเปิดออกพอที่ร่างกายเล็ก ๆ จะแทรกผ่านไปได้ ขาของน้องรบเหมือนตบเกียร์หนึ่งล้อฟรีวิ่งเข้าไปในห้องของ “ลุงดาป” ทันที
“ลูด๊าป ปรื๊นนนนนนน!!!!!!!!!” พี่รบวิ่งรอบ ๆ ห้องของลุงดาปไปทั่ว
“จาลง...” เสียงของน้องปราชญ์ทำให้คุณพ่อต้องวางลูกน้อยลงจากอ้อมแขน
“ว๊าว...ทำไมวันนี้แม่เสือปล่อยลูกลิงออกมาจากถ้ำได้วะเนี๊ยะ” ลุงดาปมองร่างเล็ก ๆ ของน้องปราชญ์ที่พยายามจะลุกเดินโดยมีความช่วยเหลือจากพี่ชายตลอด
“เค้าอยากให้กูอยู่กับลูกมั่งเว้ย...วันนี้กูก็เลยสบายเลี้ยงลูกชิว ๆ” ไอ้พ่อทรีเดินหน้าเชิดไปนั่งเก้าอี้แขกตรงข้ามกับเพื่อน
“เออ...ดีวะ แกจะได้พักบ้าง....ติดลูกอย่างแกคงจะสนุกละสิ” คุณลุงดาปหัวเราะเมื่อน้องปราช์ญพยายามจะวิ่งเหมือนพี่รบ แต่เวลาวิ่งไปได้ไม่เท่าไรก็ต้องนั่งแปะอยู่กับพื้น จนพี่รบต้องวกกลับมาให้น้องลุกขึ้นใหม่
“สนุกดิวะ ดูดิ่...ลูกกูน่ารักจะตาย”
“ปาด...ปรื๊น!!!!!” พี่รบวิ่งไปรอบ ๆ ห้อง
“พี่โย๊บ....ปรื๊น ปรื๊น” น้องปาดก็วิ่งตาม
“ออ...ก็มาก็ดีแล้วไอ้ทรี วันนี้แกว่างช่วยฉันไปตรวจสินค้าที่ผ่านการตรวจสอบให้จำหน่ายกับฉันหน่อย จะได้ให้แกตัดสินใจว่าจะออกว่างขายตอนไหน” คุณลุงดาปเอาเรื่องงานมาคุยกับพ่อทรีซะแล้ว โดยที่.....
“ย๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก” เสียงเด็ก ๆ ยังคงดังก้องในห้องผู้จัดการฝ่ายการตลาด ในห้องของลุงดาปมีกระถางต้นไม่ชนิดปาล์มเล็กตั้งอยู่ภายในห้องน้องปาดที่ล้มจากการหัดวิ่งเหมือนพี่ชายคลานดุ๊ก ๆ มุ่งไปยังกระถางดังกล่าว สองมือเหนี่ยวกระถางหวังเป็นหลักให้ลุกขึ้นเมื่อพี่รบไม่เข้ามาพยุงเหมือนเดิม
น้องปาดค่อย ๆ เกาะต้นปาล์มขึ้นช้า ๆ ใบปาล์มไหวไปมาตามแรงเหนี่ยว น้องปาดที่เห็นใบไม่ขยับไปมายิ้มกว้าง สองมือกำต้นปาล์มแน่ละเขย่าเข้าหาตัวเองอย่างแรง
“ฮึ ฮึ เหย่า ๆ พี่โย๊บ เหย่า” เมื่อเห็นสิ่งที่ตัวเองทำเป็นเรื่องหน้าสนุก จึงเรียกพี่ชายที่วิ่งไปมาเข้ามาหาตน เมื่อพี่รบเข้ามาใกล้ ๆ จึงเขย่าต้นปาล์มในกระถางโชว์
“อ๊า..มัน ยุกยิก ยุกยิกย้วย”
“พี่โย๊บ ยุกยิกกับปาด” พี่รบเดินเข้าไปจับต้นปาล์มให้กับน้องชาย แล้วออกแรงเขย่าไปมาอย่างแรง
“ฮ่า ๆ ย๊าก!!” เสียงใส ๆ ประสานกันอย่างสนุกสนาน โดยที่พ่อกับลุกยังคงคุยเรื่องงานกันอยู่ ทั้งสองลิงเขย่าต้นปาล์มในกระถางอย่างแรง น้องปาดที่ทรงตัวไม่ดีกว่าพี่ชายจึงปล่อยให้ต้นไม้หลุดมือนั่งจับกบอยู่กับพื้น เป็นเหตุให้ต้นปาล์มถูกดึงไปด้านพี่รบอย่างแรง เมื่อเห็นท่าว่าต้นปาล์มจะล้มทับ...พี่รบจึงปล่อยมือแล้วภาพต้นปาล์มที่ทั้งสองเล่นอยู่ก็ค่อย ๆ ร่วงลงพื้น
“ซุ๊ม!!” เสียงต้นปาล์มล้มลงกับพื้นดังสนั่นจากแรงกระแทกของต้นปาล์ม พร้อมกับกระถางที่แดกเป็นหลายส่วน
“รบ!!! ปราชญ์!!!” และแล้วคุณลุงเจ้าของห้อง กับคุณพ่อเจ้าของบริษัทจึงรู้สึกตัวสักที
“ฮ่า...... โตะอุ้มเลย” เสียงตบมือแปะ ๆ ของน้องปาดทำให้ทั้งลุงทั้งพ่อหายห่วงไปหน่อย
“ไอ้ทรี!!! มึงหาเจ้ารบเจอไหม” คุณลุงดาปรีบพยุงต้นปาล์มให้ตั้งขึ้นเหมือนเดิม แล้วตัวพี่รบก็ปรากฏขึ้น
“รบเป็นไงบ้างลูก ขวัญเอ๊ยขวัญมา...ถ้าแม่รู้พ่อตายแน่เลย รบไปเล่นทางโน้นก่อนลูก” พ่อทรีอุ้มพี่รบขึ้นในอ้อมแขนพร้อมส่วนน้องปาดก็ถูกอุ้มขึ้นจากลูกดาป สองลิงถูกวางไปไว้อีกมุมของห้องเพื่อให้พนักงานทำการยกอดีตกระถางต้นปาล์มออกจากห้องทำงานผู้จัดการฝ่ายการตลาด
“ดีนะมึงที่สองลิงมันไม่เป็นอะไร ถ้าเป็นขึ้นมามึงเตรียมตัวตายได้เลย” สองหน่อมองแผ่นหลังของลุงและพ่อที่ชี้นิ้วสั่งให้คนโน้นคนนี้เก็บผลงานชิ้นโบแดงตัวเองอยู่
“ออดิวะ....ใจหายหมดความผิดมึงนั้นแหละเสือกเอาต้นไม้ใหญ่มาไว้ที่ห้องทำงาน เกิดทับใครขึ้นมามันเป็นอันตรายไม่รู้หรอวะ” พ่อทรีบ่น ๆ มองพนักงานกวาดเศษดินออกจากพรหม
“มันอยู่ของมันดี ๆ จนมึงพาสองลิงมานั้นแหละ” สองคนยังคงบ่นงุมงัมต่อไป โดยที่สองลิงเริ่มเห็นอะไรน่าสนใจกว่าต้นปาล์มนั้นแล้ว
“แคว๊ก.... แคว๊ก!!!!!ๆๆๆๆ”
“ไอ้ทรี...แกว่ามันเสียงอะไรวะ แคว๊ก ๆ”
“เสียงเหมือนฉีกกระดาษวะ” พ่อทรีตอบแต่ยังคงมองคนงานนำรถเข็นมาเก็บซากกระถางกระเบื้องต่อไป
“คิดเหมือนกันเลยวะ...แต่ใครมาฉีกอะไรแถวนี้” ลุงดาปกวาดตามองรอบ ๆ ห้องก็ไม่พบอะไรผิดปกติ เหตุหนึ่งอาจเป็นเพราะสองลิงนั่งฉีกกระดาษข้าง ๆ โต๊ะทำงานของคุณลุงก็เป็นได้ เลยทำให้ไม่เห็นอะไรเด็ด ๆ ไป
“มึงอย่าสนใจอะไรไร้สาระ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้วแกมีต้นไม้อีกรึเปล่าให้พนักงานขนออกไปให้หมดเลย” พ่อทรีหันไปมองรอบ ๆ ห้องก็พบกับต้นบอนสีที่ประดับไว้ไม่ไกลจากโต๊ะทำงานเพื่อนมากนัก
“เอาบอนสีออกไปเลย” ลุงดาปสั่งพร้อมกับเดินไปและพบกับจุด-เกิด-เหตุ
“แคว๊กกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!”
ภาพคาตา
เสียงชัดแจ๋ว
พร้อมกับหลักฐานในมือ
จำเลยไม่ยอมหนีพร้อมกับยิ้มตาหยีให้
แล้วโจทย์แหละ...ว่ายังไง
“ว๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ไอ้ทรีลูกมึง!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!” เสียงของผู้จัดการฝ่ายการตลาดดังคับชั้น ไม่ถึง 10 นาที ร่าง 3 ชีวิตของพ่อลูกต้องรีบระเห็จออกมาอย่างหัวซุกหัวซุน ส่วนจำเลย
“ฮะ ๆ ลูดาปเป็นยักษ์” พี่รบชี้นิ้วบิดข้อมือล้อลุงสุดหล่อที่ทำได้เหมือนยักษ์เหลือเกินโดยไม่รู้ว่าทำไปทำไม
“ยัก ยัก ยัก” เสียงเล็ก ๆ ในอ้อมแขนของบิดาพูดเสียงดังไปตลอดทาง
“จำให้ขึ้นใจเลยนะโว้ย!! ห้ามเอาสองลิงเข้าห้องทำงานกูอีก เด็ด-ขาด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!” ลุงดาปสุดหล่อชี้นิ้วไล่สามพ่อลูกโดยยังคงมีหนังสือวิจัยที่ถูกสองลิงฉีกไปกว่าครึ่งอยู่ในมือ
“กูบอกแล้วไงว่ากูขอโทษษษษษษ ลูกกูไม่ได้ตั้งใจนะโว้ย!!!” พ่อทรียืนแก้ตัวอยู่หน้าลิฟต์ ส่วนลุงดาปก็ยืนดูให้แน่ใจว่าพวกภัยธรรมชาติพวกนี้ออกไปจากบริเวณชั้นของเค้าจริง ๆ
“ลูดาป....พี่โย๊บระลูดาปน้า” เจ้าตัวน้อยยืนโบกมือลาคุณลุงใจดีให้
“ปาดร้ากลุกดาปที่สุเยย”
“แต่ฉันไม่อยากรักพวกแกเลย ให้ตายเหอะ! เฮ้ย! หลานกูนะหลายกู๊!”