[
size=16pt]กลุ่มมารโลหิต[/size]หลังจากที่มาร์คัสช่วยเด็กหนุ่มคนนั้นแล้วเขามาที่ร้านอาหารจี้จิงฉวน
จี้จิงฉวนเป็นร้านอาหารอันดับหนึ่งในย่านไชน่าทาวน์แห่งนี้
มีลูกค้าเข้าร้านเต็มตลอดเวลา บางครั้งต้องจองคิวนานข้ามวันเลยทีเดียว
แล้วอีกเหตุผลที่ผู้คนชอบมาที่นี่เพราะหวังจะได้ยลโฉมของ1ใน2ราชินี
อนัสตกาล หรือ หมอเทวดา เป็นเจ้าของร้านอาหารแห่งนี้นานๆครั้งเธอจะมาเพื่อดูกิจการสักครั้ง
อนัสตกาลนอกจากจะมีฝีมือเก่งกาจแล้ว เธอยังเป็นสตรีที่มีรูปโฉมงดงามอันดับต้นๆของยุคนี้
คนทั่วไปคิดว่าเพียงแค่ได้ยลโฉมของนางสักครั้งก็ยังดี
แถมถ้าโชคดีนางรักษาโรคร้ายให้ คนนั้นเหมือนตายแล้วเกิดใหม่
ฝีมือในการรักษาโรคของนางขอเพียงยังมีลมหายใจ ถ้าถึงมือนางไม่ว่าจะเป็นอะไรหายทุกราย
วันนี้มาร์คัสถือว่าโชคดีมากที่เขามาถึงก็ได้ที่นั่งในร้าน
เขาเดินตามบริกรเข้ามาข้างในเขาสั่งอาหารที่มีชื่อที่สุดของร้าน
มาร์คัสไม่ได้เอะใจว่าจะมีคนเพ่งเล็งเขาหรือเปล่า
เพราะว่าคนที่สั่งอาหารแบบนี้ได้ต้องเป็นเศรษฐีอย่างแน่นอน
เพราะอาหารขึ้นชื่อของที่นี่จานหนึ่งมีราคาไม่ต่ำว่า 10,000 ฟรองเซ่
แล้วที่เขาสั่งมานั้นเป็นของที่มีราคาแพงที่สุดของร้านทั้งสิ้น
แต่คนอย่างมาร์คัสเขาหาได้สนใจคนรอบข้างของเขาไม่
มาร์คัสนั่งกินอาหารที่สั่งมาอย่างสบายใจ
เพราะอาหารของที่นี่อร่อยไม่ผิดจากที่ล่ำลือกันจริงๆ
คงเพราะหมอเทวดาอนัสตกาลเข้มงวดกับพนักงานมาก เลยทำให้อาหารของที่นี่มีคุณภาพเสมอ
โครมมม!!
โต๊ะล้มดังมาจากข้างหลังเขา มาร์คัสแปลกใจอย่างมากที่มีคนกล้ามีเรื่องในที่แห่งนี้
แต่เขาก็ไม่ได้สนใจยังคงค่อยๆชิมอาหารบนโต๊ะอย่างช้าๆ
นี่คืออีกสิ่งหนึ่งที่มาร์คัสชื่นชอบ คือการได้ค่อยๆกินอาหารอร่อยๆอย่างช้าๆ
ขณะที่เขากินอาหารอยู่นั้นเสียงทะเลาะกันข้างหลังก็ยังดังอย่างต่อเนื่อง
ฟิ้วววว
จานอาหารใบใหญ่ลอยมาทางมาร์คัสอย่างรวดเร็ว
มาร์คัสเพียงแค่โยกตัวหลบเล็กน้อยจานนั้นก็เลยผ่านเขาไป
เขายังคงค่อยๆชิมอาหารบนโต๊ะตัวเองต่อไป
โครม!!
ร่างเล็กๆสวมเสื้อแขนกุดสีขาวเสื้อกั๊กสีเหลืองหล่นลงมาบนโต๊ะอาหารเขา
เด็กหนุ่มถักเปียยาวผมสีบรอนด์ หน้าตาหมดจดนอนอยู่บนโต๊ะอาหารของเขา
เขาสังเกตว่าเด็กคนนี้เป็นคนที่เข้าไปยุ่งเรื่องที่สวนสาธารณะเมื่อกี้นี่นา
แต่ว่าสิ่งที่เขาอภัยให้ไม่ได้คือ คนที่โยนเด็กคนนี้มาใส่โต๊ะอาหารของเขา
เขาลุกขึ้นหันหลังกลับไปมองว่าใครเป็นคนทำเรื่องนี้
คนที่ก่อเรื่องก็เป็นพวกกลุ่มมารโลหิตสามคนนั้น
ครั้งนี้เขาคิดว่าคงต้องลงมือสั่งสอนให้มันเด็ดขาดเสียแล้ว
“เจ้าหน้าหล่ออย่าเข้ามายุ่ง นี่เป็นเรื่องของกลุ่มมารโลหิต ถ้าเจ้าไม่อยากเจ็บตัวถอยออกไปดีกว่า”
ชายคนที่ตัวใหญ่ที่สุดเดินออกหน้ามาหามาร์คัส มันหารู้ไม่ว่าชะตามันขาดเสียแล้ว
แต่มาร์คัสไม่อยากให้รบกวนคนอื่นที่กินอาหารที่นี่
แล้วเขาก็ยังไม่อยากมี่เรื่องบาดหมางกับหมอเทวดาอนัสตกาลอีกด้วย
“ถ้าพวกเจ้าแน่จริงตามข้าออกไปข้างนอก” มาร์คัสท้ามันทั้งสามคน
“เจ้าไปกินดีหมีหัวใจเสือมาจากไหนถึงได้กล้าท้าพวกข้าแบบนี้” คนตัวใหญ่ยังพูดเหมือนเดิม
มาร์คัสหาได้สนใจที่พวกนั้นพูด เขาหันไปมองเด็กผมบรอนด์ที่ค่อยลุกขึ้นมายืน
“เจ้าก็มาด้วยเจ้าหนู” มาร์คัสดึงหางเปียของเด็กคนนั้นให้เดินตามเขาออกไปหน้าร้าน
หลังจากออกมาที่หน้าร้านแล้วทั้งสามยืนจ้องหน้ามาร์คัสที่ยืนทำตัวสบายๆ
“ท่าทางเจ้าคงไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วแน่นอน” คนตัวใหญ่หยิบอาวุธขึ้นมา อีกสองคนก็หยิบตาม
“ดาบทื่อๆแบบนั้นจะทำอะไรข้าได้ ต่อให้เจ้าโบรอนเนะมาเองข้ายังไม่กลัวเลย หึหึ” มาร์คัสหัวเราะออกมาเบาๆ
“กร็อดดด เจ้าบังอาจเรียกชื่อท่านผู้นำเฉยๆแบบนี้ ท่าทางอยากตายเสียแล้ว พวกเรารุมมันเลย”
สิ้นเสียงทั้งสามคนก็พุ่งเข้ามาใส่มาร์คัสพร้อมกัน
ทั้งสามคนร่ายเพลงดาบพื้นฐานธรรมดาออกมา แสดงว่าเป็นลูกน้องระดับต่ำของกลุ่ม
มาร์คัสยิ้มออกมาก่อนใช้ท่าร่างวิหกเล่นลมออกไป
เกิดสายลมวูบผ่านจะผมสีบรอนด์ของเด็กคนนั้นปลิวขึ้นมา
แต่ยังไม่ทันที่เด็กคนนั้นมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น ทั้งสามคนก็ลงไปนอนกองอยู่ที่พื้นหมดแล้ว
เขาเห็นเพียงแค่มาร์คัสขยับตัวเล็กน้อยเท่านั้น แต่ทำไมทั้งสามคนถึงล้มลงไปไม่เป็นท่าขนาดนี้
ทั้งสามคนหมดสภาพที่จะต่อสู้ได้อีกต่อไป มาร์คัสมองด้วยสายตาเฉยเมย
เขาหันมาที่เด็กหนุ่มผมบรอนด์พร้อมกับใช้นิ้วดีดที่หน้าผากไปหนึ่งที
“คราวหลังถ้ารู้ว่าตัวเองไม่มีฝีมือก็อย่ายุ่งเรื่องของชาวบ้าน จำไว้นะเจ้าหนู”
มาร์คัสหันหลังเดินกลับเข้าไปในร้าน
“ข้าไม่ใช่เจ้าหนูนะ ข้าชื่อ นาซีซัส” เด็กคนนั้นตะโกนไล่หลังมาร์คัส
ที่แท้เด็กคนนี้ก็ชื่อนาซีซัสนี่เอง ช่างเป็นเด็กที่ใจกล้าจริงๆ
มาร์คัสนึกชอบนิสัยของนาซีซัสขึ้นมาแล้วสิ
เขาเดินกลับเข้ามาบริกรรีบจัดที่ให้เขาใหม่ทันที
หลังจากที่เขานั่งที่โต๊ะเขาสั่งอาหารชุดเดิมมาใหม่
“นี่นาย นายชื่ออะไร สอนวิชาให้เราบ้างสิ” นาซีซัสวิ่งเข้ามาหาเขาที่โต๊ะ
มาร์คัสทำเป็นไม่สนใจนาซีซัสที่เกาะโต๊ะเขาอยู่
เขาค่อยๆตักอาหารบนโต๊ะกินช้าๆ ปล่อยให้นาซีซัสยืนอ้อนวอนเขาอยู่
นาซีซัสไม่เลิกอ้อนวอนเขายังคงยืนเกาะโต๊ะมาร์คัสรอจนมาร์คัสกินเสร็จ
“อ่าว ข้านึกว่าเจ้าไปแล้วเสียอีก” มาร์คัสกล่าวอย่างสบายใจ
“ข้าไม่ยอมไปไหนทั้งนั้น จนกว่าท่านจะรับปากว่าจะสอนวิชาให้กับข้า” นาซีซัสยืนยันคำพูดเดิม
“เจ้าจะฝึกไหวหรอ ตัวก็เล็กแบบนี้ กลัวฝึกไปจะถอดใจมากกว่า เจ้าหนู” มาร์คัสยิ้มให้เขา
“ข้าไม่ใช่เจ้าหนูแล้วนะ ข้าชื่อนาซีซัส เจ้าไม่ได้ยินหรือไง” นาซีซัสตะโกนใส่มาร์คัส
มาร์คัสกลับไม่โกรธแถมยังยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดี
“ข้าจะสอนเจ้าก็ได้ ถ้าเจ้าตามกล้าตามข้าไปที่กลุ่มมารโลหิต ข้าก็จะลองพิจารณาดูอีกครั้ง”
มาร์คัสตั้งเงือนไขให้กับนาซีซัส เพราะเขาคิดว่านาซีซัสคงกลัวที่จะไปกลุ่มมารโลหิตแน่นอน
“ได้ข้าตกลง ท่านรับปากกับข้าแล้วนะ แล้วเราจะไปเมื่อไหร่กันดีล่ะ ไปตอนนี้เลยดีไหม”
นาซีซัสรีบดึงมือมาร์คัสให้ลุกขึ้น เพื่อออกเดินทาง
มาร์คัสยิ้มให้กับท่าทางของนาซีซัส ท่าทางเขาจะถูกใจนิสัยของนาซีซัสเสียแล้วสิ
“อืมมมมมม ที่นี่ที่ไหนกันนี่” คีดินยะฟื้นขึ้นมา
เขาพยายามคลำสิ่งรอบๆตัวเขาเพื่อจะได้รู้ว่าที่นี่เป็นที่ไหนกันแน่
ตอนนี้สายตาของเขายังมองไม่เห็นเหมือนเดิม มันเหมือนมีม่านสีเขียวเข้มมาบังตาเขาไว้
เขารู้เพียงว่าเขาตกลงมาในหลุมขนาดใหญ่ แต่ก็เป็นโอกาสที่ดีที่เขาจะได้เดินพลังรักษาตัว
คีดินยะวางทวนหยกขาวไว้ที่ตัก แล้วเริ่มเดินพลังรักษาตัว
เกิดผลึกน้ำแข็งขนาดใหญ่มาห่อหุ้มตัวของเขาไว้
หยดน้ำสีเขียวเข้มค่อยซึมออกมาจากก้อนน้ำแข็งที่หุ้มตัวเขาไว้
คงต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า3วันเขาถึงจะขับพิษนี้ออกไปจนหมด
เขาถึงต้องการที่หลบซ่อนตัว หลุมนี้ก็เหมาะกับการหลบซ่อนตัวเหมือนกัน
หลังจากที่เขาเดินพลังรักษาตัวได้เพียงสองวัน เขาก็รู้สึกว่าร่างเขากำลังลอยขึ้นจากหลุมช้า
ต้องมีคนดึงร่างเขาขึ้นจากหลุมแน่นอน แต่ถ้าเขาออกจากการเดินพลังตอนนี้เขาต้องสูญเสียพลังเนกิสจนเกือบหมดแน่ๆ
เขาจึงไม่กล้าที่จะคลายพลังออก เขาได้แต่หวังว่าคนที่ดึงเขาขึ้นคงจะเป็นคนดีเท่านั้นเอง
มาร์คัสยอมพานาซีซัสมาที่กลุ่มมารโลหิตด้วย เพราะทนแรงตื้อของเขาไม่ไหว
กลุ่มมารโลหิตตั้งอยู่ที่กรุงปารีสเก่า ซึ่งตอนนี้เป็นซากปรักหักพังไปหมดแล้ว
มาร์คัสเดินเข้ามาที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของกลุ่มมารโลหิตอย่างสง่าผ่าเผย
ต่างจากนาซีซัสที่เดินเกาะหลังเขามาอย่างติดๆ
“ถ้าเจ้ากลัวก็กลับไป ถือว่าที่เราตกลงกันนั้นยกเลิกก็ได้” มาร์คัสหันไปถามลองใจ
“ไม่ข้าจะไปกับเจ้า ไม่ว่าเจ้าไปที่ไหนข้าจะตามไปด้วย จนกว่าเจ้าจะสอนวิชาให้กับข้า”
นาซีซัสพูดไปส่งสายตามองรอบๆตัวไป เขาเพิ่งเคยมาที่แบบนี้เป็นครั้งแรก
เพราะนาซีซัสไม่เคยออกจากไชน่าทาวน์มาก่อนเลยในชีวิต
นาซีซัสเป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาตลอด เขาจึงไม่เคยที่จะได้เดินทางออกไปที่ไหนเลย
ถึงเขาจะขาดการคนคอยดูแลแต่เขาก็ยังคงเป็นคนรักความยุติธรรม
ไม่ชอบเห็นคนที่อ่อนแอโดนรังแก เขาเลยคิดว่าถ้าเขาฝึกวิชากับชายคนนี้เขาจะช่วยคนได้อีกมากมาย
เพราะฉะนั้นเขาจะไม่ยอมล้มเลิกเพียงเพราะสถานที่ที่น่ากลัวแค่นี้แน่นอน
มาร์คัสเดินมาหยุดที่หน้าสำนักงานใหญ่ของกลุ่มมารโลหิต
“โบรอนเนะเจ้าออกมาเจอกับข้าหน่อยสิ”
มาร์คัสเปล่งเสียงออกมาธรรมดาแต่กลับก้องออกไปทั่วบริเวณนั้น
ตุบตับ ตุบตับ
ชายชุดสีแดงสวมเกราะรูปหมาป่าที่ไหล่วิ่งกรูออกมาจากทุกทิศทางเข้ามาล้อมมาร์คัสและนาซีซัสไว้
นาซีซัสรีบซุกตัวเข้าไปที่หลังมาร์คัสทันที เขาดึงชายเสื้อของมาร์คัสไว้
“เจ้าบังอาจมากที่มาเรียกท่านผู้นำเราแบบนี้” ชายร่างผอมใส่ชุดแดงเหมือนคนอื่นแต่ว่าสวมเกราะไหล่ทั้งสองข้าง
การที่เขาแต่งตัวต่างคนอื่นเช่นนี้แสดงว่ามีตำแหน่งที่สูงกว่าคนอื่นๆที่ล้อม
มาร์คัสจึงสนใจไปที่คนๆนั้น
“เจ้าเป็นใครถึงได้มาออกหน้าแทนโบรอนเนะ”
“ข้าเป็นหัวหน้าสาขาผู้ดูแลที่นี่ ชื่อบอน แต่ว่าเจ้าเป็นใคร” บอนแนะนำตัวพร้อมกับถามชื่อคืน
“อ๋อ ที่แท้ดาบอสูรฟ้าบอนนี่เอง ถึงว่ากล้าหาญยิ่งนัก” มาร์คัสอดชื่นชมคนที่อยู่ตรงหน้าไม่ได้
“ตกลงเจ้าจะไม่บอกชื่อข้าใช่หรือไม่” บอนเริ่มที่จะโมโหเขาชักดาบจ้าวอสูรอาวุธประจำตัวเขาออกมา
มาร์คัสยังคงทำตัวสบายๆ การที่เขาทำแบบนั้นยิ่งทำให้บอนโหโหมากยิ่งขึ้น
“กร็อดด สงสัยเจ้าคงต้องเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่เสียแล้ว พวกเจ้าไม่ต้องยุ่ง”
บอนต้องการแสดงฝีมือให้ลูกน้องเขาเห็นบ้าง
เขาพุ่งเข้าโจมตีมาร์คัสด้วยท่าไม้ตายท่าแรกของเขาทันที
เขาคิดจะจบชิวิตมาร์คัสให้เร็วที่สุด ท่าที่ถูกใช้ออกมาคือสังหารเทพ
ดาบบอนมีรังสีสีแดงเรื่อออกมา แสดงให้เห็นถึงพลังเนกิสที่ไม่ธรรมดา
ท่าสังหารเทพทำให้มองเห็นเหมือนมีดาบอสูรฟ้าเพิ่มขึ้นมาอีกสิบเล่ม
รังสีดาบทั้งสิบเล่มโจมจีเข้ามาทุกทิศทางรอบตัวมาร์คัสและนาซีซัส
มาร์คัสไม่ต้องการให้นาซีซัสโดนลูกหลงไปด้วย เขาจึงโยนนาซีซัสให้พ้นจากรัศมีดาบ
มาร์คัสดึงกระบี่อ่อนที่พันรอบเอวของเขาออกมา ถ้าเขาไม่ดึงออกมาก็ไม่มีใครรู้แน่นอนว่ามันเป็นกระบี่
เขาร่ายเพลงกระบี่จันทร์ส่องฟ้าท่าที่สามออกมา
เพียงเขาสะบัดกระบี่ ก็เกิดแสงสีม่วงลากเป็นเส้นมากพุ่งเข้าใส่รังสีกระบี่ทั้งสิบ
กิ้ง กิ้ง
รังสีกระบี่ทั้งสิบโดนแสงสีม่วงอ่อนพลักกระเด่นเข้าไปใส่พวกชุดแดงที่ยืนล้อมเขาอยู่
อ๊ากกก
เสียงร้องโหยหวนดังลั่นไปทั่วเมื่อรังสีกระบี่สัมผัสตัว บางคนหัวหลุดออกจากบ่าโดยที่ไม่รู้ตัว
บางคนตัวขาดแขนขาดขาขาด ล้มกันระเนระนาดกว่า20คน
อนุภาพของท่าสังหารเทพช่างน่ากลัวจริงๆ นี่ถ้าไม่ใช่มาร์คัสคงบาดเจ็บสาหัสไปแล้วแน่ๆ
“กระบี่เทวะดารา เจ้าคือราชันย์มาร์คัสหรือนี่” บอนรู้ทันทีที่เห็นพลังที่มาร์คัสใช้ออกมา
ตอนนี้บอนเริ่มหน้าถอดสีแล้ว เขาก้าวถอยหลังออกมาอย่างไม่รู้ตัว
เพราะเพียงแค่ชื่อของราชันย์เขาก็ไม่อาจเทียบเคียงได้แล้ว
เขาคิดว่าวันนี้เขาคงจบชีวิตเพียงเท่านี้แน่นอน เขาก้าวถอยหลังจนไปชนกับลูกน้องที่ยืนอยู่ข้างหลัง
มาร์คัสค่อยเดินก้าวเข้าไปอย่างข้าๆ
ตูมมม!!!
ดาบขนาดใหญ่พุ่งลงมาปักขวางหน้ามาร์คัสไว้ จนเกิดหลุมกว้างหลายเมตร
“เจ้าจะมามัวรังแกลูกน้องข้าทำไม มาร์คัส อย่างเจ้าต้องเจอกับข้า” เสียงอันเหี้ยมหานดังลงมาจากยอดตึก
“ดาบจ้าวหมาป่า ในที่สุดเจ้าก็ยอมออกมานะโบรอนเนะ”
มาร์คัสเงยหน้าขึ้นไปมองชาย ชายร่างสูงอยู่ชุดเกราะสีดำทั้งตัว ที่ยืนอยู่บนนั่น
TBC.