เสื้อกาวน์เก่าๆ.....กับ เราสองคน ตอนที่ 57 วันของเราสองคน(ชาร์ตแบตชีวิต)
12:03 16/6/2010ผ่านเทศกาลสอบกลาง ภาคของติ๊บไปเรียบร้อย ก็เข้าสู่ช่วงที่ร้อนที่สุด ของเมืองไทย แต่ก็ยังดีที่ผมทำงานในห้องแอร์ นอน ห้องแอร์ แต่เวลาพักกลางวันนี่ซิแทบไม่อยากจะออกไป ไหนเพราะอากาศร้อนมากบางวันที่นี่ 42 องศา กันเลยทีเดียว ตอนนี้ก็ใกล้สงกรานต์แล้วสินะ วางแผนเที่ยวอีกรอบดีกว่า ว่าแต่จะไปเที่ยวไหนดีหว่าคราวนี้…
หลังจากสอบเสร็จ วันนี้ทั้งผมและติ๊บต่างก็เป็นวันหยุดของเราทั้งสองคนเพราะนี่เข้าสู่ช่วง สงกรานต์แล้ว
วันนี้เราสองคนตื่นแต่เช้าไปทำบุญที่วัดใกล้ๆ มหาวิทยาลัย ก่อเจดีย์ทรายไปเรียบร้อย พร้อมกับสงน้ำพระตั้งแต่เช้าตรู่ ก่อน กลับมาที่ห้องและทำความสะอาดเก็บกวาดห้องเล็กๆน้อยๆ เจ้า ตัวเล็กบอกให้ผมช่วยเอาผักในตู้เย็นออกมาล้าง และ เป็นลูกมือในการช่วยทำอาหารมื้อกลางวันของเราสองคน ผม ก็คงช่วยอะไรไม่ได้มากไปกว่าก่อกวน ปล้นจูบ ปล้น หอม และแกล้งติ๊บที่กำลังกับข้าวอยู่อย่างสนุกสนาน จนตอนนี้เลอะเทอะมอมแมมกันไปทั้งสองคนยังกะในละครก็ไม่ปาน
กับข้าวเป็นผักชุบ แป้งทอด อืมอาหารเพื่อสุขภาพแต่ก็อร่อยดีนะต้องชม คนล้างผักนะนี่
หมูทอดกระเทียม หอมกรุ่นเนื้อนุ่ม คน ล้างกระเทียมนี่เก่งจริงๆนะนี่
แกงจืดวุ้นเส้นหมูสับ อันนี้ขอชมคนสับ หมูแล้วกัน สับหมูได้น่ากินจริงๆ ฮ่าๆ
หลังจากอาหารมือกลางวันแสนอร่อยฝีมือผม(ล้างผัก)ผ่านไปเรียบร้อย ผมก็นึกแผนการณ์วันหยุดยาวออกมาทันที เหลือเวลาหยุดพักผ่อนอีกตั้งหลายวัน ไปเที่ยวดีกว่า คิดได้ดังนั้นผมจัดการบอกติ๊บเก็บเสื้อผ้าลงกระเป๋าพร้อมสำหรับ การเดินทางในช่วงบ่ายของเรา
“พี่ไม้จะพาติ๊บไปไหนอีกคับนี่อะ” ติ๊บถามผมในขณะ ที่เก็บเสื้อผ้าเตรียมพร้อมสำหรับการท่องเที่ยวสงกรานต์สี่วันที่เหลือของ เรา
“ไม่รู้อ่ะ พี่ก็ยังไม่ได้แพลนรู้แต่ว่าอยากไปเที่ยว เราไม่ได้เที่ยวกันสองคนนานแล้วนะ”
“นานที่ไหนเที่ยวด้วยกันออกจะบ่อย”
“ก็ไม่ได้ไปกันสองคนไง” ผมค้านกลับไป
“โอเค งั้นเดี๋ยวขอติ๊บเก็บเสื้อผ้าข้าวของเครื่องใช้ให้เอง”
“งั้นเดี๋ยวพี่ไปเชคอาการมิสเตอร์แจ๊สของพี่ก่อนนะ เสร็จแล้วก็ตามลงไปแล้วกัน”
ซักพักติ๊บก็ลากกระเป๋าสำหรับการพักผ่อนสี่วันของเราลงมา และในมือยังถือตะกร้าน้ำผลไม้ กาแฟ และของกินรองท้องขณะขับรถมาด้วย อืมรอบคอบจริงๆ แฟนผม
บ่ายโมงเศษๆ มิสเตอร์แจ๊สของผมก็ออกจากที่จอดรถภายในหอพัก เข้ามหาวิทยาลัยไหว้สมเด็จให้คุ้มครองเราสองคนตลอดการเดินทาง ก่อนขับรถออกมาทางด้านหน้ามหาวิทยาลัยแวะปั้ม เชคลมยาง เติมน้ำมันเรียบร้อย มุ่งหน้าสู่เป้าหมายที่ผมคิดไว้ของผมต่อไป
ผมกุมมือติ๊บขณะขับ รถตลอดการเดินทางเหมือนทุกครั้งที่เคยปฏิบัติกันทุกที บ่ายนี้อากาศสดใสเหมาะสำหรับการเดินทางท่องเที่ยวซะจริงๆ กาแฟเย็นในแก้วที่เจ้าตัวเตรียมมาให้ผมทำให้ผมสดชื่นและไม่รู้สึกง่วงในขณะขับรถ เลย ขับรถไปก็หยอดมุกหวานมั่ง แป๊กมั่ง ยังกะคนจีบกันใหม่ โอยยย โลกนี้มีแต่เราสองคนจริงเว้ยย
ออกจากพิษณุโลก ผมพาติ๊บมาแวะที่อุทยานประวัติศาสตร์ สุโขทัย ผมกับติ๊บปั่นจักรยานดูรอบๆ อุทยาน กว้างเหมือนกันน่ะนี่ แต่ก็คุ้ม ที่เหนื่อย
อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย เมื่อผ่านเข้าเขตเมืองเก่าจะแลเห็นยอดพระเจดีย์แบบต่างๆ อันสง่างามและวิหารอันศักดิ์สิทธิ์ อาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ในยุคแรกๆของการเป็นประเทศไทยในปัจจุบันและ ได้รับการบันทึกจากองค์การยูเนสโก้ให้เป็นมรดกโลกเชียวนะ สิ่งก่อสร้างทั้งกำแพง พระ ปรางค์ และวัดวาอาราม ยังคงความยิ่งใหญ่ งดงาม และรุ่งเรื่องจากครั้งอดีตอยู่มากแม้เวลาจะผ่านไปหลายร้อยปีแล้วก็ตาม แม้ตอนนี้จะแดดร้อนแต่ต้นไม่ใหญ่ที่อยู่ตามอุทยานก็เป็น ร่มเงาให้เราสองคนได้พักเป็นระยะๆ และนานๆทีผมจะทำ หน้าที่เป็นคนซ้อนท้ายจักรยานซึ่งก็อดสงสารเจ้าตัวเล็กไม่ได้ แค่ผมนั่งซ้อนท้ายนิดเดียวปั่นนิดเดียวก็ลิ้นห้อยซะละ ผมเลยรับหน้าที่เป็นคนปั่นและติ๊บเป็นคนซ้อนซะมากกว่า และหยุดพักถ่ายรูปเป็นระยะๆตลอดการเที่ยวชมจนรอบ อุทยานของเราสองคน
วัดมหาธาตุ เป็นวัดใหญ่อยู่กลางเมือง สร้างสมัยพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ มีพระเจดีย์ต่างๆ รวมถึง 200 องค์ นับเป็นวัดสำคัญประจำกรุงสุโขทัย มีพระเจดีย์มหาธาตุ ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ศิลปะแบบสุโขทัยแท้ตั้งเป็นเจดีย์ประธาน ล้อมรอบด้วยเจดีย์ 8 องค์ บนฐานเดียวกัน คือ ปรางค์ศิลาแลงตั้งอยู่ที่ทิศทั้ง 4 และเจดีย์แบบศรี วิชัยผสมลังกาก่อด้วยอิฐอยู่ที่มุม ด้านตะวันออกบนเจดีย์ประธานมีวิหารขนาดใหญ่ก่อด้วยศิลาแลง มีแท่นซึ่งเคยเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปสำริดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย คือ พระศรีศากยมุนี ปัจจุบันได้รับการเคลื่อนย้ายไปอยู่ที่วัดสุทัศน์ฯ กรุงเทพฯ เป็นไงละแน่นมั้ยข้อมูลผม แฮะๆ เปิดหนังสือดูอะคับ
เนินปราสาทพระร่วง หรือเขตพระราชวัง เป็นซากอาคารก่อด้วยอิฐ ขุดแต่งบูรณะแล้ว มีฐานบัวโดยรอบทำด้วยปูนปั้น สันนิษฐานว่าเนินแห่งนี้คือที่ตั้งของพระที่นั่ง หรือปราสาท ที่ประทับของกษัตริย์ราชวงศ์พระร่วงที่ครองกรุงสุโขทัยในกาลก่อน แต่องค์ปราสาทหาชิ้นดีไม่ได้แล้ว เพราะคงจะสร้างด้วยเครื่องไม้ เดี๋ยวนี้มีแต่ซากกระเบื้องมุงหลังคากระจัดกระจายทั่วไป ณ เนินปราสาทแห่งนี้เองที่ได้ค้นพบศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหงและพระแท่นมนัง คศิลา
วัดตระพังเงิน (คำว่า "ตระพัง" หมายถึง สระน้ำ หรือหนองน้ำ) มีเจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ หรือดอกบัวตูมเป็นประธาน บริเวณเรือนธาตุจะมีชั้นประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้นประทับยืนทั้ง 4 ทิศ ด้านหน้าเป็นวิหาร 7 ห้อง ฐานและเสาก่อด้วยศิลาแลง ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัย บริเวณตรงกลางตระพังเป็นเกาะขนาดเล็ก เป็นที่ตั้งของพระอุโบสถ บริเวณตระพังจะมีดอกบัวขึ้นอยู่รอบสระสวยงามมาก
พระบรมราชานุสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหงมหาราช ลักษณะพระบรมรูป พ่อขุนรามคำแหงมหาราช เป็นพระบรมรูปหล่อด้วยโลหะทองเหลืองผสมทองแดงรมดำ ขนาด 2 เท่าขององค์จริง สูง 3 เมตร ประทับนั่งห้อยพระบาทบนพระแท่นมนังคศิลาบาตร พระหัตถ์ขวาถือคัมภีร์ พระหัตถ์ซ้ายอยู่ในท่าทรงสั่งสอนประชาชน พระแท่นด้านซ้ายมีพานวางพระขรรค์ไว้ข้างๆ ลักษณะ พระพักตร์เหมือนอย่างพระพุทธรูปสมัยสุโขทัยตอนต้น ถ่ายทอดความรู้สึกว่าพ่อขุนรามคำแหงมหาราชมีน้ำพระทัยเมตตากรุณา ยุติธรรมและเฉียบขาด ที่ด้านข้างมีภาพแผ่นจำหลักจารึกเหตุการณ์เกี่ยวกับ พระราชกรณียกิจของพระองค์ตามที่อ้างถึงในจารึกสุโขทัย
เอาคร่าวๆ พอให้เกิดกระแสอยากไปเที่ยวขอบคุณข้อมูลดีๆ จากหนังสือ
ท่องเที่ยวสุโขทัยนะคับ ผมกับติ๊บแวะถ่ายรูปกันเยอะ มากแต่มาถึงตรงนี้ผมก็ขอเต๊ะท่าถ่ายรูปกับศิลาจารึกมั่ง ก่อน ถูกแซวกลับมาว่าโฟกัสไม่ถูก เพราะเจ้าตัวเล็กกำลังสับสนว่าอันไหนผม อันไหนศิลาจารึก เฮ้ยย พี่ไม่ได้ตัวใหญ่ขนาดนั้นน่ะเฟ้ยยยย
หลังจากเที่ยวชมและ ถ่ายรูปจนหนำใจแล้ว ผมกับติ๊บก็เดินทางออกจากอุทยาน ประวัติศาสตร์สุโขทัยในช่วงบ่ายแก่ๆของวัน และขับรถ ผ่านจังหวัดแพร่ที่มีวัดวาอารามสวยงามแต่เราก็ไม่ได้พักที่ไหนเพราะไม่ค่อย รู้ที่ทางการท่องเที่ยวในจังหวัดนี้เท่าไหร่…
ลำปาง ที่นี่ติ๊บมีโอกาสได้นั่งรถม้าและยิ้มจนตาหยีอยู่บ่อยๆ เพราะสนุกและชื่นชมวิถี ชีวิตของคนลำปางก่อนจะแวะชิมข้าวแตนน้ำแตงโม ของดีขึ้นชื่อเมืองลำปางที่อร่อยสมคำร่ำลือและช่วงเย็นเราก็มาถึงจุดหมายปลายทาง เฮ้ออ สวัสดีเจ้าเจียงใหม่
ตกเย็นของค่ำวัน นั้นเราสองคนหาที่พักเป็นเก็ทเฮาส์เล็กๆได้ไม่ยาก เพราะ เชียงใหม่เป็นจังหวัดที่ผมมาบ่อยเอาการเหมือนกันนะ หลัง จากได้ที่พักแล้วเราก็ไปตระเวรชิมของอร่อยในเชียงใหม่ เฮือนสุนทรีย์ บ้านของแม่ศิลปินสาวที่ร้องเพลงจาวเหนือ ลานนา คัมมินส์ ที่กำลังโด่งดังอยู่ในเวลานี้
ไส้อั่ว อาหารเหนือแท้ๆรสชาติจัดจ้าน ร้อนๆและหอมเตะจมูกผมเอาเสียเหลือเกิน ลำแต๊ๆ
น้ำพริกหนุ่ม รสเผ็ดร้อนกำลังดี มาพร้อมกับแค๊บหมู ได้ลองซักทีจะ ติดใจเป็นแน่
แกงฮังเล หมูแสนจะนุ่ม รสชาติกลมกล่อม หอมยั่วน้ำลายเอาเสียมากๆ
ข้าวนึ่งร้อน ที่ยกมาในขันโตกเวลานี้ เรียกน้ำย่อยให้ผมกับติ๊บได้เป็นอย่างที่จริงก็อยากกิน เยอะกว่านี้นะ แต่นี่เรามากันแค่สองคนกินไม่หวาดไม่ ไหวแน่ๆ
หลังจากอาหารเย็นที่มันลำแต๊ๆผ่านไป เราสองคนก็มุ่งหน้าสู่ถนนคนเดินเลือกซื้อเลือกดูของต่างๆนา และ ให้เดาว่าติ๊บมาที่นี่จะซื้อหรือชื่นชอบอะไร
ผมพาติ๊บเดินตั้งแต่หัวยันท้ายถนน ยังไม่ มีทีท่าว่าเจ้าตัวจะหยุดที่ร้านไหนนอกจากดูแว๊บๆ แล้วก็เดินต่อ ก่อนจะมาหยุดที่ร้านท้ายๆถนน รองเท้า แม้ว ชอบขนาดไหนอ่ะเหรอ ก็ เล่นถอดรองเท้าที่ตัวเองใส่อยู่ออกใส่ถุงแล้วสวมรองเท้าคู่นั้นเดินเลยใน ทันที แลดูว่าตอนนี้ติ๊บจะเป็นเด็กอีกครั้งเมื่อได้ สวมใส่รองเท้าแม้วก็เดินยิ้มไม่หยุด ลั้นลากว่า เมื่อตะกี้ซะอีก
หลังจากได้รองเท้าแม้วคู่ถูกใจ เด็กน้อย ที่เรียกตัวเองว่าแกว ก็แปลงร่างกลายเป็นแม้วทันที อืมหน้าให้เหมือนกกันนะนี่ตัวขาวๆ ยิ้มจนตาหยีแบบนี้
“น้องมาจากดอยไหนนี่” ผมถามเล่นๆเมื่อเจ้าตัวใส่รองเท้านั้น เดินนำหน้าผมลิ่วๆ
“บ้าเหรอ มาแซวกันเองเดี๋ยวเหอะ” เจ้าตัวบอกก่อน ลากแขนผมไปหยุดที่ร้านขายเสื้อพิมพ์ลาย
“อ้าวก็หน้าตากลมกลืนกะแม้วซะพี่แยกไม่ออกเลยน้อง” ผมยังกวนเจ้าตัวเล็กไม่หยุด
“ไหนลองพูดขี้เป็ดซิ” ผมพูดได้แค่นั้นฝ่ามือเล็กๆก็ฟาดเข้าที่ แขนผมทันที
“จะเป็นลาว จะเป็นแม้ว แล้วมีแฟนน่ารักแบบติ๊บนี่จะเอามั้ย” เจ้าตัวถามมาแบบนี้ให้ผมตอบไง
“คร้าบบบ เอาคร้าบบบบ” ผมบอกก่อนทำหน้าจ๋อยและเปลี่ยนเป็นยิ้ม เมื่อเจ้าตัวเอาเสื้อพิมพ์ลายมาทาบที่ตัวผม ก่อนหัน ไปบอกกับเจ้าของร้านว่าเอาตัวนี้และต่อรองราคากันเล็กน้อยพอเป็นพิธี ก่อนรับถุงนั้นมาและมุ่งหน้าดูสินค้าอย่างอื่นต่อไป
ผมกับติ๊บกลับเข้า มาถึงที่พักของเราสองคนในตอนเกือบๆเที่ยงคืน พร้อมซื้อของเล็กๆ น้อยและที่ทำให้ผมหิ้วหนักเอาเสียมากๆ คือของกินที่เจ้าตัวเล็กบอกว่าไม่เคยกิน อยากจะลองกินดูนี่ซิ จะกินหมดหรือเปล่าก็ไม่รู้ มากันสองคน ซื้อยังกะเป็นทีม
“ซื้ออะไรเยอะแยะไปหมดนี่” ผมถามในขณะวางของลงบนโต๊ะในห้องพักของ เรา
“ก็อยากลองกินดูไม่เคยกิน ชิมแล้วอร่อยดี” ติ๊บตอบกลับมาพลางแกะขนมห่อนั้นห่อนี้ ออกชิม
“จริงๆเลยเรานี่เนาะ” ผม ขยี้หัวเล่นอย่างหมั่นไส้
“อ่ะให้ชิม” ติ๊บบอกก่อนยื่นมาป้อน
“อืม อร่อยดีเหมือนกันแฮะ” ผมบอกทั้งที่ขนมยังเต็มปาก
แล้ว คืนนั้นผมก็ต้องพุงกางรอบดึกเมื่อเจ้าตัวแกะห่อนั้นออกชิมนิดหน่อย แล้วก็บอกให้ผมกินให้หมด แกะห่อ นี้ออกชิมนิดนึงที่เหลือให้ผมจัดการ แบบนี้ทุกที
…> TBC
Writer: dr.mike
Verified: Hackz